ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ส้มโอมือ

ปฏิรูปประเทศ เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ของประเทศไทย

โพสต์แนะนำ

ผมเลือกธรรมชาติที่สวยงาม แล้วเพื่อนๆละเลือกอะไร

 

 

Greenpeace Southeast Asia (THAILAND)

 

ถูกใจแล้ว · 7 ชม.

 

คุณ...จะยอมแลกธรรมชาติอันแสนงดงามเปรียบเสมือนมรกตแห่งอันดามัน กับ หายนะจากถ่านหินมั้ย?

 

หากคำตอบของคุณ คือ ไม่! มาร่วมกันรักษาปัจจุบันให้คงไว้ เพื่ออนาคตลูกหลานของเรา

 

"ร่วมปกป้องกระบี่จากถ่านหิน" คลิก ► www.protectkrabi.org#ProtectKrabi

10487485_10152209142387098_3267523449982134933_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับเรื่องนี้ เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ

 

หมาเฝ้าบ้าน ปกป้องอนาคตลูกหลานไทย

 

6 ชม.

 

 

เมื่อสุรา..ไม่ใช่สินค้าธรรมดา

ณ ประเทศศรีลังกา

10463912_670098399743713_8971657371622186872_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก็น่าสนใจดีนะ เป็นตุ๊กตาตัวแรกสำหรับการถกเถียงหาสิ่งที่เหมาะสมต่อไป

 

· รูปภาพของ กองทัพลิง สามพราน

 

10441169_668729013221442_8557415562871589860_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สิ่งที่จะต้องปฎิรูป ลดอำนาจของหน่วยงานรัฐลง ไม่ใช่หน่วยงานรัฐอยากทำอะไรก็ได้ คำว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม(ต้องระบุเลยครับ เนื้อหาวันไหน ส่วนไหน เนื้อหาผิดมากขนาดไหน มีการแจ้งเตือนกี่ครั้ง จำนวนครั้งที่ไม่เหมาะสม@@@ที่สำคัญ เนื้อหาที่ถูกต้องเป็นอย่างไรเขาลงบิดเบือนอย่างไร) เนื้อหาล่าสุดผมว่าไม่มีอะไรไม่เหมาะสมนะ(ผมก็ใช้เวลาศึกษาพลังานมาเยอะ เหมือนกัน ฟังทั้งฝ่ายปตทและฝ่ายค้านปตท)

 

 

 

ไอซีทีบล็อกเว็บทวงคืนพลังงาน ระบุเนื้อหาไม่เหมาะสม

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2557 21:34 น.

 

กระทรวงไอซีทีบล็อกเว็บทวงคืนพลังงาน ระบุมีเนื้อหาไม่เหมาะสม พบบทความล่าสุดลงคำสัมภาษณ์ “รสนา” ในหัวข้อ “ปลดล็อกน้ำมันแพง”

 

วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. มีรายงานว่าเว็บไซต์ทวงคืนพลังงานไทย หรือภายใต้ในชื่อว่า “พลังงานไทย พลังงานใคร” (http://thai-energy.blogspot.com) ได้ถูกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ระงับการเผยแพร่ โดยระบุว่า “เว็บไซต์นี้มีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่เหมาะสม”

 

สำหรับเว็บไซต์ดังกล่าวนั้นได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกร้อง ความเป็นธรรมด้านพลังงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 โดยพบว่ามีการเผยแพร่บทความล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2557 เป็นคำสัมภาษณ์พิเศษ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ ในหัวข้อเรื่อง “ปลดล็อกน้ำมันแพง” ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ (http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/สัมภาษณ์พิเศษ/300361/ปลดล็อก - น้ำมันแพง - รสนา - โตสิตระกูล)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มากกว่ารัก เพื่อแผ่นดิน

 

5 ชม. · แก้ไขแล้ว

 

(ช่วยแชร์ด้วยนะครับ)

ไม่ว่าท่านจะอยู่กลุ่มไหน สีไหน...

ขอเรียนเชิญ..ทุกท่านร่วมปฏิรูปประเทศกับเรา

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและกรอบแนวคิดได้จาก http://rfm.mod.go.th/

 

10346442_664664860255296_5324579958059562905_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kpuknet Mo

 

ข้าราชการสอบเข้าทำงานมา มากกว่า 30 ปี ยกเลิกบำนาญ แต่ สส สว อาสาเข้ามารับเลือกตั้ง แถมยังมีโกงกินจนแทบจะสิ้นชาติ เสือกรับบำนาญ เพราะออกกฏหมายให้ประโยชน์กับตัวเอง

10388136_729168660460340_4027619775015436728_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณครูจ๋า…เมื่อไหร่จะว่างสอนหนู? 18 มิถุนายน 2557.... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1vRv9EG'>http://bit.ly/1vRv9EG

451FE98021D34D9FBD8EF4BE91AB75C9.jpg

 

 

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล เมื่อ 365 วันของอาชีพ "ครู" เต็มไปด้วยภาระสารพัด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการสอนลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพล เมื่อปี 2556 โดยเก็บข้อมูลจากครูทั่วประเทศ จำนวน....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1vRv9EG

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thailand only ประชาชนโดนปล้นจากนโยบายของรัฐอีกหรือเปล่าครับ ส่งออก15แต่ใช้ในประเทศ27 และที่สำคัญที่สุด ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากธุรกิจแอลกอฮอล์(เอทานอล) ได้คำตอบช่วยบอกด้วยครับท่านอาจารย์

ประสาท มีแต้ม

5 ชม. ·

 

พรุ่งนี้( (22 มิย) จะไปให้ข้อมูลกับ คสช. ตั้งแต่เช้าววว

ตั้งใจจะไปให้เขาถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า

ทำไม ราคาเอทานอลในสหรัฐอเมริกาและบราซิลซึ่งผลิตได้ถึง 80% ของโลก จึงมีราคา (กุมภาพันธ์ 57) ที่ 15 บาทต่อลิตร แต่ราคาในประเทศไทย 27 บาท แถมไทยเป็นประเทศส่งออก ถ้าเขาส่งออกในราคา 27 บาท แล้วเขาไปขายใคร งง? (ไทยผลิต E85 วันละ 8 แสนลิตร)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปฏิรูปประเทศ ฝากประชาชนทั่วประเทศดูว่ามีเหตุการณ์คล้ายเรื่องน้ำตาลในธุรกิจอื่นมั้ย ครับ หลายธุรกิจประชาชนทั้งประทศโดนปล้นมานานโดยนโยบายของรัฐจากฝีมือนักการเมือง เรื่องจริงของผมเองครับ

ประมาณ10ปีมาแล้วเพื่อนผมมาขอให้พัฒนาสูตรเครื่องดื่มให้เจ้านายเขาหน่อย ให้รสชาติคล้ายยี่ห้อที่เขาต้องการ เพื่อนขอและช่วงนั้นพอมีเวลาเลยทำให้

ต้นทุนที่แพงสุดคือภาชนะสำหรับการบรรจุ รองลงมาคือน้ำตาล ผมถึงต้องหาข้อมูลน้ำตาล ได้ข้อมูลที่ตกใจมาก ช่วงนั้นน้ำตาลที่สั่งซื้อ54ตัน ตกกิโลละ12บาท แต่น้ำตาลที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ8บาท อ้างว่าน้ำตาลจำเป็นสำหรับประเทศ ถ้าไม่ช่วยเหลือเกษตรกรจะเลิกปลูก เวลามีปัญหาแล้วขาดแคลนน้ำตาลประเทศจะแย่ ดังนั้นคนไทยต้องกินน้ำตาลแพงกว่าตลาดโลกเพื่อให้มีการผลิตน้ำตาลในประเทศ มีอะไรหมกเม็ด ผลประโยชน์ในธุรกิจน้ำตาลมหาศาลมาก นานแล้วฝรั่งนักธุรกิจโดนฆ่าก็เพราะผลประโยชน์จากน้ำตาล

 

