ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

รหัส 7,5,2 แบบไวไว. ปรากฎว่า วันนี้ เส้นดำเส้นแดง วิ่งมาเท่ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คงหยุดที่จะไหลลง ตรงระดับแนวรับ 1253 ได้มั่นใจ และเส้นแดงวิ่งอยู่ด้านบนในสถานะเห็นเด่นชัด ก็ต้องอยู่ในด้าน ขาไต่ราคาทองขึ้นต่อไป ที่ซื้อไว้แล้วก็ทนถือ ถือทน ยังไม่ขาย แถมจะต้องไปซื้อเข้าเพิ่ม เพราะ อาแปะตั้งราคาขายออกช่วงนี้ ตรงไปตรงมาดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันสหรัฐฯ-หุ้นมะกันปิดลบ ทองคำลงหลังคองเกรสบรรลุข้อตกลงงบประมาณโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2556 05:29 น.

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯวานนี้(11) ลงพอสมควร หลังพบสต๊อกเบนซินเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ ส่วนวอลล์ตรีท ปิดลบแรงจากการขายทำกำไรก่อนสิ้นปี ขณะที่ทองคำ ก็ปรับลด เหตุคองเกรสบรรลุข้อตกลงงบประมาณ ช่วยคลายกังวลแก่นักลงทุนไม่ต้องหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 109.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

รายงานของกระทรวงพลังงานสหัฐฯระบุว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธันวาคม คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์โดยเฉลี่ยถึง 5 เท่า อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้(11) ถูกเหนี่ยวรั้งไว้โดยสต๊อกเบนซินที่เพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับคลังสำรองน้ำมันกลั่น อันประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(11) ปิดลบพอสมควร ด้วยนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นผลจากการขายทำกำไรของนักลงทุนช่วงปลายปี หลังจากตลอดทั้งปี 2013 ตลาดทุนดีดตัวขึ้นอย่างมาก

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 131.65 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,841.48 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.57 จุด (1.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,782.05 จุด แนสแดค ลดลง 56.68 จุด (1.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,003.81 จุด

 

"ตลาดอยู่ในอารมณ์ของการขายเล็กน้อยนับตั้งช่วงเริ่มเข้าสู่เดือนนี้ แน่นอนว่ามันมีขึ้นหลังจากที่ตลาดขยับขึ้นมาแล้วกว่า 25 เปอร์เซนต์" แม็ค บลิคซิลเวอร์ ผู้จัดการของมาร์เบิลเฮด แอสเซต แมนเนจเมนต์ อ้างถึงการปรับขึ้นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในช่วงปี 2013 ขณะที่ ไมเคิล เจมส์ จากเวดบุช ซีเคียวริตี เสริมว่า "มีการทำกำไรมากขึ้นเพื่อปกป้องปีนี้"

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(11) ขยับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันหลังสุดของการซื้อขาย หลังการบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณของสภาคองเกรส ทำให้อุปสงค์โลหะมีค่าชนิดนี้ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ลดน้อยลงไป โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,257.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขรายงานเศรษฐกิจวันนี้ เช้าๆ เปิดตลาดจีนเอเชีย เคลื่อนไหวเยอะ แต่ตกบ่ายยุโรป เงียบ มากระตู้วู้อีกครั้ง ในสหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้าถึงต้นๆ บ่าย ค่าเงินบาทจะอ่อนค่า เพราะ เกร็งครับ เกร็ง เกร็งว่า ปปช. จะพิจารณาตัดสินใจชี้มูลความผิดหรือไม่ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยมาก่อนหน้านี้ ต้องติดตาม ต้องติดตาม เพราะนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการเมืองไทย สภาประชาชน จากคนไทยทุกๆ คน ทุกสีเสื้อ จะก่อตัวขึ้น

 

ทำให้ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง กะทันหัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกเฟดลด QE ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 15.59 จุด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2556 07:31:13 น.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค) เนื่องจากข่าวที่ว่าผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,507.72 จุด ลดลง 15.59 จุด หรือ -0.24%

 

 

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE หลังจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

หุ้นบีเออี ซิสเท็มส์ เพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากบรรลุข้อตกลงในเรื่องเงินชดเชยจำนวน 3.15 หมื่นล้านดอลลาร์เพราะกระทรวงกลาโหมของสหรัฐถูกบีบบังคับให้ต้องปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่าย

 

หุ้นอิเมจิเนชั่น เทคโนโลยีส์ กรุ๊ป ลดลง 24% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งค่า หลังอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนยูโรโซนพุ่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2556 07:07:58 น.

