zagio
ขาใหญ่-
จำนวนเนื้อหา
336 -
เข้าร่วม
-
เข้ามาล่าสุด
ประเภทเนื้อหา
โปรไฟล์
ฟอรั่ม
บทความเทคนิค
ปฏิทิน
บล็อก
แกลลอรี่
Downloads
ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย zagio
-
แต่เรื่องเจ้าภาพใหญ่สุดท้ายที่จะมาอุ้มทุกคนก็คือ IMF + world bank เจ้าเก่า จะเป็น อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยทุกคน (เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่) ส่วนราคาข้าวของก็จะลดราคาไปเอง ถ้าเกิดทองราคาลง ( ทองและดอกเบี้ยเป็นเหมือน มิเตอร์น้ำมัน ว่ามีปริมาณเิงินในระบบเท่าไหร่ ) คำแนะนำก็คือ ต้องพยายามอย่าเป็นหนี้สิน เพราะหากต่อไปเงินหายากเหมือนแต่ก่อน เราจะมีปัญหาการชำระหนี้ได้ หากจะลงทุนอะไรเช่นซื้อทอง ซื้อหุ้น ก็อย่าเกินตัว ปล.จากสมการทุก ๆ ท่านจะเห็นว่า หากจะทำให้ทองราคาขึ้นมาเป็น 5000 เหรียญ จะต้องมีเงินในระบบอีกเท่าตัวคือ 100 T
-
สมการคิดมาแบบนี้ครับ เงิน 10 T = ทองราคา 250 เหรียญ เงิน 100T = ทอง 250*100/10 = 2500 เหรียญ เงิน 25 T = ราคา 250*25/10 = 625 เหรียญ ส่วนดอกเบี้ย เงิน 10T ดอกเบี้ย 20 % เงิน 20 T ดอกเบี้ย 10% เงิน 25 T ดอกเบี้ย 8% เงิน 100T ดอกเบี้ย 2 % ขณะนี้ดอกเบี้ย คือพันธบัตร 10 ปี อเมริกาอยู่ที่ 2% ส่วนเรื่องที่ชักดาบทำให้ทองแพงขึ้น มันกลายเป็นว่าทำให้เงินในระบบลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างกรีซ ชักดาบ 75% เงินในระบบตอนแรกมี 100 % แล้วเหลือแค่ 25% ภายในข้ามคืน การลดค่าเงิน ก็เป็นการชักดาบ คือลดปริมาณหนี้สินในระบบนั่นเอง อย่างที่สวิสทำ การเกิดภัยพิบัติก็ก่อให้เกิดความเสียหายได้ เช่น ไทย โดนน้ำท่วม ก็เหมือนพิมพ์เงินแล้วหายไปกับน้ำ จึงต้องมาลองใคร่ครวญให้ดีว่า ระหว่างการพิมพ์เงินเพิ่ม กับ การลดจำนวนเงินในระบบลง (โดยชักดาบ ภัยพิบัติ ลดค่าเงิน) ตัวไหน rate มันจะไวกว่ากัน ยิ่งมารู้ว่า EURO เป็นปลาตัวต่อไปที่จะลดค่าเงิน ก็ยิ่งหวาดเสียว เพราะ EURO มีหนี้สินประมาณ 10 T หากลดค่าเงินสัก 10 % ก็ 1 T แล้ว เท่ากับการทำ QE หนึ่งครั้ง เป็น reverse QE
-
ตอนนี้การพิมพ์เงิน กำลังต่อสู้กับ การชักดาบ ว่าใครจะกำลังสูงกว่า หากอ่านข้อความข้างบนแล้วงง ว่าดอกเบี้ยจะขึ้นได้อย่างไร ให้ไปดูตัวอย่างคือพันธบัตรกรีซ สรุปรัฐบาล พิมพ์เงินเพิ่ม แจกจ่าย ประชาชน ได้เงินไป เอามาซื้อพันธบัตร สุดท้ายก็ชักดาบไป นั่นก็คือ กลับสู่ความว่างเปล่านั่นเอง