จากการตามข้อมูลพบว่าผลผลิตต่อไร่และ%น้ำตาลของอ้อยที่เกษตรกรทำอยู่ ต้นทุนต่อกิโลเราแพงกว่าตลาดโลกมาก แทนที่เราจะพัฒนาพันธ์พัฒนากรรมวิธีการปลูกเพื่อลดต้นทุน นักการเมืองใช้วิธีใช้เงินรัฐและปล้นประชาชน ผลักดันให้มีสมาคมชาวไร่อ้อย ถึงเวลาก็ซื้อเสียงผ่านการช่วยเหลือ เมื่อมีการเลือกตั้งก็จะได้คะแนนจากชาวไร่อ้อยเป็นกอบเป็นกำ และที่สำคัญนโยบายแบบนี้เอื้อประโยชน์มากมาย

1)จำนวนไม่น้อยเอกสารมีตราประทับตามด่านเข้าออก ว่าส่งออกแล้ว แต่ของไปขายในตลาดมืดกินราคาผลต่าง

2)ปล่อยให้ประชาชนปลูกพันธ์เดิม วิธีปลูกแบบเดิม เมือต้นทุนของเกษตรกรสูงกว่าตลาดโลกมาก สมาคมชาวไร่อ้อยจำนวนเยอะและรวมตัวกันได้ รัฐก็หาข้ออ้างช่วยเหลือ------แต่พวกเจ้าใหญ่ในธุรกิจน้ำตาลเขา พัฒนาพันธ์พัฒนาการผลิตให้ต้นทุนเขาถูกลง แต่เขาขายได้รับเงินช่วยเหลือเหมือนเกษตรกรชาวไร่อ้อย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปฏิรูปการศึกษาอย่าลืมเรื่องนี้

 

 

Decharut Sukkumnoed

 

30 เมษายน

 

ปลาหัวและปลาหาง: บทเรียนล้ำค่าจากคนเลี้ยงปลานิล

 

เมื่อเย็นวันจันทร์หลังเลิกงาน ผมและภรรยาขับรถมาชลบุรีเพื่อเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงปลานิล แต่ผมกลับได้พบบทเรียนที่สำคัญที่สังคมไทยควรจะต้องฉุกคิดให้มากจากคนเลี้ยงปลานิล อย่างไม่น่าเชื่อ ผมเลยขอเล่าให้ทุกคนฟังครับ

 

คุณตะวัน เจ้าของฟาร์มปลานิลพาพวกเราไปดูการให้อาหารปลานิล ในบ่อปลาใหญ่ เพียงแค่คุณตะวันขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วงไปใกล้ๆ บ่อ ปลานิลก็ว่ายมาวนเวียนเต็มไปหมด พอคุณตะวันเทอาหารปลาลงไปในกระเช้าอาหารปลาเท่านั้น ปลานิลก็ว่ายรุมเข้ามากินอาหารกันใหญ่ ผมและภรรยาต่างตื่นตากับทั้งวิธีการให้อาหารของคุณตะวัน และที่น่าตื่นใจยิ่งกว่าก็คือ ขนาดของปลานิลที่หลายตัวมีขนาดใหญ่ประทับใจ ซึ่งหากปลานิลแต่ละตัวมีน้ำหนักมากว่า 0.8 กก./ตัว จะถือว่าเป็นปลานิลเกรด 1 หรือเกษตรกรจะเรียกว่า ปลาหัว (หมายความว่า มีคุณภาพระดับหัว)

 

ขณะที่เราทั้งสองคนกำลังรัวชัตเตอร์กันใหญ่ คุณพรชัย บัวประดิษฐ์ ลูกพี่ลูกน้องของคุณตะวัน และเป็นประธานชมรมผู้เลี้ยงสัตว์น้ำบางหัก ก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์ทราบมั้ยครับว่า เราสองคนไม่ได้ดูปลาเหมือนคนกินอย่างอาจารย์” ผมหยุดถ่ายรูปแล้วถามว่า “ยังไงเหรอครับ?” คุณพรชัยบอกว่า “อาจารย์ตื่นตาตื่นใจไปกับปลาตัวใหญ่ที่อาจารย์เห็นในตอนแรก เกษตรกรที่อื่นก็เป็นแบบนั้น แต่ถ้าเรามองแบบนั้น แล้วเราตัดสินใจจับปลาในบ่อไปขาย เราจะได้ปลาหัว (คือปลาเกรด 1) เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะส่วนที่เรายังมองไม่เห็นหรือไม่ได้ตั้งใจมองคือ ปลาหาง แต่เมื่อวิดและจับขายแล้ว เราจึงจะเห็นปลาหางเต็มไปหมดในบ่อ (ปลาหาง หมายถึง ปลาขนาดเล็กที่จัดเป็นเกรด 2-5 ซึ่งจะได้ราคาต่ำกว่ามาก)

 

คุณพรชัยเล่าต่อว่า “เพราะฉะนั้น พวกเราจะจ้องมองหาปลาหางในบ่อนี้ เราจะเล็งหาปลาที่มีขนาดเล็กที่สุด ไม่ใช่ใหญ่ที่สุด และเราจะนำมาตั้งโจทย์ว่า จะทำอย่างไรให้ปลาหางเหล่านี้ กลายเป็นปลาหัวให้มากที่สุด เราต้องบำรุงน้ำ เติมอากาศ ปรับเพิ่ม/ลด อาหารอย่างไร เมื่อเราจับปลา เราจะได้ปลาหัวเยอะมาก โดยที่แทบจะไม่มีปลาหางเลย” คุณพรชัยยกตัวอย่างว่า “ล่าสุด ลุงสมหมายสมาชิกในกลุ่มจับปลานิลขายไป 12 ตัน มีปลาหางแค่ 200 กิโลกรัม นอกนั้นได้ปลาหัวทั้งหมดเลย”

 

คุณพรชัยบอกว่า “การบำรุงปลาหางก็จะทำให้ปลาหัวโตขึ้นด้วย แต่เมื่อโตเกิน 0.8 กก./ตัว แล้วจะได้ราคาที่ดีเหมือนกันหมด (ณ วันนั้นคือ 47 บาท/กก.) ดังนั้น ส่วนปลาหัวที่โตขึ้นจึงเป็นเสมือนโบนัสที่ได้เพิ่มขึ้นมา แต่หากปล่อยให้มีปลาหางในบ่อที่เราจับมากขึ้น (คือต่ำกว่า 0.8 กก./ตัว) ราคาจะตกลงไปมากกว่า 10 บาท/กก. (ณ วันนั้น ราคาปลาเกรด 2 คือ 35 บาท/กก. ถ้าเป็นปลาเกรดอื่นๆ จะต่ำลงไปอีก) เพราะฉะนั้น การบำรุงปลาหางจึงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าบำรุงปลาหัว และจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างคุ้มค่าที่สุด”

 

แม้ว่าคำสอนของคุณพรชัยในวันนั้นจะเป็นเรื่องของปลานิล แต่ก็ทำให้ผม “มโน” นึกเลยไปถึงถึงวิธีคิดหลายๆ เรื่องในสังคมของเรา เช่น การวัดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งมักจะวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ทั้งที่จริงๆแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศจะอยู่มือคนเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ว่ากันและมุ่งเน้นกันนั้น จึงเป็นการวัดการเติบโตของ “ปลาหัว” มากกว่าที่จะวัดการเติบโตของปลาทั้งบ่อ ดังเช่น กรณีจังหวัดระยองที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัวสูงถึง 1.2 ล้านบาท/คน/ปี เป็นอันดับที่หนึ่งของประเทศไทย แต่พอไปวัดรายได้เฉลี่ยในกระเป๋าของประชาชนในจังหวัดระยองจริงๆ แล้วกลับมีรายได้กันไม่ถึง 1 แสนบาท/คน/ปี น้อยกว่าอีกหลายๆ จังหวัดในประเทศไทย การวัดเศรษฐกิจของ “ปลาหัว” จึงเป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้คน “ตื่นตาตื่นใจ” (เหมือนผมในตอนแรก) แต่มิใช่ความเป็นจริง

 

ล่าสุด โครงการพัฒนาและสหประชาชาติ (หรือ UNDP) จึงได้เน้นว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นจะต้องเป็นการเติบโตแบบทั่วถึง หรือ inclusive growth มิใช่กระจุกตัวอยู่เฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่เป็น “ปลาหัว” ของระบบเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องวัดลงไปถึงการเติบโตของคนในระดับ “ปลาหาง” ของระบบเศรษฐกิจด้วย อันเป็นที่มาที่ตัวผมเองจึงได้พัฒนาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ตัวหนึ่งเรียกว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ฐานราก หรือ Growth at the bottom ซึ่งมุ่งวัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของคน 20% ที่จนที่สุดในประเทศ และในแต่ละจังหวัด เพราะหากเราสามารถทำให้คนที่อยู่ 20% สุดท้ายหรือ “ปลาหาง” ของระบบเศรษฐกิจดีขึ้นได้ ย่อมแปลว่า ทุกคนในระบบเศรษฐกิจจึงจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง

