ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ปกป้อง

บัญญัติ 10 ประการในการลงทุนทองคำ-ราคาทองคำวันนี้

โพสต์แนะนำ

บัญญัติ 10 ประการในการลงทุนทองคำ

 

1. เราชอบลงทุนสไตล์ไหน

ก่อนอื่นเราต้องรู้แนวตัวเองก่อนว่า เราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน คือเป็นนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนระยะสั้นแบบซื้อมาขายไปเพื่อกำไรระยะสั้น หรือเป็นนักลงทุนประเภทส่วนผสมของทั้งระยะยาวและระยะสั้น เพราะสไตล์จะเป็นตัวกำหนดปัจจัยต่อเนื่องหลายๆ อย่าง เช่น จะลงทุนเท่าไรดี จะลงทุนเองหรือลงทุนผ่านวิธีอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หรือลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ระยะเวลาการลงทุนจะนานแค่ไหน หรือเราจะต้องใช้เวลาในแต่ละวันติดตามสถานการณ์ราคาจริงจังแค่ไหน เป็นต้น

 

"มีเป้าหมายการลงทุนในระดับหนึ่งว่าจะเป็น Long-Term หรือแค่ Make Money ระยะสั้น (หรือจะแยกเงินเป็น 2 ส่วนสำหรับแต่ละเป้าหมาย) การลงทุนแบบไม่มีเป้าหมายอาจทำให้ท่านเข้า-ออกผิดจังหวะ หรือติดดอยได้ง่ายๆ"

 

2. เลือกเครื่องมือการลงทุนให้เหมาะสม

การลงทุนในทองคำในบ้านเราทำได้หลักๆ 4 รูปแบบคือ (1) ลงทุนเองทางตรงโดยการซื้อทองคำจากร้านขายทองไม่ว่าจะถือเงินไปซื้อที่ร้าน หรือซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือเหรียญทองคำ (2) ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ เช่น K-Gold ของกสิกรไทย หรือ TMB-Gold ของ TMB (3) ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดประเทศไทยผ่านตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) และ (4) ลงทุนทางอ้อมโดยการซื้อหุ้นในบริษัทที่ทำเหมืองทองคำผ่านตลาดหลักทรัพย์ (ดูรายละเอียดวิธีการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่) ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน เราต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา และลักษณะการลงทุนของเราเอง

"ถ้างานประจำเรายุ่งไม่ค่อยมีเวลาก็อาจลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือถ้ามีอาม่าที่เล่นทองคำเก่งก็อาจลงทุนเล่นเองแล้วปรึกษาอาม่า หรือหากชอบเสี่ยงหรือชอบคาดเดาราคาทองคำในอนาคตก็อาจลงทุนใน Gold Futures"

 

3. อย่าลืมกระจายความเสี่ยง

ตามสำนวนที่หลายๆ คนชอบพูดกันว่า "Don't put all eggs in one basket." ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเวลาราคาทองลง หรือเวลาที่ราคาผันผวนซึ่งอาจทำให้เราหมดตัวได้ถ้าการลงทุนของเรามีแต่ทองคำ พอร์ทการลงทุนของเราไม่ควรจะเป็นทองคำอย่างเดียว หรือเป็นสัดส่วนที่สูงเกินไป ควรมองทองคำเป็นเพียง Alternative Investment เท่านั้น เช่น บางคนอาจกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นหลายรูปแบบ (Diversification) และทองคำเป็นส่วนหนึ่ง เช่น ทองคำแท่ง 20% กองทุน 20% หุ้น 20% พันธบัตร 30% ฝากธนาคาร 10% เป็นต้น

 

4. ศึกษา และลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ก่อน

ก่อนเริ่มลงทุน ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทองคำให้ดีก่อน เช่น มีค่าใช้จ่ายต้นทุนอะไรบ้าง อะไรที่อาจเป็นปัจจัย และมีผลกระทบกับราคาทอง และควรเริ่มต้นลงทุนด้วยพอร์ตลงทุนเล็กๆ ก่อน เพื่อฝึกทักษะความเข้าใจ และเก็บสะสมประสบการณ์ก่อนที่จะกระโจนลงเต็มตัว หรือเริ่มลงทุนในจำนวนที่สูง การลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) อย่างหนึ่งซึ่งบางทีราคาเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีความรู้ หรือการศึกษาอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ประสบการณ์และความเก๋าเคยผ่านสถานการณ์ทั้งดี และร้าย รวมถึงการค่อยๆ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นทีเดียว

 

5. ลงทุนอย่างมีวินัย

ข้อนี้จะสำคัญมากสำหรับนักลงทุนประเภทระยะสั้นทำกำไร คือเราต้องมีวินัย และมีระดับตัวเลขความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไว้ในใจเหมือนกัน และเมื่อถึงจุด Trigger Point ตรงนั้น เราอาจต้องตัดขาดทุน หรือขายทำกำไรในระดับนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เราโดนลากยาวไปกว่านั้น หรือเกิดอาการติดดอย บางคนอาจตั้งกฎไว้เลยว่าไม่อยากได้กำไรมากๆ แต่ขอแค่กำไรนิดๆ หน่อยๆ ตอดนิดตอดหน่อยไปเรื่อยๆ แต่กำไรไปตลอดก็พอ นอกจากนี้กฎหลักอีกอย่างที่เราควรจำไว้ก็คือ ไม่มีใครสามารถบอกหรือแนะนำเราหรอกได้ว่าตอนนี้ราคาสูงสุดแล้วให้ขาย หรือตอนนี้ต่ำสุดแล้วให้ซื้อ ดังนั้น มีวินัยและตั้ง Trigger Point ที่ตัวเองรับได้ ดีที่สุดครับ

