ห้างทองน่ำเชียง

ทองคำร่วง 46.2 ดอลลาร์ 13 กันยายน 2554 เวลา 08:09 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนัก จาก แรงขายทำกำไรฉุด สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 46.2 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,813.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,807.90-1,865.20 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายทำกำไรในตลาดทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้น หลังจากมีรายงานว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารในฝรั่งเศส เนื่องจากธนาคารเหล่านี้เข้าไปลงทุนถือพันธบัตรกรีซเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก เทรดเดอร์กล่าวว่า แม้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในตลาดอื่นๆก็อาจจะส่งผลกระทบถึงตลาดทองคำด้วย เนื่องจากนักลงทุนและเฮดจ์ฟันด์จำนวนมากต้องการชดเชยการขาดทุนด้วยการเทขายสัญญาทองคำ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำด้วย เพราะการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สินทรัพย์ที่ซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่นๆ http://www.posttoday.com/

"กัดดาฟี" เทขายทอง 29 ตัน หอบเงินกว่าพันล้านดอลลาร์หนีออกนอกประเทศ นายกัสเซม อัซซอซ ผู้ว่าการธนาคารกลางลิเบีย เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย จะถูกฝ่ายกบฏโค่นอำนาจ นั้น อดีตผู้นำลิเบีย ได้นำทองคำที่มีน้ำหนักราว 29 ตัน หรือประมาณ 20% ของคลังสำรองของประเทศ ออกมาเทขาย โดยคาดว่า กัดดาฟี จะได้รับเงินไปกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่า กัดดาฟี น่าจะใช้เงินก้อนนี้สำหรับการลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างตูนีเซีย ขณะนี้ธนาคารกลางลิเบีย มีสินทรัพย์ทั้งสิ้นราว 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กัดดาฟี ได้หลบหนีออกจากลิเบีย ข้ามไปยังเมืองอากาเดซ ประเทศไนเจอร์ ซึ่งอยู่ติดกับลิเบีย แต่ภายหลัง กัดดาฟี ก็ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ในซีเรีย ผ่านทางโทรศัพท์ โดยปฏิเสธข่าวการหลบหนี และยืนยันว่า ยังพำนักอยู่ในลิเบีย วันที่ 9/9/2011 www.Naewna.com

Barclays Analysts Look For $1,875/Oz Gold In Fourth Quarter 09 September 2011, 4:24 p.m. By Kitco News http://www.kitco.com/ (Kitco News) - Analysts with Barclays Capital say they remain constructive on gold and look for prices to average $1,875 in the fourth quarter and $2,000 in 2012. “Gold prices tested fresh all-time intraday highs before dipping below $1800/oz this week; however the macro environment has become increasingly gold favorable with central banks keeping interest rates unchanged, the (Swiss National Bank’s) decision to limit the strength of the CHF (Swiss franc) and continued uncertainty surrounding the state of the global economy,” Barclays says in a late-Friday report. “Good physical demand has emerged from price dips, and other central banks have announced they will add to their gold reserves. In turn, barring short-term corrections, we remain positive on gold.” By Allen Sykora of Kitco News; asykora@kitco.com

อยากขอนำเสนอบริษัท GT Gold Bullion ให้คุณเพชร พิจารณานะครับ รายละเอียดดูได้จากเว็บ http://www.gtgoldonline.com/about.php

ดอลล์แข็งค่าหลังตลาดเมิน โอบามา เสนอแผนสร้างงาน ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 10 กันยายน 2554 08:41:19 น. เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบเงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจากการประกาศแผนสร้างงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ ส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่เงินยูโรร่วงลงหลังสมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลาออกอย่างไม่คาดฝัน ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.58% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3662 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3881 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่า 0.56% เทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.5868 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5957 ดอลลาร์/ปอนด์ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.97% เทียบเงินฟรังค์สวิส ที่ระดับ 0.8836 ฟรังค์/ดอลลาร์ จาก 0.8751 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนค่า 0.01% เทียบเงินเยนที่ 77.490 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 77.500 เยน/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่า 1.06% เทียบดอลลาร์สหรัฐที่ 1.0460 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 1.0572 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็อ่อนค่า 1.10% เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.8215 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.8306 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เสนอแผนสร้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยเน้นไปที่การลดภาษีและเพิ่มงบประมาณให้กับภาคส่วนที่มีความสำคัญ แต่นักลงทุนยังกังขาว่าแผนดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสหรือไม่ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัวที่เด่นชัดเลย ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง นักลงทุนจึงแห่ซื้อเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะเดียวกันเงินยูโรก็ร่วงลงหลังจากที่อีซีบีประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า นายเจอร์เกน สตาร์ค ซึ่งเป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารอีซีบี จะออกจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างช้า ด้วยเหตุผลส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สื่อต่างๆตีข่าวว่าเขาลาออกเพราะต่อต้านนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรของอีซีบี ซึ่งทำให้นักลงทุนกลัวว่าความแตกแยกในอีซีบีอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทของอีซีบีในการกู้วิกฤตหนี้สินในยุโรป --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

ไม่รู้ว่าทองร่วงลงจากข่าวนี้หรือเปล่านะครับ แต่ดูวันจะเป็นข่าวของวันที่8กันยายนครับ Gaddafi Sold Libya's Gold Reserves To Pay Salaries Date: 08-Sep-2011 TRIPOLI, Libya -- The new governor of Libya's central bank says the former regime sold about 20 percent of the country's gold reserves to cover salaries amid the uprising that ousted Moammar Gadhafi. Qassim Azzuz told reporters Thursday that Gadhafi's regime sold 29 tons of gold to local traders in April, netting about 1.7 billion dinars ($1.4 billion) for the then-embattled regime which was under U.N. sanctions. Libya is believed to have about 145 tons of gold reserves. Azzuz also said the none of the bank's assets were "missing or were stolen" during the uprising, including about $90 billion held abroad and another $25 billion locally. He said the figures did not include still unknown sums of money accumulated by Gadhafi and his family, which were held outside the local banking sector. Source: huffingtonpost.com

