ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

promin

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    601
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

359 ดีขั้นเทพ

เกี่ยวกับ promin

  • คะแนนนิยม
    ขาใหญ่

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  • ที่อยู่
    เชียงราย
  • ความชื่นชอบ
    คอมพิวเตอร์ ทอง เงิน
  1. ขำๆ rate R+ เรื่อง โจ๊กคอยขิง มีอาแปะขายโจ๊กตอนเช้าอยู่คนนึง ทุกวันก็จะมีลูกค้ามากมาย แล้ววันหนึ่งมีลูกค้าอาหมวยสวยเอ็กซ์ ใส่สายเดี่ยวคอเว้าโชว์เนินอกเข้าก็นั่งเก้าอี้ อาหมวย : "เอาโจ๊กหมูไม่ใส่ไข่ค่ะ" อาแปะ : "ล้ายๆ" อาแปะมองที่อาหมวย ผ่านไปห้านาทีอาแปะก็ยังนั่งที่เก้าอี้ไม่ลุกขึ้นมาทำโจ๊ก อาหมวยจึงเดินมาหาอาแปะแล้วถาม อาหมวย : "อ้าว แปะ ทำไมไม่ทำโจ๊กให้ล่ะ?" อาแปะ : "รอเหลียว อั๊วคอยขิง" อาหมวย : "รอไรแปะ ขิงเต็มถ้วยเนี่ย" อาหมวยถาม อาแปะ : "ไม่ล่าย อั๊วะคอยขิงอยู่" อาหมวย : "งั้นของชั้นไม่ใส่ขิงก็ได้" อาหมวยงง อาแปะ : "ไม่ช่ายยย อั๊วะคอยขิงอยู่ ยืงไม่ล่ายยยย
  2. พระเอกับพระบีคุยกัน เมื่อกลับมาถึงวัดหลังเสร็จกิจนิมนต์ พระเอ : ทำไมเอ็งถึงรีบลุกหนีมา ตอนเจ้าภาพเขากำลังจะถวายสังฆทานกับปัจจัยให้ล่ะ พระบี : ให้กูนั่งได้ไง กูได้ยินแม่ถามลูกชายว่า "ลูกซองอยู่ไหน? ไหนล่ะลูกซอง? รีบไปเอามา เดี๋ยวพระจะกลับซะก่อน" สักพักแกก็พูดออกมาดังๆว่า "ฆ่าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ..." กูก็เลยรีบเผ่นกลับวัดเลย
  3. แก้เครียด คนไข้รายใหม่เข้ามาใน รพ.โรคจิต ซึ่งเป็นผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นนายกฯ แต่มีคนไข้ชายอีกคนซึ่งอยู่ก่อนแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นนายกเช่นกัน หมอตัดสินใจให้ทั้งสองอยู่ห้องเดียวกัน คนไข้ทั้งสองก็เกิดทะเลาะกัน ตกกลางคืนกลับเงียบ รุ่งเช้า ... หมอนำคนไข้คนใหม่ออกมาสอบถาม "เป็นไงบ้างครับท่านนายกฯ?" "ผมไม่ได้เป็นนายกฯครับหมอ นายกฯอยู่ในห้องต่างหาก" "โอ...แสดงว่าคุณดีขึ้นแล้ว ว่าแต่ตอนนี้คุณเป็นใครหรือครับ?" "ฉันเป็นเมียนายกฯ" !!!
  4. ขำๆ รอทอง ***ขอขึ้นค่าแรง*** สาวใช้ : คุณนายควรจะปรับค่าแรงให้หนูได้แล้วนะคะ คุณนาย : ไหนแกบอกเหตุผลสัก 3 ข้อ มาให้ฟังหน่อยว่าทำไมต้องปรับค่าแรงให้แก สาวใช้ : ประการแรก หนูทำกับข้าวได้อร่อยกว่าคุณนายค่ะ คุณนาย : ใครบอก สาวใช้ : คุณผู้ชายค่ะ คุณนาย: เออ สาวใช้ : ประการที่สอง หนูรีดผ้าได้เรียบกว่าคุณนายค่ะ คุณนาย : ฉันยอมรับ สาวใช้ : ประการสุดท้าย เรื่องบนเตียงหนูดีกว่าคุณนายค่ะ คุณนาย: ห๊าา.!คุณผู้ชายบอกแกเหรอ สาวใช้: คนขับรถค่ะ คุณนาย: งั้นเงียบๆเลย เอาเงินไป!!
