ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

siamsilver

ขาอ่อน
  • จำนวนเนื้อหา

    14
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

15 ดี

เกี่ยวกับ siamsilver

  • คะแนนนิยม
    น้องใหม่

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  • ที่อยู่
    ต่างประเทศ
  1. ผมก็คิดอยู่นาน ว่าจะออกความเห็นเรื่องนี้ดีไหม อ่านเรื่องคุณเม่าน้อยมาตลอด ผมเป็นคนก่อตั้ง siamsilver กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เป็น facebook ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในโลหะเงิน ผมอยากจะพูดในมุมมองของผม ผมอยู่ที่สหรัฐอเมริกา อยู่มา 24 ปีแล้วก็เริ่มสนใจโลหะเงินมาได้ไม่กี่ปีเหมือนกัน เคยมีคนบอกผมเมื่อสิบปีที่แล้ว ว่าเก็บโลหะเงินก็ดีนะ ออนซ์ละไม่กี่เหรียญเอง ผมนึกตลกอยู่ในใจ จะไปเก็บทำไม แม่ผมบอกให้ผมซื้อทองไว้ เดือนละ 1 บาทก็ยังดี ( ราคาตอนนั้น $200 ) ทำงานได้เงินมา ก็ซื้อเก็บไว้ผมก็บอกแม่ว่า ซื้อทำไม ทอง เอาเงินไปทำอย่างอื่นยังดีกว่า แต่พอมาถึงตอนนี้ คำพูดเหล่านั้น ก็กลับมาย้อนทำให้ผมคิด ทำไม? ทำไมผมไม่ซื้อในตอนนั้น? คำตอบที่ได้ก็คือ เพราะผมไม่มีความรู้ ถ้าคนที่บอกผมให้ซื้อโลหะเงินตอนนั้น ให้ความรู้ผม ให้ข้อมูลกับผมผมคงตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ว่านี่เป็นสิ่งที่เราต้องการจะลงทุนกับมันหรือไม่ แต่เพราะผมไม่มีความรู้ ผมถึงเน้นที่จะให้ความรู้แก่คนที่คิดจะลงทุนกับโลหะเงิน ผมเน้นเสมอ ว่าการซื้อโลหะเงิน หรือ ทอง ไม่ไช่การลงทุน แต่เป็นการปกป้องสิ่งที่คุณมี คุณเม่าน้อยมีโลหะเงินอยู่ 200 กิโลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว วันนี้คุณเม่าน้อยก็ยังมีอยู่ 200 กิโลเหมือนเดิม การที่เราจะลงทุนกับโลหะ เราต้องคิดเป็นหน่วยที่เรามี ถ้าเราคิดเป็นหน่วย x เงินกระดาษ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ เพราะการลงทุนกับโลหะเงิน มันขึ้นเร็ว ลงเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่มันจะเอาจากเราไปไม่ได้ ก็คือหน่วยน้ำหนัก ที่เรามีอยู่ ผมมีสะสมอยู่ 400 oz ก็ซื้อสะสมมาเรื่อยๆ ว่างๆก็เอามาดู เอามานับ ก็สบายใจ ว่าไม่ว่าวันไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ เราก็มี 400 oz อยู่ ไม่มีใครจะมาเอาจากเราไปได้ แต่การลงทุนกับโลหะเงินเมืองไทย ที่ผมไม่ชอบที่สุด ก็คือการสะสมเป็นเงินเม็ด การเก็บเป็นเงินเม็ดมันไม่ให้ความรู้สึกของการเป็นสมบัติ แต่ให้ความรู้สึกเป็นการลงทุน แต่ถ้า คุณเม่าน้อยมี สมมุติว่า american eagle สัก 200 oz.. มี canadian maple ซัก 200 oz.. มี australian philharmonic สัก 200 oz.. มี mexican libertad ซัก200 oz มี chinese panda ซัก 200 oz..มี pam suisse มี generic round..bar.. พอเอามาตั้งรวมกัน มันจะดูมีคุณค่า ไม่เหมือน การที่เรามีเงินเม็ดอยู่ 200 กิโล นี่คือข้อเสียของการลงทุนในโลหะเงินเมืองไทย ที่มีการซื้อขายเฉพาะเงินเม็ด ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ ยากเพราะมีหน่วยเป็นพันๆ เม็ดในถุงเดียวกัน ผมเห็นด้วยกับที่คุณ dakdae พูดไว้ " ดิฉันเคยคิดสนใจในโลหะเงินค่ะ แต่พอศึกษาดู เห็นช่องโหว่ในสภาพคล่องที่น้อยมาก ซึ่งช่องโหว่ตรงนี้ ดิฉันคิดว่าดิฉันรับไม่ได้ ดิฉันก็จึงตัดสินใจไม่ลงทุน เพราะคิดว่าทำไปก็คงไม่มีความสุข อีกอย่างคือ เม็ดเงินเอามามองมาลูบคลำมากก็ไม่ได้เพราะมันคงดำและหมองลง แต่ดิฉันก็ยังมีความสนใจในโลหะเงินอยู่ พอดีมีโอกาสที่เพื่อนมอบให้ ส่งข่าวเรื่องเหรียญกษาปณ์เงินแท้ มีใบรับประกัน ดิฉันตัดสินใจทันทีที่จะซื้อ เพราะดูแล้วคงมีความสุขมากกว่า และคิดจะเก็บยาวถึงยาวมากค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันไม่สนราคาโลหะเงินเลยว่าจะไปถึงไหน คือ มีความสุขกับคุณค่าของเหรียญแล้วค่ะ หยิบมาดูครั้งใดก็มีความสุข ต่อให้โลหะเงินราคาหล่นมาจนเหลือ 1 บาทต่อกิโล ดิฉันก็คิดว่า ยังมีความสุขอยู่ค่ะ" การจะลงทุนกับโลหะเงิน