ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้ราคาปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวที่แนวรับจิตวิทยา บริเวณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ ส่วนราคาในประเทศได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้การปรับลงของราคาทองคำในประเทศ มีปริมาณน้อยกว่าปกติ

 

โดย ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ ที่ 1,199.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 10.90 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,195 และ 1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ขายออกที่บาทละ 18,650 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,550 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลง 1.2 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 741.20 ตัน

 

กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ เปิดเผยในช่วงค่ำที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ขยายตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 ของปี 2557 โดยมีสาเหตุจากการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าผลสำรวจที่ประเมินว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะขยายตัว 3% หลังจากที่ขยายตัว 4.6% ในไตรมาสสอง และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรก การบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% หรือสองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 1.8% เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในไตรมาสสอง โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคไตรมาสสามได้ปัจจัยหนุนจากการซื้อสินค้าคงทน การใช้จ่ายของรัฐบาลพุ่งขึ้น 4.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ทำสถิติที่ 7.5% ในไตรมาสสองของปี 2552

 

ส่วนรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี ส่วนค่ำวันนี้จะมีการรายงานดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนกันยายนของ สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 0.1% ส่วนดัชนี PMI เดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ผลสำรวจประเมินว่าจะอยู่ที่ 60.2 จาก 60.5 ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม คาดว่าจะทรงตัวจากเดือนก่อนที่ 86.4 และในสัปดาห์หน้า จะมีการรายงานข้อมูลในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

ส่วนการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองคำ ซึ่งวานนี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันพุธ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อในระหว่างวันหากราคาทองดีดตัวขึ้นเข้าใกล้ แนวต้านบริเวณ 1,210-1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก และกดดันให้ราคาทองปรับตัวลงต่อไป แนวรับหลักของการปรับตัวลงในรอบนี้อยู่ที่บริเวณจุดต่ำสุดของการปรับตัวลงใน รอบก่อนที่บริเวณ 1,180-1,185 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคาดว่าจะมีแรงขายออกมามาก หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณดังกล่าวได้

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (31/10/2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส เปิดเผยว่าสำหรับทิศทางภาวะตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันนี้บรรยากาศการลงทุนยังค่อนข้างดี หลังดัชนีสามารถปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ ซึ่งเป็นผลมาจากกรณีที่เมื่อคืนนี้ผลประชุมเฟดจะออกมาตามคาด โดยเฟดประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ขณะที่ยังระบุว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกนาน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย สหรัฐที่จะยังไม่เกิดขึ้นช่วงระยะสั้นนี้ และหันเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

 

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่าดัชนีมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเริ่มกลับไปปรับตัวย้อนลงให้เห็นอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องแล้ว ซึ่งอาจเห็นแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาบ้าง ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเฝ้ารอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ของสหรัฐในค่ำวันนี้ (30 ต.ค.) รวมทั้งรอลุ้นผลประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย.ด้วย ดังนั้นจังหวะตลาดบวกขึ้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรไว้ก่อนเช่นเดิม เพื่อรอหาจังหวะเลือกหุ้นซื้อใหม่เมื่อ SET ปรับตัวลง โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,550 – 1,570 จุด

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีโอกาส เป็น H&Sไหมครับ เนีย ทั้งทองและ ดอลล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณข้อมูลข่าวสารและการวิเคราะห์นะคะป๋าเด็กขายของ :01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.53/55 บาท/ดอลลาร์ ขยับแข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.56/58 บาท/ดอลลาร์ และลงไปทำโลว์ที่ระดับ 32.49 บาท/ดอลลาร์

 

"ทิศทางของบาทมีแนวโน้มแข็งค่า หลังอ่อนค่ามาหลายวัน" นักบริหารเงิน ระบุ

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.44-32.55 บาท/ดอลลาร์

 

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.5000 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(30 ต.ค.) อยู่ที่ 1.84430% และ THAI BAHT FIX 6M(30 ต.ค) อยู่ที่ 1.87809%