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในตลาดเงินยูโรโซนที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแม้มีรายงานว่าผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐแล้วก็ตาม

 

 

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3788 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3763 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6382 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6446 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9067 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.56 เยน จากระดับ 102.77 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8805 ฟรังค์ จากระดับ 0.8872 ฟรังค์

 

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในตลาดเงินของยูโรโซนปรับตัวขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารพาณิชย์สามารถชำระเงินกู้คืนให้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หลังจากที่เผชิญวิกฤตหนี้สิน นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงหนุนจากการที่อีซีบียังไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งล่าสุด

 

สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าระดับ 1.2% ในเดือนต.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ราคาผู้บริโภคในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.

 

ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแม้ว่าผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีกำหนดประชุมในวันอังคารและพุธหน้า ซึ่งตลาดกำลังรอดูว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงเมื่อใด

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดค้าปลีกเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4%

 

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 320,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 298,000 ราย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ป๋า และเพื่อนๆทุกท่านครับ :Announce

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฮั่วเซ่งเฮงเผยทองเริ่มมีแรงเทขายหลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน (12/12/2556)

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ฮั่วเซ่งเฮงรายงานว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงในการซื้อขายวานนี้ หลังจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐฯได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีก เลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,251.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 10.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,250 และ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 19,000 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,900 บาท กองทุน SPDR ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 2.10 ตัน ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 833.60 ตัน

 

ราคาทองคำเริ่มมีแรงขายทำ กำไรสลับออกมาหลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้ายังเป็นประเด็นหลักที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจ หลังจากผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐฯได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีก เลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาทองที่ปรับตัวสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปมากพอสมควร จึงทำให้ราคาทองอ่อนตัวลงในกรอบค่อนข้างจำกัด รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในช่วงค่ำวันนี้ ผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการราว 3.21 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 2.98 แสนราย หากรายงานออกมาดีกว่าคาด อาจกดดันให้ราคาทองอ่อนตัวลงในช่วงสั้นๆ โดยคาดว่านักลงทุนต่างรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า จึงทำให้ราคาทองเริ่มเคลื่อนไหวแคบลงนอกจากรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ ว่างงานของสหรัฐฯแล้ว ในช่วงค่ำวันนี้จะมีการรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน โดยผลสำรวจประเมินว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 0.6% หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนตุลาคม และด้วยช่วงปลายปีส่วนใหญ่เป็นช่วงที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯใช้จ่ายเงินมากขึ้น จึงมีแนวโน้มว่ารายงานที่ออกมาอาจจะออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมิน ราคาทองอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับของวัน 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากประคองตัวเหนือแนวรับบริเวณนี้ได้ การเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ สัญญาณซื้อจากเครื่องมือทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในระดับที่ค่อนข้างมีความน่า เชื่อถือ ยังเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ต่อไป โดยมีกรอบแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,275-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (12/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัฐเข้มนำเข้าทำทองเถื่อนทะลักอินเดีย

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

news_img_549122_1.jpg

การที่รัฐบาลอินเดียเพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้าทองคำ เพื่อต่อสู้กับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด-เงินรูปีอ่อน ส่งผลให้การลักลอบขนทองคำเข้าประเทศ

 

นับตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา อินเดียได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทองคำแท่งจาก 8% เป็น 10% จากนั้นในเดือนกรกฎาคม ได้กำหนดให้ 20% ของทองคำแท่งนำเข้าทั้งหมดต้องถูกส่งออกในรูปเครื่องประดับทองคำ หลังจากที่ได้สั่งห้ามนำเข้าเหรียญทองคำทุกชนิดมาแล้ว