ต้องถือระยะยาวมาก 5-10 ปีเป็นอย่างน้อย ผมถึงบอกคนอยู่เสมอ ว่าถ้าจะเอากำไรเร็ว อย่าลงทุนกับโลหะเงิน ไปเล่นหุ้น ดีกว่า แต่ถ้าคุณคิดจะเก็บเป็นสมบัติให้ลูกให้หลาน ผมขอแนะนำ เก็บโลหะเงิน หรือทองคำ คุณเม่าน้อยรู้ไหม เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ราคาน้ำมันต่อ 1 gallon คือ 10 cent วันนี้ ราคาก็อยู่ที่เกือบๆ 10 cent ( แต่ต้องใช้ 10 cent ที่เป็นโลหะเงินที่เป็นเงินที่เคยใช้ในการซื้อขายเมื่อ 50 ปีที่แล้วเท่านั้นนะ ) คนเราถ้าจะวันมูลค่าสิ่งที่มี x กับเงินกระดาษทุกวันนี้ มันไม่ได้แล้ว แต่ไช่ คนเรายังต้องใช้เงินกระดาษเพื่อดำรงชีวิตประจำวันต่อไป เงินที่จะซื้อโลหะเงิน จึงต้องเป็นเงินที่เย็นจริงๆ ส่วนเรื่องครอบครัว คนรอบข้าง ผมเฉยๆนะ คนที่หวังดีกับเรา คนที่รักเรา ต้องไม่ซ้ำเติมเรา มันไม่มีอะไรที่ดีที่สุดกับคนๆหนึ่งหรอก ความสุขของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ถ้าเราหวังดีจริงๆ เราควรจะให้กำลังใจ และยินดีกับการตัดสินใจของคนๆหนึ่งไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไงมากกว่า ผมไม่คิดที่จะให้ครอบครัวคนรอบข้างผมมาเก็บโลหะเงิน เพราะผลที่ตามมา จะมีแต่เสียกับเสีย เพราะคนส่วนมาก ก็คิดถึงแต่ราคา ราคา และราคา ถ้าผมบอกให้คนรอบข้างซื้อ แล้วมันขึ้น ก็ดีไป แต่ถ้าลง ก็มองหน้ากันไม่ติด เพราะว่า สิ่งเดียวที่คนคิด ก็คือ กำไร การลงทุนกับโลหะเงิน เป็นการปกป้องเงินเฟ้อ เป็นการเก็บที่ไม่ว่าใคร ก็ไม่สามารถเอามันไปจากคุณได้ ยกเว้นโจร ( 555 ) ... 7 ล้านที่คุณเม่าน้อยได้ลงทุนไปในวันนั้น ถ้าคุณเม่าน้อยไม่ได้ซื้อโลหะเงินเก็บไว้ แล้วเก็บไว้ในธนาคาร ณ วันนี้ ผมบอกได้เลย ว่าคุณเม่าน้อยก็อาจจะมี เท่าที่คุณเม่าน้อยถือ โลหะเงิน 200 กิโลไว้ หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ คุณเม่าน้อยอาจจะมีเงิน 7 ล้าน + ดอกเบี้ย 6 แสน เป็น 7,600,000 ในแบงค์ ดูแล้วเยอะมากเลยไช่ไหมครับ? เราลองมาสมมุติกัน ว่า ถ้าคุณเม่าน้อยเก็บเงิน 7 ล้านไว้เติมน้ำมันอย่างเดียว 3 ปีที่แล้ว ราคาน้ำมันอยู่ที่ 30 บาท ต่อ 1 ลิตร คุณเม่าน้อยจะเติมได้ 233,333 ลิตร อะสมมุติว่าคุณเม่าน้อยไม่ได้เติม น้ำมัน เก็บเงินกินดอกเบี้ย ผ่านมา 3 ปี เป็น 7,600,000 คุณเม่าน้อยอยากจะเอาเงินมาเติมน้ำมันและ วันนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 35 บาทต่อ 1 ลิตร คุณเม่าน้อยจะเติมได้ 217,142 ลิตร อ้าว คุณเม่าน้อยมีเงินมากกว่าเดิมไม่ไช่เหรอ? ตั้ง 6 แสน แต่ทำไมคุณเม่าน้อย เติมน้ำมันได้น้อยกว่า 3 ปีที่แล้วตั้งเยอะ? อันนี้ต้องให้คุณเม่าน้อยเอาไปคิดเองนะครับ ถ้าคุณเม่าน้อยคิดถึงแต่ตัวเลขที่มันเพิ่มขึ้นแล้วมีความสุขกับมัน แต่ไม่คิดถึงราคาของสิ่งของรอบตัวในวันนี้ ความมั่งคั่งไม่ได้นับว่ามีเงินเท่าไหร่ แต่ว่าวัดที่ว่าเงินที่มี สามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่โดยไม่ต้องทำงานมากกว่า.... 7 ล้านของคุณเม่าน้อย สมมุติอาจจะอยู่ได้โดยไม่ทำงาน 3 เดือนใน 3 ปีที่แล้ว แต่ 7 ล้านของคุณเม่าน้อย อาจจะอยู่ได้แค่ 2 เดือนในวันนี้ ผมขอให้ทางเลือกที่คุณเม่าน้อยเลือก เป็นทางเลือกที่ถูกต้องนะครับ ^^
  2. ในระบบเงินตราปัจจุบัน ทุกประเทศมีโอกาสหมดครับ --'
  3. เก็บไว้เตือนใจดีกว่าคับ 555 ว่าอย่าประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้ ^^
  4. จากที่ผมได้คุยกับบุคคลผู้หนึ่งที่อยู่ในการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย เขาได้บอกผมว่า ณ วันนี้ แผงโซล่า ยังไม่เป็นที่นิยมเพราะว่าราคายังแพงอยู่ ต้องใช้เวลา 8 ปี ถึงจะคุ้มทุน แต่ในอนาคต แผงโซล่าเซลล์จะมีต้นทุนที่ถูกลงเรื่อยๆ จากใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาแผงโซล่าเซลล์ก็มีราคาที่ถูกลงไปค่อนข้างเยอะ จำไม่ได้ว่าเขาบอกว่าราคาอยู่ที่เท่าไหร่ในตอนนี้ ( วันนั้นคุยที่ร้านอาหาร ดื่มไปมากพอสมควร ) แต่จากที่เขาบอกว่าต่อไป เมืองไทยต้องใช้กันแน่ๆ ในอนาคต อุสาหกรรมนี้กำลังเข้ามาเติบโตในไทย เพราะองกรณ์ไฟฟ้าก็ยินดีร่วมมือกับผู้ที่สนใจ ยังไงองค์กรณ์ไฟฟ้าก็ได้ส่วนต่าง วันหนึ่งที่ต้นทุนแผงถูกลง มีคนมาทำแน่ ผมก็คนหนึ่งแหละ ที่สนใจในอุสาหกรรมนี้
