ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

In God We Trust มันแปลว่า ในนามของพระเจ้าพวกเราเชื่อมั่น

แปลอีกทีหมายความว่า เงินดอลของอเมริกาการันตีโดยพระเจ้า ไม่เหมือนเงินประเทศอื่นที่พระเจ้าไม่สนใจรับรอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าคิดว่าคำนี้แฝงอะไรไ้ว้ หรือถ้าโยงไปถึงกลุ่ม Illuminati ผมคิดว่าน่าจะเป็น in god(หยุด) we trust .......(dollars)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอนอกเรื่องนิดนะครับ พอดีเห็นมีแต่คนคิดว่า ไม่มีความยุติธรรม

 

ความยุติธรรม นั้นมีแน่แท้ครับ

 

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมทั้งปวงหลั่งไหลมาแต่เหตุ

 

ทุกเรื่องย่อมมีเหตุ และผลที่เกิดก็สมควรแก่เหตุ เพียงแต่ วิสัยคนเราไม่อาจรู้เหตุได้ทั้งหมด จึงมักเหมาเอาว่า ไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นทิฏฐิด้านลบนะครับ อาจเป็นเหตุปัจจัยบังปัญญารู้แจ้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกได้ว่าถ้าอเมริกาจะฟื้นขึ้นมาก็เพราะจีนนี่แหละ ที่เข้าไปซื้อ เข้าไปทำโน่นนี่อย่างมากมายในอเมริกา จนคนเขียนบทความบอกว่า พบกับเจ้านายคนใหม่ หุหุ

 

Meet Your New Boss: Buying Large Employers Will Enable China To Dominate 1000s Of U.S. Communities

 

Read more at http://investmentwat...PyvQ8pF3PtpA.99

 

 

ขอบคุณครับคุณหมอ... อ่านแล้วนึกถึงที่หลายๆคนพูดถึงเวลาที่ "ดอลล่าร์จะกลับบ้าน" นี่แหละ ที่จะทำให้เงินเฟ้อในเมืองลุงแซม

เขาว่าที่ผ่านมาเป็นสิบๆปี มันยังไม่เฟ้อ เพราะเงินมันออกนอกประเทศ และคนยังมองว่า มันเป็นยังเป็นเครื่องมือในการรักษาความมั่งคั่งอยู่

เงินมันเลยยังไม่กลับมาเฟ้อที่บ้านของมัน ....

 

* * * * * * * * * * * * * * *

 

ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในมุมมองของผม คงเป็นเรื่องการสร้างหนี้แบบไม่มองซ้ายมองขวา (ตั้งแต่ระดับเล็ก ถึงระดับใหญ่เบิ้ม)

เพราะถ้าเมื่อไหร่ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้อย่างที่ตั้งใจไว้ หรือเกิดอะไรขึ้น คราวนี้เป็นทาส ๓.๐ กันแน่ๆ

 

เรื่องปิโตรดอลล่าร์ที่คุณตาลินด์ซีย์เอามาเล่าให้ฟังไว้ ก็ดูเหมือนว่า จะเป็นแบบนั้น

  1. ลอบบี้ให้ซาอุขายน้ำมันในสกุลดอลล่าร์ โดยสัญญาว่าจะทำราคาน้ำมันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
  2. แต่มีข้อแม้ว่า เวลาได้เงินมาแล้ว จะต้องเอามาซื้อพันธบัตรลุงแซม อายุเป็นสิบๆปี
  3. เสร็จแล้วลุงแซมก็เอาเงินไป "ช่วยเหลือ" ประเทศต่างๆด้วยการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อ "พัฒนาประเทศ"
  4. แต่อย่างไรก็ตาม ลุงแซมปล่อยให้ "ผู้นำ" ในประเทศต่างๆที่กู้เงินไป ใช้เงินได้ตามใจชอบ เพื่อที่จะให้หนี้ที่สร้างขึ้น ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในการชำระหนี้ได้อย่างครบถ้วน
  5. พอไม่มีปัญญาจ่าย ก็มีองค์กร "ระดับโลก" ทั้งหลาย เข้ามาช่วยอุ้ม โดยสามารถสั่งให้ประเทศต่างๆ หันซ้าย ขวา และขายทรัพยากรประเทศ ได้ตามตองการ เพราะมีหนี้ก้อนแรกค้ำคอไว้อยู่