  5. ณ คณะทันตแพทย์ (hospital)(school)(bank)(spa)(building) คนไข้ : หมอครับ ผมไม่สบาย ช่วยรักษาผมที !! หมอ : เป็นอะไรมาล่ะ ? คนไข้ : ไม่ทราบเหมือนกัน ครับ เอามือจับฟันก็เจ็บ จับแก้มก็เจ็บ จับหัวก็เจ็บ จับเหงือกก็เจ็บ จับตรงไหนก็เจ็บ ไปหมดเลยครับ หมอ : อ๋อ... นิ้วมึงเป็นแผล !! ___ 6566
  6. เอามาฝากจากเฟสค้าบ ชายชาวจีนคนหนึ่ง แบกถังน้ำสองใบจากบ้านของเขาไว้บนบ่า เพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิใดๆ เขาบรรจุน้ำไว้เต็มถัง แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับมา จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มๆ ที่ชายชาวจีนตักน้ำกลับมาบ้านได้เพียงหนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า ถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ที่มันถูกสร้างขึ้นมา หลังจากเวลา 2 ปีผ่านไป วันหนึ่งที่ข้างลำธาร ถังน้ำที่มีรอยแตกมองตนเองว่าล้มเหลว จึงพูดกับคนตักน้ำอย่างขมขื่นว่า“ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเหลือเกิน เพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าทำให้น้ำ ที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน” คนตักน้ำตอบว่า “เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเลย เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงในทางเดินด้านข้างของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น นั้นเป็นเวลา 2 ปีมาแล้ว ข้าเก็บดอกไม้สวยๆเหล่านั้นกลับมาบ้าน เอาไปขาย เอามาแต่งโต๊ะกินข้าว ซึ่งถ้าหากไม่มีเจ้าอย่างที่เจ้าเป็นแล้ว ก็คงไม่มีดอกไม้ที่ทั้งสวยงามและสร้างรายได้แบบนี้ได้” นิทานเรื่องนี้ คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่อย่ายอมให้รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น มาทำให้เราเสียกำลังใจที่จะทำคุณงามความดีที่จะเป็นประโยชน์ได้ เพราะบางครั้งสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของเราอาจจะเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้อื่นก็ได้ นิดเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ อาจจะมองเห็นและมองไม่เห็นก็เป็นได้ และเชื่อว่าทุกคนมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น... คุณว่าจริงมั้ยคะ? #ศักยภาพที่ไร้ขอบเขต #ทุกชีวิตมีคุณค่า (คัดลอกมาจากhttp://moosharing.blogspot.com/2011/03/blog-post_12.html)
