Fairytale

สรุปข่าว...คุณวรวรรณ ธาราภูมิ 14 กุมภาพันธ์ ขอให้รักกันทั้งประเทศ รัฐสภากรีซให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อแลกกับความช่วยเหลือรอบ 2 จาก EU และ IMF วงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร ด้วยคะแนนเสียงข้างมากถึง 199 ท่ามกลางการประท้วงของชาวกรีกถึงขั้นทำลายและจุดไฟเผาอาคารร้านค้า ทั้งนี้ คาดว่า รมต.คลัง ชาติต่างๆ ในยุโรปจะประชุมกันในวันที่ 15 นี้เพื่อให้สัตยาบันการช่วยเหลือกรีซ ปรับงบประมาณ - ลดงบรายจ่ายที่มีวงเงิน 1.5 % ของจีดีพีในปีนี้ 3.3 พันล้านยูโร และกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดลงอีก 325 ล้านยูโร เพิ่มทุนธนาคาร - ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงเงินกองทุนหลักขั้นที่ 1 ไม่ต่ำกว่า 9 % ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และ 10 % ภายในไตรมาส 2 ปีหน้า แปรรูปรัฐวิสาหกิจ - ควรบรรลุเป้าหมายให้มีรายได้ขั้นต้นจากการแปรรูปที่ 5 หมื่นล้านยูโร ปฏิรูปแรงงาน - ออกกฎหมายลดค่าจ้างขั้นต่ำลง 22% จากปัจจุบันที่ 750 ยูโร รวมทั้งพนักงานภาครัฐราว 15,000 คนจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มแรงงานสำรองซึ่งจะได้รับค่าจ้างเพียง 60 % และจะถูกปลดออกหลังจากเวลาผ่านไป 1 ปี การปฏิรูปโครงสร้าง– ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือใดใด กรีซต้องปรับกฎหมายเพื่อสร้างความมั่นใจว่างานในหลายสาขาอาชีพมีการเปิดรับการแข่งขัน ซึ่งรวมถึงงานด้านสาธารณสุขมูลฐาน กรรมกรท่าเรือ นักบัญชี ไกด์นำเที่ยว และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป้าหมายเศรษฐกิจการคลัง - ยอดขาดดุลการคลังเบื้องต้นสำหรับรัฐบาลไม่ควรสูงกว่า 2.06 พันล้านยูโรต่อปีในปีนี้ และในช่วงปี 2012-2014 ควรปรับลง 7 % ของจีดีพี ข้อตกลงแลกเปลี่ยนพันธบัตร - ECB จะเป็นตัวแทนของกรีซในการเสนอซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลกรีซบางส่วนจากธนาคารกลางของประเทศสมาชิกยูโรโซน ส่วน EFSF จะนำเงิน 3 หมื่นล้านยูโร มา การสนับสนุนมาตรการแลกเปลี่ยนพันธบัตร ธนาคารกลางฝรั่งเศส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปจะประสบภาวะซบเซาในช่วง3 เดือนแรกของปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตในระดับร้อยละ 0 โดยเฉพาะภาคบริการ สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) คาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.9% ในปีนี้ ปรับลดลงจากระดับ 1.2 % ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน พ.ย. โดย GDP อาจปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จาก 0.2% ในช่วง 2 ไตรมาสแรก สู่ 0.6% ในไตรมาส 3 และ 0.5% ในไตรมาส 4 จึงคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ไม่น่าจะจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีก (QE) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะนำเสนอแผนงบประมาณประจำปี 2013 ต่อสภาครองเกรส ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มภาษีสำหรับคนรวย พร้อมทั้งเสนองบประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อการสร้างงานและจะลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ SocGen ออกรายงานพิเศษที่พาดหัวว่า “เลื่อน QE3 แต่ยังมีแววว่าจะออก” โดยให้เหตุผลว่าที่สหรัฐฯ ยังไม่ใช้มาตรการ QE3 ในขณะนี้เนื่องจากยังคงมีข่าวเศรษฐกิจ ในแง่ดีขึ้น แต่ยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้ ในช่วงการประชุม FOMC วันที่ 24-25 เมษายน โดยน่าจะออก QE3 จำนวน 600,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังซบเซา อย่างไรก็ตาม แม้การออก QE โดยทั่วไปจะมีผลบวกต่อสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภท แต่ QE3 ในครั้งหน้าถ้าออกมาอีกก็จะมีผลน้อยลง เพราะว่าตลาดซึมซับความคาดหวังไปในราคาหลักทรัพย์ต่างๆ แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 45 รายซึ่งคาดว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 