โอกาส"ทอง" (จริงๆ) : Safe Heaven

[puk_pook 25]

ขอบคุณค่ะ สำหรับ ความรู้มากมาย ให้คะแนน ความดี +1 ค่ะ

!thk !10 !031 !gd !57

[JUMBO-A 4]

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดี ๆ จะตามอ่านต่อไปครับ

[kingdom1234 21]

บ๊ะเจ้า สนุกกว่าแอร์รี่บอตเตอร์อีก อิอิ

[NongRee 4,028]

สวัสดีค่ะ Khun Next (ขอเรียกย่อๆ นะค่ะ) มาขอเรียนพื้นฐานด้วยคนค่ะ !thk

[aenumac 24]

ขอบคุณค่ะ คุณ nexttonothing สำหรับบทความดี ๆ จะตามอ่านต่อไปเช่นกันค่ะ

[itsara 0]

รอติดตามครับ

[Deviruchi 0]

ชอบครับ ติดตามอ่านด้วยคน

[sukanya 0]

ขอบคุณค่ะ

[d19920 4]

สำนวนแต่งหนังสือขายได้เลยค่ะ

[mayany 7]

ขอบคุณมากคะ รออ่านต่อคะสนุกดีคะ อย่างนี้เขียนหนังสือขายได้เลยคะรับรองขายดีแน่ๆคะ

[kingdom1234 21]

รออ่านบทต่อไปครับ

[reeping 138]

!gd มารอภาคต่อไป... !_09 !_09

[Nexttonothing 1,509]

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว "เงิน" คืออะไร? "What is real money?"

 

 

ตอนที่แล้วผมสมมุติเหตุการณ์ ให้ง่ายต่อการอธิบาย วิวัฒนาการระบบการเงินขั้นพื้นฐาน

แต่วันนี้ผมคงต้องระมัดระวังในการอธิบายให้มากขึ้น

 

เพราะไม่มีการ สมมุติ แล้วครับ

วันนี้เราจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในหน้าประวัติศาสตร์การเงินโลก

 

มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่ลงทุนในทองคำกันอยู่

แต่ทุกๆคน มีสิทธิ์ และ ควร ที่จะรับรู้ข้อมูลนี้

 

ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ ผลการเลือกตั้ง สหรัฐ หรือ ผลการประชุมธนาคารกลางเรื่อง QE2

จะเป็นอย่างไรก็กลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีตและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับประวัติศาสตร์การเงินโลกในครั้งนั้นไม่ได้

 

วันนี้ "ซีเรียส" ครับ !!

 

...........................................

 

วิวัฒนาการ ทางด้านการเงิน ที่มาจบลงที่ระบบตั๋วทองคำ ทุกสิ่งทุกอย่างดูราบรื่น

 

เทียบกับชีวิตจริงก็คือเรามีระบบธนบัตรแทนตั๋วทองคำ

 

เรามีระบบธนาคารแทนบ้านช่างทอง

 

แต่เรื่องราวมันไม่จบแค่นั้นครับ ในเมืองเมืองหนึ่งไม่ได้มี บ้านช่างทองแค่แห่งเดียว

การออกตั๋วโดยบ้านช่างทองแต่ละบ้านนั้น ไม่มีความเป็นมาตราฐาน

ชาวเมืองเริ่มคิดได้ว่าน่าจะมีใครซักคนมาจัดการให้ระบบมันสากล มากขึ้น มีมาตราฐานมากขึ้นเพราะ

เราอยู่ละแวกนี้เราเชื่อถือ บ้านช่างทองคนนี้ แต่ บ้านช่างทอง ละแวกอื่น

เราจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ? แล้วปริมาณทองคำที่หนุน ตั๋วอยู่ แต่ละบ้านไม่เท่ากันอีก ตรงจุดนี้เปิดโอกาสให้ “ผู้ปกครอง”

ของแต่ละเมืองต้องลงมาจัดการครับ

 