  7. ขำๆ รอทองขึ้น ค้าบบ 1.) สมถึกเดินหน้ามุ่ยเข้ามาปรับทุกข์กับสมหวัง เรื่องแม่ค้าขนมจีนน้ำยาหน้าสำนักงานคิดราคาไม่เป็นธรรม “คนอื่นเขากินจานละ 20 บาท ทีข้ากินเหมือนคนอื่น แต่แม่ค้ากลับคิด 30 บาททุกที” สมถึกบ่น “อ้าว ทำไมล่ะ” สมหวังชักงง “ไม่รู้เหมือนกัน” สมถึกส่ายหน้า “แต่ที่น่าสงสัยก็คือตอนเรียกเก็บเงิน แม่ค้ามักจะถามแปลกๆ” “ถามอะไร” สมหวังซัก “ถามว่ามีไข่หรือเปล่า” สมถึกบอก “ข้าพยักหน้า เขาก็ถามอีกว่ากี่ใบ” “พอข้าชู 2 นิ้ว แม่ค้าก็บอกว่า 30 บาททุกที” 2.) เต่า กระต่าย และกิ้งกือ นั่งดื่มสุรากัน อย่างสนุกสนาน จนเหล้าหมด... กระต่ายยกมืออาสา แล้วก็วิ่งปรู๊ดไปซื้อเหล้า ได้มา 1 กลม ซัดกันนัว ยกดื่มๆ จนเหล้าหมด. เต่าอาสาบ้าง เดินต่วมเตี้ยมหายไปครึ่งชั่วโมง ได้เหล้ามา 1 กลมกินกันอย่างเมามันจนเหล้าก็หมดอีก กิ้งกือจึงอาสาไปบ้าง หายไปนาน จนกระต่ายกับเต่า เป็นห่วงเปิดประตู จะไปตาม ก็เจอกิ้งกือ นั่งอยู่หน้าบ้าน เฮ้ย! ไหนวะเหล้าได้มาเปล่า? กระต่ายถาม.. กิ้งกือเงย หน้ามอง "ได้ห่าอะไร? มึงไม่เห็นหรือไง กูยังใส่รองเท้าไม่เสร็จเลย" 3.) ลูกชายบอกพ่อว่า “ผมชอบสาวสวยบ้านตรงข้าม” พ่อกระซิบ “นั่นเป็นน้องสาวพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ของมึง เป็นได้แค่เพื่อน” ลูกชายบอกพ่ออีกว่า “ผมก็ชอบสาวข้างบ้าน” พ่อกระซิบอีก “นั่นก็น้องสาวพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ของมึง อย่าไปบอกแม่ละ” ลูกชายร้องไห้ไปหาแม่ เล่าเรื่องให้แม่ฟัง แม่ปลอบใจลูกบอกว่า “ไม่ต้องห่วง แกจะชอบใครก็ไปชอบ จะแต่งกับคนไหนก็ไปแต่ง แกไม่ใช่ลูกของพ่อมึงสักกะหน่อย” 4.) ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ร้านขายยาเก่าๆ ร้านหนึ่ง ซึ่งมีอาม่าแก่ ๆ กับหลานสาว วัย 16 ปี ยืนขายของ ชายหนุ่มรอจนไม่มีลูกค้า แล้วเข้าไปซื้อถุงยาง ชายหนุ่ม.... อาม่าครับ (พูดเบา ๆ ) ซื้อถุงยางกล้องหนึ่งครับ อาม่า......... ลื้อใช้ขนาดไหนล่ะ เล็ก กลาง ใหญ่? ชายหนุ่ม.... ผมไม่เคยใช้ครับ อาม่า......... ไหนเข้ามาใกล้ ๆ อาม่าซิ อาม่ารูดซิปให้และควักไอ้นั่นออกมาจับ ๆ ดู อาม่า........ อาหมวย ๆ ปีนไปเอาถุงยางขะหนากเล็กมาซิ อาหมวย.... ปีนขึ้นไป กำลังจะลง อาม่า........ อาหมวย ขะหนากเล็กช่ายม่ายล่ายแล้ว เอาขนาดกลางมา อาหมวย.... ปีนขึ้นไปอีก กำลังจะลง อาหมวยพูด ใช้ได้แน่นะอาม่า ชายหนุ่ม... ทำหน้า!!! เหมือนเจ็บ อาม่า........ อาหมวย ๆ ม่ายต้องเล้ว ลื้อไปหยิบ ทิกชู่ มาดีก่า