 

แต่บทเรียนเรื่อง “ปลาหัวและปลาหาง” ที่สะเทือนและสะท้อนอยู่ในใจผมมากที่สุดไม่ใช่เรื่องทางเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นเรื่องการศึกษา การศึกษาของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรามักจะตื่นตาตื่นใจกับ “ปลาหัว” ทุ่มเทและพัฒนาปลาหัว จนเด็กของเราสามารถพิชิตเหรียญรางวัลต่างๆ ได้อย่างสม่ำเสมอและน่าชื่นชม แต่ขณะเดียวกัน เรากลับละเลย “ปลาหาง” เราไม่ค่อยทุ่มเทให้กับนักเรียนที่เรียนไม่ทัน ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ไม่มีเงินไปเรียนโครงการพิเศษ จนปลาหางเหล่านี้กลับเล็กลงและซูบผอมในเชิงศักยภาพ และมีจำนวนไม่น้อยที่หลุดไปจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควร

 

จุดที่สำคัญก็คือ สัดส่วนของ “ปลาหาง” ในระบบการศึกษาไทยนั่นมีมากกว่า “ปลาหัว” หลายเท่า ดังนั้น เมื่อประเมินภาพรวมของการศึกษาไทย ไม่ว่าจะเป็น O-NET หรือ PISA ผลการประเมินของเด็กไทยในภาพรวมจึงต่ำเตี้ยลง ตรงข้ามกับความก้าวหน้าของปลาหัวที่กวาดเหรียญโอลิมปิกวิชาการกันเป็นประจำทุกปี แล้วเราก็ไม่เคยตอบได้ว่า เราจะพัฒนาระบบการศึกษาของเราขึ้นได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้ตั้งโจทย์แบบคุณพรชัยตั้ง เรากลับมองกันแต่ “ปลาหัว” เท่านั้น

 

แน่นอนว่า เด็กไทยไม่ใช่ปลาที่จะถูกจับไปขายกิน แต่เด็กไทยก็ผู้ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไปในอนาคต แล้วอนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? ถ้าเรายังสนใจที่จะบำรุง “ปลาหัว” ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าเป็นหลัก (ทั้งในระบบเศรษฐกิจและในระบบการศึกษา) แล้วสังคมไทยของเราจะเข้มแข็งและเท่าเทียมกันได้อย่างไร? ถ้าปลาหัวยังคงเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เราละเลย “ปลาหาง” ให้เป็นปลาเกรดต่ำลงไป ผมคิดว่า มันน่าจะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราจะหันมามองแบบที่คุณพรชัยมอง แล้วมาตั้งโจทย์กันว่าจะทำอย่างไรให้ปลาหางเติบโตได้เต็มศักยภาพ? เพราะหากทำได้เหมือนคุณพรชัย ปลาเกือบทุกตัวในบ่อของสังคมไทยจะได้เป็นปลาเกรด 1 ไปพร้อมๆ กัน สังคมไทยของเราก็จะมีแต่ “ปลาหัว” หรือเป็นปลาที่จะสร้างศักยภาพของสังคมไทยให้เข้มแข็ง สร้างสรรค์ และยั่งยืน อย่างเท่าเทียมกันต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมยินดีเปิด “ฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์” ให้เกษตรกรไทยทุกคนได้มาศึกษาเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ เพื่อนำกลับไปพัฒนาการทำเกษตรกรรมของตนเอง หลายคนพูดว่าการทำเกษตรอินทรีย์ยาก แต่เกษตรกรมือใหม่อย่างผมยังทำได้ ยิ่งเป็นเกษตรกรมืออาชีพด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำได้ดีแน่น อน นักธุรกิจใหญ่ชาวญี่ปุ่น “โช โอกะ” เริ่มบุกเบิกการทำเกษตรอินทรีย์เป็นครั้งแรกในชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ชื่อ “ฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์” เมื่อ 15 ปีที่แล้ว

 

สิ่งที่ยากสำหรับการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์คือ ต้องใช้ที่ดินผืนใหญ่ ซึ่งไม่เคยทำเกษตรกรรมมาก่อนติดต่อกัน 3 ปีขึ้นไป เพราะสารเคมีที่สะสมอยู่ในดินใช้เวลาย่อยสลายอย่างน้อย 5 ปี การเลือกที่ดินจึงสำคัญมาก ถ้าที่ดินผืนเล็กเกินไป ถึงเราไม่ใช้สารเคมี แต่ที่ดินข้างๆฉีดปุ๋ยเคมีและใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีพวกนี้ก็จะกระจายมาถึงที่ดินเรา ผมยังต้องใช้เวลา 1 ปีเต็ม ปรับปรุงที่ดิน ที่ดินของผมเดิมเป็นดินเหนียวสีแดง ระบายน้ำไม่ดี ทำให้รากพืชเน่าและเป็นโรคง่าย จึงได้รับคำแนะนำให้ปรับปรุงดินใหม่เพื่อให้เป็นดินร่วนสีดำที่อุดมสมบูรณ์ และสามารถระบายน้ำได้ดี แทนที่จะใช้วิธีพลิกหน้าดินและการไถกลบวัชพืชอย่างที่นิยมกัน ผมเลือกปลูกพืชหมุนเวียนแทน และปล่อยให้พืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติทำหน้าที่ปุ๋ยธรรมชาติ ขณะเดียวกันผมก็ต้องลงทุนขุดบ่อบาดาลและสร้างอ่างเก็บน้ำของตัวเองเพื่อกัก เก็บน้ำไว้ทำการเกษตร และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากลำธารรวมกับไร่นาของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้ำสูตรใหม่ สิ่งมหัศจรรย์ที่ค้นพบอีกอย่างคือ บทบาทและหน้าที่ของแมลง ตอนทำฟาร์มใหม่ๆ ผมพยายามหาทุกวิธีไล่แมลงที่มากัดกินพืชผัก กระทั่งค้นพบว่า ถ้าผักที่เราปลูกแข็งแรงดีก็จะไม่เป็นโรคและไม่โดนแมลงกัดกิน เพราะแมลงเหล่านี้มีหน้าที่กัดกินผักที่ไม่แข็งแรง ยิ่งฉีดยาฆ่าแมลงเท่าไหร่ ผักก็ยิ่งอ่อนแอ และยิ่งล่อแมลงให้มากัดกิน เหมือนแมลงกำลังส่งสัญญาณเตือนมนุษย์ว่าอย่ากินผักพวกนี้ ผมยังค้นพบว่าการปลูกพืชสมุนไพรสลับกับผักช่วยป้องกันโรคและแมลงได้ดี ผืนดินที่ใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีถือเป็นดินป่วย พืชผักที่ปลูกบนดินป่วย ก็จะได้ผลผลิตที่ป่วย เมื่อเรากินเข้าไปจึงป่วยตาม

 

สุขล้นด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ “ญี่ปุ่นหัวใจไทย” สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นใต้ผืนดินสยาม

 

 

โดย ทีมข่าวหน้าสตรี 22 มิ.ย. 2557 05:01

 

EyWwB5WU57MYnKOuFZgdLdr0QryrIoUQbmjQ01dR4pxCePURhOAZzq.jpg

 

 

นายโช โอกะ ชาวญี่ปุ่นกับแปลงปลูกผักปลอดสารพิษบนพื้นที่เขาใหญ่

 