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.15 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2596 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2577 ดอลลาร์/ยูโร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"เอชเอสบีซี" เผยนักลงทุนต่างชาติกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย แห่ขายหุ้นตลาดเอเชีย-ลดน้ำหนักหุ้นไทย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินสนายเฮโรลด์ แวน เดอ ลินเด ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์วิจัยกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น ธนาคารเอชเอสบีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ให้ความเห็นภาพรวมการลงทุนของกองทุนรวมในตลาดหุ้นเอเชียว่า มีแรงเทขายอย่างหนักทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียสูงสุดในเดือนต.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติมีความกังวล เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในต้นปีหน้า

 

ทั้งนี้ เงินทุนไหลออกสุทธิจากตลาดหุ้นเอเชียใน เดือนต.ค. ณ วันที่ 27 ต.ค. 2557 คิดเป็นมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ โดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไต้หวัน มีเงินไหลออกมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ และ 1.4 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ และนับจากต้นปีจนถึงขณะนี้ เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์

 

หากพิจารณาหุ้นรายกลุ่ม กองทุนย้ายเงินเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มอิงวัฏจักรธุรกิจ โดยมีแรงซื้ออย่างมากในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ตามมาเป็นอันดับสาม ขณะนี้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเป็นกลุ่มที่นิยมลงทุนมากสุดในภูมิภาค

 

กองทุนได้เพิ่มพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มสุขภาพ และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ลดพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มสาธารณูปโภค สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน กลุ่มสื่อสารและกลุ่มไอที ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับความสนใจลงทุนน้อยที่สุด

 

นายลินเด ระบุว่าตลาดหุ้นอินเดียมีเงินทุนไหลออกเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา คิดเป็นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากอีพีเอฟอาร์ โกลบอลระบุว่า กองทุนรวมได้ขายสุทธิ โดยในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา สิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. 2557 โดยมีการถอนเงินลงทุนจากตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์

 

สำหรับเอชเอสบีซีเองได้ให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย จีนและอินเดีย และลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ฮ่องกง มาเลเซียและฟิลิปปินส์ สำหรับหุ้นในรายกลุ่ม มองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มพลังงาน เป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน

 

ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นอินเดียกลับมาครองความนิยมของนักลงทุนในภูมิภาค เนื่องจากกองทุนรวมได้ลดพอร์ตลงทุนในหุ้นจีนลง ขณะที่มีการเพิ่มถือครองหุ้นไทย ทำให้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์หล่นไปอยู่อันดับ 4 ของตลาดที่นักลงทุนนิยมลงทุนในเอเชีย และกองทุนยังคงโยกเงินลงทุนจากตลาดหุ้นไต้หวันไปตลาดหุ้นเกาหลีใต้ แต่โดยรวมก็ยังปรับลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นทั้งสองแห่ง ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจลงทุนน้อยที่สุด

 

อย่างไรก็ตามกองทุนในตลาดโลกยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดเอเชีย โดยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเป็นส่วนใหญ่ และโดยรวมแล้ว อันดับการลงทุนในแต่ละแห่งในเดือนต.ค.ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย. ตลาดหุ้นไทยยัง คงเป็นตลาดยอดนิยมอันดับหนึ่ง ตามด้วยตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยกองทุนโลกหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วในเอเชีย และยังคงลดน้ำหนักลงทุนตลาดหุ้นสิงคโปร์และฮ่องกง

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 31 ตุลาคม 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีที เวลธ์ สรุปภาวะ Gold Futures ภาคเช้าวันนี้ (31 ตุลาคม 2557) ราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงกว่า US$12.90 ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ US$1,198.64 ต่อออนซ์ (Gold Spot) หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง GDP ไตรมาส 3 ออกมาที่ 3.5% มากกว่าที่คาดไว้ที่ 3% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในการบริโภค การบริการและการส่งออก เมื่อบวกกับมุมมองเชิงบวกต่อตลาดการจ้างงาน เพิ่มความเป็นไปได้ที่ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด กดดันราคาทองคำ ค่าเงนบาทอยู่ที่ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ กลับมาแข็งค่าในระยะสั้น แต่แนวโน้มในช่วงนี้ยังเป็นการอ่อนค่า SPDR รายงานการถือครองทองคำ 741.2 ตัน ลดลง 1.20 ตัน