ถ้าจะหาตัวอย่างแบบที่พึ่งเกิดขึ้นในรอบไม่กี่ปีมานี้ ก็มี "กรีซ" นี่แหละ ที่ต้องขายทรัพยากรประเทศออกไป เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ที่นักการเมืองถลุงไว้ก่อนหน้านี้

 

:21

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

CNBC notes 'mysterious' gold dump just ahead of employment report

http://news.goldseek.com/GATA/1370628701.php

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่รู้ว่าจริงเท็จขนาดใหน

เขาบอกว่าธนาคารนั่นแหละเป็นคนที่เอาทองจากไอ้แมงมุม(เอาหุ้นไปเปลี่ยนเป็นทอง) แล้วส่งไปขายที่เอเชียเพราะเอเชียทองขาด ทำให้พรีเมี่ยมสูง(โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้กับเวียดนาม) แค่กำไรตรงนี้ก็บานเบอะแล้ว ถ้าความต้องการของเอเชียยังมากอยู่ ทองไหลออกจากไอ้แมงมุมไม่หยุดแน่ ...ไม่ใช่ว่าไอ้แมงมุมขาย แต่เป็นเพราะลูกค้าเอาหุ้นมาแลกทอง...เวลารายงานออกมาก็คือขายทองนั่นเอง(ไม่ใช่เพราะคนขายทองทิ้ง) นี่เป็นเหตุผลที่ทองถูกทุบ

เพื่อ 1 ปิด S ได้มากขึ้น

2 ทำให้ช่องว่างระหว่างราคาของทอง(ระหว่าง GLD กับทองแท้ที่ส่งขายมันมากขึ้น)

กำไร2 เด้งเลยแบบนี้

 

There were redemptions going on in GLD as early as the second week of January. The reason is very interesting. What was really taking place was the bullion banks were taking gold out of GLD to meet the massive demand out of Asia. This was happening as the premiums in Asia for gold were sky high, up to $50 an ounce.

 

So bullion banks were raiding the GLD ETF for gold and pocketing up to $50 on the spread, just for shipping it to Asia. Eric Sprott has talked about this in his report. That’s a hell of a good business for these bullion banks. But that is why a tremendous amount of tonnage was moving out of GLD. It was because of massive demand for physical gold, not people selling it.

 

There is still a significant premium in Shanghai and Vietnam right now, so the drain out of GLD will continue. For all I know, that’s the reason for the $32 takedown today, so the bullion banks can cover more shorts in the paper market and take advantage of an ever wider spread as they raid GLD and sell the gold into Asia at a massive premium.

http://kingworldnews..._Out_There.html

ถูกแก้ไข โดย MOR LEK

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อวานการจ้างงานดีขึ้นเยอะ (ทองเลยถูกทุบ) แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าทำไมถึงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น (โพสต์กันมาหลายครั้งแล้ว)

ครั้งนี้ก็แบบเดิมอีกนั่นแหละ เพราะ ชั่วโมงการทำงานลดลงไปอีกเพื่อหนีโอบาม่าแคร์ ก็เลยต้องจ้างคนมากขึ้นเพื่อให้ได้ชั่วโมงทำงานเท่าเดิม ฮ่วย !! อาทิตย์นึงทำงานแค่ 25ชั่วโมงเท่านั้นเอง

 

Given there was not a huge jump in part-time employment this month, the bulk of the Obamacare effect of employers reducing hours from 32 to 25 (and hiring hundreds of thousands of new employees to make up the hours) may have mostly played out.

Read more at http://globaleconomi...oOTMfgJ3HiHM.99

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

hedge what you believe :17

believe what you hedge :bye

 

 

เพิ่งมาสะดุดเจอ

 

คิดได้ไงครับเนี่ย :53

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

--

ถูกแก้ไข โดย บอนไซ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่ากระทบกระเทียบกันเลยครับ แค่ความเห็นต่าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In God We Trust มันแปลว่า ในนามของพระเจ้าพวกเราเชื่อมั่น

แปลอีกทีหมายความว่า เงินดอลของอเมริกาการันตีโดยพระเจ้า ไม่เหมือนเงินประเทศอื่นที่พระเจ้าไม่สนใจรับรอง

god = Gun, Oil and Drug?