ก็ เพราะประเทศไทยเป็นดินแดนในน้ำมีปลา...ในนามีข้าว ความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทย และอัธยาศัยไมตรีจิตของคนไทย จึงกลายเป็นเสน่ห์ลี้ลับที่ทำให้นักธุรกิจใหญ่ชาวญี่ปุ่น “โช โอกะ” รู้สึกนะจังงังราวกับต้องมนต์ขลัง จนตัดสินใจทิ้งเงินเดือนหลายแสนบาท และตำแหน่งประธานบริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อผันตัวมาเป็นเกษตรกรไทยเต็มตัว เริ่มบุกเบิกการทำเกษตรอินทรีย์เป็นครั้งแรกในชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ชื่อ “ฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์” เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับผืนดิน “เขาใหญ่” มรดกโลกทางธรรมชาติของไทย กระทั่งค้นพบความมหัศจรรย์ของวิถีการทำเกษตรแบบใหม่ที่พอเพียงและยั่งยืน

อะไรทำให้หลงรักเมืองไทย จนตัดสินใจอยู่ยาวถึงทุกวันนี้

ผมมาอยู่เมืองไทยได้ 20 ปีแล้ว โดยบริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่น ส่งมาเป็นประธานบริษัทที่ประเทศไทย เมื่อปี 1994 ตอนนั้นผมอายุ 38 ปี ผมประทับใจประเทศไทยมาก รู้สึกว่าเมืองไทยอุดมสมบูรณ์มาก และสิ่งดีที่สุดของเมืองไทยก็คือคนไทย ซึ่งมีน้ำใจดีมาก ตอนนั้นผมคิดว่าเมืองไทยน่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาได้ไกล และเป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ชีพจรลงเท้าตั้งแต่หนุ่มๆ เลยไหม วาดฝันไหมว่าจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน

ตั้งแต่เป็นนักเรียน ผมมีเป้าหมายในชีวิตแล้วว่า อยากทำงานในต่างประเทศ เพราะญี่ปุ่นเป็นแค่ประเทศเล็กๆ ผมอยากออกไปท่องโลกกว้าง อยากเรียนรู้อะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนมาทำงานที่เมืองไทย ผมเคยทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในออสเตรเลียอยู่ 2 ปีครึ่ง ก่อนจะกลับไปทำงานบริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก และได้รับการโปรโมตส่งไปคุมสาขาในไต้หวัน และประเทศไทย

เพราะอะไรถึงกล้าทิ้งเงินเดือนหลายแสนบาท มาเป็นเกษตรกรเต็มตัว

ผมทำงานกับบริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของญี่ปุ่นทั้งหมด 15 ปี คิดมาตลอดว่าสักวันจะต้องหาโอกาสทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่จุดเปลี่ยนชีวิตมาถึงเมื่อบริษัทอเมริกันเข้าซื้อกิจการของเรา ทำให้รูปแบบการทำธุรกิจเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่ผู้บริหารญี่ปุ่นมีนโยบายว่าอุปกรณ์การแพทย์มีไว้เพื่อช่วยเหลือ คน แต่การทำธุรกิจแบบตะวันตกกลับเน้นเรื่องผลกำไรและแผนการตลาด ซึ่งผมยอมรับไม่ได้ หลังจากทนทำงานกับคนอเมริกันได้ 1 ปี ผมก็ตัดสินใจลาออก และปิดฉากชีวิตการทำงาน 15 ปี ในบริษัทดังกล่าว โดยบอกตัวเองว่า ถึงเวลาที่ควรทำเกษตรได้แล้ว

ทำไมจึงเลือกปักหลักทำเกษตรอินทรีย์ที่เขาใหญ่ แทนที่จะกลับญี่ปุ่น

สมัยทำงานที่บริษัทผลิตอุปกรณ์การแพทย์ มีสาขาอยู่ที่เขาใหญ่ ผมต้องเดินทางไปประชุมที่เขาใหญ่เป็นประจำทุกเดือน และทุกครั้งที่นั่งรถผ่านองค์พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่กลางเขา ผมมักได้ยินเสียงผุดขึ้นมาว่า ควรทำเกษตรได้แล้ว!! ความคิดนี้วิ่งในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะมาทำการเกษตร สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือ การตัดสินใจว่าจะซื้อที่ดินแถวไหนดี ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรดลใจ!! องค์พระพุทธรูปสีขาวทอดสายตามองลงมายังผืนดินผืนหนึ่งบริเวณนั้น จึงบอกเพื่อนคนไทยว่าอยากให้ช่วยหาข้อมูลที่ดินตรงเชิงเขาที่พระพุทธรูป ประดิษฐานอยู่ หลายวันต่อมาเพื่อนบอกข่าวดีว่า ตาแหลมมากเลย “โอกะซัง” ที่ดิน 50 ไร่ ตรงนั้นยังว่างอยู่ ผมจึงเจรจาต่อรองเพื่อขอซื้อที่ดินสำหรับทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์

เป็นชาวต่างชาติเข้ามาทำเกษตรในเมืองไทย เจออุปสรรคเยอะไหม

อุปสรรคแรกคือเรื่องเงินทุนสำหรับซื้อที่ดิน สร้างสถานีวิจัย และสร้างโรงงาน เงินทุนที่ผมเก็บสะสมไว้มีแค่ 12 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะสร้างฟาร์มเกษตรอินทรีย์อย่างที่ฝัน ผมต้องเจรจาขอกู้เงินธนาคาร และขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าบริษัทเก่า กระทั่งสามารถตั้งบริษัท ฮาร์โมนี ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เมื่อปี 2542 โดยการดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติเท่า นั้น NjpUs24nCQKx5e1DHZLeR7jvZwr3RBBqm0LlLE4YTxm.jpg การเพาะปลูกแบบปลอดสารพิษ

เกษตรอินทรีย์เป็นเรื่องใหม่ในยุคนั้น ต้องลองผิดลองถูกขนาดไหนกว่าจะใช่

ตอนผมเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ ปี 2542 ยังไม่มีเกษตรกรไทยคนไหนทำเกษตรอินทรีย์จริงจัง กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำรวจพบว่า เกษตรกรไทยใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีมากถึง 99.8% เมื่อเทียบกับพื้นที่เกษตรทั่วประเทศ สิ่งที่ยากสำหรับการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์คือ ต้องใช้ที่ดินผืนใหญ่ ซึ่งไม่เคยทำเกษตรกรรมมาก่อนติดต่อกัน 3 ปีขึ้นไป เพราะสารเคมีที่สะสมอยู่ในดินใช้เวลาย่อยสลายอย่างน้อย 5 ปี การเลือกที่ดินจึงสำคัญมาก ถ้าที่ดินผืนเล็กเกินไป ถึงเราไม่ใช้สารเคมี แต่ที่ดินข้างๆฉีดปุ๋ยเคมีและใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีพวกนี้ก็จะกระจายมาถึงที่ดินเรา ผมยังต้องใช้เวลา 1 ปีเต็ม ปรับปรุงที่ดินเพื่อให้เหมาะกับการทำเกษตรอินทรีย์ ผมจบด้านประมงศาสตร์ ไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน จึงเริ่มต้นจากศูนย์ นอกจากจะอ่านหนังสือทุกเล่ม ผมยังตระเวนขอความรู้จากอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อขอคำแนะนำปรับสภาพดินและเตรียมน้ำทำการเกษตร

สิ่งมหัศจรรย์ที่ค้นพบจากการเป็นเกษตรกรมือใหม่ อะเมซซิ่งแค่ไหน

ที่ดินของผมเดิมเป็นดินเหนียวสีแดง ระบายน้ำไม่ดี ทำให้รากพืชเน่าและเป็นโรคง่าย จึงได้รับคำแนะนำให้ปรับปรุงดินใหม่เพื่อให้เป็นดินร่วนสีดำที่อุดมสมบูรณ์ และสามารถระบายน้ำได้ดี แทนที่จะใช้วิธีพลิกหน้าดินและการไถกลบวัชพืชอย่างที่นิยมกัน ผมเลือกปลูกพืชหมุนเวียนแทน และปล่อยให้พืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติทำหน้าที่ปุ๋ยธรรมชาติ ขณะเดียวกันผมก็ต้องลงทุนขุดบ่อบาดาลและสร้างอ่างเก็บน้ำของตัวเองเพื่อกัก เก็บน้ำไว้ทำการเกษตร และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากลำธารรวมกับไร่นาของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้ำสูตรใหม่ สิ่งมหัศจรรย์ที่ค้นพบอีกอย่างคือ บทบาทและหน้าที่ของแมลง ตอนทำฟาร์มใหม่ๆ ผมพยายามหาทุกวิธีไล่แมลงที่มากัดกินพืชผัก กระทั่งค้นพบว่า ถ้าผักที่เราปลูกแข็งแรงดีก็จะไม่เป็นโรคและไม่โดนแมลงกัดกิน เพราะแมลงเหล่านี้มีหน้าที่กัดกินผักที่ไม่แข็งแรง ยิ่งฉีดยาฆ่าแมลงเท่าไหร่ ผักก็ยิ่งอ่อนแอ และยิ่งล่อแมลงให้มากัดกิน เหมือนแมลงกำลังส่งสัญญาณเตือนมนุษย์ว่าอย่ากินผักพวกนี้ ผมยังค้นพบว่าการปลูกพืชสมุนไพรสลับกับผักช่วยป้องกันโรคและแมลงได้ดี ผืนดินที่ใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีถือเป็นดินป่วย พืชผักที่ปลูกบนดินป่วย ก็จะได้ผลผลิตที่ป่วย เมื่อเรากินเข้าไปจึงป่วยตาม