  5. http://www.bloomberg.com/news/2011-06-22/silver-surge-makes-headwind-for-solar-in-fossil-fuel-rivalry.html Soaring silver prices are hampering the solar industry’s ability to compete with fossil fuels. Panel makers consume about 11 percent of the world’s supply of silver, the material in solar cells that conducts electricity. The metal has appreciated 74 percent to $35.30 a troy ounce on average so far this year from $20.24 last year. Enlarge image The surge in silver prices is squeezing margins for most solar companies, according to research by Barclays Capital. Photographer: Andrew Caballero-Reynolds/Bloomberg Enlarge image A typical solar cell uses 0.10 grams of silver for each watt of generating capacity. That amounts to about 20 grams in a 200-watt panel, adding $23.52 to the cost of each panel, according to New Energy Finance. Photographer: Ken James/Bloomberg Enlarge image The surge in silver prices is squeezing margins for most solar companies, according to research by Barclays Capital. Photographer: John Guillemin/Bloomberg Prices for solar cells have dropped about 27 percent this year and would be even lower if each panel didn’t require about 20 grams of silver, according to Bloomberg New Energy Finance. That’s pushing back the date when companies such as Solarworld AG (SWV) and LDK Solar Co. can deliver solar power at prices that are competitive with traditional energy. “Global silver prices have gone up a lot, and solar cells use silver paste as the front-side contact material,” Shawn Qu, chief executive of Canadian Solar Inc. (CSIQ), which is based in China, said in an interview. “The increase of the silver costs will give us a challenge in efforts to reduce solar cell costs.” Prices for photovoltaic solar panels were $1.49 a watt in June, compared with about $1.80 in January, New Energy Finance estimates, as manufacturers especially in China raised production and incentives were trimmed in Europe. ‘Headwind’ “Some companies are implementing measures to reduce silver consumption, but we believe rising silver prices could still act as a headwind,” Barclays Capital wrote in a note to clients. The price of the silver paste that Canadian Solar uses to print circuits on the front of its solar cells more than tripled in the past year, Qu said. That adds about 3 cents to 4 cents a watt, or 2 percent, to the cost of the panels. The company’s gross margins narrowed to about 15 percent in the first quarter from 17 percent in the prior quarter as the price of cells fell faster than the cost of production, the company based in Suzhou New District, China, reported in May. A typical solar cell uses 0.10 grams of silver for each watt of generating capacity. That amounts to about 20 grams in a 200-watt panel, adding $23.52 to the cost of each panel, according to New Energy Finance. The cost for metal in each panel totals about 11 cents a watt, up from 5 cents a year ago, the London-based industry researcher estimates. Slim Margins Solar companies “have already seen their margins being reduced to next to nothing,” Jenny Chase, manager of New Energy Finance’s solar analysis, said in a report. “At these