ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

moddang

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    5,270
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    48

บันทึกในบล็อก ถูกโพสต์โดย moddang

  1. moddang
    ศุนย์ประสานการช่วยเหลือภัยผู้ประสบภัยภิบัติ
     
     
    รายละเอียดมีมากมาย เชิญคลิ๊กค่ะ
     
     
    http://www.thaiflood.com/
     
     
     

     
     

     
     

     
     

     
     
     

     
     

     
     
     
     
     
     
    สำนักนายกรัฐมนตรี 1111
    สายด่วน ปภ. (กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย) 1784
    บริการแพทย์ฉุกเฉิน และนำส่งโรงพยาบาล ฟรี 1669
    ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท 1146
    ตำรวจทางหลวง สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 1193
    การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690
    ท่าอากาศยานไทย 02-535-1111
     
    ขอความช่วยเหลือ-พื้นที่น้ำท่วมกับไทยพีบีเอส
    02-790-2111 หรือ sms มาที่ 4268822
     
    ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ
    0-2243-6956
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลพบุรี
    0-3641-4480-1 , 0-3641-1936
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก
    0-5523-0537-8 , 0-5523-0394
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    0-3533-5798 , 0-3533-5803
     
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.พระนครศรีอยุธยา
    035 – 241-612
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตาก
    0-5551-5975
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สิงห์บุรี
    0-3652-0041
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อ่างทอง
    0-3564-0022
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครสวรรค์
    0-5625-6015
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นนทบุรี
    0-2591-2471
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปทุมธานี
    0-2581-7119-21
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิจิตร
    0-5661-5932
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครนายก
    0-3738-6209 , 0-3738-6484
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุพรรณบุรี
    0-3553-6066-71
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สระบุรี
    0-3621-2238
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัย
    0-5561-2415
     
     
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอุทัยธานี
     
     
    0-5652-4461
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุตรดิตถ์
     
     
    0-5544-4132
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง
     
     
    0-5426-5072-4
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่
     
     
    0-5321-2626
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำพูน
     
     
    0-5356-2963
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี
     
     
    0-4531-2692 , 0-4531-3003
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เลย
     
     
    0-4286-1579 , 0-4296-1581
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชัยนาท
     
     
    0-5641-2083
     
    ผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม กทม ปริมณฑลและภาคกลาง ติดต่อ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 1
     
     
    02-281-5443
     
    ศูนย์อุทกวิทยาที่1จังหวัดเชียงใหม่
     
     
    053-248925, 053-262683
     
    ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ พร้อมช่วยเหลือประชาชน
     
     
    053-202609
     
    ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันสัตว์อันตราย สวนสัตว์เชียงใหม่ แจ้งจับ
     
     
    053-222-479 ( 24 ชั่วโมง )
     
    สนง.ชลประทานจังหวัดสมุทรสาคร
     
     
    034-881175, 034-839037 ต่อ 11
     
    เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช 199,
    075-348-118, 075-342-880 ถึง 3
     
    ศูนย์ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย ไทยพีบีเอส 02-791-1113, 02-791-1385 ถึง 7
     
    ศูนย์ประสานงาน ช่วยเหลือ จ.สุราษฏร์ธานี 082-814-9381, 081-397-7442
     
    ศูนย์อำนวยการป้องกัน สาธารณภัย จ. ชุมพร 077- 502-257, 077-503-230
     
    ศูนย์อำนวยการป้องกัน สาธารณภัย จ.พัทลุง 074-620-300, 074-611-652
     
    สำนักงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย จ. สุราษฎร์ธานี 077-275-550-1
     
    สำนักงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย จ. กระบี่ 075-612- 639, 075-612-649, 075-612-735
     
    ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ม.วลัยลักษณ์ 075-674-013 ต่อ 4013
     
    รพ. เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช 075-356-438, 075-356-014
     
    ศูนย์อำนวยการป้องกัน สาธารณภัย นครศรีธรรมราช 075-358-440 ถึง 4
     
    โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช 075-340-250
     
    หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
     
    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน 054-741061
     
    ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกองทัพไทยที่ ต.แงง อ.ปัว จ.น่าน 054-792433
     
     
     
     
     
     
    วิธีเตรียมน้ำดื่ม"ปลอดภัย" ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม
     
    วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:48:23 น.
     
     
    คอลัมน์ ส่องโรคไขสุขภาพ
     
     
    สิ่งที่ต้องเตรียม
     
    1.ขวด น้ำพลาสติคใส ที่ดื่มน้ำหมดแล้วพร้อมฝาที่ปิดได้แน่นสนิท ขนาดไม่เกินสองลิตร เมื่อวางนอนแล้วความหนาที่แสงอาทิตย์ผ่านไม่เกิน 10 ซม. ขวดยิ่งชลูดยิ่งดี รังสีดวงอาทิตย์จะได้ทะลุทะลวงได้มาก พลาสติคไม่เก่าหรือมีรอยขีดข่วนมากเกินไป เพราะรังสีจะผ่านได้ไม่ดี ภายในขวดสะอาด แกะพลาสติคภายนอกออกหมด
     
    2. แหล่งน้ำสะอาดที่สุดเท่าที่จะหาได้ วิธีนี้ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสารเคมีปนเปื้อนในภาวะปกติ ครัวเรือนที่ดื่มน้ำฝน ถ้าต้องการประหยัดพลังงานและทุกคนในบ้านแข็งแรงดี อาจจะใช้วิธีนี้แทนการต้มก็ได้
     
    3. ถ้าน้ำขุ่นควรมีผ้ากรองตะกอนดิน เช่น ผ้าขาวบาง หรือผ้าขาวม้าสะอาดหลายๆ ชั้น เมื่อกรองได้ที่บรรจุน้ำเต็มขวด เปิดฝาวางทับหนังสือพิมพ์รายวันหน้าแรก ควรจะสามารถมองลงไปก้นขวด อ่านพาดหัวข้อข่าวรองได้ (ตัวอักษรในแนวหลักขนาด 3.5 ซม.)
     
    4. บริเวณที่จะวางขวดตากแดดที่ร้อน โดยเฉพาะถ้ามีโลหะเช่นแผ่นสังกะสีลูกฟูก หรือ อะลูมิเนียมจะดีมาก
     
    วิธีการเตรียม
     
    1.กรองน้ำที่หาได้ กรอกลงขวดให้ได้ประมาณ 3 ใน 4 ขวด
     
    2.เขย่าแรงๆ อย่างน้ำ 20 ครั้ง ให้อากาศ (ออกซิเจน) ผสมกับน้ำให้ทั่ว
     
    3.เติมน้ำให้เต็มขวด ปิดฝาแน่นสนิท
     
    4.วางขวดในแนวนอน ตากแดดตามข้อ 4 ข้างบนทิ้งไว้ อย่าพยายามขยับขวดโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ออกซิเจนไม่แยกตัวจากน้ำ ตากแดดโดยใช้เวลา
     
    - 2 ชั่วโมงถ้าแดดจัด พื้นที่วางเป็นโลหะและน้ำค่อนข้างใส
     
    - 6 ชั่วโมงบนพื้นกระเบื้องหรือซีเมนต์
     
    - 2 วันถ้ามีเมฆมาก
     
    ถ้าฝนตกตลอดแดดไม่ออกเลย ให้รองน้ำฝนดื่มแทน
     
    น้ำ ในขวดดังกล่าวนำไปดื่มได้เลย หรือจะเก็บไว้ดื่มในภายหลังก็ได้ แสงแดด ความร้อน และออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากันฆ่าเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ 99.9% แต่อาจจะมีสาหร่ายเซลเดียวซึ่งทนรังสียูวีและความร้อนซึ่งอาจจะจับตัวเป็น ตะไคร่น้ำในขวดได้ถ้าเก็บขวดไว้นาน แต่น้ำที่มีสาหร่ายเหล่าไม่มีอันตรายต่อผู้ดื่มทั่วไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ
     
    หมายเหตุ
     
    1.เทคโนโลยี ง่ายๆ ที่วิจัยและพัฒนาโดยองค์การนานาชาติ www.sodis.ch นี้ ฆ่าเชื้อโรคโดยพลังแสงแดด ซึ่งมี รังสียูวี + รังสีความร้อน + อนุมูลออกซิเจนและโอโซน ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างออกซิเจนที่เราผสมน้ำระหว่างเขย่าขวด เหมือนน้ำบรรจุขวดขายซึ่งผ่านรังยูวี หรือ โอโซน ในระดับที่เข้มข้น
     
    2.ขวด น้ำใส PET หรือ Poly Ethylene Terephthalate (โพลีเอทธิลีนเทเรฟทาเลต) ที่ตากแดดในระดับนี้ ปลดปล่อยสารเคมีน้อยมาก ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ไม่เหมือนวัสดุประเภท PVC ทุกวันนี้เราก็ดื่มน้ำบรรจุขวด PET กันอยู่แล้ว
     
    เรียบ เรียงสำหรับชาวบ้านโดย ศ.นพ.ดร.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หัวหน้าหน่วยระบาดวิทยา และผู้อำนวยการสถาบันและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
     
    ------------------------------------------------
     
     
     
    มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
     

     
     
     
     
    อ่านเพิ่มเติม
     
     
    http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/804-%e0%b8%84%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%aa%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%8c%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1/page__pid__169072__st__15#entry169072
     
     
     
     
     
    http://dds.bangkok.go.th/Canal/PageStation.aspx
     
     

     
     
     
     
    ระบบตรวจวัดน้ำในคลองหลัก
     
    http://dds.bangkok.go.th/Canal/PageGraph.aspx
     

     
     
    ระบบตรวจวัดน้ำท่วมบนถนน
     
    http://dds.bangkok.go.th/Floodmon/
  2. moddang
    23/06/53
    เมื่อเช้าตื่นเช้ากว่าทุกวัน...
     
    เลยมีเวลาคิดอะไรเล่นๆ..... แต่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ..ก็มานั่งคิดจะทำไงดี ...กังวลว่าทองที่เราซื้อไป มันจะขึ้นไหม หลังจากตัดสินใจเสี่ยงซื้อที่ราคาสูง เพราะคิด เพราะดู เพราะอ่าน เพราะเดา หลายอย่าง และลองคิดแก้ปัญหาเพื่อคลายเครียด เกรงว่าจะติดดอย ด้วยการนำตารางหรือเกลี่ยพอร์ท ของอาจารย์ซีซ่ามาใช้ เพราะค่าเงินบาทแข็ง พอคิดออก คลายกังวลลง ก็เลยมานั่งคิดว่าทำไมไม่เขียนลงบล็อก เพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆล่ะ ก็จึงเกิดบล็อกขึ้นด้วยประการฉะนี้

    แต่ต้องออกตัวนะคะ ว่าไม่ใช่กูรู ไม่ใช่ผู้ชำนาญ ไม่ใช่ผู้รู้ ไม่ใช่นักเขียน เพียงแต่อยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆอ่านและลองนำไปทำดู จากการอ่านกระทู้ จบ.ป4 หัดเล่นทองมาเป็นเวลานาน แต่ก็ต้องบอกว่าอ่านไม่ละเอียดทั้งหมดนะคะ อ่านตรงจุดที่คิดว่าตัวเองเข้าใจแล้วจะนำไปใช้ได้ ส่วนการที่จะตั้งราคาสูงต่ำ ก็เดาๆ และเข้าไปอ่านกระทู้อาจารย์เพื่อเป็นแนว มันจึงอาจมีการเข้าใจผิดบ้างถูกบ้าง ... ในระยะแรกๆ เมื่อสงสัยก็ได้เรียนปรึกษาอาจารย์ซีซ่า แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ปรึกษาแล้วเพราะคิดว่าพอทำได้แล้ว เข้าใจแล้ว และจะพยายามเดินให้ได้ด้วยตัวเอง เอาล่ะเกริ่นมาพอหอมปากหอมคอพอแล้ว เข้าเรื่องดีกว่า...

    ต้องบอกว่า หลังจากติดดอย และแก้ปัญหาด้วยตารางภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ซีซ่า ก็ได้กำไร (ลดต้นทุน) มาพอควร และได้ระมัดระวังในการซื้อขายมากขึ้น ทำให้ไม่ตัดสินใจซื้อด้วยอารมย์ แถมตัวเองก็พยายามเรียนรู้็การอ่านกราฟไปเรื่อยๆ เท่าที่มีโอกาส แปลกจริงๆ เราระมัดระวังมากว่าเดิมทั้งๆที่ไม่กลัวการติดดอย แต่เราก็อยากได้กำไรมากๆด้วย เพราะเรามีรายจ่ายต่อเดือนสูงมากว่าเงินเดือนตัวเองซะอีก แต่ที่ผ่านมาไม่รีบขายเมื่อราคาขึ้น เพราะอาจารย์บอกว่า ถ้าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ผมยังไม่ขาย รอให้กราฟกลับตัวค่อยขาย แล้วไปรอซื้อในที่ต่ำก็ทัน ทั้งที่ตอนนั้นเราก็สงสัยนะ มันเป็นไงนะ... กราฟกลับตัว ก็ได้แต่นำมาคิด ๆๆๆ ตอนนี้ก็พอเข้าใจล่ะ และก็ต้องมาดูต่อล่ะ เมื่อไหร่ จะขายเมื่อไหร่ ที่ผ่านมาไม่รีบขาย เพราะคิดว่าตราบใดที่ราคามันไต่ระดับไปเรื่อยๆ ถ้าเราขาย แล้วเราจะซื้อกลับอีกได้ไหมโดยไม่เพิ่มทุน เพราะเรามีทุนจำกัด ตอบว่าซื้อไม่ได้ ฉะนั้นก็ไม่ขาย มาขายตอนที่จุดเสี่ยง จากการติดตามการวิเคราะห์ของหลายๆท่าน แนะนำเอาไว้ แล้วกลับมาคิด พอใจใหมกับกำไรที่ได้ตอนนี้ ตอบว่าพอใจ และไม่เสียใจถ้าราคาจะขึ้นไปอีก เพราะเราตั้งวิธีเล่นไว้แล้ว ว่าจะขาย จะซื้อเมืื่อไร ก็ที่ผ่านมาก็ได้กำไรมาแบ่งเบาภาระพอควรในช่วงนี้นะ
     
    แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนล่ะ !38
     
    ตอนนี้ทองที่ยังไม่ได้ขายมีที่ราคา 18590 /บาท...อันนี้ไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อไม่นานซื้อ 19010/บาท กะจะเล่นสั้นๆดู เพราะคิดว่าสามารถเอาตัวรอดได้ แต่พอราคามาที่ประมาณ 19150/บาท ไม่ขาย เพราะคิดว่าน้อยไป ( อันนี้ผิดหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ) ตอนนี้เงินบาทกลับมาแข็งค่า ราคาหล่นไปอีก เอาไงดี .. มานั่งคิดว่า น่าจะขายซะ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไป ต่อมาหวังอีก ซื้ออีกที่ 18975/บาท แต่เมื่อคืนราคาไม่ขึ้นดังที่คิด ทั้งๆที่อ่านการวิเคราะห์แล้ว ว่าอาจจะ sideway หรือลง ก็คือเสี่ยงเข้าไป เช้ามาดูราคามันก็วิ่งขึ้นลงไม่มาก ทำไงดีเรา
     
     
    ก็มานั่งคิด ขีดๆ เขียนๆ แล้วก็ได้ หายกังวล โดยปรับราคาใหม่ดังนี้....
     
    ราคาเดิม....18590 + 19010 + 18975 = 56575 ทุนเดิม
     
    ราคาใหม่....18200 + 18900 + 19500 = 56600 ทุนตั้งใหม่ที่เลือกไว้
     
    ถามว่าทำไมตัวเลขไม่เท่าเดิม เพราะตัวเลขเป้นเศษ ปัดให้สะดวก และเป็นการเพิ่มกำไรไปต่อบาทอีก
     
    หรือจะเพิ่มทุนเข้าไปอีกก็ได้ เช่น 18250+18950+19550= 56750/บาท
     
    ส่วนวิธีการเล่น.. ถ้าเพื่อนๆได้อ่านกระทู้อาจารย์ซีซ่า ก็คงเข้าใจว่าจะทำไง และถ้าหากอาจารย์ได้เข้ามาอ่าน และเห็นว่าควรจะปรับปรุงตรงไหนบ้าง ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง และที่ได้เขียนมาทั้งหมดทั้งปวงก็พื่อแบ่งปันประสบการณ์เท่านั้น มิได้มีเจตนาใดๆ และไม่ได้เป็นหน้าม้าของอาจารย์ท่านไหน ค่ะ.
     