งานยุ่งมาก ขอโพสต์ข่าวแล้วไปทำงานต่อนะครับ Gold Pares Weekly Decline as Stimulus Speculation Stokes Investor Demand Q By Glenys Sim and Swansy Afonso - Sep 9, 2011 2:47 PM GMT+0700 Sept. 9 (Bloomberg) -- Puru Saxena, chief executive officer of Puru Saxena Wealth Management, talks about President Barack Obama's jobs plan and the impact of the U.S. economic outlook on investment strategy. Saxena speaks to Rishaad Salamat on Bloomberg Television's "On the Move Asia." (Source: Bloomberg) Gold rebounded, paring a weekly loss, as expectations of further stimulus in the U.S. stoked demand for safer assets. Bullion for immediate delivery rose as much as 0.5 percent to $1,880.03 an ounce after falling as much as 0.9 percent to $1,853.93. It was 0.2 percent higher at $1,873.68 at 3:43 Singapore time. December delivery futures in New York gained as much as 1.4 percent to $1,883.70 an ounce. Obama called on Congress to pass a jobs plan that would inject $447 billion into the economy through spending on infrastructure, subsidies to local governments to stem teacher layoffs, and cutting in half the payroll taxes paid by workers and small-business owners. “The plan reflects the government’s deep concern about the economy, raising the real possibility of another round of quantitative easing, which is supportive of gold,” said Duan Shihua, head of corporate services at Haitong Futures Co. and the top-rated gold analyst this year in an annual poll by the Futures Daily and Securities Times. “We’re just getting some book squaring today as investors digest the news, but that just represents to us a good buying opportunity.” Spot gold, which reached a record $1,921.15 an ounce on Sept. 6, is down 0.5 percent this week. It rebounded from a two- day, 4.4 percent-slump yesterday after Federal Reserve Chairman Ben S. Bernanke held off from offering new measures to spur growth, boosting demand for gold as a store of value.

เรื่องนี้ขอชื่นชมนะครับ แท็กซี่เก็บทองหนัก12บาทคืนเจ้าของ วันพฤหัสบดี ที่ 08 กันยายน 2554 เวลา 0:10 น โชเฟอร์แท็กซี่น้ำใจงามเก็บทองคำหนัก12บาทที่ผจก.เทสโก้โลตัส สาขารัตนาธิเบศร์ลืมเอาไว้ท้ายรถส่งคืนเจ้าของ เมื่อวันนี้ 7 ก.ย. พ.ต.ต.กฤษณะ สุกันทะ สว.สส.สน.พญาไท พร้อมด้วยนางนางปัญญ์ชลี คงวชิรไพบูลย์ อายุ 30 ปี ผจก.เทสโก้โลตัส สาขารัตนาธิเบศร์ แถลงข่าวขอบคุณนายชรินทร์ เป้ามั่ง อายุ 34 ปี คนขับรถแท็กซี่ สีชมพูคาดน้ำเงิน ทะเบียน ทศ 6313 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเก็บทองคำของนางปัญ์ชลี ที่ลืมไว้ท้ายรถแท็กซี่ เมื่อช่วงหัวค่ำ ที่ผ่านมา พ.ต.ต.กฤษณะ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงหัวค่ำ นางปัญญ์ชลี ได้เดินทางมาติดต่อขอให้ช่วยติดตามกระเป๋าสะพายที่ลืมไว้ในรถแท็กซี่ ภายในมีทองคำหนัก 12 บาท พร้อมเอกสารสำคัญอยู่ มูลค่ากว่า 3 แสนบาท ตนจึงได้ประสานไปยัง สวพ.91 พร้อมตรวจสอบทะเบียนประวัติ ก่อนจะพบรถแท็กซี่คันดังกล่าว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่นางปัญญ์ชลี ได้รับทองคืน จึงได้มอบเงินรางวัลให้แก่นายชรินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจจำนวน 1 หมื่นบาทด้วย . เดลินิวส์

วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7587 ข่าวสดรายวัน ตลาดทองคำป่วน ปั่นราคามือระวิง นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.สถาน การณ์ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก เนื่องจากการปั่นราคาของนักลงทุน ทำให้มีการผันผวนของราคาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีการขึ้นลงเป็นวินาที เช่น ภายใน 2 วินาทีมีการขึ้นลงราคาถึง 10 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องหยุดซื้อขายเป็นการชั่วคราวกว่า 30 นาที สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำภายในประเทศ ณ วันที่ 6 ก.ย. มีการปรับถึง 22 ครั้ง และช่วงเวลา 12.54 น. ราคาทองพุ่งทุบสถิติใหม่ โดยทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 27,000 บาท ขายออก 27,100 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 26,605.80 บาท ขายออก 27,500 บาท ก่อนอ่อนลงมาปิดตลาดที่ทองคำแท่งซื้อคืนบาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท ทองรูปพรรณซื้อคืนบาทละ 26,363.24 บาท ขายออก 27,250 บาท

วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7587 ข่าวสดรายวัน ตลาดทองคำป่วน ปั่นราคามือระวิง นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.สถาน การณ์ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก เนื่องจากการปั่นราคาของนักลงทุน ทำให้มีการผันผวนของราคาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีการขึ้นลงเป็นวินาที เช่น ภายใน 2 วินาทีมีการขึ้นลงราคาถึง 10 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องหยุดซื้อขายเป็นการชั่วคราวกว่า 30 นาที สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำภายในประเทศ ณ วันที่ 6 ก.ย. มีการปรับถึง 22 ครั้ง และช่วงเวลา 12.54 น. ราคาทองพุ่งทุบสถิติใหม่ โดยทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 27,000 บาท ขายออก 27,100 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 26,605.80 บาท ขายออก 27,500 บาท ก่อนอ่อนลงมาปิดตลาดที่ทองคำแท่งซื้อคืนบาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท ทองรูปพรรณซื้อคืนบาทละ 26,363.24 บาท ขายออก 27,250 บาท