-
ราคาทองคำ สัมพันธกับปริมาณเงินในระบบโดยตรงครับ ที่ผ่านมาธนาคารกลางทั่วโลกได้ทำการ พิมพ์เงินเพิ่มมากขึ้นจริง ประมาณ 10 เท่าครับ (คุณ next เคยเอากราฟมาลง) จากราคาทองประมาณ 250 เหรียญ ถ้าคำนวณราคาทองจริง ๆ ก็ควรอยู่ประมาณ 2500 เหรียญ ที่นี้ปริมาณเงินในโลก ก็จะสัมพันธ์กับดอกเบี้ยธนาคารเช่นเดียวกัน ตอนที่กระทิงทองถูกน็อครอบที่แล้ว คุณพอล ประธาน FED สมัยนั้นได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 20% หากเราเปรียบเทียบปริมาณเงินสมัยนั้น ก็คือ 10T ดอกเบี้ย 20% ถ้าเงินเพิ่มเป็น 100 T ดอกเบี้ยจะเป็น 2% ลองไปดูพันธบัตร 10 ปีอเมริกาดูสิครับ ตอนนี้ดอกเบี้ยก็เริ่มทะลุ 2 % เรื่องของกรีซจบไปแล้ว โดยที่ ได้ยกหนี้ให้กรีซประมาณ 75 % ของเิงินต้น ที่นี้ก็เลยเป็นเรื่องใหญ่สิครับ เป็นเรื่องตรงที่ว่า ไม่ใช่เฉพาะกรีซที่มีหนี้เกินตัว เกือบทุกประเทศมีหนี้สินเกินตัวทั้งหมด หากเราใช้ กรีซ เป็น prototype แล้วไปใส่ในสมการแล้วละก็ 100T * 2% = (100-75)*X จะได้คือดอกเบี้่ยจะกลายเป็นประมาณ 8% ปริมาณเงินเหลือ 25T แล้วเราจะได้ราคาทองก็คือ 250*2.5 = 625 เหรียญ
-
บรรยากาศชักจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แล้วครับเรื่องกรีซ เท่าที่วิเคราะห์ตอนนี้ เรามีทางเลือกอีก 2 ทาง 1.พิมพ์เงินต่อไป ทองจะเกิน 1800 เหรียญ เงินเกิน 36 เหรียญ จะไป trigger ให้ FUTURE ทอง ธนาคารที่พากันช็อตไว้เยอะจะเจ็ง 2.เลิกพิมพ์เงิน ก็จะไม่มีเงินให้ประเทศต่าง ๆ เช่น กรีซ โปรตุเกส สเปน อิตาลี ก็จะเกิดปัญหา CDS ถูก trigger ธนาคารที่ขายตราสารพวกนี้ก็จะเจ็ง (แต่ได้กำไรจากช็อตทองและเงิน) (CDS คือ ตัวรับประกันตราสารหนี้ หากกรีซถูกตราหน้าว่าชักดาบ ก็ต้องชดใช้ให้นักลงทุนผู้ซื้อ CDS เต็มจำนวน ) สรุปตอนนี้ชักสับสนในจิตใจ เพราะไม่ว่าทองจะขึ้นจะลงต้องมีธนาคารยักษ์ใหญ่เจ็งแน่นอน พอธนาคารพวกนี้ขาดทุนก็ต้องขายหุ้นขายทองอยู่ดี ถือเงินสดดีกว่าแบบนี้ ดีกว่ามาสยองงง
-
สู้ ๆ ครับ ชาว thaigold อดทนถืออีกไม่นาน จะได้เห็นราคาบาทละ 50000 ครับ
-
