ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

ข้อคิดคำคม - เกร็ดความรู้

โพสต์แนะนำ

iyw30.jpg

 

 

sj431.jpg

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Guangzhou 2010 Asian Games' Opening Ceremony ; The 16th Asian Games,Part 1

 

 

 

 

ขอขอบคุณ คุณ mahhaudj !gd !gd !gd !01 !01 !01 !thk !thk !thk

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Guangzhou 2010 Asian Games' Opening Ceremony ; The 16th Asian Games, Part 3

 

 

http://www.youtube.com/watch?v=8G1ndlcnJ3Q&feature=related

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Guangzhou 2010 Asian Games' Opening Ceremony ; The 16th Asian Games ; Part 4

 

 

 

 

 

เอามาพอเป็นน้ำจิ้มค่ะ....

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

=== :lol: การรักษาเครื่องซักผ้า

 

เวลาที่ไม่ใช้เครื่องซักผ้า

ให้เปิดฝาทิ้งไว้เสมอ

ช่วยรักษาแผ่นยางที่อยู่ตรงประตูเครื่อง

และช่วยให้เครื่องไม่มีกลิ่นด้วยจ้ะ

===

 

:huh: ล้างห้องน้ำด้วยโค้ก

 

การทำความสะอาดชักโครก

ให้ปราศจากคราบ

และดูเหมือนใหม่เสมอ

คือ ให้ชักโครกกินโค้กซะบ้าง

เทโค้กใส่ลงในชักโครก

ปล่อยให้ชักโครกดื่มโค้กอย่างสบายใจ

สักสองสามชั่วโมง

คราบสกปรกจะหลุดออกหมด

===

 

^_^ น้ำตาเทียนหยดใส่พื้น

 

ไม่ว่าจะเป็นพื้นพรม พื้นไม้

หรือโต๊ะ ตู้

ถ้ามีน้ำตาเทียนหยดใส่

อย่ามัวแต่นั่งแกะให้เสียเวลา

ให้เอากระดาษทิชชู่หนา ๆ

วางบนคราบน้ำตาเทียนนั้น

แล้วเอาเตารีดไฟปานกลางมารีด ๆ

น้ำตาเทียนจะหลุดติดกับทิชชู่

ระวังอย่าให้ไฟแรงมากนะ

เดี๋ยวไหม้

===

:excl:

ทำให้บ้านหอม

 

ไม่ต้องพึ่งสเปรย์หอมกันแล้ว

ให้เอาส้มเช้ง

มาปักไว้ด้วยกานพลูหลาย ๆ ดอก

วางทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน

ใส่แก้วสวย ๆ ก็จะดูดี

ดูเหมือนของตกแต่ง

ทีนี้กลิ่นในบ้านจะหอมหวนตลอดเวลา

ข้อควรระวัง

ต้องหมั่นเปลี่ยนส้มซักหน่อย

อย่าทิ้งไว้จนเน่า

ไม่งั้นคงได้กลิ่นตรงกันข้าม

===

 

-_- ไมโครเวฟหอมชื่นใจ

 

เอาชามใส่น้ำอุ่นบีบมะนาว

วางไว้ตรงกลางไมโครเวฟ

เปิดเครื่องร้อนสุดห้านาที

ความร้อนจากน้ำจะทำให้คราบสกปรก

หลุดโดยง่าย

และมะนาวจะช่วยให้กลิ่นหอมสดชื่น

===

 

:) ลอกสติ๊กเกอร์

 

สติ๊กเกอร์ที่แปะตู้เย็น

คอมพิวเตอร์ หรือตามผนังอะไรก็ตาม

เวลาเบื่อแล้วจะลอกทิ้งไป

ให้ใช้น้ำมันก๊าดชุบผ้าหมาด ๆ

เช็ดถูตรงสติ๊กเกอร์

แล้วปล่อยทิ้งไว้สักพัก

สติ๊กเกอร์จะหลุดออกมาโดยง่าย

===

 

:blink: กระจกใส

 

น้ำยาเช็ดกระจก

นอกจากจะมีสารเคมีแล้ว

ยังเสียเงินแพงอีกด้วย

ใช้วิธีนี้จะดีกว่า

ให้เอาน้ำอุ่นใส่ถัง

เอาหอมใหญ่มาปอกเปลือก

แล้วผ่าสี่

ใส่หอมลงไปในถัง

แค่นี้แหละ

เช็ดกระจกได้ใสแจ่มแจ๋วเหมือนใหม่

===

 

^_^ ทำความสะอาดเตาอบ

 

1. ตั้งเตาอบไว้ที่ความร้อน 200 องศาเซลเซียส

ปล่อยไว้ 3 นาที

แล้วจึงปิดเครื่อง

 

2. เอาหม้อใส่น้ำเดือดตั้งไว้ที่พื้นเตาอบ

 

3. เอาชามทนไฟใบเล็ก ๆ

ใส่แอมโมเนีย

วางบนตะแกรงเตาอบ

เหนือหม้อน้ำเดือดที่ใส่ไว้

 

4. ปิดฝาเตาอบทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมง

แล้วค่อยนำผ้า

มาเช็ดทำความสะอาดเตาอบ

คราบต่าง ๆ จะหลุดลอกออกมาโดยง่าย

 

===

 

:huh: กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น

 

1. เอากาแฟเย็นใส่ถ้วย

วางไว้หนึ่งคืน

กลิ่นจะหายไปดังปลิดทิ้ง

 

2. เอามันฝรั่งผ่าครึ่งใส่ชามเล็ก ๆ วางไว้

มันฝรั่งจะดูดกลิ่นไปหมด

 

3. เอาถุงชาที่ยังไม่ได้ชงใส่ไว้

ถุงชาจะซับกลิ่นเช่นเดียวกับมันฝรั่ง

จะวางถุงทิ้งไว้ตลอดก็ได้

ซักสองอาทิตย์ก็เปลี่ยนครั้งนึง

ตู้เย็นจะได้หอมตลอดกาล

 

===

 

:lol: กำจัดกลิ่นบนเขียง

 

หลังจากที่ใช้เขียง

หั่นหอมกระเทียม

เขียงมักจะเก็บกลิ่นฉุนไว้ติดแน่น

ให้เอามะนาวผ่าซีก

มาถูบนเขียงให้ทั่ว

แล้วล้างออก

กลิ่นจะหายไป

 

===

 

:mad: กำจัดขนสัตว์เลี้ยง

 

ขนสัตว์เลี้ยง

ที่ติดตามโซฟา เบาะ

กำจัดได้โดย

ใส่ถุงมือยาง

ชุบน้ำหมาด ๆ

แล้วเอาถุงมือนี่แหละ

ไปถู ๆ ตามโซฟา

ขนจะม้วนติดกันเป็นก้อน ๆ

เก็บทิ้งได้ง่าย

 

===

 

:lol: ไล่แมวแบบนิ่ม ๆ อิิอิอันนี้อยากได้มานานแล้ว

 

เอาแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์

วางไว้บนที่ที่ไม่อยากให้แมวมา

แมวเกลียดเจ้าแผ่นนี้มาก

จะเป็นเพราะเสียงกรอบแกรบ

หรือแสงสะท้อนก็ไม่ทราบ

 

===

 

:( ไล่แมลงวัน

 

แมลงวันชอบเข้ามาอยู่ในครัว

ให้เอาแก้วใส่น้ำอุ่นครึ่งแก้ว

ใส่น้ำส้มสายชู

ลงไปซัก 2-3 ช้อนโต๊ะ

ใส่น้ำตาลนิดนึง

ปิดฝาแก้วด้วยพลาสติก

จิ้มรูไว้หลาย ๆ รู

แมลงวันได้กลิ่นแล้วจะหนีไป

 

===

 

:excl: ไล่แมงมุม

 

แมงมุมชอบมาชักไย

ไว้ตามซอกมุมต่าง ๆ

วิธีไล่แมงมุมง่าย ๆ

ก็คือ วางชามใส่เกลือไว้ตรงซอก

ที่แมงมุมชอบชักไย

เกลือจะดูดความชื้น

ทำให้แมงมุมสร้างไยไม่สำเร็จ

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางสิ่งบางอย่างที่คุณเชื่อ ใช่หรือไม่ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่มดแดงอ่านแล้วรู้สึกใช่ ก็เลยนำมาเก็บๆๆๆ

 

859056s31ndnidfo.gif

 

 

วิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน มีอยู่ไม่กี่อย่างที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของราคาทอง ผมยกตัวอย่างบางอย่างก็แล้วกันครับ

 

 

1. เศรษฐกิจพิ้นฐานของประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็กลุ่ม G - 20 กลุ่มนี้ ถ้ามีประเทศไหนเกิดภาวะฟองสบู่แตกหรือเกิดสภาวะการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ ตรงนี้ทองขึ้นแน่นอนครับ เพราะค่าเงินของประเทศที่กำลังล้มอ่อนค่าแน่นอน แถมยังโดนซ้ำเติมจากนักลงทุนที่เข้ามาช่วยซ้ำเติมอีกแรง

 