 

6. ทองคำแท่ง VS ทองคำรูปพรรณ

เราสามารถเลือกซื้อได้ทั้งสองแบบ แต่ทองคำสองประเภทนี้ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคนซื้อ ถ้าเป็นทองคำแท่งก็จะมีข้อดีคือ ไม่เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขายจึงอาจมีราคาโดยรวมถูกกว่าทองคำรูปพรรณนิดหน่อย (ในน้ำหนักที่เท่ากัน) แต่มีข้อเสียคือ สวมใส่ไม่ได้ต้องเก็บรักษาไว้เฉยๆ และอาจต้องมีต้นทุนค่าเก็บรักษา เช่น เสียเงินฝากในตู้นิรภัยกับธนาคาร ส่วนทองคำรูปพรรณก็จะมีข้อดีคือ ใช้เงินเริ่มต้นไม่มากก็ซื้อได้ และใส่เป็นเครื่องประดับแสดงฐานะได้ในบางโอกาส แต่ก็มีข้อเสียคือ เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขาย และอาจโดนกดราคาเมื่อขายคืน หรือขายคืนกับคนละร้านที่เราซื้อมา

 

7. ลงทุนด้วยเงินเย็นเท่านั้น

ถ้าจะให้ปลอดภัย เราควรจะลงทุนด้วย 'เงินเย็น' เท่านั้น ไม่ควรจะกู้เงินมาลงทุน เพราะราคาทองผันผวนง่าย และหากกู้มาแล้ว ทองคำที่ซื้อไว้ดันขาดทุน จะทำให้เรามีภาระสองทาง คือทั้งผลขาดทุน และเสียดอกเบี้ย ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น บางคนอาจใช้วิธีกู้เงินเพื่อมาลงทุนได้ (เช่นซื้อแล้วปล่อยเช่าโดยเอาค่าเช่ามาจ่ายหนี้เงินกู้) ซึ่งสามารถทำได้ในระดับที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการกู้เงินมาลงทุนทองคำ เพราะโดยธรรมชาติของอสังหาริมทรัพย์นั้น ราคามีแนวโน้มจะขึ้นมากกว่าลง (หรืออย่างน้อยก็ทรงตัวหรือขาดทุนนิดหน่อย) และบางทีเรากำหนดราคาขายต่อเองได้ ในขณะที่ทองคำนั้น ราคาหวือหวากว่ามาก และต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น

 

8. จับตาดูค่าเงิน US Dollars และราคาน้ำมันโลกเป็นประจำ

จากสถิติที่ผ่านมา ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงิน US Dollars เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เพราะนักลงทุนโยกเงินจากเงินดอลลาร์สหรัฐไปที่ทองคำ และเมื่อไรที่ค่าเงินดอลลาร์เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองก็มักจะปรับตัวลดลง และนอกจากนี้ ราคาทองคำก็มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันโลก เมื่อราคาน้ำมันโลกลดลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวลดลงตาม และเมื่อใดที่น้ำมันโลกราคาเพิ่มขึ้น ราคาทองก็มักจะปรับตัวขึ้นตามเช่นกัน อย่างไรก็ดี อันนี้ไม่ใช่สูตรตายตัว และเป็นเพียงการคาดการณ์ในลักษณะของแนวโน้มจากสถิติราคาทองคำ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และราคาน้ำมันโลกในอดีตที่ผ่านมาเท่านั้น

 

9. สคบ. อาจช่วยท่านได้ถ้าเจอร้านทองตุกติก

ตามกฎหมาย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ดูกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่) ซึ่งหมายถึงว่า ถ้าท่านไปเจอร้านทองที่ขายทองรูปพรรณแล้วมีฉลากไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนด หรือไม่ติดประกาศบางอย่างภายในร้าน เช่น ทองรูปพรรณจากต่างประเทศ แต่ไม่ยอมระบุชื่อประเทศที่ผลิต หรือในร้านไม่ติดประกาศราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณขั้นต่ำ ให้ระวังไว้ว่าร้านนั้นอาจไม่ตรงไปตรงมา นอกจากนี้ เวลาซื้อทองควรพิถีพิถันในเรื่องการชั่งน้ำหนักด้วย เพราะอาจเป็นช่องทางให้ร้านทองที่ไม่ดีโกงท่านได้ ซึ่งถ้าเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ลองติดต่อหรือแจ้งไปที่สายด่วน สคบ. ได้ที่โทร. 1166

 

10. ซื้อกับร้านที่สะดวกและคุ้นเคยก็จะดี

ถ้าเราลงทุนด้วยตัวเอง หากมีร้านทองที่คุ้นเคย หรือที่ซื้อขายได้สะดวกรวดเร็ว และเงื่อนไขน้อยก็จะดี เพราะบางทีเราอาจต้องซื้อเร็วขายเร็วเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่เราควรต้องรู้ด้วย เช่น ร้านทองบางร้านจะรับซื้อเฉพาะทองคำร้านตัวเองเท่านั้น หรือบางทีร้านทองในเยาวราชก็จะไม่รับซื้อทองคำที่มาจากร้านในต่างจังหวัด เป็นต้น ซึ่งปัจจัยพวกนี้ เราคงต้องสอบถาม หรือศึกษาให้ดีก่อนที่จะซื้อกับร้านใดร้านหนึ่ง

ที่มา : www.Checkraka.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...