GOLD REVALUETION ถ้าเราตีว่าทองสามารถซื้อทุกอย่างได้บนโลก ตอนนี้ GDP โลก = 64 Trillon ราคาทอง 2000 เหรียญ มีมูลค่า 8 Trillion ดังนั้นในปัจจุบันหากจะตีมูลค่าทองจริง ๆ ก็คือ 16000 เหรียญ แต่ทว่าในภาวะ เศรษฐกิจแบบนี้อาจจะเกิด collapse ได้ง่าย ๆ สมมุติว่าหายไป เหลือ 20 Trillion มูลค่าทองก็จะเหลือ 5000 เหรียญ โดยประมาณ และภาวะที่เกิดขึ้นก็จะเรียกว่า stagflation เงินทุกเหรียญก็จะถูกค้ำด้วยทองคำอีกครั้ง ที่นี้มูลค่าทอง ก็คือต้องรวมมูลค่าของเิงินด้วย ปริมาณที่เหลือมีเท่าไหร่ไม่แน่ใจ แต่ถ้าคำนวณคร่าว ๆ จากปริมาณ ที่กองทุนถืออยู่ จากอยู่ที่ 1:10 ทอง:เงิน ดังนั้น หากดูที่ normal ratio ก็คือ 1 : 15 **เป้าหมายของราคาทอง หลังจาก revaluation ก็คือ 3000 เหรียญ **เป้าหมายของเงินก็คือ 200 เหรียญ (ปริมาณมากกว่าทอง 10 เท่า) หลังจากรวมมูลค่าทองกับเงินก็จะได้ 3000+200*10 = 5000 เหรียญพอดี ส่วนหุ้นกับน้ำมัน เป็นสิ่งที่น่ากลัวพอควร เพราะว่าหากดูจากราคาเป้าหมายของทองคำแล้ว นั่นคือ 1:1 กับ DOW นั่นก็คือ DOW จะเหลือแค่ 3000 จุด เท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้น น้ำมัน ก็จะเหลือ แค่ 20 เหรียญ set ที่อิงกับน้ำมันก็จะเหลือ 200 จุดเท่านั้น ค่าเงินก็จะกลับไปอยู่แถว ๆ 37-40 บาท/เหรียญ แปลว่าเกิดเศรษฐกิจการ collapse ซึ่ง ท่าน obama บอกว่าหากน้ำมันเกิน 155 เหรียญเมื่อไหร่ เศรษฐกิจโลกจะรับไม่ไหว นั่นคือน้ำมันอาจจะถูกปั่นขึ้นไปแถว ๆ 150 เหรียญ ค่าเงินที่ 25 บาท/เหรียญ ก่อนที่จะ collapse ขอสติจงอยู่คู่ทุก ๆ ท่าน
-
ราคาทองกลับมาอยู่แถว ๆ 17xx อีกครั้ง ยังสงสัยว่า จะมี PANIC อย่างที่ลุงจิมว่าไว้หรือไม่ หากราคาทองเกิน 1800 คุณพิชัยบอกว่าจะเปลี่ยนมุมมองใหม่กับทอง ตอนนี้มูลค่าหนี้สินของพันธบัตรทั้งโลกอยู่ที่ประมาณ 40 T (เงิน 8 T = ทองราคาประมาณ 2000 เหรียญ) มูลค่าตลาดหุ้นรวมเงินสด หมุนเวียน = 60T ดังนั้นหากเกิด panic เกิดขึ้นจริง อาจจะเกิดการขายหุ้นเพื่อไปใช้หนี้สิน 60 T - 40 T = 20 T นั้นคือ = ทองราคา 5000 / ออนซ์ = dow john ที่ 5000 จุด = set ที่ 200 จุด
-
หลังจากค่าเงิน SWISS ค่าเงินก็เหลืออีกตั้ง 4 สกุลที่จะต้องลดค่าลง ถ้าเป็นแบบที่ลุง lindseys ว่า ถ้า EURO ลดค่าเงินเมื่อไหร่ หลังจากนั้นไม่เกิน 1 เดือน ค่าเงินที่เหลือก็จะต้องลดลงหมด แปลว่า เราต้องคอย monitor EURO / DOLLAR ไว้ ถ้าเกิน 1. 