ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณครับคุณเสม เนื้อหาเข้มข้นมากมาย สุดยอดครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากค่ะ คุณเสม ในความหวังดี

ขอบคุณ คุณHenry คุณส้มโอ คุณSkywalkerZ และทุกท่านค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ ครับคุณส้มโอมือที่ให้คำแนะนำที่ดี ๆ แก่ผมมาโดยตลอด ถ้าผมไม่ได้แนวทางการลงทุนตามระบบของคุณเสมและคุณส้มโอมือ ผมก็คงเข้า ๆ ออก ๆ ซื้อ ๆ ขาย ๆ ขึ้นลงหวั่นไหวตามตลาดรายวันไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีความสุขในการลงทุนและเสียเวลามากมายไปกับการดูตลาดรายวัน แต่เมื่อได้ลงทุนตามระบบ ผมก็รู้ว่าใช่เลยเหมาะกับผมมาก เพราะผมงานเยอะ มีเวลาลงทุนน้อย ไม่มีเวลาอ่านข่าวหรือศึกษาปัจจัยต่าง ๆ การดูกราฟวันละครั้งสามารถตัดสินใจเข้าซื้อขายตามระบบได้เลย และได้ผลตอบแทนที่ผมพอใจแล้ว แม้จะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็เกินพอเพียงจริง ๆ ครับ

แต่ผมก็ไม่ได้หยุดอ่านข่าวหรือปัจจัยต่าง ๆ ไปนะครับ ผมอ่านเสมอเมื่อมีเวลา แต่ไม่ได้เอามาเป็นจุดซื้อขายเท่านั้นเอง ล่าสุดผมก็ไปอ่านความเห็นของคุณส้มโอมือที่ตอบให้กำไลังใจคุณเม่าน้อย เรื่องค่าของโลหะเงิน เป็นความเห็นที่มีเหตุมีผลยอดเย่ียมมากครัีบ และเมื่อผมดูกราฟประกอบแล้ว เชื่อว่าภายในกลางเดือนหน้า โลหะเงินจะดีดขึ้นแรงระเบิดระเบ้อครับ เพราะกราฟกำลังทำ bullish divergence ที่ macd และ rsi ในรอบใหญ่ เหมือนกับน้ำมันเมื่อกลางปีนี้เลย

 

ถ้าจะลง ทุนตามระบบ คุณต้องตัดความคิดเรื่องเหตุปัจจัยออกไปทั้งหมดครับ อะไรเป็นเหตุของอะไร เพราะเหตุนี้ ทองจึงขึ้น เหตุนั้นทองจึงลง ทองตามเงิน เงินตามทอง ทองตามหุ้น หุ้นตามทอง usd ขึ้นทองจึงลง หรือเพราะทองลง usd จึงขึ้น หรือแม้แต่ัปัจจัยเศรษฐกิจ เพราะยุโรปเจ๊ง นักลงทุนจึงหันมาถือทองอันเป็น safe haven หรือนักลงทุนขายน้ำมันจึงแห่มาเก็งกำไรทอง หรือ เพราะนั่นเพราะนี่จึงเป็นโน่นเป็นนั่น บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

 

อะไรทำ นองเนี้ย ต้องตัดออกไปจากความคิดให้หมด เพราะมิเช่นนั้น คุณก็จะจมกับวังวนที่ว่าต้องอ่านข่าว ต้องตามข่าว ต้องหาเหตุปัจจัย เอ วันนี้ทองลงหนัก มีข่าวอะไรหรือ หรือว่า คืนนี้ทองจะพุ่งเพราะอเมริกาจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ คุณก็จะต้องตามอ่านข่าวโน่นข่าวนี่ ทั้งวันทั้งคืน ดึกดื่นก็ต้องถ่างตารอจนกว่าอเมริกาจะปิดตลาด พอเช้ามืดก็ต้องมาดูข่าวเอเชีย พอตอนบ่ายตามข่าวยุโรป ชีวิตจะมีความสุขหรือ

 

ถ้าจะลงทุนตามระบบ ดูกราฟอย่างเดียว และกราฟเดียวด้วย เฉพาะกราฟของตลาดที่เราลงทุนเท่านั้น เอากราฟตลาดอื่นมาปนก็ไม่ได้ครับ

 

ถ้านี่คือสิ่งที่ใ่ช่สำหรับคุณ ก็ลองไปดูแนวทางการลงทุนแบบของผมได้เป็นตัวอย่างที่

http://www.thaigold....rend-following/

 

แต่ผมว่าคุณพวงชมพูเข้าไปอ่านแล้วครับ เพราะเห็นไปส่งความคิดเห็นอยู่ อิอิ

 

