ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สวัสดีตอนเช้า ตื่นกันหรือยัง. วันจันเริ่มเก็บได้แล้วใช่ไหม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน้าแรก > การเงิน-ลงทุน > lead

[ ฉบับที่ 1264 ประจำวันที่ 7-1-2012 ถึง 10-1-2012 ]

 

หุ้น-ทองคำสินทรัพย์เด็ดปี2555

 

ในปีที่ผ่านมาสินทรัพย์ที่ร้อนแรง คงหนีไม่พ้น “ทองคำ” ที่ส่งผลทำให้เกิดกระแสตื่นทองกันเลยทีเดียว โดยในปีมังกรทอง 2555 นี้ สินทรัพย์ ที่โดดเด่นก็คงหนีไม่พ้น “ทองคำ” และหุ้น แม้ว่าระยะสั้นจะมีความผันผวนระหว่างทางบ้าง แต่ทว่าระยะยาวผลตอบแทนของทั้งสองสินทรัพย์ก็ทำให้นักลงทุนยิ้มได้เสมอ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนยังมองว่า ปัญหาหนี้ยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ชัดเจนยังเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน แต่ระบุ “หุ้น” ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน

 

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2555 น่าจะเติบโตใกล้เคียงปี 2554 โดยปัญหาหนี้สาธาณะในกลุ่มประเทศยุโรปที่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และต้องติดตามว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามไปสู่สถาบันการเงินหรือไม่ โดยคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปในปี 55 จะเข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศเกิดใหม่ยังขยายตัวได้ดี แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาในยุโรปบ้าง แต่ยังได้รับแรงกระตุ้นจากความต้องการบริโภคภายในประเทศ

 

ทั้งนี้ เชื่อว่าในระยะสั้นกลุ่มสหภาพ ยุโรปยังไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ได้ ซึ่งปัจจัยนี้จะกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยในปี 55 มีความผันผวนสูง โอกาสในการสร้างผลตอบแทนมีจำกัดกว่าปีที่ผ่านมา แต่หุ้นก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่การลงทุนน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ เกิดใหม่ ขณะที่ตลาดตราสารหนี้โลกในปี 2555 มีแนวโน้มผันผวนเช่นกัน เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่สูงเท่าปี 2554

 

นางสาวโสภาวดีกล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ในปีนี้จะยังต้องติดตามปัญหาหนี้สาธารณะ ในกลุ่มประเทศยุโรปอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งหาจังหวะกลับเข้าลงทุนในหุ้น หากปัญหาหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรปมีสัญญาณการแก้ไขปัญหาเชิงบวกที่ชัดเจน โดยหุ้นในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย เป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้ว และราคาถูกกว่าปัจจัยฟื้นฐาน รวมทั้งมีอัตราเงินปันผลที่สูง

 

ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้นั้น กบข.เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ คุณภาพดี พร้อมทั้งเข้าลงทุนในสินทรัพย์ ใหม่ เช่น อสังหาริมทรัพย์โลก โครงสร้าง พื้นฐาน เป็นต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงของการลงทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ

 

เลขาธิการกบข. ยังกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2555 ว่า ในปีนี้ เศรษฐกิจไทย จะขยายตัวประมาณ 4-4.5% เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่เสียหายในช่วงน้ำท่วมและการผลิตเพิ่มเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่สูญเสียไปของ ภาครัฐจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยกระตุ้นการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยช่วงครึ่งแรกของปี 2555 มีโอกาสจะปรับตัวลดลงประมาณ 0.25% จากปัจจุบันที่ 3.25% เพื่อลดภาระต้นทุนของประชาชนและภาคธุรกิจ

 

ด้านนายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นักลงทุนหันกลับมาสนใจตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทาง ฝั่งยุโรปยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ในช่วงท้ายปีทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐ และหุ้นยุโรป มีลุ้นได้เห็น Santa Claus Rally ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนี้ อย่างไรก็ตามเรายังไม่สามารถวางใจได้ ขณะที่ความเสี่ยงของปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่ได้หายไปไหน และคาดว่าจะกลับมารบกวนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงต้นปี 2555 ดังนั้น เราจึงมองว่าการเก็งกำไรในช่วงท้ายปี 2554 คงจะไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเท่าไหร่ และนักลงทุนส่วนใหญ่ตอนนี้ต่างรอดูสถานการณ์มากกว่าที่จะเสี่ยง ด้วยเหตุนี้เราจึงยังคงคำแนะนำเดิม ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และเน้นลงทุนแบบปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า โดยลงทุน PCASH ของ บลจ.ฟิลลิป ซึ่งเป็นกองทุน Money Market Fund ที่เราแนะนำ