6 เมื่อไหร่ ประธาน ECB เคยสัมภาษณ์ว่าจะลดค่าเงิน ดังนั้นถ้าถามว่าจะขายทองเมื่อไหร่ ก็ต้องบอกว่า รอให้เค้าจัดการเรื่องค่าเงินให้เรียบร้อย อันนี้เป็นส่วนข้อเท็จจริง ส่วนที่คาดเดาก็คือ การลดค่าเงินจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นได้ถึง 150-160 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งหากถึงจริง โอบ่ามาเคยบอกว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลก collapse ได้ ถึงตอนนั้นต่างหาก จึงจะเป็นจุดวัดใจว่า จะเกิดการ panic ของทอง แบบที่ลุงจิมว่าไว้หรือเปล่า คือคนหนีตายเข้ามาในทอง ทิ้งทรัพย์สินอย่างอื่นหมด หรือจะเกิดอย่างปี 2008 ทุกอย่างลงหมด
-
ตอนนี้มีข่าว 2 ข่าวที่น่าสนใจ 1.ข่าวคว่ำบาตร อิหร่าน โดย EU และ USA -- ข่าวนี้อาจจะทำให้น้ำมันขึ้นไป 120-150 เหรียญได้ ภายใน ครึ่งปีแรก เพราะเริ่มคว่ำบาตร กค 55 2.ข่าวกรีก -- ในที่สุด ก็ยอมยกหนี้ให้ 60% และ รับซื้อพันธบัตรกรีกในอัตราดอกเบี้ย 4% เป็นกรีกโมเดล ให้กับกลุ่ม PIGSS ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ในที่สุดรัฐบาลและธนาคาร ยอมให้ค่าของเงินเสื่อมลงไปอีก ดีกว่าทำให้เกิดวิกฤต ดังนั้นปีนี้เราอาจจะได้ทองคำ ในราคา 2500-3000 เหรียญเลยที่เดียว เตรียมรับมือข้าวยากหมากแพงกันได้เลยทีเดียว
-
http://danielamerman.com/aHome.htm นี่เป็นเว็บของคุณ GURU ท่านนี้ สรุปก็คือรัฐบาลสามารถมาควักเนื้อจากทรัพย์สินของประชาชนโดยวิธีนี้ แบบนี้ไ่ม่ใช้รีดเลือดกับปู
-
วันก่อนไปอ่านบทความของ GURU ท่านหนึ่ง คุณ daniel amerman เท่าที่ผมสรุปใจความได้คือ ตอนนี้รัฐบาลทั้งโลกอ่วม ถังแตก ไม่มีเงินใช้ ดังนั้นสิ่งที่เค้าจะทำต่อไปก็คือ INFLATION TAX
-
เรื่องทอง ถ้าจะขึ้นเกิน 1900 ไปได้ อาจจะต้องรอถึงกลางปี เพราะช่วงนี้เป็นช่วง operation TWIST น่าจะทำให้ทอง ออกข้าง sideway แถว ๆ 1600-1700
-
ขอบคุณนะครับ คุณ promin มีมุขตลกเยอะดี ทำให้ผ่อนคลายได้มาก ปี 2011 เราเจอ QE2 (inflation) + swiss ลดค่าเงิน(deflation) + operation twist (neutral) ปี 2012 น่าจะมี 2 เหตุการณ์ ก็คือ QE#3 (inflation) + EURO ลดค่าเงิน (deflation) ทำที่ดู เค้ามีการ manipulate ตลาดอย่างชัดเจน โอกาสที่ตลาดจะ collapse จึงเป็นเรื่่องยากพอควร เคยอ่านข่าวดูเค้าบอกว่า จริง ๆ ทุกประเทศในโลกจับมือกันค่อย ๆ ลดค่าเงิน USD index โดยมีเป้าหมายที่ 60 จุด ในช่วง 10 ปี คือ 2551-2560 ซึ่งดูแนวโน้มเค้าก็มีโอกาสจะทำได้สูง ดังนั้นกว่าจะลดถึงขนาดนั้น เราคงจะเจอเวฟขึ้นเวฟลงแบบนี้ไปอีกหลายปีพอควร ปีนี้เลยตั้งเป้าหมายราคาทองไว้ 2000 เหรียญ = 28000 บาท/ 15.2 g ทองไทย
-