    ทั้งหมดที่เขียนมา ถ้าเพื่อนๆเข้าใจ ก็ขอยกความดีให้อาจารย์ซีซ่า ผู้ถ่ายทอดวิชา บัวหิมะ ว่าเข้านั่นอิอิ...และอีกท่านคือ คุณ กัมพล (kumponys (a) thaigold.info ที่ทำเว็บนี้ให้พวกเราได้มีของเล่นที่ hi tech นะ และทำให้เราได้ตังด้วยแหละ รวมทั้งได้รู้จักกับเพื่อนๆอีกหลายคนทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อน แต่ก็คุยกันได้ เหมือนเด็ก chat กันทีเดียว ตอนนี้กลายเป็นติดเว็บแล้วค่ะเฮีย ทำไงดี ไปไหนต้องแบกเอาด้วยนะ (โทรศัพท์น่ะ) ขอบอก...

    ถ้าไม่เข้าใจหรือเห็นว่าไม่เข้าท่า ก็ขอรับผิดแต่ผู้เดียวค่ะ .....Moddang
     
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     
    26 มิถุนายน 53
     
     
    กลับไปทบทวนคิดใหม่.... ว่าสิ่งที่คิด ถูกต้อง หรือดีไหม หรือจะกลับไปใช้ตารางเดิม โดยไม่ปรับ.....
     
    ของเดิม ขายไป ที่ราคา
     
    19010-10 ต้องรอซื้อกลับที่ต่ำกว่า ได้ซัก 18500 น่าจะดี ก็จะมีเงินเหลือ 510/ บาท...แล้วราคามันจะมาไหม...ทองยังไม่ลง รอเมื่อไหร่ล่ะ..ซื้อเพิ่มหรือ
     
    18975-10 ต้องรอซื้อกลับ ต่ำกว่า ได้ซัก 18400 หรือต่ำกว่า ก็จะมีเงินเหลือ 575/ บาท...แล้วราคามันจะมาไหม...ทองยังไม่ลง รอเมื่อไหร่.........
     
    ที่ซื้อไว้แต่ยังไม่ขาย
     
    18590-10 อันนี้รอไปเรื่อยๆๆด้วยความงก
     
    การซื้อเพิ่ม ไม่เอา ไม่มีตัง ขอเวลานอกเบรคซักพัก ค่ะ แล้วจะมาต่อไป
  3. moddang
    พืชผักใกล้ครัวที่เป็นยา

     
    กระถิน
     
    สรรพคุณ ยอดและฝักใช้กินเป็นผักชนิดหนึ่ง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงหัวใจ // เมล็ดแก่ แก้ขับลม ขับระดูในสตรี บำรุงไตและตับ แก้อาการนอนไม่หลับ เป็นยาอายุวัฒนะ ฯ
     
    กะเพรา
     
    สรรพคุณ ดอก ใบ กิ่ง ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงธาตุ แก้ปวดท้อง ท้องขึ้น เฟ้อ เรอ เหม็นเปรี้ยว แก้ลมตาล ลมทรางในเด็ก แก้ลมตีป่วนในท้อง ช่วยขับลม ใช้ผายลมและเรอออกมา แก้ลมจุกเสียด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช้ปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นยาเขียว ยาลม ยาธาตุ และยาแก้กษัย // ราก ใช้ฝนใส่ฝาหม้อดินผสมกับสุราขาว หยอดใส่ปากเด็กโตอายุ 3-5 ขวบขึ้นไป ช่วยให้ลมในกระเพาะลำไส้ เด็กเล็กกว่านี้ใช้เป็นยาแก้ถ่ายขี้เทา ช่วยให้ผายลมในกรร๊เด็ดท้องอืด ท้องเฟ้อ มักจะเรอน้ำนม ฯ
     
     
    กระเทียม
     
    สรรพคุณ กระเทียม มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามสภาพท้องถิ่น มักลิ่นเผ็ดร้อน ทางเหนือเรียก หอมเทียม ภาคอีสานเรียก หอมขาว ปักษ์ใต้เรียก หัวเทียม ใช้หัวสดตำทาแก้โรคผิวหนัง เช่น เกลื้อน กลาก เรื้อนกวาง ตลอดจนผดผื่นคันตามตัวทั่วไป ปรุงผสม สมุนไพรอื่น แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงลำไส้ แก้ขับลมปัสสาวะ แก้กษัยบำรุงไต แก้ขับระดูในสตรีพิการ มีกลิ่นคาว เหม็นเน่า แก้อาการโรคประสาทอ่อนๆ อาการนอนไม่หลับ อาหารเหม่อลอย สะดุ้งผวาตกใจง่าย แก้ขับเนื้อร้ายภายใน สมานแผลในกระเพาะและแผลในลำไส้ แก้โรคหืด อัมพาต ลมตีขึ้นทำให้หน้ามืดตาลาย ลมตีลงทำให้ปั่นป่วนในท้อง และลำไส้ เกิดอาการคลื่นเหียน อาเจียน อาการปวดตามบั้นเอว สันหลังและชายดครงทั้งสองข้าง ใช้ทุบโขลกสระผม แก้โรคผิวหนัง ขจัดรังแคบนศรีษะ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นยาอายุวัฒนะ
     
    กระชาย
     
    สรรพคุณ ตำรับยาใช้หัวปรุง แก้อาการปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแตกแห้ง ร้อนในกระหายน้ำ แก้ใจคอหวาดหวิวผวา แก้ปวดท้อง ลงท้อง จุกเสียด แก้บิด มูกเลือด บำรุงกำลัง บำรุงน้ำดี ฯ
     
    กระเจี๊ยบ
     
    สรรพคุณ ใบ ใช้เป็นยากัดเสมหะ แก้ไอคันคอ ขับไขมัน และเมือกในลำไส้ให้ออกทางทวารหนัก // เมล็ด ใช้ปรุงยาแก้ดีพิการ บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ บำรุงไต ฝักหรือผล กำลังดิบๆ ไม่แก่เกินไป ต้มกินบำรุงธาตุ บำรุงไต ขับปัสสาวะ ทำให้คอชุ่มเย็นๆ
     
    กล้วยน้ำหว้า
     
    สรรพคุณ กล้วยชนิดอื่นๆ ที่กินไม่ได้ มักจะปลูกไว้ทำยากล้วยน้ำหว้า ใช้กินผลสุกวันละ 2-3 ลูก ช่วยให้บำรุงกำลังเจริญอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย แก้ท้องผูก แก้โรคกระเพาะ ลำไส้เป็นแผล และเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ ทำให้กระเพาะและลำไส้ไม่ค้างกากอาหารเก่าๆ
     
    ขมิ้น
     
    สรรพคุณ ใช้ขับระดูสำหรับสตรี ที่มีกลิ่นเหม็น และเลือดจับกันเป็นก้อนดำ จะช่วยละลายให้แตกเป็นลิ่มๆ ออกมา แก้บิดเป็นมูกเลือด แก้น้ำดีพิการ ขับลมให้ผายออกมาทางทวารหนัก หรือให้เรอออกมาทางปาก แก้น้ำดีพิการ ขับลมให้ผายออกมาทางทวารหนัก หรือให้เรอออกมาทางปาก ฝนหยอดตา แก้อาหารตาแดง ตาเปียกแฉะมีขี้ตาเป็นประจำในฤดูแล้ง ยังแก้ธาตุพิการ ท้องร่วง ใช้ดมแก้หวัด ขับเสมหะในลำคอ ผสมสมุนไพรอย่างอื่นๆ เป็นยาคุมธาตุยังแก้ฟกช้ำ ดำเขียวตามร่างกาย ด้วยการเอาหัวสดๆ มาตำพอกบรรเทาอาการอักเสบและเคล็ดยอกได้ด้วยๆ
     
    ข่า
     
    สรรพคุณ แก้ท้องเสีย ไล่ลมในท้อง หรือมีอาการปวดมวนหรือแน่น จุกที่หน้าอก ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ เวลากินอาหารมากๆ จะไม่ท้องเสียหรือปวดท้อง ช่วยขับลมในลำไส้และลมในกระเพาะ ใบใช้ตำพอกหรือทาโรคผิวหนัง หิด กลาก เกลื้อน ถ้าหญิงคลอดลูกใหม่ๆ เลือดขัดใช้หัวข่าสดมาบด ผสมน้ำมะขามเปียกและเกลือแกง บับคั้นเอาแต่น้ำๆ ประมาณชามแกงย่อมๆ ให้ดื่มเข้าไปจนหมด จะสามารถขับเลือดเสียออกมาจนหมด และยังช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วยิ่งขึ้น ฯ
     
    ขี้เหล็ก
     
    สรรพคุณ แก่น แก้ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย บำรุงธาตุไฟ แก้หนองในและการมโรคในบุรุษ ราก แก้ไข้หัวลม เมื่ออากาศเปลี่ยนฤดูกาล แก้ปวดเมื่อย เหน็บชา แก้กษัย บำรุงไต ดอก แก้โรคประสาท อาการนอนไม่หลับ แก้หอบ หืด บดผสมน้ำฟอกผมบนศรีษะขจัดรังแค เปลือก แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงลำไส้ แก้โรคเบาหวาน สมานแผลให้หายเร็ว ใบแก่ แก้ ถอนพิษ ถ่ายพิษ แก้กามโรค ตำพอกที่แข้งขา มือเท้าที่มีอาการบวมเนื่องจากเหน็บชา ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ และพิษจากแมลง สัตว์ กัดต่อย กิ่งใบ ทำเป็นยาระบาย ถ่ายพิษ ขับเสลดในคอ แก้ไข้จับสั่น (มาเลเรีย) จนม้ามย้อย แก้โรคเหน็บชา แก้ร้อนในกระหายน้ำ ดีนัก ฯ
     
    แคขาว แคแดง
     
    สรรพคุณ เปลือกแค แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับเสมหะในลำคอ บำรุงกระเพาะและลำไส้ นอกจากนี้ แค ทั้งเปลือกที่นำมาต้ม ยอด ดอกและฝักที่เรานำมากินเป็นผักประจำวันนั้น แก้ท้องเดินท้องร่วง สมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บิดมูกเลือด แก้ไข้หัวลม (คือก่อนเข้าฤดูหนาว) แก้ริดสีดวงจมูก ใบใช้ตำพอกแผลสด เพื่อสมานเนื้อให้หายเร็ว เปลือกนอดของต้นแค ใช้ฝนเอามาทาแผลเปื่อย แผลสดได้ผลดี ฯ
     
    เหง้าขิงแห้ง
     
    สรรพคุณ เป็นยาจำพวกยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุไฟ ขับลมในลำไส้ ให้ผายลมออกมา แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยย่อยอาหาร แก้ลมพรรดึก แก้อาการปวดท้อง คลื่นเหียนอาเจียน แก้บิดมีตัว บิดมูกเลือด แก้อุจจาระเป็นฟองเหลือง ขาวและมีกลิ่นเหม็นคาวจัด แก้และบำรุงหลอดคอให้ชุ่มเย็น ขับละลายก้อนนิ่วฯ ตำรับยาแผนโบราณ แก้ลมพานไส้ แน่นหน้าอก แก้นอนไม่หลับ แก้โรคปากเปื่อย คอเปื่อย ฯ
     
    ตะไคร้
     
    สรรพคุณ นิยมใช้หัวนำมาคั่วไฟ แก้ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่วในระยะแรกๆ แก้ปัสสาวะหยด และยังใช้ใบมาย่างไฟให้เหลือง แก้อาการปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ ลมมากในลำไส้ บรรเทาอาการร้อนใน ริมฝีปากแห้ง
     
    ตะไคร้หอม บางท้องถิ่นเรียก ตะไคร้แดง เพราะลำต้นสีแดง
    สรรพคุณ ตะไคร้หอม แก้ริดสีดวงที่เป็นแผลในปาก ริมฝีปากแตก ร้อนในกระหายน้ำ สตรีมีครรภ์กินมากไม่ได้ แก้ขับเลือดเสีย แก้ขับลมในลำไส้ ใช้ทาตามแขน ขา มือ เท้า ป้องกันยุงและแมลงไม่ให้มารบกวนได้ดี ฯ
     
    ตำลึง
     
    สรรพคุณ ใบ ใช้ตำหรือบดผสมแป้งดินสอพอง พอกแผลฝี ช่วยบีบรีดหนองให้แตกออกมา เพื่อให้แผลฝีหายเร็ว ใช้ใบปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นยาเขียว ยาเย็น แก้ขับอาการร้อนในและพิษไข้ให้ตัวเย็นลง ตำใบทาตามผิวหนังแก้ผด ผื่นคัน และใช้ถอนพิษตามผิวหนังที่ถูกขนหมามุ่ย ให้หายคันคะเยอได้ ขับพิษร้อนพิษแสบ ปวด และคันตามตัวให้หาย เถา ใช้ตัดมาคลึงให้นิ่ม บีบเอาน้ำภายในออกมา หยอดตา แก้ตาฟ่าง ฟาง ตาแดง ตาแฉะ มีขี้ตามาก ราก แก้ตาเป็นฟ่า ตาติดเชื้อ ดับพิษปวดแสบ ปวดร้อนในตา บำรุงธาตุ เจริญอาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงน้ำดี ทำให้ระบบขับถ่ายสะดวก รักษาโรคลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้ตาแจ่มใส ผลสุก จะมีสีแดง ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย ฯ
     
    ชะอม
     
    สรรพคุณ รากใช้ฝนกับน้ำหรือเหล้าขาว แก้ขับลมใน ลำไส้และลมในกระเพาะอาหาร ให้ผายลมออกมา แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว แก้ปวดมวน ปวดแสบปวดร้อน ยอดกินแทนผักมากๆ ช่วยระบบขับถ่ายได้ดี นำมาเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร ฯ
     
    มะกรูด มัน
     
    สรรพคุณ ใบ แก้ขับเสมหะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้พิษ ฝีภายใน แก้เลือดออกตามไรฟัน ที่เรียกว่า ลักเปิดลักปิด ผล ใช้แก้ขับลมในลำไส้กระเพาะอาหาร แก้ขับระดูเสีย และบำรุงเลือดในสตรี แก้ลมจุกเสียดภายในท้อง ตามซี่โครงทั้งสองข้าง ราก ใช้ ถอนพิษสำแดงสุมรากและลูกให้เกรียม ทำผงละลายน้ำผึ้ง ใช้ป้ายลิ้นเด็กทารกแรกคลอด แก้ลิ้นเป็นฝ้าขาว ช่วยขับขี้เทา ขับลมให้ผายลมในทารก ฯ
     
    มะนาว
     
    สรรพคุณ ใบ ใช้แก้ให้กัดและฟอกเลือดในสตรีที่มีระดูเสีย ใช้ใบต้มกินให้ ขับเลือด ขับลม เมล็ดใน คั่วให้เหลืองเกรียมใช้ผสมสุราขาว เป็นยาขับเสลดในลำคอ ในลำไส้ แก้โรคตาลทรางในเด็กทารก ราก ใช้ถอนพิษไข้ทับระดู ไข้กลับ ๆ ซ้ำ ๆ ไม่รู้จักหายฝนผสมกับสุราทาแก้ฝี แก้ปวดหัวฝี เร่งให้บีบให้แตกเร็วขึ้น น้ำใช้ผสมน้ำผึ้งแท้ กวาด คอเด็กที่เป็นตาลทราง ตาลขโมย หรือลิ้นมีฝ้าขาวหนาจัด ช่วยขับลมในท้องเด็กทารก มะนาว ใช้กระทุ้งพิวถอนไข้ผิดสำแดง แก้เลือดออกตามไรฟัน และแก้นอนสะดุ้ง หนังตาแข็ง นอนไม่ค่อยหลับ แก้ประสาท มีสติหลงๆ ลืม ๆ หน้ามืดตามัวความจำเสื่อม ฯ
     
    มะเขือพวง
     
    สรรพคุณ ทำให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ฯ
     
    มะเขือเทศ
     
    สรรพคุณ ให้มีวิตามินซี แก้เลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) หากกินสม่ำเสมอจะทำให้ไม่เป็นมะเร็งในลำไส้ แก้โรคนอนไม่ค่อยหลับ หรือมักนอนผวก สะดุ้ง หรืออาการตกใจง่าย ฯ
     
    มะละกอ
     
    สรรพคุณ ราก รสฉุนเอียน ใช้แก้โรคหนองใน ขับเลือด หนองในกระเพาะปัสสาวะ บำรุงไต ก้านใบ มีสรรพคุณเช่นเดียวกันกับทั้งฆ่าพยาธิในลำไส้และในกระเพาะอาหาร แก้โรคมุตกิด ระดูขาว เหง้า ตรงที่ฝังดิน มีรากงอกโดยรอบ ใช้ทำยาขับและละลายเม็ดนิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะได้ผลดี
     