  8. ชอบๆ เอามาจากในเฟสค้าบ มองชิวิตที่เปลือยเปล่า คนอยู่บนสวรรค์ เงินอยู่ในธนาคาร ; คนเราตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินใช้ ตายแล้วเงินก็ยังใช้เงินไม่หมด หวางจวินเหยานักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ในเจ้อเจียง เสียชีวิตในขณะที่อายุยังไม่มาก เหลือเงินฝากไว้ให้ภรรยา 1,900,000,000 และภรรยาได้แต่งงานใหม่กับคนขับรถของคุณหวางในสมัยที่คุณหวางยังมีชีวิตอยู่ ในขณะที่คนขับรถคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็คิดว่า”แต่ก่อน เรานึกว่าเราเป็นคนทำงาน ให้เจ้านาย ตอนนี้เราเพิ่งเข้าใจแล้วว่าเจ้านาย ทำงานให้เรามาตลอด” ความจริงที่โหดร้ายนี้เป็นตัวแสดงว่า : มีชีวิตที่ยืนยาว สำคัญกว่าความรวยความหล่อ ขอให้ทุกคนหมั่นออกกำลังกาย ระวังสุขภาพ ใครเป็นฝ่ายทำงานให้ใครนั้นพูดยาก โทรศัพท์ที่ทันสมัย1เครื่อง, 70%ของฟังก์ชั่น ในโทรศัพท์นั้นไม่มีประโยชน์ รถหรูๆ 1 คัน , 70%ของความเร็วนั้นเหลือใช้ บ้านหรูๆ 1 หลัง, 70%ของพื้นที่นั้นว่างเปล่า ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง ,70% ของศาสตราจารย์เป็นพวกไร้สาระ กิจกรรมทางสังคมหลายอย่าง , 70% เป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน , 70% ไม่ได้ใช้ ไร้ประโยชน์ เงินที่หามาทั้งชีวิต , 70% ก็ทิ้งไว้ให้ผู้อื่นใช้ สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้องบำรุง ไม่กระหายแต่ก็ต้องดื่มน้ำ ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้องปล่อยวาง มีเหตุมีผลแต่ก็ต้องยอมคน มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จักถ่อมตน ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้องพักผ่อน ไม่รวยแต่ก็ต้องรู้จักพอเพียง ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จักพักผ่อน
  9. ใช่ครับ อิสระที่แท้จริง สำหรับผมคือความพอ เมื่อรู้จักพอ ก็จะมีอิสระ
  10. จิงปะเนี้ย - ตอนเรียน ได้เงินจากผู้ปกครองน้อย ... เราก็อยากทำงาน "จะได้มีอิสระ" หาเงินใช้เองได้ - ตอนทำงาน เจอหัวหน้าโหด ได้เงินเดือนน้อย ... ก็อยากเติบโตเป็นหัวหน้าบ้าง "จะได้มีอิสระ" มีลูกน้อง ได้เงินเดือนเพิ่ม - ตอนเป็นหัวหน้า เจอเอ็มดี/ซีอีโอ สั่งงานหนัก .....ก็อยากเป็น MD/CEOบ้าง "จะได้มีอิสระ" บริหารบริษัทได้ทั้งหมด แถมได้เงินเดือนเยอะๆ ... - ตอนเป็นเอ็มดี/ซีอีโอ เจอผู้ถือหุ้นบีบหนัก จะเอายอดขาย ให้ขยายโรงงาน เพิ่มกำไร ... ก็อยากเป็นเจ้าของกิจการบ้าง "จะได้มีอิสระ" จะได้สั่งคนได้ทุกคน หาเงินได้ก็เป็นของเราเองทั้งหมด - ตอนเป็นเจ้าของกิจการ เจอลูกค้าโหด เอาแต่ใจ ต่อราคาจนกำไรหด... ก็อยากเลิกทำธุรกิจ มาเป็นนักลงทุน "จะได้มีอิสระ" ไม่ต้องฟังใคร - ตอนเป็นนักลงทุน เจอรายใหญ่ ปั่นหุ้นจนหัวหมุน เจอตลาดผันผวนหนัก เศรษฐกิจในประเทศไม่แน่นอน เศรษฐกิจต่างประเทศชะลอตัว