prices, silver accounts for around half of cell makers’ processing costs,” the roughly 18 cents it takes to turn a blank silicon wafer into a completed cell. The surge in silver prices is squeezing margins for most solar companies, according to research by Barclays Capital. Silver prices reached a record high at $48.44 an ounce on April 28, and if it returns to that level it will account for 13 percent to 15 percent of the cost of producing each panel, the report said. The global silver supply reached 1.06 billion ounces in 2010, up almost 15 percent from 922.2 million ounces in 2009, according to the Washington-based trade group Silver Institute. Including advance purchases of the metal, solar companies consumed almost 11 percent of total silver production, according to Prismark Partners, a New York-based technology research company. Solar companies and their suppliers are looking for ways to reduce the amount of silver used in cells. Canadian Solar’s Qu said his company is tweaking its manufacturing process to use thinner wiring on the front of solar cells. Thin-Film Advantage High silver prices may provide a competitive advantage to companies that make thin-film solar products such as First Solar Inc. (FSLR) A spokesman for Tempe, Arizona-based First Solar said the company’s cells are made with cadmium-telluride rather than the polysilicon used in typical photovoltaic cells, and do not use any silver. The standard, 156-millimeter photovoltaic cell has about 280 milligrams of silver on the front, and a slight amount on the backside as well, said Walt Cheng, global business director for DuPont Microcircuit Materials, the unit of DuPont Co. that produces the silver metalization paste used to make the wiring. The price of silver makes up 70 percent to 90 percent of the cost of DuPont’s paste, and the company passes on to customers fluctuations in the metal’s value. DuPont expects to introduce this year a version of its Solamet paste that reduces silver content by about 10 percent, and may eventually reach 20 percent. Studying Silver “We are accelerating R&D to reduce silver content and investigate how we can effectively transfer technology internally from DuPont’s products in the automotive and display industries into photovoltaics,” Cheng said. Smaller panel makers may have the most to lose from high silver costs. “Solar manufacturers that are large-scale and have high- end tech can manage rising prices pretty well,” Cheng said. “Customers that are second and third tier have a harder time with higher silver prices. The strong module makers will get stronger.” To contact the reporter on this story: Ehren Goossens in New York at egoossens1@bloomberg.net To contact the editor responsible for this story: Reed Landberg at landberg@bloomberg.n
  6. เห็นด้วยกับคุณ WGC เป็นอย่างยิ่งคับ
  7. มันอยู่ว่าต่อไป โลกเราจะเป็นยังไงมากกว่าคับ ถ้าอเมริกา เป็นเหมือน zimbabwe ก็เสร็จ เงิน กับ ทอง ก็จะหาค่ามิได้ แต่ถ้าเรี่อยๆ เนี่อยๆ ก็อยู่ที่ว่าอเมริกา จะพิมพ์แบงค์ออกมาอีกเท่าไหร่ เป็นหนี้อยู่ แต่ชอบพิมพ์แบงค์ขึ้นมาใช้หนี้ตัวเอง หนี้ใช้ด้วยหนี้ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ต้องดูกันไปอะคับ แต่พิมพ์แน่ๆ อยู่ที่ว่า เมื่อไหร่เท่านั้น ครั้งที่แล้ว QE ทำเงินขึ้นไปกว่าเท่าตัว ถ้า QE อีก ก็คงจะหยุดไม่อยู่แล้วอะคับ ได้แต่ รอ รอ รอ แล้วก็เอาโลหะเงินที่มีมาดูเล่น 5555
