ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

มาให้กำลังใจ และขอปรบมือดัง ๆ ให้ค่ะ สำหรับบทความดี ๆ และสื่อออกมา ให้พวกเราอ่านอย่างง่าย ๆ :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาให้กำลังใจ และขอปรบมือดัง ๆ ให้ค่ะ สำหรับบทความดี ๆ และสื่อออกมา ให้พวกเราอ่านอย่างง่าย ๆ :wub:

 

 

ขอบคุณครับที่สละเวลาอ่าน ดีใจมากๆครับ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ Nexttonothing ขอบคุณครับ บทความมีประโยชน์มากครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับที่สละเวลาอ่าน ดีใจมากๆครับ :rolleyes:

 

 

ขอติดตามอ่านเป็นแฟนด้วยคนนะคะ.. +1 ให้ักับคะแนนความตั้งใจดี และเขียนบทความได้สนุกสนานน่าติดตามมาก ๆ ค่ะ..ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับที่สละเวลาอ่าน ดีใจมากๆครับ :rolleyes:

 

5555 ขอบคุณกันไปมา....

 

สรุปว่าขอติดตามอ่านภาคต่อๆไปนะคะ

 

รู้สึกว่าเเฟนคลับรออ่านเพียบเลยนะ. อย่าเบื่อเขียนนะยม่ยงมจริงๆด้วยยยย อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านแล้ว สนุกมากเลยค่ะ ชวนติดตาม ตอนต่อไปค่ะ

 

!thk !10 !031 !gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีเหตุผลมากเลยค่ะ อ่านแล้วรักน้องทองจัง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

dollar-collapse2.jpg

 

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว "เงิน" คืออะไร? "What is real money?" ต่อ

 

 

พี่มะกันเค้าใหญ่ครับ ตอนนั้นแถมมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลกด้วย สิทธิ์และเสียงของเค้ามีน้ำหนัก แถมข้อตกลงก็ไม่ได้น่าเกลียด

ดอลล่าห์ เทียบเท่าทองคำ อยากไปแลกทองคำเมื่อไหร่ก็ทำได้ ระบบนี้จึงเกิดขึ้นตามข้อตกลงของนานาประเทศที่เมือง เบรตตัน

 

ดอลล่าห์ ก็เป็น ตั๋วทองคำประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่การตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้คงที่ ที่ 35$ = ทองคำ 1 ออนซ์

เป็นการกระทำที่ เรียกว่า "ตัวแทนของเงิน ตีตนเทียบชั้น เงินที่แท้จริง"

หรือเรียกอีกอย่างว่า สหรัฐอเมริกาพยายามจะชักจูงและบอกคนทั้งโลกให้เชื่อว่า

 

ดอลล่าห์ "ก็คือ" ทองคำ

 

เป็นครั้งแรกของโลกที่ "ตั๋ว"ซึ่งพิมพ์โดยมนุษย์ ตีตัวเสมอ เงินที่ธรรมชาติสร้างขึ้นและผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว นั่นก็คือ

 

...ทองคำ !

 

มนุษย์นั้นมีด้านมืดในจิตใจครับ อย่างที่เคยได้ เกริ่นไว้ ระบบนี้น่าจะไม่มีปัญหาหากคนเรานั้นตรงไปตรงมา

 

จำเรื่องช่างทอง หม่ำได้ใช่มั๊ยครับ เค้าต้องใช้ทองคำ 50 ก้อน ถึงจะแลกตั๋วได้ 50 ใบ

ตั๋วนั้นออกด้วยน้ำมือมนุษย์พิมพ์ออกมาได้ แต่ทองคำนั้นงอกออกมาเฉยๆไม่ได้ จำนวนมีจำกัดโดยธรรมชาติ

ต้องขุดต้องเจาะ เพราะความหายากและขาดแคลนมีจำนวนจำกัดของทองคำนี่เองที่ทำให้มันมี "คุณค่า"

 

จะเกิดอะไรขึ้นหาก ช่างทองมีทองคำจริงๆแค่ 50 ก้อน แต่ออกตั๋วให้ 100 ใบ 200 ใบ หรือ แม้แต่ 1000 ใบ!!!!