ไปประชุมที่ Impact เมืองทองธานี เพิ่งกลับมา เฮ้ออออ เข้าได้ซะที ขออภัยที่เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงนี้ขึ้นนะครับ ทำให้ผมอดบันทึกสถิติการปรับราคาทองของสมาคม22ครั้งในวันก่อนนั้น เรื่องคง Happy Ending แต่ถ้ายังจบไม่ดี ผมได้เสนอเฮียกัมให้เหล่าสมาชิกแทนที่จะโทรมาสอบถามสาเหตุที่เว็บล่มที่ร้านผม คราวนี้แจกเบอร์ CSloxinfo ให้สมาชิกโทรไปสอบถามสาเหตุให้หนำใจแทนเลยนะครับ เอ้าเฮียกัม ขอเบอร์โทรหน่อยครับ

สวัสดีครับ ทุกๆท่าน ขออนุญาตนำมุมมองของคุณน้องดำ จากเว็บน่ำเชียง มาให้อ่านนะครับ Gold -Sep06-2011 ทดสอบ 1903-05 ก่อนทำ all time high 1915 1930 แนวรับ 1885 1850-5 Dow Jones -ปิด ปิด 1900.30 เหรียญ +16.10 หรือ +0.85% Sep 05, 2011 13:15 NY Time Bid/Ask 1900.30 - 1901.30 Low/High 1874.20 - 1904.20 Change +16.10 +0.85% 30daychg +236.90 +14.24% 1yearchg +653.70 +52.44% การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อวานนี้ ราคาทองแท่งไทยเมื่อวานนี้ 26700-26800 ราคาเปลี่ยนแปลง +200 บาท ======================= ======================= ทิศทางราคาทองต่างประเทศ ใช้ indicator - PPO ระยะสั้น เริ่มเป็นแนวโนมขึ้น ระยะสั้น-กลาง เป็น แนวโน้ม ขึ้น ===================== ===================== ภาพรวม ราคาทองทะลุ แนวต้าน 1885 ขึ้นมาได้ เป้าหมาย ยังคง รอทำ all time high เหนือ 1913 และ 1930 เป้าหมาย ระยะสั้น-กลาง คือ 1970 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาทองปรับตัววิ่งขึ้นมามาก เหนือ 1880 ขึ้นมา.... ต้องจับตาทางการ สรอ ..โอกาสประกาศเพิ่ม margin เป็นครั้งที่ 3 และตามมาด้วยครั้งที่ 4 มีสูง รอหลัง 19.00 น เป็นต้นไป เวลาประเทศไทย เมื่อ อเมริกาเปิดทำการหลังวันหยุด labour day. แต่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ตลาด ชั่วโมงของ เวลา ..นิวยอร์คปรับตัวขึ้น จากช่วง 1883 ไป 1903 ปิดสูง 1901 ดูดี ผู้เชียร์ขึ้น ลุ้น เป้าหมายต่อไป 1915 - all time high และ 1930 ต้องเริ่มเหนื่อยกันอีกครั้ง ในการทำกำไร เพิ่มเติม http://namchiang.com/smf/index.php?topic=12503.msg65801;topicseen#msg65801 Sep 02 -2011 ระยะสั้น-กลาง หากทะลุ 1840 เป้าหมาย 1970..... แนวรับหลัก 1775 สำหรับผู้ชื่นชอบ GF .-- ต้องระวังส่วนต่างระหว่าง ราคาตลาดและราคายุติธรรม series ไกล Z .. G . จะเพิ่มขึ้นเมื่อบรรยากาศการเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้น ระวัง บทเรียน ครั้งก่อน -- ไม่ได้ห้ามไม่ให้ L - สนับสนุนอย่างยิ่ง แต่ต้อง หนีให้เร็ว หากราคาปรับตัวลง โปรดอย่าถาม ว่าทำไมจึงลง แต่ถามตัวเองว่า เมื่อเริ่มลง หนีทันหรือยัง.... ผู้เชียร์ลง เริ่มไม่ค่อยมีความสุขนัก หมดความสุขเลย ... ต้องลุ้นให้ต่ำกว่า 1885 1850-55 - แต่โอกาสเห็น 1850-55 มีน้อยมาก .ในวันนี้. ระวังการ S ....... โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาขึ้นเหนือ 1885 ส่วนต่างของราคาตลาดกับราคายุติธรรมของ series ไกลๆ จะค่อยๆเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ไม่น่าจะมากเป็น พัน เหมือนคราวที่แล้ว คว่ามหวังที่มีอยู่ คือ ข่าวการเพิ่ม มาร์จิ้น เป็นครั้งที่ 3 และตามมาด้วยครั้งที่ 4 ของอเมริกา เมื่อราคาทอง ขึ้นเหนือ 1880 ขึ้นมา แค่เป็นการคาดการณ์เท่านั้น แต่โอกาสมีสูงกว่า 65% การ S โอกาสมีกำไรมีน้อยมาก การปิด S น่าจะเป็นทางเลือก ให้พิจารณา อย่างรีบด่วน .... เบื้องต้น แนวโน้มระยะสั้น-กลาง จะเปลี่ยนเป็นขาลง หากราคาต่ำกว่า 1700 ลงมา เท่านั้น แนวรับ 1885 1850-55 แนวต้าน 1915 1930 1970 คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 50-100 บาท

อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน ตื่นเช้าก็มาเจอข่าวดีกับร้านทอง ขอนำมาให้อ่านกันนะครับ !53 ห่านทองคำ ? วันที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4346 ประชาชาติธุรกิจ สรรพากรรีด3ธุรกิจโปะงบฯปี"55 บี้อีคอมเมิร์ซ-ความงาม-ร้านทอง รัฐบาลทำงบฯรายจ่ายปี"55 อยู่ที่ 2.35 ล้านล้านบาท ขาดดุล 4 แสนล้านบาท เร่งสปีด 3 กรมจัดเก็บรายได้หาเงินเข้าคลังเพิ่ม ชี้รัฐบาลไม่มีนโยบายขยายฐานภาษี เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ "กรมสรรพากร" รับบทหนัก ต้องหารายได้เพิ่ม 10.5% ประกาศไล่บี้ 3 ธุรกิจมาแรง "อีคอมเมิร์ซ-ธุรกิจความงามและร้านทอง" นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังกระทรวงการคลังได้มีการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2555 ว่า ที่ประชุมปรึกษากันเพื่อดูตัวเลขงบประมาณ ซึ่งเบื้องต้นพยายามลดงบประมาณรายจ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็น ซ้ำซ้อน และไม่ตรงกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ขณะเดียวกันเล็งเห็นว่าต้องแสวงหารายได้ในจุดต่าง ๆ โดยได้มองหลายจุด ซึ่งงบประมาณขาดดุลอาจสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่สัดส่วนต่อ GDP ลดลง ฉะนั้น ในแง่ของจำนวนอาจจะสูงกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีผลทำให้เศรษฐกิจติดลบ ขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเสริมว่า ในการประชุมได้ข้อสรุปว่า รัฐบาลจะมีการจัดทำงบประมาณเป็นแบบขาดดุล วงเงิน 4 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.4% ของ GDP จากปีงบประมาณ 2554 มียอดขาดดุลอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.7% ของ GDP เห็นได้ว่าสัดส่วนต่อ GDP ลดลง ขณะที่การประมาณการรายได้ในปีหน้านี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.95 ล้านล้านบาท ทำให้วงเงินงบประมาณรายจ่ายในปี 2555 มียอดรวมอยู่ที่ 2.35 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงบฯประจำรวมงบฯชำระหนี้ประมาณ 82% และอีก 18% เป็นงบฯลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล "จะเห็นได้ว่าในการจัดทำงบฯปี 2555 ทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับประมาณการรายได้ขึ้นมาอีกเล็กน้อย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงการคลังเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีเป็นหลัก และยังไม่อยากจะให้มีการขยายฐานภาษี หรือเพิ่มการจัดเก็บภาษีตัวใหม่ ๆ เพราะเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน อย่างไรก็ตามคงจะต้องรอดูผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย หากเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวดี การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็จะขยายตัวตาม โดยไม่ต้องไปจัดเก็บภาษีอย่างอื่น หากเศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% คาดว่าจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-11% ถือว่าเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่" นายบุญทรงกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายของรัฐบาลทำให้ 3 หน่วยงานจัดเก็บรายได้อย่างกรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และกรมศุลกากร ต้องเร่งดำเนินมาตรการจัดเก็บรายได้เพิ่ม นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการหารือกับ 4 หน่วยงาน ได้ข้อสรุปว่า ในปีงบประมาณ 2555 ทางกรมสรรพากรจะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเก็บภาษีให้กับรัฐบาล โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 1,536,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการรายได้ปี 2554 ประมาณ 10.5% ในส่วนของกรมสรรพากร ตอนนี้ยังไม่ได้รับนโยบายให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีตัวไหนทั้งสิ้น มีแต่จะปรับลดอัตราภาษีบางประเภทลง ดังนั้นกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรปีหน้าจะต้องเน้นไปที่เรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี โดยดึงคนที่ยังไม่ได้เสียภาษีให้เข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้อง ส่วนคนที่เสียภาษีอยู่แล้วก็ต้องไปดูว่าเสียถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือยัง อย่างเช่น ธุรกิจซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์ หรืออีคอมเมิร์ซ ตอนนี้เฟื่องฟูมาก ตนได้มอบหมายให้สำนักมาตรฐานภาษีของกรมสรรพากรไปทำการศึกษาโครงสร้างรายได้ของธุรกิจประเภทนี้มีที่มาจาก ช่องทางใดบ้าง เพื่อที่กรมสรรพากรจะเข้าไปเก็บภาษีได้ถูกต้อง ถัดมาก็จะเป็นธุรกิจเสริมความงาม ซึ่งกำลังตรวจดูอยู่ว่าเสียภาษีครบถ้วนแล้วหรือยัง นายสาธิตกล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนร้านทองคำ (ตู้แดง) เนื่องจากตอนนี้ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ธุรกิจประเภทนี้จะมีรายได้ที่มาจากส่วนต่างระหว่างราคารับซื้อกับราคาขายไม่มากนัก แต่ตอนนี้คนนิยมเข้ามาซื้อทองคำกันเป็นจำนวนมาก ธุรกิจค้าทองคำก็น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น

Gold ends higher, gains 12% in August SHARE: MORE Email Print Comment 103 By Claudia Assis and Chris Oliver, MarketWatch SAN FRANCISCO (MarketWatch) — Gold futures edged higher Wednesday to gain 12% in August, their best monthly performance since November 2009. Gold for December delivery GC1Z +3.15% added $1.90, or 0.1%, to trade at $1,831.70 on the Comex division of the New York Mercantile Exchange. Gold rose $201, or 12%, in August. The metal rose to a record $1,891.90 an ounce settlement Aug. 22 but two days later dropped nearly 6%, its worst one-day performance since March 2008. Since that trough, however, gold moved incrementally higher, including a $38.20, or 2.1%, rally to $1,829.80 an ounce in New York on Tuesday. See report on Tuesday’s gold trading. Click to Play Asia Today: India cools down India's economy is slowing as interest-rate increases and a global slowdown hit, combined with a lack of local reforms. Demand for physical gold is strong in Asia and Europe, but the metal is likely to remain rangebound and trading choppy for the next few days, said Bernard Sin, head of currency and metals trading at MKS Finance in Geneva. “There’s upside potential as we are going into buying season in India,” he said, referring to upcoming Hindu holidays when buying gold is considered particularly auspicious. India and China are the world’s top gold consumers, with gold buying enmeshed with long-standing traditions. Gold has also recently drawn interest from nontraditional buyers such as hedge funds and wealthy individuals, which has made it difficult to assess price direction, said Sunil Kashyap, managing director at Scotia Capital in Hong Kong. “Any level below $1,800 per ounce should see some buying because when prices went to $1,900, many investors were on the sidelines,” said Kashyap. Meanwhile, China’s bullion-accumulation program was in the spotlight Wednesday after a People’s Bank of China adviser told the China Business News that Beijing should increase holdings of gold and other commodities.