    มะระ
     
    สรรพคุณ มะระ ชาวจีนเรียก "โกควยเกี๋ยะ" บางท้องถิ่นเรียกผักไห่ ภาคเหนือเรียก หม่านอยยอกและใบอ่อน แก้โรคปวดตามข้อตามกระดูก ที่เรียกว่า รูมาติซั่ม และเก๊า ซึ่งทำให้คนไทยเราส่วนมากเป็นโรคปวดตามข้อมือ ข้อเท้า ตามหัวเข่า จะมีอาการปวดบวม และยังแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ธาตุพิการ บำรุงไต เมล็ดถอน แก้ฆ่าพยาธิในลำไส้และกระเพาะ เป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้ตัวชุ่มเย็น แก้ไข้ ละบายพิษต่างๆ ให้ระบายออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แก้ปวดเมื่อย ขับฤดูเสียในสตรี บำรุงน้ำดี บำรุงตับและม้ามให้ปกติ ยอดมะระ ใช้แก้อาการเจ็บคอ ดับพิษร้อนแก้ไข้เปลี่ยนฤดู และแก้ข้อบวม เข่าบวม ข้อนิ้วปวด ช่วยให้มีระดูปกติ บำรุงมดลูกให้ปกติ บำรุงเลือดให้ปกติ หากเอาใบแก่และเถามาต้มน้ำดื่มกินแทนน้ำหรือน้ำชาได้จะช่วยขับพยาธิในลำไส้ และในกระเพาะ แก้กระหายน้ำ ทำให้อกและหัวใจชุ่มเย็น ช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยระบบขับถ่ายให้สะดวกสบาย ในปัจจุบันนี้ วงการแพทย์ไทยได้วิจัยค้นพบว่า สามารถใช้แก้โรดเอดส์เบื้องต้นได้ เมื่อทดอลงกับผู้ป่วยทำให้เม็ดผื่นคัน และแผลในร่างกายไม่ลุกลามต่อไป หัวผดผื่นคันยุบลง และทำให้กินได้ นอนหลับ ผิวพรรณและมีกำลังดีขึ้น ฯ
     
    มะรุม
     
    สรรพคุณ เปลือกลำต้น ใช้ถากมาต้นน้ำกิน เป็นยาช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้ผายลมและเรอ บำรุงธาตุ ราก รสเผ็ด หวานขม ใช้แก้อาการบวมน้ำ บำรุงธาตุไฟ เจริญอาหาร ยอดและฝักอ่อน ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ไข้หัวลม (เปลี่ยนฤดู จากฝนเข้าสู่หนาว...) ช่วยย่อยอาหาร ฯ
     
    มะแว้ง
     
    สรรพคุณ ใบและราก ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ เมื่อปรุงกับสมุนไพรอื่นๆ บดเป็นผง ทำเป็นลูกกลอน แก้วัณโรคปอด วัณโรคในลำไส้ และวัณโรคในกระดุก เป็นยาแก้ไข้ แก้ไอเป็นเสมหะ ผลหรือลูกมะแว้ง ใช้บำบัดโรคเบาหวาน บำรุงน้ำดี น้ำตับอ่อน คนที่มีความดันสูงหรือเป็นโรคเบาหวาน หากกินผลมะแว้งเสมอๆ จะทำให้อาการโรคค่อยทุเลาบรรเทาลง เจริญอาหาร จะรู้สึกชุ่มคอและชุ่มปอด หญ้าอกเย็น และยังช่วยแก้ไข้สันนิบาต แก้คอมีเสลดเหนียว ทำให้ระคายคอและมีอาการไออยู่เสมอๆ แก้ขับและละลายเสลดในลำไส้ ช่วยให้ระบายออกทางทวารหนัก กินเป็นประจำ จะไม่ค่อยเป็นหวัด คัดจมุก และความดันโลหิต มะแว้งยังใช้ปรุงยาอื่นเป็นยาเขียว ยาแก้เบาหวาน และอื่นๆ อีกหลายขนาน ผลแก่ ใช้บดผสมสุราขาว ใช้กวาดคอเด็กทารก แก้เด็กร้องเด็กอ้อน เพราะลำคอมีพิษไข้ขึ้น ร้อนในกระหายน้ำ และมีเม็ดเล็กๆ รอบในลำคอ ฯ
     
    แมงลัก
     
    สรรพคุณ แก้ ขับลมในกระเพาะและลำไส้ บำรุงธาตุแก้โรคลำไส้พิการ แก้พิษตาลทรางในเด็กทารก ช่วยให้เจริญอาหาร เมล็ดใช้ผสมกับน้ำหวานหรือน้ำเชื่อม กินแล้วช่วยดับร้อนในกระหายน้ำ ทำให้ชุ่มคอ บำรุงหัวในให้ชุ่มฉ่ำ อารมณ์แจ่มใส ช่วยสมานแผล ช่วยให้แผลหายเร็ว และโรคกระเพาะลำไส้ ฯ
     
    สัปปะรด
     
    สรรพคุณ เหง้า แก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ช่วยละลายก้อนนิ่ว แก้หนองใน แก้ระดูขาวมีอาการคันในช่องคลอดของสตรี ผล ใช้ปลอกเปลือก เอาตาออกเสีย ใช้กินจิ้มเกลือ ช่วดกัดเสลดในลำคอและลำไส้ ช่วยให้ปัสสาวะสะดวก บำรุงกระเพาะปัสสาวะได้ดีมาก แกนในผล ถ้า คนฟันดี สมควรกัดเคี้ยวกินให้หมดเพราะมีประโยชน์เช่นเดียวกับเหม้าและเนื้อผลของมัน และยังเอาผลไปทำเหล้าไวน์สับปะรด ดื่มกินบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงไตแก้กษัย เป็นยาจำพวกอายุวัฒนะ เสริมอวัยวะเพศชายให้แข็งแรง ชายใดที่มีอวัยวะเพศตายด้านควรทำกินประจำ สำหรับสตรีก็เช่นกันควรกินเนื้อผลสับปะรดสัปดาห์ละครั้งจะช่วยเสริมมดลูกให้ แข็งแรงไม่เป็นตกเลือด ระดูขาวอีกต่างหาก ฯ
     
    บวบ
     
    สรรพคุณ บวบหอม ใช้แก้อาการท้องเดิน เจริญอาหาร บวบขม นำเอาผลแห้งไปปรุงยาสมุนไพร เมล็ดและผลใช้แก้ขับเสมหะ ขับเสลด แก้ไอคันคอ รากและใบ ใช้บนกับเส้นยาสูบ แก้ริดสีดวงจมูก บวบเหลี่ยม ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ฯ
     
    ใบบัวบก
     
    สรรพคุณ เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้เมื่อยล้า เมื่อยขบ แก้อ่อนเพลีย แก้ท้องเดิน ท้องเสีย แก้บิดเริ่มเป็น ขับปัสสาวะ แก้อาการอิดโรย คลายเครียดในยามเช้า สาย บ่าย เย็น ได้ดีมากๆ คนที่ทำงานหนัก ช้ำใน หรือดื่มเครื่องดองของเมาหนัก ให้ดื่มน้ำใบบัวบกนี้ จะมีอาการกระปรี้กระเปร่า หูตาสว่าง จิตใจเบิกบาน จะกระจายละลายเลือดภายในให้หายได้รวดเร็วดีนัก แล ฯ
     
    พริกไทย
     
    สรรพคุณ เม็ด มีรสเผ็ด ฉุน เม็ดแห้ง ที่มีเปลือกดำติดอยู่ เรียกว่า พริกไทยดำ ใช้พริกไทยดำ หรือพริกไทยร่อน จะต้องเอาอย่างนั้น หมอแผนโบราณคงมีเหตุผลของท่านแน่นอน แก้อาการจุกเสียดแน่นหน้าอก ปวดมวนในท้อง ท้องขึ้น เฟ้อ เรอ เหม็นเปรี้ยว บำรุงธาตู เมื่อปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น แห้วหมู ดีปลี โด่ไม่รู้ล้ม สะค้าน เถาคันแดง เป็นต้น ท่านว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ใบและราก แก้ลมตีขึ้น ทำให้มีอาการหน้ามืด ตามัว ปวดหัวตัวร้อน เครียดหนัก นัยน์ตาฟ่าฟาง แก้กษัย ไตพิการ บำรุงธาตุ ราก ถ้าปลูกตามต้นไม้ เช่น มะม่วงป่า ยิ่งดี ให้เก็บราก ตามโคนต้นและตามข้อเถา ใช้แก้ลมจุกเสียด แก้ลมในท้อง มีอาการท้องลั่นท้องร้องโครกคราก และมีอาการปั่นป่วน จนเบื่ออาหารและนอนไม่หลับ เครือเถา แก้อติสาร คือ อาการท้องร่วงอย่างแรงและท้องเดินหลายๆ ครั้ง แก้ลมในทรวงอก ใช้ปรุงยาได้ทั้ง ราก เถา เมล็ด ใบดอก ฯ
     
    ผักบุ้ง
     
    สรรพคุณ ผักบุ้งขาว หรือผักบุ้งจีน ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาถอนพิษ บำรุงธาตุ สรรพคุณของผักบุ้ง โดย เฉพาะผักบุ้งไฟแดง คนที่ชอบเป็นตาต้อ ตาแดง หรือคันนัยน์ตาบ่อยๆ ตลอดจนมีอาการตาฟ่าฟาง จำพวกคนสายตาสั้น จะทำให้สายตาที่แจ่มใส บำรุงสายตา ทำให้ไม่เป็นโรคกระเพาะ ฯ
     
    โหระพา
     
    สรรพคุณ ใช้ปรุงเป็นยาขับลมในกระเพาะและลำไส้ แก้ท้องอืด เฟ้อ เรอ เหม็นเปรี้ยว ช่วยขับลมทำให้เรอและผายลม คือ ทำให้เลือดลมเดินดี สำหรับเมล็ดแห้ง ใช้แก้บิดมีตัว และบิดมูกเลือด ล้างของเสียภายในลำไส้และในกระเพาะ ไม่ทำให้เป็นแผลในกระเพาะและตามลำไส้ สำหรับโหระพาทั้ง 5 คือ ราก ต้น ใบ ดอก เม็ด ใช้กินแก้บิด แก้ไขทรพิษตาลทรางในเด็กทารก แก้นอนไม่หลับ นอนสะดุ้งผวา ยอดโหระพา ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงธาตุ ฯ
     
    ทับทิม
     
    สรรพคุณ ดอกใช้ผสมยาอื่นๆ ปรุงธาตุ บำรุงธาตุ ปรุ่งเครื่องเทศ เช่นอบเชย และกานพลู ฯลฯ เป็นยาสมาน ไล่ลมในกระเพาะ ลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหาร ราก ใช้ต้มกินสมานลำไส้ ฆ่าพยาธิตัวตืด พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือน ตลอดจนพยาธิเส้นด้ายได้ดี เปลือกต้นและเปลือกผลทับทิม แก้ โรคบิดเป็นตัว และบิดมูกเลือด กินต้มแก้ขับถ่ายของเสียเรื้อรัง และขับพยาธิทุกชนิดในลำไส้ แก้ล้างไขมัน (คอเลสโตรอล) ในลำไส้ ขับลมทุกอย่างอันเกิดจากพิษไข้ ยอดทับทิมอ่อน ใช้ต้มกินน้ำ แก้บำรุงธาตุ แก้ร้อนในกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ แก้ท้องร่วงในเด็ก ใช้ยอดอ่อน 5-7 ยอด ต้มกับน้ำให้เดือด ยกลงให้เย็นแล้ว ให้เด็กเล็กดื่มกิน แก้อาการท้องเดิน ท้องร่วงเป็น้ำซาวข้าว สำหรับผู้ใหญ่ให้เอา ยอดอ่อน 7 ยอด ต้มน้ำกิน ประมาณ 1-2 แก้ว จะทำให้อาการท้องเดิน ท้องร่วง หรืออาเจียน ปวดมวนในท้องมีอาการบรรเทา เปลือกผลทับทิม ใช้เปลือกแห้งฝนผสมกับสุราหรือน้ำสะอาด ใช้ทาแผลให้ทั่ว ยาจะช่วยสมานและรัดแผลให้แห้งหายในเร็ววัน ทับทิมในเมืองไทยมี 2 ชนิด คือ (1) ทับทิมชนิดดอกขาว (2) ทับทิมชนิดดอกแดง มีสรรพคุณทางยาเสมอกัน ฯ
     
     
    (จากหนังสือ ตำรายาสมุนไพร ของ นฤมล มงคลชัยภักดิ์,
     
    http://www.raanaroii.com/articles/105-thai-vegetable.html
     
    Source: สาระน่ารู้....สุขภาพ
  4. moddang
    ขอเชิญชวนเพื่อนๆเข้าไปที่เว็บไซท์ดังกล่าว เพื่อถวายพระพรในหลวงของเราค่ะ
     
     
     
    http://www.9forking.com/2/index.php#
     
     
    ....ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ..
     
     

     
     

  5. moddang
    มดแดงเห็นข่าวนี้ตั้งแต่แรก แต่เอามาไม่ได้ตอนนั้น แต่ตอนนี้เพิ่งพบ เลยเอามาฝากเพื่อนๆ นักลงทุนค่ะ
     
    เทปบันทึกภาพรายการสนามเป้าเล่าข่าว วันที่24 มิ.ย.53
     
    สัมภาษณ์ คุณพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ
     
    เรื่อง "ระวังตุ๋นซื้อทองผ่านเนท"
     
     
    http://www.youtube.com/watch?v=Ght6uk-O5JU&feature=player_embedded#at=104
     
     
    http://www.youtube.com/watch?v=0L-nt0zOa-I&feature=player_embedded
  6. moddang
    '' นิทานจาก.... FORWARD MAIL "
     

     
    มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว
    เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน
    แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ
    เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
     
     
    วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน
    เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา
    เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
     
     
    เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย
    ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว
    พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว
    ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?
    เด็กบอกอย่างสุภาพ
     
     
    อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ
    เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี
    แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา
     
    เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว
    เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น
    ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?
    เด็กชายถาม
     
     
    เจ้าของร้านตอบว่า
    อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว
    เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี
    มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้
     
     
    สิ้นคำเจ้าของร้าน
    ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา
    ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว
    มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
     
     
    ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ
    เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา
    หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา
    มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย
    ท่าทางจะชอบเขามาก
     
     
    เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?
     
     
    ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ
    เจ้าของร้านตอบ
     
     
    เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ
    เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
     
     
    ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้
    เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
     
     
    เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า
    โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ
    ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย
     
     
    เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป
    ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า
     
    ทำไมครับ
    ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?
     
     
    ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ
    ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน
    และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว
    เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
    ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ
    ลองดูตัวอื่นดีไหม?
     
     
    เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า
    คุณอาดูอะไรนี่สิครับ
     
    ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
     
    เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า
    ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข
    แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
     
     
    คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน
    ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ
    วิ?งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
    อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?
     
     
    เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป
    ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
     
     
    เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า
    ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ
    แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ
    ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา
    ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้
    เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท
    คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?
     
     
    เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน
    ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ
    พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
     
    เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง
    ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้
    และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย
    พวกมันก ็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.
     
    ...........................................
     
    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า !031
     
    อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
     
    ที่มา : นิทานสีขาว
    เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
     
    Source: ข้อคิดคำคม / เกร็ดความรู้....
  7. moddang
    เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ทำการรวบรวมช่่องทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม..........
     
    จุดรับบริจาคสิ่งของทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล ดังนี้...........

