ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
Puiii

โอบามาทุ่มเงินกระตุ้นเศรษฐกิจหรือตอกฝาโลงให้ดอลลาร์ ถือดอลลาร์หรือยูโรดีหว่า? by RJgold

โพสต์แนะนำ

« ตอบ #396 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 04:45:38 am »

 

--------------------------------------------------------------------------------

 

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจอยู่ต่อ Summer และอาจจะอยู่เลยไปจน fall semester ถ้าอาจารย์ของผมหาทุนได้อีก เสียดายแค่อย่างเดียวเรื่องเงินผมต้องเก็บเงินไว้ในบัญชีกินดอกเบี้ยแค่ 1.1% ต่อปีแทนที่จะเอาเงินไปซื้อทองคำเพราะว่าต้องมีเงินค้ำประกันว่าภรรยามีค่าใช้จ่ายขณะที่มาอยู่ในเมกากับผม ตอนนี้คุณเธอก็สนุกกับการเป็นเด็กเสริฟที่ร้านอาหารได้เงินเดือนๆ หนึ่งมากกว่าผมเสียอีก เอาเหอะครับเรียนไปเพื่ออนาคตของชาติ (เอไม่รู้ยังมีป่าวหว่า เห็นประท้วงกันเหลือเกิน) กลับเข้าเรื่องกันดีกว่าไม่ได้เขียนเสียนานแต่ผมก็ติดตามข่าวอยู่ตลอด อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานโดยรวมยังไม่ต่างไปจากที่ผมเคยเขียนเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งในเมกาและยุโรป

 

JimQ จาก theburningplatform.com กล่าวว่าตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นนั้นโกหกทั้งเพ

290,000 new jobs claimed รัฐบาลกล่าว

-66,000 TEMPORARY CENSUS JOBS จ้างงานชั่วคราวโดยรัฐเพื่อทำสำมะโนประชากร

-188,000 FAKE JOBS CREATED BY THE BLS MODEL โมเดล Birth/Death model จาก Bureau of Labor Statistics อันนี้ไม่เคยมีความน่าเชื่อถือ

= 36,000 REAL JOBS (Probably all created in Washington DC) สุดท้ายการจ้างงานเพิ่มจริงๆแค่ 36,000 ตำแหน่ง จากภาครัฐอีกตามเคย

 

เหตุผลอื่นๆ เพื่อสนับสนุนว่าสถานการณ์ตลาดแรงงานในเมกาใช่ว่าจะดีขึ้น คือ ตัวเลขคนมีงานทำเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดแค่ 58.8% ค่าเฉลี่ย 20 ปีประมาณ 66% to 67% แม้ว่าตลาดแรงงานไม่รวมอาชีพเกษตรกรรม (Nonfarm payroll employment) จะเพิ่มขึ้นถึง 290,000 ตำแหน่งในเดือนเมย. อัตราว่างงานกลับพุ่งขึ้นเป็น 9.9% เนื่องจากคนที่ไม่หางานทำกลับมาหางานเพราะคิดว่าตลาดแรงงานเริ่มสดใส นอกจากนี้ยังมีคนตกงานที่ได้รับเงินช่วยจากรัฐบาลกลางอีกไม่รู้เท่าไรซึ่งไม่ถูกรวมอยู่ในพวก 9.9% ถ้าทั้งหมดช่วยกันออกมาหางานทำตัวเลขคนว่างงานจะดูไม่จืดกว่านี้เยอะ คนที่จำใจทำงานชั่วคราวเพราะหางาน full time ไม่ได้ [labor underutilization (U-6)] ก็ยังสูงอยู่ถึง 17.1% in April แถมจำนวนคนตกงานเกิน 26 สัปดาห์ก็ยังพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งสร้างสถิติใหม่ทุกเดือนที่ 4.34% ของแรงงานทั้งหมด พวกนี้ตกงานเกินกว่าครึ่งปีกินเงิน unemployment benefits ระดับรัฐจนครบกำหนดเตรียมตัวเข้าสู่ Emergency Unemployment Benefits จากรัฐบาลกลางต่อไป ที่เมกายังไม่เกิดการประท้วงวุ่นวายเพราะรัฐบาลกลางเข้ามาแจกเงินคนตกงานเหล่านี้ให้ยังพอมีกินไปวันๆ EUB จึงถูกขยายแล้วขยายอีกอย่างไรล่ะครับ ถ้าลองไม่มีเงินพวกนี้เมกาเกิดการประท้วงยิ่งกว่าที่กรีซอีก เอาเถอะตาโป๊งเหน่งเบอนันเกมีแท่นพิมพ์ดอลลาร์เป็นอาวุธ พิมพ์ได้พิมพ์ไปจนกว่านักลงทุนจะทนไม่ได้อย่างเกิดที่กับกรีซแล้วจะหนาว เงินที่เมกันใช้จ่ายหลายพันล้านเหรียญต่อเดือนส่วนหนึ่งก็มาจากคนที่ไม่จ่ายสินเชื่อบ้านแต่แบงค์ยังไม่มายึดบ้านไป ก็อยู่ฟรีไม่เสียเงินก็เอาเงินมาใช้จ่ายกันปลิ้น ส่วนแบงค์เหล่านั้นก็ซ่อนหนี้เน่าต่อไป

