ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2556 17:09:57 น.

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ US$1,330-1,340 ต่อออนซ์(Gold spot) โดยประเด็นสำคัญยังอยู่ที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านของสหรัฐฯในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินเพื่อไม่ให้สหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานราชการบางส่วน (Government Shutdown) ในวันที่ 1ต.ค.นี้ และประเด็นเรื่องการขยายเพดานหนี้ โดยสภาคองเกรสจะลงมติในวันพรุ่งนี้ คืนนี้ติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯครั้งสุดท้าย ยอดผู้ขอรับสวสัดิการว่างงาน ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐฯโดยล่าสุดใกล้ระดับ 31.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯกดดันราคาทองคำในประเทศ SPDR รายงานการถือครองทองคำคงที่ระดับ 909.59 ตัน

 

 

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 (GFV13) ปิดที่ระดับ 19,790 บาท ปริมาณการซื้อขาย 660 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 ขนาด 10 บาท (GF10V13) ปิดที่ระดับ 19,800 บาท ปริมาณการซื้อขาย 3,243 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า จากความเสี่ยงในการผ่านร่างกฏหมายปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯซึ่งใกล้กำหนดเส้นตายเข้ามาทุกที ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง วันนี้ติดตามตัวเลข GDP ไตรมาสสองครั้งสุดท้ายของสหรัฐฯซึ่งทาง Bloomberg ประเมิณว่าจะขยายตัวได้ 2.7% อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตาระยะนี้คือความผันผวนของทิศทางค่าเงินบาทไทย โดยบ่ายนี้กลับมาแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์สหรัฐฯใกล้ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯกดดันราคาทองคำในประเทศ ทางเทคนิค ยังคงมุมมองการเคลื่อนไหวในกรอบ US$1,297-1,350 โดยมีแนวรับระยะสั้นUS$1,315-20 แนวต้าน US$1,335-1,350

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

ADVERTISEMENT

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Support: - 1322.84 and 1315.20(main). 1307.77

Resistance: - 1339.75, 1346.24, 1361.25 and 1378.53(main) 1399.00

ณ. ค่ำคืนนี้ จะใช้แนวต้านรูปแบบนี้ ซึ่งต้านที่เผชิญอยู่ตอนนี้คือ 1339.75 โดยคงรออีก 10 นาทีข้างหน้า สำหรับตัวเลขที่จะออกมา และ สหรัฐฯ เปิดทำการ ตอน 3 ทุ่มครึ่ง โดยมี เป้าหมาย 1346.24 หรือ 1399

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
emma-stone-thumbs-up.gif ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยเฟดออกมาพ่นน้ำลายเน่าๆอีกเป็นแน่เลยทองร่วงซะขนาดนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันขึ้นจากข้อมูลศก.สหรัฐฯ หุ้นมะกันบวกแคบ-ทองคำลง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กันยายน 2556 05:32 น.

 

เอพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันวานนี้(26) จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แช่มชื่น อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีท ปิดบวกได้แค่ในกรอบแคบๆ หลังถูกฉุดจากความกังวลด้านการถกงบประมาณในสภาคองเกรส และปัจจัยนี้เองก็เป็นผลให้ทองคำปรับลด

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 37 เซ็นต์ ปิดที่ 103.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 89 เซ็นต์ ปิดที่ 109.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาน้ำมันเป็นผลจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ที่่พบว่าจำนวนผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 5,000 อัตรา เหลือ 305,000 อัตรา ถือเป็นระดับต่ำที่สุดอันดับ 2 ในรอบ 6 ปี ขณะเดียวกันก็มีคำยืนยันว่าเศรษฐกิจอเมริกาในช่วงไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 2.5

 

ปัจจัยเหล่านี้เองที่ส่งให้ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันเมื่อวันพฤหัสบดี(26) อย่างไรก็ตามการขยับขึ้นก็ถูกจำกัดไว้โดยความกังวลว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะผ่านกฎหมายหลีกเลี่ยงปิดหน่วยงานราชการและความเป็นไปได้ที่อาจต้องผิดนัดชำระหนี้ทันเวลาหรือไม่

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 55.04 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,328.30 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.90 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,698.67 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 26.33 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,787.43 จุด

 