     
    • สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เปิดรับบริจาคสิ่งของที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-629-4433
     
    • ทำเนียบรัฐบาล เปิดรับบริจาคสิ่งของ เสื้อผ้า อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ยารักษาโรค เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ที่ห้อง 204 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ หรือ ติดต่อสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-288-4000 ต่อ 4549, 4597 และ 4545
     
    • วุฒิสภา จัดโครงการ “วุฒิสภารวมใจ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม” รับบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม รวมถึงยารักษาโรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้ที่ ศูนย์รับบริจาค ห้องโถง อาคารรัฐสภา 2 ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพฯ สอบถามได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา 02-244-1777 ถึง 8 หรือสายด่วนวุฒิสภา 1102
     
    • กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดศูนย์รับบริจาคเงินและ สิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกองทัพไทย เพื่อเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ข้าวสาร อาหารแห้ง ยา และเครื่องดื่ม (เสื้อผ้ายังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย บริจาคได้ที่ อาคาร 6 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โทร.02-572-1500
     
    • สภากาชาดไทย สามารถไปบริจาคสิ่งของได้ที่ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-251-7853-6 ต่อ 1603 หรือ 1102 วันหยุดราชการ ต่อ 1302, 02-251-7614-5 โทรสาร 02-252-7976 หรือสามารถบริจาคเป็นเงินเพื่อจัดซื้อสิ่งของบรรเทาทุกข์ ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ http://www.rtrc.in.th เลือกเมนู รับบริจาคสิ่งของ
     
    • กรุงเทพมหานคร เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัย โดยรับบริจาคเงินและสิ่งของ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของได้ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) และที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง สอบถามข้อมูลได้ที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.โทรศัพท์ 02-354-6858
     
    • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขอเชิญชวนร่วมบริจาคเงิน หรือสิ่งของช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็นกำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น ร่วมบริจาคสิ่งของได้ที่ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 4 สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถนนงามวงศ์วาน เขตบางเขน กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-9554, 0-2590-9559 และ 0-2950-9557
     
    • โรงพยาบาลศิริราช รับบริจาคเครื่องอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ณ โถงอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โรงพยาบาลศิริราช ถนนพรานนก เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
     
    • จังหวัดนครราชสีมา จัดตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของ จังหวัดนครราชสีมา บริจาคสิ่งของ อาหารแห้ง ได้ที่เต็นท์ชั่วคราวหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถนนมหาดไทย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือ ศูนย์รับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัด ชั้น 1 โทร. 044-259-993 ถึง 4, 044-259-996 ถึง 8
     
    • สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ขอรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของจำเป็นเร่งด่วน บริจาคได้ที่ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-1385-7 หรือ 02-791-1113 ตลอด 24 ชั่วโมง
     
    • ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ ภาคีสมาชิก ตั้ง ศูนย์ขึ้นมาเพื่อรับของบริจาคอาหาร น้ำ เทียน ไม้ขีด ไฟแช็ก ผ้าอนามัย รวมถึง ยากันยุง และ ยาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย (ยุง แมลงป่อง ตะขาบ และ งู) ที่ชั้น G อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ 2 ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยเปิดรับบริจาคทุกวันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
     
    นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการมือถือระบบ AIS, DTAC และ True Move ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านทาง SMS เพียงพิมพ์คำว่า “น้ำใจไทย” หรือ “Namjaithai” แล้วส่ง SMS ไปที่หมายเลข 4567899 ข้อความละ 10 บาท รายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ จะนำไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน
     
    • สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 โดยกองทัพบก ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย บริจาคได้ ณ บริเวณหน้า ททบ. (สนามเป้า) ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
     
    • สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 เป็นสื่อกลางส่งต่อธารน้ำใจไปยังผู้ประสบอุทกภัย สามารถนำสิ่งของมาบริจาคได้ที่ช่อง 7 สี ซอยร่วมศิริมิตร (พหลโยธิน 18/1) ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
     
    • บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จัดตั้งศูนย์รับ บริจาคน้ำท่วม เปิดรับบริจาค เงินสด อาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ และยังให้ข้อมูลหมายเลขติดต่อหน่วยงานที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 09.00 - 22.00 น. ทุกวัน ณ ห้องโถง อาคารปฏิบัติการฯ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (ซอยเดียวกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ อยู่สุดซอย)
     
    • สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) กรมประชาสัมพันธ์ ร่วม กับสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหาร อสมท กรุงเทพมหานคร สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและเครือข่าย จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม รับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถบริจาคได้ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2276-4242
     
    • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (สจม.) ร่วมกับสำนักงานนิสิตสัมพันธ์ ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งสามารถบริจาคได้ที่อาคารจุลจักรพงษ์ ชั้น 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ด้านหลังศาลาพระเกี้ยว ติดกับอาคารมหามงกุฎ คณะวิทยาศาสตร์) ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ - 22 ต.ค.2553 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์0-2218-7045 ต่อ 301-304
     
    • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กองกิจการนักศึกษา ร่วมกับ ศูนย์อาสาสมัคร องค์การนักศึกษา และสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดตั้งศูนย์รับบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจุดรับบริจาคสิ่งของอยู่ที่ ศูนย์อาสาสมัคร อาคารกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ 086-570-3693, 086-943-4988 และ 089-723-5235
     
    • มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน ได้เปิดศูนย์ช่วยรวบรวมสิ่งของบริจาคต่างๆ โทรศัพท์สอบถามที่ 0-2465-6165
     
    • มูลนิธิ 1500 ไมล์ ดำเนินการจัดส่งทีมอาสาสมัคร เข้าสำรวจพื้นที่อุทกภัย เพื่อประเมินสถานการณ์และรวบรวมความต้องการ ผู้สนใจสามารถเป็นอาสาสมัครเข้าช่วยเหลือผู้เดือดร้อน โดยการพายเรือคายัคเข้าพื้นที่ กับมูลนิธิ 1500 ไมล์ ติดต่อคุณกนกวรรณ โทร. 080-551-4388 คุณนัท โทร. 089-489-9116 หรือศูนย์ประสานงาน (โคราช) 111/166 หมู่บ้านอยู่สบาย 3 ซอย 4 หมู่ที่ 11 ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.1500miles.org/
     
    • มูลนิธิซิเมนต์ไทย จัดโครงการปันน้ำใจช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น โดยเฉพาะเทียนไข ไฟแช็ค กระดาษทิชชู่ ผ้าอนามัย และกางเกงในกระดาษ รวมทั้งอาหารแห้ง ได้ที่มูลนิธิซีเมนต์ไทย อาคาร 10 บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-586-5506
     
    • มูลนิธิกระจกเงา สามารถไปบริจาคข้าวสาร, อาหารแห้ง, น้ำดื่ม และยารักษาโรค ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ที่ มูลนิธิกระจกเงา (สำนักงานกรุงเทพฯ) ซอยวิภาวดีรังสิต 44 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 087-274-9769 และ 02-941-4194-5 ต่อ 102
     
    • บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด ร่วมกับกองทัพบก เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยสามารถบริจาคได้ตั้งแต่ 1 บาท สูงสุด 30,000 บาท โดยไม่เสียค่าบริการ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รวบรวมเงินบริจาคมอบให้กองทัพบกทุกวัน เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยไม่หักค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-711-7744 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1800-226-671 ตลอด 24 ชั่วโมง
     
    • เครือข่ายเฟซบุ๊ก กลุ่ม “ประเทศไทยกลับมาสดใส ดีกว่าเดิม” ได้จัดกิจกรรม ปฏิบัติการรวมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เปิดรับบริจาคสิ่งของ อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค ฯลฯ เพื่อจัดทำถุงยังชีพ รวมทั้งต้องการอาสาสมัครเพื่อจัดทำถุงยังชีพ รับบริจาคที่เต้นท์จุดรับของ หน้าโรงแรมดุสิตธานี ด้านถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 น. โดยจะเปิดรับไปจนถึงวันเสาร์ที่ 23 ต.ค.นี้
     
     
     
    บัญชีบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า)
    ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
    เลขที่บัญชี 401-6-36319-9
     
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารทหารไทย สาขาย่อยสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า)
    ชื่อบัญชี มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
    เลขที่บัญชี 046-2-44777-2
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-281-1902, 02-282-9596 โทรสาร 02-281-1423)
     
    มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนหลังสวน
    ชื่อบัญชี มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย
    เลขที่บัญชี 082-2-66600-0
    (ต้องการใบเสร็จรับเงินจากการบริจาค โทรสาร 02-252-8711 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-256-4442)
     
    รัฐบาลไทย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล
    ชื่อบัญชี กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
    เลขที่บัญชี 067-0-06895-0
    (สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-281-4130 โทรสาร 02-282-5296)
     
    วุฒิสภา
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยรัฐสภา
    ชื่อบัญชี วุฒิสภารวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 189-0-07706-1
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-244-1777 ถึง 8 หรือสายด่วนวุฒิสภา 1102)
     
    สภากาชาดไทย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย
    ชื่อบัญชี สภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
    เลขที่บัญชี 045-3-04190-6
    (ต้องการใบเสร็จรับเงินจากสภากาชาดไทย โทรสาร 02-250-0120 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-256-4066 และ 02-256-4068)
     
    กองบัญชาการกองทัพไทย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารทหารไทย สาขาย่อยกองบัญชาการทหารสูงสุด
    ชื่อบัญชี ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
    เลขบัญชี 157-2-05575-2
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-572-1500)
     
    กรุงเทพมหานคร
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนข้าวสาร
    ชื่อบัญชี กองทุนกรุงเทพมหานครช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    เลขที่บัญชี 027-0-17081-2
    (สอบถามเพิ่มเติม ฝ่ายบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร โทร. 02-271-2162 หรือสายด่วน กทม. โทร. 1555)
     
    จังหวัดนครราชสีมา
     
    - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขานครราชสีมา
    ชื่อบัญชี เงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดนครราชสีมา
    เลขที่บัญชี 301-0-86149-4
     
    - บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ชื่อบัญชี เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2553
    เลขที่บัญชี 694-0-13486-7
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 044-259-996 ถึง 8 และ 044-259-993 ถึง 4)
     
    -โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขานครราชสีมา
    ชื่อบัญชี โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา
    เลขที่บัญชี 301-3-40176-1
     
    -บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหัวทะเล (นครราชสีมา)
    ชื่อบัญชี กองทุนครบรอบ 100 ปี โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา
    เลขที่บัญชี 790-2-60548-7
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 086-251-2188)
     
    จังหวัดเชียงใหม่ โดย ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) จังหวัดเชียงใหม่
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาข่วงสิงห์
    ชื่อบัญชี กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่
    เลขที่บัญชี 547-0-37532-3
    (เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 20-25 ต.ค. 2553)
     
    ธนาคารไทยพาณิชย์ มูลนิธิสยามกัมมาจล
    บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน
    ชื่อบัญชี มูลนิธิสยามกัมมาจล - ไทยพาณิชย์ เพื่อผู้ประสบภัย
    เลขที่บัญชี 111-3-90911-5
    (บริจาคผ่านทางสาขาธนาคาร หรือผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ไม่เสียค่าธรรมเนียม ผู้ร่วมบริจาคเงินตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โทรสาร 02-544-3896 สอบถามเพิ่มเติม SCB Call Center โทร. 02-777-7777)
     
    ธนาคารออมสิน
    บัญชีประเภทเผื่อเรียก ธนาคารออมสิน สาขาสำนักพหลโยธิน
    ชื่อบัญชี ออมสินรวมใจช่วยภัยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 028888888881 (8 เก้าตัว)
    (ธนาคารได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินเป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2553 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1115)
     
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
    ชื่อบัญชี ชาว กฟภ. รวมใจช่วยผู้ประสบภัย
    เลขที่บัญชี 073-1-09891-9
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2590-9554, 0-2590-9559 และ 0-2950-9557)
     
    สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศร์
    ชื่อบัญชี เพื่อนพึ่งภาช่วยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 020-2-69333-2
     
    บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศร์
    ชื่อบัญชี เพื่อนพึ่งภาช่วยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 020-3-04545-1
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-791-1385 ถึง 7 หรือ 02-791-1113 ตลอด 24 ชม.)
     
    สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
    บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ สาขามาลีนนท์ ทาวเวอร์
    ชื่อบัญชี ครอบครัวข่าวช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย 53
    เลขที่บัญชี 014-3-00368-9
     
    สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารทหารไทย สาขาสนามเป้า
    ชื่อบัญชี กองทัพบก โดย ททบ.ช่วยภัยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 021-2-69426-9
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-278-1698 และ 02-279-2498)
     
    สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7
    บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสำนักเพลินจิต
    ชื่อบัญชี 7 สีช่วยชาวบ้าน
    เลขที่บัญชี 001-9-13247-1
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-610-0789)
     
    บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาอโศก
    ชื่อบัญชี อสมท.ร่วมใจช่วยภัยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 015-0-12345-0
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-245-0700 ถึง 4 โทรสาร 02-245-0705)
     
    กรมประชาสัมพันธ์
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงการคลัง
    ชื่อบัญชี ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
    เลขที่บัญชี 068-0-09584-5
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-276-4242)
     
    บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีคอนสแควร์
    ชื่อบัญชี โครงการช่วยฟื้นฟูผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วม บมจ.เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
    เลขที่บัญชี 095-2-71929-7
    (สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-338-3333 และ 02-338-3000 กด 3)
     
    *** ติดตามช่องทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ตลอดเวลาที่ http://astv.mobi/thaiflood ***
     
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000148354
     
    Source: ช่องทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
  8. moddang
    ไดอารี่ของเพื่อนคนหนึ่ง ถึง คำว่า เพื่อน
     
     
     

     
     
    ... การจะอยู่รวมกันในสังคมนั้น ต้องใช้เหตุและผล เป็นสำคัญ ...
    ... การเป็นคนที่มีเหตุผล ทำให้เรารู้จักและยอมรับในกฎเกณฑ์ของสังคม ...
     

    ... และอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ...
     
    ... แต่ระหว่าง "เพื่อน" ...
    ... ถ้าใช้แค่เพียง "เหตุผล" อาจจะไม่พอ ...
     

     
     
    ... เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ...
     
     

     
    ... และเมื่อต่างยึดมั่น ถือมั่น ...
    .. ในเหตุผลของตนเอง ...
    ... ทัศนคติก็จะไม่ตรงกัน ...
     

     
    ... ทำให้เพื่อนลืมไปว่า ...
    ... เราเป็นอะไรที่มากกว่า แค่ "คนรู้จัก" กัน ...
     

     
    ... สิ่งที่สำคัญกว่าเหตุผลคือ "ความเข้าใจ" ...
    ... แม้ทัศนคติจะไม่ตรงกัน แต่เพื่อนก็อยู่ด้วยกันได้ ...
    ... แค่ทำความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ...
     
     

    ... และสิ่งนี้แหละ ทำให้เกิดคำว่า "เพื่อน" ทำให้เราเป็นมากกว่า ...
    ... แค่ "คนรู้จัก" กัน ...
     
    Source: ข้อคิดคำคม / เกร็ดความรู้....
  9. moddang
    คน..ที่เคยท้อ......
     

     
    เราเป็นคนเดินช้า...แต่ไม่เคย..เดินถอยหลัง...
    เส้นทางสายเล็ก ๆ เกิดจาก..การย้ำเท้า...ของมนุษย์
    เส้นทางใหญ่ ๆ เกิดจาก...การสร้างของมนุษย์..
    ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะเล็ก..หรือ..ใหญ่
    มักเกิดจากการเริ่มต้นทำทีละขั้น..ทีละก้าว...อย่างช้า ๆ ..แต่มั่นคง....
     
    ความสำเร็จก็เช่นกัน...
    เกิดจาก...การ “สะสมการทำทีละเล็กทีละน้อย”...
    แต่มุ่งมั่นอย่างตั้งใจ...
    และมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง...สม่ำเสมอ..
     
    การรู้จักผู้อื่นนั้น...เป็นคนฉลาด..
    การรู้จักตนเองนั้น...เป็นคนรอบรู้..
    ชนะผู้อื่นได้นั้น...ด้วยมีกำลัง...
    แต่ชนะตนเองนั้น...ต้องมีความเข้มแข็ง..

  10. moddang
    9 กรกฎาคม53
     
    ระหว่างรอคอยการตัดสินใจ ... มัวแต่โลเลเอาไงดี
    ราคาก็ร่วงลงไปอีก ซึ่งขายไม่ทัน .....
     
    จึง..ได้ตัดสินใจซื้อเพิ่มไว้อีก เพาะรอโอกาสที่จะเพิ่มทุนที่ราคาต่ำ กะว่าจะเป็นการเสริมเข้ามาเฉยๆ ซึ่งจริงๆ ถ้าไม่เพิ่มทุนก็ทำตามตารางเดิมได้ โดยขายก่อนที่ราคาจะลง โดยเอาราคา 18500 ขายไปเพราะราคานี้มาแล้ว และเมื่อราคามาที่18365 ก็ซื้อกลับ ก็จะได้เงินเหลือ135/บาทและมีทองอยูในมือ พร้อมที่จะขายถ้าราคาดีดกลับ...

    แต่ไม่ได้ทำเช่นนั้น....และเมื่อซื้อมาแล้วก็รอว่าเมื่อไรจะขึ้น ในความเป็นจริงที่ผ่านมา ราคาทองกลับขึ้นไปที่ประมาณ 18500 แล้ว แต่ไม่ขายซึ่งการคิดแบบนี้ผิด เพราะคิดว่าน้อยไป ถ้าขายก็จะได้กำไรอีก แต่เราอยากได้สูงกว่านั้น ราคาทองก็หล่นลงอีก คราวนี้ทำไงล่ะ.....
    ก็ต้องมานั่งลองคิดใหม่ ทำใหม่ .. ลองบวกเงินทุนที่มีอยู่ซิ แล้วสามารถจัดใหม่พอได้ใหม......
     
