ส้มโอมือ 4,910 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ สิงหาคม 29, 2012 ญี่ปุ่นจัด บีบนมการกุศล หาเงินช่วยผู้ป่วยเอดส์ ข่าว » ข่าวต่างประเทศ, ข่าวเด่นประจำวัน, คลิป » ญี่ปุ่นจัด บีบนมการกุศล หาเงินช่วยผู้ป่วยเอดส์ เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันพุธที่ 29 สิงหาคม 2555 เนื้อหานี้อยู่ในหมวด ข่าวต่างประเทศ, ข่าวเด่นประจำวัน, คลิป MThai News: สำนักข่าวของญี่ปุ่น เผยภาพหนุ่มๆผู้โชคดีและสาวๆอาสาสมัครในกิจกรรม บีบหน้าอกเพื่อการกุศล ซึ่งเป็นส่วนในงาน Erotica will Save the World ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่25 – 26 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อนำเงินไปช่วยโครงการSTOP!AIDS โครงการSTOP!AIDS มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยของเอดส์ การดูแลผู้ป่วยรวมทั้งการป้องกันเชื้อเอดส์ด้วย ส่วนกติกา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบีบหน้าอกต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 1.เข้าแถว 2. บริจาคเงินใส่กล่องแล้ว 3. ล้างมือด้วยเจลทำความสะอาด 4. ใช้มือทั้ง 2 ข้าง บีบหน้าอกของสาวๆ ได้ ข้างละ 2 ครั้ง หากยังไม่จุใจ ผู้จัดงานแนะนำว่าก็ให้วนกลับไปเริ่มทำตั้งแต่ข้อ 1ใหม่ 1 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ส้มโอมือ 4,910 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กันยายน 3, 2012 “ชั้นเรียนชาร์จกรดอะมิโน” สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยชั้นนำสักคน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กันยายน 2555 09:04 น. ภาพการติวเข้มก่อน สอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนม.6 ในห้องเรียนภาคค่ำ ของรร.เซี่ยวกั่นอีจง เมืองเซี่ยวกั่น มณฑลหูเป่ย เมื่อวันที่ 4พ.ค.ซึ่งใช้วิธีการเรียนแบบชาร์ตกรดอะมิโนไปเรียนไป เอเยนซี่--"ภาพเด็กนักเรียน มัธยมปลายในโรงเรียนเซี่ยวกั่น ต่อสายฉีดกรดอะมิโนเข้าเส้นเลือดขณะนั่งทบทวนบทเรียนในห้องเรียนเพื่อเตรียม สอบเอ็นทรานซ์" ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อึงอลในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่โรงเรียนให้การสนับสนุนว่าการฉีดกรดอะมิโนช่วยส่ง เสริมการทำงานสมองและพลังงาน โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ทว่าหลังประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนในชั้นดังกล่าว กลับสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเลยสักคน โรงเรียนมัธยมปลายเซี่ยวกั่นอีจง มณฑลหูเป่ย มีนักเรียนสมัครสอบเอ็นฯ 1,300คน ในจำนวนนี้สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำ 222 คน มหาวิทยาลัยอันดับรองลงมา 659 คน แต่ที่น่าเสียดายคือนักเรียน 50 กว่าคนของชั้นเรียนชาร์ตกรดอะมิโน นั้นกลับไม่มีผู้สอบติดมหาวิทยาลัยแถวหน้า ผู้สื่อข่าวจีนได้ไปที่โรงเรียนดังกล่าวเพื่อสอบถามโดยตรงกับทางผู้ บริหาร ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านั้นในช่วงที่ภาพถูกแพร่หลายออกไปเป็นช่วงใกล้สอบเอนทรานซ์ ทั้งอาจารย์และนักเรียนจึงปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกแขนง และปัจจุบันทางโรงเรียนก็ได้ยกเลิกการให้กรดอะมิโนแก่เด็กนักเรียนขณะเรียน ในห้องเรียนแล้ว จัง เซิ่งหวา ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน เพิ่งเสร็จการประชุมแผนการเรียนการสอนในเทอมใหม่ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ “เมื่อ ครู่พวกเราก็เพิ่งคัดค้านชั้นเรียนแขวนขวดกรดอะมิโนไป แต่มันก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้างไปแล้ว ทั้งๆที่พวกเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ” ต่อคำถามที่ว่า เหตุใดนักเรียนที่ทุ่มเทให้กับการเรียนเช่นนี้ จึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐไม่ได้ ท่านผู้ช่วยมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “เป็นเรื่องปกติ” ทั้งนี้ในช่วงที่ภาพ “ชั้นเรียนชาร์ตกรดอะมิโน” ถูกเผยแพร่เมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดความคิดเห็นร้อยแปดพันเก้าจากสื่อและชาวเน็ต บ้างก็ว่าเป็นการ “ติวเข้มแบบพิศดาร” “การศึกษาป่วยจึงจับเด็กฉีดยา” หรือ “สลดใจ โมเดลการศึกษาแบบใหม่” ฯ แต่เด็กนักเรียนและผู้ปกครองหลายคนพยายามชี้ผลดีของการอัดฉีดอะมิโน เช่นหนึ่งในนักเรียนหญิงซึ่งต่อสายฉีดกรดอะมิโนขณะเรียน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนวันสอบหนึ่งวันว่า “ผู้ ที่อยู่ในวงนอกอาจไม่เข้าใจ อย่างหนูเวลาเตรียมสอบร่างกายจะตื่นตัว กินอาหารแล้วไม่ย่อย การเสริมกรดอะมิโนก็เหมือนได้กินเนื้อปลา ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตกใจอะไร” ดร.จัง หยิงเหวิน ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนในโรงพยาบาลจงยี ให้ความเห็นว่า กรดอะมิโนเป็นสารประกอบหนึ่งในอาหารประเภทโปรตีน การได้รับกรดอะมิโน1ขวดก็เท่ากับการกินไข่ไก่ 1-2 ฟอง แต่การ ให้อะมิโนหรือสารประกอบที่คล้ายกัน รวมทั้งการให้ออกซิเจน ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะหากได้รับในปริมาณที่มากเกิน จะทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือกระทั่งเกิดภาวะเป็นพิษ ด้านรศ.เซียว จิ้นซง ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในโรงพยาบาลเดียวกันเห็นว่า ก่อนสอบนักเรียนส่วนใหญ่มักเกิดอาการตื่นเต้น วิตกกังวล นอนไม่หลับ ฯ ผู้ปกครองและอาจารย์ควรแนะนำให้นักเรียนผ่อนคลายจิตใจ ทำใจให้สบายก่อนสอบ การชาร์ตอะมิโนหรือทำอะไรทำนองนี้จะยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น สร้างความกดดันภายในใจมากขึ้น กลับกลายเป็นผลเสียต่อการสอบไป อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กันยายน 20, 2012 ดูคลิปเอาไว้ครับ จะได้ระวัง 3 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ธันวาคม 8, 2012 สำหรับคนแก่ที่ชอบลืม password ครับ 3 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ธันวาคม 23, 2012 (มีการแก้ไข) conspiracy theory 555 ถูกแก้ไข ธันวาคม 23, 2012 โดย MOR LEK อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ ธันวาคม 23, 2012 สุดยอดจริงๆ http://youtu.be/nMB42_mrij8 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ส้มโอมือ 4,910 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มกราคม 31, 2013 อำแรง!