สำหรับ โลหะเงิน ตามแนวคิดเรื่องการลงทุนด้วยระบบ เราจะดูเฉพาะกราฟ silver อย่างเดียว ส่วนทองคำ จะเป็นอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวครับ อย่าเอามาปนกัน

 

กราฟ silver รอบรายปี จะเห็นว่าราคาต่ำลงมามากแล้ว และปิดตลาดทำ lower low มาเรียบร้อยแล้ว แต่ macd และ rsi กลับยกตัวสูงขึ้น นี่คือสัญญาณ bullish divergence ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นในรอบใหญ่ระดับปีครับ แต่ยังไม่ยืนยันชัดเจน จะชัดเจนต่อเมื่อราคา silver ดีดขึ้นต่อจนสามารถผ่านแนวต้าน trend ขาลงเส้นสีชมพูที่กดดันไว้ได้สำเร็จ คือราคาต้องผ่าน 31 เหรียญให้สำเร็จก่อน ซึ่งดูทิศทางและรอบเวลาแล้วน่าจะสามารถผ่านได้กลางเดือนหน้า สัญญาณ bullish divergence ก็จะสมบูรณ์และเกิดแรงโหมเข้าซื้อกันในรอบใหญ่ silver จะขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปีครับ

 

แต่นั่นก็เป็นแค่การดูตามกราฟ คาดหมายอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน อย่าไปยึดมั่นถือมั่น เราจะเข้าซื้อ ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณซื้อตามระบบเท่านั้น ผมไม่ได้ลงทุนใน silver จึงไม่มี bias ในการเข้าซื้อหรือขาย แค่อ่านกราฟตามหลักการเท่านั้นครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning News]

.โดย Bualuang B Live เมื่อ 23 ธันวาคม 2011 เวลา 10:33 น..■นักวิเคราะห์มองว่าการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3 ปีแก่ ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ในยุโรป 523 แห่ง รวม 489.49 พันล้านยูโร (20 ล้านล้านบาท) เพื่อช่วยระบบสถาบันการเงินที่กำลังขาดแคลนสภาพคล่องรุนแรงนั้น เป็นปัจจัยบวกเพียงระยะสั้นต่อกลุ่ม ธพ.ยุโรป ทั้งนี้ รอยเตอร์ รายงานว่า ธพ.อิตาลีมากกว่า 12 แห่ง รวมถึงธนาคารชั้นนำอย่าง UniCredit และ Intesa Sanpaolo กู้มากถึง 116,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 1 ใน 4 ของเงินกู้งวดใหม่นี้

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอขอบคุณ คุณส้มโอมือ คุณเสม คุณSkywalkerZ คุณHenry คุณngoodin

และทุกๆท่านนะคะ (ขออภัยถ้าตกหล่น)

Merry Christmas and Happy New Year

ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และรวยเงินรวยทองมากๆขึ้นตามปรารถนานะคะ

ขอบคุณมากๆคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชะตากรรมแบงก์มะกัน-ยุโรป สุดหิน 2012:ปัญหาหนี้เศรษฐกิจรุมเร้า

22 ธันวาคม 2554 เวลา 07:08 น. | เปิดอ่าน 1,294 | ความคิดเห็น 4

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

นับเป็นอีกหนึ่งปีที่โลกเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ด้วยบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะโสภาสักเท่าไรนัก เมื่อพิจารณาถึงความเป็นจริงทางเศรษฐกิจที่รออยู่ในปี 2555

 

เพราะเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล้วนเป็นสัญญาณร้ายบ่งบอกให้นักลงทุนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะบรรดากิจการอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาเงินลงทุนจากธนาคารในฟากยุโรปและสหรัฐต้องเตรียมใจรับสถานการณ์เลวร้ายในปี 2555 ที่จะถึงนี้ไว้ให้ดี

 

สืบเนื่องมาจากเงื่อนไขทางเศรษฐกิจในปัจจุบันจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการดำเนินกิจการธนาคารให้อยู่รอด ซึ่งในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อกิจการต่างๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

สำหรับอุปสรรคแรกสุดก็คือ การที่ธนาคารเหล่านี้จำต้องเดินหน้าลดการให้กู้ยืมเงินลง เพื่อให้ธนาคารมีปริมาณเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะอยู่รอดท่ามกลางมรสุมหนัก

 