 

ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลก มีการนำเข้าทองคำมากเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำมัน โดยระหว่างปี 2555-2556 อินเดียนำเข้าทองคำมากถึง 860 ตัน

 

ในไตรมาส 3 ของปีนี้ อินเดียมีมูลค่าการนำเข้าทองคำลดลงมาอยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 16,400 ล้านดอลลาร์ แต่ขณะเดียวกัน การลอบนำเข้าทองคำก็พุ่งสูงขึ้น จากความต้องการโลหะมีค่าชนิดนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

เจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากรอินเดีย เปิดเผยว่า ระหว่างเดือนเมษายน-กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดทองคำที่ท่าเรือและสนามบินได้ 570 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 15,300 ล้านรูปี เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ยึดทองคำได้ 94 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 2,800 ล้านรูปี

 

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม ระบุว่า ยังมีทองคำเถื่อนที่จับไม่ได้มากกว่านี้ โดยทองคำที่ลักลอบนำเข้าส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง ไทย และสิงคโปร์ ซึ่ง

 

ราคาทองคำ 24 กะรัตในดูไบ และไทยอยู่ที่ประมาณกรัมละ 39-40 ดอลลาร์ แต่เมื่อมาถึงอินเดียราคาจะเพิ่มเป็นกรัมละ 48-50 ดอลลาร์

 

มูลค่าทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้บรรดาผู้ลักลอบนำเข้าทั้งที่เป็นชาวอินเดียเอง หรือชาวต่างชาติ ต่างพยายามหาวิธีการใหม่ๆ ในการขนทองคำผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบินมุมไบ เผยว่า ในแต่ละวัน จะตรวจพบทองคำซุกซ่อนอยู่ในช่องใส่แบตเตอรีโทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊ก และยังพบผงทองคำในห่อที่ระบุว่าเป็น "ผงเฮนนา" ด้วย

 

เดือนพฤศจิกายนเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ สนามบินกัลกัตตาพบทองคำแท่งมีเครื่องหมายการค้าดูไบ มูลค่าราว 1.4 ล้านดอลลาร์ ซ่อนอยู่ในห้องสุขาเครื่องบินของสายการบินพาณิชย์แห่งนึ่ง เครื่องบินลำดังกล่าวบินระหว่างบินระหว่างสองเมืองในภาคตะวันออก แต่ก่อนหน้านี้บินในเส้นทางมุมไบ-ดูไบ เจ้าหน้าที่สงสัยว่าทองคำที่ถูกซ่อนไว้ในห้องน้ำนั้น เพื่อจะนำออกมาในภายหลัง เมื่อเครื่องบินให้บริการเส้นทางภายในประเทศ

 

ข้อมูลของกรมศุลกากรอินเดีย แสดงให้เห็นว่า นับแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ยึดทองคำได้มากกว่า 30 ครั้ง ถ้าเจ้าหน้าที่พบแบตเตอรีในกระเป๋าหรือสัมภาระก็จะตรวจสอบโทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊ก บางครั้งเจ้าหน้าที่พบยาระบายให้กระเป๋าของพวกเขา หรือพวกเขาใช้ภาษากายแปลก ๆ นั่นหมายความว่าอาจซุกซ่อนทองคำแท่งไว้ในทวารหนัก

 

ทางด้านอดีตประธานสมาพันธ์ค้าเพชรและอัญมณีอินเดีย "นายอโศก มินาวาลา" เปิดเผยว่า ธุรกิจอัญมณีในระบบกำลังต่อสู้ให้อยู่รอด ธุรกิจ 20% ต้องปิดตัวลง อีก 30% เจอปัญหาอย่างหนัก ในขณะนี้มีแต่ตลาดทองคำเถื่อนเท่านั้นที่เฟื่องฟูอย่างมาก

- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/foreign/20131212/549122/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2.html#sthash.u9GhCfpM.dpuf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันสหรัฐฯ-หุ้นมะกันปิดลบ ทองคำลงหลังคองเกรสบรรลุข้อตกลงงบประมาณ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2556 05:29 น.