ในวอชิงตัน สมาชิกจากรีพับลิกัน ยังปฏิเสธทำตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ต่อการรับรองร่างกฎหมายสำหรับช่วยให้หน่วยงานราชการยังสามารถปฏิบัติงานได้ต่อไปแม้เลยวันที่ 30 กันยายน หรือวันสิ้นสุดปีงบประมาณ รวมถึงเพิ่มเพดานหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้

 

ความเป็นไปได้ว่ากฎหมายงบประมาณจะผ่านสภาคองเกรสไม่ทันเส้นตาย ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตาอย่างระมัดระวัง เป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้(26) ปิดลบพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 12.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,324.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000121787

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกผู้ประกอบการค้าทองไม่ต้องมาหารือกับธปท.แล้ว แนะไปเคลียร์กับกระทรวงการคลัง ไม่สนคำขู่โบรกฯทองจะไปเทรดสิงคโปร์

 

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลความเห็นเรื่องการจะเข้าไปกำกับดูแลการซื้อขายทองคำได้ เพราะตอนนี้ทางกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว โดยคณะทำงานชุดนี้มี นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นประธาน

 

"หากผู้ค้าทองอยากจะเข้าหารือเพื่อเคลียร์ประเด็นต่างๆ คงต้องรอเข้าหารือกับทางคณะทำงานเอง คงไม่ต้องมาหารือกับธปท.แล้ว ถามว่าถ้าธปท.ห่วงการค้าทองคำจะกระทบอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ หรือเห็นด้วยกับข้อเสนอของสมาคมผู้ค้าทองคำ ที่เสนอให้ตั้งตลาดโกลด์สปอร์ตขึ้นมาดูแลจะได้หักชำระราคาไม่ให้กระทบค่าเงินนั้น ผมว่าตอนนี้เรามีคณะทำงานอยู่ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งผู้อำนวยการ สศค.เป็นประธาน ขอให้คณะทำงานได้ทำงานก่อน เพราะประชุมครั้งต่อไปก็ประมาณเดือนต.ค.นี้แล้ว"นายประสารกล่าว

 

ผู้ว่าการธปท. กล่าวอีกว่า การหารือคณะทำงานจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะทางผู้ค้าทองคำก็ต้องการจะรู้กติกาที่ชัดเจนนั้น มองว่าเท่าที่ดูตอนนี้ก็คงไม่น่ามีใครเดือดร้อน ส่วนที่ผู้ค้าทองคำบอกว่าถ้ากติกาในประเทศไทยไม่ชัดเจนอาจจะมีการย้ายไปค้าทองคำไปที่ประเทศสิงคโปร์นั้น คิดว่าให้คณะทำงานเป็นคนพูดเป็นคนชี้แจงจะดีกว่า

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดร่วง $12.1 หลังข้อมูลศก.สดใสหนุนคาดเฟดลด QE

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 กันยายน 2556 06:41:35 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.91% ปิดที่ 1,324.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 21.766 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 18.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1410.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 723.45 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนลดการถือครองทองคำเนื่องจากความกังวลที่ว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย. ปรับตัวลดลง 5,000 ราย แตะระดับ 305,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 325,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 309,000 ราย

 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 2.5%

 

นักลงทุนกำลังจับตาดูการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์กังวลว่าในสัปดาห์นี้สภาคองเกรสสหรัฐอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยุ่งยาก ซึ่งการที่หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอาจจะต้องปิดทำการในวันที่ 1 ต.ค. หรืออาจจะเปิดทำการได้ต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนนเสียงในสภาคองเกรส

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq31/1743897

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

26 กันยายน 2556 18:00

ธนาคารกลางตุรกีซื้อทองมากที่สุดในโลก

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_532616_1.jpg

ไอเอ็มเอฟเผยธนาคารกลางตุรกีซื้อทองคำสำรองมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ผงาดผู้ซื้อทองแท่งมากที่สุดในโลก

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า ธนาคารกลางตุรกีได้เพิ่มทองคำสำรองเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และขึ้นแท่นเป็นประเทศที่ซื้อทองคำแท่งเพิ่มมากที่สุดในโลก บ่งชี้ว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความนิยมสูงถึงแม้ราคาจะลดลง

 

ไอเอ็มเอฟระบุในเว็บไซต์ว่า ธนาคารกลางตุรกีได้เพิ่มการถือครองทองคำอีก 23.344 ตันเป็น 487.351 ตัน ขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียเพิ่มทองคำสำรองอีก 12.722 ตัน เป็น 1,015.521 ตัน นอกจากนี้ ตุรกีได้ซื้อทองคำ 13 เดือนในรอบ 14 เดือนที่ผ่านมา และรัสเซียเพิ่มทองคำสำรอง 11 เดือนติดต่อกัน