ทั้งนี้ มีการประเมินคร่าวๆ ว่า แต่ละธนาคารในสหรัฐจำเป็นต้องมีทุนสำรอง 1.33 แสนล้านยูโร ขณะที่แต่ละธนาคารในยุโรปต้องมีทุนสำรองอย่างน้อย 2.21 แสนล้านยูโร จึงจะพอให้ธนาคารทั้งหลายมีสภาพคล่อง และสอดคล้องกับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อทรัพย์สินเสี่ยง ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Basel III) ที่เพิ่มเข้ามาหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2550-2551 เพื่อเป็นหลักประกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทจัดอันดับและนักลงทุนทั่วโลกว่าธนาคารไม่มีทางล้มแน่

 

 

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ล้วนเห็นว่า การระดมทุนของธนาคาร โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ท่ามกลางเงื่อนไขเศรษฐกิจซวนเซและถดถอยในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

 

เท่ากับว่า ทางเลือกที่พอจะเหลืออยู่สำหรับธนาคารในยุโรปเพื่อให้กิจการอยู่รอดต่อไปได้ก็คือ การจำกัดปริมาณการให้กู้ยืมเงิน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรปเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนักลงทุนหรือประชาชนไม่มีแหล่งเงินทุนสำหรับการประคับประคองกิจการ หรือเริ่มดำเนินโครงการใดๆ

 

สำหรับธนาคารในสหรัฐ ถึงแม้การระดมทุนสำรองของธนาคารให้ได้ในปริมาณที่หลักเกณฑ์ของบาเซิล III กำหนดไว้จะพอเป็นไปได้บ้าง เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐยังเติบโตได้อย่างช้าๆ

 

แต่ความกังวลของนักลงทุนที่จะต้องแบกรับหนี้สินของธนาคารก็ยังถือเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ให้ธนาคารสหรัฐไม่สามารถระดมเงินทุนได้ง่ายมากนัก

 

หรือพูดให้เข้าใจแบบง่ายๆ ว่า ในปี 2555 นี้ ธนาคารสหรัฐมีแนวโน้มผจญชะตากรรมยากลำบากในการหารายได้เป็นกอบเป็นกำ ไม่ต่างจากธนาคารในยุโรป

 

อุปสรรคประการต่อมาของบรรดาธนาคารสหรัฐและยุโรปในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง นอกจากจะอับจนหนทางในการระดมปริมาณทุนสำรองเงินฝากเพื่อให้มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ที่บาเซิล III กำหนดแล้ว สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคยุโรป ก็ยิ่งทำให้กิจการของธนาคารในปีหน้าเลวร้ายมากยิ่งขึ้น

 

เพราะหนี้สาธารณะในยุโรปที่ย่ำแย่จนทำความเชื่อมั่นนักลงทุนหดหาย ทำให้ธนาคารต้องแบกรับภาระหนี้เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากมูลค่าของบัญชีทรัพย์สินที่ธนาคารถือครองอยู่ เช่น พันธบัตรรัฐบาลกรีซลดลงแบบฮวบฮาบ

 

แรงกดดันดังกล่าว ทำให้ธนาคารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าเทขายทรัพย์สินเสี่ยงที่มีอยู่ในราคาถูกเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งแม้จะช่วยให้สถานะของธนาคารมั่นคงขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องแลกกับการผลักให้เศรษฐกิจของภูมิภาคโดยรวมเดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะประเทศที่ออกพันธบัตรไม่สามารถหาแหล่งเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของตนเอง

 

นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญของธนาคารทั้งสองฟากฝั่งแอตแลนติกอีกประการหนึ่งก็คือ กฎเกณฑ์ข้อบังคับ และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มงวดมากขึ้น

 

ทั้งนี้ หนึ่งในแหล่งรายได้หลักของธนาคารในสหรัฐก็คือ การเก็บค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการธุรกิจสินเชื่อต่างๆ ซึ่งตั้งแต่ที่มีกฎหมายเข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้ธนาคารถูกจำกัดลู่ทางทำเงินไปอีกช่องทางหนึ่ง

 

ท้ายที่สุด เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงชะงักงัน มูลค่าสินทรัพย์เดินหน้าลดฮวบฮาบ และมาตรการทางการเงินเพิ่มความเข้มงวด จนลู่ทางรายได้หดหาย ธนาคารทั้งจากยุโรปและสหรัฐจำต้องหามาตรการเอาตัวรอดที่บรรดานักวิเคราะห์ยอมรับว่า อาจซ้ำเติมเศรษฐกิจในภาพรวมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

สำหรับทางเลือกของธนาคารสหรัฐและยุโรปที่ถือได้ว่าซ้ำเติมตัวเลขการว่างงานของประเทศไปเต็มๆ เนื่องจากธนาคารเลือกที่จะลดต้นทุนเพื่อรักษากิจการเอาไว้ด้วยการหั่นจำนวนพนักงานลง