............ รัฐบาล นักการเมือง เริ่มเข้ามามีบทบาท

 

 

สังคมเราขาดผู้นำไม่ได้ เพราะในสังคมมีทั้งผู้ดีและผู้ร้าย หากขาด กฎ และ ผู้คุมกฎ

คนไม่ดีคงมาตีหัวแล้วชิงทองเราไป อย่างง่ายดาย บ้านเมืองที่ไม่มี กฎหมายบ้านเมือง ย่อมอยู่ไม่เป็นสุข

เราจึงจำเป็นต้องมีรัฐบาล มีนักการเมืองครับ ที่คอยบริหารจัดการทุกๆ อย่าง เพื่อส่วนรวม ไม่เว้นแม้แต่ เรื่องเงินๆทองๆ..

 

 

…………… เพื่อให้การแลกเปลี่ยนซื้อขาย ตั๋วทองคำในเมืองเป็นมาตราฐานเดียวกัน คณะผู้บริหาร ของเมือง จึงขอตั้ง บ้านช่างทองกลาง (อารมณ์ประมาณ ธนาคารกลาง)ของเมืองขึ้น

โดยจะเป็นผู้ออกตั๋วแต่เพียงผู้เดียว ให้หน้าตาตั๋วกระดาษเหมือนกันทั้งเมือง (ส่วนมากก็จะใช้รูปผู้นำขณะนั้น)

บ้านช่างทองแต่ละบ้านมีทองเท่าไหร่ เอามาแลกเป็นตั๋วมาตราฐาน จากส่วนกลาง เพื่อความไม่สับสน

 

เช่นตั๋วมีตั้งแต่ขนาด

 

1 ใบแทนทอง 1 ก้อน ตั๋วจะเป็นสี “แดง”

 

1 ใบแทนทอง ½ ก้อน ตั๋วจะเป็นสี “เขียว”

 

1 ใบแทนทอง ¼ ก้อน ตั๋วจะเป็นสี “น้ำเงิน”

 

เล็กๆน้อยๆ เศษ ใช้ “เหรียญเงิน” แล้วกันไม่ต้องออกตั๋ว ไว้ทอน ไว้ซื้อขนม เดี๋ยวกองกษาปณ์ จะปั๊มเหรียญให้เอง

 

ปริมาณทองมีเท่าไหร่ก็จัดพิมพ์ตั๋วออกมาเท่านั้น… .ใครอยากมารับทองจริงเมื่อไหร่

ก็แค่เอาตั๋วที่ออกโดยรัฐบาลมาแลกทองจากบ้านช่างทองหรือจะบ้านช่างทองกลาง ก็ทำได้ ไม่มีปัญหา…

 

Note: การนำธนบัตรไปที่เคาท์เตอร์แล้วแลกคืนป็นทองคำหรือแร่เงินมาได้ เรียกว่า การไถ่ถอนหรือกู้คืนได้ (Redemmable)

 

ไล่ดูกันนิดนึงครับ

 

หาเลี้ยงชีพกันเอง ------> เอาของไปแลกของ -------> เอาทองไปซื้อของ ------> ตั๋วทอง ------> ตั๋วทองจากส่วนกลาง

 

คำถามคือแล้วตกลงเงินคืออะไร ?

 

ก. ทองคำที่นอนอยู่ในตู้เซฟเฉยๆ

 

ข. ธนบัตร-ตั๋วทอง

 

ค. เหมือนกันนั่นแหละ ถูกทุกข้อ

 

 

เฉลย ก."ทองคำ คือ เงินที่แท้จริง" (Gold is money!)