 

เวลาพิจารณาเรื่องพวกนี้ ผมขอเสนอให้พิจารณาแยกเรื่องพฤติกรรมของกลุ่มคน/บุคคล แยกกับเรื่องความเชื่อต่างๆ รวมถึงความเชื่อทางจิตวิญญาณให้ขาด

 

จากที่เคยได้มีโอกาสสัมผัสผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ และได้มีโอกาสอ่านคัมภีร์ของหลายๆศาสนา (ถึงแม้ว่าจะเป็นการอ่านผ่านๆก็ตาม)

ผมยังไม่เห็นว่าศาสนาใดมีคำสอนให้คนทำตัวไม่ดีเลย ... และก็ยังไม่เคยเห็นความไม่ดีของคนที่ผมได้สัมผัส เกี่ยวของกับศาสนาที่เขานับถือสักนิด

 

ความเชื่อทางจิตวิญญาณ สำหรับคนส่วนมากแล้ว เป็นความเชื่อสูงสุด ซึ่งถ้าคนเชื่อตามคำสอน ปรัชญา ฯลฯ แบบเนื้อๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี

แต่เนื่องจาก ความเชื่อนี้ เป็นความเชื่อสูงสุดของคน ทำให้มีคนหาประโยชน์ เอาเรื่องพวกนี้ มาหาประโยชน์ใส่ตน หรือปั่นหัวคนส่วนมาก

ให้เป็นไปได้ตามที่เขาต้องการ

 

ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีสติ หรือไตร่ตรองให้ดี เขาก็สามารถปั่นหัวให้เกลียด ให้รัก ให้สงสาร ศาสนาต่างๆได้ง่ายๆ

ทั้งๆที่เรื่องตามเนื้อผ้า มักจะไม่ได้เป็นตามที่เขาพยายามจะสร้างกระแส และอาจเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นจากคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น

 

น่าเสียดายที่ปรัชญา / คำสอน / ความเชื่อ ดีๆจากหลายๆศาสนา ถูกนำมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่คนเดินเกม ใช้ทำให้หมากบนกระดาน

แบ่งกันเป็นก๊ก เป็นเหล่า แล้วก็ตีกันเอง จนไม่รู้ตัวว่าจริงๆแล้ว กำลังเดินตามเกมที่เขาวางไว้ (divide and rule) หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือในการ

สร้างความชอบธรรม ในการที่เขาตัดสินใจจะทำอะไรลงไปสักอย่าง โดยที่จริงแล้ว เขามีเหตุผลอื่นแอบแฝง

 

* * * * * * * * * * *

 

:21

 

 

ป.ล.

 

หลังจากที่ลุงแซมประกาศอิสรภาพ(๑๗๗๖) ๖ ปี ก็มีการใช้ประโยค "E pluribus unum" หรือ จากหลากหลาย สู่หนึ่งเดียว เป็นสโลแกนของประเทศ(อย่างเป็นทางการ)

ผ่านมาประมาณ ๑๗๐ ปี (๑๙๕๖) ได้มีการนำประโยค "In God we trust" มาใช้อย่างไม่เป็นทางการ

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หากมีเวลา และไม่เกี่ยงเรื่องภาษา แนะนำฟังสัมภาษณ์ ดร.พิพพา มาล์มเกร็น โดย เอริค คิง

มีประเด็นน่าสนใจหลายๆเรื่อง แต่ที่จำได้ติดหัว มีประมาณนี้ (ฟังผ่านๆตอนขับรถรอบเดียว)

  • เป็นเรื่องธรรมชาติที่เมื่อคนต้องการเงิน เขาจะขายทองทิ้งก่อน
  • ถ้าลองมาดูราคาเพ็ชร ตอนนี้ราคาเพ็ชรขึ้นมาสูงเหมือนกัน คนมีเงินถุง เงินถัง เขาให้ความสนใจเพ็ชรมากขึ้น เพราะมันเป็นของชนิดเดียว ที่คนสามารถพกพากำลังซื้อของตัวเอง ไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ โดยที่เครื่องตรวจโลหะตรวจไม่เจอ (ไม่เหมือนทอง ที่ถึงแม้จะมีมูลค่า/ขนาด สูงมาก แต่ก็ไม่สามารถขนข้ามประเทศเป็นจำนวนมากได้ง่ายๆ)
  • ตอนนี้เงินเฟ้อที่เกิดขึ้น มันไปปูดกับประเทศที่ยากจนเสียส่วนมาก (สัดส่วนราคาอาหารต่อรายได้สูงขึ้นเร็วมาก เมือเทียบกับประเทศที่ร่ำรวย)
  • ดร.พิพพา แนะนำว่า ให้พิจารณาซื้อ "ฮาร์ด แอสเส็ท" (หรือที่ผมแปลเอาแบบมั่วๆว่า "สินทรัพย์ที่แท้จริง") เก็บไว้เพื่อรักษากำลังซื้อ ถึงแม้ว่าราคาในระยะสั้น จะทำให้ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มบ้าง แต่เธอเชื่อว่า ในระยะยาว จะรักษากำลังซื้อไว้ได้ดีที่สุด