8.1% ในไตรมาส 4/2554 ขณะที่ลดแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงเล็กน้อย ซึ่งผลสำรวจใหม่บ่งชี้ว่า GDP จะขยายตัวเฉลี่ยต่อปี 2.3% ในปีนี้ ลดลงจาก 2.4% ที่ประมาณการในผลสำรวจไตรมาส 4 GE มีแผนจะจ้างงานทหารปลดประจำการของสหรัฐฯ ใน 5 ปีข้างหน้า จำนวน 5,000 ตำแหน่ง เหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนจะต้องปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดกันว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อันเข้มงวดลง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ GDP ญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ติดลบร้อยละ 2.3 เป็นสถิติหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส หรือติดลบร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 เป็นผลมาจากการหดตัวของการส่งออกร้อยละ 3.1 ตามภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การแข็งค่าของสกุลเงินเยน และมหาอุทกภัยในประเทศไทยที่ส่งผลกระทบให้ภาคการผลิตในญี่ปุ่นเกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศก็ขยายตัวไม่มาก เนื่องจากแผนฟื้นฟูการก่อสร้างหลังสึนามิออกมาช้ากว่าที่คาด ที่ประชุมร่วมระหว่าง ก.คลัง ธปท. และ ส.ธนาคารไทย มีข้อสรุปร่วมกันให้เรียกเก็บเงินนำส่งจากธนาคารเอกชนและธนาคารรัฐในอัตรา 0.47% ของฐานเงินฝาก ในกรณีที่มีการดำเนินการตามกฎหมายแก้ไขหนี้ FIDF ซึ่งเงินนำส่งดังกล่าวจะแบ่งเป็นเงินที่ใช้ในการแก้ไขหนี้ FIDF ที่ 0.46% ส่วนอีก 0.01% เป็นเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝาก แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของ FIDF ที่มีอยู่ราว 1.14 ล้านล้านบาท ได้หมดเมื่อใด เครื่องชี้ภาคบริการของไทยมีสัญญาณฟื้นตัวจากมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย 1.94 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.65% จากปีก่อนซึ่งมีชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยมากที่สุด 187,229 คน ธปท. กล่าวว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตได้ 4.9% ภายใต้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 2.2% และเงินเฟ้อทั่วไปที่ 3.2% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะโต 5.6% อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ ทำให้ห่วงว่าความเสี่ยงอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต ส่วน สศค. คาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นซึ่งจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0 (ร้อยละ 4.5 – 5.5) โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายในประเทศที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวเร่งขึ้น ตามความจำเป็นในการเร่งฟื้นฟูความเสียหายจากมหาอุทกภัย ประกอบกับนโยบายรัฐที่สนับสนุนการใช้จ่าย ครม.เห็นชอบให้ รฟม. กู้เงินจาก ก.คลัง วงเงิน 7.22 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เส้นทางหัวลำโพง-บางแค บางซื่อ-ท่าพระ และสายสีเขียวเส้นทาง แบริ่ง-สมุทรปราการ • ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น โดยดัชนีนิเกอิ ปรับเพิ่มขึ้น 0.58% และตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังจากรัฐสภากรีซให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการรัดเข็มขัด • SET Index ปิดที่ 1,117.40 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด หรือ 0.4% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27,850 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 119 ล้านบาท โดยนักลงทุนเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่มีความชัดเจนกรณีการนำเงินส่งให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อใช้แก้ปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ออกมาในระดับที่ไม่กระทบต่อกลุ่มแบงก์พาณิชย์มากนัก • ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการเคลื่อนย้ายเงินทุน