อะไรคือความหมายแท้จริงของคำว่า “ออแกนิก”

การเพาะปลูกแบบปลอดสารพิษ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีแม้แต่นิดเดียว เยอรมนีสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับออแกนิกเป็นประเทศแรก มีกติกาข้อบังคับหลายอย่าง อาทิ ต้องเพาะปลูกบนผืนดินที่ใช้ทำการเกษตร, ผืนดินที่ใช้ทำการเกษตรต้องไม่ใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีติดต่อกัน 3 ปีขึ้นไป, ต้องไม่มีสารเคมีในผลผลิตการเกษตร ทั้งในผืนดินและน้ำ, วัตถุดิบที่ใช้ทำปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ต้องมาจากการทำเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด และเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ต้องไม่ผ่านกระบวนการเคมี แม้แต่บรรจุหีบห่อพืชผลก็ต้องใช้วัสดุที่ปลอดสารเคมี

“ฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์” ประสบความสำเร็จสมใจนึกหรือยัง

(ยิ้มกว้าง) เริ่มแรกเรามีคนงาน 10 คน ทุกวันนี้มีคนงาน 60 คนแล้ว เราปลูกผลผลิตได้หลากหลาย 70 ชนิด มีทั้งผัก, ผลไม้ และสมุนไพร เรายังมีโรงงานแปรรูปผลผลิตจากพืชพันธุ์ออแกนิก ผลิตน้ำยาล้างจานสูตรธรรมชาติ, น้ำยาซักผ้าสูตรธรรมชาติ, สบู่โอลีฟออยล์ปลอดสารเคมี, แยมปลอดสารเคมี, ชาสมุนไพรออแกนิก และบะหมี่ผักทำจากผงผักโมโรเฮยะ ที่ส่งออกไปขาย 10 ประเทศทั่วโลก โดยสิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือ การก่อตั้งสถานีวิจัยเกษตรอินทรีย์ ผมสร้างห้องวิจัยขนาด 100 ตารางเมตร ภายในฟาร์ม เพื่อชวนเกษตรกรที่สนใจเรื่องออแกนิกมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ค้นคว้าวิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ออกไปให้กว้างขวางที่สุด

อะไรทำให้มั่นใจว่า คนตัวเล็กๆจะสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้

การทำฟาร์มออแกนิกเปรียบเสมือนการเริ่มต้นก้าวเล็กๆ ถ้าเราสามารถทำให้เกษตรกรทั้งโลกเข้าใจเรื่องเกษตรอินทรีย์ ก็จะช่วยยับยั้งการทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีสาเหตุมาจากเกษตรกรรม ผมเชื่อมั่นว่าวิถีของเกษตรอินทรีย์จะช่วยให้เกษตรกรไทยเลิกจน!! ไม่ว่าประเทศไหนในโลกก็อยากซื้อผลผลิตจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ผมยินดีเปิด “ฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์” ให้เกษตรกรไทยทุกคนได้มาศึกษาเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ เพื่อนำกลับไปพัฒนาการทำเกษตรกรรมของตนเอง หลายคนพูดว่าการทำเกษตรอินทรีย์ยาก แต่เกษตรกรมือใหม่อย่างผมยังทำได้ ยิ่งเป็นเกษตรกรมืออาชีพด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำได้ดีแน่นอน

ฝากบอกเกษตรกรไทยหน่อยค่ะ วิถีเกษตรอินทรีย์ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร

ผมคิดว่ามันอาจสายเกินแก้ ถ้าเราไม่เลิกทำเกษตรที่ใช้ยาฆ่าแมลงและสารเคมี การทำเกษตรกรรมในปัจจุบันเป็นการทำเพื่อหาเงินให้ได้เร็วที่สุด ต่อให้มีความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ พวกเขาก็ไม่คิดจะทำ เกษตรกรไทยทุกวันนี้ยากจนมาก เพราะก้มหน้าก้มตาปลูกให้ได้ผลผลิตมากที่สุด เพื่อนำไปขายพ่อค้าคนกลางซึ่งเอาแต่กดราคา ผมอยากให้คิดใหม่ว่า ใครคือตลาดที่แท้จริง เราจะปลูกผักผลไม้ไปขายใคร แล้วลองนำผักผลไม้ของเรามาตั้งราคาและวางขายเองดีกว่า การทำเกษตรอินทรีย์เปิดโอกาสสู่การทำธุรกิจมากมาย เราต้องปฏิรูปเกษตรกรรม ระบบการกระจายสินค้า และกลยุทธ์การตลาด แล้วส่งเสริมให้เกษตรกรได้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง NjpUs24nCQKx5e1DHZLeR7jvZwr3RBBjaEDIwFMO1Yy.jpg ผักของฟาร์มฮาร์โมนีไลฟ์

อะไรคือความฝันสูงสุดของเกษตรกรญี่ปุ่นหัวใจไทย “โช โอกะ”

ผมอยากสร้างสังคมที่มีความสอดคล้องกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ วางรากฐานของวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ใครก็ทำได้ ผมหวังว่าคนหนุ่มสาวจะมีความหวังในเกษตรกรรม และหันมาช่วยกันปกป้องธรรมชาติด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัย...สร้างสุขภาพที่ดีให้ชาวโลก.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การขุดคอคอดกระ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ

 

 

ส้มโอมือ หอมเย็นชื่นใจ

 

9 ชม.

 

 

 

 

ผมฟังคลิปท่านพอเอกประยุทธ พูดชัดเจนอย่างหนักแน่นว่าไม่มีการขุดคอคอดกระ มีกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ผมเลยค้นข้อมูลเรื่องนี้ ความเห็นส่วนตัวผมคือไม่ขุดครับ

 

1)ทำไมเรื่องแยกดินแดนใน 3 จังหวัดภาคใต้ยังไม่สงบ ถ้าเป็นเรื่องของ3จังหวัดต้องการแยกตัวเท่านั้น เรื่องแค่นี้น่าจะจบไปแล้ว แต่เพราะมีประเทศอื่นมาเกี่ยวด้วยแน่ แต่ถ้ามีการขุดคอคอดกระขึ้นมาเมื่อไหร่ เรื่องจะใหญ่กว่าเก่าแบบเทียบกันไม่ได้เลย เพราะหากมะกันกับ จีน มีปัญหา ทำสงครามกัน ครองกระนี่แหละ จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องทุ่มสรรพกำลัง ยึดครองให้ได้ เราคงจะได้เห็นทัพเรือของมะกัน เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำ ปิดเส้นทางทั้สองด้าน ในขณะที่จีนก็เคลื่อนทัพทางบกผ่านลาว เข้าภาคเหนือ ภาคอีสาน ผ่านกรุงเทพ ไปตรึงกำลังไว้เป็นแน่

 

2)ถ้าเราลงทุนจะไม่มีปัญหาอันใดที่ต่างประเทศจะแทรกแซงในธุรกิจอันเป็นไปตามอธิปไตยของไทย แต่เงินลงทุนมากซึ่งเราคงไม่ไหว ถ้าใช้ทุนของต่างชาติเราจะเสียอธิปไตยในเขตคลอง จะทุนจีนอเมริกาก็จะเหล่ ใช้ทุนญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกน้องอเมริกาจีนก็เหล่

 