 

เพราะในทางธุรกิจ ครึ่งหนึ่งของต้นทุนทางธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจากบรรดาพนักงาน โดยในขณะนี้ มอร์แกน สแตนเลย์ ได้ประกาศตัดลดพนักงานแล้ว 1,600 คน จากจำนวนทั้งหมด 6.3 หมื่นคน ขณะที่ ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ออฟอเมริกา ได้เดินหน้าปลดพนักงานออกไปแล้วหลายพันคน และธนาคารยูบีเอสจากยุโรปประกาศปลดอีก 5,000 คน

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อประมวลจากการประเมินคาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกดูแล้ว สิ่งเดียวที่พอจะเห็นได้แน่ชัดที่สุดในเวลานี้ก็คือ ปี 2555 ที่กำลังจะมาถึง คงเป็นปีที่ไม่น่าจดจำไปอีกหนึ่งปี

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'อีซีบี'ทุ่มหมดหน้าตัก สุดท้ายก็แค่ ไม้เด็ดเฉพาะหน้า!

23 ธันวาคม 2554 เวลา 07:11 น. | เปิดอ่าน 1,169 | ความคิดเห็น 1

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

 

ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เมื่อธนาคารพาณิชย์ทั่วยุโรปแห่แหนกันเข้าขอประมูลกู้วงเงินไม่จำกัดวงเงินระยะกู้ 3 ปี ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ปล่อยไม้เด็ดนี้ออกมาหวังกู้วิกฤตความเชื่อมั่นในภาคการเงินของยูโรโซนที่ดิ่งเหววันแล้ววันเล่า

 

มาตรการอัดฉีดครั้งล่าสุดเข้าสู่ภาคการเงินผ่านการปล่อยกู้ก้อนโต และระยะการกู้สั้นกว่าทุกครั้งที่เป็นมาในหนนี้คือว่าเป็นการอัดฉีดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งครั้งนั้นมียอดปล่อยกู้อยู่ที่ 4.5 แสนล้านยูโร และมีระยะการกู้เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่ในหนนี้ปริมาณการปล่อยกู้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.892 แสนล้านยูโรเข้าไปแล้ว โดยมีธนาคารถึง 523 แห่ง ที่เข้าร่วมแบ่งเค้กก้อนยักษ์ก้อนนี้

 

แน่นอนว่า ไม้เด็ดของอีซีบีครั้งล่าสุดจะช่วยสร้างสภาพคล่องทางการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์ทั่วยุโรปได้อย่างฉับพลัน ซึ่งจะช่วยให้การปล่อยกู้เข้าสู่ภาคธุรกิจต่อไปได้อีกด้วย เนื่องจากอีซีบีหวั่นเกรงว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ในภาคการเงินจะส่งผลกระทบต่อการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี อันเป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจยุโรปที่สำคัญที่สุด

 

นอกจากนั้น ธนาคารพาณิชย์ยังอาจจะนำกู้เหล่านี้ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสเปนและอิตาลีอีกด้วย ซึ่งถือเป็นชาติยักษ์ใหญ่อันดับที่ 3 และ 4 ของยูโรโซนที่เศรษฐกิจกำลังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากระดับหนี้สาธารณะเกินกว่า 100% ของจีดีพี

 

 

มาตรการครั้งนี้จึงยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 3 ต่อ คือ 1.การสร้างสภาพคล่องทางการเงินให้กับภาคธนาคาร เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับธนาคารพาณิชย์ที่จะรับแรงกระแทก หากวิกฤตหนี้ลุกลามเข้าสู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่มากกว่ากรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกสได้ 2.การกระตุ้นให้เกิดการปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจ และสุดท้าย 3.คืออานิสงส์ที่จะทำให้การระดมทุนของชาติที่กำลังมีปัญหาเป็นไปได้อย่างคล่องตัวขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามาตรการนี้จะถูกเรียกว่า “ไม้เด็ด” กระนั้น นักวิเคราะห์ต่างชาติก็มองว่า ความเคลื่อนไหวของอีซีบีในครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยกู้สถานะของยูโรโซนได้มากเท่าไหร่นัก

 

ประการแรก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์นำเงินไปซื้อพันธบัตรของสเปนและอิตาลีนั้น อาจจะไม่เกิดขึ้นตามที่หวังนัก เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ทั่วยุโรปกำลังวิตกกับความเสี่ยงต่อพันธบัตรของชาติยุโรปที่มีปัญหามากอยู่แล้ว การเข้าซื้อพันธบัตรจากสเปนและอิตาลีนั้น จะยิ่งถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงเข้าในสินทรัพย์ของตัวเองมากขึ้น