เพิ่มเติม

  • ตอนนี้จีนกำลังทดลองให้มีการแลกเปลี่ยนเงินหยวนเสรี โดยการปล่อยให้คนใหญ่คนโตในจีน สามารถขนเงินออกนอกประเทศได้ในประมาณมากกว่าตาสีตาสาทั่วไป เพื่อดูว่าถ้าเปิดเงินหยวนเสรีจริงๆแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น (ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อหลายปีก่อนผมเคยอ่านข่าวเรื่องเศรษฐีจีน ย้ายครอบครัวมาอยู่แคนาดา/เมืองลุงแซม แต่ตัวยังทำงานอยู่ในจีน)
  • ตอนนี้ต้นทุนการผลิตในจีนเริ่มสูงขึ้นมากแล้ว หลายๆบริษัทเริ่มย้ายฐานการผลิตกลับมาที่แม็กซิโก เนื่องจากต้นทุนในการผลิตถูกกว่า หรือแม้กระทั่งเงินในจีน เริ่มมาไล่ซื้อโรงงานในเมืองลุงแซม เพราะเล็งเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้น
  • ดร.พิพพา เชื่อว่า หนึ่งในหลายๆทาง ที่จีนน่าจะใช้ในการป้องกันปัญหาตัวเอง ก็คือการนำทองคำ หรือสินทรัพย์ต่างๆ มาหนุนเงินหยวนในที่สุด --- แต่อย่างไรก็ตาม กว่าจะเกิดขึ้นได้ จะต้องใช้เวลาเป็นสิบปี+

http://kingworldnews...a_Malmgren.html

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

........

 

ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในมุมมองของผม คงเป็นเรื่องการสร้างหนี้แบบไม่มองซ้ายมองขวา (ตั้งแต่ระดับเล็ก ถึงระดับใหญ่เบิ้ม)

เพราะถ้าเมื่อไหร่ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้อย่างที่ตั้งใจไว้ หรือเกิดอะไรขึ้น คราวนี้เป็นทาส ๓.๐ กันแน่ๆ

 

เรื่องปิโตรดอลล่าร์ที่คุณตาลินด์ซีย์เอามาเล่าให้ฟังไว้ ก็ดูเหมือนว่า จะเป็นแบบนั้น

  1. ลอบบี้ให้ซาอุขายน้ำมันในสกุลดอลล่าร์ โดยสัญญาว่าจะทำราคาน้ำมันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
  2. แต่มีข้อแม้ว่า เวลาได้เงินมาแล้ว จะต้องเอามาซื้อพันธบัตรลุงแซม อายุเป็นสิบๆปี
  3. เสร็จแล้วลุงแซมก็เอาเงินไป "ช่วยเหลือ" ประเทศต่างๆด้วยการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อ "พัฒนาประเทศ"
  4. แต่อย่างไรก็ตาม ลุงแซมปล่อยให้ "ผู้นำ" ในประเทศต่างๆที่กู้เงินไป ใช้เงินได้ตามใจชอบ เพื่อที่จะให้หนี้ที่สร้างขึ้น ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในการชำระหนี้ได้อย่างครบถ้วน
  5. พอไม่มีปัญญาจ่าย ก็มีองค์กร "ระดับโลก" ทั้งหลาย เข้ามาช่วยอุ้ม โดยสามารถสั่งให้ประเทศต่างๆ หันซ้าย ขวา และขายทรัพยากรประเทศ ได้ตามตองการ เพราะมีหนี้ก้อนแรกค้ำคอไว้อยู่

ถ้าจะหาตัวอย่างแบบที่พึ่งเกิดขึ้นในรอบไม่กี่ปีมานี้ ก็มี "กรีซ" นี่แหละ ที่ต้องขายทรัพยากรประเทศออกไป เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ที่นักการเมืองถลุงไว้ก่อนหน้านี้

.....

....

น่าเสียดายที่ปรัชญา / คำสอน / ความเชื่อ ดีๆจากหลายๆศาสนา ถูกนำมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่คนเดินเกม ใช้ทำให้หมากบนกระดาน

แบ่ง กันเป็นก๊ก เป็นเหล่า แล้วก็ตีกันเอง จนไม่รู้ตัวว่าจริงๆแล้ว กำลังเดินตามเกมที่เขาวางไว้ (divide and rule) หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือในการ

สร้างความชอบธรรม ในการที่เขาตัดสินใจจะทำอะไรลงไปสักอย่าง โดยที่จริงแล้ว เขามีเหตุผลอื่นแอบแฝง

....