 

“มองว่าหากยังมีกองทุนน้ำมันอยู่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการขายทำกำไร สำหรับการลงทุนระยะยาวแนะนำให้รอสะสมเมื่อราคาปรับตัวลดลงแล้วจะดีกว่า โดยมองว่าในปี 2555 มีโอกาสสูงที่จะได้เก็บสะสมสินทรัพย์เสี่ยงราคาถูก”

 

ทั้งนี้ เรายังคงเน้นให้ลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นหลัก อย่างกองทุน ABPAC (Aberdeen Asia Pacific ex Japan) ของ บลจ.อเบอร์ดีน และ T-Global Bond Fund ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ. ธนชาต โดยให้สะสมเมื่อเห็นราคาอ่อนตัว ส่วนกองทุนทองคำแนะนำชะลอการลงทุนแนวโน้มระยะสั้นราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลง ขณะที่การปรับตัวขึ้นมีจำกัด ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงนักลงทุนหันเข้าหาดอลลาร์ สหรัฐแทน อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อว่าปัจจัยปัญหาหนี้ยุโรป เงินเฟ้อ และคาดการณ์มาตรการ QE ของทั้งยุโรป และสหรัฐจะส่งผลดีกับราคาทองคำในระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ยุโรปในช่วงปลายปียังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทำให้ นักลงทุนเริ่มกลับมาสนใจตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐมากขึ้น หลังจากฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ โดยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ 364,000 ราย ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เมษายน 2551 ข้อมูลที่อยู่อาศัยของสหรัฐ อย่างยอดขายบ้านใหม่พุ่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน และยอดขายบ้านมือ 2 ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

 

นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 นี้ คาดว่าจะออกมาไม่ต่ำกว่า 3% ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐดูสดใสมากขึ้น กลบปัจจัยลบอื่นๆ อย่างการปรับประมาณ การการเติบโต (GDP Growth) ในไตรมาส 3/54 ลงเหลือ 1.8% จากประมาณการก่อนหน้าที่ 2% นอกจากนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังช่วยให้ตลาดหุ้นยุโรปดีดกลับเช่นกัน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ เข้ามา ในช่วงปลายปีเท่านั้น โดยอัตราผลตอบ แทนพันธบัตรของอิตาลียังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

ทางด้านดร.ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคิน จำกัด หรือ KK Fund เปิดเผยว่า ในปี 2555 การลงทุนในทองคำยังคงน่าสนใจอยู่หลังจากที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,545 สหรัฐต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงกลางปี 2554 ก่อนที่ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจนไปถึงจุดสูงสุดที่ 1,900 สหรัฐต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 3 โดยเป็นผลมาจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และมองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอีกในอนาคต

 

โดยในช่วงที่ผ่านมา การเคลื่อนไหว ของราคาทองคำโดนแรงกดดันจากปัญหา หนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งไม่อาจบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง แต่หากสถานการณ์ในยุโรปเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะปรับตัวอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ ทำให้การลงทุนในทองคำในช่วงระดับราคาใกล้ 1,500 สหรัฐต่อออนซ์มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคตเมื่อราคาทองคำสามารถกลับมายืนอยู่เหนือระดับ 1,745 สหรัฐต่อออนซ์ได้

 

ทั้งนี้ จากโอกาสการลงทุนดังกล่าว KK Fund จึงมีแผนออกกองทุน KK Target Gold Fund 7% # 1 เป็นกองทุน Target Fund ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุน ของกองทุนรวมทองคำ ETF หลายกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ

 

โดย KK Fund จะบริหารกองทุน KK Target Gold Fund 7% # 1 แบบ Active ผู้จัดการกองทุนจะจับจังหวะการปรับตัวของราคาทองคำเพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดี และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยกลยุทธ์ Dynamic Hedging หากกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่า 7% ของเงินลงทุน ภายใน 7 เดือนแรกโดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 10.85 บาทและเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุน บริษัทจะดำเนินการเลิกกองทุนทันที และคืนเงินต้นพร้อม ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7% ของเงินลงทุนแก่ผู้ลงทุน

 