สศค. ให้สัมภาษณ์กับ Money Channel ถึงแนวโน้มเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มากกว่า 24,000 ล้านบาท โดยประเมินว่า ทิศทางเงินทุนจากต่างชาติจะยังคงไหลเข้าหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท หรือจะมีเงินไหลเข้าได้อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้แย่อย่างที่คาด และวิกฤตหนี้ของยุโรปผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว • ฮันส์ ไซแคท ประธานตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ (PSE) เปิดเผยว่า การระดมทุนในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์อาจเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีนี้ สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2 แสนล้านเปโซ (4.7 พันล้านดอลลาร์) โดยในปีที่ผ่านมาการระดมทุนแตะระดับสูงสุดสุดที่1.075 แสนล้านเปโซ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้นมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ณ สิ้นปี 2011 โดยบวกขึ้น 4% • ไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ คาดว่า ตลาดหุ้นอังกฤษอาจจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นยุโรป โดยได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทอังกฤษมีการลงทุนสูงในประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งมีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงประมาณ -0.01% ถึง 0.01% ซึ่งภาพรวมตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากไร้ซึ่งปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบ โดยตลาดยังคงรอความชัดเจนในเรื่องวิกฤตหนี้ของประเทศกรีซ ประกอบกับยังรอดูปริมาณพันธบัตรที่จะออกมาเพิ่มเติม • อิตาลีขายตั๋วเงินคลังอายุ 1 ปี ได้ 8.5 พันล้านยูโร ที่อัตราดอกเบี้ย 2.230% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และลดลงจากระดับ 2.735% ในการประมูลเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการซื้อพันธบัตรสูงกว่ามูลค่าที่นำออกประมูลอยู่ 1.09 เท่า เทียบกับ 1.47 เท่าในการประมูลเดือนที่แล้ว • Warren Buffett ล่าสุด Warren Buffett ได้ร่างสารประจำปีถึงผู้ลงทุนของเขา ซึ่ง Fortune ได้นำมารายงานว่า “การลงทุนในสิ่งที่ผู้คนคิดว่าปลอดภัยที่สุด (เงินสด เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้) คือการลงทุนที่เสี่ยงสูงที่สุดในโลก และการลงทุนที่สุดในโลก คือหุ้น กลับเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด” ทั้งนี้ เขาได้ให้เหตุผลว่า เงินเฟ้อจะทำให้เงินลดค่าลงมหาศาลในอนาคต • Bill Gross (PIMCO) ในสารถึงผู้ลงเดือนล่าสุดนี้ Bill Gross บอกว่า “พวกเรากำลังจะเป็นพยานในความมั่งมีที่จะล้มหายตายจากไป และกำลังจะเป็นพยานในความมัธยัสถ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะคงอยู่กับเราไปอีกยาวนาน” ทั้งนี้ Gross ชี้ว่า มีสาเหตุมาจากการเพิ่มหนี้สินมาตลอด 30-50 ปี ซึ่งผลักดันให้สินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภท (พันธบัตรและตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และ สินค้าโภคภัณฑ์) มีราคาเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าที่ควรจะเป็น และขณะนี้กำลังจะถึงจุดเริ่มต้นที่ต้องลดหนี้ลงแล้ว

ข่าวเกี่ยวกับกรีซ บางส่วนที่คุณวรวรรณ ธาราภูมิ สรุปมาค่ะ • ตัวเลขหนี้สาธารณะของกรีซพุ่งขึ้นสู่ระดับ 159.1% ของจีดีพี ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2554 จากระดับ 154.7%% ในไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นว่ากรีซยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาล แม้รัฐบาลพยายามลดการใช้จ่ายลงจำนวนมาก แต่อิตาลีสามารถจัดการตัวเลขหนี้สินให้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 119.6% ต่อจีดีพี จากระดับ 121.2% ในไตรมาส 2 ได้ • ผู้นำพรรคการเมืองในรัฐบาลกรีซได้เห็นชอบต่อมาตรการปรับลดค่าจ้างและการปฏิรูปอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดรายจ่ายในสัดส่วน 