ขออนุญาตตอบในส่วนของ GT Gold Bullion นะครับ เป็นการรวมกลุ่มกันของร้านทองในสมาคมค้าทองคำ Gold Traders Association เป็นการแตกขยายการลงทุนต่อมาจากบริษัท GT Gold futures อยากให้ดูรายชื่อผู้ถือหุ้นครับ ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงแปดร้านนะครับ และสินค้าที่เก็บไว้ทาง GT มีประกันภัยในสินค้าทั้งหมดครับ ทุกท่านไว้วางใจได้เลยครับ http://gtgoldonline.com/about.php

การจ้างงานในสหรัฐฯไม่ขยายตัว เพิ่มความกลัวศก.ถดถอย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กันยายน 2554 04:15 น. การจ้างงานในสหรัฐฯประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ในภาวะแน่นิ่งไม่มีการขยายตัวเลย ทั้งนี้ตามข้อมูลตัวเลขที่นำออกเผยแพร่ในวันศุกร์(2) ทำให้เกิดความหวาดผวามากขึ้นมาอีกว่าอเมริกากำลังย่างเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ต้องหาทางเพิ่มมาตรการกระตุ้นช่วยเหลือเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตามตัวเลขข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตกรรมในสหรัฐฯประจำเดือนที่แล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า โดยที่นักวิเคราะห์มองว่าธุรกิจต่างๆ ที่ลังเลไม่แน่ใจอยู่แล้วในการที่จะขยายกิจการจ้างงานเพิ่มเติม เวลานี้กำลังยิ่งมีความมั่นใจลดต่ำลงไปอีก ตัวเลขของเดือนสิงหาคมนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลาเกือบ 1 ปีทีเดียว ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯไม่สามารถเพิ่มการจ้างงานให้มากขึ้นได้ กระนั้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ก็เตือนว่า ไม่ควรมองแง่ร้ายถึงขึ้นถือข้อมูลนี้เป็นสัญญาณที่แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าในเดือนที่แล้วพนักงานของบริษัทเวอริซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ สไตรก์นัดหยุดงานถึง 45,000 คน พนักงานเหล่านี้ได้กลับเข้าทำงานแล้ว และจะถูกนำมานับเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีการจ้างงานกันใหม่ในเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังคงถูกมองว่าย่ำแย่กว่าที่ทำนายกันอยู่นั่นเอง โดยที่พวกนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์กันไว้ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือนที่แล้วน่าจะเพิ่มสูงขึ้น 75,000 ตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้เองตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทจึงร่วงกันระนาว เมื่อนักลงทุนพากันทิ้งหุ้นและหันไปหาที่หลบภัยในพันธบัตรคลังสหรัฐฯและทองคำ ในอีกด้านหนึ่ง ตัวเลขการว่างงานที่มีการแถลงในวันเดียวกันระบุว่า ยังคงอยู่ในอัตรา 9.1% โดยที่การสำรวจภาคครัวเรือนพบด้วยว่า อัตราการจ้างงานมีการขยายตัว และกำลังแรงงานก็มีการเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี

วันพฤหัสบดี ที่ 01 กันยายน 2554 เวลา 9:44 น นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวัง การซื้อขายทองคำในช่วงนี้ ต้องติดตามสถานการณ์ตามประกาศของผู้ค้าทองอย่างใกล้ชิด หลังมีประชาชนจำนวนมากเข้าไปซื้อขายในช่วงที่ทองคำปรับตัวขึ้นสูง โดยควรตรวจสอบรายละเอียดการซื้อขายทองจากร้านทอง โดยเฉพาะฉลากแสดงราคาขาย และรับซื้อ น้ำหนักทองต้องได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด ขณะที่ผู้ประกอบการร้านทองที่ไม่ได้ติดฉลากแสดงสินค้าจะถือว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับการตรวจสอบมาตรฐานทองคำนั้น ก่อนหน้านี้ สคบ.ได้สุ่มตรวจสอบร้านทองในเขตกรุงเทพมหานครแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรฐานของ สคบ. โดยทองคำที่ทำการซื้อขายมีเปอร์เซ็นต์ทองคำอยู่ที่ 96.5% ขณะที่การตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตทอง 64 แห่งทั่วประเทศนั้น อยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบคุณภาพจากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี และเครื่องประดับแห่งชาติ หากพบว่าโรงงานใดที่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบ สคบ.จะมอบใบประกาศเกียรติคุณ และตราสัญลักษณ์ธุรกิจติดดาว ให้กับโรงงานเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค. @dailynews.co.th

Gold surges to 1-week high after payrolls Fri, Sep 02 2011, 13:44 GMT | FXstreet.com Forex: USD: Zero job growth points to QE3 - Kathy Lien FXstreet.com (Córdoba) - Gold soared on Friday, rising to $1,880 an ounce, propelled by safe-haven demand as risk aversion intensified following the weakest US nonfarm payrolls in almost a year. Gold rose more than $50 or 3.0% on the day to a 1-week high of $1,880 an ounce and currently hovers just below that level around $1,875/oz. The US Labor Department data showed the US economy didn't add jobs in August, raising expectations of further Fed stimulus (QE3) to boost the economy.

