ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

เรื่องนี้ เป็นเรื่องของประเทศอินเดีย ที่ไม่มีปัญหาภัยพิบัติ ดังนั้น จึงสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินได้อย่างปกติ ตามมาตราการ

ขั้นตอน ของระบบเศรษฐกิจ เมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ

 

ธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อการประกาศขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลให้ repo rate หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์จ่ายให้กับแบงก์ชาติ

เพิ่มขึ้นเป็น 6.75% และ reverse repo rate หรืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางจ่ายให้กับเงินฝากของแบงก์พาณิชย์ เพิ่มขึ้นเป็น 5.75%

 

แต่ถ้าเป็น เรื่องของประเทศญี่ปุ่น แล้ว ธนาคารกลางฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ย เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ในตอนนี้

ที่มีภัยพิบัติล่ะก็ หนังคนละม้วนกันเลยครับ เพราะการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จุดมุ่งหมาย คือ เพื่อต้องการให้ประชาชนเกิดการออม และ ลดการใช้จ่ายสิ่งของฟุ่มเฟือยลง ชาวญี่ปุ่นในเขตหรือบริเวณที่มีปัญหา ส่วนมาก

เป็นคนยากจน ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ในละแวกที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งอยู่ เพราะโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ ใช้พลังงานไฟฟ้าหลักจาก นิวเคลียร์ เมื่อ โรงงานไฟฟ้าฯ มีปัญหา โรงงานอุตสาหฯ ก็ต้องปิด

พนักงานก็ต้องตกงาน ไม่มีงานทำ ซึ่งตอนนี้ ก็ไม่มีบ้านอยู่อาศัยด้วย การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เลียนแบบ

ประเทศอินเดีย จะสร้างปัญหาให้ทั้ง ภาครัฐบาล และ ภาคเอกชน และ ประชาชน ทั้งระบบ

ถูกแก้ไข มีนาคม 17, 2011 โดย เด็กขายของ

[light 12]

thank !!!!

[ห้างทองน่ำเชียง 1,443]

ขอบคฺณคุณเด็กขายของอย่างยิ่งที่นำข่าวดีๆมาให้อ่านนะครับ

[hammaki 6]

Thx ka

คุณเด็กขายของ

[Pete 15,187]

ปัจจุบันนี้ มีการกล่าวถึงการนำ Macro Economic หรือ Micro Economic เพื่อมาพัฒนาประเทศญี่ปุ่น สำหรับการฟื้นฟูประเทศหลังจากเจอ

ภัยพิบัติจากธรรมชาติ และ ภัยจากกัมมันตภาพรังสี แต่ เด็กขายของ คาดว่า ประเทศญี่ปุ่น จะนำ Mixed Economy ( ระบบเศรษฐกิจแบบผสม )

ของ Dr. Sammolson มาใช้ฟื้นฟูประเทศฯ ระบบนี้ เป็นระบบที่นำ 2 อย่างมาเข้าเครื่อง Moulinex ปั่นรวมกัน จุดสำคัญ คือ ส่วนผสมว่า เป็นเท่าไหร่

จึงจะเหมาะกับประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง กลไกรัฐบาลในรูปแบบของ การวางแผน และ ประสานงาน กับ กลไกเอกชนในรูปแบบของ ตลาด และ กลไก

ทางการตลาด

ประเทศที่นำเอาระบบ Mixed Economy มาใช้ และประสบความสำเร็จที่ผ่านมา เพื่อนๆ ทราบไหม คือ ประเทศอะไร " จีน " ครับ " จีน "

ทำอะไรบ้างกับประเทศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ( คอมมิวนิสต์ > ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม มารวมๆ กัน )

 

1. อุปนิสัยของคนจีน หนักเอาเบาสู้ ชอบค้าขาย การชอบค้าขายของคนจีน ทำให้มีการเร่งพัฒนา สินค้า เพื่อการส่งออกไปขายในประเทศต่างๆ

ทั่วโลก โดยค่าจ้างแรงงานต่ำ เพราะ คนจีนมาเยอะ การมีค่าจ้างแรงงานที่ต่ำ ทำให้ จีนไม่เจอภาวะเงินเฟ้อ ตลอดมา ( แต่ตอนนี้ ค่าจ้าง

แรงงานสูงขึ้นแล้ว ก็ทำให้คนจีนฟุ่มเฟือยมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ )

2. การตรึงค่าเงินหยวนให้อยู่คงที่ และ อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ จากภาครัฐบาล เป็นเสมือนหนุนการส่งออกสินค้าสำเร็จรูปให้มีราคาถูก