 

นอกจากนี้ ข้อมูลของไอเอ็มเอฟระบุว่า รัสเซียซึ่งมีทองคำสำรองมากเป็นอันดับ 7 ของโลก ก็เพิ่มการถือครองทองคำเมื่อเดือนก่อนเป็นปริมาณมากที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555

 

ในเดือนสิงหาคม มีธนาคารกลาง 8 ประเทศที่เพิ่มปริมาณทองคำสำรอง ลดลงจากในเดือนกรกฎาคมที่มี 15 ประเทศ ในขณะที่มีธนาคารกลาง 5 ประเทศลดปริมาณการถือครองทองคำ

 

การถือครองทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ถูกจับตามองอย่างมาก ตั้งแต่ธนาคารเหล่านี้กลายมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในปี 2553 หลังจากที่เป็นผู้ขายสุทธิมา 20 ปี โดยวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2551 ทำให้ภาครัฐหันมาสนใจทองคำมากขึ้น

 

การการซื้อครั้งล่าสุดมีขึ้นหลังจากราคาทองคำในตลาดโลกร่วงลงต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจจะลดมาตรการเข้าซื้อพันธบัตร

 

ราคาทองคำฟื้นกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เฟดมีมติในเดือนนี้ว่าจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ถึงแม้ความวิตกรอบใหม่ว่าการตัดสินใจที่จะลดมาตรการกระตุ้นอาจจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเกินระดับ 1,300 ดอลลาร์

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความมหัศจรรย์ของ... "ราคาทองคำ"

 

โดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

news_img_532347_1.jpg

ผมเพิ่งจะเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า “30 วัน รวยด้วย...รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน” เสร็จไป หลังจากนี้ทางสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์จะเป็นผู้พิมพ์

 

และจัดจำหน่ายต่อไป ในหนังสือเล่มนี้มีอยู่บทหนึ่งที่ตัวผมเองชอบมาก และน่าจะเหมาะกับคุณผู้อ่านที่ชอบเก็บสะสมทองคำ เพราะได้เล่าถึงประวัติของราคาทองคำ ซึ่งผู้ที่มีทองคำหรือผู้ที่ลงทุนในทองคำควรจะรู้เป็นอย่างยิ่ง ดังรายละเอียดต่อไปนี้ครับ

 

หนึ่ง ปี 2514-2523... ยุคกระทิงดุ

 

เริ่มจาก 15 สิงหาคม 2514 ประธานาธิบดีนิกสันประกาศยกเลิกการใช้ทองคำเป็นตัวค้ำประกันเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยเริ่มต้นกำหนดที่อัตราแลกเปลี่ยน 35 ดอลลาร์ต่อหนึ่งทรอยออนซ์ของทองคำ

 

ปี 2516 เกิดการรวมตัวของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางหรือที่เรียกกันว่า กลุ่มโอเปค ทำให้ราคาน้ำมันและทองคำพุ่งทะยานขึ้น ส่งผลให้วันที่ 14 พฤษภาคม 2516 ราคาทองคำพุ่งทะลุกว่า 100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

 

ปี 2522 เกิดการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ในประเทศอิหร่าน ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลาง เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้วันที่ 27 ธันวาคม 2522 ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุ 500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ วันที่ 24 ธันวาคม 2522 สหภาพโซเวียตประกาศบุกอัฟกานิสถาน ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงไปทั่วโลก นักลงทุนจึงย้ายเงินไปลงทุนในทองคำอย่างมโหฬารอีกครั้งหนึ่ง จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2523 ราคาทองคำก็พุ่งขึ้นกว่า 870 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

 

อาจกล่าวได้ว่าช่วง 10 ปีนี้เป็นยุคทองของราคาทองคำ เพราะราคาทองคำเพิ่มขึ้นจาก 35 ดอลลาร์ ไปถึง 870 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 2,485 เปอร์เซ็นต์ อธิบายง่ายๆ ว่า

 

“ถ้าคุณผู้อ่านซื้อทองคำไว้ในปี 2514 เป็นเงิน 1 ล้านบาท

 

เก็บไว้ 10 ปีแล้วค่อยขายออก

 

คุณผู้อ่านก็จะได้เงินทั้งสิ้นประมาณ 25 ล้านบาท

 

คุณผู้อ่าน เริ่มอยาก..ลงทุนในทองคำหรือยังครับ?”