 

อเมริกา นั้นมีทองคำสำรองอยู่ปริมาณ 8000 พันกว่าตัน

แต่นอนอยู่ในเซฟเฉยๆ

 

ไม่มีใครไปตรวจ ไม่มีใครไปนับ หากรัฐบาลอเมริกัน ตรงไปตรงมา มีทองคำสำรองเท่าไหร่ ก็พิมพ์ ดอลล่าห์ออกมาเท่านั้น

มันก็คงจะไม่มีปัญหา แต่หากว่า พิมพ์ออกมาปริมาณ มากกว่า นั้นเยอะๆ ล่ะ ใครจะรู้?

 

ขณะที่ทั่วโลก กำลังเพลินอยู่กับการ ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนกัน เก็บสำรองเงินคงคลังเป็นรูปแบบของ เงินดอลล่าห์

อเมริกาซื้อของก็จ่ายเป็นเงินสกุลดอลล่าห์ โดยตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ที่ 35$ แลกได้ 1 ออนซ์ทองคำแต่มีคนเอามาแลกคืนเป็นทองคำน้อยมาก

 

จะเป็นไปได้ไหม??? เมื่อเวลาผ่านไป อเมริกาเห็นว่า ทองคำที่อยู่ในตู้เซฟ เฉยๆ ไม่มีใครมาตรวจ มานับ

หากเป็นเช่นนี้ พิมพ์ดอลล่าห์ออกมา มากเกินกว่า ปริมาณทองคำที่มีอยู่จริงก็คงจะได้กระมัง ได้งบประมาณมาใช้เพิ่มขึ้น “จากอากาศ” เพราะ

 

:excl: ไม่มีใครรู้

 

:excl: ไม่มีใครมาตรวจนับ

 

:excl: อัตราแลกเปลี่ยนก็ตรึงไว้ที่ 35$ / oz (ทุกคนก็คิดว่าดอลล่าห์ กับทองคำก็คืออย่างเดียวกัน)

 

ปฏิบัติการณ์พิมพ์ดอลล่าห์ เกินกว่าความจริงจึงเริ่มขึ้นครับ

พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และก็ พิมพ์ ใช้จ่ายกัน สนุกมือ (ยิ่งตอนนั้นมีสงครามเวียดนามด้วยครับ)

คนกำลังต้องใช้เงิน จริงอยู่ครับไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครมานับดอลล่าห์เทียบกับปริมาณทองคำที่มีอยู่ แต่

 

 

………………………… มีคนสงสัยครับ!!! :angry:

 

หากค่อยๆพิมพ์ อย่างแนบเนียน ค่อยๆเพิ่ม คงไม่มีใครสังเกต แต่ด้วยเหตุผลที่บ้านเมืองในขณะนั้นอยู่ในภาวะ “สงคราม”

ภาระค่าใช้จ่าย ของรัฐบาล อเมริกามีมากมายมหาศาลปฏิบัติสั่งพิมพ์ ดอลล่าห์ ออกมาจากอากาศ

จึงเริ่มขึ้น อย่างรุนแรง และ รวดเร็ว จนผิดสังเกต…เมื่อมากเข้าๆ ประเทศต่างๆเริ่มผิดสังเกต

ความเชื่อมั่นในดอลล่าห์เริ่มลดลง เริ่มจาก สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มเอาดอลล่าห์ คืนไปเอาเงินที่แท้จริงคือทองคำคืนมา

ฝรั่งเศษ ตามมาติดๆ หลายๆประเทศเริ่ม ทิ้งดอลล่าห์ ……..

 

หากสายตาของท่านเดินทางมาถึงบรรทัดนี้แล้ว....ต่อจากนี้โปรดอ่านอย่างช้าๆ และ ตั้งใจครับ

 

............................................

 

ปี 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon) เห็นท่าไม่ดี

ประกาศยกเลิกการนำ ดอลล่าห์มาแลกเป็นทองคำจริงๆ (Closing Gold's Window)

 

ที่เคยสัญญาว่า ทุก 35$ แลกได้ 1 ออนซ์ ทองคำพอจะมาแลกกันจริงๆ นิกสัน ประกาศ ยกเลิกครับ !!!

ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เบี้ยว กันเห็นๆครับ

 

จะมีปัญหาอะไร หากมีปริมาณทองคำเท่าไหร่ก็พิมพ์ดอลล่าห์เท่านั้น แต่เรื่องมาแดงเอาตอนที่ ทุกคนเอาตั๋วมาแลกคืน

ปรากฎว่า นอกจากแลกคืนไม่ได้ ยังยกเลิก ระบบที่ตัวเองเคยตั้งไว้ อย่างหน้าตาเฉย !!!!!

 

คศ. 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศตัดขาด ความสัมพันธ์ ระหว่าง “เงินกระดาษกับทองคำ”

 

ประโยคนี้ต้องตัดแปะข้างฝาครับ นี่คือ Fact

เพราะผมเชื่อว่าในปัจจุบันนี้ 99 คนใน 100 คนครับที่ยังมีความคิดว่า

 

ระบบเงินตราที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันทุกประเทศนั้น อ้างอิงกับทองคำอยู่ ทั้งๆที่มันได้ถูกยกเลิกมา เกือบ 50 ปี แล้วครับ!!!

 

หากคุณคิดว่าทุกวันนี้ รัฐบาลและธนาคารกลางของทุกประเทศ เวลาจะอนุมัติพิมพ์ธนบัตรยังต้องอ้างอิงกับกองทุนทองคำอยู่

มันไม่ใช่อย่างนั้นอีกแล้วครับ (สมัยอากงอาม่าของเรา ยังหนุ่มยังสาวเท่านั้นครับที่มีสิทธิ์เข้าใจแบบนั้น)

 

 

........ ระบบเบรตตัน ล่มสลาย ไปด้วยเหตุนี้

 

ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Managed Floating Exchange Rate system)

 

ความจริงก็คือทุกรัฐบาลครับ ที่แอบพิมพ์เงินเกินกว่าทองคำในเซฟ ของตัวเองมี พิมพ์เกินกันคนละนิดคนละหน่อย จนเป็นเรื่อง

ระบบทองคำ ที่เคยหนุนหลังกระดาษทุกใบ สกุลเงินทุกสกุล บัดนี้ไม่มีแล้วครับ

 

ที่ต้องมีทองคำหนุนหลังระบบการเงิน เหมือนสังคมเราต้องมีตำรวจครับ เราอาจจะบอก "ไม่ต้องมีตำรวจก็ได้" "เราไม่ทำผิดกฎหมายหรอก" ????

 

ทองคำก็ต้องมีครับไม่งั้นนักการเมืองทำผิดกฎ บอกและหลอกเราว่า "ไม่ต้องมีทองคำหรอก" "พิมพ์เงินเพิ่มไม่เยอะหรอก"

 

...... สุดท้ายเค้าก็ทำ

 

ตั้งแต่ปี คศ.1971 ระบบเงินตราอยู่ในอาการที่เรียกว่า ล่องลอย อิสระ

จินตนาการว่า ล่องลอยอยู่ในอวกาศ มันไร้ทิศทางครับ

เมื่อตัดความสัมพันธ์ ระหว่างทองคำและเงินกระดาษทิ้ง เหลือใช้กันแต่ เงินกระดาษ มันใช้กันต่อมาได้

ก็ด้วย ความเคยชิน และ ด้วยความเชื่อถือ ซึ่งมีรัฐบาลของแต่ละประเทศเป็นประกันเท่านั้นเองครับ

 

อัตราแลกเปลี่ยนถูกกำหนด โดย กลไกตลาด แต่ไม่วายถูกแทรกแซง และปั่นค่าเงิน

จนทำให้เกิดความผันผวน สับสน อลหม่านขึ้นบนโลกใบนี้ เกิดการเก็งกำไร “ค่าเงิน”

เกิดการลดค่าเงินอย่างฮวบฮาบ และ วูบวาบ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

หากทุกประเทศเงินสกุลตัวเองมีทองคำหนุนหลังเต็มใบ

เงินทุกสกุลก็มีค่าคงที่เท่ากันเพราะมันก็คือทองคำจะเกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรุนแรงไม่ได้

แต่เพราะ เงินทุกสกุล หนุนหลังโดยดอลล่าห์ เมื่อดอล่าห์ ตัดขาดจากทองคำ

 

"โซ่ความสัมพันธ์" ที่เคยผูกเงินทุกสกุลไว้กับทองคำ "ผ่าน"ทางดอลล่าห์ ก็ถูกตัดขาดไปด้วย