1.5% ของจีดีพี อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่เรียกร้องโดยกลุ่มทรอยก้า อันประกอบด้วยอียู ธนาคารกลางยุโรป และ IMF นั้น ยังคงไม่ได้ข้อสรุป • สหภาพแรงงานขนาดใหญ่ 2 แห่งของกรีซวางแผนที่จะทำการผละงานเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในวันนี้ เพื่อประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปที่กำหนดในเงื่อนไขของบรรดาผู้ปล่อยกู้ระหว่างประเทศเพื่อแลกกับมาตรการช่วยเหลือครั้งใหม่ • ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศส ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซแสดงความรับผิดชอบและเร่งเจรจาเรื่องรับความช่วยเหลือรอบที่ 2 พร้อมเห็นพ้องกันว่า กรีซควรจะนำรายได้ของประเทศเข้าสู่กองทุนที่แยกออกมาต่างหากเพื่อนำไปชำระหนี้ ทำให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ไม่ได้ (น่าสงสารยัยเอเธนส์ จริงๆ คนไทยดูไว้เป็นตัวอย่างแล้วกัน)

Good Morning News โดยคุณวรวรรณ ธาราภูมิ 7 กุมภาพันธ์ 2555 ค่าาา General news • หลังจากดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาดูดีขึ้น แม้เรื่องตัวเลขการจ้างงานจะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเชื่อถือได้แค่ไหน ตลาดก็เกิดคำถามว่า FED จะออก QE3 หรือไม่ ซึ่ง Michelle Girard นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ RBS ให้ความเห็นว่า ถ้าการว่างงานลดลง จนต่ำกว่า 8% ภายในปีนี้ ก็น่าจะปิดประตูตายที่ FED จะออก QE3 แต่เนื่องจากตลาดบ้านยังไม่พ้นจุดต่ำสุด ปัญหาหนี้ในยุโรปยังคงแก้ยาก และหลายคนก็เล็งเห็นปัญหาของดอลลาร์ในอนาคตที่จะทำให้สิ่งที่เรามีอยู่แล้วลดค่าลงไปทุกวัน ในขณะสิ่งที่เรายังไม่มีและต้องการ กลับแพงขึ้น เขาจึงยังไม่ตัดเรื่อง QE3 ออกไป (นะจ๊ะ) มาส 3 ปี 2554 จากระดับ 154.7%% ในไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นว่ากรีซยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาล แม้รัฐบาลพยายามลดการใช้จ่ายลงจำนวนมาก แต่อิตาลีสามารถจัดการตัวเลขหนี้สินให้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 119.6% ต่อจีดีพี จากระดับ 121.2% ในไตรมาส 2 ได้ • ผู้นำพรรคการเมืองในรัฐบาลกรีซได้เห็นชอบต่อมาตรการปรับลดค่าจ้างและการปฏิรูปอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดรายจ่ายในสัดส่วน 1.5% ของจีดีพี อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่เรียกร้องโดยกลุ่มทรอยก้า อันประกอบด้วยอียู ธนาคารกลางยุโรป และ IMF นั้น ยังคงไม่ได้ข้อสรุป • สหภาพแรงงานขนาดใหญ่ 2 แห่งของกรีซวางแผนที่จะทำการผละงานเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในวันนี้ เพื่อประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปที่กำหนดในเงื่อนไขของบรรดาผู้ปล่อยกู้ระหว่างประเทศเพื่อแลกกับมาตรการช่วยเหลือครั้งใหม่ • ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศส ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกรีซแสดงความรับผิดชอบและเร่งเจรจาเรื่องรับความช่วยเหลือรอบที่ 2 พร้อมเห็นพ้องกันว่า กรีซควรจะนำรายได้ของประเทศเข้าสู่กองทุนที่แยกออกมาต่างหากเพื่อนำไปชำระหนี้ ทำให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ไม่ได้ (น่าสงสารยัยเอเธนส์ จริงๆ คนไทยดูไว้เป็นตัวอย่างแล้วกัน) • ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีดีดตัวขึ้นสูงเกินคาดที่ 1.7% ในเดือน ธ.ค. จากที่ร่วงลงถึง 4.9% ในเดือน พ.ย. เนื่องจากความต้องการอันแข็งแกร่งจากประเทศอื่นๆ นอกยูโรโซนพุ่งขึ้นถึง 12.3% ตรงข้ามกับยอดสั่งซื้อจากประเทศในยูโรโซนซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของเยอรมนี ที่ร่วงลง 6.8% และยอดสั่งซื้อภายในประเทศที่ลดลง 1.4% • สถานการณ์น้ำท่วมในรัฐควีนสแลนด์กำลังทวีความเลวร้ายหนักยิ่งขึ้น ล่าสุดนี้คนหลายพันคนต้องอพยพหนีน้ำแล้ว • มิตซูบิชิ จะยุติการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในเนเธอร์แลนด์ปลายปีนี้ เนื่องจากกำลังการผลิตลดลงและตลาดยุโรปซบเซาท่ามกลางวิกฤติหนี้ แต่มีแผนเพิ่มปริมาณการผลิตในจีน รัสเซีย และตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เนื่องจากมียอดขายเติบโตแข็งแกร่ง และกำลังจะผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กในไทยเร็วๆ นี้ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่นด้วย • IMF ลดคาดการณ์จีดีพีของจีนปีนี้ลงมาอยู่ที่ 8.2% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ก.