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,197 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2557 (GFZ14) ราคาเปิดใกล้ระดับ 18,600 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,400 บาท ราคาเสนอขาย 18,500 บาท

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า การปรับตัวหลุดต่ำกว่า US$1,210 เมื่อวานทำให้ระยะสั้นทิศทางยังมีแนวโน้มเชิงลบ และอาจจะมีโอกาสพักตัวใกล้ระดับต่ำสุดเดิม US$1,180 เราจะเห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องสะท้อนผ่านผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่เติบโต 3.5% ยิ่งหนุนให้เชื่อว่า FED จะมีการพิจารณาเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยเร็วนี้ ด้านค่าเงินบาทถือเป็นปัจจัยช่วยให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลงน้อยกว่าราคา ทองคำในตลาดโลกเพราะอ่อนค่าตามการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

 

 

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ (31/10/2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีโอกาส เป็น H&Sไหมครับ เนีย ทั้งทองและ ดอลล่า

ถ้าบอกว่า ไม่มี จะเป็นผลร้ายต่อราคาทองไหมเนี่ย แต่อะไร อะไร ก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าบอกว่า ไม่มี จะเป็นผลร้ายต่อราคาทองไหมเนี่ย แต่อะไร อะไร ก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

ที่ดอลล่าพุ่งขนาดนี้ เพราะ ญี่ปุ่น อัดฉีด อีกใช่หรือ ป่าว เห็นเมกา ทำแล้วได้ ผล เลยจะทำบ้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเช้าวันจันทร์ ปิดตลาดวันศุกร์ ค่าเงินดอลล์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาก / รหัส 5,35,9 สัญญานนำทางก็บ่งบอกการเริ่มต้นการแข็งค่าจากกลางสัปดาห์ที่แล้ว ตอนปิด 86.97 จะแข็งอีกสักเท่าไหร่ เต็มเหยียดคง 88.00 เพราะมันจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนี่ก็ต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว จะมีเลือกสภาสูงของสหรัฐฯ ที่หลายๆ คนบอกว่า พรรคของโอบามา รีพลับริกัน จะแพ้ เสียที่นั่งให้กับพรรคเดโมแครต ผลที่จะตามมา โอบามาเสนอกฎหมายอะไรออกมา โดยเขี่ยทิ้ง ไม่ผ่านสภาสูง กิจกรรมการเมืองก็จะลำบากต่อโอบามา เมื่อนั้น ความอ่อนแอของค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ จะมาถึง ในสัปดาห์หน้า แต่วันนี้ ตอนนี้ ค่าเงินสหรัฐฯ น่าจะตั้งตาแข็งต่อไปอีกระยะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 5,35,9 สัญญานนำทอง ยังบ่งถึงการเป็นสัญญานขายอยู่ เพราะเส้นดำเส้นแดง นังไม่ตัดกันรอบใหม่ ท่าทางตอนนี้ ยังถ่างห่างออกจากกันมากเลย เช้านี้ เปิดตลาดมาก็ย่อลงมาอีก 1164-1165 ทำเอาคนถือทองแท่งตัวเป็น เสียวชิหายเลย แต่เส้นแดงมันมาสั้นกว่าเส้นดำ ถ้าจะให้วิ่งมาเท่าๆ กัน ราคาทองก็ต้องมีบวกบ้างนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาท ก็ย่อมต้องอ่อนค่า กรอบวันนี้ 32.60-32.70 บาท อ่อนค่าต่อเนื่อง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานยุโรป คงมองกันที่เยอรมัน ช่วงบ่าย 3 โมงกว่าๆ แต่ตามโพลออกมาคงเดิม จึงต้องดูว่า เหตุที่ยูโรเกิดอ่อนค่าแรงมาก ธนาคาร ECB จะออกมาช่วยอะไรหรือเปล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐฯ ตามโพลว่า ตัวเลขออกมาดีขึ้น ถ้าเป็นจริง ก็จะกดราคาทองลงมาอีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บีโอเจอัดฉีด"คิวอี"รอบใหม่ เดือนละแสนล้านดอลล์ ดันหุ้นนิเคอิพุ่งสูงสุด-เยนอ่อนค่ารอบ7ปี ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับ

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) เปิดเผยว่าบีโอเจวางแผนที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นมูลค่า 8-12 ล้านล้านเยน หรือ ราว 0.72-1.08 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน หลังจากบีโอเจมีมติใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ครั้งใหม่ โดยบีโอเจมีแผนที่จะซื้อพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในเวลา 5-10 ปี เป็นมูลค่า 2.4-3.6 ล้านล้านเยน และพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1-5 ปี เป็นมูลค่า 3.0-7.2 ล้านล้านเยน

 

 

ทั้งนี้ บีโอเจมีมติ 5 ต่อ 4 เสียงให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น โดยเพิ่มฐานเงิน หรือเงินสดและเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับบีโอเจในอัตรา 80 ล้านล้านเยน หรือราว 7.26 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี จากเดิมที่ระดับ 60-70 ล้านล้านเยน

 

บีโอเจสร้าง ความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการผ่อนคลายนโยบายอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากมีความวิตกว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันจะกระทบดัชนีราคาผู้บริโภค และทำให้ความเชื่อมั่นที่จะฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืดนั้นล่าช้าออกไปอีก

 

นอกจากนี้ บีโอเจยังตัดสินใจเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลขึ้นราว 30 ล้านล้านเยน และขยายระยะเวลาเฉลี่ยของการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเป็น 10 ปี

 

ขณะเดียวกัน บีโอเจยังตัดสินใจเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อกองทุนอีทีเอฟ (ETF) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ขึ้น 3 เท่า

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการญี่ปุ่น (GPIF) ได้อนุมัติแผนการให้กองทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นสู่ระดับ 25% ของพอร์ทการลงทุน จากระดับ 12% ในขณะนี้

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข, แรงงาน และสวัสดิการยังเห็นพ้องว่า กองทุน GPIF ซึ่งมีเม็ดเงินภายใต้การบริหาร 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ใหญ่ที่สุดในโลก ควรจะลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นลง สู่ระดับ 35% จากระดับปัจจุบันที่ราว 60%

 

ขุนคลังญี่ปุ่นขานรับคิวอีกระตุ้นศก.

 

นายทาโระ อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาขานรับการตัดสินใจของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และกล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหม่ของบีโอเจ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมของบีโอเจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในปีหน้าหรือไม่

 

นอกจากนี้ นายอาโสะ ยังกล่าวว่า การอ่อนค่าของเยนก็มีผลบวกด้วย และมีผลที่แตกต่างกันไปต่อการนำเข้า

นิเคอิพุ่งกว่า700จุด สูงสุดรอบ7ปี

 

ตลาดหุ้นโตเกียวทะยานขึ้นกว่า 5% แตะระดับสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินโลกในวันนี้ ขายรับนโยบายของบีโอเจ

 

ดัชนีนิเคอิปิดตลาดทะยานขึ้น 755.56 จุด หรือ 4.83% สู่ระดับ 16,413.76 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2007 หลังจากพุ่งขึ้น 5.1% มาที่ 16,455.84 โดยทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557

 

"นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่า การผ่อนคลายนโยบายจะเริ่มขึ้นในเดือนม.ค.2015 และ มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่า บีโอเจจะผ่อนคลายนโยบายในเดือนนี้" เทรดเดอร์อาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศแห่งหนึ่งกล่าว "นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแน่นอน"