 

ปัญหาของกรีซและประเทศโลกตะวันตกคือ เป็น social-welfare-states แบบแจกสวัสดิการแหลกโดยไม่คำนึงว่ารัฐจะมีงบประมาณพอที่จะจ่าย (unpayable social obligations) นโยบายล่มชาติดีๆ นี่เอง ชาวบ้านก็หลับหูหลับตาเลือกนักการเมืองที่สัญญาว่าจะแจกนั่นให้นี่โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง พอรัฐมีเงินไม่พอก็กู้ๆๆ กู้เข้ามากๆ แทนที่จะกู้มาใช้จ่ายกลายเป็นต้องกู้มาใช้หนี้เก่าด้วย ในโลกแห่งความเป็นจริงจะมีระบบเศรษฐกิจที่ไหนที่สามารถสร้างผลผลิตที่ทำให้เกิดสินทรัพย์จริงๆ มาให้กู้ เมกา อังกฤษและประเทศไหนๆ ก็แล้วแต่ ไทยเราก็ด้วยที่มีสกุลเงินเป็นของตนเองก็พิมพ์แบงค์ใหม่ออกมาแจกทำให้เกิดเงินเฟ้อตามระเบียบ ประชาชนตาดำๆ ที่สะสมเงินก็โดนโขมยเงินโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างง่ายๆ ตอนแม่ผมสาวๆ ทองบาทละ 300 บาท ตอนนี้เงิน 300 บาทได้ทองยังไม่ถึงครึ่งสลึง ใครเก็บเงินก็ช้ำใจครับแถมดอกเบี้ยที่ได้ยังตามไม่ทันอัตราเงินเฟ้ออีกต่างหาก

 