    จากทุน 556000 รวมกับยอดใหม่ 183650 ได่เท่ากับ 739650
     
    นำมาจัดเป็นตารางได้ดังนี้
     
    :... 19250/บาท
    :... 18850/บาท
    :... 18350/บาท
    :... 17550/บาท...
     
    ... และคราวนี้ตั้งใจเอาราคา 18350 ขาย แต่ก็ไม่รอให้ราคามาถึง18350 เพราะราคาที่จะมาต่ำอีก ไม่สามารถเดาได้ว่าจะมาที่ราคา 18000 เมื่อใด เพราะฉะนั้นเมื่อ ราคา 18480 มา จึงขายไป คิดแล้วได้กำไรหรือลดทุนลงไปอีก 115 /บาท ระหว่างนี้ราคามาหยุดเพราะตลาดปิXXดเสาร์อาทิตย์
     
    มาอัพเดทกันต่อ.....12 ก.ค.53.......

     
    ราคาก็ยังไม่ไปไหน ขึ้นและลงในช่วงแคบๆ ระหว่าง 1205 - 1195 ตอนนี้เงินบาทแข็งขึ้นมาอีก การซื้อกลับน่าจะยาก ก็ต้องรอให้เขาลงมากกว่านี้ จะรอซื้อที่ 1190 118X จะมาใหมไม่รู้.. หรือถ้ามา 18000 ก็จะซื้อกลับ
     
    แต่วันนี้เปิดราคามา ลองมานั่งบวกลบ เอ๊ะได้ พันกว่าๆ ซื้อกลับได้แล้ว เพราะช่วงนี้ราคาไม่ค่อยกระโดด น่าจะเข้าซื้อ ( แต่ด้วยความที่กำลังศึกษากราฟด้วยตนเองจากการอ่านๆๆๆ และได้คำชี้แนะมาบ้าง เรื่องการดูค่า ma บวกกับการอ่านเรื่อง fibonacci เพิ่มขึ้น ผนวกกับการอ่านของกูรูไปในทางเดียวกัน อย่ากระนั้นเลย ก็จะขอรอรอ ที่ ประมาณ 1190 ประมาณ 18247 ก็จะลดทุนไปอีก 25XX ) ได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรแน่นอน ได้น้อยดีกว่าไม่ได้อะไรเลย อันนี้เป็นหนทางที่ทำได้ดีในขณะราคา sideway ดีกว่าอยู่เฉยๆ ในส่วนตัวไม่ซีเรียส เพราะถือเป็นการเรียนรู้และนำไปปฏิบัติจริง ......
     
    14 ก.ค 53......
     
    มัวแต่ดูพอร์ตเดียวคือ 18350 ที่ขายไป รอซื้อยังไม่ได้เพราะโลเล นิดเดียวไม่เอา วันหลังจะแก้ไขอาการนี้ค่ะ
     
    และก็กลับมามอง พอร์ต 17550 เตรียมจะขาย ตั้ง แต่ 1218 แต่ตอนนั้นยังอยูในรถ เลยไม่กล้าตัดสินใจกลัวปล่อยหมู เลยอด ...
     
    วันนี้ วัดดวง ตามที่อ่านจากคุณ กัมพล รอขายจ้า
     
     
    18 ก.ค 53......
     
    ราคา 1218 $ ผ่านไปและไม่กลับมาอีก และแนวต้านที่แต่ละท่านคาดไว้ กลับไปไม่ถึง แถม ยังมีทิศทางลงอีก ถ้าเช่นนั้นก็ไม่
     
    ได้การ ต้องขาย พอร์ท 17550 ( ก็เสี่ยงเหมือนกัน จึงขายแค่สิบบาท และขายไป เมื่อ 15 ก.ค 53ได้ที่ 18490 (1214
     
    = 32.22 ) กำไรหรือลดทุนได้ 9400 บาท และเมื่อวานซื้อกลับมาแล้วที่ 18320 ถ้านำมาหักลบพอร์ทนี้ ก็เท่ากับ
     
    9400+1700 และมีทองอยู่ในมือพร้อมที่จะขายถ้าราคาดีดขึ้นบ้าง.............หวังเช่นนั้น
     
    27 ก.ค 53

    ช่วงนี้ทองวิ่งแคบ ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง จะซื้อคืนก้กลัวว่าจะลงไปอีก เลยรอเป้าหมายอยู่ ถ้าขายตอนนี้ได้แค่ประมาณ 2000 กว่าๆเอง (1185) ขอรอประมาณ 1175 ลงไป
  11. moddang
    :: กรุ๊ปเลือด อ่านคน ::
     
    ..A , B , O , AB..
     
    ในอดีตกาล สมัยที่การแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้าเช่นทุกวันนี้ เรื่องการศึกษาเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือด ในร่างกายมนุษย์ ยังอยู่ในวงจำกัด ผู้คนส่วนมากไม่เคยได้รับรู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเขามีกรุ๊ปเลือดอะไรไหลวนเวียนอยู่ภานในร่างกาย และคำว่ากรุ๊ปเลือดมีความสำคัญอย่างไรต่อตัวเขาบ้าง
     
    แต่ในปัจจุบัน เรื่องของกรุ๊ปเลือดได้ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงการแพทย์ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหากรุ๊ปเลือดโดยตรง และในแวดวง ของประชาชนผู้สนใจโดยทั่วไป ทั้งนี้เพราะ กรุ๊ปเลือดเป็นเรื่องที่กำหนดโดยพันธุกรรม ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลง หรือกำหนดขึ้นเองได้ตามความพอใจ ซึ่งหากจะนำมาเปรียบเทียบ กับความเชื่อถือที่มีมาแต่โบราณกาลของมนุษย์ กรุ๊ปเลือดก็มีสภาพคล้ายคลึงกับโชคชะตา ที่เราเชื่อว่าถูกลิขิตไว้ตั้งแต่เราเกิดนั่นเอง
     
    เมื่อพูดถึงการทำนาย หรือการพยากรณ์ ในหลักของโหราศาสตร์นั้นความจริงแล้วก็คือ ผลสรุปของข้อมูลทางสถิติที่คนในอดีตรวบรวมไว้นั่นเอง โดยการใช้วันเดือนปีเกิดของมนุษย์เป็นสมมุติฐาน แล้ววิเคราะห์ว่า ผู้คนที่เกิดเมื่อวันนั้นๆ จะมีลักษณะนิสัยที่คล้ายกัน หรือต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วเมื่อพบว่าส่วนใดที่คล้ายคลึงกัน หรือมีปรากฏในแทบทุกคนที่เกิดในวันนั้นๆ ท่านก็จะจดจำเป็นข้อสรุปว่า เป็นลักษณะนิสัยของคนที่เกิดในราศีนั้นๆ
     
    การทำนาย อ่านคนจากกรุ๊ปเลือดก็เช่นกัน เป็นผลสรุปจากการรวมรวมข้อมูลทางสถิติ ว่าด้วยลักษณะนิสัยของบุคคลในกรุ๊ปเลือดต่างๆ แล้วจึงนำมาวิเคราะห์ โดยอาศัยวิชาจิตวิทยาว่า บุคคลที่มีกรุ๊ปเลือด มีพื้นฐานด้านจิตใจอารมณ์เช่นนั้น ควรจะมีพฤติกรรมออกมาในรูปแบบใดบ้าง
     
    การอ่านคนจากกรุ๊ปน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ในการที่จะใช้ศึกษาอุปนิสัยของบุคคลในกรุ๊ปเลือดต่างๆ เพื่อที่จะได้นำไปสู่ความเข้าใจที่จะใช้ปรับปรุงตนเอง และผู้อื่นได้

     
    A
    คนกรุ๊ปเลือดเอ
    ผู้ไม่ชอบทะเลาะกับใคร

    อันบุคคลที่มีเลือดกรุ๊ป เอ นั้น เป็นคนที่มี ความเชื่อมั่น ในตนเอง จึงไม่ค่อย โต้เถียง หรือแสดง ความคิดเห็น ขัดแย้งกับใคร เพราะเชื่ออยู่เสมอว่า ความคิดของตน ถูกต้องแล้ว จึงไม่ต้องไป ขอความคิดเห็น จากใครอีก แต่ยังดี ที่คนกรุ๊ปเลือด เอ ส่วนมากจะเป็น คนเอาใจเก่งเห็นใจ และตามใจคนอื่นเสมอ ดังนั้น โอกาสที่จะพบว่า เขาไปทำให้ ขุ่นข้องหมองใจนั้น จึงไม่ค่อย ได้ปรากฏ ให้เห็นบ่อยนัก
     
    แต่คนกรุ๊ปเลือด เอ ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่เป็นคนขาดความคิดริเริ่ม ซึ่งหากเป็นชาย ที่บังเอิญ ได้หญิงฉลาด ทำงานเก่ง มาเป็นคู่ครอง ฝ่ายหญิงจะรู้สึกผิดหวัง ในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สำหรับชาวกรุ๊ปเลือด เอ ที่เป็นหญิงแล้ว ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็อาจจะเป็นผลดี สำหรับเธอ เพราะทำให้เธอ กลายเป็นแม่ศรีเรือน ถนัดในการดูแลบ้านช่อง ปรนนิบัติสามี อบรมบุตรหลาน เรียกว่า เพรียบพร้อมคุณสมบัติ ของความเป็นแม่บ้าน นั่นแหละ
     
    แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง สำหรับหญิงเลือดกรุ๊ป เอ นั่นก็คือ ในเวลาที่หัวใจ ของเธอ มีความรักนั้น เธอจะรักชนิด ทุ่มเทให้หมด ทั้งสี่ห้องหัวใจ เลยทีเดียว แต่ถ้าเมื่อใด ที่น้ำผึ้ง เปลี่ยนรส จากหวานกลายเป็นขม เธอก็พร้อมที่จะสลัด คุณออกไปจากหัวใจ อย่างคนที่มี ความเข้มแข็ง เพราะสำหรับเธอแล้ว ให้เจ็บปวด ปางตายเสียยังจะดีกว่า ต้องมางอนง้อ ขอให้ใคร เมตตาสงสาร
     
    นอกจากเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแล้ว สตรีเลือดกรุ๊ป เอ ยังเป็นคนที่ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวชนิด สาวสวยสมัยใหม่ อยู่เสมอ แถมยังมี รสนิยมดีซะด้วย คือ สวยอย่างคนมีระดับ ว่างั้นเถอะ
     
    B
    คนกรุ๊ปเลือด บี
    มีนิสัยร่าเริงเป็นสัญลักษณ์

    ตามตำราท่านว่า ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป บีนั้น จะเป็นบุคคล ที่พร้อมจะหัวเราะ ได้ทุกเวลา เพราะมีนิสัยร่าเริง รักอิสระเสรี ตามใจตัวเอง ไม่แคร์ต่อสายตาประชาชี ใครจะหมั่นไส้ ใครจะค้อนก็ช่าง ฉันพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม เพราะฉะนั้น คนกรุ๊ปเลือด บี จึงชอบทำงาน ประเภท "วันแมนโชว์" คือไม่นิยม เข้าหุ้นกับใคร ลักษณะนิสัย ของคนกรุ๊ปเลือด บี นั้นสามารถจะเป็น ศิลปิน นักประพันธ์ หรือผู้สื่อข่าว ที่ประสบความสำเร็จได้ หรือหากจะทำงาน ในองค์การใหญ่ โอกาสเป็นผู้บริหาร ก็มีมาก ทั้งนี้ก็เพราะ เขาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจกว้าง และกล้าแสดง ความคิดเห็น อย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด
     
    ผู้ชายในกรุ๊ปเลือด บี จะเป็นคนประเภท สังคมเก่ง มีเพื่อนหญิงเป็นโหล ๆ แต่อย่าคิดว่า เขาเป็นคนไม่จริงจัง กับความรักล่ะ เขาจริงจังมาก แต่เสียนิดเดียว คือเขาจะจริงจัง ไปหมดเสียทุกคน นี่สิถึงจะเป็นปัญหา
     
    ส่วนผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ป บี นั้น ก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน คือ หัวใจไม่เคยว่าง ชอบเข้าสังคม ไม่แคร์เสียงนกเสียงกา แต่ถ้าเธอลองปักใจ รักใครเข้าสักคนละก็ ใจเธอจะแน่วแน่มั่นคง ไม่มีวันเสื่อมคลายเชียวหล่ะ แต่แย่หน่อยนะ ตรงที่เธอเป็นคนชอบเพ้อฝัน รักความหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ของขนบธรรมเนียมประเพณี เท่าใดนัก แถมเป็นคนเอาอะไร ก็จะเอาให้ได้ โดยไม่สนใจว่า จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไร เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกที่บางครั้งเจ้าหล่อน จะถึงขั้นขายเพื่อน หรือไม่ก็ขายตนเอง เพียงเพื่อยกตัวเอง ให้ไปถึงจุดสุดยอด ตามที่ต้องการ
     
    O
    คนกรุ๊ปเลือด โอ
    บุคคลผู้มีความสุขุมเยือกเย็น

     
    อันที่จริงนิสัยทั่วไปของคนกรุ๊ปเลือด โอ ก็คล้ายนิสัยของผู้ชายทั่ว ๆ ไปนั่นแหละคือมีความสุขุมรอบคอบ ตัดสินใจด้วยเหตุผล เชื่อมั่นสมองมากกว่าหัวใจ ไม่ชอบเพ้อฝัน และค่อนข้างไปทางวัตถุนิยมหน่อย ๆ ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป โอ จึงมักเป็นบุคคล ที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน แถมหน้าที่การงาน ก็มักจะดีเป็นพิเศษซะด้วย เช่น เป็นทนายความ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรืออะไรก็ตาม ที่มีความมั่นคงมาก ๆ
     
    โดยปกติแล้ว คนกรุ๊ปเลือด โอ เป็นคนไม่ค่อยมีจินตนาการเท่าใดนัก ความคิดความอ่าน ตลอดจนการกระทำของพวกเขา จะตั้งอยู่บนรากฐาน ของความจริงเสมอ คือถ้าตาไม่ได้เห็น มือไม่ได้จับละก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมเชื่อ และคงเพราะ เหตุนี้กระมัง พวกเขาจึงสามารถ สร้างครอบครัวได้เป็นปึกแผ่น ไม่เหลวเป็นน้ำ เหมือนพวกชอบฝันกลางแดด
     
    แม้ว่าจะเป็นคนเค็มนิด ๆ ก็เถอะ แต่คนกรุ๊ปเลือด โอ ก็มีนิสัยโอบอ้อมอารี รักเพื่อนพ้อง เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นกำลังสำคัญ ของหน่วยงาน และเป็นที่รักใคร่ โปรดปรานของเจ้านาย
     
    ส่วนหญิงที่มีเลือดกรุ๊ป โอ นั้น ก็เป็นคนที่จริงจัง ต่อชีวิตและความรัก ยินดีต่อการได้เป็น ภรรยาและแม่เพราะเธอมีความคิด ที่จะอุทิศร่างกาย และวิญญาณ เพื่อคนที่เธอรักอยู่แล้ว เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อย่าเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงกรุ๊ปเลือด โอ จะใจง่าย มอบกายให้ใครเชยชมง่าย ๆ ตรงกันข้าม เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัว จนบางครั้งถูกหาว่า โบราณคร่ำครึด้วยซ้ำ แต่ถ้าชายที่มารักเธอนั้น มีความเข้าใจ และหัวเก่าพอ ๆ กับเธอละก็ เขาจะเป็นคนที่โชคดีทีเดียวล่ะ ที่ได้หญิงที่มีความรักความจริงใจ อย่างเธอไปเป็นคู่ครอง
    AB
    คนกรุ๊ปเลือด เอบี
    คนที่ไม่มีความแน่นอน

     
    เวลาจะให้คนที่มีกรุ๊ปเลือด เอบี ตัดสินใจอะไรสักอย่าง เขามักจะทำให้เราผิดหวัง หรือไม่เข้าใจในตัวเขา อยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็เพราะคนเลือดกรุ๊ป เอบี นั้น เป็นคนที่มี อารมณ์อ่อนไหว คิดมาก หรือไม่ก็คิดไกล จนคนอื่นตามไม่ทัน เป็นเหตุให้ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ไม่อาจเดาใจได้ถูก
     
    คนกรุ๊ปเลือด เอบี เป็นคนแปลก เวลาที่ประสบความสำเร็จ เขาจะผยองลำพอง โอ้อวดความสามารถของตนไปทั่ว แต่ถ้าพบกับความผิดหวัง แม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะกลับกลายเป็นคนละคน ปิดประตูลั่นกุญแจ ตีอกชกหัวอยู่คนเดียว มิใยใครจะปลอบใยน ก็ไม่ยอมคลาย ความเศร้าโศก ซึ่งนิสัยประหลาดแบบนี้ แม้แต่เจ้าตัวของคนกรุ๊ปเลือด เอบี เองก็ให้คำอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะเหตุใดกันแน่ และเพราะความไม่เข้าใจตัวเอง นี่แหละที่ทำให้ บางครั้งก็เกิดปัญหา เช่น เขาไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ หรือความคิดของตนเองได้
     