ดร.ศุภกร กล่าวว่า ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำ และเห็นโอกาสในการลงทุนในช่วงนี้ รวมทั้งกระจายความเสี่ยง จากการลงทุนในหุ้น หรือมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ แต่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง กองทุนนี้จะตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยในขณะนี้กองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งกับสำนักงาน ก.ล.ต. และมีแผนที่จะการเสนอขายครั้งแรกประมาณวันที่ 17-26 มกราคม 2555 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

 

http://www.siamturak...ws_id=413357204

ถูกแก้ไข โดย Namchiang

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าครับทุกๆท่าน ขอบคุณครับเฮียนายห้างสำหรับข่าวสาร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนเช้าวันเสาร์ครับ เพื่อนๆทุกๆท่าน คงปรากฎกันให้เห็นคาตากันแล้วว่า ตลาดทองคำเปิดค้าขายเพียง 3 วันทำการ นักเก็งกำไรที่นั่งจ้องมองแต่กราฟทั้งวัน

คง เย้้ๆๆๆๆๆๆ กับ ยี้ๆๆๆๆๆๆ วันหนึ่งหลายรอบ ใช่ อาจเข้าสู่คำ

 

mania (เม'เนีย, เมน'ยะ)

n. ความบ้า, ความตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นอย่างมากเกินปกติ, ความคลั่ง, ความบ้าคลั่ง, ความลุ่มหลง, ความขาดสติ

syn:(craze)(lunacy)(madness)

 

phase (เฟสฺ) n. ระยะ, ระยะโรค

 

เพราะอะไร ? เพราะข่าวสารที่รายงาน หรือที่เรียกว่า Fundamental News มีทั้งบวกและลบ ผสมผสานกันไป และที่สำคัญ มันกลายเป็น ภาวะเศรษฐกิจ ถูกควบคุมและบังคับทิศทาง จาก ฝ่ายการเมือง นักการเมือง ที่เข้ามาชี้นำในอำนาจที่คิดว่า ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาให้ทำหน้าที่ เพราะฉะนั้น ฉันจะทำอะไรบ้างในการบริหาร ก็เป็นสิทธิอันพึงกระทำได้ของรัฐบาล อย่าคิดแค่ใกล้ๆ ครับ เด็กขายของกล่าวถึง ปัญหาเศรษฐกิจต่างประเทศ ในโซนยุโรป และ ทวีปอเมริกา

 

ที่ปีนี้ สหรัฐอเมริกาก็จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ตอนปลายปี ดังนั้น Window Dressing อาจมาเยือนในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่งตัว ปรับปรุงรูปโฉม ปรับแต่งตัวเลขให้สวยงาม รายได้เพิ่ม การจ้างงานเพิ่มขึ้น แจกคูปองสวัสดิการมากขึ้น ซึ่งทำให้ตัวเลขรายงานจริงที่ออก กับ ผลสำรวจของโพลฯ มีการขัดแย้งกัน ฝรั่งเขาเรียกว่า มีเสียงกระซิบจากเบื้องบนขอมา ก็ว่ากันไป ดังนั้น สิ่งที่ตามมา คือ ดอลล์สหรัฐ จะแข็งค่า ซึ่งตามกฎกติกาฯ ดอลล์แข็ง > ราคาทองตก ใช่เปล่าครับ แต่ทิศทางเริ่มเปลี่ยนไป เอาแน่เอานอนไม่ได้ นี่แหละ ระยะโรคแห่งความบ้าคลั่ง

 

ส่วนยูโรโซน กลายกลุ่หลายเหล่า สับสนน่าเวียนหัว ประชุมอะไรแต่ละครั้ง ไม่มีมติที่แน่นอน มีแต่บันทึกความเข้าใจ MOU. ขนาดไทยเซ็นกับเขมรมา 7-8 ปี ยังไม่เข้าใจ ยังไม่รู้เรื่อง มีแต่เรื่องโต้แย้งกัน นี่ขนาด 2 ประเทศเท่านั้น ที่เป็นคู่สัญญาฯระหว่างกัน ไอ้หย่า ! ยูโรโซน มีตั้ง 27 ประเทศ ผู้นำ 27 คน ประชาชน27 เชื้อชาติ. MOU. เซ็นเพื่อมุ่งแก้ปัญหาส่วนรวม แต่ประเทศที่มีฐานะทางการเงินดี มีระเบียบวินัยทางคลัง ประชาชนมีสวัสดิการความเป็นอยู่ที่ดี เพราะตัวของเขาเอง คือ ทางยูโรด้านบน เช่น สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และ เดนมาร์ก คงไม่ปลาบปลื้มที่จะต้องเอาเงินภาษีประชาชนของเขา มาจ่ายอุดหนุน และเป็นการอุดหนุนที่มีแต่ จมหาย จมหาย