 

เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะบริโภคที่ชะลอตัว หลังจากรัฐบาลขึ้นภาษี VAT ในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้มีรัฐมนตรีหลายคนออกมาเรียกร้องให้นายอาเบะชะลอแผนการขึ้นภาษี VAT ครั้งที่ 2 ที่มีกำหนดในปีหน้า

 

แต่เทรดเดอร์กล่าวว่า นายอาเบะ อาจจะใช้การพุ่งขึ้นอย่างมากของตลาดหุ้นเป็นเหตุผลที่จะคงแผนเดิมต่อไป

 

ดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีเหนือระดับ 110.67 เยน ซึ่งช่วย หนุนหุ้นกลุ่มส่งออก

ฮั่งเส็งพุ่งร้อนแรงเกือบ300จุด

 

ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นวานนี้ ซึ่งสะท้อนถึงการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนและความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมาก ขึ้น หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้ตลาดทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.

 

ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งปิดพุ่งขึ้น 296.02 จุด หรือ 1.25% สู่ระดับ 23,998.06 ส่วนดัชนีหุ้นเอชหรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดพุ่งขึ้น 1.2%

 

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีทะยานขึ้น 3.0% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 14 สัปดาห์ ส่วนดัชนีหุ้นเอชพุ่งขึ้น 3.5% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ และดัชนีทั้งสองพุ่งขึ้นกว่า 4% ในเดือนนี้

 

หุ้นยุโรปเปิดตลาดพุ่งกว่า1%รับข่าว

 

หุ้นยุโรปพุ่งขึ้นในช่วงเปิดตลาดวันนี้ตามการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นโตเกียว หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) สร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดการเงินทั่วโลกด้วยการผ่อนคลายนโยบายครั้งใหม่

 

ณ เวลา 15.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรป พุ่งขึ้น 1.3% มาที่ 1,344.18 โดยขยายช่วงบวกจากการดีดตัวขึ้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์

 

ด้านดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าเปิดตลาดพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยปรับขึ้น 176 จุด อยู่ที่ 17,290 จุด

 

โบรกฯมองหุ้นไทยฟื้นตัว

 

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (31 ต.ค.) ปิดที่ 1,584.16 จุด เพิ่มขึ้น 18.81 จุด หรือ 1.20% มูลค่าการซื้อขาย 46,768.11 ล้านบาท

 

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าปัจจัยหนุนหุ้นไทย คือ มาตรการคิวอีของบีโอเจ

 

“หลังการเพิ่มวงเงินที่จะอัดฉีดเข้าระบบ ทำให้นักลงทุนคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการคาดหวังกันว่าธนาคารกลางแห่งชาติยุโรป (อีซีบี) จะอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเพิ่มเช่นกัน ซึ่งอีซีบีจะมีการประชุมกันในวันที่ 6 พ.ย. นี้”

 

ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่านักลงทุนคาดว่าจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น

 

“จากเดิมที่มีความกังวลว่าเงินจะไหลกลับไปยังฝั่งอเมริกาและยุโรป จากผลประกอบไตรมาส 3 ของไทยที่ออกมาไม่ค่อยดี และแนวโน้มว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ แต่หลังจากบีโอเจตัดสินใจอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ และอีซีบีมีแนวโน้มที่จะซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้”

 

ดอลล์/เยนแข็งสุดรอบปีครึ่ง

 

ดอลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันนี้ โดยทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 1 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับเยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติ 5 ต่อ 4 เสียงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ครั้งใหม่ในวันนี้ โดยเพิ่มฐานเงิน หรือเงินสด และเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับบีโอเจในอัตรา 80 ล้านล้านเยน (7.26 แสนล้านดอลลาร์) ต่อปี จากเดิมที่ระดับ 60-70 ล้านล้านเยน

 

ดอลลาร์แข็งค่ากว่า 2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 111.53 เยน โดยครั้งล่าสุดที่ดอลลาร์พุ่งขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เมื่อบีโอเจได้ดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณและคุณภาพครั้งใหญ่