3)เคยได้ยินคำว่ามีภัยเพราะมีของล้ำค่าติดตัว ขุดเมื่อไหร่มหาอำนาจต้องการมีอำนาจเหนือพื้นที่บริเวณนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

เพราะมีผลอย่างมากในเกมส์แย่งชิงอำนาจของประเทศใหญ่ ตะวันออกกลางโชคดีที่มีน้ำมัน แต่โชคร้ายเพราะน้ำมันเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต้องการ ---หลังการขุดคลองมหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงการแบ่งแยกดินแดนมากกว่าเดิมมากมาย ดูตัวอย่างคลองปานามา

อดีตไม่มีประเทศปานามาครับ ทั้งหมดเป็นของโคลัมเบีย หลังการขุดคลอง ได้เกิดมีขบวนการแบ่งแยกดินแดนโคลัมเบียโดยแยกเขตปานามาออกเป็นอีกประเทศหนึ่งต่างหากจากโคลัมเบีย รัฐบาลโคลัมเบียได้ส่งกองทหารไปเพื่อจะปราบขบวนการนี้ แต่ได้ถูกต้านโดยนาวิกโยธินอเมริกันแห่งเรือลาดตะเวน ส.ร.อ. ชื่อ “แนชวิลล์” ซึ่งอ้างนัยของสัญญาที่มีไว้แต่ปางก่อนว่า ส.ร.อ. มีสิทธิคุ้มครองที่จะให้บริเวณคอคอดปานามานั้นเป็นแดนเปิด การสู้รบระหว่างกองทหารของรัฐบาลโคลัมเบียกับขบวนการเอกราชของปานามาจึงสงบลง ต่อมาอีกไม่กี่วันรัฐบาล ส.ร.อ. ก็รับรองประเทศปานามาที่ตั้งขึ้นใหม่นั้น และประเทศปานามาก็ทำสนธิสัญญายกเขตคลองปานามาให้อยู่ในความอารักขาของ ส.ร.อ.

 

10426718_758970770808155_7937968786429502025_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝากผู้มีอำนาจด้วยครับ

การ เปิดเสรีตลาดเงินและตลาดทุน อันตรายมากนะครับ คิดให้ดีนะครับ ทำไมวันนี้ญี่ปุ่นถึงพังและยังไม่ฟื้น ทำไมจีนถึงไม่พังและยิ่งใหญ่ จีนคงศึกษาปัญหาของญี่ปุ่นมาอย่างดีแล้วจีนถึงไม่พังแบบญี่ปุ่น

 

ปัญหา หลักของญี่ปุ่นคือหลังแพ้สงคราม อเมริกาไม่ได้คุมแค่กองทัพอย่างเดียว แต่เขาทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนของญี่ปุ่นเปิดเสรี เคยอ่านค่าเงินของญี่ปุ่นนานมากเคยอยู่240เยนต่อ1เหรียญ(ผมเปิดหาย้อนหลัง ได้แค่ปี1990ที่160เยน/เหรียญ เช้าวันที่ผมเขียนเรื่องนี้อยู่101.82เยน/เหรียญ) ถ้าวันนี้ตลาดเงินและตลาดทุนของจีนเปิดเสรี คงโดนอเมริกาเล่นงานจนพังแบบที่ทำกับญี่ปุ่นมาแล้ว สิ่งที่เกิดกับญี่ปุ่น ตลาดหุ้นโดนดันขึ้นไปสูงมากกกก(ถึงวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นก็ยังต่ำกว่าวันนั้น มาก) ราคาที่ดินโดนดันไปสูงมาก(เคยอ่านเจอว่าราคาที่ดินตอนนั้นเทียบแล้วสูงที่ สุดในโลก) ทำให้ค่าเงินแข็งอย่างมากมาย เมื่อเงินแข็งมากมายสินค้าญี่ปุ่นก็จะแพงขึ้นมากจนแข่งในตลาดโลกไม่ได้

 

ทำไม จีนไม่ปล่อยค่าเงินแข็งมากมายตามใจอเมริกา ค่าเงินของทุกประเทศควรปล่อยแข็งหรืออ่อนตามสภาพที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ ไม่ใช่เปิดตลาดเสรีให้ใครมารุมทุบได้ ถ้าวันนี้ค่าเงินของจึนแข็งค่าขึ้นแรงแบบที่ญี่ปุ่นเจอ(240ไป100เยนต่อ เหรียญ) จีนพังแน่

 

ไทยควรปล่อยให้ตลาดเงินและตลาดทุนเราเสรีอีกมั้ย ถึงวันนึงเมื่อเขาอยากทุบ จะเกิดอะไรขึ้น

 

ข้าง ล่างนี้เป็นบทความของเพื่อนทางเฟซ แต่ไม่ไดระบุชื่อผู้เขียนเพราะยังไม่ได้ขออนุญาตแบบเป็นทางการ ผู้เขียนอาจไม่ต้องการเผยแพร่ชื่อแบบสาธารณก็ได้

 

ในปี 1999 Ben Bernanke ได้แสดงแนวคิดต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของญี่ปุ่นในช่วงปี 1990-1999 โดยธนาคารกลางของญี่ปุ่นดังนี้

 

(ปี 1999 Bernanke ยังไม่ได้เป็นประธาน FED แต่ยังเป็นนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Princetion มหาวิทยาลัยเดียวกับ Martin Armstrong)

 

- เป็นความผิดพลาดของธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่ไม่กล้าลงมือทดลองปฏิบัติทางเลือกต่างๆ ในการฉุดเศรษฐกิจของประเทศออกจากภาวะชะลอตัว (ระหว่างปี 1990-1999 GDP ของญี่ปุ่นเติบโตเฉลี่ยน้อยกว่า 0.9% ต่อปี)

 

- ตามความเห็นของ Bernanke ความผิดพลาดของธนาคารกลางญี่ปุ่นในอดีตได้แก่

1. ความผิดพลาดในช่วงปี 1987-1989 ที่ไม่ดำเนินนโยบายเข้มงวดเมื่อมีสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะรุนแรงขึ้น

2. ความผิดพลาดในช่วงปี 1989-1991 จากนโยบายที่ไปเร่งให้ฟองสบู่ที่เกิดขึ้นไปแล้ว แตกเร็วยิ่งขึ้น

3. ความผิดพลาดในช่วงปี 1991-1994 ที่ไม่ดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายอย่างเพียงพอ ในขณะที่ราคาสินทรัพย์ ระบบธนาคาร และ เศรษฐกิจถดถอยลงอย่างมาก

 

- Bernanke ได้วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนั้นว่าเกิดขึ้นเพราะ Aggregate Demand Deficiency สภาวะอุปสงค์ไม่เพียงพอ (กำลังซื้อสินค้าไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ) ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นในตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำมาก, ตัวเลขการเติบโตของ GDP ก็ต่ำมากเช่นกัน

 

- หลายฝ่ายเชื่อว่าญี่ปุ่นติดกับดักสภาพคล่อง (liquidity trap) ดังจะเห็นได้จาก 1) อัตราดอกเบี้ยขณะนั้นอยู่ที่ 0% 2) แม้ตัวเลขฐานเงินในระบบจะขยายขึ้นแต่ดูเหมือนว่าธนาคารต่างๆยินดีที่จะถือ เงินส่วนเกินไว้กับตัวเอง แทนที่จะปล่อยกู้ออกไป ทำให้การขยายตัวของเงินที่หมุนเวียนในระบบต่ำ

 

- Bernanke เชื่อว่า ธนาคารกลาง ร่วมกับ องค์กรรัฐองค์กรอื่นๆ เช่นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ในการ ร่วมกันนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักสภาพคล่องได้

 

- เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักสภาพคล่อง Bernanke เสนอแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลกลาง 2 ขั้นตอน

1. รัฐบาลกลางสามารถเพิ่มระดับความต้องการซื้อของตลาด (aggregate demand) และเพิ่มระดับราคาสินค้าในตลาดได้

2. การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่าย(ที่เป็นตัวเงิน) และการเพิ่มราคาของสินค้า จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นสู่การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