ในขณะที่ ข่าวลือ เรื่องสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ออกมาทุกๆวัน " หั่นแน่ๆๆ" ฝรั่งเศส ค่าเงินยูโร ยิ่งลดเข้าไปอีก ถึงจุดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน หรืออาจจะถึงจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี ตั้งแต่กำเนิดในโลกใบนี้ ยูโรลง > ราคาทองลง นั้นคือสิ่งที่เคยเห็น แต่ทิศทางก็เปลี่ยนไป สลับไปมา เดินเป็นปูนิ่ม 8 ขา ซ้ายทีขวาที นี่แหละ ระยะโรคแห่งความขาดสติ

 

เพราะฉะนั้น คิดไม่ไกล คิดใกล้ๆ พอ วันนี้ราคามา 23,900 บาท ซื้อ พอราคามาถึง 24,200 บาท ขายทิ้ง ตั้งราคาในใจที่จะไปซื้อใหม่อีกครั้ง เอาว่ะ คราวหน้าขอ 24,000 มาก็จะเข้าซื้อน้อยกว่าครั้งที่แล้วครึ่งหนึ่ง เผื่อลดมาอีก ก็ยังมีเงินอีกครึ่ง มาซื้อเฉลี่ยเพิ่มได้ พอมีของ ก็รอ กำไร 150-200 บาท ปล่อยไก่ปล่อยหมูไปตามเรื่อง

 

3 วันทำการมานี้ ตัวเลขด้านสหรัฐออกมา ดีเยี่ยมหมด ในขณะที่ฝั่งยุโรป ไม่เสมอตัว ก็คือไม่ดี US Index ถึงก้าวผ่าน 81.00 ไปที่ 81.25 ณ. วันนี้ แต่ราคาก็ยังยืนเหนือ US$1,600 มาอยู่ที่ US$1,616 อะไรคือเหตุและผล

 

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น้ำมันลอนดอนบวกยังวิตกสถานการณ์อิหร่าน-หุ้นสหรัฐฯทรงตัว

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มกราคม 2555 05:21 น.

 

Share

4

 

 

 

 

 

       เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลอนดอนปิดบวกวานนี้(6) หลังนักลงทุนยังกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดลบเล็กน้อย จากการขายทำกำไรแม้มีปัจจัยบวกเกี่ยวกับข้อมูลภาคแรงงาน

       

       สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 101.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 112.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

       

       นักวิเคราะหฺระบุว่าราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กขยับลงจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนหลังตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนจากความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกและอิหร่าน ชาติผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโอเปก อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ยังส่งผลให้น้ำมันตลาดลอนดอนปิดในแดนบวก

       

       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(6) ปิดในกรอบแคบ แม้ข้อมูลภาคแรงงานอย่างเป็นทางการของอเมริกาเผยให้เห็นว่ามีการจ้างงานมากขึ้นและตัวเลขคนว่างงานก็ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนธันวาคม

       

       ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 54.66 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,361.06 แนสแดค เพิ่มขึ้น 4.36 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,674.22 เอสแอนด์พี ลดลง 3.19 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,277.87

       

       กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเผยถึงสถานการณ์ด้านแรงงานในเดือนธันวาคม ระบุว่ามีการจ้างงานถึง 200,000 ตำแหน่งและอัตราคนว่างงานลดลงจากร้อยละ 8.7 ในเดือนพฤศจิกายน สู่ระดับร้อยละ 8.5 ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

       เอเจนซี - อิหร่านประกาศในวันนี้ (6) ว่ามีแผนซ้อมรบทางน้ำครั้งใหม่ในช่องแคบฮอร์มุซเดือนหน้า เป็นท่าทีแข็งกร้าวล่าสุดหลังจากเคยขู่ปิดช่องทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลกแห่งนี้ เพื่อตอบโต้ที่เตหะรานอาจถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรเพิ่มเติม

       

       พลเรือตรี อาลี ฟาดาวี ผู้บัญชาการทหารเรือของกองกำลังผู้พิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า การซ้อมรบในอ่าวเปอร์เซีย และช่องแคบฮอร์มุซ ที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นั้นจะแตกต่างไปจากการซ้อมรบครั้งก่อนๆ แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ตามรายงานของฟาร์ส สำนักข่าวกึ่งทางการ

       

       "วันนี้ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมีอำนาจโดยสมบูรณ์ และควบคุมทุกการเคลื่อนไหวภายในภูมิภาค" เขากล่าว