เจอนักลงทุนต่างชาติที่มีเงินมากกว่า/กองทุนที่มีข้อมูล มากกว่า เอาชนะตลอด ... .. ก็อยากออกไปอยู่เฉยๆ เอาเงินฝากแบงก์ "จะได้มีอิสระ" ไม่ต้องง้อใคร - ตอนไม่ต้องง้อใคร ... ก็แก่ซะแล้ว โรครุมเร้า ไม่มีแรงทำอะไร "อยากมีอิสระ" ไม่ต้องกลัวความแก่/ความตาย พอมาถึงขั้นนี้ ก็จนปัญญา เพราะเจอความจริงว่าไม่มีใครหนีความแก่/ความตาย ได้พ้น เรื่องราวข้างต้นช่วยบอกเราว่า "อิสระที่แท้จริง" นั้นไม่มี... ทุกคนต้องเผชิญข้อจำกัดของชีวิตกันทั้งสิ้น ไม่ว่าคนจนที่สุด หรือ รวยที่สุด... ดังนั้น อย่าน้อยใจ แต่ทำชีวิตให้ดีที่สุด ให้มีประโยชน์กับตัวเองและคนรอบข้างมากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่
  11. เรื่องดีๆครับ นิทาน 3 เรื่อง บอกนิสัยคน 1. สมหวัง ไม่ชอบกินไข่ ทุกครั้งที่ได้ไข่มา ก็ให้ สมนึก กิน แรกๆ สมนึก ก็รู้สึก ขอบคุณสมหวัง แต่นานๆเข้า สมนึก ก็เคยชิน เมื่อเกิดความเคยชิน ก็เหมือนกับเป็นหน้าที่ ที่ สมหวัง ต้องทำ จนมาวันหนึ่ง สมหวัง เอาไข่ให้ สมชาย สมนึก ก็อารมณ์เสีย โดยลืมไปว่า ไข่นี้เป็นของ สมหวัง สมหวังจะให้ใครก็ได้ สมนึก จึงทะเลาะกับ สมหวัง เพราะเรื่องนี้ แล้วก็เลิกคบกัน 2. ฤดูร้อน ร้อนมาก เพื่อนๆหลายคน ไปเดินเล่นกัน ไปถึงแม่น้ำ ก็เอาขาไปแช่น้ำกัน ปรากฏว่า รองเท้าของ สมศรี ลอยตามน้ำไป ระหว่างทางเดินกลับบ้าน พื้นถนนร้อนมาก และต้องเดินไกล สมศรีจึงขอให้เพื่อนๆช่วย แต่ทุกคน มีรองเท้าแค่คู่เดียว สมศรี ไม่สบอารมณ์ เพราะเธอชอบ ขอให้คนอื่นช่วยเสมอ และแค่ทำเป็นงอน ก็จะมีคน ยื่นมือเข้าช่วย แต่ครั้งนี้ไม่ เธอจึงคิดว่า เพื่อนๆทุกคนใช้ไม่ได้ ไม่ยอมช่วยเหลือ แล้วก็มี สมปอง เอารองเท้าตัวเอง ให้สมศรีใส่ ยอมทนเท้าร้อน เดินต่อ สมศรี ขอบคุณ สมปอง สมปองบอกสมศรีว่า “เธอต้องจำไว้ว่า ไม่มีใคร มีหน้าที่ต้องช่วยเธอ ที่ช่วยเธอ เพราะเป็นเพื่อนกัน ไม่ช่วยก็ไม่ผิด” สมศรี จำคำพูดของสมปอง ต่อแต่นี้ไป สมศรีก็ให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆเป็น และด้วยความเต็มใจ หลายครั้ง เรามักจะหวังให้ คนอื่นดีต่อเรา ตอนแรก เราก็ซาบซึ้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็เคยชิน เคยชินกับที่คนอื่นดีต่อเรา เหมือนเป็นหน้าที่ ที่เขาต้องดีต่อเรา เมื่อวันหนึ่ง ไม่ดีต่อเรา เราก็โมโห ความจริง ไม่ใช่ว่า คนอื่นไม่ดีต่อเราแล้ว แต่เป็นเพราะ เราเรียกร้องมากขึ้น เคยชินกับการรับ ก็เลยลืมบุญคุณ เลิกซาบซึ้ง ลืมขอบคุณ 3. แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่า หมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้ ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกนขอให้เพื่อนๆช่วย