-ปีนี้เป็นปี มังกรน้ำ ธาตุบนน้ำ ธาตุล่างดิน ตลาดหุ้นเหมือนไฟ น้ำจะมาดับไฟ ตัวราศีมะโรง ก็เป็นเจ้าแห่งธาตุน้ำ -ดาวเสาร์เข้าสู่มหาอุจจ์ ตัวแทนแห่งเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง(deflation) เมื่อ 7 ธันวาคม 2554 เมื่อดาวเสาร์เข้าแล้วจะอยู่ไป 2.5 ปี จากนั้นย้ายราศี เข้่าสู่ ตำแหน่งราชาโชค ทหารจะเป็นใหญ่ีอีก 2.5 ปี รวม 5 ปี ถึง 2559 ลักษณะจะเกิดคล้ายพวกตะวันออกกลางคือ การประท้วง จราจล -ใน illuminati card ใบ bank merger จะเกิดการควบรวมของธนาคารกลางทั่วโลก แต่ก่อนจะควบรวม แบงค์จะต้องล้มก่อน แบงค์ล้มตลาดหุ้นก็คงไม่เหลือ คำทำนายก็คือการคาดเดา เพียงแต่ปีนี้เป็นปีที่แรง เราจะต้องระมัดระวังการลงทุนไว้มาก ๆ เท่านั้นเอง ไม่ควรลงทุนเกินตัวมาก ควรเก็บเงินสดไว้มาก ๆ อีกทั้ง FED ทำ operation TWIST แปลว่าจะไม่พิมพ์เงินมาก ๆ อีก เป็นสัญญาณว่าหุ้นจะผันผวนในลักษณะขาลง จน กรกฎาคม- สิงหาคม 2555 FED จึงจะประชุมใหญ่อีกครั้ง หาก FED เลิกพิมพ์เงินอีก ก็คงจบ - -
-
เหตุการณ์ที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ อาจจะเกิดขึ้นในปีมะโรง 2555 นี้ 1.economic collapse หุ้นเหลือ 200 จุด น้ำมัน 20 เหรียญ และตกต่ำไปจนถึง 2558-2559 2.gold revaluation = new world currency SDR by IMF & WORLD BANK ต่อไปจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทุกอย่าง ในโลก ทั้งหุ้น อสังหา ธนาคาร น้ำมัน (gold = 5000 เหรียญ silver = 200 เหรียญ) 3.USD index = 100 จุด ค่าเงินบาท 40 บาท/ดอลล่าห์ หากเกิดขึ้น เศรษฐกิจจะเกิดภาวะ deflation สุดขีด เงินทองเป็นของหายาก อสังหาฟองสบู่ และ หุ้นจะแตกพร้อมกันทั่วโลก ราคาข้าวของจะถูกลง แต่จะไม่มีเงินซื้อ จากนั้น IMF และ world bank ก็จะเข้ามากว้านซื้อ หุ้น อสังหา ของทุก ๆ ประเทศ ในราคาถูก โดยอาศัยทองคำที่ได้ revaluation แล้ว ธนาคารจะเหลือแค่ world bank แห่งเดียวเป็นธนาคารโลก ภาวะ HYPERINFLATION ก็จะไม่เกิดขึ้น
-
ขอบคุณ คุณหมอเล็กมาก ๆ สำหรับข่าวสาร ราคาทองปีหน้าน่าจะเป็นปีที่เคลื่อนไหวรุนแรงพอควร ตามโหราศาสตร์เราจะพบกับ อุจจ์ 2 ตัว คู่มิตร คือ ดาวเสาร์และดาวราหู ดาวเสาร์หมายถึง ตะวันออกกลาง ดาวราหูจะหมายถึง น้ำมัน ปีหน้า 2555 จะเป็นปีที่น้ำมันราคาสูง อาจจะถึงขั้นทำนิวไฮ เกิน 145 เหรียญ จากอิทธิพลของดวงดาว พลอยจะทำใ้ห้ราคาทองเกิน 2000 