ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ฝรั่งเดาทอง รายสัปดาห์ กล่าวว่า ราคาทองวิ่งในกรอบแคบๆ 1239-1248 ในช่วงนี้ ในระยะสั้นๆ รายวัน เป็นสัญญาน Bearish แต่ในระยะรายอาทิตย์ ดันเป็นสัญญาน Bullish และถ้าจะเปลี่ยนแนวเป็น Bullish จริงจัง ปิดสัปดาห์ต้องถึง 1280 แต่ฝรั่งบอกว่า ยังไม่น่าเกิดขึ่นในสัปดาห์นี้ ช่วงนี้ แค่วิ่งลงวิ่งขึ้น ตามแนวทางขาเสี่ยง ดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ต.ค.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท เอกชน พร้อมกับจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัทโบอิ้ง และแคทเทอร์พิลลาร์

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,399.67 จุด เพิ่มขึ้น 19.26 จุด หรือ +0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,316.07 จุด เพิ่มขึ้น 57.63 จุด หรือ +1.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,904.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด หรือ +0.91%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังจากบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัท SAP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟแวร์รายใหญ่ของยุโรป เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 317.01 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 41.94 จุด หรือ -1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,717.76 จุด ลดลง 132.51 จุด หรือ -1.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,267.07 จุด ลดลง 43.22 จุด หรือ -0.68%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอของภาคเอกชนสหรัฐได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับ ภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 43.22 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 6,267.07 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 82.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 76 เซนต์ ปิดที่ 85.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ความต้องการทองคำในประเทศจีนและอินเดียปรับตัวสูงขึ้น

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,244.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.3 เซนต์ ปิดที่ 17.354 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,267.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 5.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 762.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน เมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ขณะที่ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.จากกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันพุธนี้

 

ค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2807 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2775 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.6170 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6108 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 106.83 เยน เทียบกับระดับ 106.68 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9422 ฟรังค์ จาก 0.9453 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8793 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8761 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,399.67 จุด เพิ่มขึ้น 19.26 จุด +0.12%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,316.07 จุด เพิ่มขึ้น 57.63 จุด +1.35%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,904.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด +0.91%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,267.07 จุด ลดลง 43.22 จุด -0.68%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,717.76 จุด ลดลง 132.51 จุด -1.50%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวโน้มเงินเฟ้อประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ลดลงสู่ระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ สร้างความกังวลใจมากยิ่งขึ้นถึงโอกาสในการเกิดภาวะเงินฝืด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในเวลานี้ลดต่ำลงเกือบทั่วโลก โดยข้อมูลล่าสุดจากจีนแสดงให้เห็นว่า เงินเฟ้อในเดือนกันยายนอยู่ที่ 1.6% ขณะที่ในอินเดียที่เพิ่งมีปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเกือบ 10% เมื่อ 1 ปีก่อน เวลานี้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่เพียง 2.38% ด้านสหราชอาณาจักรเงินเฟ้อลดลงเหลือ 1.2% ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน

แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงสร้างความกังวลใจให้กับนักเศรษฐศาสตร์ที่เกรงว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงจนกลายเป็นภาวะเงินฝืด นักเศรษฐศาสตร์กังวลต่อการเกิดภาวะเงินฝืดเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่อเกิดขึ้นแล้วยากที่จะหลุดพ้นจากภาวะดังกล่าวได้โดยเร็ว เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นที่เผชิญกับภาวะเงินฝืดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยในภาวะดังกล่าว ผู้บริโภคจะชะลอการจับจ่ายซื้อสินค้าเพราะคิดว่าราคาจะลดต่ำลงอีก ความต้องการที่ต่ำลงนำไปสู่กำลังการผลิตที่ต่ำลง และบริษัทลดการจ้างงาน ตลาดแรงงานที่อ่อนแอยิ่งซ้ำเติมความต้องการซื้อสินค้า กลายเป็นวงจรที่หลุดพ้นได้ยาก

ความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดในขณะนี้ คือในยุโรป โดยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนกันยายนของกลุ่มประเทศสมาชิกที่ใช้เงิน ยูโรอยู่ที่เพียง 0.3% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อยู่เป็นอย่างมาก เงินเฟ้อระดับต่ำเช่นนี้ หากเผชิญกับปัจจัยที่เข้ามากระทบเพียงเล็กน้อย เช่น เศรษฐกิจที่อ่อนแอของเยอรมนี หรือความตึงเครียดในยูเครน ก็มีโอกาสทำให้ทั้งภูมิภาคก้าวเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

เจเรมี สไตน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า ความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินฝืดในยุโรปเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างแท้จริง และจำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยนโยบายที่เข้มข้น ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวเตือนว่า ยุโรปเสี่ยงเผชิญกับเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายเป็นระยะเวลานาน หรือถึงขั้นเงินฝืด ทั้งนี้ นโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) น่าจะช่วยรับมือกับความเสี่ยงการเกิดเงินฝืด แต่อาจจำเป็นต้องมีนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนอุปสงค์

อีซีบีพยายามต่อสู้กับความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินฝืดมาตั้งแต่เดือน มิถุนายน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งรวมถึงการลดดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนเป็นอัตราติดลบ อีกทั้งออกมาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อไปปล่อย กู้ต่อให้กับเอกชน และมาตรการซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชน

อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มข้นขึ้น หรือการซื้อพันธบัตรมูลค่ามหาศาลในลักษณะเดียวกับมาตรการของเฟด บีโออี และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) นั้นยังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันเป็นการภายใน ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าอีซีบีจะยังไม่ออกมาตรการในลักษณะดังกล่าวในเร็วๆ นี้

ด้านญี่ปุ่น ที่ผ่านมาพยายามดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโต ช่วยพยุงเงินเฟ้อให้ขึ้นไปถึงระดับเกินกว่า 1% อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อปรับตัวลดลงอีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลของการปรับขึ้นภาษีขายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน มา นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในญี่ปุ่นจะกลับลดลงสู่ระดับต่ำ กว่า 1% อีกครั้งในปีนี้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องตัดสินใจว่าจะชะลอการขึ้นภาษีขายรอบ 2 ออกไปจากแผนเดิมหรือไม่ และบีโอเจต้องพิจารณาว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว หรือไม่

แนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับลดลงเช่นเดียวกัน ท่ามกลางการเติบโตที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือนกันยายนลดลง 0.1% จากเดือนสิงหาคม เป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังจากในเดือนสิงหาคมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 19 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิตกอุปทานน้ำมันจะล้นตลาด ฉุดสัญญาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าสหรัฐปิดปรับตัวร่วงลง

 

 

สัญญาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าสหรัฐปิดปรับตัวร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอุปทานน้ำมันจะล้นตลาด และมีสัญญาณบ่งชี้มากขึ้นว่าบรรดาผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางไม่มีแผนที่จะลดกำลังการผลิต

 

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับตัวลง 4 เซนต์ปิดที่ 82.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วง 76 เซนต์ ปิดที่ 85.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ในช่วงการซื้อขายก่อนปิดตลาด สื่อของทางการอิหร่าน รายงานวานนี้ว่า ประธานาธิบดีฮันซัน โรฮานีของอิหร่าน ได้สั่งการให้กระทรวงน้ำมันใช้วิธีการทางการทูตเพื่อยุติการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ข่าวเกี่ยวกับอิหร่านตอกย้ำถึงความวิตกของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่มีต่อระดับราคาในปัจจุบัน

 

ราคาน้ำมันล่วงหน้าตลาดสหรัฐ ปรับตัวร่วงลง 23% จากระดับสูงที่ทำไว้เมื่อเดือนมิ.ย. เนื่องมาจากอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค)

 