    แต่จะอย่างไรก็ตาม คนเลือดกรุ๊ป เอบี ก็เป็นคนมีใจเมตตา เห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่นเสมอ และยินดีเสนอตัว เข้าช่วยแก้ปัญหาให้ แต่การช่วยเหลือ ของเขานั้น ออกจะน่ากลุ้ม อยู่สักหน่อย คือเขาจะถือ ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ สมมติตัวเป็นเจ้าทุกข์ หรือเจ้าของปัญหาเสียเอง เรียกว่าถ้าจะให้ช่วยก็ยินดี แต่ต้องช่วยด้วยวีธีของฉันนะ
     
    ในด้านอารมณ์นั้น คนเลือดกรุ๊ป เอบี จัดว่าเป็นบุคคลประเภท อารมณ์รุนแรง รักใครก็รักสุดขั้วหัวใจ เกลียดใครก็เกลียด เข้ากระดูกดำไปเลย แต่ถึงกระนั้น คนกรุ๊ปเลือด เอบี ก็มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ไม่น้อย เพราะเขามีสมอง ที่ปราดเปรื่อง สามารถประดิษฐ์ คิดค้นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะนำชื่อเสียงมาสู่เขา และวงศ์ตระกูลได้
     
    แต่คนเลือดกรุ๊ป เอบี มักไม่ประสบความสำเร็จในการขอร้องใคร กล่าวคือ ถ้าเอ่ยปาก ขอความช่วยเหลือ สักสิบครั้ง จะถูกปฎิเสธ เสียเก้าครั้ง ทั้งนี้อาจจะเพราะ คนอื่นเขาเข็ดขยาด ในความไม่แน่นอนของแก ก็เลยขี้เกียจ พาตัวเข้าไป ข้องแวะด้วย
     
    ส่วนในด้านของความรักนั้น เนื่องจากคนกรุ๊ปเลือด เอบี ไม่ค่อยมีความจริงใจ ต่อเพศตรงข้ามเท่าใดนัก ความรักจึงไม่ค่อย ยั่งยืนเท่าที่ควร
     
    http://www.payakorn.com/blood_result.php?btype=1&btype=1&group=a
     
    Source: ข้อคิดคำคม - คำขำ / เกร็ดความรู้....
  12. moddang
    "จดทะเบียนซ้อนโดยสุจริต "

    เนื่องจากการจดทะเบียนสมรสในปัจจุบันสามารถทำได้ทุกอำเภอในต่างจังหวัดและทุกสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นชายหรือหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจมีการปกปิดความจริงเกี่ยวกับการที่ตนเองมีคู่สมรสแล้ว

    คือ ได้จดทะเบียนสมรสมาแล้ว แต่มิได้จดทะเบียนหย่ากับคู่สมรสเดิม กลับมาจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่ การจดทะเบียนสมรสครั้งหลังนี้ถือได้ว่าเป็นการจดทะเบียนสมรสซ้อน อันจะมีผลเป็นโมฆะและก่อให้เกิดความเสียหายกับคู่สมรสใหม่ที่ได้ตกลงจดทะเบียนสมรสด้วยโดยสุจริตซึ่งเขาเหล่านั้นจะมีสิทธิเรียกร้องสิ่งใดได้บ้างนั้น มีกรณีตัวอย่างให้พิจารณากันดังนี้
     
     
    นายตู่จดทะเบียนสมรสกับนางเต้นในปี 2535 อยู่กินด้วยกัน 2 ปี ที่กรุงเทพมหานคร แต่นางเต้นไม่อาจมีบุตรได้เนื่องจากปัญหาสุขภาพ นายตู่ไม่พอใจกับชีวิตครอบครัวเนื่องจากปัญหาดังกล่าว จึงขอย้ายตัวเองไปเป็นผู้จัดการ ในสำนักงานสาขาจังหวัดขอนแก่นของบริษัทที่ได้ทำงานอยู่เดิม นับแต่นายตู่ย้ายมาทำงานที่จังหวัดขอนแก่น นายตู่ไม่เคยกลับไปหานางเต้น และนางเต้นก็ไม่เคยมาหานายตู่ที่จังหวัดขอนแก่นเลย
     
    ต่อมาในปี 2542 ซึ่งผ่านมา 5 ปีนับแต่นายตู่ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น นายตู่ได้พบรักกับนางสาวสมหวัง ซึ่งเป็นข้าราชการครูคบหากันมาได้ 2 ปีนายตู่ได้ขอนางสาวสมหวังแต่งงาน โดยนายตู่และนางสาวสมหวังได้ไปตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานแล้ว แพทย์ยืนยันว่าทั้งสองสามารถมีบุตรได้โดยไม่มีปัญหาสุขภาพ นายตู่ดีใจมากจึงไปพบบิดามารดาของนางสาวสมหวังโดยตกลงที่จะซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ราคา 4,000,000 บาท มอบให้เป็นของหมั้นแก่นางสาวสมหวัง และจะให้นางสาวสมหวังลาออกจากการเป็นข้าราชการครูเพื่อเตรียมมีบุตรและเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวหลังแต่งงาน
     
    นางสาวสมหวังและบิดามารดาตกลงตามนั้น โดยนางสาวสมหวังไม่ทราบเลยว่านายตู่เคยสมรสแล้ว จึงมีการจัดพิธีสมรสระหว่าง นายตู่ และ นางสาวสมหวัง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งก่อนวันแต่งงาน นายตู่ได้ไปจัดการโอนบ้านและที่ดินราคา 4,000,000 บาทให้เป็นของหมั้นแก่นางสาวสมหวัง โดยในวันทำพิธีแต่งงาน นายตู่ได้นำ โฉนดที่ดินดังกล่าว พร้อมทองคำน้ำหนัก 10 บาท มอบให้กับนางสาวสมหวัง และมีการเชิญนายอำเภอมาในงานแต่งงานเพื่อเป็นสักขีพยานและทำการจดทะเบียนสมรสระหว่าง นายตู่ และ นางสาวสมหวัง ภายหลังจากเสร็จพิธีแต่งงานได้ 2 สัปดาห์ นางสมหวัง ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นข้าราชการครูที่เคยได้เงินเดือน เดือนละ 12,000 บาท เพื่อออกมาเตรียมมีบุตรและเป็นแม่บ้านให้นายตู่
     
    หลังจากนายตู่และนางสมหวังอยู่กินด้วยกันมาได้ 3 เดือน ข่าวการแต่งงานของนายตู่กับนางสมหวังได้ทราบถึงนางเต้น นางเต้นเกิดความไม่พอใจจึงเดินทางไปพบนางสมหวังและเล่าความจริงเกี่ยวกับการเป็นสามีภริยาระหว่างตนกับนายตู่ให้นางสมหวังฟัง โดยนางเต้นให้เหตุผลว่านายตู่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันกับตนหลายแปลง แต่นายตู่ไม่ยอมแบ่งให้ตนเองจึงไม่ยอมจดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์สินกับตน เพราะกลัวสูญเสียทรัพย์สินดังกล่าว


    ซึ่งนางสมหวังได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นางเต้นได้กล่าวทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นความจริงนางสมหวังเสียใจมาก จึงฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างตนเองกับนายตู่ที่เป็นโมฆะและเรียกค่าเสียหายเป็นค่าทดแทนในชื่อเสียง และค่าเสียโอกาสจากการประกอบอาชีพที่ต้องลาออกจากการเป็นข้าราชการครู เป็นค่าทดแทนจำนวน 500,000 บาท และค่าเลี้ยงชีพต่อเดือน เดือนละ 12,000 บาท
     
    แต่นายตู่ให้การว่าตนเองไม่ได้อยู่กินกับนางเต้นมาเป็นเวลาเกินกว่า 3 ปีแล้ว จึงเป็นเหตุหย่าขาดจากนางเต้นได้ ตนเองจึงมีสิทธิที่จะแต่งงานใหม่กับนางสมหวังได้ แต่ถ้านางสมหวังจะเพิกถอนการสมรสก็ให้คืนของหมั้นที่เป็นบ้านและที่ดิน ราคา 4,000,000 บาท และทองคำน้ำหนัก 10 บาท ที่ตนได้มอบให้นางสมหวังเป็นของหมั้นทั้งหมดด้วย ส่วนค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพตนไม่ต้องรับผิดชอบเพราะการสมรสเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย กรณีตามปัญหาดังกล่าวศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร]
     
    ตามปัญหาแม้นายตู่กับนางเต้นจะมิได้อยู่ด้วยกันและมิได้ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันก็เป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา1516 (4) หรือ (6) ที่คู่สมรสอีกฝ่ายอาจนำมาฟ้องร้องได้เท่านั้น มิได้มีผลต่อความสมบูรณ์ของการสมรสระหว่าง นายตู่ และนางเต้น นางเต้นจึงยังเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายตู่อยู่ตลอดมา

    เมื่อนางสมหวังมาจดทะเบียนสมรสกับนายตู่ขณะที่นายตู่มีนางเต้นเป็นคู่สมรสอยู่ จึงเป็นการสมรสที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการสมรสใน ป.พ.พ.มาตรา 1452 และเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 และเมื่อขณะที่นางสมหวังจดทะเบียนสมรสกับนายตู่นั้น นางสมหวังไม่ทราบว่านายตู่ได้จดทะเบียนสมรสกับนางเต้นอยู่แล้ว นางสมหวังจึงเป็นผู้สมรสโดยสุจริต นางสมหวังฟ้องของให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสระหว่างนางสมหวังกับนายตู่เป็นโมฆะ

    ดังนั้นนางสมหวังจึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากนายตู่ได้ตามป.พ.พ.มาตรา 1499 วรรคสาม และตามป.พ.พ.มาตรา 1499 วรรคสอง การสมรสที่เป็นโมฆะเพราะฝ่าฝืน มาตรา 1452 (สมรสซ้อน) ซึ่งไม่ทำให้ชายหรือหญิงผู้สมรสโดยสุจริตเสื่อมสิทธิที่ได้มาเพราะการสมรส ก่อนที่ตนเองจะรู้ถึงเหตุที่ทำให้การสมรสเป็นโมฆะนั้น (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 3192/2549, 3134/2530) !19
     
     
    สรุปได้ว่านางสมหวังสามารถฟ้องให้การสมรสระหว่างตนเองกับนายตู่เป็นโมฆะได้เพราะตนเองไม่รู้ว่านายตู่มีคู่สมรสอยู่ในขณะที่ตนเองจดทะเบียนสมรสกับนายตู่ จึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียและเมื่อนางสมหวังสุจริตในเวลาทำการสมรสกับนายตู่ นางสมหวังจึงไม่เสื่อมสิทธิที่ได้มาเพราะการสมรส คือ ของหมั้นที่เป็นบ้านและที่ดิน ราคา 4,000,000 บาทกับทองคำ น้ำหนัก 10 บาท ที่นายตู่มอบให้เป็นของหมั้นในวันแต่งงานนางสมหวังจึงไม่ต้องคืน
     
    และนางสมหวังยังมีสิทธิเรียกค่าทดแทนในความเสียหายแก่ชื่อเสียงเป็นตัวเงินได้เป็นจำนวนที่สมควรแก่ฐานานุรูป ซึ่งนางสมหวังคิดเป็นเงิน 500,000 บาทนั้น ศาลสามารถกำหนดให้ได้ตามสมควรอันเป็นดุลพินิจของศาล ส่วนค่าเลี้ยงชีพที่เรียกเป็นรายเดือนจำนวน 12,000 บาทต่อเดือนนั้น นางสมหวังก็มีสิทธิเรียกได้เพราะนางสมหวังต้องลาออกจากการเป็นข้าราชการครูที่มีเงินเดือนแน่นอนอันเนื่องมาจากการสมรสกับนายตู่ เพื่อออกมาเป็นแม่บ้าน นายตู่จึงต้องรับผิดชอบค่าเลี้ยงชีพต่อนางสมหวังเป็นรายเดือนด้วย ซึ่งจะเป็นจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับฐานานุรูปของผู้รับและความสามารถของผู้ให้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลเช่นกัน
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000067978
  13. moddang
    "ความสุขที่แท้จริง"
     

     
     
    ผม เคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่งนานมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ท่านหนึ่งลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง แล้วบอกให้นักเรียนลองทำให้เส้นตรงเส้นนี้สั้นลงโดยไม่ต้องลบ นักเรียนต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไม่ได้เพราะทุกคนติดอยู่กับภาพ ลักษณ์ของการลบเส้นเดิมทิ้งไปเพื่อให้เส้นเดิมสั้นลงไป อาจารย์ท่านนั้นจึงขอให้นักเรียนรายหนึ่งเขียนเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่า เส้นเดิม ภายหลังจากที่นักเรียนลากเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิมแล้ว อาจารย์ท่านนั้นอธิบายให้นักเรียนฟังว่า
     
    "การ ที่มีคนลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง ไม่ว่าเส้นตรงที่ลากมาจะยาวแค่ไหน เราสามารถทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไปได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบเส้นของคน อื่นให้สั้นลง แต่เราสามารถทำให้เส้นของคนอื่นสั้นลงโดยที่เราลากเส้นของเราให้ยาวขึ้น ยิ่งเราลากเส้นยาวออกไปมากเท่าไหร่เส้นเดิมที่ลากไว้ก็จะสั้นลงไปทุกที เปรียบเหมือนการที่ใครซักคนทำในสิ่งหนึ่งที่ดีอยู่ประสบความสำเร็จอยู่ เราไม่ควรให้ความอิจฉาริษามาก่อให้จิตของเรารุ่มร้อนและหาทางกลั่นแกล้งคนๆ นั้นด้วยการหาทางทำลาย เหมือนกับการพยายามลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง ตรงกันข้ามควรจะยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น เหมือนกับที่เรามองความยาวของเส้นตรงที่คนอื่นลากไว้ แต่เราหาทางพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับการพยายามลากเส้นตรงเส้น ใหม่ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ไปลบเส้นของคนอื่น เส้นตรงที่เราลากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ โดยเส้นเดิมที่เราลากไว้ก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆโดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบออก ให้สั้นลง"
     
     
    การ คิดในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ทำให้จิตใจของเราโปร่งสบาย ไม่รุ่มร้อน เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้แข่งกับใครแต่เราแข่งกับตัวของเราเองอยู่ตลอด เวลาและเราไม่ได้ไปสร้างศัตรูหรือไปก่อเวรกับคนอื่น ตรงกันข้ามการแข่งขันระหว่างกันเป็นไปในทางเกื้อก้ลกันทำให้ระบบโดยรวมมีการ เติบโตอยู่ตลอดเวลาไปในทางที่เป็นบวก คงไม่สำคัญว่าคุณต้องชนะคนทั้งหมด สิ่งสำคัญคงอยู่ที่คุณพยายามชนะตัวของคุณเองอยู่ตลอดเวลาต่างหาก เพียงแต่เมื่อใดคุณสามารถชนะตัวของคุณเองได้ ชัยชนะที่ได้ก็จะมีความหมายและทำให้คุณเกิดความภูมใจ และถ้าคุณยังไม่หยุดพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะชนะตัวคุณไปเรื่อยๆ เมื่อคุณมองย้อนกลับมาเมื่อไหร่คุณก็จะมีแต่ความใจในชัยชนะที่ขาวสะอาด ชัยชนะที่เป็นแรงขับดันให้คุณพยายามพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
     
    การ ประสพความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนมีอยู่หลายวิธี บางครั้งผู้คนต่างพยายามเลียนแบบเส้นทางประสพความสำเร็จของผู้อื่น แต่เมื่อเดินตามเส้นทางนั้นกลับพบว่าไม่ประสพความสำเร็จนัก ความสำเร็จในชีวิตของผู้คนคงไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบอย่างเดียวกันเสมอไป และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นทางเดียวกันเสมอไป สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ความสุขใจที่ได้เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองมากที่ สุดมากกว่า
     
    จง อย่าพยายามเลียนแบบเส้นทางไปสู่ความสุขของผู้อื่น เพราะนิยามความสุขของผู้คนต่างกัน ความสุขที่เราเห็นผู้คนอื่นมีความสุขกันอยู่ ถ้าเราไปอยู่ในสถานะนั้นเราอาจจะไม่มีความสุขอย่างที่เราเข้าใจก็ได้ สุขและทุกข์แท้จริงอยู่ที่ใจของเรากำหนดต่างหาก ลองมองทุกอย่าง อย่างเป็นกลางๆ ไม่เอาความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อคติ มาครอบงำ แล้ววันหนึ่งเราอาจจะค้นพบความหมายของคำว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเราเอง
     
    http://www.love4home.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=109733&Ntype=4
     