 

ส่วน ข.ขอเรียกว่า เป็น “ตัวแทน” ของเงินที่แท้จริง (Representative money) ก็แล้วกัน

เพราะตั๋วแต่ละใบ เป็นตัวแทนของทองคำ

 

ฟังดูน่าจะ ค. “เหมือนกันนั่นแหละ” ผมบอกได้เลยครับว่า “มันไม่เหมือน” แน่นอนครับ

 

 

 

เงิน กับ ตัวแทนเงินนั้นไม่หมือนกัน

 

แต่ด้วยความที่เงินที่แท้จริงถูกดองและกักขังอยู่แต่ในตู้เซฟ แต่ตัวแทนเงินโลดแล่นอยู่ในโลก ของการค้าที่แท้จริง

 

นานวันเข้า ความชิน และ ความคุ้นเคย ทำให้เราคิดไปว่า ธนบัตร และ เหรียญ ที่เราพกกันในกระเป๋าสตางค์ ใช้จ่ายกันอยู่นั้นคือ เงินที่แท้จริง ….

 

ถ้างั้น??แล้วมันมีปัญหายังไง? ไม่เหมือนก็ใกล้เคียงกันแหละ??

 

ผมขอบอกว่า "ไม่ได้ใกล้เคียงเลยครับ"

 

หากเรื่องจบอยู่แค่นั้น ก็คงไม่มีอะไร บ้านเมืองสงบสุข และ โอกาสทอง (จริงๆ) ก็คงจะไม่เกิด

แต่โลกเรายังหมุนไม่หยุดครับ … ระบบการเงิน การธนาคาร เศรษฐกิจ ไม่จำกัดอยู่แต่ในเมืองหรือในประเทศของตัวเองซะแล้วครับ

 

มันขยายตัวในวงกว้าง ไปถึงระดับโกอินเตอร์ เกิดการแลกเปลี่ยนตั๋วระหว่างประเทศ

วิชาการนิดนึงอย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เริ่มจะเข้าสู่ ไคลแม็กซ์ แล้วครับ นั่นคือ

 

การกำหนดระบบสำหรับการแลกเปลี่ยนตั๋วกันระหว่างประเทศครับ

 

ระบบมาตราฐานทองคำ (Gold Standard)

อายุทำการของระบบนี้ประมาณ 25 ปี (คศ.1890-1914)

ระบบนี้เล่นไม่ยาก แค่ยกระดับการแลกตั๋วทองคำ ระหว่างบ้านช่างทองแต่ละบ้าน มาเป็นระดับประเทศ แค่นั้น

 

ประเทศเธอ ธนบัตรเธอเท่ากับทองกี่กรัม กี่ก้อน ธนบัตรประเทศฉัน เท่ากับทองคำกี่ก้อน กี่กรัม เอามาเปรียบเทียบกัน เช่น

 

ตั๋ว 1 ดอลล่าห์ สหรัฐอเมริกา แลก ทองคำได้ 0.05 ออนซ์

 

ตั๋ว 1 ปอนด์สเตอร์ริงของอังกฤษ แลก ทองคำได้ 0.25 ออนซ์

 

คณิตศาสตร์อย่างง่ายครับ คำนวณแล้วได้ = 5 ดอลล่าห์แลกได้ 1 ปอนด์

 

ทุกประเทศเอาเงินของตัวเองไปเทียบกับทองคำแล้วกำหนดค่าเงินออกมา แล้วเอามาแลกกัน หากวันดีคืนดีไม่อยากจะเก็บ

เงินกระดาษของประเทศนั้นแล้วก็ เอามาแลกทองจากประเทศนั้นๆ กลับคืนไป

สามารถ นำเข้าส่งออกทองคำได้อย่างเสรี ระบบนี้ขอบอกว่า เวิร์ค มากๆครับสำหรับระบบการเงินโลก

ส่วนตัวแล้วผมขอยกมือสนับสนุนระบบนี้ จากใจจริงเลยครับ แต่ทำไมอายุสั้นจัง ? ประมาณ 25 ปีก็เลิกไป

 

ระบบเบรตตัน วู้ดส์ (Bretton woods system)

 

