ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

โชคดี หรือ โชคเลือด

สอยไป 23,480 ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้า ตื่นมานึกว่ากราฟเสียไหงราคามันอยู่มี่เดิมหว่า ชักเสียวๆแตปอดลอยยังว่าง

 

ปอดจริงยังแน่นอยู่เลย :17 :17 :17 จะตัทลอสก็ไม่ไหว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาปิดเมื่อคืนนี้ ทำไมแต่ละทีีไม่เท่ากันเลย งง แต่ไม่เป็นไร ขี้เกียจหาคำตอบ มาดูที่กราฟรหัสฯ ทั้ง 3 รหัสวันนี้ เช้านี้ บ่งบอก " ส่ออาการจะต้องลดลง " นั้นคือในมุมมองของสัญญานฯ นะครับ 12,26,9 หรือ 5,35,9 หรือ 20,50,10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ (29/01/2556)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดผันผวนเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลจากรายงานยอดการทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ของสหรัฐลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐและผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวได้ดีเกินคาด

 

ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 289.36 จุด

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3780.89 จุด บวก 2.73 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7833 จุด ลบ 24.97 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6294.41 จุด บวก 9.96 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดที่อาศัยของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและจีนเปิดเผยผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมที่ดีเกินคาด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 14.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 13,881.93 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.78 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 1,500.18 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.59 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 3,154.30 จุด

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,652.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1651.00 1661.60 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 42.6 เซนต์ ปิดที่ 30.78 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.95 เซนต์ ปิดที่ 3.6615 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1662.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 32.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. 740.55 ดอลลาร์/ออนซ์ ดลง 45 เซนต์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและจีนเปิดเผยผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมที่ดีเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้ปรับฐานขึ้นด้วย

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 113.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดที่อาศัยของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับ 90.84 เยน จากวันศุกร์ที่ระดับ

 

ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5694 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5800 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.0417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0423 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก (28 ม.ค.) เนื่องจากภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐและผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวได้ดีเกินคาด

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 9.96 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 6,294.41 จุด หลังแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปีที่ 6,311.26 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่/เยนร่วง หลังจากยอดทำสัญญาขายบ้านสหรัฐร่วง (29/01/2556)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านเดือนธ.ค.ลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดที่อาศัยของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับ 90.84 เยน จากวันศุกร์ที่ระดับ

 

ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5694 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5800 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.0417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0423 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่คงเส้นคงวานัก

 

ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนธ.ค. ลดลง 4.3% สู่ระดับ 101.7 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย.

 

แม้ว่าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 100 แต่ดัชนีเดือนธ.ค.อยู่ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 106.3 ในเดือนพ.ย.

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในในสัปดาห์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษและยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2554 ในวันพุธนี้เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 4/2555 เมื่อเทียบกับการขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 3/2554

 

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนม.ค.ในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งเช่นกันในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 7.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนธ.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 56 เซนต์หลังยอดซื้อสินค้าคงทนสหรัฐพุ่ง (29/01/2556)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและจีนเปิดเผยผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมที่ดีเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้ปรับฐานขึ้นด้วย

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 113.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอยู่ที่ระดับ 2.3074 แสนล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 4.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย.

 

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า บริษัทอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีเกิน 20 ล้านหยวน (3.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีกำไรรวมกัน 5.56 ล้านล้านหยวนในปี 2555 หรือเพิ่มขึ้นเพียง 5.3% ขณะที่ปี 2554 มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 25.4%

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในในสัปดาห์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษและยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2554 ในวันพุธนี้เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 4/2555 เมื่อเทียบกับการขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 3/2554

 

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนม.ค.ในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งเช่นกันในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 7.8% ในเดือนม.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนธ.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งค่า ฉุดทองคำปิดลบ $3.7 (29/01/2556)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,652.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1651.00 1661.60 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 42.6 เซนต์ ปิดที่ 30.78 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.95 เซนต์ ปิดที่ 3.6615 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1662.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 32.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. 740.55 ดอลลาร์/ออนซ์ ดลง 45 เซนต์

 

สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินสกุลดอลลาร์ในตระกร้าเงินเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ พุ่งขึ้นแตะ 79.814 จุดเมื่อวานนี้ จากระดับของวันศุกร์ที่ 79.762 จุด

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟิทช์เผยข้อตกลงขยายเพดานหนี้ชั่วคราวช่วยสหรัฐเลี่ยงถูกลดอันดับเครดิต (29/01/2556)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ เผยข้อตกลงขยายเพดานหนี้ชั่วคราวของสหรัฐจะช่วยให้สหรัฐไม่ต้องถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ในระยะใกล้นี้

 

ก่อนหน้านี้ ฟิทช์ได้เตือนว่า ความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเวลาจะส่งผลให้มีการพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และอาจจะมีการปรับลดแนวโน้มเชิงลบของอันดับเครดิต AAA ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 285 ต่อ 144 ผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้วงเงิน 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ ออกไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค.ปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลกลางสามารถขยายเวลาการกู้ยืมและรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้ชั่วคราว

 

จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว ฟิทช์ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดซึ่งระบุว่า ข้อตกลงขยายเพดานหนี้ชั่วคราวจะขจัดความเสี่ยงที่สหรัฐอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในระยะใกล้

 

แถลงการณ์ระบุว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณระยะกลางที่น่าเชื่อถือและสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน มีแนวโน้มว่าจะช่วยยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือในปัจจุบันของสหรัฐ และอาจจะมีการทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือจากเชิงลบเป็นมีเสถียรภาพ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียทะลักตั้งแต่ต้นปี(29/01/2556)

เปิดฉากปี"56 เงินไหลทะลักเข้าตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดดเด่นสุด ซื้อ 7.3 พันล้านดอลลาร์ หุ้นไทย 648 ล้านดอลลาร์

 

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชีย 7 แห่ง ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ม.ค. พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุด ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นคิดเป็นมูลค่า 2,377 ล้านดอลลาร์ หรือราว 71,040 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ คิดเป็นมูลค่า 429 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,821 ล้านบาท

 

ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่า 184 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5,499 ล้านบาท

 

นับตั้งแต่ต้นปีนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในตลาดหุ้นญี่ปุ่นคิดเป็น มูลค่า 7,374 ล้านดอลลาร์หรือ 220,384 ล้านบาท

 

ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่า 434 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,970 ล้านบาท และขายสุทธิ สูงสุดในตลาดหุ้นเกาหลีใต้คิดเป็นมูลค่า 648 ล้านดอลลาร์ หรือราว 19,366 ล้านบาท

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองฟิวเจอร์ขยับลง ขณะนลท.จับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้ (29/01/2556)

ราคาทองฟิวเจอร์ลดลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนรอดูเฟดส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.11% แตะที่ 1,654.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลาประมาณ 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย

 

นักวิเคราะห์คาดว่า การซื้อขายในวันนี้จะค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนจับตาทิศทางความเคลื่อนไหวของค่าเงิน ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะประชุมเป็นเวลา 2 วัน ในวันอังคารและวันพุธ ซึ่งแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางสำหรับตลาดทองคำ

 

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว มาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อโลหะมีค่า เพราะวิตกว่ามาตรการเหล่านี้อาจทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนมักใช้ทองเป็นตัวปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ

 

ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยนักลงทุนแห่ซื้อทองในช่วงที่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะและวิกฤตการเงิน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่ปรับตัวดีขึ้นในระยะนี้ ประกอบกับสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ที่แข็งแกร่งขึ้น ได้เบี่ยงเบนความสนใจของนักลงทุนไปจากทองคำ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 29 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'เบญจรงค์'ยันคงดอกเบี้ย2.75%ถึงสิ้นปี(29/01/2556)

"ดร.เบญจรงค์"ระบุดอกเบี้ยนโยบาย2.75%ยังคงถึงสิ้นปี เพราะเศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ค่าบาทแข็งก็แผ่วลง และมีมาตรการอื่นแก้

 

ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย ให้สัมภาษณ์"กรุงเทพธุรกิจทีวี"ข่าวตรงประเด็นค่ำเรื่อง"ทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย"ว่า นโยบายดอกเบี้ยนโยบายในครั้งหน้ายังมีเรื่องที่ต้องติดตามอยู่ 2-3 เรื่อง ที่อาจจะกระทบแรงกดดันดอกเบี้ย เรื่องขึ้นดอกเบี้ยคิดว่าคงไม่มีแน่ ตอนนี้คำถามอยู่ที่ว่าจะคงหรือจะลง โดยมุมมองของธนาคารทหารไทยบีตอนนี้มองว่า น่าจะคงดอกเบี้ยได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังขยายตัวได้ดีอยู่แล้วก็ตัวเลขทิศทางของเศรษฐกิจคู่ค้าของเราขยายไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดใหญ่ๆ อย่างสหรัฐ หรือเศรษฐกิจจีน ที่ตัวเลขมันดีขึ้น แต่เรื่องที่มีความกังวลอยู่จะเป็นเรื่องของเงินทุนเคลื่อนย้าย ที่เห็นตั้งแต่ต้นปีมา เงินไหลเข้ามากดดันให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น 3% ถึงวันนี้จะหย่อนลงมาแล้ว ค่าเงินบาทมาอยู่ที่ 29 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 30 บาทเป็นช่วงๆ แต่ว่าตอนนี้ก็ยังเป็นความกังวลอยู่ว่าเงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไหลกลับเข้ามาอยู่หรือเปล่า แต่โดยรวมเชื่อว่าในตัวดอกเบี้ยยังสามารถจะคงได้ สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ และแรงกดดันของค่าเงินบาทก็หายไปแล้วส่วนหนึ่งเหมือนกัน

 

ดร.เบญจรงค์ กล่าวว่า โอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะลดดอกเบี้ยนโยบายพูดยาก ถ้าให้พูดตามความรู้สึกจริงๆ โอกาสที่แบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ยก็ประมาณ 30% เท่านั้นเอง แต่อันนี้ก็ต้องเรียนว่าไม่ได้มีการวิเคราะห์เป็นตัวเลขอย่างชัดเจน แต่ว่าถ้าลองๆ ดูแล้วประมาณ 70%สามารถคงดอกเบี้ยได้ เพราะแรงกดดันบนค่าเงินจะเห็นได้ว่าตอนนี้มันแผ่วไปแล้ว ถ้ามันสามารถแผ่วลงประมาณอย่างนี้ไปต่ออีกช่วงหนึ่ง แรงกดดันในการจำเป็นที่จะต้องลดดอกเบี้ยก็จะหายไป

 

"ต้องยอมรับว่าปีนี้ต้องแข็งกว่าปีที่แล้วแน่นอน ปีที่แล้วเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 30.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปีนี้เรามองอยู่ที่ประมาณ 30-30.1 เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังรู้สึกว่าแข็งไปกว่าที่มองด้วยซ้ำไป"ดรงเบญจรงค์ กล่าว

 

เขา กล่าวด้วยว่า กรณีนักวิเคราะห์ของแบงก์ออฟอเมริกาที่ออกมาวิเคราะห์ว่าโอกาส ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด ตอนนี้สหรัฐแสดงจุดยืนออกมามี 2-3 เรื่อง 1.เรื่องของอัตราการว่างงาน จะต้องมาถึง 6.5% ปัจจุบันอยู่ที่ 7.8% เพราะฉะนั้นตรงนี้ถามว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ไหม คงจะไม่ อย่างน้อยเศรษฐกิจอเมริกา คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปีกว่า ที่จะให้อัตราการว่างงานมาอยู่ที่ประมาณ 6 กว่าๆ ได้ 2.เรื่องของเงินเฟ้อ ธนาคารกลางสหรัฐบอกว่า ตราบใดที่เงินเฟ้อไม่เกิน 2.5% ก็ยังสามารถกดดอกเบี้ยให้ต่ำอย่างนี้ต่อไปได้ ตรงนี้ก็ต้องดูว่า ถ้าเกิดเงินเฟ้อมาเร็วกว่าที่คิด ก็อาจจะต้องจำเป็นในการจะหยุดเงินเฟ้อตรงนั้นด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด ซึ่งตอนนี้ความเสี่ยงของเงินเฟ้อจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในอเมริกาในช่วงปลายปี ช่วงที่เศรษฐกิจจีนเริ่มชัดเจนขึ้น เศรษฐกิจอเมริกาชัดเจนขึ้น ทำให้ราคาพลังงานในโลกวิ่งมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นต้องดูช่วงปลายปีให้ดีว่า พลังงานจะสร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อในเศรษฐกิจอเมริกามากขนาดไหน