- Bernanke บอกว่า นอกจากจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0% แล้ว ธนาคารกลางยังสามารถใช้เครื่องมืออีกอันหนึ่งได้ ก็คือการพิมพ์เงิน เครื่องมือนี้ดีกว่าการออกพันธบัตรที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ไม่มีวันหมดอายุ ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินออกมา มากเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ หลังจากนั้นธนาคารกลางก็ใช้เงินที่พิมพ์ออกมานั่นเองไปซื้อสินทรัพย์ในท้อง ตลาด ซึ่งสุดท้ายจะผลักดันให้ราคาสินทรัพย์/สินค้าในตลาด เพิ่มสูงขึ้น (ผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น) แม้ดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ 0% ก็ตาม

 

ต่อไปนี้คือข้อเสนอของ Bernanke ต่อธนาคารกลางญี่ปุ่น ต่อการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนั้น

(เป็นวิธีการเดียวกับที่ Bernanke และคณะ กำลังพยายามแก้ไขปัญหาสหรัฐในปัจจุบันนี้ไม่มีผิดครับ- ผู้แปล)

 

1. Commitment to Zero rates – with an inflation target การประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยให้คงที่อยู่ที่ 0% พร้อมกับตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อ

ผลของการประกาศนี้ จะทำให้ความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นหมดไป และกดดันอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวให้ต่ำลงด้วย การประกาศเป้าเงินเฟ้อ ก็จะช่วยให้ภาคธุรกิจมีข้อมูลว่านโยบายจะมีผลไปนานแค่ไหนก่อนจะมีการเปลี่ยน แปลง

 

2. Depreciation of the Yen การลดค่าเงินเยน

Bernanke ได้แนะนำว่า ญี่ปุ่นควรแทรงแซงค่าเงินของตนเพื่อลดค่าเงินเยนลงอย่างมาก การลดค่าเงินลงจะทำให้สินค้านำเช้ามีราคาสูงขึ้น ราคาสินค้าที่สูงขึ้นก็จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว แม้มีข้อโต้แย้งว่าการลดค่าเงินอาจนำมาซึ่งความตึงเครียดระหว่างประเทศ และเป็นการเอาเปรียบคู่ค้า แต่ Bernanke มองว่าเมื่อเศรษฐกิจของประเทศ(ที่ลดค่าเงิน) ดีขึ้น สุดท้าย ก็จะไปกระตุ้นให้มีธุรกิจทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้ามากขึ้น ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย

มีข้อโต้แย้งว่า เมื่อดอกเบี้ยอยู่ที่ 0% (ลดลงอีกไม่ได้แล้ว) จะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าได้อย่างไร Bernanke บอกว่า ก็ทำโดยการที่ธนาคารกลางประกาศว่าจะทำการแทรกแซง พร้อมทั้งพิมพ์เงินเยนออกไปซื้อเงินสกุลต่างประเทศมากๆ (แบบสวิสทำตอนนี้) ก็จะกดดันค่าเงินให้อ่อนลงได้มาก

 

อย่างไรก็ตามหากการพยายามลดค่าเงิน ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ อาจเพราะจะทำให้เกิดการขัดแย้งกับประเทศคู่ค้า (เช่นตอนที่สหรัฐปล่อยให้ค่าเงินอ่อนลงมาเหลือ 29.5 บาท หลายประเทศส่งเสียงก่นด่าสหรัฐ จนเกือบเกิด currency war ในช่วง 4-5 เดือนทีผ่านมา)

ทางเลือกหนึ่งที่จะทำได้โดยไม่กระทบต่อการค้าระหว่าง ประเทศเลยก็ คือ “Helicopter Drop” (การโปรยเงิน) คือการพิมพ์เงินแจก ลงไปยังครัวเรือนของประชาชน ซึ่งน่าจะมีผลกระตุ้นให้ระดับราคา(เงินเฟ้อ) ขยับขึ้นได้ แต่ถ้าหากราคาสินค้าไม่ขยับสูงขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนมีความมั่งคั่งสูงขึ้น

 

การพิมพ์เงินขึ้นมาทำ ให้เม็ดเงินที่พิมพ์ขึ้นมาไม่เป็นภาระในอนาคต ที่รัฐบาลจะต้องเก็บภาษีจากประชาชนมาชดเชย ทำให้ประชาชนมั่นใจในการใช้จ่ายอย่างเต็มที่ และจะทำให้ในอนาคตรัฐบาลเก็บภาษีได้มากขึ้นด้วย จากการใช้จ่ายของประชาชนที่เพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม หาก “การโปรยเงิน” อาศัยเม็ดเงินจากการออกพันธบัตร (กู้) ผลที่ได้จะไม่ได้ผลดังที่ได้กล่าวไว้ข้างบน

 

หาก รัฐบาลไม่มีกฎหมายหรือไม่มีกลไก ในการโปรยเงินลงไปยังประชาชน เครื่องมือในการโปรยเงินชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ได้ (โดยถูกกฎหมาย) ก็คือ กาลดภาษี โดยทั้งนี้ธนาคารกลางต้องไปซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลจากท้องตลาด โดย ซื้อคืนพันธบัตรในปริมาณเท่ากับ ปริมาณเงินภาษีที่หายไปจากการลดภาษีนั้น (เท่ากับว่าไม่มีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากการใช้นโยบายภาษี)

 

3. Nonstandard Open-market Operations การเข้าไปแทรกแซงในตลาดเงิน ในรูปแบบอื่นๆ

เช่น การที่ธนาคารกลางเข้าไปซื้อหนี้เน่าจากสถาบันการเงิน ในราคาเต็ม (full face-value) ซึงก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหา หรือการให้เปล่าเงินแก่ภาคเอกชน ซึ่งก็น่าจะได้ผลต่อเศรษฐกิจเช่นเดียวกับการโปรยเงินแก่ภาคครัวเรือนนั่นเอง

หรือ การที่ธนาคารเข้าไปซื้อสินทรัพย์ในราคาตลาดที่เหมาะสม (fair market value) เป้าหมายของการทำเช่นนี้ก็เพื่อ กระตุ้นการใช้จ่าย ยกระดับราคาของหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ช่วยธนาคารทางอ้อม)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปฏิรูปประเทศ ควรหยุดshale gas และshale oil เพราะจะทำให้แหล่งน้ำมีสารพิษร้ายแรงปนเปื้อนเป็นเวลาหลายสิบปี

 

เพื่อนๆสมาชิกคงสงสัยทำไมช่วงนี้ได้ข่าวการต่อต้านการขุดเจาะน้ำมัน ทางภาคอีสานกันเยอะ แต่ก่อนทำไมไม่มีการต่อต้าน คาดว่าเป็นเรื่องการสำรวจ shale gas และshale oil กำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก จากการประเมินคาดว่าพื้นที่บริเวณอีสานตอนบนและภาคเหนือตอนล่างมีโอกาสสูงที่จะมี shale gas และshale oil

 

shale gas และshale oil จะทำให้ต้นทุนแก๊สและน้ำมันถูกลงมากแต่ในขณะเดียวกันก็มีภัยร้ายอย่างมหาศาลที่น่ากลัวมาก shale gas และshale oil เป็นการขุดเจาะหาน้ำมันและก๊าซในชั้นหินดินดาน ซึ่งเป็นชั้นหินที่แข็งมากและไม่สามารถขุดเจาะได้ สุดท้ายก็มีการคิดค้นวิธีขุดเจาะfracturing การทำชั้นหินดินดานให้แตก ทำโดยการอัด(ปั๊มพ์)น้ำ-ทราย-สารเคมี อันตรายหลายชนิด เช่น บ็อกไซต์ (bauxite - หินที่มีแร่อลูมิเนียม เหล็ก) ฯลฯ ลงไปที่ระดับความลึก 5,000 เมตร = 5 กิโลเมตร, สร้างคลื่นกระแทกเป็นพักๆ อัดเข้าไป ทำให้เกิดรอยแตกขนาด 1-2 เซนติเมตรในระยะรัศมี 100 เมตร

 

---อันตรายที่จะตามมา สารเคมีที่ใช้อันตรายมากซึ่งแทรกซึมเข้าไปในแหล่งน้ำใต้ดินดำรงอยู่อีกหลายสิบปี แล้วเราจะเอาน้ำสะอาดที่ไหนใช้กันอีก พืชที่ปลูกจะมีสารเคมีอันตราย การเพาะปลูกสำคัญมากสำหรับประเทศเรามาก