 

สอง ช่วงปี 2524-2543.. ยุคมืดของราคาทองคำ

 

ปี 2524-2525 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและค่าเงินดอลลาร์มีเสถียรภาพ ประกอบกับการพบแหล่งทองคำใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปอเมริกาเหนือหรือออสเตรเลีย ราคาทองคำจึงเริ่มตกลงมาเรื่อยๆ จนถึงประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

 

ปี 2529 สหประชาชาติได้ทำการแซงชันประเทศแอฟริกาใต้จากปัญหาการออกกฎหมายแบ่งแยกและกีดกันชนชั้นจากสีผิว นักลงทุนส่วนใหญ่จึงคาดกันว่าแอฟริกาใต้จะแก้แค้นกลับโดยการงดการส่งออกทองคำ ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นมาบ้าง

 

ปี 2539-2542 ไอเอ็มเอฟต้องการใช้เงินจำนวนมากเพื่อไปแก้ปัญหาหนี้สินของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จึงเทขายทองคำ 5 ล้านทรอยออนซ์ออกมา ธนาคารกลางของหลายประเทศก็ทำตามไอเอ็มเอฟ โดยสวิตเซอร์แลนด์ขาย 1,400 ตัน อังกฤษขาย 400 ตัน เป็นต้น ทำให้ราคาทองคำตกต่ำแบบสุดๆ ... โดยในวันที่ 20 สิงหาคม 2542 ราคาทองคำอยู่ที่ 252.80 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี

 

ตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ... ในรอบ 20 ปีนี้ จากราคาทองคำในเดือน มกราคม 2524 จาก 677 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ พอมาถึงเดือนธันวาคม 2543 ราคาเหลือเพียง 283 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือตกลงเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน..ถ้าคุณผู้อ่านซื้อไว้ 1 ล้านบาทในปี 2524 และขายในปี 2543 คุณผู้อ่านก็จะได้เงินกลับคืนมาแค่สี่แสนกว่าบาทเท่านั้น ...เสียเวลาไป 20 ปี ...แต่ขาดทุนกว่าครึ่ง

 

สาม ช่วงปี 2544-2555.. เมื่อกระทิงกลับมาผงาด

 

เริ่มต้นในปี 2544 เศรษฐกิจของยักษ์ใหญ่ 2 ตนคือ จีนและอินเดีย มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เครื่องประดับต่างๆ ที่ต้องใช้ทองคำขายดี ส่งผลให้ทองคำจำนวนหนึ่งถูกเก็บออกไปจากตลาดในรูปของเครื่องประดับ การบริโภคทองคำในลักษณะนี้ยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นทุกปี

 

ปี 2544 เกิดเหตุการณ์ 9/11 ในสหรัฐอเมริกา ก็ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นภายในวันเดียวถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2547 มีการก่อตั้งกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำโดยเฉพาะ ปัจจุบันคาดกันว่า SPDR น่าจะมีทองคำอยู่ในมือสูงมากจนติดอันดับต้นๆ ของผู้ถือครองทองคำมากที่สุดในโลก

 

ธันวาคม 2548 เกิดเฮอร์ริเคนแคทริน่าเข้าถล่มเมืองนิวออร์ลีนส์ ทำให้ราคาทองคำพุ่งไปถึง 536.50 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ต่อมาเดือนกันยายน 2551 เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกา ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นถึง 872 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลังเหตุการณ์นั้น เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาก็ย่ำแย่มาโดยตลอด ส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการถือครองพันธบัตรสหรัฐอเมริกา จึงทำให้บรรดาธนาคารกลางในหลายประเทศเริ่มทยอยเก็บทองคำแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา จนถึงช่วงต้นปี 2555 ราคาทองคำก็วิ่งจนไปอยู่ที่ระดับ 1,600-1,800 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์แล้ว

 

ในช่วงที่ 3 นี้ราคาทองคำจากประมาณ 300 ดอลลาร์ขึ้นถึงประมาณ 1,800 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 6 เท่าตัว ดังนั้นคำว่า “ทอง” จึงเป็นสิ่งที่น่าพิสมัยของคนทุกเพศทุกวัย

 