 

ดร.เบญจรงค์ กล่าวว่า แบงก์ชาติ สามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งปีได้ แต่จะมีความเสี่ยงคล้ายๆ ของอเมริกา ถ้าเกิดเศรษฐกิจอเมริกาดีขึ้นในช่วงปลายปีจริง เศรษฐกิจจีนดีขึ้นในช่วงปลายปีจริง แล้วก็ไม่ได้เกิดความและเทะอะไรบนเศรษฐกิจโลกอีก ก็มีโอกาสที่ราคาพลังงาน และเงินเฟ้อจะเริ่มปรับขึ้นในช่วงปลายปี เพราะฉะนั้นตัวนี้ถ้าเกิดมาเร็วจริงๆ แบงก์ชาติอาจจะรู้สึกจำเป็นว่าต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อในช่วงปลายปี แต่ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่คิดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจริงขนาดนั้น

 

"คิดว่าคงดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เพราะฉะนั้นในอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.75% ยังคงเป็นดอกเบี้ยที่คงได้ทั้งปี และเรื่องของความผันผวนบนค่าเงินก็ยังมีมาตรการอื่น ไม่ได้มีมาตรการดอกเบี้ยอย่างเดียวในการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน เพราะฉะนั้นเชื่อว่าแบงก์ชาติคงสามารถเลือกใช้มาตรการอย่างอื่นก่อนได้แทนที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ย ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งภาคต่างประเทศ และภายในประเทศทั้งหมด"ดร.เบญจรงค์ กล่าวย้ำ

 

ดร.เบญจรงค์ กล่าวอีกว่า ส่วนค่าเงินเยนต้องบอกว่าปีนี้ วิ่งกันไกลทีเดียว หลายๆ ฝ่ายเองก็ยังขีดไว้อยู่ เงินเยนต่อดอลลาร์สามารถวิ่งไปได้ถึง 100 เยนต่อดอลลาร์ ณ ตอนนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 90 กว่าๆ เพราะฉะนั้นก็ยังมีที่สามารถวิ่งได้ แต่ทีนี้จากการประชุมของ ธนาคารกลางญี่ปุ่น เมื่อตอนต้นสัปดาห์ที่แล้ว ก็สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน คือว่า สภาพคล่องที่ นายกฯ ชินโสะ อาเบะ อยากจะให้ใส่ระบบอีก เขาบอกว่าไปคุยกันอีกทีปีหน้า บอกว่าอาจจะทำในปีหน้า ซึ่งตรงนี้ก็เลยทำให้การอ่อนค่าลงของเงินเยนชะลอลง แต่ทีนี้ในปีนี้มันยังไม่สิ้นสุด เพราะว่าผู้ว่าการ ธ.กลางของญี่ปุ่นจะหมดวาระทำงานลงในเดือน เม.ย.นี้ จะต้องมีการตั้งผู้ว่าการใหม่

 

"การตั้งผู้ว่าการใหม่ก็แน่นอนว่าทางรัฐบาลเป็นผู้ที่จะเสนอชื่อขึ้นมา ตอนนี้ผู้ที่เลือกเข้ามาเท่าที่เห็นลิสต์รายชื่อมาส่วนใหญ่เป็นคนที่มองว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่น จะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนทิศทางในเรื่องของสภาพคล่องของเงินเยน และก็อาจทำให้ค่าเงินเยนจะอ่อนลงเร็วกว่าในช่วงกลางปีนี้"ดร.เบญจรงค์ กล่าว

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 28 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...