556000015984201.JPEG

น้ำมันสหรัฐฯ-หุ้นมะกันปิดลบ ทองคำลงหลังคองเกรสบรรลุข้อตกลงงบประมาณ

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯวานนี้(11) ลงพอสมควร หลังพบสต๊อกเบนซินเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ ส่วนวอลล์ตรีท ปิดลบแรงจากการขายทำกำไรก่อนสิ้นปี ขณะที่ทองคำ ก็ปรับลด เหตุคองเกรสบรรลุข้อตกลงงบประมาณ ช่วยคลายกังวลแก่นักลงทุนไม่ต้องหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 109.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

รายงานของกระทรวงพลังงานสหัฐฯระบุว่าในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธันวาคม คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์โดยเฉลี่ยถึง 5 เท่า อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้(11) ถูกเหนี่ยวรั้งไว้โดยสต๊อกเบนซินที่เพิ่มขึ้นถึง 6.7 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับคลังสำรองน้ำมันกลั่น อันประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(11) ปิดลบพอสมควร ด้วยนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นผลจากการขายทำกำไรของนักลงทุนช่วงปลายปี หลังจากตลอดทั้งปี 2013 ตลาดทุนดีดตัวขึ้นอย่างมาก

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 131.65 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,841.48 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.57 จุด (1.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,782.05 จุด แนสแดค ลดลง 56.68 จุด (1.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,003.81 จุด

 

"ตลาดอยู่ในอารมณ์ของการขายเล็กน้อยนับตั้งช่วงเริ่มเข้าสู่เดือนนี้ แน่นอนว่ามันมีขึ้นหลังจากที่ตลาดขยับขึ้นมาแล้วกว่า 25 เปอร์เซนต์" แม็ค บลิคซิลเวอร์ ผู้จัดการของมาร์เบิลเฮด แอสเซต แมนเนจเมนต์ อ้างถึงการปรับขึ้นของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในช่วงปี 2013 ขณะที่ ไมเคิล เจมส์ จากเวดบุช ซีเคียวริตี เสริมว่า "มีการทำกำไรมากขึ้นเพื่อปกป้องปีนี้"

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(11) ขยับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันหลังสุดของการซื้อขาย หลังการบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณของสภาคองเกรส ทำให้อุปสงค์โลหะมีค่าชนิดนี้ที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ลดน้อยลงไป โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,257.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000152814

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ผู้ว่า ธปท.เผยบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบตามปัจจัยการเมือง-QE

 

 

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าไปที่ 31.90 บาท/ดอลลาร์ และกลับมาหลุด 32 บาท/ดอลลาร์เล็กน้อยมาที่ระดับ 32.03-32.04 บาท/ดอลลาร์ เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาทมาจากทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ และปัจจัยต่างประเทศเรื่องการจะปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ(QE)

"ค่าเงินบาทในช่วงนี้ว่า เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไม่มีสัญญาณว่าภาวะ panic แสดงว่าตลาดยังดี"นายประสาร กล่าว

ทั้งนี้ธปท.ยังติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด และสบายใจได้ระดับหนึ่งที่ตลาดไม่ panic ส่วนหนึ่งเพราะตลาดรับรู้เรื่องการลดขนาดมาตรการ QE อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ชัดเจนว่าจะมีผลเมื่อใด จะเลื่อนทำเร็วขึ้นหรือไม่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ยืนยันยังมีทุนสำรองทางการและมาตรการต่างๆ เตรียมไว้รับมือบ้างแล้ว จึงไม่น่าห่วงในแง่ผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนมากนัก

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 57 ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศนั้น เบื้องต้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าออกไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ในส่วนที่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินนั้น ในส่วนของธปท.ได้ทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ โดยพยายามจะบริหารจัดการอย่างเต็มความสามารถ แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า ธปท.เองก็มีข้อจำกัด และมีเครื่องมือให้เลือกใช้ไม่ได้มากนัก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุดคือ ส่วนอื่นของเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปได้ด้วยดีด้วย