วัว มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไป ม้า มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไปอีกตัว ลา เห็นเป็นหมาป่า ก็เดินหนีไปอย่างเงียบๆ หมู ผ่านมา เห็นเป็นหมาป่า ก็หายตัวไป กระต่าย ได้ยิน วิ่งหนีแซงเพื่อนๆไปทุกตัว หมา ได้ยิน รีบวิ่งเข้ามา จะสู้กับหมาป่า หมาป่าเห็นมีหมามาช่วย จึงวิ่งหนีไป แพะรอดตาย กลับมาถึงบ้าน เพื่อนๆมาทุก “ตัว” วัวบอก “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เขาของข้า แทงทะลุท้องมัน” ม้า “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เกือกของข้า กระทืบมัน” ลา “ทำไมไม่บอก ข้าจะร้องเสียงดังๆ ให้หมาป่าตกใจตาย” หมู “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้ปากของข้า พุ่งชนให้มันตกเขาไป” กระต่าย “ทำไมไม่บอก ข้าวิ่งเร็ว ข้าจะไปส่งข่าวของความช่วยเหลือ” ในการพูดคุยกันอย่างเมามันนี้ ขาดอยู่”ตัว”เดียวคือ หมา มิตรภาพที่แท้จริง ไม่ใช่ดูที่ คำพูด ที่แสนหวาน แต่เป็น มือ ที่ยื่นให้ตอนคับขัน พวกที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลังคุณ ทำให้คุณรู้สึกดี อาจจะไม่ใช่เพื่อนแท้ของคุณ แต่กับเขา ที่ดูเหมือนห่างไกล แต่ใส่ใจคุณตลอดเวลา ตอนคุณมีความสุข ไม่ไปสมทบ แต่ตอนคุณต้องการช่วยเหลือ จะทำเพื่อคุณอย่างเงียบๆ และเป็นห่วงใส่ใจคุณ นั่นเป็นเพื่อนแท้ของคุณ
  12. ใครอ่านแล้วเข้าใจ ช่วยอธิบายทีนะครับ อ่านละ งง http://www.marketwatch.com/story/10-things-billionaires-wont-tell-you-2013-11-15?link=sfmw_fb 10 สิ่งที่อภิมหาเศรษฐีจะไม่ยอมบอกคุณ! 1. พวกเรารวยขึ้นและรวยขึ้น! (“We just get richer and richer.”) 2. เงิน 1 ล้าน - หรือ 10 ล้าน - มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (“One million — or 10 — ain’t what it used to be.” ) 3. โดยพื้นฐานแล้ว นี่เป็นคลับสำหรับผู้ชาย (“This is basically a boys’ club.”) 4. เราอาจเป็นคนฉลาด แต่ที่สำคัญคือเราเริ่มต้นก่อนคุณ (“I may be smart, but I got a head start.”) 5. มันเหมือนเกมเศรษฐี (“It’s like Monopoly money.”) 6. การหย่าไม่ได้เป็นเรื่องดีสำหรับเรา (“What scares us? Divorce lawyers.”) 7. เราไม่ได้รวยจากการเล่นหุ้น (“We didn’t get rich investing in stocks.”) 8. คุณบอกเราไม่จ่ายภาษี เปล่า เราหลบเลี่ยงมัน (“You say evading, we say avoiding.”) 9. ครอบครัวเกลียดเรา แต่รักเงินของเรา (“My family hates me, loves my money.”) 10. เราเรียนรู้จากอดีต (“King Lear taught me everything I know.”)