ที่ประชาชนกรีซไม่พอใจคือพวกตนเป็นผู้รับกรรมแต่พวกแบงค์และนักการเมืองล้มบนฟูก แทนที่รัฐบาลจะเลือกทางล้มละลาย ขอประนอมหนี้ พักจ่ายดอกเบี้ยหรือทางอื่นๆ กลับยังตะแบงขาย Government Bond ที่อัตราดอกเบี้ยสูงยังกับสินเชื่อบัตรเครดิต มีอย่างที่ไหน เงินกู้ 5 ปีดอกเบี้ย 13.6% เงินกู้ที่ได้มาก็มาจ่ายหนี้เก่าซึ่งเจ้าหนี้เหล่านี้ก็รวมถึงแบงค์และนักลงทุนที่ให้เงินอุดหนุนนักการเมืองนั่นเอง ภาระหนี้สินก็ตกกับประชาชนจนรุ่นลูกหลานไปตามระเบียบ Italy, Portugal, Ireland และ Spain หรือกลุ่ม PIIGS ก็เข้าคิวกันมาติดๆ John Mauldin เคยกล่าวว่าปัญหาหนี้รัฐเหล่านี้อาจทำให้ยูโรอ่อนค่ามาเทียบดอลลาร์เลยทีเดียว ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่ากลุ่มอียูสามารถเรียกความมั่นใจนักลงทุนกลับมาได้แค่ไหน เพราะจากการจัดการปัญหาของกรีซก็ชี้ให้เห็นแล้วว่านโยบายส่วนกลางของอียูไม่มีประสิทธิภาพเอาเสียเลย ตอนแรกประมาณกันว่ากรีซน่าจะต้องการเงินช่วยไม่กี่สิบล้านเหรียญ พอเอาเข้าจริงๆ ทั้งๆที่ IMF และ EU จะอัดเงินให้ถึง $146Billion หรือสูงถึง 50% ของ Greece’s GDP ($339Bn) นักลงทุนยังไม่สนิทใจซึ่งสะท้อนได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาวเกิน 2 ปี ยังสูงลิบลิ่วเมื่อเทียบกับเยอรมันและเมกา กรีซใช้เงินสกุลยูโรไม่สามารถลดค่าเงินเหมือนบ้านเราตอนฟองสบู่แตก เลยเหลือทางเดียวคือตัดงบ ตัดเงินเดือนตัดสวัสดิการตัดโบนัสและขึ้นภาษี ก็คอยดูกันไปครับว่าประชาชนจะยอมหรือเปล่า เพราะที่เคยบอกกรีซมีลูกจ้างรัฐต่อประชากรมากที่สุดในกลุ่มอียู อัตราว่างงานตอนนี้ก็ 11.3 % เข้าไปแล้ว ถ้ารัฐรัดเข็มขัดตัอค่าใช้จ่ายก็เท่ากับว่ากระทบต่อ GDP โดยตรงและอย่างแรง อ่านจากหลายๆ ที่คิดว่ากรีซคงจะต้องถึงทางตันในอนาคตอย่างแน่นอนไม่ปลายปีก็ปีหน้า ทางออกที่เป็นไปได้คือ sovereign default รัฐบาลประกาศไม่จ่ายหนี้ซะงั้นแล้วเรียกเจ้าหนี้มาประนอมหนี้เป็นลำดับต่อไป (debt restructuring) เอาหละครับกว่าจะถึงวันนั้นพวกพ้องของตัวเองก็ได้เงินคืนกันไปหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าหนี้รายใหม่ที่โลภอยากได้ดอกแพงๆ กับประชาชนตาดำๆ รับกรรม

 

Greece total debt load is now closing in on $400 billion, or 115 percent of GDP.

 

หลายๆ blog ที่ผมเคยอ่านมาก็เตือนนักหนาเรื่องความสามารถในการใช้หนี้สาธารณะของรัฐบาลแต่ละประเทศจะกลายเป็นวิกฤติการเงินลูกต่อไป กรีซเป็นประเทศเล็กๆ (GDP 237 billion EU, 2009) ยังต้องใช้เงิน bail out มากมายขนาดนั้น ถ้าเป็นประเทศใหญ่ๆ อย่างสเปน (GDP 1.05 trillion ER) อิตาลี (1.5 trillion EU) ต้องใช้เงินอีกเท่าไร ปัญหาหนี้เน่าในแบงค์ก็ยังสะสางไม่หมด Central Bank ของแต่ละประเทศแห่กันเข้าอุ้มแบงค์เหล่านี้ถ่ายโอนหนี้เอกชนมาเป็นหนี้สารธารณะ รับซื้อสินเชื่อเน่า ตกแต่งบัญชี สารพัด แต่ถึงวันที่ Central bank ไปไม่รอดใครจะมาช่วย (bail out) กรีซเป็นแค่มวยคู่รองขั้นเวลา รอให้ถึงวันคู่เอกอย่างเมกาและอังกฤษขึ้นโชว์จะดูไม่จืด เครื่องพิมพ์แบงค์คงทำงานหนักน่าดู เงินเฟ้อก็ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าวของราคาแพงขึ้นทั่วโลก ประชาชนรับกรรมตามระเบียบ ถ้าผมเป็นIMF อันมีเมกาเป็นพี่เบิ้มต้องลงขันมากสุดก็พิมพ์แบงค์ออกมาช่วยยุโรปแหงละครับ เรื่องไรจะยอมให้ดอลลาร์แข็ง ใครๆ ก็อยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนทั้งนั้นจะได้ส่งออกแล้วได้เงินเข้าประเทศเยอะๆ