  8. ไช่ครับ PSLV คือ sprott physical trust fund. มีโลหะเงินสำรองจริงๆ แต่เขาคิดค่า premium ที่ 20%...แต่ออกมาก็ขายหมดอะครับ....ซื้อขายโลหะเงินแท่งจริงๆ ^^
  9. หวัดดีคับ ทุกๆคน ^^ ยินดีที่่ได้รู้จักนะครับ ติดตามเราได้ใน facebook...แต่ผมจะแวะเข้ามาในนี้บ่อยๆนะ ครับ เวลามีคนร่วมอุดมการณ์อยู่ด้วยแล้วมันสบายใจ 555 แล้วเรื่อง eric sproutt เห็นเขายื่นขอจะเพิ่มทุน อีก 1.5 billion dollar ใน 25 เดิอน .. หวังว่ามันคงผ่านนะครับ ครั้งที่แล้วที่เขาเปิด pslv เงินขึ้นไปมากมาย ถ้าเพิ่มได้อีกทีนี้ ไม่ต้องกลัวเลยครับ พุ่งกระฉูดแน่ ^^
  10. อัตราส่วนระหว่างทองคำและโลหะเงิน (บทวิเคราะห์โดย Torjung) by Siam Silver on Sunday, January 8, 2012 at 1:28am กว่า 5000 ปีที่อัตราส่วนระหว่างทองคำกับโลหะเงินอยู่ที่ 1 ต่อ 16 ความหมายก็คือ คุณสามารถนำโลหะเงิน 16 ส่วนมาแลกทองคำหนึ่งส่วนหรือทองคำ 1 ส่วนมาแลกโลหะเงิน 16 ส่วน เหตุผลที่อัตราส่วนเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปริมาณการขุดแร่ขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะค้นพบโลหะเงินมากกว่าทองคำ 16 เท่า ดังนั้นราคาของทองคำจึงต้องสูงกว่าโลหะเงิน 16 เท่า แต่ในบัจจุบันอัตราส่วนของทองคำกับโลหะเงินได้อยู่ที่ 1 ต่อ 56 ซึ่งหมายถึงว่า ทอง 1 ส่วนสามารถแลกเงินได้ถึง 56 ส่วน!! เรา มาดูสาเหตุพื้นฐานของอัตราส่วนเหล่านี้กันดีกว่าว่าทำไมอัตราส่วนถึงได้ เพิ่มขึ้นไปมากมาย ทั้งๆที่ความเป็นจริงในขณะนี้โลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้บนโลกมีอยู่น้อยกว่า ทองคำเสียอีก!! อย่างที่เคยเอ่ยถึง โลหะเงินถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในอัตราที่สูงพอสมควร ในแต่ละปีโลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้ใหม่จะถูกใช้ไปในชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ ฟิลม์ถ่ายรูป อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย ชิ้นส่วนเหล่านี้เมื่อเสียและหมดสภาพแล้วจะต้องกลายเป็นขยะ เพราะขั้นตอนการนำโลหะเงินกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องที่ยากและไม่คุ้มค่า โลหะเงินจึงถูกนำไปทำลาย ไปพร้อมกับขยะอีเล็กโทรนิกพวกนี้ ในทางกลับกันทองคำไม่ว่าจะขุดมาเท่าไหร่ปริมาณก็มีอยู่เท่านั้นไม่เคยน้อยลง ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วทองคำจะอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับที่หมุดเวียนเปลี่ยนมือ ไปเรื่อยๆ มันจึงไม่ถูกทำลายไป แต่ที่น่าแปลกคือ โลหะเงินที่มีปริมาณที่ลดน้อยลงกลับมีราคาลดน้อยลงทุกวัน มันสวนทางกับ กฎของ supply และ demand ซึ่ง ในขณะทั้งๆที่ความต้องการมีมากขึ้นและของก็มีจำนวนลดน้อยลง แต่ราคากลับตกลงอย่างน่าใจหาย ต่างจากทองคำที่ของมีอยู่เท่าเดิมแต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ ถ้า เปรียบทองคำกับโลหะเงิน คงเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก ในตระกูลคนจีนทั้งๆที่เติบโตมาด้วยกัน แต่ความสำคัญแตกต่างกันยิ่งนัก ถ้าคุณรู้ว่าถ้าลูกสาวคนเล็กโตมาแล้วจะได้เป็นนายก คุณจะทำยังไง? คุณก็คงจะเลี้ยงดูอย่างดีเท่าๆกับพี่ชายหรือดีมากกว่า แล้วถ้าเกิดโลหะเงินเป็นเหมือนลูกสาวล่ะ? นี่คือเหตุพลที่ทำให้โลหะเงิน ควรค่ากับการลงทุนยิ่งนัก วันหนึ่ง โลหะเงินอาจจะมาเทียบกับ ทองคำ ก็ได้ ถ้าวันนั้นเกิดขึ้น คุณจะทำยังไง? เขียน: Torjung หากท่านสนใจจะลงทุนทางด้านโลหะเงินแท่ง ลองศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นด้วยการเยี่ยมชม facebook ของเราซิครับ เราให้คำปรึกษา และให้ความรู้ทางด้านการลงทุนโลหะเงินแท่งฟรี http://www.facebook.com/siamsilver เราจะอัฟเดทข้อมูลทางด้านการลงทุนโลหะเงินทุกวัน "เพราะเราสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ที่มีประชาชนเป็นผู้ถืออำนาจเงินตรา " Siam Silver