 

โดยสิ่งจำเป็นมากที่สุดสำหรับบรรดานายแบงก์นั้นคือ การสร้างสภาพคล่องให้กับธนาคารมากที่สุด แม้กระทั่งประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส ก็ยังถึงกับขอให้ธนาคารนำเงินกู้เหล่านั้นไปสร้างสภาพคล่องอุดรูรั่วของตัวเองไว้ก่อน

 

เพราะในที่สุดแล้วเมื่อธนาคารมีความเข้มแข็งขึ้น ภาครัฐก็ไม่ต้องอุดหนุนเงินช่วยเหลือเพิ่ม อันจะเป็นการสร้างปัญหางูกินหางให้กับภาครัฐที่จะเสี่ยงต่อปัญหาการขาดดุลงบประมาณต่อไป

 

ประการต่อมา แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปจะยอมทุ่มสุดตัวด้วยการปล่อยกู้แบบไม่จำกัดวงเงิน และมีระยะการกู้ยาวนานที่สุดถึง 3 ปี แต่ทว่าก็กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนต้องการเห็นนักนั่นก็คือ อีซีบีควรจะต้องเข้าไปรับซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหาของภาครัฐ ดังเช่นมาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตลอด

 

แน่นอนว่า อีซีบีวางสถานะไว้ต่างกับธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะไม่ทำงานเกินเลยหน้าที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อีซีบีจะถูกกดดันอย่างหนักให้เข้าแทรกแซงตลาดการเงินเหมือนกับเฟด โดยเฉพาะการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหาของภาคการเงิน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2555 นั้น ประเมินกันว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปถือพันธบัตรรัฐบาลชาติยุโรปที่มีปัญหา ซึ่งจะมีกำหนดชำระคืนในปี 2555 ติดเป็นปริมาณสูงถึง 7 แสนล้านยูโร นั่นคือความเสี่ยงและความวิตกกังวลมากที่สุดในวิกฤตหนี้ครั้งนี้ ซึ่งปริมาณการกู้จากอีซีบีล่าสุดแม้ว่าจะสูงถึง 4.89 แสนล้านยูโรแล้ว แต่แน่นอนว่าไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมหนี้ครบกำหนดชำระในที่สุด

 

ด่านแรกคือในไตรมาสแรกของปีหน้านั้น จะมีหนี้ครบกำหนดชำระมากถึง 2.3 แสนล้านยูโร!

 

ดังนั้น แม้ว่าธนาคารต่างๆ จะมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าต่างก็ยังถือความเสี่ยงอยู่เต็มมือ และมีสิทธิสูงที่ในปีหน้าที่จะได้เห็นหลายธนาคารต้องหั่นลดมูลค่าสินทรัพย์ลง ถ้าบางชาติในยุโรปถึงตาจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ หรือแม้กระทั่งถ้าบางชาติที่มีปัญหาเดินออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้

 

อีกทั้งยังน่าเป็นห่วงว่าการออกมาตรการลดแลกแจกแถมจากอีซีบีหนนี้ จะยิ่งส่งผลให้ภาคธนาคารกลางยุโรปเสพติดพฤติกรรมรอรับความช่วยเหลือจากทางการมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งต้นตอของวิกฤตการเงินยูโรโซนในครั้งนี้ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ในสเปนและอิตาลี ที่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐบ่อยครั้งอยู่แล้ว

 

มาตรการดังกล่าวของอีซีบี สุดท้ายก็เป็นเพียงมาตรการที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในภาคการเงินของยุโรป และเงินยูโรในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะอีซีบียังยืนยันสถานะตัวเองเช่นเดิม และการแก้ปัญหาในระยะยาวของยุโรปก็จะเป็นสิ่งที่นักลงทุนได้แต่เฝ้ารอต่อไป

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอขอบคุณในความหวังดี./.ปรารถนาดี..

สวัสดีปีมะโรงงูใหญ่..เฮง..เฮง.ครับ"เสี่ยเสม" :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณผู้ทำคลิปครับ แปะไว้ห้องนี้บ้าง บ้านหลังนี้เดี๋ยวนี้ใหญ่มากเดินกันไม่ทั่วถึง

 

http://www.youtube.com/watch?v=3wgLKD0cfB4&feature=player_embedded

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคะ. อยากทราบราคาถ่านหินโลก แนวโน้มเป็นแย่างไรคะ

รบกวนด้วยคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...