คู่แข่งประเทศอื่นๆ ไม่สามารถผลิตสินค้ามาแข่งขันได้ จนประเทศคู่แข่งต่างๆ ต้องย้ายฐานการผลิตมาตั้งในประเทศจีน เพื่อให้สินค้าตัวเอง

สามารถผลิตออกมาขายได้ ในราคาที่ต่ำ ซึ่งก็ทำให้ ประเทศจีน ได้รับการถ่ายทอดด้านเทคโนโลยี่ เป็นของแถม เมื่อจีนสินค้าออกไป

ขายได้เป็นจำนวนมาก สิ่งที่ตามมา คือ เงินไหลเข้าประเทศ เป็นค่าสินค้า ซึ่งจีน ก็ดำเนินการเก็บเป็น เงินทุนสำรอง ของประเทศ ที่ปัจจุบัน

มีเป็นจำนวนมากมายมหาศาล

 

3. ในระบบสังคมนิยม การลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศจีน ตามที่เด็กขายของเคยกล่าวไปแล้วว่า โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทุก

ประเภท ในทุกมณฑล ทุกเศรษฐกิจพิเศษ มีรัฐบาลถือหุ้นส่วนมาก และจากการที่ ค่าจ้างแรงงานต่ำ ทำให้ ผลกำไรสูงมากๆ ต่อชิ้นงานที่ถูก

ผลิตเพื่อการส่งออก และผลกำไรที่ได้มาก ซึ่งจะกลายเป็นเงินปันผลตอนสิ้นปี ใครได้หรือครับ ก็รัฐบาล ไงครับ และรัฐบาลกลางปักกิ่ง เอา

เงินปันผลไปทำอะไร จ่ายโบนัสให้นักการเมือง หรือ คอรัปชั่นเงินประชาชน ไม่ใช่เลย รัฐบาลกลาง นำเงินปันผล ที่ได้ ไปพัฒนาสาธารณูปโภค

พื้นฐานในเขตอุตสาหกรรม และ บ้านพักประชาชน ( ถนนหนทาง, ระบบเขื่อนผลิตไฟฟ้า, โทรคมนาคม, ระบบขนส่ง, ท่าเรือ, Logistic ) เพื่ออะไร

ก็เพื่อให้ เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้ว ให้สามารถผลิตได้มากยิ่งขึ้น สะดวกขึ้น เพื่อการส่งออกที่มากยิ่งขึ้น ทำให้ประเทศจีน

เกินดุลการค้า ทุกประเทศมาโดยตลอด

 

4. ในส่วนเงินปันผลของภาคเอกชนที่จะได้รับ รัฐบาลจีน ก็ออกกฎหมาย ไม่ให้เป็นเงินปันผล แต่ให้ในรูปแบบ จำนวนหุ้น ในบริษัท นั้นๆ ซึ่งทำให้

บริษัทฯ ยิ่งมีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว จากภาคเอกชน เพียงหวังเพื่อให้ มูลค่าหุ้นของบริษัท สูงขึ้น ซึ่งนั้นก็จะนำมา ผลตอบแทนทางอ้อม

ให้กับเอกชน

 

5. การประสานงานของ หน่วยงานภาครัฐบาล ในการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อประสานงาน การเงิน การคลัง การลงทุน อย่างมีระบบ การควบคุม

จากรัฐบาลกลางปักกิ่ง โดยจุดมุ่งหมายของรัฐบาลกลาง คือ การขยายตัวให้มากที่สุด และมีผลตอบแทนที่มากที่สุด นี่คือ นโยบายฯ

 

6. รัฐบาลกลางปักกิ่ง มีการประกาศราคาควบคุมแร่ธาตุสำคัญต่างๆ ทรัพยากรแร่ธาตุ ที่ใช้ในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก มีราคาต้นทุนที่ต่ำ

และได้ผลกำไรที่สูง และเมื่อมีผลกำไรที่สูงเมื่อส่งออก แทนที่จะนำเงินเข้ามาในประเทศ ก็จะถือโอกาสทำการสั่งซื้อแร่ธาตุในประเทศนั้นๆ

ส่งเข้ามาในประเทศจีน เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตอย่างต่อเนื่อง บอกเพื่อนๆ ก่อนนะครับ ว่า พี่แก เอาส่วนที่ได้กำไร มาซื้อวัตถุดิบ แล้วกลับมา

ผลิต เพื่อส่งออกหมุนเวียนไปแบบนี้ ทำให้ เงินทุนสำรอง + วัตถุดิบสำรอง มีมากมาย

 