 

 

มีคนให้การบ้านผมมาชมภาพยนต์เรื่อง "ดิ อินเทอร์แนชันแนล(๒๐๐๙)" เพราะฉากๆนี้ฉากเดียว

 

ในฉากนี้ อินเทอร์โพล (ซาลิงเจอร์) และ ซีไอเอ (วิทแมน) กำลังคุยกับเจ้าของบริษัทผลิตอาวุธสงครามของอิตาลี (แคลวินี) เพื่อที่จะหาสาเหตุว่า ทำไมธนาคารในภาพยนต์ชื่อ "ไอบีบีซี" ถึงพยายามจะฟอกเงิน และซื้ออาวุธกว่า ๒๐๐ ล้านเหรียญ

 

 

ซาลิงเจอร์ : จนท.สอบสวน อินเทอร์โพล (ช.)

วิทแมน : จนท.ซีไอเอ

แคลวินี : เจ้าของบริษัทอาวุธสงครามของอิตาลี

 

 

 

วิทแมน : คุณแคลวินี พวกเราอยากทราบว่าทำไมไอบีบีซี ซึ่งเป็นธนาคาร ถึงจะซื้อระบบนำทางมิสไซล์จากบริษัทของคุณ

 

แคลวินี : ไอบีบีซี ซื้อมิสไซล์มูลค่าหลายพันล้านเหรียญจากจีน โดยที่พวกเขาได้ขายอาวุธพวกนี้ล่วงหน้าให้กับลูกค้าในตะวันออกกลางแล้ว โดยมีข้อแม้ว่า มิสไซล์จะต้องมีระบบนำทาง "วอลคอน" ซึ่งบริษัทของผมเป็นหนึ่งในสองบริษัทในโลกนี้ ที่สามารถผลิตระบบนำทางนี้ได้

 

ซาลิงเจอร์ : อีกบริษัทคือ ?

 

แคลวินี : อาเหม็ด ซูเน จาก เตอร์กิช แอโรเทค

 

วิทแมน : แต่ทำไมธนาคารถึงได้ใช้ทุน และทรัพยากรอย่างมหาศาล ในการขายมิสไซล์พวกนี้?

 

แคลวินี : นี่เป็นเพียงการทดสอบ.. อาวุธขนาดเล็กเป็นเพียงอาวุธชนิดเดียวที่ใช้ในกว่าร้อยละ ๙๙ ของความขัดแย้งในโลกนี้ และไม่มีใครที่จะผลิตได้เร็ว และถูกกว่าจีนอีกแล้ว ... สิ่งที่สการ์สัน (ซีอีโอ ไอบีบีซี) พยายามจะทำก็คือ เขาต้องการให้ไอบีบีซี เป็นนายหน้าเพียงรายเดียว ของอาวุธสงครามขนาดเล็กจากจีน ที่จะขายของให้ประเทศในโลกที่สาม ... และการค้ามิสไซล์ในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

 

ซาลิงเจอร์ : แต่ ลงทุนเป็นพันๆล้านแบบนี้เพียงแค่จะเป็นนายหน้า มันไม่น่าจะได้กำไรมากนะ

 

แคลวินี : ถูกต้องแล้ว สิ่งที่พวกเขาพยายามทำอยู่ ไม่ใช่การทำกำไร แต่เป็นการควบคุมต่างหาก

 

วิทแมน : ควบคุมอาวุธ ควบคุมความขัดแย้ง

 

แคลวินี :

 

ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ..... ไอบีบีซี เป็นธนาคาร .... เป้าหมายของเขาไม่ใช่การควบคุมความขัดแย้ง หากแต่เป็นการควบคุมหนี้ ที่ความขัดแย้งสร้างขึ้น

 

คุณค่าที่แท้จริงของความขัดแย้ง คือหนี้ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง

ถ้าคุณควบคุมหนี้ คุณก็ควบคุมทุกอย่าง

 

 

ฟังแล้วโกรธใช่หรือเปล่า? แต่นี่คือหัวใจของธุรกิจการธนาคาร ที่จะทำให้พวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในระดับชาติ หรือในระดับตัวบุคคล เป็นทาสด้วยการเป็นหนี้

 

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...