 

John Mauldin กล่าวว่าหนี้ภาครัฐของเมกาจะถึง 100% of GDP ภายในสิ้นปี 2011 ถ้าเอาตัวเลขของ Rogoff และ Reinhart ซึ่งกล่าวว่า เมื่อหนี้สูงเกิน 90% ของ GDP จะทำให้ GDP ลดลง 1% มาคำนวณด้วย การขยายตัวของ GDP ของเมกาอย่างหรูก็ไม่เกิน 2.5% ต่อปี จำได้ไหมครับที่เบนันเกกล่าวว่าเมกาต้องการ GDP ขยายตัวอย่างน้อย 2.5% ต่อปี เพื่อรองรับแรงงานและการเพิ่มจำนวนของประชากร ถ้าเป็นอย่างที่กล่าวข้างต้นแสดงว่าอัตราการว่างงานของเมกาจะค้างฟ้าไปอีกหลายๆๆๆๆ ปี แถมตอนนี้คนนับล้านเริ่มใช้ extended unemployment compensation จนครบกำหนดและยังไม่มีวี่แววว่าจะหางานทำได้ แถมรายได้เข้าบ้านโดยรวมของเมกันตอนนี้ 20% มาจากเงินช่วยของรัฐไม่ว่าจะเป็น food stamp, Medicare, medicaid, social security benefit, unemployment benefit และอีกสารพัดเป็นหางว่าว เงินที่แจกเหล่านี้ก็กู้มาอีกต่างหาก นโยบายแจกแหลกแบบนี้มันไม่ยั่งยืนหรอกครับ ไม่ว่าระดับบ้านเรือนหรือระดับประเทศคุณไม่มีทางกู้ๆๆๆ ไปได้ตลอดชีวิตสักวันมันก็ต้องจบลงด้วยน้ำตา จับตาดู Treasury Notes and bills โดยเฉพาะสินเชื่อระยะสั้นของเมกาไว้แล้วกันครับดอกแพงขึ้นมากๆ เมื่อไรก็เตรียมม้วนเสื่อ

 

มาดูญี่ปุ่นกันบ้างหนี้สารธารณะของญี่ปุ่นจะทะลุ 204% ของ GDP ภายในสิ้นปี 2011 และจะเพิ่มขึ้นปีละ 9% ทำไมหนี้มหาศาลขนาดนี้ญึ่ปุ่นยังไม่โดนทุบ เพราะญี่ปุ่นเอาเงินฝากในประเทศแทบทั้งหมดมาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ชาวบ้านแทบไม่ได้ดอกเบี้ย ส่วนรัฐและแบงค์ก็เอาเงินกู้ดอกเบี้ยถูกๆ จากชาวบ้าน (Japan 10-year notes at 1.29%) ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากประเทศอื่นๆ ที่ให้ดอกสูงกว่าแหล่งเงินที่ตนกู้มาเช่นเมกา 10-year notes at 3.72% เท่านี้ก็เก็บกำไรส่วนต่างกว่า 2% ตราบใดที่เงินเยนไม่แข็งค่ากว่าเงินดอลลาร์เกิน 2.4% กำไรก็ยังมีอยู่ ตลาดหุ้นญึ่ปุ่นจึงชอบให้ค่าเงินเยนอ่อนอย่างไรละครับ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ญี่ปุ่นถือครองหนี้เมกาอันดับสองรองจากจีนทีเดียว ตอนนี้คนญี่ปุ่นแก่ลงเรื่อยๆ อัตราเกิดก็ต่ำต้อยไม่นานคนเกษียณจะถอนเงินใช้ยามแก่ ส่งผลให้อัตราการออมเงินในประเทศลดฮวบ ก็คอยดูแล้วกันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไปหาแหล่งเงินกู้ถูกๆ จากไหนมาใช้หนี้เก่า (debt rollover) ก็รอๆ ไปครับไม่เกิน 3-5 ปี เหมือนตอนที่ blog ต่างๆ ออกมาเตือนเรื่องฟองสบู่บ้านในเมกา แล้วไม่มีใครฟังนั่นแหละครับ นักวิเคราะห์ก็บอกได้แต่ว่าแนวโนม้มันสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จะบอกวันเวลามันยาก เพราะปัจจัยมันหลายหลาก แถมการแทรกแทรงจากตาโป๋งเหน่งและ Central bank จากทุกประเทศ ทำให้บอกได้ยาก แต่รับรองวันนั้นมันมาถึงแน่ อย่างกรีซและตลาดหุ้นเมกาเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา พวกใน blog ก็เตือนแล้วครับอย่าเล่นกับ high frequency trading เพราะมันจะดูดีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่ฝรั่งเขาเรียกว่า shit hit the fan นั่นแหละครับหลบไม่ทัน