7. จีนใช้ระบบการบริหารจากส่วนกลาง โดยนโยบายหลักคือ เพื่อความสามารถในการผลิต และสิ่งที่ทำมากที่สุด คือ การสร้าน เขตเศรษฐกิจพิเศษ

อย่างมากมายในทุกๆ ภาคของประเทศจีน การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับแรงงานจีนให้มีบ้านพัก ในรูปแบบ อาคารชุด โดยมีการกำหนดปริมาณ

การสร้างให้พอดีกับปริมาณแรงงานในเขตเศรษฐกิจ นั้นๆ โดยการวางแผนงานจากรัฐบาลกลาง ประสานงาน กับ ภาคเอกชน ที่เข้ามาสร้างโรงงาน

อุตสาหกรรม ถึง จำนวนพนักงานแรงงาน และสร้างอาคารชุด และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และ

เอกชน

 

ประเทศที่จะประสบความสำเร็จในการบริหารงานแบบ Mixed Economy มีการกล่าวไว้ว่า จะต้องสร้างคนในส่วนลึก ในรู้จักหน้าที่ และ ความรับผิดชอบ

ต่อประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่ง ประชาชนญี่ปุ่น มีจิตสำนึกอันนี้ ที่ถูกปลูกฝัง จากเหตุการณ์ในอดีตที่ประเทศญี่ปุ่น ได้เจอมา และสามารถฟื้นฟูได้

ในระยะเวลาไม่นาน

 

 

 

 

 

 

[light 12]

wow

thank q

[Pete 15,187]

ช่วงนี้ ใครไปเที่ยวต่างประเทศ แบบช่วงเหนือๆ ระวัง เรื่อง เสื้อผ้าที่นำไปด้วยนะครับ เพื่อนของเด็กขายของ เมื่อวันอังคารที่ 15 เดินทาง

ไปเที่ยว เวียตนามเหนือ จะไปชมทัศนียภาพ เพราะเริ่มเป็นช่วง Spring ฤดูใบไม้ผลิ อากาศกำลังดี แพ็คกระเป๋าเก็บเสื้อผ้า แบบสบายๆ

ลำลอง ขาสั้นแบบ 3 - 4 ส่วน เสื้อเชิ๊ตแขนสั้น เพื่อนๆ รู้ไหมครับ เมื่อเช้ามันโทรฯ มาคุย มันบอกว่า " หิมะตก " ขำกร๊าก เลยครับ

แทนที่จะได้เดินชมดอกไม้บาน ดันต้องวิ่งหาซื้อเสื้อหนาวใส่ คิดดูสิครับ ช่วงนี้ อากาศเปลี่ยนแปลงมากๆ

 

กรมอุตุฯ ไทย แจ้งว่า อาทิตย์หน้า 21-22 ก็มีหนาวเย็นอีกรอบ วันนี้ ใครอยู่ที่โล่ง จะรู้ว่า โคตรเย็น เลยครับ วันนี้ เด็กขายของ ไปเดิน

บน Skywalk จาก Central World ไป เซ็นทรัล ชิดลม เดินปากสั่น หนาวยะเยือกเลยครับ ทั้งอากาศเย็น ทั้งราคาทองที่วันนี้ รับซื้อแค่

19,970 บาท ขอกล่าวว่า โคตรหนาว เลยครับ

[Pete 15,187]

ส่วนน้าของเด็กขายของ จะพาครอบครัว ไปแดนกิมจิ เที่ยวช่วงสงกรานต์ หยุดยาว วางแผนดิบดี ซื้อทัวร์ตอนจัดงานที่ศูนย์สิริกิต์

ถามเด็กขายของไปดีหรือไม่ เด็กขายของบอกว่า แหม ! อีกตั้งหนึ่งเดือน ถึงจะเดินทาง Visa ก็ไม่ต้องขอ รอดูใกล้ๆ ก็ได้ แต่ถ้าไป

ตอนขากลับ ก็อาจจะเจอกับ เด็กขายของ บนเครื่อง ซี 130 ที่ไปรับ ผู้อพยพ กลับเมืองไทยก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า น้าฯ ก็เลย ด่า ไล่หลัง

เด็กขายของว่า " แช่ง " ไม่ให้ กูได้ไปเที่ยว

 

ช่วงนี้ อากาศเปลี่ยนแปลงมาก กรุงเทพฯ ยังหนาว 17-18 องศา ภาคเหนือไม่ต้องพูดถึง คงหนาวสุดขั้วมากกว่านี้ ดังนั้น ใครจะไปเที่ยว