จัดฉากพิธีกรสาวโชว์ของสงวนขณะสัมภาษณ์นายกฯเซอร์เบีย(ชมคลิป) โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2556 04:26 น. ดิจิตอลทีวี - สถานีโทรทัศน์แนววาบหวิวของเซอร์เบียอำแรง จัดฉากแกล้งนายกรัฐมนตรี ด้วยให้ทีมงานปลอมเป็นพิธีกรสาวสวมกระโปรงสั้นจู๋ไม่ใส่กางเกงในนั่ง สัมภาษณ์ ทำเอาท่านผู้นำถึงกับอึ้งและแสดงท่าทีอึกอักแต่ก็พอเก็บอาการได้อยู่ สถานีโทรทัศน์เรทเอ็กซ์แห่งหนึ่งทำเอานายกรัฐมนตรีไอวิกา ดาซิค อ้ำอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะระหว่างการสนทนาเรื่องจริงๆจังๆในประเด็นเกี่ยว กับภูมิรัฐศาสตร์แถบคาบสมุทรบอลข่าน ระหว่างการพูดคุยนั้นทีมงานที่ปลอมเป็นพิธีกรสาวแกล้งนั่งขยับตัว แย้มส่วนสงวน เหมือนฉากเด็ดในภาพยนตร์เรื่อง"Basic Instinct"ที่ชารอน สโตน แกล้งนั่งไขว้ห้างโดยไม่ใส่กางเกงใน ทำเอาท่านนายกรัฐมนตรีพูดตะกุกตะกักและไม่อาจกลั้นใจชำเลืองมองไปยังภาพที่ ยั่วยวนนี้ได้ วิดีโอที่ถูกโพสต์ลงบนยูทิวบ์นี้กำลังเป็นที่ฮือฮาบนโลกออนไลน์ ด้วยที่มีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 2 ล้านครั้ง ขณะเดียวกันช่วงหนึ่งของคลิปดังกล่าว ยังเผยให้เห็นภาพพิธีกรตัวปลอมถอดกางเกงใน ก่อนที่ผู้นำเซอร์เบียจะเข้ามาในสตูดิโอในสถานีโทรทัศน์ด้วย ภาพในคลิปจะเห็นนายกรัฐมนตรีดาซิซ ผู้นำพรรคโซเชียลิสต์ ได้รับการต้อนรับหลังจากเดินทางมาถึง จากนั้นเมื่อเขาเข้าไปในสตูดิโอ ทีมงานหุ่นเซ็กซี่ที่ปลอมเป็นพิธีกรสาวก็ทักทายต้อนรับด้วยการจูบแก้ม ก่อนทั้งสองคนจะนั่งลง โดยฝ่ายหญิงนั่งไขว่ข้างต่อหน้านายกรัฐมนตรี เมื่อเริ่มซักถามประเด็นทางการเมือง พิธีกรสาวก็แสร้งทำท่าให้ความสนใจกับการตอบคำถามเรื่องการเมืองแถบคาบสมุทร บอลข่านของนายดาซิค แต่ระหว่างที่การสนทนาดำเนินไปนั้น หญิงสาวก็แกล้งนั่งขยับตัวแย้มส่วนสงวน อย่างไรก็ตามยังดีที่ผู้ผลิตเซนเซอร์ภาพดังกล่าวไม่ให้ผู้ชมทางบ้านเห็น นายกรัฐมนตรีดาซิซ มีสีหน้าช็อคและมิอาจละสายตาไปจากมันได้ กระนั้นเขาก็พิสูจน์ให้เห็นถึงประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ด้วยยังสามารถสงบนิ่งได้และก็แค่ยิ้มแหยๆเท่านั้น อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ กุมภาพันธ์ 10, 2013 3 รูปที่เห็นเป็นโฆษณา dental floss ของคอลเกตในต่างประเทศ ไอเดียของการทำรูปน่าสนใจดีครับ คือน่าจะประมาณว่าความผิดของรูปตั้งใหญ่หลวงแต่คนจะมองไม่เห็น สิ่งที่คุณเห็นคือขี้ฟันเป็นอันดับแรก ดังนั้นคุณต้องใส่ใจเรื่องขี้ฟันก่อน 555 เฉลยข้างล่างครับ * * * * * * * * * * * * * * * ความผิดของรูปบนคือนิ้วคนเยอะจัด รูปกลางคือมือมาจากใหน รูปล่างคือผู้ชายมีหูเดียว อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