    Source: ข้อคิดคำคม - คำขำ / เกร็ดความรู้....
  14. moddang
    เก็บเอามาฝากค่ะ.... ของเล่นชิ้นใหม่อีกแล้ว ..เหลือบเห็นที่กระทู้เฮีย เก็บลงบล็อค อุตส่าห์ไปขอเฮียให้นำลงบล็อค เลยทำเองเลย มาที่นี่ ใครมาอ่านบล็อคเรา ก็ได้อ่านของเฮียด้วยดีไหม ๆ .ขอบคุณค่ะเฮีย
     
     
    Source: ทิศทางราคาทองคำ โดย Kumponys
  15. moddang
    ฝากถามน้องทรี พี่ได้รับเมล์ ถ้าจริงจะได้บอกต่อจ้ะ
    !_Rd
     
    กฎหมายใหม่ กระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็น ประโยชน์ค่ะ อยากให้รู้กันมากๆ...
    กฎหมายใหม่ของกระทรวงยุติธรรม คุ้มครองประชาชน
     
    1. ผู้หญิงโดนข่มขืน แจ้งความ ใบรับรองแพทย์ แจ้งว่าโดนข่มขืน รับเงิน 30,000 บาท !32
    2. ถูกทำร้ายร่างกาย แจ้งรับเงิน 30,000-70,000 บาท
    3. เป็นพลเมืองดี แต่ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ แจ้งรับเงิน 100,000 บาท
     
    อายุการแจ้งความไม่เกิน 1 ปี ดำเนินการอย่างช้า 4 เดือน
    โทร. สอบถามได้ที่ กระทรวงยุติธรรม หรือ โทร. 1133
    หาดู หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 11 - 12 มกราคม 2550
    ส่งต่อด้วย ก็จะดีนะ ขอบคุณคนไทย ทุกคน
     
     
    ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไปนะคะ
    จะได้ไม่สับสนและเกิดความเข้าใจผิดซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะแบ่งเป็น ๒ กรณี คือค่าตอบแทน และค่าทดแทน ,
    ค่าตอบแทน ใช้ในกรณี เป็นผู้เสียหายในคดีอาญา, ส่วนค่าทดแทน ใช้ในกรณีเป็นจำเลยในคดีอาญา
     
    จากกรณีข้างต้นที่พี่มดแดงยกตัวอย่างมา ทรีเชื่อว่า น่าจะเป็นแนวคิด เพื่อให้สังคมตื่นตัว ไม่ใช่กฎหมายใหม่แต่อย่างใด
    เพราะกฎหมายที่จะนำมาบังคับใช้ได้ต้องผ่านสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
    ซึ่งปัจจุบันยังคงใช้ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔
    ประกอบกับ กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
    พ.ศ. ๒๕๔๖ อยู่ค่ะ ทั้งนี้ได้คัดย่อ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและอ่านง่ายขึ้น ดังนี้ค่ะ
     
    พ.ร.บ. ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔
     
    ผู้มีสิทธิได้รับค่าคุ้มครองแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
     
    1.ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดอาญา
     
    2.จำเลยที่ถูกขังในระหว่างพิจารณาคดีและต่อมาอัยการถอนฟ้อง
    หรือปรากฏภายหลังว่าศาลยกฟ้องเนื่องจากมิใช่ผู้กระทำความผิด
    หรือการกระทำไม่เป็นความผิด
     
     
    1.ผู้เสียหายในคดีอาญา หมายถึง ผู้ที่ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือจิตใจ จากการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่น
    โดยผู้เสียหายมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น และไม่มีโอกาสได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยวิธีอื่นใด
    เช่น ไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ หรือ จับได้แต่ผู้กระทำความผิดไม่มีทรัพย์สินใดจะมาชดใช้ความเสียหายให้
    เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายหรือทายาท
    จึงมีสิทธิได้รับค่าตอบแทน ที่จำเป็นและสมควรจากรัฐ
     
    ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา แบ่งเป็น 2 กรณี
     
    1.กรณีเสียชีวิต
    ◦ค่าตอบแทนตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
    ◦ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
    ◦ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ไม่เกิน 30,000 บาท
    ◦ค่าเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
     
    2.กรณีทั่วไป
    ◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
    ◦ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาท
    ◦ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ ตามปกติจ่ายในอัตราวันละไม่เกิน 200 บาท
    เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ
    ◦ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
     
    “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
     
    2.จำเลยในคดีอาญา หมายถึง ผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยพนักงานอัยการและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี
    ต่อมาภายหลังปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
    มีการถอนฟ้องระหว่างการดำเนินคดี หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าไม่ได้กระทำความผิด หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด
    เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายแก่จำเลยหรือทายาท
    จึงมีสิทธิได้รับ ค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย ที่จำเป็นและสมควรจากรัฐ
     
    ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แบ่งเป็น 2 กรณี
     
    1.กรณีเสียชีวิต
    ◦ค่าทดแทน จำนวน 100,000 บาท
    ◦ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
    ◦ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จำนวนไม่เกิน 30,000 บาท
    ◦ค่าเสียหายอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
     
    2.กรณีทั่วไป
    ◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หากความเจ็บป่วยนั้นเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี
    ◦ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท หากความเจ็บป่วยนั้นเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี
    ◦ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างถูกดำเนินคดีอัตราวันละไม่เกิน 200 บาท นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบกิจการงานได้ตามปกติ
    ◦ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินคดี ได้แก่
    ■ค่าทนายความ เท่าที่จ่ายจริงในอัตราไม่เกินกฎกระทรวงกำหนด
    ■ค่าใช้จ่ายอื่น เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
     
    โดยยื่นคำขอตามแบบและเอกสาร ภายในกำหนดเวลา ดังนี้
     
    1.ในกรณีผู้เสียหาย ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำความผิด
     
    2.ในกรณีจำเลย ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง เพราะปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
    หรือวันที่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีนั้นว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด หรือ การกระทำของจำเลย ไม่เป็นความผิด
     
    - กรณีผู้เสียหายหรือจำเลยในคดีอาญาไม่สามารถยื่นคำขอด้วยตนเองได้ ให้ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือ ผู้อนุบาล ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยา หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจากผู้เสียหายหรือจำเลย สามารถยื่นคำขอแทนได้
    - หากบุคคลใดยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย โดยแสดงข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     
    ความผิดที่ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนต้องอยู่ในประเภทความผิดดังต่อไปนี้
     
    1.ความผิดเกี่ยวกับเพศ
    2.ความผิดต่อชีวิต
    3.ความผิดต่อร่างกาย
    4.ความผิดฐานทำให้แท้งลูก
    5.ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก
     
    วิธีการยื่นคำขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย
     
    ส่วนกลาง ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่
    ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
    กระทรวงยุติธรรม
    ในส่วนภูมิภาค ยื่นได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด
     
    เอกสารจำเป็นที่ผู้เสียหายต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีขอรับค่าตอบแทน
     
    1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
    2.สำเนาทะเบียนบ้าน (ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
    3.สำเนาทะเบียนสมรส
    4.สำเนาสูติบัตร
    5.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ / สกุล
    6.หนังสือมอบอำนาจ
    7.หนังสือให้ความยินยอมของทายาทอื่นในการยื่นคำขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหาย
    กรณีมีทายาทผู้มีสิทธิยื่นคำขอในกรณีเดียวกันหลายคน
    8.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
    9.สำเนาใบรับรองแพทย์
    10.รายงานการสอบสวนของสถานีตำรวจ และบันทึกประจำวันการแจ้งความ
    11.สำเนาใบมรณะบัตร (กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย)
    12.สำเนาใบชันสูตรแพทย์ หรือใบชันสูตรพลิกศพ
    13.หลักฐานการมีรายได้ในกรณีประกอบอาชีพ
    14.หลักฐานการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากหน่วยงานอื่น
     
    เอกสารจำเป็นที่จำเลยต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีขอรับค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย
     
    1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน / บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
    2.สำเนาทะเบียนบ้าน (ของผู้เสียหายและผู้ยื่นคำขอ)
    3.สำเนาทะเบียนสมรส
    4.สำเนาสูติบัตร
    5.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ / สกุล
    6.หนังสือมอบอำนาจ
    7.หนังสือให้ความยินยอมของทายาทอื่นในการยื่นคำขอรับค่าทดแทน
    และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญากรณีมีทายาทผู้มีสิทธิยื่นคำขอในกรณีเดียวกันหลายคน
    8.ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลและอื่นๆถ้ามี
    9.สำเนาใบรับรองแพทย์
    10.คำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิด หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด
    หรือปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิดและมีการถอนฟ้องในระหว่างดำเนินคดี
    11.หมายขังและหมายปล่อย
    12.หนังสือรับรองคำพิพากษาถึงที่สุด
    13.สัญญาจ้างว่าความหรือหนังสือรับรองว่าจ้างว่าความ
    14.สำเนาใบแต่งทนาย (รับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาล)
    15.สำเนาใบมรณะบัตร (กรณีจำเลยถึงแก่ความตาย)
    16.สำเนาใบชันสูตรแพทย์
    17.หลักฐานการมีรายได้
    18.หลักฐานการได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากทางอื่น
     
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
     
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : พี่น้องและผองเพื่อนนักกฎหมาย ทุกท่านค่ะ
     
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------
    update 26 มิถุนายน 53
     
    มีเพิ่มเติม ให้พี่มดแดง และทุก ๆ ท่าน อีกยาวหน่อยค่ะ
    วิบากกรรมของจำเลย (แพะ) ในคดีอาญา
     
    คดีฆาตกรรมนางสาวเชอรี่แอน ดันแคน นักเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อันเป็นที่มาของการจับแพะ ให้ต้องตกเป็นจำเลย เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือกรมตำรวจในขณะนั้น ได้จับกุม
    นายกระแสร์ พลอยกุ่ม, นายธวัช กิจประยูร, กับพวก ต่อมาพนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกระแสร์ พลอยกุ่ม, นายธวัช กิจประยูร กับพวกในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพวกจำเลยกระทำความผิดจริง จึงพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต นายธวัช กิจประยูร เป็นผู้หนึ่งที่ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตเมื่อวันที่ ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๓ แต่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวนายธวัช กิจประยูร กับพวก
     
    คดีนี้เป็นที่กล่าวขานกันมาก เพราะเป็นที่แน่ชัดว่ามีการจับผิดตัว นับเป็นวิบากกรรมของบรรดาจำเลยที่ต้องตกเป็นแพะรับบาป เป็นรอยด่างในกระบวนการยุติธรรมคดีหนึ่งที่มีการจับผิดตัว และมีการวิจารณ์กันมากเพราะในระหว่างถูกดำเนินคดีปรากฏว่า นายรุ่งเฉลิมหรือเฮาดี้ กนกชวาลชัย ตายในระหว่างดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ นายพิทักษ์ ค้าขาย ติดเชื้อโรคในเรือนจำและมีอาการเรื้อรัง และตายภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไม่นาน พวกจำเลยกับนายธวัช กิจประยูร ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เนื่องจากการที่พวกตนต้องสูญเสียเสรีภาพไปช่วงหนึ่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมตำรวจในสมัยนั้น ต่อมานายธวัช กิจประยูร ถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุมะเร็งโพรงจมูกและมะเร็งลำไส้ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ภายหลังมีคำพิพากษาแล้ว ส่วนนายกระแสร์ พลอยกุ่ม ซึ่งเป็นจำเลยคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ก็ถูกขังระหว่างพิจารณาจนร่างกายพิการ
     
    ๒๕ กันยายน ๒๕๔๖ ศาลแพ่งพิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชดใช้ค่าเสียหายรวม ๒๕ ล้านบาทเศษ โดยส่วนของนายธวัช กิจประยูร ได้รับเสียหายทั้งสิ้น ๘,๑๗๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จคิดถึงวันฟ้อง เป็นเงินประมาณ ๑๒ ล้านเศษ แต่นายธวัช กิจประยูร ไม่ได้ใช้เงินเหล่านี้เลย
     
    ผลพวงของคดีนี้ทำให้การออกกฎหมายฉบับหนึ่งชื่อว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ กฎหมายฉบับนี้ให้ความคุ้มครองแก่จำเลยที่ต้องตกเป็นแพะในคดีอาญา หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้คือ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กฎหมายฉบับนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อเยียวยา คือรัฐจะมอบค่าใช้จ่ายและค่าทดแทนให้กับจำเลยเท่าที่ตกเป็นแพะเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากจำเลยคิดว่าตัวเองรับความเสียหายมากกว่านั้น ก็ไม่ตัดโอกาสที่จำเลยซึ่งต้องตกเป็นแพะจะเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมจากผู้กระทำละเมิดต่อตนได้
     
    ปล. โปรดอ่านกฎหมายวันละนิด จิตจะแจ่มใส และจะช่วยให้ย่อยอาหารง่ายขึ้นค่ะ.....อิ อิ อิ
  16. moddang
    03/07/53
    จากที่ได้ปรับราคา...... ตามที่ได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้คือ ...
     
     
    19500 + 18900 + 18200 รวม 56600 บาท ( ได้บวกเพิ่มไป25บาท เพื่อให้คิดง่ายๆ )
    19500
    18900
    18200
     
    หลังได้ปรับราคาแล้ว..ราคายังไม่ขึ้นตามที่คาดไว้
     
    จึงไม่สามารถขายราคาที่กลางของที่ปรับไว้ได้ เพราะราคาอยู่ประมาณ 19000 นิดหน่อย แถมช่วงหลังกลับลงลึกไปอีก เลยตัดสินใจรอ และ ขาย ตัวล่าง 18200 ในราคาที่สูงกว่าตั้งไว้มาก =18970 ได้กำไรมา 970/บาท เพือที่จะไปดักรอซื้อที่ต่ำ ซึ่งก็เสี่ยงว่าราคาจะลงไปให้เราซื้อได้ใหม .
     
    ( ซึ่งจริงๆ อาจารย์ซีซ่าแนะนำว่า ถ้าราคามาตามที่จัดไว้ 18200 ให้ขายเลย แต่ที่ไม่ขายตรงราคาเพราะเกรงว่าต่อไปราคาอาจไม่ลงไปต่ำให้เราที่ประมาณ 18000 หรือ17900 )
     
    แต่ราคากลับร่วงลงมาเร็วมากในคืนนั้น จึงตัดสินใจดักรอซื้อที่ 18765/บาท เพราะเกรงว่าถ้าจะรอให้ต่ำกว่านี้อีก เกรงจะซื้อไม่ได้ ก็คิดว่า 205/บาท ก็ยังดี เท่ากับ 2050/10 บาททอง รวมกับครั้งที่ขายครั้งที่แล้ว เป็น 9700+2050 รวมเป็น 9700 บาท
     
    ในขณะนี้ จึงนำไปลดต้นทุนได้เท่ากับ 565750-9750 = 556000
    จึงได้นำมาปรับราคาใหม่อีก เพราะทิศทางทองตอนนี้วิ่งลง คือเปลี่ยนทิศจากขึ้นมาเป็นลงและลง อย่างเร็ว 40 เหรียญ ภายในคืนเดียว วิธีที่จะเอาตัวรอด โดยไม่อยากอยู่บนดอยมองดูราคาไม่ขึ้นมาให้ขายซะที ต้องมากกว่าที่ซื้อคืน (18765) อย่ากระนั้นเลย ปรับราคาใหม่ดีกว่า คิดดังนั้นก็ลองมาจัดใหม่เป็น
    19100 +18500 + 18000...... ( ซึ่งรวมแล้วได้เท่ากับยอดต้นทุนใหม่ คือ 556000 )
    19100
    18500
    18000
    ในระหว่างนี้ทองอยู่ที่ราคาประมาณ 18500 - 18700 กำลังคิดว่าจะเล่นอย่างไรดี หรือจะปรับราคาให้ต่ำกว่านี้อีก เพราะถ้าเอา18000 ขายไป กะจะขายที่ประมาณ 18500 แล้วต้องรอซื้อได้ที่ประมาณ 18000 และถ้าสมมติทำไ้ดังั้น คือซื้อได้แต่ ถ้าทองวิ่งลงไปอีกจะทำอย่างไร เพราะจะไม่มีเงินซื้อ เพราะตั้งใจจะเล่นแบบไม่มีการเพิ่มทุน....
     