       

       อิหร่านได้ดำเนินการซ้อมรบเป็นเวลา 10 วัน สิ้นสุดในวันจันทร์ (2) ที่ผ่านมา บริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่อ่าวเปอร์เซีย และยังเป็นเส้นทางหลักสำหรับการส่งออกน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง

       

       ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อิหร่านหลายคนออกมาข่มขู่ว่าจะปิดช่องแคบแห่งนี้ หากมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของตะวันตกส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของเตหะราน และในสัปดาห์ก็ขู่ว่าจะตอบโต้ หากสหรัฐฯ ปล่อยเรือบรรทุกอากาศยานแล่นผ่านเส้นทางดังกล่าว

       

       สหรัฐฯ ซึ่งมีกองเรือขนาดมหึมาในพื้นที่ดังกล่าว และมีอานุภาพทิ้งห่างกองกำลังทางน้ำของอิหร่าน ยืนยันว่าจะทำให้ช่องแคบแห่งนี้ยังเปิดอยู่เสมอ ส่วนอังกฤษก็ประกาศว่า ความพยายามใดๆ ที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซนั้น ผิดกฏหมาย และไม่มีทางสำเร็จ

       

       สำหรับมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินครั้งใหม่ ซึ่งผ่านการลงนามเป็นกฏหมายแล้วโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตั้งแต่ก่อนวันปีใหม่นั้น จะทำให้ประเทศส่วนใหญ่ซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้ยากขึ้น ขณะที่คาดว่าสหภาพยุโรปจะประกาศมาตรการรุนแรงของตัวเองในช่วงสิ้นเดือนนี้

       

       ทั้งนี้ ผู้ค้าส่วนใหญ่เชื่อว่าอิหร่านจะยังสามารถหาตลาดสำหรับส่งออกน้ำมัน 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ แต่อาจเสนอลดราคาลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งทำให้รายได้ตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่รัฐบาลเตหะรานต้องการสำหรับดูแลประชาชน 74 ล้านคนนั้นลดลง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ความกังวลในวิกฤติหนี้สาธารณะของยูโรโซนยังคงเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งดัชนีสำคัญตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรปปิดตลาดปรับตัวลงแม้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานใหม่ของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยที่อัตราการว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 8.5% จากที่เคยขึ้นไปแตะที่ 10% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดรอบ 3 ปีนับจากเกิดวิกฤติซับไพร์ม โดยนักวิเคราะห์มองว่า การอ่อนตัวของตลาดหุ้นทั้งสองภูมิภาคนี้กำลังบ่งชี้การค่อยๆปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบจากหลายประเทศในยูโรโซนที่เผชิญกับภาวะถดถอย โดยล่าสุด "จอร์จ โซรอส" พ่อมดการเงินออกมาเขย่าตลาดหุ้น-ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเสี่ยงต่อการล่มสลายของยุโรป ขณะที่ราคาทอง-น้ำมันผันผวนในขาลงเช่นเดียวกัน โดยราคาน้ำมันไนเม็กซ์ย่อตัวลง 25 เซนต์ ปิดที่ 101.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาทองปิดที่ 1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลดลง 3.38 ดอลลาร์

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 54.66 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 12,361.06 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 3.19 จุด หรือ 0.25% ปิดตลาดที่ 1,277.87 ส่วนดัชนีแนสแด็ก ขยับขึ้นสวนทาง 4.36 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 2,674.22

 

ทางด้านฟากฝั่งตลาดหุ้นยุโรปย่อตัวลงทิศทางเดียวกัน FT100 ลอนดอน ทรงตัวบวกตลาดเดียว 0.45% CAC40 ฝรั่งเศส ลบ 0.24% และ DAX เยอรมัน ลดลง 0.62%

 

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานใหม่สุทธิเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงานลดลง 8.5% เทียบกับ 8.7%ในเดือนพ.ย.