สหรัฐจ่อเทยาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ เอเชียต้องพร้อมรับมือพายุทุนลูกสอง เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างไม่กะพริบกับความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกสำคัญหลังจากนี้ ภายหลังจากที่ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐได้ส่งสัญญาณว่า “กระตุ้นแน่” แต่ทว่าจะเป็นไปในรูปแบบใดนั้นจำเป็นที่จะต้องผ่านการหารือของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดอีกครั้งในเดือนนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะในช่วงที่ผ่านมาการคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นแบบผ่อนปรนเชิงปริมาณ หรือ Quantive Easing รอบ 3 นั้นได้มีการพูดถึงกันมาเป็นระยะๆ ดังในการประชุมของผู้กำหนดนโยบายเฟดครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดการประชุมว่าบรรดาเจ้าหน้าที่หัวกะทิของเฟดเองได้ถกเถียงกันอย่างหนักหน่วงถึงมาตรการกระตุ้นแบบคิวอีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ก็มีการพูดถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา ดังนั้น ในที่ประชุมจึงเสนอทางเลือกอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนโยบายคิวอี ซึ่งเป็นนโยบายที่สหรัฐจะพิมพ์ธนบัตรหว่านเข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งด้วยวิธีการนี้แน่นอนว่าจะสร้างผลข้างเคียงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะต่อค่าเงินเหรียญสหรัฐที่จะอ่อนตัวลงมากกว่าเดิม ที่ประชุมจึงมีการเสนอทางเลือกอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการ “พิมพ์แบงก์” ครั้งใหม่ เช่น การปล่อยขายพันธบัตรระยะสั้นเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการซื้อคืนพันธบัตรระยะยาว ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ ซึ่งนโยบายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นทางเลือกที่เฟดพยายามใช้กดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐให้อยู่ในระดับต่ำที่ 0-0.25% ต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นคิวอี หรือเป็นไปในรูปแบบใดก็ตาม ดูเหมือนว่าเอเชียย่อมหลีกไม่พ้นต่อผลกระทบข้างเคียงจากการใช้ยาแรงของสหรัฐในครั้งนี้ ในเมื่ออัตราดอกเบี้ยในเอเชียนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าในสหรัฐย่อมเป็นแรงดึงดูดให้ทุนร้อนหลั่งไหลทะลักเข้ามาเก็งกำไรกันเช่นเดิม อีกทั้งสถานะทางการคลังของรัฐบาลสหรัฐจากปัญหาหนี้สาธารณะ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ที่จะทำให้มีกระแสเงินเหรียญสหรัฐไหลเข้าไปสู่ระบบการเงินมากขึ้น ก็จะทำให้มูลค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนยวบยาบต่อไป สวนทางกับค่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชียที่จะแข็งค่าขึ้นดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเมื่อเฟดได้ประกาศใช้มาตรการคิวอี 2 ในระหว่างเดือน พ.ย. 2010-มิ.ย. 2011 ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับกันว่า ช่วงจังหวะเวลาที่เฟดกำลังจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้น ถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ “ย่ำแย่” พอเหมาะพอเจาะกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเอเชีย ที่หลายประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภาวะเงินแข็งค่าอยู่แล้ว อีกทั้งทั่วภูมิภาคเอเชียกำลังถูกปกคลุมไปด้วยปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก ส่วนประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องพึ่งพาการส่งออกในย่านนี้ก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับภาวะซบเซาของการส่งออกตามสภาวะเชื่องช้าของเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น หนึ่งในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเอเชียในขณะนี้ ก็คือ เอเชียไม่สามารถที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อได้อย่างเต็มที่นัก เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยใดๆ ก็ตามจะยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้กระแสทุนร้อนจากตะวันตกยิ่งถาโถมเข้ามาสู่ตลาดเอเชียมากขึ้น และจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้กับค่าเงินและตลาดทุนในภูมิภาค โดยเฉพาะที่ในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐและยุโรปอยู่ในระดับต่ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เอเชียยังจำเป็นที่จะต้องหาทางสกัดเงินทุนเหล่านี้มากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นในท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะคลอดมาตรการเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ แต่ที่แน่ยิ่งกว่าแน่ ก็คือการตอกย้ำของผู้ว่าการเฟดก่อนหน้านี้ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่สุดลากยาวไปถึงกลางปี 2013 ซึ่งถือว่านานมากกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วแทบจะไม่ขยับตัวในช่วงที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้ความเสี่ยงจากกระแสทุนร้อนจากโลกตะวันตกที่จะหลั่งไหลมายังเอเชียนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว การหลั่งไหลของกระแสทุนเข้าสู่เอเชียนั้นยังทำให้เกิดภาพลวงตาของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายของเอเชียจำเป็นต้องพึงระวังอย่างสูงสุด ดังเช่นตัวอย่างของอินโดนีเซีย การเติบโตของจีดีพีอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมากกว่า 6.5% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากกระแสทุนจากต่างชาติที่หลั่งไหลเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นความร้อนแรงของเศรษฐกิจได้ปั่นให้ระดับเงินเฟ้อของอินโดนีเซียเบ่งบานขึ้นอย่างน่ากลัว โดยดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคในอินโดนีเซียปรับเพิ่มขึ้นถึง 5.98% ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นั่นถือเป็นการประเมินสถานการณ์ผิดพลาดของบรรดาเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของอินโดนีเซีย ที่มองข้ามผลกระทบจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐที่ทำให้กระแสทุนหลั่งไหลเข้าไปยังอินโดนีเซียอย่างผิดปกติในช่วงปีที่ผ่านมา ภาวะดังกล่าวถือเป็นปัจจัยที่เจ้าหน้าที่รัฐทั่วเอเชียยังต้องพึงระวัง เรื่องจากกระแสทุนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาลนั้น นอกเหนือจะทำให้เกิดการแข็งค่าของสกุลเงินในเอเชียแล้ว จะยังเป็นแรงดันให้เกิดการเติบโตแบบลวงๆ ของเศรษฐกิจในเอเชียด้วย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการตระหนักที่ผิดๆ ว่า เศรษฐกิจเอเชียกำลังเดินหน้าสู่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แต่แท้จริงแล้วคือการสร้างภาวะฟองสบู่ครั้งใหม่ขึ้นมาต่างหาก อีกทั้งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่เพราะเหตุใดเศรษฐกิจของเอเชียซึ่งแม้ว่าจะดูดีกว่าในสหรัฐและยุโรป แต่ก็ยังไม่คึกคักอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าเอเชียเองก็อาจจะไม่รอดจากภาวะ Stagflation ซึ่งเป็นภาวะที่เศรษฐกิจเกิดเงินเฟ้อขึ้นทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงซบเซา ดังที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาเอเชียอาจจะเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากภาวะวิกฤตการเงินโลกในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าการลงทุนของธนาคารเอเชียส่วนใหญ่ในภาคการเงินสหรัฐและยุโรปนั้นมีไม่มากนัก แต่ทว่าตลอดปีที่แล้วก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าเอเชียก็ไม่ได้แข็งแกร่งจริงตามที่ทึกทักกันไปเอง เมื่อกระแสทุนจากตะวันตกได้ทะลักเข้าเก็งกำไรในเอเชียอย่างบ้าคลั่งในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้นโยบายคิวอี 2 ที่ทำให้หลายประเทศเจอกับวิกฤตค่าเงินแข็งค่า โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ยังต้องพึ่งพาการส่งออก ตลอดไปจนถึงภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจแบบลวงๆ อันเป็นผลมาจากการหลั่งไหลเข้ามาของกระแสทุนชั่วคราวจากโลกตะวันตก และยิ่งในครั้งนี้สหรัฐยังไม่บอกกันชัดๆ ว่าจะใช้ไม้ไหนกับการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เอเชียยิ่งต้องเตรียมตัว และระมัดระวังตัวมากขึ้นว่าผลข้างเคียงจากยาแรงของพี่ใหญ่จะเป็นพายุทุนที่พัดมาในรูปแบบเดิม หรือจะมาในรูปแบบใหม่ที่เอเชียอาจจะไม่ทันได้ตั้งตัว...! Post Today Last update : 9/1/2011 2:24:59 PM