ย.ที่ 9.0% • จีน ห้ามสายการบินของตนทำตามกฎการค้าสิทธิการปล่อยมลพิษ (Emissions Trading System - ETS) ของสหภาพยุโรป (EU) ที่สั่งเก็บค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนสำหรับเที่ยวบินต่างๆ ที่เข้าออกยุโรป ทั้งนี้ ยังมีอีกกว่า 20 ชาติที่ไม่เห็นด้วยกับกฎดังกล่าว อาทิ อินเดีย รัสเซีย และสหรัฐฯ • มูดี้ส์ ได้จัดทำปัจจัยและสถานการณ์ความเสี่ยง 5 ประการสำหรับธนาคารในเอเชีย-แปซิฟิก ในปีนี้ ได้แก่ (1) ความเสี่ยงจากการลุกลามของวิกฤติหนี้ยุโรป (2) ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนจะทรุดตัวรุนแรง (3) ภาวะฟองสบู่แตกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย (4) ภาวะตกต่ำของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (5) ภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของออสเตรเลีย โดย มูดี้ส์เชื่อว่าระบบธนาคารในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และ เวียดนาม มีความเปราะบางมากที่สุดต่อผลกระทบด้านการเงินและเศรษฐกิจจากวิกฤติยูโรโซน • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ยอมรับว่า เศรษฐกิจอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย อันเนื่องจากภาวะเงินฝืดและเยนที่แข็งค่า ซึ่งบ่งชี้ถึงความพร้อมของบีโอเจที่จะเสนอมาตรการกระตุ้นด้านการเงินเพิ่มเติม หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบางของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบ • ยอดผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในเกาหลีใต้ในปี 2554 เพิ่มขึ้นถึง 50.6% จากปี 2553 จากความต้องการที่แข็งแกร่งของผู้ใช้สมาร์ทโฟน • จีดีพีของอินโดนีเซียปีก่อนขยายตัว 6.5% แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการเงินเอเชียปี 2539 แต่ตัวเลขการใช้จ่ายภายในซบเซาลงจากการชะลอตัวของยอดส่งออก ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยุโรป ทั้งนี้ อินโดนีเซีย มีอัตราเติบโตแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยและฟิลิปปินส์ไปแล้ว เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งได้ช่วยให้ประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุดโยโน่ สามารถหนุนจีดีพีให้ขยายตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 6.6% ต่อปี (สงสารญี่ปุ่นที่สุดเลย เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด) • ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยว่าการออก พ.ร.ก.เพื่อแก้ปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และ พ.ร.ก.ให้อำนาจ ก.คลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 จะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยจะใช้เวลาพิจารณาภายใน 30 วัน นับจากวานนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมต.คลัง กล่าวว่า พร้อมจะชี้แจงตามกระบวนการทั้งวาจาและเอกสาร และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา • รัฐบาลจะจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” วันที่ 10 ก.พ. นี้ โดยเชิญ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาเป็นประธานเปิดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมแก้ปัญหาวิกฤติอุทกภัย • กิตติรัตน์ ณ ระนอง ระบุว่า รัฐบาลพร้อมจะเป็นเจ้าภาพ World Economic Forum On East Asia 2012 ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย. นี้ โดยจะจัด Thai Economic Forum ก่อนเพื่อให้ภาคเอกชนของไทยได้หารือกันในระดับภูมิภาค (ปรองดอง ???) Equity Market • ตลาดหุ้นย่านเอเชียปิดวานนี้มีทั้งบวกและลบ โดย Nikkei ทะยานขึ้น 1.1% ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดตัวต่ำลงจากวันก่อน และ US Futures ชี้ทิศทางก่อนเปิดตลาดในแดนลบ • SET Index ปิดที่ 1,094.01 จุด ลดลง 4.94 จุด หรือ 0.