เหรียญไปได้ หุ้นขึ้นกระจุยกระจายตามราคาน้ำมัน แต่พอเข้าเดือน ธค 55 ดาวราหูจะย้ายเข้าสู่ราศีต่อไป ลดฐานะ เป็นราชาโชค ส่งผลให้น้ำมันหลังจากทำนิวไฮ ราคาจะเหลือแค่ทรง ๆ ค่อย ๆ ลดลงอีกประมาณ 1 ปีครึ่ง หลังจากนั้น พลังของราหูจะลดระดับลงอย่างมาก อีกทั้งดาวราหูเป็นตัวแทนของการหลอกลวง มึนเมา ดังนั้นช่วงประมาณปี 2557 ราคาทองคำจะแสดงมูลค่าที่แท้จริงออกมาเต็มที่ ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ซ่อนเก็บกันไว้ ก็จะเปิดเผยให้รู้กันหมด เกิด panic อย่างที่คุณลุงจิมว่าไว้ สรุปก็คือถือทองให้ถึงปี 2557 ช่วงนั้นราคาทองจะสูงสุด และเศรษฐกิจ เกิดการ collapse ถึงเวลานั้นใครมีเงินมีทองเก็บไว้ ก็จะสามารถซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ ได้ในราคาไม่แพง สู้ต่อไปชาวไทยโกล์ด ต้อนรับเข้าสู่ปี มังกรทะยาน นะครับ
-
เห็นด้วยกับหมอเล็กเรื่อปริมาณเงินว่ามันไม่น่าจะพอ แค่กรีซประเทศเดียวแทบหมด จะให้พอจริงต้องสัก 5trillion ปีนี้โลกวุ่นวายอีกครั้ง เพราะปีนี้จะเป็นปีที่ตะวันออกกลาง จะเข้มแข็งมากขึ้น มาพร้อมกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นมาก
-
ถ้าเกิดทองบาทละ แสน. ต่อไปร้านขายทองต้องเลิกขาย เปลี่ยนมาขายเงินแทน แล้วใครอยากขายทองก็ไปขายที่กระทรวงการคลัง แต่ถ้าขายแล้วไม่มีให้ซื้อคืนเท่านั้น. 5555
-
เห็นด้วยกับเรื่อง EURO 1.25 แล้วอเมริกาจะพิมพ์ QE3 ครับ QE3 --> usd index = 65 --> EURO ลดค่าเงิน PEG DOLLAR --> USD index 75 --> USD ลดค่าเงิน PEG GBP --> USD index 58 the begining of the end
-
่จากการคำนวณแค่ทอง 4000-5000 เหรียญ เศรษฐกิจโลกก็ไปไม่เป็นแล้ว เผลอ เราจะได้เห็นน้ำมัน 10 เหรียญอีกรอบ แต่เงื่อนไขในการที่เศรษฐกิจจะล้มได้มี 1.ค่าเงินดอลล่าห์ถูกลดค่าเงิน จะเป็นจุดเริ่มต้น (usd index ต่ำสุด - 60 จุด) (dollar collapse) 2.ราคาน้ำมันที่เกิน 155 เหรียญ เพราะโอบาม่าเคยบอกว่า ราคาน้ำมันที่เกินราคานี้อเมริกา กับ ยูโรปจะรับไม่ไหว 3.SDR กลืน YEN เข้าไปหมด(YEN ลดค่าเงิน)จะเป้นจุดสิ้นสุด (usd index - 100) ถ้าเราเอา SWISS MODEL เป็นหลัก จะเห็นว่าการขึ้นใช้เวลา 4 เดือน การปรับฐานอีก 4 เดือน ต่อเงินหนึ่งสกุล สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ในปีหน้าก็คือ ยูโรป(พค)และอเมริกา(ธค)จะลดค่าเงิน เราจะได้เห็นน้ำมันระดับ 160-170 เหรียญ SET 17xx ทองคำ 2500-3000 เหรียญ USD index 60 จุด ปลายปี 2555 (the beginning of the end) (ปีหน้าเป็นปีแห่งการเกร็งกำไรที่ดีทีสุดเลยครับ) ปล.ผมเดานะครับ ถ้าผิดก็ขออภัยด้วย ถ้าไม่ชอบก็ผ่่านได้เลยนะครับ ผมเสนอไอเดียเฉย ๆ ช่วงไตรมาส 1 อเมริกาจะต้องพิมพ์เงินจำนวนมากเพื่อช่วยยูโรป ไม่งั้น ยูโรปไม่รอดแน่ ๆ