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.1% หลังจากทะยานขึ้นไปอย่างมากเมื่อวันพฤหัสบดี เมื่อมีกระแสข่าวลือว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมออกโครงการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้เสียที่เกิดจากการปล่อยกู้สำหรับที่อยู่อาศัย

 

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกร่วงเหตุกังวลศก.ยุโรปถดถอย

 

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงลงเป็นวันที่ 2 ขณะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปกำลังถดถอยซึ่งบดบังความกังวลที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่านอาจนำไปสู่การปิดช่องแคบฮอร์มุซ

 

ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบล่วงหน้าเดือนก.พ. ร่วงลง 25 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 101.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นราคาปิดต่ำสุด นับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.แต่หากนับเป็นตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ถือว่า สัญญาราคาน้ำมันทะยานขึ้น 2.8% ขณะที่เมื่อปี 2554 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 8.2%

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ 113.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เผยว่า ดัชนีผู้บริหารและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคใน 17 ประเทศ ที่ใช้เงินสกุลยูโร ดิ่งลงไปอยู่ที่ 93.3 ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับผลสำวจนักเศรษฐศาสตร์ 19 คนของบลูมเบิร์ก ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจของเบอร์ลิน เผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรโรงงานของเยอรมนี ร่วงลง 4.8% ในเดือนพ.ย. ถือเป็นการร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี

 

ทองคำร่วงVsดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ปิดตลาดท้ายสัปดาห์ปรับตัวร่วงลงถือเป็นการยุติช่วงขาขึ้นของราคาทองที่ยาวนานที่สุดในรอบ 3 เดือนขณะดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

 

ราคาทองคำ ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวร่วงลง 0.2% ปิดที่ 1,616.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากช่วง 4 วันที่ผ่านมา ที่ราคาทองทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและถือเป็นการปรับตัวขึ้นยาวนานที่สุด นับตั้งแต่เดือนต.ค. เป็นต้นมา

 

ด้านการเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับตระกร้าเงินสกุลหลักๆ ขณะที่ตัวเลขอัตราว่างงานในสหรัฐลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับรายงานเศรษฐกิจของยุโป บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยในไตรมาส 4 ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 2.1% ขณะที่ทองคำร่วงลง 3.4%

 

"นักลงทุนกำลังพุ่งความสนใจไปที่ค่าเงินดอลลาร์ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป และกำลังมองกันว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะสามารถช่วยให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อไปอีกได้หรือไม่" นายเฟน แชฟเฟอร์ ประธานบริษัทอินฟินิตี้ เทรดดิง คอร์ป ในเมืองเมดฟอร์ด รัฐโอเรกอน ให้ความเห็น

 

หุ้นซีเกท-เวสเทิร์นดิจิตอลในสหรัฐพุ่งหลังไทยฟื้นน้ำท่วม

 

หุ้นซีเกท-เวสเทิร์น ดิจิตอล ทะยานหลังโรงงานในไทยฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม

 

หุ้นของบริษัทซีเกท เทคโนโลยี และบริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ด ดิสก์ พุ่งขึ้นวานนี้จากการคาดการณ์ที่ว่า ทั้งสองบริษัทอาจจะฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าคาดจากภาวะน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงงานในประเทศไทย

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้นซีเกทพุ่งขึ้น 9% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 18.27 ดอลลาร์ ในการซื้อขายวานนี้ที่ตลาดแนสแด็ก ขณะที่หุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอลทะยานขึ้น 7% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 33.48 ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์ค

 

ซีเกท คาดการณ์เมื่อวันพุธ (4 ม.ค.)ว่า รายได้ในไตรมาส 2 จะอยู่ในช่วง 3.1-3.2 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าประมาณการ และบริษัทยังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาดด้วย

 

"ปัญหาด้านชิ้นส่วนประกอบจะได้รับการแก้ไขเป็นส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้ และผลผลิตของซีเกท จะกลับสู่ระดับก่อนเกิดน้ำท่วม" นายโจ ยู นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป ให้ความเห็น

 

นายยู ซึ่งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นซีเกทสู่ระดับ 28 ดอลลาร์จาก 26 ดอลลาร์ระบุว่า บริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะน้ำท่วม กำลังฟื้นตัวขึ้นมากเกินคาด และมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการทำข้อตกลงเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลโลกฮิตาชิ

 

เมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เวสเทิร์น ดิจิตอล ตกลงซื้อธุรกิจฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ของฮิตาชิมูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ และบริษัท ได้เริ่มการผลิตอีกครั้งในไทยในเดือนที่ผ่านมา แม้ยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานที่ลดลง

 

อิหร่านซ้อมรบรอบใหม่เดือนกพ.นี้

 

อิหร่านกำลังเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เพิ่มความกังวลของนักลงทุนในตลาดโลกนับตั้งแต่ต้นปีนี้ที่เกิดความตึงเครียดที่ช่องแคบบฮอร์มุซ โดยล่าสุดผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านเตรียมซ้อมรบรอบใหม่ใกล้ช่องแคบฮอร์มุซเดือนก.พ.นี้