Precious Metals Futures By GT Wealth Management 1 ก.ย. 54 (ภาคบ่าย) ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2554 17:32:12 น. กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--GT Wealth Management ราคาทองคำในตลาดโลกอ่อนตัวจากช่วงเช้าเล็กน้อยโดยลงมาต่ำกว่าระดับ 1,820 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา จากการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่งผลต่อการคาดการณ์การรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานสำคัญในช่วงวันศุกร์ โดยสถานการณ์การจ้างงานถูกใช้เป็นเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งในการกำหนดนโยบายทางการเงินที่ FED ให้ความสำคัญ SPDR รายงานการถือครองที่ระดับ 1,232.31 ตันคงที่ ขณะที่ iShares Silver Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ถือครองโลหะเงินมากที่สุด รายงานการถือครองที่ระดับ 9,746.80 ตันคงที่เช่นกัน ค่าเงินบาทอยู่ใกล้ระดับ 29.95 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำแท่งในประเทศราคาเสนอซื้อ 25,750 บาท ราคาเสนอขาย 25,850 บาท โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้ สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 (GFV11) ปิดที่ระดับ 26,320 บาท ปริมาณการซื้อขาย 5,844 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 (GFZ11) ปิดที่ระดับ 26,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2,056 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 (GFG12) ปิดที่ระดับ 27,040 บาท ปริมาณการซื้อขาย 132 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 ขนาด 10 บาท (GF10V11) ปิดที่ระดับ 26,320.18 ปริมาณการซื้อขาย 7,282 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 ขนาด 10 บาท (GF10Z11) ปิดที่ระดับ 26,710 ปริมาณการซื้อขาย 3,167 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ขนาด 10 บาท (GF10G12) ปิดที่ระดับ 27,050 ปริมาณการซื้อขาย 110 สัญญา ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้ สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2554 (SVV11) ปิดที่ระดับ 1,287 บาท ปริมาณการซื้อขาย 143 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2554 (SVZ11) ปิดที่ระดับ 1,290 บาท ปริมาณการซื้อขาย 48 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2555 (SVG12) ปิดที่ระดับ 1,337 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2 สัญญา ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 18,784 สัญญา (รวม Night session 31 ส.ค. 54) ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า GT มองว่าแนวโน้มราคาทองคำน่าจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนการลงทุนนักลงทุนต้องให้ความระมัดระวังมากขึ้น แต่แนวโน้ม GT ยังมองว่าราคาทองน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญยังคงมาจากความเสี่ยงในการถูกลดเครดิตของประเทศเศรษฐกิจสำคัญหลังจากปัญหาหนี้สินกดดัน ขณะสภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง แม้เศรษฐกิจจะเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลงก็ตาม GT Wealth Management www.gtwm.co.th TEL : 02-673-9911

เตือนนักลงทุนระวังทองป่วนแนะกระจายเล่นป้องกันพอร์ตเจ๊ง ข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2554 17:58:11 น. นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งประเทศไทย กล่าวถึงราคาทองคำที่มีความผันผวนสูงในช่วงนี้ นักลงทุนควรจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการลงทุนโดยเฉพาะผู้ลงทุนระยะสั้น เพราะราคาทองมีการเคลื่อนไหวผันผวนสูง อยากแนะนำให้นักลงทุนมีการบริหารการลงทุนที่ดีกระจายการลงทุนในหลายๆ กองทุน และสินทรัพย์ต่างๆ ให้มากขึ้นทั้งนี้เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวทั้งหมด นายธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้บริหาร ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดการกองทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ถ้าผู้ลงทุนที่ติดตามความเคลื่อนไหวราคาทองคำอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่าความผันผวนต่อชั่วโมงนั้นมีน้อย แต่ถ้ามองความผันผวนระหว่างวันนั้นก็จะมาก ซึ่งหากราคาพุ่งขึ้นสูง ก็ควรรอจังหวะในการลงทุนเอาไว้ก่อน ถ้าราคาทองลดลงอีกสักประมาณ 10% มาที่ 1,670-1,680 น่าจะเป็นจุดที่พอ รับได้ในการเข้าซื้ออีกครั้ง นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์โภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายกันทั่วโลก และการปั่นราคาก็เป็นไปได้ยากมากๆ ราคาทองคำที่ขึ้นลง อย่าง รวดเร็วนั้น อยู่ที่ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเศรษฐกิจโลกดี นักลงทุน จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ราคา ทองคำลดลงแต่ ณ เวลาที่เศรษฐกิจโลก ไปในทิศทางที่ไม่ดีนักลงทุนจำเป็นที่จะต้อง กระจายความเสี่ยงมาในทรัพย์สินปลอดภัย อย่างทองคำ จึงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันบลจ.หลายแห่งมีการออก กองทุนทองคำแบบเปิดและกองทุนเพื่อการ เลี้ยงชีพ (RMF) รวม ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2554 มีทั้งสิ้น 15 กองทุน มูลค่าราคาสุทธิต่อหน่วย หรือ NAV รวม 18,630 ล้านบาท และอีก 1 กอง ที่เป็นกอง ETF-GLD เสนอขายที่ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยบลจ.กรุงไทย มี NAV รวม 822 ล้านบาท