 

สกุลเงินดอลล่าห์ ตัวการความวุ่นวายก็ยังอยู่ หนำซ้ำ ทุกวันนี้ ก็ยังคงเป็น “สกุลเงินหลักของโลก” อีกซะด้วย

 

ข่าวร้ายก็คือ ระบบๆนี้ ที่ไม่มี ทองคำ (เงินที่แท้จริง) หนุนหลังแล้ว

 

เป็นระบบที่คุณและผม พวกเราใช้กันมาตั้งแต่เกิดจนมาถึงทุกวันนี้ครับ ……… นี่คือ Fact

 

 

และการที่พวกเรายังยอมรับดอลล่าห์ เป็นเงินสกุลหลักของโลกกันอยู่ แบบนี้ ผมจึงขอบอกว่าการกระทำของประธานาธิบดีนิกสัน

ที่เลิกตรึงดอลล่าห์ไว้กับทองคำและคงดอลล่าห์เป็นเงินสกุลหลักของโลกใบนี้หลังระบบเบรตตัน

สหรัฐอเมริกาพยายามจะชักจูงให้คนทั้งโลกเข้าใจว่า

 

"ดอลล่าห์ ดีกว่า ทองคำ"

 

เป็นครั้งแรกในโลกอีกเช่นกันครับ ที่ เงินกระดาษ ที่มนุษย์สร้างขึ้นขอทำหน้าที่แทน ทองคำ

 

(ย้ำอีกที ทองคำคือเงินที่ธรรมชาตินี้ สร้างสรร และได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วในอดีต ผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับความน่าเชื่อถือมากว่า 5000 พันปี)

 

….. ระบบนี้ เริ่มต้นปี คศ 1971 มีอายุยังไม่ถึง 50 ปีดี

และผมมีความเชื่อครับว่า ระบบนี้ จะไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดครบรอบ 50 ปี อย่างแน่นอน …..

 

 

 

 

 

ปล.ในตอนหน้าจะพูดถึง โอกาส"ทอง"(จริงๆ)

ที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึงครับนั่นคือเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว

พวกเราต้องรอมานานถึง 30 ปีครับกว่าโอกาสแบบนี้จะวนมาถึงอีกครั้งนึง(ซึ่งก็คือ ณ.ขณะนี้)

นี่คือสาเหตุที่ผมเคยโพสบอกไว้ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันว่านี่คือ โอกาสการลงทุนครั้งเดียวในชั่วชีวิต ของพวกเราครับ

 

 

ราตรีสวัสดิ์ครับ

ถูกแก้ไข โดย Nexttonothing

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุดยอดครับ !gd !gd !gd ความรู้ดีดีหายากครับ

 

รอด้วยใจ ที่จดจ่อ

ถูกแก้ไข โดย anucha

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

dollar-collapse2.jpg

 

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว "เงิน" คืออะไร? "What is real money?" ต่อ

 

 

พี่มะกันเค้าใหญ่ครับ ตอนนั้นแถมมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลกด้วย สิทธิ์และเสียงของเค้ามีน้ำหนัก แถมข้อตกลงก็ไม่ได้น่าเกลียด

ดอลล่าห์ เทียบเท่าทองคำ อยากไปแลกทองคำเมื่อไหร่ก็ทำได้ ระบบนี้จึงเกิดขึ้นตามข้อตกลงของนานาประเทศที่เมือง เบรตตัน

 

ดอลล่าห์ ก็เป็น ตั๋วทองคำประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่การตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้คงที่ ที่ 35$ = ทองคำ 1 ออนซ์

เป็นการกระทำที่ เรียกว่า "ตัวแทนของเงิน ตีตนเทียบชั้น เงินที่แท้จริง"

หรือเรียกอีกอย่างว่า สหรัฐอเมริกาพยายามจะชักจูงและบอกคนทั้งโลกให้เชื่อว่า

 

ดอลล่าห์ "ก็คือ" ทองคำ

 

เป็นครั้งแรกของโลกที่ "ตั๋ว"ซึ่งพิมพ์โดยมนุษย์ ตีตัวเสมอ เงินที่ธรรมชาติสร้างขึ้นและผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว นั่นก็คือ

 

...ทองคำ !