 

นายอาลี ฟาดาวี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่าน จะจัดการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังการซ้อมรบครั้งล่าสุด เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันอังคาร (3ม.ค.)ที่ผ่านมา

 

สำนักข่าวฟาร์ส ของอิหร่าน รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ม.ค.) อ้างคำพูดของนายฟาดาวี ว่า การซ้อมรบครั้งต่อไปจะเป็นขั้นที่ 7 ของปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีที่เรียกว่า "เดอะ เกรท โพรเฟท" และจะแตกต่างจากการซ้อมรบครั้งก่อนๆ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า แตกต่างอย่างไร

 

อิหร่าน จัดการซ้อมรบเพื่อประกาศศักดาและศักยภาพด้านกลาโหม ขณะที่นานาชาติกำลังใช้มาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เพื่อกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่าน โต้กลับด้วยการขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งน้ำมัน

 

รมว.เมติญี่ปุ่นหวั่นปัญหาอิหร่านกดดันราคาน้ำมันโลกพุ่ง

 

รัฐมนตรีเมติญี่ปุ่นหวั่นปัญหาตึงเครียดอิหร่าน-ชาติตะวันตกดันราคาน้ำมันดิบโลกทะยานขึ้นอีก

 

นายยูกิโอะ เอดาโนะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น แสดงความรู้สึกกังวลว่า ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นอีก จากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) ต่ออิหร่านเกี่ยวกับโครงการพัฒนานิวเคลียร์

 

ด้านสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายเมื่อปลายเดือนธ.ค. เพิ่มอำนาจแก่ทางการสหรัฐในการคว่ำบาตรธนาคารต่างประเทศ ที่ทำธุรกรรมกับธนาคารกลางของอิหร่าน เพื่อห้ามนำเข้าน้ำมัน ซึ่งท่าทีดังกล่าวของสหรัฐ ถือเป็นความพยายามที่จะขัดขวางอิหร่าน ไม่ให้มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันเพื่อนำไปพัฒนาโครงการนิวเคลียร์

 

ขณะที่อียู เห็นพ้องในหลักการที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากประเทศอิหร่านมายังประเทศสมาชิกอียู

 

นายเอดาโนะระบุว่า นอกจากจะดูผลตอบรับของประชาคมโลกแล้ว จุดยืนของญี่ปุ่นคือการดำเนินการอย่างเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีต่อเศรษฐกิของญี่ปุ่นและทั่วโลกให้น้อยที่สุด

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียราคาที่เฮียตั้งมันจะไม่มานะซิ 23900 รอมาสองวันแล้ว สงสัยต้องเป็น 24300 ซะแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮียราคาที่เฮียตั้งมันจะไม่มานะซิ 23900 รอมาสองวันแล้ว สงสัยต้องเป็น 24300 ซะแล้ว

งั้นเด็กขายของเปลี่ยนใหม่แบบ 23,9xx แล้วกัน แหม! จะให้ออกมาตรงเป๊ะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญกว่า ลงมาแล้ว ควรจะเด้งขึ้นและมีกำไร ส่วนเด็กขายของ เงินที่ขายทองออกไป เปลี่ยนเป็นซื้อดอลล์สหรัฐตัวเป็นๆ เก็บไว้ วันจันทร์ก็จะไปขายคืนแล้ว กำไรพอเพียง เก็บเงินสดก่อน เพราะข่าวแว่วมาว่า เมื่อโยนหินถามทางว่า " จะทำโอนหนี้ " แล้วทำไม่ได้ทุกข้อ ก็ต้องตัดทอน หรือ ถอนเรื่องออก ดังนั้น ค่าเงินบาทน่าจะกลับมาแข็ง

 

แล้วถามว่า มูลค่าหุ้นธนาคารฯ กับ แมงเม่า ที่เสียหาย ใครรับผิดชอบ ? คำตอบ ตัวใครตัวมัน เราคือเหยื่อ

 

ส่วนเมื่อค่าบาทแข็งขึ้น ราคาทองคำในประเทศก็จะลดลง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮติ เผชิญการระบาดของอหิวาตกโรคครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 7,000 คน

 