เงินภูมิภาคอ่อนค่าตามเยน

 

สกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคอ่อนค่าลง จากการตัดสินใจของบีโอเจช่วยหนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยในช่วงแรกของการซื้อขายก่อนบีโอเจแถลง มติการประชุม สกุลเงินในภูมิภาคดีดตัวขึ้น เนื่องจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยเพิ่มความต้อง การสินทรัพย์เสี่ยง

 

ดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงลง 0.6% มาที่ 1.2850 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ วันที่ 27 ส.ค.2013

 

สกุลเงินในภูมิภาคร่วงลง ขณะที่หุ้นในภูมิภาคพุ่งขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายของบีโอเจเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

 

นายจอง มาย-ยัง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากซัมซุง ฟิวเจอร์สกล่าวว่าสกุลเงินเอเชียมีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อดอลลาร์ในขณะนี้ โดยเราต้องดูว่าเม็ดเงินจะไปที่ใด

 

สกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคอ่อนค่าลง โดยวอนดิ่งลง 1.2% ขณะที่ดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่า 0.5% และบาทปรับตัวลง 0.4% ส่วนริงกิตร่วงลง 0.3% แต่รูเปี๊ยะห์สวนกระแสภูมิภาค โดยแข็งค่า 0.7%

 

วอนทำสถิติดิ่งลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบเกือบ 9 เดือน ขณะที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่บีโอเจ ออกมาตรการคิวอี โดยประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮของเกาหลีใต้ วิตกเกี่ยวกับการแข็งค่าของวอน/เยน เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นคู่แข่งกันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันในตลาดสำคัญๆทั่วโลก

 

ทองร่วงหลุด1,170ดอลล์ ต่ำสุด 4 ปี

 

ราคาทองและโลหะเงินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ โดยดอลลาร์ได้แรงหนุนจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (QE) ครั้งใหม่ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งทำให้เยนอ่อนค่าลง

 

ราคาทองและโลหะเงินเผชิญกับแรงกดดันอยู่แล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่วิตกต่อความผันผวนของตลาดการเงิน, ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป็นปัจจัยที่อาจจะบั่นทอนความคืบหน้าต่อการ บรรลุเป้าหมายการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ

 

ราคาทองในตลาดสปอตดิ่งกว่า 2% มาที่ 1,168.66 ดอลลาร์/ออนซ์ในการซื้อขาย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2553 และราคาทองดิ่งลงมากขึ้น หลังจากการประกาศของบีโอเจทำให้ดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดของวัน ขณะที่ราคาสัญญาทองล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์กดิ่งลงเช่นกัน

 

เทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าวว่า มีคำสั่งขายตัดขาดทุนจำนวนมากที่ใต้ระดับ 1,180.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และเมื่อประกอบกับการเคลื่อนไหวผันผวนของดอลลาร์/เยน จึงทำให้ราคาทองร่วงลง

 

ราคาทองมีแนวโน้มดิ่งลง 4.7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557 และเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

 

SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่า ปริมาณการถือครองทองของทางกองทุนลดลง 0.16% สู่ระดับ 741.20 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี

 

ทองคำในประเทศร่วง500บาท

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่าราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับลดหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์และปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากนักลงทุน ประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น และมีปัจจัยใหม่ล่าสุดจากบีโอเจ

 

"ส่วนราคาทองคำในประเทศในวันที่ 31 ต.ค.ปรับลดลง 500 บาทต่อบาททองคำ ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบปีนี้ และมีโอกาสจะปรับลดลงได้อีก ซึ่งหากนักลงทุนที่ยังไม่ได้ถือลงทุนทองคำในพอร์ตลงทุน ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมหากจะทยอยซื้อ เพราะเชื่อว่าราคาทองคำน่าจะปรับลดลงอีกไม่มาก"นายจิตติกล่าว

 

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...