 

มนุษย์นั้นมีด้านมืดในจิตใจครับ อย่างที่เคยได้ เกริ่นไว้ ระบบนี้น่าจะไม่มีปัญหาหากคนเรานั้นตรงไปตรงมา

 

จำเรื่องช่างทอง หม่ำได้ใช่มั๊ยครับ เค้าต้องใช้ทองคำ 50 ก้อน ถึงจะแลกตั๋วได้ 50 ใบ

ตั๋วนั้นออกด้วยน้ำมือมนุษย์พิมพ์ออกมาได้ แต่ทองคำนั้นงอกออกมาเฉยๆไม่ได้ จำนวนมีจำกัดโดยธรรมชาติ

ต้องขุดต้องเจาะ เพราะความหายากและขาดแคลนมีจำนวนจำกัดของทองคำนี่เองที่ทำให้มันมี "คุณค่า"

 

จะเกิดอะไรขึ้นหาก ช่างทองมีทองคำจริงๆแค่ 50 ก้อน แต่ออกตั๋วให้ 100 ใบ 200 ใบ หรือ แม้แต่ 1000 ใบ!!!!

 

อเมริกา นั้นมีทองคำสำรองอยู่ปริมาณ 8000 พันกว่าตัน

แต่นอนอยู่ในเซฟเฉยๆ

 

ไม่มีใครไปตรวจ ไม่มีใครไปนับ หากรัฐบาลอเมริกัน ตรงไปตรงมา มีทองคำสำรองเท่าไหร่ ก็พิมพ์ ดอลล่าห์ออกมาเท่านั้น

มันก็คงจะไม่มีปัญหา แต่หากว่า พิมพ์ออกมาปริมาณ มากกว่า นั้นเยอะๆ ล่ะ ใครจะรู้?

 

ขณะที่ทั่วโลก กำลังเพลินอยู่กับการ ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนกัน เก็บสำรองเงินคงคลังเป็นรูปแบบของ เงินดอลล่าห์

อเมริกาซื้อของก็จ่ายเป็นเงินสกุลดอลล่าห์ โดยตรึงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ที่ 35$ แลกได้ 1 ออนซ์ทองคำแต่มีคนเอามาแลกคืนเป็นทองคำน้อยมาก

 

จะเป็นไปได้ไหม??? เมื่อเวลาผ่านไป อเมริกาเห็นว่า ทองคำที่อยู่ในตู้เซฟ เฉยๆ ไม่มีใครมาตรวจ มานับ

หากเป็นเช่นนี้ พิมพ์ดอลล่าห์ออกมา มากเกินกว่า ปริมาณทองคำที่มีอยู่จริงก็คงจะได้กระมัง ได้งบประมาณมาใช้เพิ่มขึ้น “จากอากาศ” เพราะ

 

:excl: ไม่มีใครรู้

 

:excl: ไม่มีใครมาตรวจนับ

 

:excl: อัตราแลกเปลี่ยนก็ตรึงไว้ที่ 35$ / oz (ทุกคนก็คิดว่าดอลล่าห์ กับทองคำก็คืออย่างเดียวกัน)

 

ปฏิบัติการณ์พิมพ์ดอลล่าห์ เกินกว่าความจริงจึงเริ่มขึ้นครับ

พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และก็ พิมพ์ ใช้จ่ายกัน สนุกมือ (ยิ่งตอนนั้นมีสงครามเวียดนามด้วยครับ)

คนกำลังต้องใช้เงิน จริงอยู่ครับไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครมานับดอลล่าห์เทียบกับปริมาณทองคำที่มีอยู่ แต่

 

 

………………………… มีคนสงสัยครับ!!! :angry:

 

หากค่อยๆพิมพ์ อย่างแนบเนียน ค่อยๆเพิ่ม คงไม่มีใครสังเกต แต่ด้วยเหตุผลที่บ้านเมืองในขณะนั้นอยู่ในภาวะ “สงคราม”

ภาระค่าใช้จ่าย ของรัฐบาล อเมริกามีมากมายมหาศาลปฏิบัติสั่งพิมพ์ ดอลล่าห์ ออกมาจากอากาศ

จึงเริ่มขึ้น อย่างรุนแรง และ รวดเร็ว จนผิดสังเกต…เมื่อมากเข้าๆ ประเทศต่างๆเริ่มผิดสังเกต

ความเชื่อมั่นในดอลล่าห์เริ่มลดลง เริ่มจาก สวิตเซอร์แลนด์ เริ่มเอาดอลล่าห์ คืนไปเอาเงินที่แท้จริงคือทองคำคืนมา

ฝรั่งเศษ ตามมาติดๆ หลายๆประเทศเริ่ม ทิ้งดอลล่าห์ ……..