MOR LEK 2,835 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ มีนาคม 9, 2013 (มีการแก้ไข) ชื่อเรื่อง "พ่อลืมหมดแล้ว ไม่ลืมแต่ว่ารักคุณ" 他忘記了一切,但從未忘記愛你 เป็นโฆษณาชิ้นนึง...ลูกพาพ่อที่เป็นอัลไซเมอร์ไปกินข้าวร่วมกับคนอื่น จานที่อยู่ตรงหน้าพ่อเหลือเกี้ยวอยู่ 2 ชิ้น พ่อเอื้อมมือไปหยิบมาใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง ลูกชายตกใจในการกระทำของพ่อมาก พ่อบอกว่าจะเอาไปฝากลูกเพราะลูกชอบกิน http://youtu.be/utNs9znPu80 ถูกแก้ไข มีนาคม 9, 2013 โดย MOR LEK 2 อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ส้มโอมือ 4,910 โพสต์รายงาน ได้โพสต์เมื่อ เมษายน 9, 2013 น่าโมโห...เรื่องเอาทรายถมน้ำตก ณ เทือกเขาบรรทัด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2556 18:47 น. หาดทรายที่เกิดจากการขนทรายที่อื่นมาถมตีนน้ำตก และซอกหลืบตามหินก้อนใหญ่ๆ ที่เป็นแหล่งอาศัยของปลา ผู้เชี่ยวชาญปลาโมโหเรื่อง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ขนทรายถมน้ำตก ชี้แหล่งอาศัยของปลาถูกทำลาย แล้วยังพบประชาชนใช้สบู่-แชมพูในน้ำตก ทั้งที่เป็นสารเคมีที่เป็นพิษต่อปลา และไม่สมควรอนุญาตให้ใช้ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ แนะทบทวนและยกเลิกโครงการ เพราะหน้าที่กรมอุทยานฯ ไม่ใช่การบริการนักท่องเที่ยว ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ จากกลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญเรื่อง ปลา เขียนจดหมายเหตุถึงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด รวมถึงประชาชนทุกคน ในเรื่องปรากฏการณ์หาดทรายใต้น้ำตก ณ เทือกเขาบรรทัด ซึ่งเขาเปิดใจแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ถึงเรืองดังกล่าวว่าเป็นเรื่องน่าโมโห ทั้งนี้ เขาได้ไปเที่ยวและทำธุระที่ จ.พัทลุงเมื่อ 7 เม.ย.56 ที่ผ่านมา และหลังจากเสร็จธุระแล้วได้เที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่งตามคำชวนของเพื่อนที่ชื่น ชอบสัตว์จำพวกปลาเหมือนกัน แต่กลับพบว่าสายธารที่ไหลจากน้ำตกนั้นขุ่น ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากลำธารอื่นในช่วงฤดูแล้งยังคงใสสะอาด น้ำตกดังกล่าวคือน้ำตกไพรวัลย์ ซึ่งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา และเป็นส่วนหนึ่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซึ่ง ดร.นณณ์พบว่ามีคนไปเยือนน้ำตกแห่งนี้จำนวนมากผิดปกติ และยังพบสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเขตอนุรักษ์พันธุ์ ดังนี้ “ทันทีที่เดินไปถึงลำธาร ซึ่งคนเยอะมาก (เรื่องทำไมคนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้เยอะแยะ ทั้งๆ ที่หลายๆแห่งต้องขออนุญาตกันเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ขอพูดถึง) เราได้กลิ่นแชมพูและสบู่ฟุ้งไปทั่ว ไปเล่นน้ำที่น้ำตก ทำไมต้องถูสบู่ สระผม ผมไม่เข้าใจ พวกนี้เป็นสารเคมี มีสารลดแรงตึงผิว ซึ่งเป็นพิษกับปลา ไม่ควรอนุญาตให้เอาลงไปใช้ในลำธารในเขตอนุรักษ์เลย” ดร.