ทั้งนี้การจะทำให้เศรษฐกิจเดินไปได้จะต้องทำให้กลไกลในระบบเศรษฐกิจทำงานได้ ต้องทำให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไปได้ รวมถึงภาคการเกษตร และการท่องเที่ยวต้องเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งทุกภาคส่วนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันหากภาคส่วนดังกล่าวไม่สามารถเดินไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งย่อมจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ

"แน่นอนว่านโยบายการเงินไม่สามารถจะทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปได้ เพราะ ธปท.เองอยู่เป็นด่านหลัง ซึ่งหากเปรียบเป็นเรือก็อาจจะทำได้เพียงคัดท้าย หรือประคองไปได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่การทำงานของรัฐบาลเป็นกลไกสำคัญในระบบเศรษฐกิจ หากกลไกดังกล่าวไม่ทำงานจะถือเป็นจุดเสี่ยงของเศรษฐกิจ เนื่องจากอาจทำให้การส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยว หรือการลงทุนเอกชนที่ต้องติดต่อกับหน่วยงานราชการก็จะไม่สามารถดำเนินการได้" ผู้ว่า ธปท. กล่าว

ส่วนประเด็นที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) จะเข้าหารือกับกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)นั้น ส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการดำเนินการที่ดี และเชื่อว่าจะช่วยทำให้ประเทศหาทางออกได้ ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลง เหตุวิตกเฟดอาจเริ่มพิจารณาลด QE

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 ธันวาคม 2556 20:36:26 น.

 

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 5.10 ดอลลาร์ หรือ 0.40% แตะที่ 1,256.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเวลา 20.21 น.ตามเวลาประเทศไทย

 

นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะพิจารณาลดขนาด QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยล่าสุดนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า ตลาดแรงงานที่ดีขึ้นของสหรัฐ ยิ่งทำให้โอกาสที่จะมีการลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรของเฟดมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ขณะเดียวกันผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีกำหนดประชุมในวันอังคารและพุธหน้า ซึ่งตลาดกำลังรอดูว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการซื้อสินทรัพย์รายเดือนลงเมื่อใด

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Larry Edelson ...ตัวชี้วัดทางเทคนิคของตลาดทองคำ ช่วงสิ้นปี

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2556 01:26 น.

 

 

blank.gif 556000015982801.JPEG blank.gif blank.gif ในบทความสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้บอกไปแล้วว่าทั้งราคาของทองคำและโลหะเงินในตลาดจะยังอ่อนตัวและมีแนว โน้มที่จะปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2557 ซึ่งราคาก็ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

เนื่องจากช่วงสิ้นปีใกล้จะมาถึงแล้ว ผมจึงอยากจะพูดถึงตัวชี้วัดทางเทคนิคของผมสำหรับทองคำ โลหะเงิน และค่าเงินดอลลาร์ เพื่อที่คุณจะได้เตรียมตัวรับมือกับแรงเหวี่ยง (momentum) และแนวโน้ม (trend) ของตลาดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2557

 

ตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นกลุ่มตัวชี้วัดระยะยาวที่สำคัญที่สุดสำหรับผม และในช่วงใกล้สิ้นปีอย่างนี้ผมก็ยิ่งจับตาดูมันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

 

ก่อนอื่น ผมถือว่าผมเป็นหนี้บุญคุณนักวิเคราะห์ทางเทคนิค และนักเศรษฐศาสตร์ที่น่านับถือท่านหนึ่งคือ Martin Armstrong ซึ่งผมได้มีโอกาสเรียนกับท่านในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980

 

ผลงานการบุกเบิกค้นคว้าของท่านในด้านของการวิเคราะห์ทางเทคนิค และการวิเคราะห์วัฎจักรของตลาดนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองเลยทีเดียว ซึ่งจากวิธีการของท่าน ผมได้ใช้เวลาหลายปีนำสิ่งที่เรียนรู้จากท่านมาปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้ ผมสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น

 

ก่อนจะเริ่มลงในรายละเอียด ผมคิดว่าควรจะอธิบายให้คุณเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับตัวชี้วัดกันสักเล็กน้อย ก่อน ซึ่งสำหรับตลาดทองคำ โลหะเงิน และค่าเงินดอลลาร์แล้ว ผมจะพูดให้คุณฟังถึงเรื่องที่สำคัญสองประเด็นด้วยกัน นั่นก็คือ…