 

นักลงทุนน้อยใหญ่และชาวบ้านร้านตลาดตอนนี้ ก็แห่กันสะสมสิ่งที่รัฐบาลพิมพ์ไม่ได้กันใหญ่ ราคาสินแร่ น้ำมัน ทองคำ โลหะเงินจึงพุ่งพรวดเป็นบั้งไฟในทุกสกุลเงิน คนกรีซที่ถอนเงินออกจากแบงค์ก่อนที่มีการประท้วงนั้นโชคดีที่สุดแล้ว เพราะถ้ากรีซมีเงินสกุลของตัวเองก็โดนสองเด้ง แบงค์ปิดถอนเงินไม่ได้กับค่าเงินโดนทุบแบบที่เกิดกับบ้านเรา ที่เมกาตอนนี้คนที่รายได้น้อยซื้อทองไม่ไหวหันมาซื้อเหรียญโลหะเงินกันให้คับคั่ง ยอดผลิตเหรียญเงินรายงานโดยกองกษาปณ์สุงเป็นประวัติการณ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอบ #389 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2010, 02:59:41 am »

 

--------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีครับคุณkumponys และผู้อ่านทุกท่านตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ตามข่าวเท่าไรเพราะเรียนมันยุ่งมากๆ ต้องจบให้ได้ในสิ้นเดือนเมษ. ตอนนี้ก็เร่งเขียนเล่ม ผมอ่านจากหลายๆที่ก็มีข่าวลือว่าคนไปขึ้นทองแท่งกันอย่างหนาแน่นที่ลอนดอน แต่สัญญาทองที่ขายใครๆก็รู้ว่ามีมากกว่าทองจริงถึง 60 เท่า ทางผู้ออกสัญญาทองคำเลยเล่นแง่ด้วยการให้จ่ายค่าธรรมเนียมนี่นั่นจนทำให้การรับทองจริงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น บางคนเลยหันไปรีบเงินแทน ก็เป็นการแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ส่วนคนที่ดันทุรังจะเอาทองจริงก็ต้องรอๆๆ leased gold (ทองที่ให้เช่าไปเปลี่ยนเป็นเงิน) ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะว่าราคาทองแท่งจริงๆ มันแพงกว่าตอนที่เช่า เป็นปัญหาของผู้รับฝากทองแต่ไม่ใช่ปัญหาของคนที่ยืมทอง เมื่อเจ้าของทองเขาต้องการของเขาคืนก็เละครับ เอเชียกลัวปัญหานี้ฮ่องกงจึงเปิดศูนย์กลางทองคำแข่งกับอังกฤษ อย่างน้อยก็เรียกทองที่นักลงทุนเอเชียฝากไว้ในเซฟของโลกตะวันตกกลับมา

 

วันนี้มาดูเรื่องของกรีซกันต่อ

 

กรีซมีประชากรประมาณ 10 ล้านคนแต่หนี้สินสูงถึง 300 billion ยูโร!!! (owing 300-billion Euros of outstanding debt) ยังไม่รวมสัญญาสวัสดิการลมๆแล้งๆ อีกไม่รู้เท่าไร หนี้สิน $72-billion ถึงกำหนดจ่ายเงินต้นในปีนี้กรีซยังไม่รู้จะเอามาจากไหน ธุรกิจ 30% ไม่จ่ายภาษี ในปีที่แล้วทั้งประเทศมีแค่ 6 คน (ครับ หก คน) ที่แจ้งว่ามีรายได้เกิน 1 million ยูโร การใช้จ่ายของรัฐบาลคิดเป็น 50% ของ GDP แถมกรีซมีลูกจ้างที่ทำงานให้รัฐ (public employee เทียบได้กับข้าราชการบ้านเรา) มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในกลุ่มสหภาพยุโรป