 

หากสายตาของท่านเดินทางมาถึงบรรทัดนี้แล้ว....ต่อจากนี้โปรดอ่านอย่างช้าๆ และ ตั้งใจครับ

 

............................................

 

ปี 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon) เห็นท่าไม่ดี

ประกาศยกเลิกการนำ ดอลล่าห์มาแลกเป็นทองคำจริงๆ (Closing Gold's Window)

 

ที่เคยสัญญาว่า ทุก 35$ แลกได้ 1 ออนซ์ ทองคำพอจะมาแลกกันจริงๆ นิกสัน ประกาศ ยกเลิกครับ !!!

ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เบี้ยว กันเห็นๆครับ

 

จะมีปัญหาอะไร หากมีปริมาณทองคำเท่าไหร่ก็พิมพ์ดอลล่าห์เท่านั้น แต่เรื่องมาแดงเอาตอนที่ ทุกคนเอาตั๋วมาแลกคืน

ปรากฎว่า นอกจากแลกคืนไม่ได้ ยังยกเลิก ระบบที่ตัวเองเคยตั้งไว้ อย่างหน้าตาเฉย !!!!!

 

คศ. 1971 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศตัดขาด ความสัมพันธ์ ระหว่าง “เงินกระดาษกับทองคำ”

 

ประโยคนี้ต้องตัดแปะข้างฝาครับ นี่คือ Fact

เพราะผมเชื่อว่าในปัจจุบันนี้ 99 คนใน 100 คนครับที่ยังมีความคิดว่า

 

ระบบเงินตราที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันทุกประเทศนั้น อ้างอิงกับทองคำอยู่ ทั้งๆที่มันได้ถูกยกเลิกมา เกือบ 50 ปี แล้วครับ!!!

 

หากคุณคิดว่าทุกวันนี้ รัฐบาลและธนาคารกลางของทุกประเทศ เวลาจะอนุมัติพิมพ์ธนบัตรยังต้องอ้างอิงกับกองทุนทองคำอยู่

มันไม่ใช่อย่างนั้นอีกแล้วครับ (สมัยอากงอาม่าของเรา ยังหนุ่มยังสาวเท่านั้นครับที่มีสิทธิ์เข้าใจแบบนั้น)

 

 

........ ระบบเบรตตัน ล่มสลาย ไปด้วยเหตุนี้

 

ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Managed Floating Exchange Rate system)

 

ความจริงก็คือทุกรัฐบาลครับ ที่แอบพิมพ์เงินเกินกว่าทองคำในเซฟ ของตัวเองมี พิมพ์เกินกันคนละนิดคนละหน่อย จนเป็นเรื่อง

ระบบทองคำ ที่เคยหนุนหลังกระดาษทุกใบ สกุลเงินทุกสกุล บัดนี้ไม่มีแล้วครับ

 

ที่ต้องมีทองคำหนุนหลังระบบการเงิน เหมือนสังคมเราต้องมีตำรวจครับ เราอาจจะบอก "ไม่ต้องมีตำรวจก็ได้" "เราไม่ทำผิดกฎหมายหรอก" ????