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 28,018 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,210 ล้านบาท โดยตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นช่วงเช้า ตอบรับกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ แต่ความกังวลต่อการแก้ปัญหาหนี้กรีซทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้น ก่อนที่จะรู้ผลซึ่งจะเป็นสิ่งบ่งชี้ทิศทางตลาดในวันนี้ Fixed Income Market • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เฉลี่ยแล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 0.01%-0.03% ในช่วงอายุคงเหลือ 2-10 ปี สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. จำนวน 4 รุ่น ได้แก่ อายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี วงเงินรวมทั้งสิ้น 112,000 ล้านบาท • คณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างประเทศเผยแพร่ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่จัดทำโดยความสมัครใจของไทยได้ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการจัดอันดับฯ ต่างประเทศเปรียบเทียบอันดับของกิจการไทยและของประเทศอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนไทยมีข้อมูลตัดสินใจลงทุนมากขึ้น และเป็นการรองรับการเชื่อมโยงตลาดทุนอาเซียน

ปัญหาหนี้กรีซ http://www.bbc.co.uk/news/business-16900700

ขอบคุณค่ะ Rจารย์อั๋น หนูก้อยังรอต่อไป รอไปเรื่อยๆ ให้มีสัญญานแน่นอน แล้วค่อยกระโดดเข้าน่าจะชัวร์กว่าค่ะ

สรุปข่าวโดยคุณวรวรรณ ธาราภูมิ 6 กุมภาพันธ์ 2555 ...... อ่านที่เดียวเหมือนได้เที่ยวรอบโลกเลยค่ะ ฮ่าๆๆ • ธนาคารโลก วิเคราะห์ว่า ปี 2554 ดัชนีราคาอาหารสูงกว่าปี 2553 ถึง 24% แต่คาดว่าในปีนี้ราคาอาหารจะปรับตัวลงลงเล็กน้อยจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก • Cargill Inc ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ ระบุว่า ยุคของราคาอาหารที่มักจะลดต่ำลงได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อจำนวนประชาการโลกได้เพิ่มขึ้นอีก 2 พันล้านคน ทั้งนี้ FAO (Food and Agriculture Organization) ของสหประชาชาติ ชี้ว่า ผลผลิตอาหารของโลกต้องเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2050 จึงจะพอเลี้ยงประชากรทั้งโลกที่คาดว่าจะเพิ่มจาก 7 พันล้านคนในปัจจุบันเป็น 9 พันล้านคนได้พอเพียง และการที่ประเทศกำลังพัฒนามีกำลังซื้อสูงขึ้นจึงบริโภคเนื้อสัตว์ได้มากขึ้น ทำให้ดัชนีราคาอาหารพุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากราคาธัญญพืชที่สูงขึ้นเพราะมีความต้องการนำไปเลี้ยงสัตว์ • บารัค โอบามา ชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวเร็วขึ้น จากตัวเลขการจ้างงานและอัตราว่างงานประจำเดือน ม.ค.ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด แต่เตือนว่า สหรัฐยังต้องทำอะไรมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายระยะเวลาลดหย่อนภาษีเงินเดือนให้ตลอดทั้งปี • การฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสนอขาย Mortgage-Backed Securities (MBS) มูลค่า 698 ล้านดอลลาร์ในช่วงที่เกิดวิกฤติซับไพรม์ของ Goldman Sachs อาจจะกลายเป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งเป็นการฟ้องร้องของผู้เสียหายจะกี่คนก็ตาม แล้วผลของคำพิพากษาจะมีไปถึงผู้เสียหายรายอื่นที่อยู่ภายใต้กรณีเดียวกันและมีลักษณะเฉพาะของกลุ่มเหมือนกันด้วย • ยูโรโซน มีท่าทีว่าจะสรุปแผนช่วยเหลือกรีซรอบ 2 ในวันนี้ได้ โดยในแผนจะมีเงินช่วยเหลือรอบใหม่จากทางการยูโรโซน และภาคธนาคารกับเอกชนผู้ถือครองพันธบัตรกรีซจะช่วยยอมรับการขาดทุนด้วยการลดยอดหนี้ให้ รวมทั้งจะระบุถึงมาตรการปฏิรูปที่รัฐบาลกรีซจำเป็นต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ตลาดเชื่อมั่นฐานะการเงินของรัฐบาลยูโรโซนมากขึ้น • สภาพอากาศหนาวอย่างรุนแรงในยุโรปยังคงสาหัสต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตกว่า 260 ราย โดยประเทศยูเครนมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในยุโรปกว่า 101 ราย ส่วนสนามบินฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ ถึงกับต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินกว่า 400 เที่ยวเมื่อวานนี้ ในขณะที่พื้นที่ทางภาคเหนือของจีนก็ประสบกับอากาศหนาวจัดที่สุดในรอบหลายสิบปีโดยมีอุณหภูมิ -40’ เซลเซียส และฝูงปศุสัตว์ในทิเบตล้มตายไปแล้วกว่า 2,600 ตัว • เกิดน้ำท่วมรุนแรงในรัฐควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์ประเทศออสเตรเลียหลังจากฝนตกหนัก ทำให้หลายพื้นที่ในรัฐทั้งสองถูกตัดขาดจากโลกภายนอก บ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหาย และมีโอกาสที่เขื่อนชั่วคราวแห่งหนึ่งในรัฐควีนส์แลนด์จะพังลง • อิหร่านเตรียมระงับการส่งออกน้ำมันไปยังบางประเทศในยุโรป เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของ 27 ชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป และอิหร่านจะเรียกร้องไม่ให้โอเปกชดเชยภาวะขาดแคลนน้ำมันหากมีการคว่ำบาตร • การต่อสู้ปฏิวัติโค่นล้มประธานาธิบดีซีเรียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 เดือนทวีความรุนแรงขึ้น โดยในวันเสาร์ที่ผ่านมามีการยิงปืนใหญ่ 5 ลูกใจกลางเมือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 217 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยคน ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมติประนามรัฐบาลซีเรียอย่างรุนแรง ในขณะที่รัสเซียและจีนกลับใช้สิทธิ์ วีโต้ มตินั้น โดยระบุว่าต้องทบทวนถ้อยคำในมติดังกล่าวเสียใหม่ • ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก กำลังกลับมาเป็นปัญหาของโลก เมื่อไวรัส H3N2 ระบาดในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้เพิ่มขึ้น 620,000 ราย เป็น 1.73 ล้านรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ ออสเตรเลีย สั่งฆ่าเป็ด 24,000 ตัวหลังจากตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงต่ำ เพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชียระงับการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกจากออสเตรเลีย ส่วน เนปาล สั่งฆ่าไก่นับพันตัว หลังจากผลการตรวจสอบโดยห้องปฏิบัติการในลอนดอนยืนยันว่า ไก่เหล่านี้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 • สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ (ไชน่า) ประเมินว่า การขยายตัวของจีดีพีจีนปีนี้จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 8.1% เนื่องจากกิจกรรมการผลิตของจีนยังไม่มีแนวโน้มเชิงบวก และจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 8.7% ในปี 2556 ในขณะที่ บลูมเบิร์ก วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้จะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง จากอุปสงค์นอกประเทศที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกจีนลดลง • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers' Index หรือ PMI) สิงคโปร์ เดือน ม.ค. อยู่ที่ 48.7 ลดลงมา 0.8 จุด จากระดับ 49.5 ของเดือนก่อนหน้า (ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าคำสั่งซื้อจะน้อยลงหรือเกิดการหดตัว) นอกจากนี้ ผลสำรวจภาคธุรกิจซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลสิงคโปร์ครั้งล่าสุดก็บ่งชี้ว่าทุกๆ ส่วนในภาคบริการต่างมองทิศทางอนาคตในแง่ลบ ยกเว้นภาคนันทนาการ และการบริการชุมชน/บุคคล ที่คาดว่าธุรกิจจะดีขึ้นอีกในเวลา 5 เดือนข้างหน้านี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า สิงคโปร์ได้แซงหน้าลาสเวกัสในการเป็นตลาดพนันใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกไปแล้ว โดยเป็นรองมาเก๊าเท่านั้น • ธปท. จับตาสภาพคล่องในระบบการเงินไทยเริ่มตึงตัว หลังจากธนาคารพาณิชย์ไม่ยอมลดดอกเบี้ยตอบสนองการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ของ กนง. ในวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา โดย สศค. คาดว่าจะไม่เป็นปัญหามากนัก เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังคงสูงที่ 2 ล้านล้านบาท • โรงงานใน 5 นิคมอุตสาหกรรมอยุธยาได้กลับสู่กระบวนการผลิตแล้วเกือบ100% โดยแต่ละนิคมจะเร่งทำคันดินป้องกันหากท่วมซ้ำ • เอฟเอโอ คาดว่า ปีนี้การค้าข้าวทั่วโลกจะลดลง 5% หรือ 1 ล้านตัน จากความต้องการนำเข้าข้าวที่ลดลง และเตือนว่าไทยอาจประสบปัญหาเนื่องจากประเทศผู้นำเข้าอาจซื้อข้าวจากคู่แข่งซึ่งอาจจำหน่ายข้าวในราคาถูกกว่า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้าข้าวไทยระบุว่าราคาข้าวถุงมีแนวโน้มปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% ตามทิศทางตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศไม่มากนัก เพราะภาครัฐเตรียมใช้มาตรการช่วยเหลือไว้แล้ว • วีรพงษ์ รามางกูร ระบุว่า จีนสนใจเข้าร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทย ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงโดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมต่อจากจีนตอนใต้ลงมายังลาวก่อนเข้ามาไทยบริเวณหนองคาย ไปชายแดนภาคใต้ จนสิ้นสุดที่สิงคโปร์ รวมถึงโครงการพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งจีนยินดีให้ความร่วมมือและเน้นเรื่องการเข้ามาลงทุนอย่างชัดเจน Equity Market • ศุกร์ที่ผ่านมานี้เป็นวันที่ดีสำหรับตลาดสหรัฐ เพราะตัวเลขการจ้างงานทีประกาศออกมาว่าเพิ่มการจ้างงานอีก 243,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม และอัตราการว่างงานลดลงไปเหลือ 8.3% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งตลาดDow Jones และ Nasdaq พุ่งขึ้นไปถึงระดับที่เคยเป็นก่อนจะเกิดวิกฤติในปี 2008 (2551) Dow ปิดที่ 12,862 จุด สูงสุดในรอบ 4 ปี Nasdaq พุ่งไปปิดที่ 2,905 จุด สูงสุดในรอบ 11 ปี S&P 500 ซึ่งน่าจะเป็นตัวชี้วัดตลาดหุ้นสหรัฐได้ดีที่สุดก็ทำสถิติ สูงสุดในรอบ 6 เดือน • SET Index ปิดที่ 1,098.95 จุด เพิ่มขึ้น 7.28 จุด หรือ +0.67% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 26,088.02 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นเนื่องจากเงินลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะยุโรปไหลกลับเข้ามา • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางบวก ขณะที่ตลาดได้คลายความกังวลลง แต่ก็ยังต้องจับตาพัฒนาการการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ทั้งการตรวจสอบก่อนการอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซรอบ 2 ของ Troika Fixed Income Market • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ในช่วง -0.01% ถึง +0.01% Gold Corner • อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ลงพื้นที่บ้านป่าแหน่ง ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เพื่อสำรวจและให้ความรู้ด้านวิชาการกับชาวบ้านที่ละทิ้งอาชีพหลักด้านเกษตรมาหาแร่ทองคำ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยาลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาปริมาณทองคำในแม่น้ำวัง ซึ่งอาจจะมีไม่มากนัก และแต่ละจุดก็มีมากบ้างน้อยบ้างไม่เท่ากัน

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่า R จานอั๋น

ภาพนี้ฮาดีค่ะ เข้ากับสถานการณ์ ตลาดหุ้นทั่วโลกวันนี้

สวัสดีจ้าคุณ ohshikung ขยันจังมาเชียร์พี่ทองทุกวันเลย

ตอนนี้ส่วนต่าง 96.5% กลับมาอยู่ที่ 50 บาทแล้วค่า ไม่รู้ทำไมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พี่ๆพอจะทราบมั๊ยคะว่าเค้าคำนวณจากอะไรคะ

ขอบคุณค่ะคุณ ginger

ขอบคุณค่าคุณบอย ฟังแล้วได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะน้าเคน

ถ้าจะเข้าซื้อตอนนี้ ขอคำแนะนำจากพี่ๆค่ะ ว่าจะปลอดภัยมั๊ยคะ ควรรอย่อก่อน หรือเข้าได้เลยคะ