 

---ปัญหาก๊าซมีเทนรั่ว และการระเบิด บางแหล่งน้ำจุดไฟติดเลย ในบริเวณที่มีการขุดเจาะก๊าซชนิดนี้ในสหรัฐอเมริกา ชาวนาสามารถจุดไฟบนน้ำจากบ่อในฟาร์มของตนเองได้ จนในสหรัฐอเมริกากลุ่มอนุรักษ์ได้จัดทำสารคดีขึ้นชุดหนึ่งเป็นหนังสั้นชื่อว่า GasLand เพื่อเปิดโปงความเลวร้ายของกระบวนการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติแบบใหม่นี้

 

---สร้างคลื่นกระแทกเป็นพักๆ อัดเข้าไป แรงอัดนี้ไม่น้อยและพบว่าความเชื่อมโยงระหว่างแผ่นดินไหวกับการขุดเจาะแบบพิสดารแบบใหม่นี้

 

@@@น้ำมันไม่เน่าไม่บูด อย่าเพิ่งรีบขุดเจาะเลยครับ เก็บให้รุ่นลูกรุ่นหลานดีกว่าครับ รอจนมีวิธีขุดเจาะที่ปลอดภัยกว่านี้แล้วค่อย ขุดเจาะครับ@@@

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปฏิรูปประเทศ ที่สำคัญ ต้องมีภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง คอยตรวจสอบถ่วงดุลและส่งเสริมอำนาจรัฐ

 

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ในอนาคต ตนมองว่า รัฐในปัจจุบันจะแข็งแรงอย่างแท้จริง จะต้องไม่ใช่ระบบราชการแข็งแรง แต่ต้องมีภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง คอยตรวจสอบถ่วงดุล และส่งเสริมอำนาจรัฐ เพราะในปัจจุบันประเทศไทยถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจสูง ทั้งด้านทหาร พลังงาน การเงิน เศรษฐกิจ ซึ่งถ้า ต่างประเทศให้เงินเพื่อใช้พรรคการเมืองมาเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงก็ไม่ น่าจะลำบาก หรือจะทำสงครามได้

 

“การปฎิรูปให้สำเร็จ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีอำนาจ มีส่วนร่วม และมีการเสรีภาพ บนความรับผิดชอบ และการแก้วิกฤตของประเทศได้ จำเป็นต้องให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งการทำให้รัฐเข้มแข็งอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบแก้ปัญหาประเทศได้อย่างแท้จริง”

 

“ธีรยุทธ” ระบุการปฎิรูปจะสำเร็จได้ ต้องทำให้ภาค ปชช.เข้มแข็ง คอยตรวจสอบถ่วงดุล

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2557 16:36 น.

 

“ธีรยุทธ บุญมี” แนะการปฏิรูปจะสำเร็จได้ ต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็ง มีอำนาจ มีส่วนร่วม และมีเสรีภาพ คอยตรวจสอบถ่วงดุล เหตุประเทศไทยถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจ ทั้งด้านการทหาร พลังงาน การเงิน เศรษฐกิจ ขอเวลา 2 - 3 เดือน ประเมินผลงาน คสช.

 

นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนา หัวข้อ “เหลียวหลังแลหน้าการอภิวัฒน์สังคมไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า ประเทศไทยผ่านการอภิวัฒน์ หรือปฏิรูปมาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยรอบแรกเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 รอบสองเกิดช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุค 2475 ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ รอบสาม เกิดช่วงจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ รอบสี่ เกิดช่วง 14 ตุลาคม 2516 ที่เป็นการอภิวัฒน์ความคิดประเทศไทย โดยกลุ่มปัญญาชนและประชาชน

 

ส่วนรอบที่ห้า เกิดในยุคโลกาภิวัตน์ที่กลุ่มทุนและนักการเมืองได้เป็นตัวละครหลักที่มีทั้ง อำนาจและเงินอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นที่มาของวิกฤตของสังคมไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐไทยเกือบจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะอำนาจรัฐที่เป็นทางการลดลง เกิดการก่อตัวขององค์กรกึ่งทางหรือถูกทำให้เป็นส่วนตัวท้าทายรัฐ ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัย 4 ประการคือ

 

1. การพัฒนาที่ไม่สมบูรณ์และไม่ครบทุกด้าน ซึ่งพื้นที่ที่พ้นไปจากที่ได้รับการพัฒนา จะกลายเป็นรอยต่อหรือชายขอบ ที่จะถูกละเลย ทอดทิ้ง ทำให้คนที่ไม่มีโอกาสพัฒนาหรือไม่มีโอกาสในการเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว จะพยายามใช้พื้นที่ซึ่งเป็นของรัฐ มาเป็นประโยชน์ของตน สภาพเช่นนี้จะทำให้เกิดการใช้อำนาจนอกระบบของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงเกิดเป็นกลุ่มนักเลง แก็งอิทธิพลมีสีและมาเฟียกลุ่มต่างๆ ใช้อำนาจมืด เข้าครอบคลุมไปทุกรอยต่อหรือพื้นที่ใหม่ๆ ที่มีการบุกเบิกเฟื่องฟูขึ้น

 

2. การที่คนไทยไม่รู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิอำนาจและเสรีภาพอย่างแท้จริง และการที่อำนาจการดูแลทรัพยากรในท้องถิ่นไม่กระจายสู่ชาวบ้าน ชาวบ้านเกรงกลัวอิทธิพล ทำให้ไม่เกิดกลไกในการกำกับดูแล ตรวจสอบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

 

3. ปัจจัยไม่สมดุลทางอำนาจในการจัดการทรัพยากร ทำให้เกิดภาวะล้มเหลวของรัฐ เช่น การคอร์รัปชันเชิงนโยบาย หรือการโกงแบบบูรณาการทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ผู้มีอิทธิพล เช่น การประกันความเสี่ยงในการคอร์รัปชัน การล็อกสเปกโครงการ การพยายามใช้กลไกทางการเมืองหรือธนาคาร มาเป็นเครื่องมือของตัวเอง

 

4. การล่มสลายของพื้นที่จริยธรรมและศีลธรรมของสังคมไทยอย่างสิ้นเชิง การจำแนกผิดถูก เลว ดี เหลืออยู่น้อยมาก ซึ่งการพูดว่า การโกงเพื่อเอาตัวเองให้รอดนั้น ถือเป็นอุดมคติที่ถูกเผยแพร่ ซึ่งตนเป็นห่วงนักวิชาการที่คัดค้านอำมาตย์นั้น ทำไมที่ผ่านมาไม่ต่อสู้ เพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งสภาพเช่นนี้กำลังบ่งชี้ได้ว่ารัฐกำลังล้มเหลว

 

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ในอนาคต ตนมองว่า รัฐในปัจจุบันจะแข็งแรงอย่างแท้จริง จะต้องไม่ใช่ระบบราชการแข็งแรง แต่ต้องมีภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง คอยตรวจสอบถ่วงดุลและส่งเสริมอำนาจรัฐ เพราะในปัจจุบันประเทศไทยถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจสูง ทั้งด้านทหาร พลังงาน การเงิน เศรษฐกิจ ซึ่งถ้า ต่างประเทศให้เงินเพื่อใช้พรรคการเมืองมาเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงก็ไม่ น่าจะลำบาก หรือจะทำสงครามได้

 

“การปฎิรูปให้สำเร็จ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีอำนาจ มีส่วนร่วม และมีการเสรีภาพ บนความรับผิดชอบ และการแก้วิกฤตของประเทศได้ จำเป็นต้องให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง ซึ่งการทำให้รัฐเข้มแข็งอย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบแก้ปัญหาประเทศได้อย่างแท้จริง”

 

นายธีรยุทธ กล่าวว่า วันนี้จะไม่พูดการทำงานของ คสช. ครบ 1 เดือน เพราะต้องการให้เวลา คสช. ทำงานตามที่ คสช. เรียกร้อง แต่หลัง 2 - 3 เดือน ก็จะประเมินผลงาน คสช. โดยจะชี้ให้เห็นการทำงานในแต่ละด้าน ซึ่งที่ไม่พูดวันนี้ ไม่ได้กลัวกฎอัยการศึกแต่อย่างใด

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...