 

1. ช่วงเหวี่ยง (momentum range) ของตลาดในปี 2557: ซึ่งหมายถึงขอบบนและขอบล่างซึ่งจะบอกคุณว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงเหวี่ยงขาขึ้น ช่วงเหวี่ยงที่เป็นกลางๆ หรือช่วงเหวี่ยงขาลง

 

2. ช่วงแนวโน้ม (trend range) ของตลาดในปี: ซึ่งหมายถึงขอบบนและขอบล่างซึ่งจะบอกคุณว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มกลางๆ หรือแนวโน้มขาลง

 

ทั้งนี้การรวมตัวชี้วัดแรงเหวี่ยงและแนวโน้มของตลาดเข้าด้วยกัน สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างมาก แต่ประสบการณ์ในการแปลความหมายของตัวชี้วัดเหล่านี้ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ มากเช่นกัน

 

ขอให้คุณระลึกไว้ว่าสัญญาณการเคลื่อนไหวนี้บ่งชี้ไปถึงแค่วันซื้อขาย วันสุดท้ายของปี 2556 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากเพราะจะเป็นเหมือนตัวผลักดันการเคลื่อน ไหวของราคาในอีกหลายเดือนข้างหน้าด้วย

 

ซึ่งในทุกๆ กรณี ตัวชี้วัดเหล่านี้เป็นสัญญาณการปรับตัวที่สำคัญในระยะยาว ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ในการที่จะแปลความหมายของ ราคาปิดปลายปี และทิศทางที่ตลาดจะมุ่งไปในปีถัดไป ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณทำความเข้าใจกับวิธีการนี้

สิ่งสำคัญก็คือ ในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้าผมจะอ้างกลับมาถึงตัวเลขต่างๆ ที่ผมพูดถึงในวันนี้ และตลอดทั้งปีหน้าก็จะอ้างกลับมาที่ตัวเลขเหล่านี้เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจการ เคลื่อนไหวของตลาด ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำให้ตัดข่าวชิ้นนี้เก็บไว้เพื่อการอ้างอิงในอนาคต

556000015982802.JPEG blank.gif ทีนี้ก็เริ่มกันได้แล้ว...

 

ทองคำ

 

ช่วงเหวี่ยงปี 2557: $1,948.10 - $1,338.20

 

ช่วงแนวโน้ม ปี 2557: $1,268.30 - $852.60

 

จากราคาทองปัจจุบันที่ประมาณ $1,240 momentum ค่อนไปในทางลบเนื่องจากราคาทองคำต่ำกว่าขอบล่างของช่วงเหวี่ยงปี 2557 ซึ่งหมายความว่าราคาน่าจะปรับลงต่อ

 

นอกจากนี้ ราคาทองคำปัจจุบันก็อยู่ต่ำกว่าขอบบนของช่วงแนวโน้มปี 2557 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทองคำกำลังอยู่ในระดับกลางๆ ของแนวโน้มระยะยาว หรือาจจะกล่าวได้ว่า ราคาทองคำจะเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะยาวก็ต่อเมื่อราคาทองปิดสิ้นปีนี้ต่ำ กว่า $852.60 ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น

 

สิ่งที่ตัวชี้วัดนี้บอกกับผมก็คือ แนวโน้มขาขึ้นระยะยาวของทองคำยังไม่จบ และอย่างที่ผมเขียนไว้ในบทความก่อนหน้านี้ว่าทองคำน่าจะอยู่ในช่วงตลาดขาลง ในขณะที่แนวโน้มระยะยาวยังอยู่ในขาขึ้น และราคาทองคำน่าจะถึงจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี 2557 ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้น

556000015982803.JPEG blank.gif ทีนี้เราลองมาดูตลาด:โลหะเงิน

 

ช่วงเหวี่ยงปี 2557: $50.52 to $26.71

 

ช่วงแนวโน้ม ปี 2557: $20.42 to $11.41

 