 

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สังกัดสหภาพแรงงาน (The Federation of Greek Customs Workersใช่ป่าวหว่า ตอนนี้ภาษาอังกฤษก็แย่ภาษาไทยก็งูๆปลาๆ) ก็หยุดงานติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ป่วนการส่งออกและการคมนาคมขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออก นอกจากนี้พวกแทกซี่ก็หยุดงานประท้วงเพราะรัฐบาลขึ้นภาษีน้ำมันรถยนต์และบังคับให้ออกใบเสร็จรับเงินให้กับลูกค้า ก็นักขับทั้งหลายไม่เคยเสียภาษีรายได้เลยนี่นาก็ไม่พอใจเป็นธรรมดา Greece’s largest labor unions, which equal half of the country’s 5-million-strong workforce, are joining forces for a strike to protest cuts to their wages.

นอกจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร คนขับแทกซี่แล้วยังมี เจ้าหน้าที่คุมการจราจรทางอากาศ พนักงานสรรพากร หมอ ครู ต่างหยุดงาน 1 วันในวันพุธที่ผ่านมาเพื่อประท้วงรัฐบาล พวกเขาไม่พอใจที่รัฐบาลตัดงบ ไม่ขึ้นเงินเดือนลดโบนัส ไม่จ้างคนเพิ่ม และเลื่อนอายุเกษียณออกไปอีก 2 ปีหรือต้องทำงานเพิ่มอีก 2 ปีจึงจะได้บำนาญ

 

หลายๆ ประเทศในโลกพัฒนาแล้วมีปัญหาสหภาพแรงงาน (union) กันทั้งนั้น public sector unions หรือสหภาพคนทำงานให้รัฐและ private sector unions สหภาพแรงงานเอกชน เพราะคนพวกนี้สุมหัวกันขอค่าแรงขึ้นและหยุดงานเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่ได้ลืมตาดูเลยว่าสถานการณ์ของประเทศมันเป็นแบบไหน โดยเฉพาะที่เมกาให้สวัสดิการ (benefits and pension) พนักงานรัฐอย่างฟุ้งเฟ้อโดยเฉพาะพนักงานดับเพลิง คนไทยที่มาอยู่ผิดกฏหมายที่นี่หลายคนจ้องจับพนักงานดับเพลิงอยู่เพราะนอกจากจะได้ย้ายสถานภาพจากคนผิดกฏหมายแล้วยังได้สวัสดิการเพราะสามีอีกต่างหาก

 

สหภาพยุโรปยังกล้าๆกลัวๆ หาทางช่วยกรีซอยู่เพราะถ้าช่วยกรีซแล้ว Portugal, Ireland, และ Spain ที่มีหนี้สินท่วมท้นเช่นกันก็จะต่อคิวขอเงินบ้าง บางคนกล่าวว่า GDP ของกรีซก็แค่ 2.5% ของสหภาพยุโรปจะโวยวายอะไรกันนักกันหนา ตอนที่ Lehman ล่มก็ป่วนเมกาเหมือนกันแม้ว่า Lehman จะมีหนี้สินและทรัพย์สิน 2% ของ US GDP เช่นกัน สิ่งที่มันทำให้แย่ก็เรื่องเดิมๆ นั่นหละครับ Credit default swaps (CDS) ใครให้เงินรัฐบาลกรีซกู้ไปก็เตรียมตัวครับ

 