-
ราคาทองมันต้อง หารสองก่อนนะครับ คุณ GOLD2RICH ส่วนจุดหักเหมันอยู่ช่วงต่อที่อเมริกาลดค่าเงินนั่นแหละครับ จะทำให้ USD index เหลือ 60-65 จุดได้ แต่พอ GBP และ YEN ลดค่าเงิน ก็จะดึงให้ USD index กลับมาที่ 80-100 ได้น่ะครับ
-
เรื่องค่าเงิน USD index ในตอนจบ จะกลับไปที่ 100 จุดเสมอครับ ถ้าลดค่าเงินหลักครบทุกสกุล ไม่ว่าเราจะคิดในกรณีสถานการณ์แบบไหนก็ตามครับ ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ สถานการณ์จะเป็นตัวเฉลยที่ดีที่สุดครับ นี่ก็เป็นแค่การวิเคราห์ตามทฤษฎีเท่านั้นครับ
-
จำปลาตัวแรกไม่ได้หรือครับ SWISS NATION BANK ลดค่าเงินแล้วไป PEG กับ EURO แล้วประกาศพิมพ์เงินไม่อั้น ก่อนหน้านั้นทองคำถูกลากจาก 1600 --> 1900 เหรียญ พอประกาศปุ้บก็ถูกทุบในเวลาไม่นานเหลือต่ำกว่า 1600 เลยทีเดีย ดังนั้น ถ้าหากมีการลดค่าเงิน EURO จริง และ PEG กับ DOLLAR ก่อนหน้านั้นราคาจะถูกลากขึ้นไปรับข่าวก่อน พอประกาศทองก็จะถูกทุบทันที เพื่อให้ คนที่ถือเงินรู้สึกว่า ทองมีความผันผวนไม่น่าซื้อ (พวกพิมพ์เงินมาช็อตนี่น่ากัว) เท่าที่วิเคราะห์ จาก USD index = DOLLAR/SWISS+EURO+GBP+YEN EURO ถึงจุดสูงสุด จะประกาศลดค่าเงิน แล้วทุบ เหมือนสวิส DOLLAR พอประกาศลดค่าเงิน ราคาทองจะพุ่งขึ้นไปเท่า HIGH แล้วถูกทุบต่ำกว่าก่อนประกาศ GBP กับ YEN จะเหมือนกับ EURO นี่คือลักษณะเวฟที่คาดเดา หากเราใช้ SWISS MODEL เราจะพบกับคำว่า ผันผวนแบบ SIDEWAY UP
-
ในกรณีที่เลวร้ายสุด ๆ ประเทศต่าง ๆ ลดค่าเงินกัน USD index เพิ่มขึ้น จนถึงตัวสุดท้าย USD index จะประมาณ 100 จุด เป็นเงินบาทก็ 40 บาทต่อ USD ราคาทองจะอยู่ที่ประมาณ 1000 เหรียญ คิดเป็นเงินบาทก็ 19000 บาท ก็นับว่าบาดเจ็บพอควรแต่ไม่มาก (ขาดทุนสูงสุดประมาณ 20% จากราคาปัจจุบัน) แต่ถึงเวลานั้นเศรษฐกิจจะล่มสลาย อย่างหุ้นไทยอาจจะเหลือ 100 จุด (ขาดทุน 90% จากราคาปัจจุบััน) แบบนั้นก็ขายทองไปซื้อหุ้นได้อยู่ดี แต่สถานการณ์ที่คาดการณ์ไว้ก็คือ ทอง 4500 เหรียญ แล้วค่อยรอดูหุ้นตอนนั้น