โอเปค ได้เปิดเผยรายงานรายเดือนเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า โอเปค มีการผลิตน้ำมัน 30.47 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนส.ค.2556 ขณะที่ผลผลิตของโอเปคที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า บรรดาสมาชิกของโอเปคกำลังต่อสู้กันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 21 ตุลาคม 2557)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เริ่มซื้อตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพแล้วในวันนี้ หลังจากที่อีซีบีได้ออกมาประกาศว่า จะซื้อสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรป

 

การซื้อตราสารหนี้ดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นธนาคารต่างๆให้ปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจในระบบเศรษฐกิจของยุโรปที่แทบจะไม่ขยายตัวขึ้นเท่าไรนักในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ รวมทั้งป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของยุโรปต้องตกอยู่ในภาวะถดถอย

 

เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้กล่าวในที่ประชุมสถาบันบรูคกิงส์ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่า อีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากจำเป็น เพื่อปกป้องเศรษฐกิจยูโรโซนให้รอดพ้นจากภาวะเงินฝืด

 

ถ้อยแถลงของนายดรากิถือเป็นการส่งสัญญาณที่หนักแน่นว่า อีซีบีพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ของรัฐบาล หรือที่เรียกกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อป้องกันเศรษฐกิจยูโรโซนจากภาวะเงินฝืด หลังจากอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนร่วงลงแตะระดับ 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของอีซีบีอยู่มาก

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ตุลาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ ระบุว่า สถานการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีความคล้ายคลึงกับในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเศรษฐกิจของเยอรมนีหดตัวลงเล็กน้อย

 

บุนเดสแบงก์เปิดเผยในรายงานรายเดือนว่า การปรับตัวที่ย่ำแย่ของภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง จะถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม แต่ก็จะได้รับการชดเชยจากการบริโภคที่ค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่แข็งแกร่งและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น

 

ธนาคารกลางระบุว่า การปรับตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงไตรมาส 3 จะอยู่ในภาวะเช่นเดียวกับในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า หรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย

 

ส่วนแนวโน้มสำหรับช่วงไตรมาส 4 ก็จะมีความคล้ายคลึงกัน โดยระบุถึงคำสั่งซื้อใหม่ที่ซบเซาและความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ตกต่ำลง

 

ทั้งนี้ การขยายตัวของเยอรมนีเผชิญกับความไม่แน่นอนนับตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ได้หดตัวลง 0.2% หลังจากที่ขยายตัว 0.7% ในช่วงต้นปีนี้

 

ข้อมูลเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณที่เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจเยอรมีจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่คำสั่งซื้อและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง, การส่งออกร่วงลง, ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ นักลงทุน และแม้แต่ผู้บริโภค ต่างก็อ่อนแรงลง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ตุลาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนังสือพิมพ์ไชน่า ซีเคียวริตีส์ฉบับวันนี้รายงานในข่าวหน้าหนึ่งว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการจีนจะผ่อนคลายการเก็บภาษีการขายบ้านมือสอง

 

ไชน่า ซีเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือที่ระบุว่า ภายใต้นโยบายใหม่ การขายบ้านมือสองที่ซื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี จะได้รับการยกเว้นจากการจัดเก็บภาษี 5% จากราคาซื้อขาย

 

รายงานระบุว่า หน่วยงานวิจัยต่างๆได้เสนอรายงานวิจัยด้านอุตสาหกรรมแก่หน่วยงานของรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีการผ่อนคลายการจัดเก็บภาษีการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายบ้าน

 

ในปัจจุบัน ช่วงระยะที่สามารถเรียกเก็บภาษีได้คือ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ โดยนโยบายนี้มีการใช้มาตั้งแต่ต้นปี 2554 ตรงกับช่วงที่รัฐบาลจีนออกนโยบายเพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์

 

รายงานยังระบุด้วยว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนมีมุมมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนมีอุปทานล้นตลาดเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจและงานวิจัย

 

นอกเหนือจากภาษีการขายแล้ว ทางการอาจปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ภาษีธุรกรรมอีกในอนาคต หากจำเป็น เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรมและกระตุ้นการขายบ้าน

 

นับตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนประสบภาวะขาลงอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาบ้านปรับตัวลงขณะที่ยอดขายซบเซา ทั้งนี้ ทางการจีนรายงานว่า ราคาบ้านเดือนส.ค.ในเมืองใหญ่ของจีนจำนวน 68 เมืองจาก 70 เมือง ปรับตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ในเดือนก.ค.จำนวนเมืองใหญ่ที่ราคาบ้านลดลงอยู่ที่ 64 เมือง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 20 ตุลาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท เอกชน

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,115.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,073.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,676.32 จุด เพิ่มขึ้น 13.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,923.62 จุด ลดลง 6.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,182.86 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,803.82 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด

 

นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนสหรัฐหลายแห่งในสัปดาห์ นี้ รวมถึงโคคา-โคลา, แมคโดนัลด์ คอร์ป,โบอิ้ง โค และแคทเทอร์พิลลาร์

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) จะเปิดเผยในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ หลังจากที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ลดลง 1.8% สู่ระดับ 5.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.20 ล้านยูนิต

 

 

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21/10/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ต.ค. ที่กระทรวงพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง.ได้เห็นชอบการปรับราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ภาคขนส่ง 0.63 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ 22 บาทต่อกก. เพื่อให้ราคาขึ้นมาเท่ากับแอลพีจี ภาคครัวเรือนที่ 22.63 บาทต่อกก. มีผลตั้งแต่วันที่ 21ต.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการลักลอบการใช้ผิดประเภทพร้อมกับเห็นชอบให้เพิ่มอัตรานำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของดีเซลอีก 0.70 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้กบง.ไม่ได้เรียกอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันลดราคาขายปลีกให้ประชาชนแทน เบื้องต้นพบว่า น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์อื่นๆ ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85 อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้รัฐไม่ได้บังคับขึ้นอยู่กับว่าผู้ค้าน้ำมันจะตัดสินใจอย่างไรเป็นสำคัญ สำหรับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯครั้งนี้จะทำให้ดีเซลจากเดิมเก็บ 3.00 บาทต่อลิตร เป็น 3.70 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.นี้ โดยไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมัน ดีเซลแต่อย่างใด ซึ่งการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของดีเซลนี้ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะกลับมาเป็นบวกภายใน 10 วันจากปัจจุบันที่ติดลบ 1,985 ล้านบาท

 

 

 

 

 

นายณรงค์ชัย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) วันที่ 22 ต.ค.นี้ จะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนกลไกต้นทุนอีกครั้ง ส่วนจะเป็นประเภทใดคงไม่สามารถบอกได้ แต่หลักการทั้งน้ำมันแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เอ็นจีวีจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ส่วนน้ำมันก็จะปรับโครงสร้างเพื่อให้สะท้อนกลไกลตลาด โดยจะต้องมองในเรื่องของการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯและภาษีต่างๆให้เหมาะสมและมีอัตราภาษีสรรพสามิตที่เท่ากัน

 

“การเก็บดีเซลครั้งนี้เดิมกองทุนน้ำมันฯมีรายรับ 5,122 ล้านบาทต่อเดือน เป็นมีรายรับ 6,216 ล้านบาท/เดือน ซึ่งน้ำมันตลาดโลกมีทิศทางที่ยังลดลงช่วงนี้ก็จะดูจังหวะการเก็บเงินเข้าเพื่อสะสมไว้สำหรับเสถียรภาพราคาช่วงที่ตลาดโลกสูงแต่จะเป็นเท่าใดก็ยังบอกไม่ได้อยู่ที่ความพอใจ” นายณรงค์ชัย กล่าว

 

 

 