  13. ของฝากวันปีใหม่ค้าบบบ เพียง 6 หยวนเพื่อรัก...อ่านแล้วต้องรีบบอกต่อ ได้รับฟอร์เวิร์ดเมลล์นี้มา ต้องรีบส่งต่อทันที...ดียังไงลองอ่านดูครับ ...นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ วันหยุด เขาได้นั่งเครื่องบินกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน คิดว่าจะอยู่บ้านเฉยๆ อยู่เป็นเพื่อนแม่ดูทีวี หรือคุยกันเรื่อยเปื่อย วันรุ่งขึ้น แม่ชวนเขาไปเป็นเพื่อนซื้อไข่ไก่ พอได้ยิน เขาอดยิ้มไม่ได้ ที่สำนักงาน เขาคือกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีเลขาฯ และคนขับรถส่วนตัว แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับ “ได้ครับ แม่” พอออกจากบ้าน แม่ก็บอกว่าต้องไปซื้อที่ซุปเปอร์โน้นนะ เขาถามว่า ทำไมไม่ซื้อที่ซุปเปอร์ใกล้บ้านเราเล่า แม่กระพริบตา ทำท่าเหมือนผู้ชนะ บอกว่า ที่ร้านโน้นไข่ไก่ถูกกว่า ชั่งละสามหยวนสองเอง แต่ที่ร้านนี้ต้องสามหยวนสี่ เขาทำท่าห่อปาก แบบว่าโอ๊ะโอ๋ เพิ่งรู้นะเนี่ย พอเดินมาถึงข้างถนน เขาทำท่าจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่ แต่แม่บอกว่า ไปรถเมล์สาย 12 กันเถอะนะ เขาถาม ทำไมต้องสาย 12 ด้วย แม่บอกว่า สาย 12 เป็นรถรับส่งของทางห้างนี้ ไม่ต้องเสียค่ารถ ถ้านั่งรถสายอื่น ต้องเสีย 2 หยวน เขาอดยิ้มไม่ได้ แต่ก็บอกกับแม่ไปว่า ดีครับ พอขึ้นนั่งบนรถสาย 12 ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ ล้วนแต่สนิทสนมกับคุณแม่ทั้งนั้น พอทราบว่าเขาเป็นเพื่อนแม่มาซื้อไข่ไก่ ต่างมองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น เหมือนกับว่า เขาก็เป็นลูกชายของพวกเขาเหล่านั้นเช่นกัน ส่วนใจของเขาในตอนนั้น.. อบอุ่นไม่แพ้กัน หลังจากซื้อไข่ไก่ได้ 10 ชั่ง แม่ดึงให้เขานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้าง บอกว่าต้องรออีก 1 ชั่วโมง รถสาย 12 คันเดิมถึงจะกลับมารับอีก ต้องรออีกตั้ง 1 ชั่วโมง เขารู้สึกหัวใจร้อนรุ่มคุกรุ่นขึ้นมาทันที แต่ก็ข่มใจไว้ ใช้ความอดทนข่มจิตให้เย็นลง แม่ก็ชวนเขาคุยไปเรื่อย พูดถึงเรื่องราวตอนที่เขายังไปโรงเรียน เผลอแผล็บเดียว เวลา 1 ชั่วโมงก็ผ่านไปเร็วเหมือนกัน ในที่สุด ก็ได้นั่งสาย 12 กลับมาบ้าน พอถือไข่ไก่เหล่านั้นลงจากรถได้ เขาเป่าปากระบายอย่างโล่งอก คุณแม่ดูเหมือนจะมีความสุขมาก นับนิ้วให้ฟังว่า ไข่ไก่ 10 ชั่งประหยัดไปได้ 2 หยวน ประหยัดค่ารถไปกลับสองคนอีก 4 หยวน รวมแล้วประหยัดตั้ง 6 หยวน แต่ในสมองเขากลับคิดคนละอย่าง ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงตอนนี้ ปาเข้าไป 4 ชั่วโมง หากให้เขาใช้เวลา 4 ชั่วโมงนี้ในที่ทำงาน เขาสามารถทำเงินได้อีกไม่ต่ำกว่าหมื่นหยวน.. เขาได้แต่แอบถอนใจเบาๆ ตอนใกล้จะถึงบ้าน เดินผ่านร้านขายผลไม้ร้านหนึ่ง แม่ใช้เงิน 6 หยวนซื้อแตงโมลูกโตลูกหนึ่ง พอกลับถึงบ้าน จัดแจงผ่าแตงโมทันที เนื้อแตงโมแดงสด น่ารับประทานมาก ตัวเขาเองรู้สึกกระหายน้ำตั้งนานแล้ว ก็เลยไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หยิบแตงโมได้หนึ่งชิ้น ก็งับเลย แตงโมหวานมาก เขากินแบบตะกรุมตะกราม เหมือนหมูเลย นานแล้วที่ไม่ได้กินผลไม้อย่างฉ่ำใจเช่นนี้ พอเงยหน้า เห็นแม่กำลังมองเขาอยู่ ในตามีแววเปียกชื้น