“สรุปง่ายๆ ภายในระยะเวลาระหว่างปี 2514-2555 ประมาณ 40 ปี ราคาทองคำพุ่งขึ้นมาประมาณ 50 เท่า”

 

แม้ว่าทุกวันนี้ ราคาทองคำจะดูเหมือนว่าจะ...เตี้ยลง...เตี้ยลง แต่โดยส่วนตัวผมก็เชื่อมั่นว่าราคาทองคำจะกลับมาแน่ และมันก็จะสำแดงฤทธิ์เดชให้ทุกคนได้เห็นว่า…

 

“ลงทุนซื้อทองคำเก็บไว้ ดีกว่า...การฝากเงินในสถาบันการเงิน” อย่างแน่นอนครับ

 

Tags : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

 

http://www.bangkokbiznews.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าที่แดดร้อนเปรี้ยงๆๆ กราฟรหัส 12,26,9 แบบดั้งเดิม ยังคงให้ดูเฉยๆ ต่อไป

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 5,35,9 แบบส่ง Signal สัญญานนำทาง ดำแดงก็ยังไม่ตัด วิ่งขนานกันอยู่ แต่เส้นทั้ง 2 คงมีการปักลงมาในคืนนี้ เพื่อเห็นแนวโน้มต่อไปในอาทิตย์หน้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วเราก็มาว่ากันในรหัสที่ใช้ดูใช้เล่นจริงๆ มื่อวานโดนเจ้ามือหลอกแดก น่าจะขึ้นเสือกลงแดงแท่งเดียวยาวระดับ $10 ลงเสร็จ แถนิ่งๆ วนเวียน แต่พอมาดูเส้นดำแดง ของรหัสฯ 7,5,2 ปรากฎว่า " แดงยังอยู่บนดำ " สัญญานก็ยงออกมาเชิงบวกต่อราคาทอง หรือว่า มันจะออกรูปแบบทิศทางที่ฝรั่งเดากราฟฯ ทิ้งไว้เมื่อคืน กับ ตัวเลขขาเสี่ยงที่ให้ไว้ นั้นคือ ลงมาด้านล่าง $1320-1322 อีกสักครั้ง ก่อนที่จะพุ่งขึ้นด้านบน หน้าคิดตามในโพสต์ต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

::

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ก.ย. 2556

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 15,328.30 จุด เพิ่มขึ้น 55.04 จุด +0.36%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,787.43 จุด เพิ่มขึ้น 26.33 จุด +0.70%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,698.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.90 จุด +0.35%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,186.72 จุด ลดลง 8.63 จุด -0.21%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,664.10 จุด ลดลง 1.53 จุด -0.02%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,565.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด +0.21%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,405.89 จุด ลดลง 0.88 จุด -0.02%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,184.68 จุด ลดลง 99.22 จุด -1.23%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 14,799.12 จุด เพิ่มขึ้น 178.59 จุด +1.22%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,007.32 จุด เพิ่มขึ้น 9.26 จุด +0.46%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,294.50 จุด เพิ่มขึ้น 18.60 จุด +0.35%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,155.81 จุด ลดลง 42.71 จุด -1.94%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,407.46 จุด ลดลง 12.96 จุด -0.20%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,125.03 จุด ลดลง 84.60 จุด -0.36%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,774.16 จุด ลดลง 9.90 จุด -0.55%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,194.31 จุด ลดลง 14.27 จุด -0.44%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 19,893.85 จุด เพิ่มขึ้น 37.61 จุด +0.19%

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,328.30 จุด เพิ่มขึ้น 55.04 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,698.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.90 จุด หรือ +0.35% ดัชนี Nassaq ปิดที่ 3,787.43 จุด เพิ่มขึ้น 26.33 จุด หรือ +0.70%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 2 และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ ปิดที่ 103.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 109.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.91% ปิดที่ 1,324.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 21.766 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 18.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1410.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 723.45 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.)หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่สดใส ซึ่งช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.80 เยน จากระดับของวันพุธที่ 98.46 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9101 ฟรังค์ จากระดับ 0.9094 ฟรังค์

 

ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3488 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3523 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6042ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6077 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9358 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9362 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ขานรับรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,565.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด หรือ +0.21%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการคลังของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ 313.02 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,664.10 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,186.72 จุด ลดลง 8.63 จุด หรือ -0.21% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,565.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด หรือ +0.21%

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 27 กันยายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...