ส่วนกรณีการปรับราคาแอลพีจีให้สะท้อนต้นทุนโดยเฉพาะขนส่งและครัวเรือนที่ราคายังไม่สะท้อนต้นทุนหน้าโรงแยกก๊าซ ฯ ที่จะขึ้นไปสู่ระดับ 24.82 บาทต่อลิตร หรือจะยึดตามอิงต้นทุนรวมการจัดหาที่แท้จริง 27.85 บาทต่อกก.หรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องดูต้นทุนผสมกันระหว่างโรงแยกก๊าซ โรงกลั่น และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี)

 

 

 

นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กบง.ได้เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่งที่มี นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานมีหน้าที่จัดทำแผนเสนอแนะนโยบายมาตรการและแนวทางการบริหารเชื้อเพลิงในภาคขนส่งซึ่งคงจะต้องมาพิจารณาว่าชนิดน้ำมันใดที่ควรจะส่งเสริม โดยเฉพาะในปั๊มที่ขณะนี้มีหลายประเภท รายงานข่าวแจ้งว่า บมจ.ปตท.และบมจ.บางจาก ได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.50 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85- แก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ราคาคงเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.นี้เป็นต้นไป หลังกบง. มีมติไม่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของกลุ่มเบนซินเรียกเก็บ เฉพาะดีเซล 0.70 บาทต่อลิตร ผลดังกล่าวทำให้ราคาที่เปลี่ยนแปลงเป็นดังนี้เบนซิน 95 เป็น 42.86 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 35.80 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 33.78 บาทต่อลิตร อี 20 คงเดิมที่ 32.48 บาทต่อลิตร อี 85 คงเดิมที่ 22.88 บาทต่อลิตร และดีเซลคงเดิมที่ 29.39 บาทต่อลิตร

 

ทั้งนี้ราคาใหม่ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาอี 20 เมื่อเทียบกับแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมที่เคยถูกกว่าลิตรละ3.82 บาทต่อลิตรก็จะถูกกว่าเป็น 3.32 บาทต่อลิตรและอี 85 เมื่อเทียบกับแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมที่เคยถูกกว่า 3.42 บาทต่อลิตรก็จะถูกกว่า 2.92 บาทต่อลิตร รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า สถานการณ์การใช้แอลพีจี 8 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.57) รวม 19.75 ล้านกก.ต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแยกเป็นภาคครัวเรือนอยู่ที่ 5.83 ล้านกก.ต่อวัน ลดลงประมาณ 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1.562 กก.ต่อวันลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แอลพีจีภาคขนส่ง 5.60 ล้านกก.ต่อวัน เพิ่มขึ้น 9.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แอลพีจีภาคปิโตรเคมี 6.75 ล้านกก.ต่อวัน ปรับขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

 

“ภาคครัวเรือนที่ลดมาจากเศรษฐกิจชะลอตัวอีกส่วนหนึ่งจากการที่รัฐเข้มงวดการจับกุมการลักลอบใช้ข้ามประเภทที่ผ่านมาขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ปัจจัยหลักน่าจะมีจากภาวะเศรษฐกิจและบางรายหันไปใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นแทน เพราะแอลพีจีอุตสาหกรรมมีราคาที่สูงขึ้น”.

 

ที่มา เดลินิวส์(21 ตุลาคม 2557)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวที่ระดับ 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยลดลง 0.3% จากตัวเลขการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก

 

ส่วนในเดือนก.ย.นั้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 8% เทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.1% จากอัตราการขยายตัวในเดือนส.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 ตุลาคม 2557)

 

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 3/2557 ขยายตัว 7.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552

 

ข้อมูลจีดีพีล่าสุดนับเป็นสัญญาณบ่งชี้อีกครั้งหนึ่งว่าเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังชะลอความแรงลง เนื่องจากการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่หดตัวรุนแรงกำลังถ่วงอุปสงค์ภายในประเทศและภาคกการผลิต

 

ทั้งนี้ จีดีพีช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวมากสุดในรอบ 5 ปี หลังจากที่มีการขยายตัว 7.5% ในช่วงไตรมาส 2

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 ตุลาคม 2557)

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกของจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวขึ้น 12% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 18.92 ล้านล้านหยวน (3.08 ล้านล้านดอลลาร์)

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 ตุลาคม 2557)

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำเมื่อวานยังเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อและขึ้นไปใกล้แนวต้านที่ 1,250 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อทองคำจากอินเดียและแรงซื้อทองคำใน ฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง...