ช่วงปลายเดือน ต่อเนื่องถึงสงกรานต์ เช็คบริษัททัวร์ดีๆ นะครับ เรื่อง อากาศ จะได้เตรียมเสื้อผ้าไปได้ถูกกาละเทศะ ไม่ถามล่วงหน้า

ถึงปลายทาง เดินออกจากสนามบิน ไปขึ้นรถบัส จะขาแข็ง เดินไปออก เพราะ เจออากาศหนาวหิมะตก

 

ส่วนใครอยากไปสารภาพรัก กับสาว และ อยากขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ หรือ เวปต่างประเทศ ด้วยการสาบานว่า

" ถ้าฉันมีคนอื่น ขอให้สึนามิพัดมาถล่ม " ล่ะก็ เด็กขายของ แนะนำสถานที่ได้เลยครับว่า " มัลดีฟ "

[Pete 15,187]

เอเอ็มเบสคาดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นไม่กระทบต่ออันดับบริษัทประกันภัย

 

เอเอ็มเบส (A.M.Best) คาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างฉับพลันต่อการจัดอันดับของบริษัทประกันภัย และบริษัทรับประกันภัยต่อทั้งหลาย อันสืบเนื่องมาจากธรณีพิบัติภัยในประเทศญี่ปุ่น

 

ในขณะที่คาดกันว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้จะทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่ทางเอเอ็มเบส ก็มีความเห็นว่า บริษัทประกันภัยต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นสามารถรองรับความสูญเสียสุทธิเหล่านั้นได้โดยไม่มีผลกระทบด้านลบต่อการจัดอันดับบริษัทในปัจจุบัน เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวนี้เกิดขึ้นนอกพื้นที่คันโตะ (Kanto) (เมืองโตเกียว และพื้นที่โดยรอบ) ความสูญเสียรวมจะไม่สูงกว่าขอบเขตความคุ้มครองในการประกันภัยต่อของแต่ละบริษัท และความสูญเสียสุทธิจะไม่สูงไปกว่าระดับความเสี่ยงของวิบัติภัย (LDR) ที่นำมาใช้ในการคำนวณความมั่นคงทางการเงินของประเทศญี่ปุ่น (จำนวนความเสี่ยงจากวิบัติภัยรวมของบริษัทต่างๆ ที่จัดอันดับโดย เอเอ็มเบส คือ 1,173,000 ล้านเยน (14,400 ล้านเหรียญสหรัฐ) ณ สิ้นปีงบประมาณ 2009) กองทุนเพื่อความมั่นคงของบริษัทต่างๆ ที่จัดอันดับโดย เอเอ็มเบส มีจำนวน 10,340,000 ล้านเยน (126,900 ล้านเหรียญสหรัฐ) ณ ปีงบประมาณ 2009

 

ในด้านของความเสี่ยงของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีผลต่อที่อยู่อาศัย บริษัทประกันภัย และบริษัทรับประกันภัยต่อต่างๆ คาดว่าความเสียหายสูงสุดจำนวน 590,000 ล้านเยน (7,200 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะมาจากบริษัทรับประกันภัยต่อด้านธรณีวิบัติภัยของญี่ปุ่น (JER) เนื่องจากธุรกิจนี้ได้กันเงินจำนวนกว่า 90% ไว้เป็นเงินสำรองความเสี่ยงด้านธรณีวิบัติภัย (ERR) ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้ไม่ได้นำมาคำนวณในงบดุล (รวมอยู่ในกองทุนความมั่นคงทางการเงิน) บริษัทเหล่านี้จะนำเงินสำรองดังกล่าวมาจ่ายสินไหมสำหรับที่อยู่อาศัย เป็นการลดผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนของปีงบประมาณ 2010

 

ความเสียหายเชิงพาณิชย์จำนวนมากที่เกินจากความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยและบริษัทรับประกันภัยต่อของญี่ปุ่นนั้น จะรับผิดชอบโดยบริษัทรับประกันภัยต่อต่างชาติ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการประเมินความเสียหายที่ถูกต้อง ซึ่งในเบื้องต้นประมาณการความเสียหายระหว่าง 14,500 – 34,600 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

เนื่องจากบริษัทประกันภัย และบริษัทรับประกันภัยต่อของญี่ปุ่นมีเงินทุนจดทะเบียนมากพอที่จะรองรับความผันผวนของมูลค่าหลักทรัพย์ ทางเอเอ็มเบส จึงคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดอันดับของบริษัทจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยครั้งนี้ แต่เตือนว่าการลดลงของเงินทุนที่จะมีขึ้นต่อไป หรือการถดถอยของเศรษฐกิจอาจจะมีผลกระทบต่อการจัดอันดับ