ค่าประกัน Greek bond ก็จะพุ่งทะลุฟ้าด้วยการปั่นข่าวหรือเรื่องจริงก็ตาม แล้วกรีซจะไปกู้เงินที่ไหนมาใช้หนี้ $72-billion ข้างต้น เยอรมันและฝรั่งเศสก็มีปัญหาหนี้สินของตนเองเหมือนกัน ดูแล้วไม่มีใครอยากช่วยกรีซ เพราะต้องชั่งน้ำหนักว่าแบงค์ของชาติตัวเองให้กรีซยืมไปเท่าไร bail out แบงค์ของชาติตัวเองจะเสียหายน้อยกว่าเข้าไปอุ้มกรีซหรือเปล่า เพราะถ้าเข้าไปช่วยกรีซก็เท่ากับว่า bail out แบงค์ของชาติอื่นไปในตัวทำทำไมไม่คุ้ม เยอรมันเลยไม่อยากช่วยกรีซ แต่สวิสนี่สิแย่หน่อยเพราะให้กรีซกู้ไปสูงถึง 12% of Swiss GDP

 

Martin Hutchinson คาดว่า จีนขาย US Treasury $34.2 billion ในเดือนธ.ค.เพื่อเอาไปซื้อทอง จีนมีเงินทุนสำรองมหาศาลแต่มีทองแท่งแค่ 1.5% ของเงินทุนสำรอง (1,054 tons at March 2009, worth about $37 billion at today's prices) แบงค์ชาติต่างๆในโลกตะวันตกโดยเฉลี่ยมีทองคำ 10.2% ของเงินทุนสำรอง (reserves) จีนจึงต้องกว้านซื้อทั้งทองและโลหะเงินเพื่อเพิ่มปริมาณทองคำสำรอง จีนคงทำทุกวิถีทางหลีกเลี่ยงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของพวกตะวันตก (bill และ note) เพราะมันดูไม่จืดทั้งนั้นไม่ว่าเมกา ยุโรป อังกฤษ

 

น้องทองเลยไม่ยอมลงไป 9xx อย่างที่ผมวาดฝันไว้แต่แหละใครถือยูโรก็ปวดใจครับตอนนี้ ถ้าผมเป็นคนกรีซผมก็รีบไปถอนเงินทั้งหมดออกจากแบงค์แล้วหละครับ ไม่รู้จะเกิด bank run (ธนาคารไม่มีเงินจ่ายเมื่อเจ้าของบัญชีเรียกเงินคืน) หรือเปล่า ยังดีที่เป็นยูโรถ้าเป็นสกุล drachma คงป่วนกว่าเก่าหลายเท่า

 

ถ้ากรีซไม่เลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยและหันมารัดเข็มขัดตัวเองตัด deficit จาก 12.7% of its GDP ให้เหลือ 8.7% deficit ในปีนี้และลดให้เหลือ 3% ใน 3 ปี คงไม่มีใครเข้าช่วยกรีซ เรื่องอะไรที่เยอรมันจะทำงานหนักให้กรีซเอาเงินค่าแรงตนไปผลาญเล่น

 

ตอนนี้ยูโรก็ร่วงมาที 1.36 ต่อดอลลาร์สหรัฐ เมกาก็ไม่ชอบนักหรอกเพราะต่างอยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อนเพื่อให้สินค้าส่งออกราคาถูก

John Mauldin กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าเมกาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากรีซนักหรอกเดินทางเดียวกันนั่นแหละแต่ใครจะถึงปากเหวก่อนกันเท่านั้น ถ้าเมกาไม่จัดการกับหนี้สินและลดค่าใช้จ่ายภาครัฐลงไม่เกิน 5 ปีอาจกลายเป็นกรีซ การใช้จ่ายภาครัฐของเมกันเพิ่มขึ้น 7 เท่า เมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในปีนี้คนทำงานให้รัฐเพิ่มขึ้นถึง 20%

 

usgovspend.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพิ่งเข้ามาอ่าน...ข้อมูลยังใช้ได้ ขอให้กำลังใจครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราส่วนระหว่างทองคำและโลหะเงิน (บทวิเคราะห์โดย Torjung)

 

 

by Siam Silver on Sunday, January 8, 2012 at 1:28am

 