นณณ์ระบุข้อสังเกตแรกในจดหมายเหตุ ข้อสังเกตที่สองคือพื้นที่หินก้อนใหญ่ๆ และซอกหลืบที่ปกติเป็นที่อยู่ของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ กลายเป็น “หาดทราย” ซึ่งพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ฯ และยังเห็นการการดูดทรายเนื่องจากนำทรายจากที่อื่นมาถมเป็นหาดให้นักท่อง เที่ยวเยอะเกิน จึงดูดออกเพื่อนำไปถมที่ลานกางเต็นท์บริเวณข้างๆ “ผม งง เสียใจ และ โกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่าพันธกิจของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” คือการปรับปรุงสถานที่ให้นักท่องเที่ยว ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีไว้เพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่า แน่นอนว่าจะอนุรักษ์ไว้ทำไมถ้าไม่มีการใช้ประโยชน์ จะปล่อยให้เข้าไปเที่ยวบ้างก็ไม่ว่ากัน (ผมก็อยากไป) แต่ไม่ใช่มีการพัฒนาพื้นที่แบบไม่เข้าใจธรรมชาติเพื่ออำนวยความสะดวกให้นัก ท่องเที่ยวแบบโครงการนี้ ซึ่งผมมองว่าไม่สมควร” ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมระบุในจดหมาย เหตุ ทั้งนี้ ดร.นณณ์ได้แสดงความเห็นไว้ 3 ข้อ ดังนี้ 1.ด้วยความเคารพหัวหน้าเขตฯ ผมมั่นใจว่าท่านมีความรู้ความสามารถทางด้านการจัดการป่าไม้และสัตว์ป่าเป็น อย่างดี และคงหวังดีอยากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่การนำทรายไปถมพื้นที่ตีนน้ำตกเป็นการทำลายแหล่งอาศัยของปลาลำธาร ซึ่งต้องการแหล่งอาศัยเฉพาะ และลำธารในส่วนที่น้ำไหลแรงในเขตภาคใต้ก็มีไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเป็นลำธารสายสั้นและพื้นที่ราบ พอตกลงมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ไหลเป็นลำธารที่ราบแล้ว จะไม่ค่อยมีแก่งให้กลุ่มปลาน้ำไหลอาศัยอยู่ การถมทรายคือการถมบ้านของปลากลุ่มนี้ ซึ่งเพื่อนผมเคยพบปลาบางสกุลถึง 3 ชนิดบางชนิดเป็นปลาที่พบเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถือว่าเป็นความหลากหลายทางชีวภาพที่ควรอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง 2.การนำทรายมาถม ไม่มีทางอยู่ได้อย่างถาวรเนื่องจากพอฤดูน้ำหลากทรายก็จะถูกพัดไหลออกไป เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและทำให้ลำธารด้านล่างต้องรับทรายเพิ่มเติม ก่อให้เกิดการตื้นเขิน ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมต่อไปได้ 3.ผมเชื่อว่าแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งควรจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ไป และการไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ควรได้สัมผัสกับ “ธรรมชาติ” อย่างแท้จริง มิใช่เล่นหาดทรายที่น้ำตก ข้าพเจ้ามั่นใจว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความหวังดี แต่เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าจึงขอความกรุณาให้ท่านทบทวนนโยบายการจัดการพื้นที่และคืนบ้านให้กับ ปลาลำธารในบริเวณดังกล่าวต่อไป ภาพการดูดทรายส่วนเกินเพื่อนำไปถมบริเวณลานกางเต็นท์ อ่านบทความต้นฉบับ จดหมายเหตุ: ปรากฏการณ์หาดทรายใต้น้ำตก ณ เทือกเขาบรรทัด อ้างถึง แชร์โพสต์นี้ ลิงก์ไปโพสต์ แชร์ไปเว็บไซต์อื่น