 

บริษัทประกันภัยในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการจัดอันดับโดย เอเอ็มเบส ได้แก่

 

- Tokio Marine & Nichido Fire Insurance Co., Ltd.,

 

- Sompo Japan Insurance Inc.,

 

- Mitsui Sumitomo Insurance Company, Ltd.,

 

- Aioi Nissay Dowa Insurance Company, Ltd.,

 

- NIPPONKOA Insurance Company Ltd.,

 

- The Fuji Fire & Marine Insurance company, Ltd.,

 

- The Toa Reinsurance Company, Ltd.

 

บริษัทประกันภัยทั้ง 6 แห่งนี้มีเบี้ยประกันรวม 91% ในตลาดประกันภัยประเทศญี่ปุ่น ในปีงบประมาณ 2009

 

[Pete 15,187]

ช่วงนี้ ถ้ามีใครคิดจะหาร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ทานล่ะก็ คงต้องผิดหวัง เพราะร้านเหล่านี้ คาดว่าน่าจะปิดบริการชั่วคราว

เพราะ วัตถุดิบที่ นำเข้า มาจากประเทศญี่ปุ่น หยุดชะงัก ต้องนำมาใช้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นก่อนล่ะคร้าบ เด็กขายของ

เข็นรถขายของผ่านแถว ถนนธนิยะ ( แหล่งอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ของชาวญี่ปุ่น ) บางร้านติดป้ายว่า ปิดบริการ ครับ

 

ส่วนคนไทยที่ตุนน้ำมันปาล์มขวด จุกฟ้า ในอดีต หรือ จุกชมพู ในปัจจุบัน เตือนขาดทุนทางบัญชีได้นะครับ

( แหม ! เหมือนราคาทองเลย ) รัฐบาลจะปรับลดราคาลงมา 5 บาท เหลือ 42 บาท

ถูกแก้ไข มีนาคม 17, 2011 โดย เด็กขายของ

[light 12]

เด็กขายของ is person who knows well about information

[Pete 15,187]

อาทิตย์ที่แล้ว อากาศร้อน สาวๆ ใส่เสื้อผ้าถูกใจ เด็กขายของ เป็นอย่างมาก มาวันนี้ ผิดอย่างกับคนละเรื่องเลยครับ

อุตสาห์เข็นรถขายของไปตามแหล่งช๊อปปิ้ง แล้วนะครับ ตามรูป คงไม่ต้องบอกนะครับ วันไหน ใส่แบบไหนนะครับ

 

" เบื่อ อากาศเย็น "

ถูกแก้ไข มีนาคม 17, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันอวกาศและดาราศาสตร์ของเกาหลี ได้รายงานวันนี้ว่า คาบสมุทรเกาหลีเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก 5 เซนติเมตร

ขณะที่ญี่ปุ่นเคลื่อนตัวไทงตะวันออกประมาณ 2.4 เมตร ดังนั้น ทำให้ทั้งสองประเทศมีระยะห่างกันมากขึ้น 2 เมตร

 

เกาะต่างๆ ระหว่าง ประเทศญี่ปุ่น และ ประเทศเกาหลี ก็มีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิมไปทางตะวันออก 5 เซ่นติเมตร

ตอนนี้ กำลังสำรวจว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นการชั่วคราว หรือ ถาวร

 

ส่วนองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา กล่าวว่า แผ่นดินไหว ทำให้วันเวลาในโลกสั้นลงเพียง 1 ใน 1 ล้านวินาที

และ เปลี่ยนแปลงแกนของโลกประมาณ 6.5 นิ้ว ( เอาล่ะโว้ย ดอยทางภาคเหนือ มีสิทธิ์ หิมะตก คนไทยไม่ต้องไปดูหิมะไกล แล้วในอนาคต )

 

 

[nida 19]

สวัสดีค่ะ..คุณพี่เด็กขายเพชร...

 

ข้อมูลข่าวสารยังเพียบเหมือนเดิมนะค่ะ...

 

หายไปไม่กี่วัน กลับมาไปไม่ถูกเลยค่ะ ว่าจะเอาอย่างไรกับราคาทองดีนะค่ะ

 

ปล.ที่บอกว่าเวียดนามหิมะตกจริงหรือเปล่าค่ะ...

[tok-rod 9]

เฮียแบทหนาวหรือร้อนครับ ผมละหนาวแทนเฮียจัง