ช่วงที่ผ่านมา เทคนิค เจอ อาชีวะ กับช่างกล ตลุมบอนกันจน มึนครับ เทคนิค ของผม เลยขอหยุดพัก และช่วงที่ผ่านมา ภาระกิจมากขึ้นด้วย ไม่ค่อยมีเวลามาอ่านกระทู้หรือ มาทักทายทุกท่าน ขอขอบคุณ คุณเด็กขายของและทุกๆท่าน ที่ช่วยกันแชร์ข่าว และความรู้กันในกระทู้นี้นะครับ ถือว่าเป็นกระทู้ของทุกคน ไว้เทคนิค กลับมาหรือมีเวลาว่างเมื่อไหร่ จะมาโพสต์นะครับ

ขออนุญาตนำความเห็น คุณน้องดำ จาก www.namchiang.com มาเผยแพร่ต่อนะครับ gold future thai เพิ่ม margin จาก 12540 เป็น 14820 (18.18%) เริ่ม 5 กันยายน นี้ Gold -Sep 01-2011 ช่วงปรับตัว - หากทะลุ 1840 เป้าหมาย 1860 โอกาสขึ้นต่อ 75% Dow Jones 53.58 ไม่มีผลต่อ ราคาทอง ปิด 1824.20 เหรียญ -10.90 หรือ -0.59% การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อวานนี้ ราคาทองแท่งไทยเมื่อวานนี้ 25800-25900 ราคาเปลี่ยนแปลง +400 บาท ======================= ======================= ทิศทางราคาทองต่างประเทศ ใช้ indicator - PPO ระยะสั้น เริ่มเป็น - แนวโน้ม ลง แต่เริ่มทรงตัว ระยะสั้น-กลาง ยังเป็น แนวโน้ม ขึ้น ===================== ===================== ภาพรวม ทะลุ 1800 1815 ขึ้นมา ดูดี ทดสอบ 1836-40 โอกาสทะลุมีสูง เป้าหมาย 1856-60 คล้ายๆ ascending triangle ..... โอกาสขึ้นต่อมีสูง หาพ้น 1860 มีสิทธิ์ลุ้น all time high อีกครั้ง แนวรับที่ต้องจับตา 1810 1800 1810 แนวรับสำคัญ ...( แนวรับ 2 เส้น ) ตลาดนิวยอร์คปรับขึ้นจาก 1810 ไป 1840 ท้ายตลาดมีแรงขายทำกำไร ปิด 1824 ปิดกลางๆ เช้านี้น่าจะเป็น sideway 1810-1840 Australia เช้านี้ เป็นช่วงปรับตัว sideway 1810-1840 ก่อนขึ้นทดสอบ 1840 โอกาสทะลุขึ้นมีสูง ผู้เชียร์ขึ้น ต้องลุ้นให้พ้น 1840 โอกาสทะลุมีสูง ลุ้นทะลุ 1857-60 หากทะลุ ได้เรื่องแน่ ลักษณะกร๊าฟ คล้ายๆ ascending triangle .โอกาสขึ้นต่อมีสูงถึง 75% จะมีบรรยายกาศการเก็งกำไรกลับมาอีก เป้าหมาย all time high ... ต้องเริ่มเหนื่อยกันอีกครั้ง ในการทำกำไร ผู้เชียร์ลง เริ่มไม่ค่อยมีความสุขนัก ต้องลุ้นให้ทะลุ 1810 1800 ลงมา 1810 เป็นแนวรับสำคัญ ของ trendline 2 เส้น .. ค่อนข้างแข็งแกร่ง ระวังการ S ....... โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาขึ้นเหนือ 1840 1860 ส่วนต่างของราคาตลาดกับราคายุติธรรมของ series ไกลๆ จะค่อยๆเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ไม่น่าจะมากเป็น พัน เหมือนคราวที่แล้ว เบื้องต้น แนวโน้มระยะสั้น - จะเปลี่ยนเป็นขาลง หากราคาต่ำกว่า 1700 ลงมา เท่านั้น แนวรับ 18150 1800 แนวต้าน 1840 1856-60 1885 คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะไม่เปลี่ยนแปลง

น่าจะเป็นดัชนี (นี่นี้เป็นพยาน) นะครับ !ee ดัชนี ISM เป็นดัชนีที่จัดทำโดย The Institute for Supply Management ในประเทศสหรัฐ มี 2 ประเภท คือดัชนีภาคอุตสาหกรรมโรงงาน หรือ ISM Manufacturing Index และดัชนีภาคบริการ หรือ ISM Non-manufacturing Index ซึ่งทั้งสองดัชนีถือได้ว่าเป็นเครื่องชี้นำสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีตัวหนึ่ง เดิมสถาบัน ISM เป็นสมาคมที่มีชื่อเรียกว่า The National Association of Purchasing Management และเปลี่ยนมาเป็น ISM เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2545 โดยได้มีการปรับดัชนีให้ครอบคลุมการจัดการด้านการจัดซื้อให้กว้างขึ้น ดัชนีดังกล่าวจัดทำโดยการสอบถามผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมโรงงาน และภาคบริการ เป็นรายเดือน โดย ISM Manufacturing Index จะประกาศในวันทำการแรกของเดือน และ ISM Non-manufacturing Index จะประกาศในวันทำการที่สามของเดือน http://www.mfcfund.com/mfc/index.php?option=com_content&view=article&id=756&Itemid=92&lang=th

Morning ครับ ทุกๆท่าน ทองคำปิดบวก 1.9 ดอลล์ 01 กันยายน 2554 เวลา 07:52 น. สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกคาดอุปสงค์ทองเอเชียแข็งแกร่ง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.1% แตะที่ 1,831.7 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 30.4 เซนต์ ปิดที่ 41.768 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.3 เซนต์ ปิดที่ 4.2045 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,856.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 790.45 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาทองคำยังคงปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากเทรดเดอร์คาดว่า นักลงทุนจะยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในเดือนก.ย. เนื่องจากใกล้จะถึงช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและเทศกาลวิวาห์ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้คาดว่า เทศกาลวันหยุดยาวในประเทศจีนซึ่งจะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ จะช่วยให้ปริมาณการซื้อทองคำสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำค่อนข้างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมภายที่พุ่งขึ้นเกินคาด 2.4% ในเดือนก.ค. และรายงานของ ADP ที่ระบุว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตและตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร โดยคาดว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำสัปดาห์นี้