    จึงมานั่งคิดที่จะปรับเป็น
     
    19800 + 18300 + 17500.....( ซึ่งรวมแล้วได้เท่ากับยอดต้นทุนใหม่ คือ 556000 )
     
    19800
    18300
    17500
     
    ระหว่างนี้นั่งรอราคาค่ะ ว่าจะไปในทางใด แล้วค่อยตัดสินใจ
  17. moddang
    !gvme เกิด divergence !Announce
     
     
    Source: ทิศทางราคาทองคำ โดย Kumponys

     
    Divergence
     
    ข้อมูลจากhttp://www.fxcen.com/2010/01/step-5.html
     
    เกิดจากการขัดแย้งกัน ระหว่างราคาในกราฟ และ Indicators
     
    เครื่องมือที่เหมาะกับการดู Divergence มักนิยมใช้ Macd , Rsi ส่วน stochastic ดูได้เช่นกันแต่มักจะให้สัญญาณหลอกเยอะเกินไป
     
    Bullish Divergence : เกิดจากราคาในกราฟ ยังลงต่อ แต่ Macd มีทิศทางขึ้น เริ่มเกิดขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกได้ถึงราคาในกราฟจบขาลงและเตรียมกลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้น (เรียกง่ายๆว่าเริ่มมี สัญญาณแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่)
     
    Bearish Divergence : เกิดจากราคาในกราฟ ยังขึ้นต่อ แต่ Macd มีทิศทางลง เริ่มเกิดขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกได้ถึงราคาในกราฟจบขาขึ้นและเตรียมกลับทิศเป็นแนวโน้มขาลง (เรียกง่ายๆว่าเริ่มมี สัญญาณแนวโน้มขาลงรอบใหม่)
     
    Hidden Bullish Divergence : เกิดจากราคาในกราฟเริ่มมีแนวโน้มจากต่ำไปสูงใหม่(higher low ) แต่ Macd มีทิศทางลงแล้วลงต่อ(lower low) เริ่มเกิดขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกแนวโน้มของกราฟขึ้นต่อ (เรียกง่ายๆว่าเริ่มมี สัญญาณแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่)
     
    Hidden Bearish Divergence : เกิดจากราคาในกราฟเริ่มมีแนวโน้มจากสูงไปต่ำใหม่ (lower high ) แต่ Macd มีทิศทางขึ้นแล้วขึ้นต่อ(higher high) เริ่มเกิดขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกแนวโน้มของกราฟลงต่อ (เรียกง่ายๆว่าเริ่มมี สัญญาณแนวโน้มขาลงรอบใหม่)
     
     
    Bullish Divergence
    Bearish Divergence
    สองแบบนี้ บอกถึงการกลับตัวของราคา price reverse
     
     
    Hidden Bullish Divergence
    Hidden Bearish Divergence
    สองแบบนี้ บอกถึงการวิ่งไปต่อของแนวโน้ม price follow
     
    ข้อเสียของ Divergence
     
    บางครั้งจะเกิดการหลอก(false)บ่อยเช่นกัน
    ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเข้าเทรด ซื้อ ขาย (ควรดูแนวโน้ม ยืนยันความถูกต้องก่อน)
     
    หลักการใช้
    ควรดูแนวโน้มของกราฟให้ออกก่อนว่าเป็นทิศทางเดียวกันกับการเกิด Divergence เพื่อยืนยันความถูกต้อง(ไม่โดนหลอก)
    การเกิด double top or double bottom ในกราฟหรือใน Indicators ถือว่าเป็นการเกิดสัญญาณ Divergence เช่นกัน
     
    ดูสัญญาณตามรูปครับในภาพน่าจะมองง่าย

     

     

     

  18. moddang
    จากครั้งที่แล้ว .... อ่านแล้วก็สงสัยอยู่ในใจ..........
     
    เอ้.. .ทำไมมันเป็นอย่างนี้ !38
     
    จึงได้ไปหาคำตอบให้ตัวเอง ไม่ได้ถามไถ่ออกมาเป็นคำพูด แต่ได้ไปบอกว่าอ่านแล้วงง น้องเขาก็เข้าใจในสิ่งที่เราสงสัย เหมือนทายใจเราได้ ...ลองอ่านดูนะคะ
    !_Rd
     
    ก่อนอื่น ต้องขออนุญาต ซีเนียร์ เจ้าของบทความก่อนนะคะ
    และต้องขอเรียนว่า....บทความของซีเนียร์ท่านนี้ถือว่าสมบูรณ์ ชัดเจนมาก
    เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ฎีกา และการยกตัวอย่างประกอบค่ะ
     
    !54 ในส่วนของทรี ด้วยความเคารพนะคะ ...ขออธิบายในส่วนที่พี่มดแดงสงสัย...
    ซึ่งอาจสงสัยว่าเหตุใด คนที่เป็นภรรยาน้อย จึงได้รับการชดใช้ตั้งมากมาย
    บ้านพร้อมที่ดินมูลค่า 4,000,000 บาท ทองคำหนัก 10 บาท
    ได้รับค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพ แทนที่จะถูกกฎหมายลงโทษ
     
    จากข้อเท็จจริงดังกล่าว หญิงซึ่งเป็นภรรยาน้อยสามารถพิสูจน์ได้ว่า
    ตนเองสุจริตในการจดทะเบียนสมรสซ้อน โดยตนเองไม่รู้มาก่อนเลยว่า
    ชายที่ตนเองสมรสด้วยนั้น มีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
    และยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน
    จากรูปคดี ชายเมื่อย้ายมาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ก็ไม่ได้ไปมา หาสู่ภรรยา
    ที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่พอใจที่ภรรยาไม่อาจมีบุตรได้
    และภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ก็นิ่งนอนใจ ไม่เคยมาแสดงตน
    หรือมาแสดงความเป็นเจ้าของ หรือไม่ไปมา หาสู่สามีที่อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น
    พฤติการณ์ที่บุคคลทั่วไปได้พบเห็น จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่รวมทั้งหญิง
    ซึ่งเป็นภรรยาน้อยเข้าใจว่า ชายเป็นคน “โสด”
     
    หญิง เป็นถึงข้าราชการครู เหตุใดจึงไม่สืบเสาะ สอบถาม ความเป็นมาเป็นไป
    ของชายที่ตนจะแต่งงานด้วย ต้องขอเรียนว่าเมื่อประมาณปี 2542
    ระบบทะเบียนราษฎร์ ยังไม่เป็นระบบออนไลน์ดังเช่นปัจจุบัน
    การตรวจสอบด้วยวิธีดังกล่าวจึงเป็นไปได้ยากมาก แต่เมื่อหญิงทราบความจริง
    ก็ได้ดำเนินการฟ้องเพื่อให้ศาลเพิกถอนการสมรสระหว่างตนเองกับชาย
    เพื่อให้เป็นโมฆะ
     
    และชาย ก็ได้แสดงความเป็นศรีธนญชัย โดยไม่รับผิดชอบใด ๆ คือ
     
    1. กับภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย สามีถือว่าแยกกันอยู่เกินกว่า 3 ปี
    ตนเองมีเหตุแห่งการหย่า มีสิทธิแต่งงานกับภรรยาน้อยได้
     
    2. ถ้าภรรยาน้อยจะเพิกถอนการสมรส ก็ให้คืนของหมั้น คือที่ดินและบ้านมูลค่า
    4,000, 000 บาท และทองคำหนัก 10 บาท ส่วนค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพ
    จากการที่หญิงลาออกจากข้าราชการครูเพื่อเตรียมมีบุตรและดูแลครอบครัว
    ตามที่ชายแนะนำ ชายไม่รับผิดชอบ เพราะการลาออกจากข้าราชการครู
    เกิดจากความสมัครใจของหญิงเอง และการสมรสเกิดจากความสมัครใจ
    ของทั้งสองฝ่าย
    กฎหมายจึงให้ความเป็นธรรมแก่หญิงที่สุจริต เพื่อให้ชาย ซึ่งเป็นศรีธนญชัย
    ได้เห็นเป็นประจักษ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1437 “ การหมั้นจะสมบูรณ์
    เมื่อฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิง
    เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น”
    “เมื่อหมั้นแล้ว ให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่หญิง"
    ดังนั้นบ้านพร้อมที่ดิน ซึ่งชายได้โอนให้หญิง เป็นของหมั้นก่อนแต่งงาน
    และในวันแต่งงานได้มอบโฉนดที่ดินและทองหนัก 10 บาท แก่หญิง
    ของหมั้นทั้งหมดจึงตกเป็นของหญิง และหญิงได้รับของหมั้นก่อนที่จะรู้ว่าชาย
    มีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
     
    ส่วนค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากการที่หญิงลาออกจากข้าราชการครู
    เพราะหญิงไม่ทราบว่า ชายมีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว
    จึงเชื่อมั่นในตัวชาย เชื่อในคำแนะนำของชาย ว่าจะสามารถเลี้ยงดูตนเองได้
    กฎหมายย่อมคุ้มครองความสุจริตของหญิง โดยให้ชายจ่ายค่าทดแทน
    และค่าเลี้ยงชีพให้แก่หญิง จะได้มากน้อยเท่าใดนั้น อยู่ในดุลยพินิจของศาล
     
    การสมรสระหว่างสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ยังคงมีผลสมบูรณ์
    เพราะ การแยกกันอยู่เกินกว่า 3 ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจนำมาฟ้องหย่าได้เท่านั้น
    มิได้มีผลต่อความสมบูรณ์ของการสมรส
     
    ผลของการเป็นศรีธนญชัย
     
    อยากหย่าขาดจากภรรยาหลวง กฎหมายเปิดช่อง แต่ใช้ไม่เป็น..
    ยังคงมีภรรยาคนเดิมต่อไป...
     
    อยากได้บ้านพร้อมที่ดิน และทองคำหนัก 10 บาท คืนจากภรรยาน้อย
    กฎหมายปิดปาก....มิหนำซ้ำ ต้องจ่ายค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพอีก 1 เด้ง
    .. สรุปคือ “วิบากกรรมของศรีธนญชัย” ค่ะ
     
    !54 ฉะนั้น เพื่อนสมาชิกท่านใดที่แต่งงานแล้ว ก็อย่าได้นิ่งนอนใจนะคะ..
    แวะไปเยี่ยมคุณพ่อบ้านบ้าง ...อย่าปล่อยเสือเข้าป่า...แสดงความเป็นเจ้าของบ้าง....
    เพื่อปราบไฟ ก่อนที่จะลุกลามต่อไปค่ะ....
     
    หมั่นดูแลรักษาดวงใจซึ่งกันและกันนะคะ....
     
    http://www.goldhips.com/board/viewtopic.php?p=62950#62950
  19. moddang
    อ้างจาก ครั้งที่แล้ว
     
    24 June 2010 - 12:39
     
     
    มีคำถามมาจ้า>>
    ถ้าผู้ชายโดนข่มขืนจากผู้ชาย แจ้งความแล้วจะได้ตังค์ใหมอ่ะ สงสัยจัง
     
    วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ
     
     
    ติดค้างพี่มดแดงไว้ ขอนำมาตอบนะคะ
     
    ก่อนอื่นขอยกข้อกฎหมายประกอบ.... อ่านแล้วอาจจะจั๊กจี้ นิดหนึ่งค่ะ
    แต่เป็นภาษากฎหมายจากตัวบทล้วน ๆ ค่ะ
    : ตาม ป.อ. (ประมวลกฎหมายอาญา) มาตรา ๒๗๖
    " ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเรา ผู้อื่น[/u] โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
    หรือ โดยทำให้ผู้อื่นนั้น เข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ สี่ปีถึงยี่สิบปี และ ปรับตั้งแต่ แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    "การกระทำชำเรา ตาม วรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ ของผู้กระทำ
    โดย การใช้อวัยวะเพศ ของผู้กระทำ กระทำกับ อวัยวะเพศ ทวารหนัก
    หรือ ช่องปาก ของผู้อื่น หรือ การใช้ สิ่งอื่นใด กระทำกับ อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก ของผู้อื่น
    "........................................."
     
    : ***ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๗ ***
    "ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน
    โดยเด็กนั้น จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
    "การกระทำชำเรา ตาม วรรคหนึ่ง หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่
    ของผู้กระทำ โดย การใช้อวัยวะเพศ ของผู้กระทำ กระทำกับ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือ ช่องปาก ของผู้อื่น หรือ การใช้ สิ่งอื่นใด กระทำกับ อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก ของผู้อื่น
    "***ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
    "........................................."
     
    ต้องเรียนก่อนนะคะว่า.....กฎหมายเดิมนั้นมุ่งคุ้มครองผู้เสียหายเฉพาะที่เป็นหญิงเท่านั้น
    และผู้ลงมือข่มขืนกระทำชำเรา ต้องเป็นชายเท่านั้น หากเป็นการกระทำระหว่าง
    หญิงกับหญิง, ชายกับชาย, หรือชายกับชายแปลงเพศ หญิงแปลงเพศกับหญิง
    ไม่มีความผิดตามมาตราประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ , เป็นได้อย่างมาก
    ก็แค่อนาจาร ซึ่งโทษไม่หนัก....
    ทั้ง ๆ ที่ชายหรือชายแปลงเพศหรือหญิงแปลงเพศเหล่านั้นถูกข่มขืนกระทำชำเรา
    เช่นเดียวกับหญิงปกติ.....ทำให้ผู้เสียหายที่เป็นชายหรือชายแปลงเพศ
    หรือหญิงแปลงเพศ ได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง :11 :13 :16
     
    : และเมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติว่า
    : มาตรา ๓๐ “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน”
    “ ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน”
     
    : ประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) จึงมีการแก้ไขใหม่ เพื่อให้ชายและหญิงได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกัน
    ไม่จำกัดว่าจะเป็นหญิงหรือชาย, หรือชายแปลงเพศหรือหญิงแปลงเพศ,
    เมื่อถูกกระทำในลักษณะหรือข้อหาเดียวกัน ย่อมได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกัน
    เช่น ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๖ กฎหมายใช้คำว่า “ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น....”
     
    : ”ผู้ใด” จึงหมายความว่า ผู้ลงมือกระทำ...เป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง
    : และ “ผู้อื่น” หมายความว่า ผู้ถูกกระทำ...เป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง
     
    จากคำถามของพี่มดแดง “ถ้าผู้ชายโดนข่มขืนจากผู้ชาย แจ้งความแล้วจะได้ตังค์ใหมอ่ะ สงสัยจัง”
     
    : สรุปได้ว่า ถ้าชายโดนข่มขืนจากชาย...
    .ต้องมาดูเป็นกรณี ๆ ไปว่า ชายที่โดนข่มขืนนั้นเป็น เด็กหรือผู้ใหญ่
     
    : หากชายที่โดนข่มขืนเป็นผู้ใหญ่ ก็เข้ามาตรา ๒๗๖ ค่ะ
     
    : หากเด็กชายโดนข่มขืน ก็เข้ามาตรา ๒๗๗ ค่ะ
     
    : อยากเรียนว่ามาตรา ๒๗๗ เป็นบทหนักนะคะ
    คือไม่ว่าเด็กชายหรือเด็กหญิง จะยินยอมหรือไม่ยินยอมก็ตาม
    ผิดสถานเดียว.....ค่ะ
     
    : อย่าลืมนะคะ....หากเป็นเด็กอายุไม่เกิน ๑๓ ปี โทษยิ่งหนักขึ้น
    เช่นเด็กบอกว่าโดนข่มขืน ๑ ครั้ง โทษคือ ๗ ปี...
    หากบอกว่า ๒ หรือ ๓ ครั้งลองเอา ๗ ปีคูณดู....หนาวนะคะ....
     
    : และที่สำคัญหลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า เขานับโทษกันอย่างไร...
    เขานับกันเป็นครั้งนะคะ... ไม่ใช่เหมาจ่าย....
    ที่มักหยอกล้อกันเสมอว่า ดูบัตรประชาชนก่อนนะ ถ้าไม่ถึง ๑๓ น้ำลายต้องหยุดไหลติ๋ง..ติ๋ง...
    ทำใจปล่อย ห้ามยุ่ง...
    ไม่เช่นนั้นครั้งละ ๗ ปี นะคะ...ขอบอก
     
    : ส่วนเมื่อแจ้งความแล้ว ได้ตังค์หรือไม่...
     
    : กรณีนี้เป็นความผิดอาญา ที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
    และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔
    ชายหรือเด็กชายที่โดนข่มขืนกระทำชำเรา ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา
    หากได้แจ้งความแล้วสามารถนำหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนด
    ไปยื่นความจำนงขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาได้ค่ะ
     
    วิธีการยื่นคำขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา
     
    : ส่วนกลาง ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่
    ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
    กระทรวงยุติธรรม
    : ในส่วนภูมิภาค ยื่นได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด
     
    ปล. ฝากดูแล ปกป้อง คุ้มครอง เด็กหญิงและเด็กชาย ที่อยู่ในความดูแลของทุก ๆ ท่าน
    ด้วยนะคะ....ต้นกล้าน้อย ๆ เหล่านี้ต้องการความรักเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจค่ะ
     
    จบข่าวค่ะ
×
×
  • สร้างใหม่...