ระบบนี้ ชื่อเรียกยาก แต่ไม่มีอะไรครับเค้าตั้งตามชื่อเมืองที่แต่ละประเทศไปประชุมตกลงกัน อายุของระบบนี้ก็ไม่ยืนครับ ประมาณ 25 ปีเช่นกัน

ตอนนั้นประเทศมหาอำนาจในขณะนั้นคือ สหรัฐอเมริกา ครับ เป็นประเทศที่เจริญทำการค้าประสบความสำเร็จ

มีทองคำมากที่สุดในโลก ตั๋วที่ออกโดย อเมริกา มีชื่อเรียกว่า “ดอลล่าห์” ครับ

 

สีสันนั้นไม่ฉูดฉาด แต่มีพลังอำนาจเหนือ ตั๋วทุกใบบนโลกใบนี้

 

เนื่องจาก ออกโดยประเทศมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ และ มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลกหลายพันตัน

อมเริกาบอกว่า การแลกเปลี่ยนตั๋วระหว่างกันนั้นเดิมต้องอิงกับทองคำแต่ละประเทศจึงจะได้สิ่งที่เรียกว่าอัตราแลกเปลี่ยนมา

 

เรามาทำให้มันง่ายและสะดวกมากไปกว่านั้นดีกว่า

นั่นคือ "ยกเลิกการเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนโดยอิงกับทองคำ มาอิงกับดอลล่าห์ โดยตรงเพียงสกุลเดียว!"

 

โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ไว้ที่ทุกๆ

 

35$ ดอลล่าห์ สามารถแลกทองคำได้น้ำหนัก 1 ออนซ์

 

เสร็จแล้วค่อยเอาเงินสกุลอื่นมาเทียบกับเงินสกุลดอลล่าห์ เช่น หากเงินสกุลบาทเรา ต้องใช้ 3500 บาทถึงแลกทองคำได้ 1ออนซ์ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเทียบกับดอลล่าห์ก็คือ 10:1

 

 

และขอให้ทุกประเทศ ต่อไปนำค่าเงินของตัวเองมาเทียบกับ ดอลล่าห์ โดยตรงเลยไม่ต้องไปเทียบกับทองคำแล้ว

เพราะดอลล่าห์ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้กับทองคำเรียบร้อย คำนวณจากทองคำหรือคำนวณจากดอลล่าห์ ก็เหมือนกันแหละ

 

อิงกับดอลล่าห์ไปเลย สะดวกดี…… ต่อไปนี้ ขอสถาปนา ตั๋วกระดาษ ที่เรียกว่า ดอลล่าห์ เป็นเงินสกุลหลักของโลก (World reserved currency)

 

ทุกประเทศทั่วโลกเวลาค้าขาย ก็สำรองเก็บเงินดอลล่าห์ เอาไว้ อยากเอามาแลกทองคำคืนไปเมื่อไหร่ก็ได้ ตามสบาย

 

 

TO BE CONTINUED

ถูกแก้ไข พฤศจิกายน 2, 2010 โดย Nexttonothing

[Nexttonothing 1,509]

ขอบคุณค่ะ สำหรับ ความรู้มากมาย ให้คะแนน ความดี +1 ค่ะ

!thk !10 !031 !gd !57

 

 

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดี ๆ จะตามอ่านต่อไปครับ

 

 

บ๊ะเจ้า สนุกกว่าแอร์รี่บอตเตอร์อีก อิอิ

 

 

สวัสดีค่ะ Khun Next (ขอเรียกย่อๆ นะค่ะ) มาขอเรียนพื้นฐานด้วยคนค่ะ !thk

 

 

ขอบคุณค่ะ คุณ nexttonothing สำหรับบทความดี ๆ จะตามอ่านต่อไปเช่นกันค่ะ

 

 

ชอบครับ ติดตามอ่านด้วยคน

 

 

ขอบคุณ และ ยินดีมากๆ เลยครับ

[WLingz Xu 2]

万圣节快乐！