จอน คิม แอนดรุส รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคอเมริกาใต้ ระบุว่าขณะนี้เฮติกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหญ่ของอหิวาตกโรค ซึ่งตลอดช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา คร่าชีวิตชาวเฮติไปแล้วเกือบ 7,000 คน โดยเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว มีรายงานผู้ป่วยอหิวาตกโรคในเฮติกว่า 520,000 คน เท่ากับว่าแต่ละวันจะมีผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 200 คน ทั้งนี้ การระบาดของอหิวาตกโรคในเฮติ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปี 2553 นอกจากเฮติแล้ว ยังมีรายงานการระบาดของโรคนี้ในสาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐ และเวเนซุเอลา อีกด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐปิดตลาดแดนลบแม้ยอดการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้นเกินคาด

 

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวแดนบวกในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์แม้ว่ายอดการจ้างงานเดือนล่าสุดจะออกมาดีเกินคาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 55.78 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 0.45 ปิดตลาดที่ระดับ 12,359.92 จุด เช่นเดียวกับเอสแอนด์พี 500 ที่ดิ่งลง 3.25 จุด ปิดที่ระดับ 1,277.81 จุด ส่วนดัชนีแนสแดค เคลื่อนไหวสวนกระแส ปิดตลาดบวกขึ้นไปเล็กน้อยร้อยละ 0.16 ด้านราคาน้ำมันตลาดโลก ปรับผันผวนจากแรงซื้อขายทำกำไร โดยน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ราคาลดลง 25 เซนต์ มาอยู่ที่บาร์เรลละ 101 ดอลลาร์ 56 เซนต์ ขณะที่เบรนท์ ทะเลเหนือ เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดตลาดที่บาร์เรลละ 112 ดอลลาร์ 50 เซนต์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ยูเอ็น จี้อิหร่านพิสูจน์ข้อครหาโครงการนิวเคลียร์

 

นายบัน กีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ออกโรงเรียกร้องให้อิหร่านและชาติตะวันตกพยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอย่างสันติ พร้อมทั้งขอให้อิหร่านพิสูจน์ข้อครหากรณีโครงการนิวเคลียร์ หากไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผลิตอาวุธร้ายแรงจริงอย่างที่อิหร่านยืนกรานมาตลอด ทั้งนี้ การเรียกร้องดังกล่าวของนายบัน มีขึ้นหลังความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : จีรธิดา คำสวน / สวท   Rewriter : จีรธิดา คำสวน / สวท

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.t

 วันที่ข่าว : 07 มกราคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่งพิจารณาร่างกฎหมาย 4 ฉบับแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ

 

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่งพิจารณาร่างกฎหมาย 4 ฉบับแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาในวันอังคารที่ 10 มกราคมนี้

นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกายังอยู่ในระหว่างพิจารณาร่างกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ การโอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 1.14 ล้านล้านบาทกลับไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแล การแก้ไขกฎหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) 3 แสนล้านบาท กฎหมายในการจัดหาแหล่งเงินเพื่อใช้ในการป้องกันน้ำท่วมและสร้างอนาคตประเทศ 3.5 แสนล้านบาท และกฎหมายตั้งกองทุนเงินประกัน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 10 มกราคมนี้ โดยกฎหมายดังกล่าวจะออกมาเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งหากพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วน คาดว่าคณะรัฐมนตรี อาจเห็นชอบให้กฎหมายทั้ง 4 ฉบับออกมาเป็น พ.ร.ก. เพื่อให้สามารถมีผลบังคับใช้ได้รวดเร็วมากที่สุด ให้ทันเวลาในการวางแผนป้องกันน้ำท่วมภายใน 6 เดือนข้างหน้า ส่วนกฎหมายที่จะออกมาควบคุมการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จะเป็นการโอนหนี้กลับไปอยู่ในบัญชีของกองทุนฟื้นฟูฯ และกำหนดให้กองทุนฟื้นฟูฯ มีหน้าที่ในการชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณของกระทรวงการคลังในการเข้าไปจ่ายเงินค่าดอกเบี้ย โดยที่ ธปท.มีหน้าที่ที่จะนำเงินซึ่งเกิดจากกำไรของ ธปท.มาชำระหนี้สินในส่วนของดอกเบี้ย และเงินต้นให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ โดยไม่เกี่ยวกับเงินทุนสำรองของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ จะไม่ได้โอนไปอยู่ในบัญชี ของ ธปท. แต่จะเป็นการระบุให้ ธปท.บริหารหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วน ธปท.จะใช้อำนาจในการเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการวางแผนต่อไปหลังจากมีการโอนหนี้แล้ว

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : พนิตนาฏ ขวัญแสนสุข   Rewriter : นภสร แก้วคำ(2)

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 06 มกราคม 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...