เช่นเดียวกับทองคำ แนวโน้มระยะยาวของโลหะเงินก็อยู่ในขาขึ้น ในขณะที่การปรับตัวขาลงในระยะสั้นของตลาดยังไม่จบ

 

คุณอาจจะสงสัยว่าผมรู้ได้ยังไง จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพราะราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ $19.50 ซึ่งบอกว่าแรงเหวี่ยงยังอยู่ในขาลง ซึ่งหมายความว่าราคาน่าจะปรับลงได้ต่อ

 

แต่ในแง่ของแนวโน้มสำหรับปีหน้านั้น ผมมองว่าแนวโน้มอยู่ในระดับกลางๆ หลังจากที่โลหะเงินปรับตัวขึ้นไปเกือบถึง $50 ต่อออนซ์ในเดือนเมษายน 2554

 

ทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับตัวชี้วัดอื่นๆ และวัฎจักรเวลาที่ผมติดตามอยู่แล้ว บอกว่าโลหะเงินน่าจะปรับลงต่อในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ทะลุจุดต่ำสุดก่อนนี้ที่ $18.22 เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งหากเป็นดังนั้นจริง ราคาก็น่าจะผ่านจุดต่ำสุดในระยะยาวและกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวได้

 

ที่นี้มาดู:ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

 

ช่วงเหวี่ยงปี 2557: 85.110 to 76.045

 

ช่วงแนวโน้ม ปี 2557: 96.300 to 79.420

 

ค่าเงินดอลลาร์มีความสำคัญด้วยเหตุผลที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับราคาทองคำและโลหะเงิน

 

จากตัวชี้วัดข้างต้น และการที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวต่ำกว่า 80— แสดงว่าค่าเงินดอลลาร์ไม่มีความเสี่ยงที่จะร่วงพรวดพราดในขณะนี้ และน่าจะอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อพิจารณาจากช่วงทั้งสองตามที่ระบุข้างต้น ซึ่งเป็นการบอกว่าค่าเงินดอลลาร์น่าจะเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ในช่วงที่กำหนดไป จนถึงสิ้นปี

 

ซึ่งการที่ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในช่วงแคบจะไม่ได้ส่งผลดีต่อ ทองคำและโลหะเงิน แต่จะส่งผลให้ทั้งทองและเงินทำสถิติต่ำสุดใหม่ในช่วงต้นปี 2557

 

แต่ถ้าดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขยับต่ำกว่า 76.045 ในปี 2557 ก็ให้ระวังว่าค่าเงินดอลลาร์จะปรับลดลงต่อ และกลับเข้าสู่ช่วงตลาดขาลงซึ่งผมคาดว่าจะเป็นเช่นนั้น และสนับสนุนให้ทั้งทองคำและโลหะเงินกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ในปี 2557

 

สรุปก็คือ: ค่า เงินดอลลาร์น่าจะขยับอยู่ในช่วงแคบๆ จนถึงปลายปี ในขณะที่ทองคำและโลหะเงินน่าจะจบวัฎจักรรอบนี้ด้วยการ ทำสถิติต่ำสุดใหม่ในรอบสามปีของตลาดขาลงในต้นปี 2557

 

 

ดังนั้น คุณควรเตรียมความพร้อมอย่างที่ผมบอกไปแล้วในบทความอาทิตย์ที่แล้วด้วยการ เตรียมเงินไว้สำหรับซื้อทองคำและโลหะเงินเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบ ใหญ่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดหุ้นเอเชียหดตัวลงเช้านี้ หลังนักลงทุนยังวิตกเฟดลด QE

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า ภายหลังจากที่แกนนำของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้บรรุลข้อตกลงเรื่องงบประมาณแล้ว

ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับตัวลดลง 0.5% สู่ระดับ 139.08 จุด เมื่อเวลา 9.28 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,377.32 จุด ลดลง 137.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,199.32 จุด ลดลง 4.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,265.13 จุด ลดลง 73.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,405.62 จุด ลดลง 28.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,966.44 จุด ลดลง 11.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,034.00 จุด ลดลง 26.74 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,888.74 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,839.70 จุด ลดลง 3.12 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,104.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...