 

โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อวานที่ 1,246.60 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.31 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,234 และ 1,248 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานขายออกที่บาทละ 19,000 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,900 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 8.98 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 751.96 ตัน

 

การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในสัปดาห์นี้เริ่มมีกรอบค่อนข้างจำกัด หลังจากราคาปรับขึ้นมามากในการซื้อขายช่วง 2 สัปดาห์ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปี ซึ่งปรับตัวลงเข้าใกล้ระดับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงเริ่มมีการดีดตัวกลับสะท้อนถึงแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่เริ่มมีน้อยลง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่นักลงทุนให้ความสนใจในวันนี้อยู่ที่รายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนตุลาคม ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะออกมาดีขึ้นจากการรายงานของเดือนก่อนหน้า โดยประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.11 ล้านหน่วย จากที่เดือนกันยายนอยู่ที่ 5.05 ล้านหน่วย การเคลื่อนไหวของราคาทองในสัปดาห์นี้โดยรวมแล้วมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออก ด้านข้าง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทอง

 

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และหลายประเทศโดยรวมแล้วในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีผลต่อราคาทองค่อนข้างน้อย และหากมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาจนราคาทองอ่อนตัวลง คาดว่าจะมีแรงซื้อจากความต้องการใช้ทองจริงจากอินเดียกลับเข้ามาจนราคาปรับ ตัวลงในกรอบจำกัด ราคาทองปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,230 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้าจนราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,250-1,255 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ และปิดตลาดทรงตัวที่แนวต้านดังกล่าว

 

ภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวระหว่าง แนวรับและแนวต้านบริเวณ 1,230 และ 1,250 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ จึงสามารถซื้อและขายเก็งกำไรในช่วงที่ราคาทองเคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวรับและ แนวต้านบริเวณดังกล่าวต่อไป.

 

 

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (21/10/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.26/28 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.31/32 บาท/ดอลลาร์

 

เงินบาทเช้านี้มีโอากาสแข็งค่าต่อ หลังจากที่เมื่อเช้าจีนได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลข GDPในไตรมาส 3/57 อยู่ที่ 7.3% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 7.2% จึงส่งผลให้วันนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น เนื่องจากประเทศจีนถือว่าเป็นคู่ค้าหลักที่สำคัญของไทย

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.20-32.35 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 106.82 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 107.06 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2796 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2796 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.3350 บาท/ดอลลาร์

 

- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่มกับทูตพาณิชย์เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกในปี 58 โดยมีการประเมินว่าการส่งออกในปีหน้าจะเติบโตได้ราว 4-5%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศเมื่อวานนี้ว่า เขาจะยังคงสนับสนุนให้เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนนี้

 

นายฟิชเชอร์กล่าวว่า โครงการซื้อสินทรัพย์ของเฟดควรสิ้นสุดลงในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้

 

สำหรับประเด็นเงินเฟ้อ ซึ่งในปัจจุบันยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% นั้น นายฟิชเชอร์กล่าวว่า ดูเหมือนว่าเงินเฟ้อจะไม่มีแรงกดดันในช่วงขาลงหรือการปรับตัวในช่วงขาขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าสหรัฐมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

 

นอกจากนี้ ประธานเฟดดัลลัสยังกล่าวว่า ความผันผวนของตลาดในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเขาที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเขากล่าวเสริมว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างน่าพอใจ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 ตุลาคม 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...