 

ทองคำก็ต้องมีครับไม่งั้นนักการเมืองทำผิดกฎ บอกและหลอกเราว่า "ไม่ต้องมีทองคำหรอก" "พิมพ์เงินเพิ่มไม่เยอะหรอก"

 

...... สุดท้ายเค้าก็ทำ

 

ตั้งแต่ปี คศ.1971 ระบบเงินตราอยู่ในอาการที่เรียกว่า ล่องลอย อิสระ

จินตนาการว่า ล่องลอยอยู่ในอวกาศ มันไร้ทิศทางครับ

เมื่อตัดความสัมพันธ์ ระหว่างทองคำและเงินกระดาษทิ้ง เหลือใช้กันแต่ เงินกระดาษ มันใช้กันต่อมาได้

ก็ด้วย ความเคยชิน และ ด้วยความเชื่อถือ ซึ่งมีรัฐบาลของแต่ละประเทศเป็นประกันเท่านั้นเองครับ

 

อัตราแลกเปลี่ยนถูกกำหนด โดย กลไกตลาด แต่ไม่วายถูกแทรกแซง และปั่นค่าเงิน

จนทำให้เกิดความผันผวน สับสน อลหม่านขึ้นบนโลกใบนี้ เกิดการเก็งกำไร “ค่าเงิน”

เกิดการลดค่าเงินอย่างฮวบฮาบ และ วูบวาบ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

หากทุกประเทศเงินสกุลตัวเองมีทองคำหนุนหลังเต็มใบ

เงินทุกสกุลก็มีค่าคงที่เท่ากันเพราะมันก็คือทองคำจะเกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรุนแรงไม่ได้

แต่เพราะ เงินทุกสกุล หนุนหลังโดยดอลล่าห์ เมื่อดอล่าห์ ตัดขาดจากทองคำ

 

"โซ่ความสัมพันธ์" ที่เคยผูกเงินทุกสกุลไว้กับทองคำ "ผ่าน"ทางดอลล่าห์ ก็ถูกตัดขาดไปด้วย

 

สกุลเงินดอลล่าห์ ตัวการความวุ่นวายก็ยังอยู่ หนำซ้ำ ทุกวันนี้ ก็ยังคงเป็น “สกุลเงินหลักของโลก” อีกซะด้วย

 

ข่าวร้ายก็คือ ระบบๆนี้ ที่ไม่มี ทองคำ (เงินที่แท้จริง) หนุนหลังแล้ว

 

เป็นระบบที่คุณและผม พวกเราใช้กันมาตั้งแต่เกิดจนมาถึงทุกวันนี้ครับ ……… นี่คือ Fact

 

 

และการที่พวกเรายังยอมรับดอลล่าห์ เป็นเงินสกุลหลักของโลกกันอยู่ แบบนี้ ผมจึงขอบอกว่าการกระทำของประธานาธิบดีนิกสัน

ที่เลิกตรึงดอลล่าห์ไว้กับทองคำและคงดอลล่าห์เป็นเงินสกุลหลักของโลกใบนี้หลังระบบเบรตตัน

สหรัฐอเมริกาพยายามจะชักจูงให้คนทั้งโลกเข้าใจว่า

 

"ดอลล่าห์ ดีกว่า ทองคำ"

 

เป็นครั้งแรกในโลกอีกเช่นกันครับ ที่ เงินกระดาษ ที่มนุษย์สร้างขึ้นขอทำหน้าที่แทน ทองคำ

 

(ย้ำอีกที ทองคำคือเงินที่ธรรมชาตินี้ สร้างสรร และได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วในอดีต ผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับความน่าเชื่อถือมากว่า 5000 พันปี)

 

….. ระบบนี้ เริ่มต้นปี คศ 1971 มีอายุยังไม่ถึง 50 ปีดี

และผมมีความเชื่อครับว่า ระบบนี้ จะไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดครบรอบ 50 ปี อย่างแน่นอน …..

 

 

 

 

 

ปล.ในตอนหน้าจะพูดถึง โอกาส"ทอง"(จริงๆ)

ที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึงครับนั่นคือเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว

พวกเราต้องรอมานานถึง 30 ปีครับกว่าโอกาสแบบนี้จะวนมาถึงอีกครั้งนึง(ซึ่งก็คือ ณ.ขณะนี้)

นี่คือสาเหตุที่ผมเคยโพสบอกไว้ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันว่านี่คือ โอกาสการลงทุนครั้งเดียวในชั่วชีวิต ของพวกเราครับ

 

 

ราตรีสวัสดิ์ครับ

 

 

คุ้มกับที่รออ่านจริง ๆ ค่ะ..ได้ความรู้มากมายแถมยังสนุกด้วยค่ะ นับถือ นับถือค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านสนุกมากเลยค่ะ มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะคะ รอ รอ รอ !10 !10 !10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...