  11. อัตราส่วนระหว่างทองคำและโลหะเงิน (บทวิเคราะห์โดย Torjung) by Siam Silver on Sunday, January 8, 2012 at 1:28am กว่า 5000 ปีที่อัตราส่วนระหว่างทองคำกับโลหะเงินอยู่ที่ 1 ต่อ 16 ความหมายก็คือ คุณสามารถนำโลหะเงิน 16 ส่วนมาแลกทองคำหนึ่งส่วนหรือทองคำ 1 ส่วนมาแลกโลหะเงิน 16 ส่วน เหตุผลที่อัตราส่วนเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปริมาณการขุดแร่ขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะค้นพบโลหะเงินมากกว่าทองคำ 16 เท่า ดังนั้นราคาของทองคำจึงต้องสูงกว่าโลหะเงิน 16 เท่า แต่ในบัจจุบันอัตราส่วนของทองคำกับโลหะเงินได้อยู่ที่ 1 ต่อ 56 ซึ่งหมายถึงว่า ทอง 1 ส่วนสามารถแลกเงินได้ถึง 56 ส่วน!! เรา มาดูสาเหตุพื้นฐานของอัตราส่วนเหล่านี้กันดีกว่าว่าทำไมอัตราส่วนถึงได้ เพิ่มขึ้นไปมากมาย ทั้งๆที่ความเป็นจริงในขณะนี้โลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้บนโลกมีอยู่น้อยกว่า ทองคำเสียอีก!! อย่างที่เคยเอ่ยถึง โลหะเงินถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในอัตราที่สูงพอสมควร ในแต่ละปีโลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้ใหม่จะถูกใช้ไปในชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ ฟิลม์ถ่ายรูป อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย ชิ้นส่วนเหล่านี้เมื่อเสียและหมดสภาพแล้วจะต้องกลายเป็นขยะ เพราะขั้นตอนการนำโลหะเงินกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องที่ยากและไม่คุ้มค่า โลหะเงินจึงถูกนำไปทำลาย ไปพร้อมกับขยะอีเล็กโทรนิกพวกนี้ ในทางกลับกันทองคำไม่ว่าจะขุดมาเท่าไหร่ปริมาณก็มีอยู่เท่านั้นไม่เคยน้อยลง ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วทองคำจะอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับที่หมุดเวียนเปลี่ยนมือ ไปเรื่อยๆ มันจึงไม่ถูกทำลายไป แต่ที่น่าแปลกคือ โลหะเงินที่มีปริมาณที่ลดน้อยลงกลับมีราคาลดน้อยลงทุกวัน มันสวนทางกับ กฎของ supply และ demand ซึ่ง ในขณะทั้งๆที่ความต้องการมีมากขึ้นและของก็มีจำนวนลดน้อยลง แต่ราคากลับตกลงอย่างน่าใจหาย ต่างจากทองคำที่ของมีอยู่เท่าเดิมแต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ ถ้า เปรียบทองคำกับโลหะเงิน คงเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก ในตระกูลคนจีนทั้งๆที่เติบโตมาด้วยกัน แต่ความสำคัญแตกต่างกันยิ่งนัก ถ้าคุณรู้ว่าถ้าลูกสาวคนเล็กโตมาแล้วจะได้เป็นนายก คุณจะทำยังไง? คุณก็คงจะเลี้ยงดูอย่างดีเท่าๆกับพี่ชายหรือดีมากกว่า แล้วถ้าเกิดโลหะเงินเป็นเหมือนลูกสาวล่ะ? นี่คือเหตุพลที่ทำให้โลหะเงิน ควรค่ากับการลงทุนยิ่งนัก วันหนึ่ง โลหะเงินอาจจะมาเทียบกับ ทองคำ ก็ได้ ถ้าวันนั้นเกิดขึ้น คุณจะทำยังไง? เขียน: Torjung หากท่านสนใจจะลงทุนทางด้านโลหะเงินแท่ง ลองศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นด้วยการเยี่ยมชม facebook ของเราซิครับ เราให้คำปรึกษา และให้ความรู้ทางด้านการลงทุนโลหะเงินแท่งฟรี http://www.facebook.com/siamsilver เราจะอัฟเดทข้อมูลทางด้านการลงทุนโลหะเงินทุกวัน "เพราะเราสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ที่มีประชาชนเป็นผู้ถืออำนาจเงินตรา "
  12. อัตราส่วนระหว่างทองคำและโลหะเงิน (บทวิเคราะห์โดย Torjung) by Siam Silver on Sunday, January 8, 2012 at 1:28am กว่า 5000 ปีที่อัตราส่วนระหว่างทองคำกับโลหะเงินอยู่ที่ 1 ต่อ 16 ความหมายก็คือ คุณสามารถนำโลหะเงิน 16 ส่วนมาแลกทองคำหนึ่งส่วนหรือทองคำ 1 ส่วนมาแลกโลหะเงิน 16 ส่วน เหตุผลที่อัตราส่วนเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปริมาณการขุดแร่ขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะค้นพบโลหะเงินมากกว่าทองคำ 16 เท่า ดังนั้นราคาของทองคำจึงต้องสูงกว่าโลหะเงิน 16 เท่า แต่ในบัจจุบันอัตราส่วนของทองคำกับโลหะเงินได้อยู่ที่ 1 ต่อ 56 ซึ่งหมายถึงว่า ทอง 1 ส่วนสามารถแลกเงินได้ถึง 56 ส่วน!! เรา มาดูสาเหตุพื้นฐานของอัตราส่วนเหล่านี้กันดีกว่าว่าทำไมอัตราส่วนถึงได้ เพิ่มขึ้นไปมากมาย ทั้งๆที่ความเป็นจริงในขณะนี้โลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้บนโลกมีอยู่น้อยกว่า ทองคำเสียอีก!! อย่างที่เคยเอ่ยถึง โลหะเงินถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในอัตราที่สูงพอสมควร ในแต่ละปีโลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้ใหม่จะถูกใช้ไปในชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ ฟิลม์ถ่ายรูป อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย ชิ้นส่วนเหล่านี้เมื่อเสียและหมดสภาพแล้วจะต้องกลายเป็นขยะ เพราะขั้นตอนการนำโลหะเงินกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องที่ยากและไม่คุ้มค่า โลหะเงินจึงถูกนำไปทำลาย ไปพร้อมกับขยะอีเล็กโทรนิกพวกนี้ ในทางกลับกันทองคำไม่ว่าจะขุดมาเท่าไหร่ปริมาณก็มีอยู่เท่านั้นไม่เคยน้อยลง ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วทองคำจะอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับที่หมุดเวียนเปลี่ยนมือ ไปเรื่อยๆ มันจึงไม่ถูกทำลายไป แต่ที่น่าแปลกคือ โลหะเงินที่มีปริมาณที่ลดน้อยลงกลับมีราคาลดน้อยลงทุกวัน มันสวนทางกับ กฎของ supply และ demand ซึ่ง ในขณะทั้งๆที่ความต้องการมีมากขึ้นและของก็มีจำนวนลดน้อยลง แต่ราคากลับตกลงอย่างน่าใจหาย ต่างจากทองคำที่ของมีอยู่เท่าเดิมแต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ ถ้า เปรียบทองคำกับโลหะเงิน คงเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก ในตระกูลคนจีนทั้งๆที่เติบโตมาด้วยกัน แต่ความสำคัญแตกต่างกันยิ่งนัก ถ้าคุณรู้ว่าถ้าลูกสาวคนเล็กโตมาแล้วจะได้เป็นนายก คุณจะทำยังไง? คุณก็คงจะเลี้ยงดูอย่างดีเท่าๆกับพี่ชายหรือดีมากกว่า แล้วถ้าเกิดโลหะเงินเป็นเหมือนลูกสาวล่ะ? นี่คือเหตุพลที่ทำให้โลหะเงิน ควรค่ากับการลงทุนยิ่งนัก วันหนึ่ง โลหะเงินอาจจะมาเทียบกับ ทองคำ ก็ได้ ถ้าวันนั้นเกิดขึ้น คุณจะทำยังไง? เขียน: Torjung หากท่านสนใจจะลงทุนทางด้านโลหะเงินแท่ง ลองศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นด้วยการเยี่ยมชม facebook ของเราซิครับ เราให้คำปรึกษา และให้ความรู้ทางด้านการลงทุนโลหะเงินแท่งฟรี http://www.facebook.com/siamsilver เราจะอัฟเดทข้อมูลทางด้านการลงทุนโลหะเงินทุกวัน "เพราะเราสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ที่มีประชาชนเป็นผู้ถืออำนาจเงินตรา "
  13. หากท่านสนใจจะลงทุนทางด้านโลหะเงินแท่ง ลองศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นด้วยการเยี่ยมชม facebook ของเราซิครับ เราให้คำปรึกษา และให้ความรู้ทางด้านการลงทุนโลหะเงินแท่งฟรีที่ http://www.facebook.com/SiamSilver เราจะอัฟเดทข้อมูลทางด้านการลงทุนโลหะเงินทุกวัน "เพราะเราสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ที่มีประชาชนเป็นผู้ถืออำนาจเงินตรา " http://siamsilver.bewise.co.th
  14. ทองคำหรือโลหะเงิน? (บทวิเคราะห์โดย Torjung) by Siam Silver on Thursday, January 5, 2012 at 11:03pm น่า สงสารโลหะเงินยิ่งนัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ยังไม่เคยได้รับการยอมรับเหมือนโลหะทอง ทั้งที่ความเป็นจริง ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 20 การเติบโตของโลหะเงินได้เติบโตไปเร็วกว่าโลหะทอง ความยืดหยุ่นและพื้นฐานเบื้องต้นที่ดีกว่า น่าจะทำให้โลหะเงินเป็นที่น่าสนใจมากกว่า โลหะทอง ความเป็น จริงก็คือ นักลงทุนทั่วไปยึดติดอยู่กับความคุ้นเคยที่มีให้กับทองคำในด้านความเชื่อ มั่น, ความล้ำค่า โดยที่ไม่ได้มองย้อนประวัติศาสตร์และความเป็นจริงที่ว่า ในอดีตโลหะเงินได้ถูกใช้เป็นอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าโลหะทองเสียอีก! เพราะสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนคือ โลหะเงินนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของคนในอดีตแทบทุกวัน สังเกตุได้จากเครื่องใช้โบราณที่ทำมาจากเงินโดยส่วนมาก ในขณะที่โลหะทอง จะเป็นสิ่งที่ได้คลุกคลีแต่เฉพาะในบรรดาข้าหลวง เศรษฐีและผู้มีศักดินา ซึ่งคนทำงานทั่วไปหรือระดับกลางมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เข้าถึง แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงประมาณปีค.ศ. 1870 ความต้องการโลหะเงินให้เป็นหนึ่งในสกุลเงินก็ได้สูญหายไปเกือบหมด ใน โลกปัจจุบัน เงินและทองคำต่างเป็นกลับมาเป็นหน่วยเงินตราสากลอีกครั้ง ทุกวันนี้ทองคำเรียกเป็นสกุลเงินตราว่า XAU ส่วนโลหะเงินเรียกว่า XAG ซึ่งแม้จะได้รับสถานะการสกุลเงินตรา แต่ทั้งนี้โลหะทั้งสองต่างยังคำนึงเป็นสินค้า (commodity) จากผู้คนส่วนใหญ่ มากกว่าจะเป็นสิ่งที่นำมาเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย(medium of exchange) อย่างไรก็ตามในด้านการลงทุน โลหะเงินมีคุณสมบัติมากกว่าทองคำที่มีความต้องการทางการธุรกิจอัญมณีเป็น หลัก เพราะโลหะเป็นสิ่งที่ธุรกิจอุตสาหกรรมมากมายขาดแคลนไม่ได้ จะเป็นโลหะที่ต้องถูกนำมาใช้ เพราะทุกวันนี้ โลหะเงินได้ถูกใช้ในการทำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิค, เคมี, การแพทย์, วิทยาศาสตร์, ฟิลม์, แผงโซล่าเซลล์, สิ่งทอผ้า และ อื่นๆอีกนานับประการ ทุกครั้งที่โลหะเงินถูกนำมาใช้ ปริมาณส่วนใหญ่ที่ใช้ก็จะกลายเป็นขยะและสูญหายไป การสกัดและรีไซเคิลโลหะเงินในสิ่งของต่างๆยังเถือเป็นงานที่ไม่คุ้มค่าอยู่ ในปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลหะเงินนั้นก็คือ ปริมาณแร่เงินบริสุทธิ์ทั่วโลกที่ขุดขึ้นมาได้ลดน้อยหายลงไปอย่างน่าใจหาย เมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งจากสถิติแล้ว ถ้ามีการนำโลหะเงินบริสุทธิ์ทั่วโลกมารวมตัวกันเป็นก้อนสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมือนลูกเต๋าก้อนโตๆ มันจะได้เป็นลูกเต๋ายักษ์ที่สามารถวางไว้ได้ในสนามบาสเก็ตบอลหนึ่งสนามพอดี เท่านั้น ความต้องการในหลายๆด้านเกี่ยวกับโลหะเงิน นั้นแสดงให้เห็นว่า โลหะเงิน ควรค่าแก่การลงทุนมากกว่าทองคำ ซึ่งตลาดเงินทุกวันนี้เล็กยิ่งนักถ้าเทียบกับตลาดทอง เมื่อไหร่ที่อัตราการลงทุนหลั่งไหลเพิ่มขึ้น มันจะเพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็ว และเช่นกันเพราะว่ายังเป็นตลาดที่เล็กอยู่ การปั่นราคาและฉ้อโกงในตลาดโลหะเงินจึงเกิดขึ้นได้ง่ายตามไปด้วย ซึ่งรายละเอียดการกดราคาในตลาดโลหะเงินนั้นจะนำมาชี้แจงในโอกาสหน้า แต่โดยรวมแล้ว เมื่อใดที่ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจความหวาดกลัวก็เข้ามาในจิตใจของนักลงทุน และทุกคนจะวิ่งกลับไปหาสิ่งที่พวกเขาคิดว่า ปลอดภัยที่สุด ซึ่งนั่นก็คือ ทอง และ เงิน การลงทุนในโลหะเงินให้ผลตอบแทนเร็ว แต่ก็เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นกัน ถ้าคุณลงทุนในโลหะเงินแต่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ อาจจะทำให้คุณวิตกกังวลได้ ทว่าเมื่อไหร่ที่คุณเข้าใจถึงพื้นฐานเบื้องต้นของโลหะเงินแล้ว คุณก็จะเข้าใจว่า โลหะเงิน เป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องคุณจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของระบบเงินตราใน ปัจจุบัน โดยเฉพาะจากธนาคารแห่งชาติที่พิมพ์ธนบัตรออกมาเหมือนกับเป็นแค่กระดาษใบ หนึ่ง เพราะทุกๆครั้งที่ ธนาคารแห่งชาติ ปล่อยจำนวนเม็ดเงินตราเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ เงินตราในธนาคารที่คุณมีได้ลดค่าหายไปโดยที่คุณยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ถ้า หากคุณมีทางเลือก คุณจะเลือกที่ปกป้องทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ด้วยกระดาษ หรือจะเลือกที่จะปกป้องด้วยโลหะเงิน ที่ใช้เป็นสกุลเงินกว่า 5000 ปี? ถ้าคุณต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เราให้คำปรึกษา และ ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนใน โลหะเงินแท่งฟรี ที่ http://www.facebook.com/SiamSilver
×
×
  • สร้างใหม่...