กว่า 5000 ปีที่อัตราส่วนระหว่างทองคำกับโลหะเงินอยู่ที่ 1 ต่อ 16 ความหมายก็คือ คุณสามารถนำโลหะเงิน 16 ส่วนมาแลกทองคำหนึ่งส่วนหรือทองคำ 1 ส่วนมาแลกโลหะเงิน 16 ส่วน เหตุผลที่อัตราส่วนเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปริมาณการขุดแร่ขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะค้นพบโลหะเงินมากกว่าทองคำ 16 เท่า ดังนั้นราคาของทองคำจึงต้องสูงกว่าโลหะเงิน 16 เท่า แต่ในบัจจุบันอัตราส่วนของทองคำกับโลหะเงินได้อยู่ที่ 1 ต่อ 56 ซึ่งหมายถึงว่า ทอง 1 ส่วนสามารถแลกเงินได้ถึง 56 ส่วน!! เรา มาดูสาเหตุพื้นฐานของอัตราส่วนเหล่านี้กันดีกว่าว่าทำไมอัตราส่วนถึงได้ เพิ่มขึ้นไปมากมาย ทั้งๆที่ความเป็นจริงในขณะนี้โลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้บนโลกมีอยู่น้อยกว่า ทองคำเสียอีก!!

 

อย่างที่เคยเอ่ยถึง โลหะเงินถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมในอัตราที่สูงพอสมควร ในแต่ละปีโลหะเงินที่ขุดขึ้นมาได้ใหม่จะถูกใช้ไปในชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือ ถือ คอมพิวเตอร์ ฟิลม์ถ่ายรูป อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย ชิ้นส่วนเหล่านี้เมื่อเสียและหมดสภาพแล้วจะต้องกลายเป็นขยะ เพราะขั้นตอนการนำโลหะเงินกลับมาใช้ใหม่เป็นเรื่องที่ยากและไม่คุ้มค่า โลหะเงินจึงถูกนำไปทำลาย ไปพร้อมกับขยะอีเล็กโทรนิกพวกนี้ ในทางกลับกันทองคำไม่ว่าจะขุดมาเท่าไหร่ปริมาณก็มีอยู่เท่านั้นไม่เคยน้อยลง ไปเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วทองคำจะอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับที่หมุดเวียนเปลี่ยนมือ ไปเรื่อยๆ มันจึงไม่ถูกทำลายไป

 

แต่ที่น่าแปลกคือ โลหะเงินที่มีปริมาณที่ลดน้อยลงกลับมีราคาลดน้อยลงทุกวัน มันสวนทางกับ กฎของ supply และ demand ซึ่ง ในขณะทั้งๆที่ความต้องการมีมากขึ้นและของก็มีจำนวนลดน้อยลง แต่ราคากลับตกลงอย่างน่าใจหาย ต่างจากทองคำที่ของมีอยู่เท่าเดิมแต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นเรี่อยๆ

 

ถ้า เปรียบทองคำกับโลหะเงิน คงเปรียบเสมือนพี่ชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก ในตระกูลคนจีนทั้งๆที่เติบโตมาด้วยกัน แต่ความสำคัญแตกต่างกันยิ่งนัก ถ้าคุณรู้ว่าถ้าลูกสาวคนเล็กโตมาแล้วจะได้เป็นนายก คุณจะทำยังไง? คุณก็คงจะเลี้ยงดูอย่างดีเท่าๆกับพี่ชายหรือดีมากกว่า แล้วถ้าเกิดโลหะเงินเป็นเหมือนลูกสาวล่ะ? นี่คือเหตุพลที่ทำให้โลหะเงิน ควรค่ากับการลงทุนยิ่งนัก วันหนึ่ง โลหะเงินอาจจะมาเทียบกับ ทองคำ ก็ได้ ถ้าวันนั้นเกิดขึ้น คุณจะทำยังไง?

 

เขียน: Torjung

 

หากท่านสนใจจะลงทุนทางด้านโลหะเงินแท่ง ลองศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นด้วยการเยี่ยมชม facebook ของเราซิครับ เราให้คำปรึกษา และให้ความรู้ทางด้านการลงทุนโลหะเงินแท่งฟรี

http://www.facebook.com/siamsilver

เราจะอัฟเดทข้อมูลทางด้านการลงทุนโลหะเงินทุกวัน

 

"เพราะเราสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ที่มีประชาชนเป็นผู้ถืออำนาจเงินตรา "

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...