บนหน้ากลับระบายไปด้วยความสุขและเปี่ยมรัก ทันไดนั้น ใจเขาเหมือนสายพิณที่ถูกดีดจนสั่นสะท้าน ภาพแบบนี้ เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ ตอนยังเล็ก ฐานะทางบ้านยากจน และเขาเป็นเด็กที่ชอบกินมาก(ตะกละ ว่างั้นเถอะ) ตอนเย็นๆ เขามักแอบไปเก็บเอาแตงโมที่บ้านอื่นกินเหลือแต่เปลือก เอามาล้างในคลอง แล้วแทะกินอย่างตะกละ (เห็นมั้ย) พอแม่รู้เข้า แม่ใช้เวลา 3 วันเพื่อที่จะทอเส้นเชือก แล้วเอาไปขายเพื่อซื้อแตงโมมาให้เขา แล้วนั่งดูเขากินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนหมู เขาจ้องดูแม่ด้วยความสะท้าน กลืนแตงโมที่เต็มปากลงไป ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าใจคุณแม่บ้างแล้ว ยามยากลำบาก แม่ขยันและอดออม ส่งให้เขาเรียน เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ พอเริ่มมีอันจะกิน ความขยันและอดออม ได้กลายเป็นรูปแบบดำรงชีวิตของแม่ ที่ยังคงทำให้แม่พอใจและมีความสุขอยู่เสมอ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา รู้สึกดีใจที่วันนี้ยอมทนเป็นเพื่อนแม่ ทำให้แม่ประหยัดเงินได้ 6 หยวน เงิน 6 หยวนนี้ เทียบกับการที่ตัวเองสามารถหาได้เป็นหมื่นหยวนจากการทำงาน คุณค่าไม่ต่างกันเลย เพราะ บางที.. เวลาและเงินทอง จะมีค่าก็ต่อเมื่อมีรักด้วยเท่านั้น cr.Wizard Kid
  14. ยาวหน่อยนะครับ จากเฟส อีกเช่นเคย โง่ + ขยัน = เหนื่อย โง่ + โลภ = เหยื่อ โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว โง่ + ช้า = ล้าหลัง โง่ + รีบร้อน = สะดุด โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้ โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่ ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ ฉลาด + อดทน = ความเจริญ ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง ฉลาด + โอกาส = ติดปีก ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด โลภ + ขยัน = รวย โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ โกรธ + เกลียด = ไฟในอก โกรธ + อโหสิ = สวรรค์ รัก + หลง = อุปาทาน รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร รัก + เข้าใจ = รักจริง เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้ รัก + อดทน = บ้านเย็น รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก อกหัก + เมตตา = หายอกหัก ความรู้ + ความโลภ = โมหะ ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา สติ + ปัญญา = ความเจริญ จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่ รวย + เมตตา = บุญ รวย + ธรรม = กุศล ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น สรุป สูตรชีวิตที่ประสบความสำเร็จ : ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง = ความเจริญรุ่งเรือง...ทั้งทางโลกและจิตใจ
  15. ทองจะเป็นอย่านี้ป่าวหว่า ...... จากเฟสบุกค้าบ ตา: สมัยก่อน ตาถือเงิน 5 บาทเข้าร้านค้า ตาได้ขนมห่อใหญ่ๆ มะนาว ส้มสองถุง ยังเหลือเงินทอนกลับมาหลายสตางค์แหนะ แต่สมัยนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วหล่ะ หลาน: สมัยก่อนของถูกขนาดนั้นเลยเหรอครับ ตา: ป่าวลูก..... สมัยก่อนเค้าไม่มีวงจรปิด หลาน: = ='
×
×
  • สร้างใหม่...