2. การเกิดภาวะสงคราม ตรงนี้ก็ต้องดูต่อไปอีกว่ากลุ่มที่ก่อให้เกิดสภาวะสงคราม เป็นกลุ่มไหน มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกขนาดไหน แล้ว มีประเทศไหนหนุนหลัง แต่สิ่งที่ต้องจำไว้คือ ก่อนเกิดสภาวะสงคราม สิ่งที่จะขึ้นก่อนตัวอื่นๆคือน้ำมัน การสำรองน้ำมันของประเทศที่ก่อสงครามจะเสียหายมาก การขนส่งน้ำมันผ่านคาบสมุทรเกาหลี ก็ยากลำบากเรื่อบรรทุกน้ำมันลำไหนลำนั้นผ่านมาโดนระเบิดแน่นอนครับ ผลกระทบที่ตามมาคือประเทศใกล้เคียงไม่มีน้ำมันใช้ 55555 ที่นี้นักลงทุนก็จะพยายามดึงราคาน้ำมันขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเมื่อ มีเหตุการณ์คาบสมุทรเกาหลี สิ่งที่ต้องขึ้นไปล่วงหน้าแน่นอนคือน้ำมัน สิ่งที่ต้องลงก่อนคือกลุ่มโลหะมีค่า ส่วนที่จะทรงตัวคือกลุ่มก่อสร้าง เมื่อสงครามเริ่มสงบความต้องการที่จะใช้พลังงานก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นด้านขนส่งหรือการสำรอง นำ้มันก็จะถูกเทขายออกมาช้าๆเพื่อประคองราคาไปก่อน ถามว่าทำไม่ต้องเทขายน้ำมัน ตรงนี้ตอบได้เลยว่าก็ถ้าไม่ทำให้น้ำมันถูก กลุ่มที่ก่อสงครามมันจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อน้ำมันเพื่อไปใช้ในการก่อสร้าง หละครับ ดังนั้นกลุ่มโลหะมีค่าก็จะเริ่มถูกปั่นราคาขึ้นไปพร้อมๆกับกลุ่มวัสดุก่อ สร้าง เพื่อชดเชยกำไรที่หายไปจากน้ำมัน อย่าลืมว่าการทำสงครามยอมทำให้สิ่งก่อสร่างต่างๆถูกทำลาย หุ้นของวัสดุก่อสร้างของประเทศที่อยู่ใกล้ๆประเทศที่ก่อส่งครามก็จะถูกปั่น ราคาให้ขึ้นไปที่ราคาสูงๆ เพื่อขายทำกำไรให้คู่กรณีที่ก่อสงคราม

 

3. ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนเชื่อคือเศรษฐกิจโลกยังชลอตัว การลงทุนต่างๆก็ลดลง นักลงทุนก็ต้องแสวงหาหนทางทำกำไร สิ่งที่หน้าจับตาและสนใจของนักลงทุนก็มีทอง แลัวถ้าดูต่อไปอีก ก้จะเห็นว่าที่ต่างประเทศมีหิมะตกหนัก น้ำมันจึงเป็นสิ่งที่ควรลงทุนหรือเหมาะสมที่จะทำการปั่นราคาขึ้นไป

 

แค่ 3 ตัวอย่างนี้ ทองก็น่าจะขึ้นไปได้อีกพอสมควร แล้วเราจะทำอย่างไรหละที่นี้ เพื่อให้เราเข้าซื้อทองได้ทันก่อนที่เหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าสงคราม อากาศหนาว เศรษฐกิจโลกตกต่ำ การจ้างงานก็จะต่ำลงไปเรื่อย(การจ้างงานต่ำคนมีรายได้ต่ำการจับจ่ายก็จะมี ความระมัดระวังตามไปด้วย การซื้อสินค้าฟุ้มเฟีอยก็จะหายไป) การอัดเงินเข้าสู่ระบบ(ก่อให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อ)

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่า สิ่งเดียวที่เราเอามาเป็นตัวดัชนีชี้วัดได้ก็คือกราฟ เพราะกราฟจะเป็นตัวที่ซึมซับเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้วในอดีต ดังนั้น จึงมีคำพูดที่ว่า ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำลอยเดิมเสมอ อดีตเคยเป็นแบบไหน อนาคตควรจะเป็นแบบนั้น

 

ธนาคารขนาดใหญ่ล้ม เมื่อ 10 ปีก่อน ทองขึ้นหรือลงหรือแกว่งตัว 60 ดอลล่าร์ ถ้าปัจจุบันล้มอีก ทองก็จะขึ้นหรือลงหรือแกว่งตัว 60 ดอลล่าร์ เหมือนในอดีต

 

เศรษฐกิจโลกตกต่ำ เมื่อ 20 ปีก่อน ทองขึ้นหรือลงหรือแกว่งตัว 100 ดอลล่าร์ ถ้าปัจจุบันเป็นแบบนี้อีก ทองก็จะขึ้นหรือลงหรือแก่วงตัว 100 ดอลล่าร์ เหมือนในอดีต

 

กราฟไม่ได้บอกว่าอนาคตจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่กราฟสามารถทำนายว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ลักษณะไหน การเล่นของนักลงทุนรุ่นใหม่จะไปในทิศทางไหน ตรงนี้จะทำให้เราดักทิศทางระยะสั้นๆของการเล่นของนักลงทุนรุ่นใหม่ได้ครับ เพราะนักลงทุนรุ่นเก่า เขาเล่นและลงทุนมาก่อนนักลงทุนรุ่นใหม่ครับ เทคนิกการเล่นการทำกำไร ที่นักลงทุนรุ่นใหม่เอามาเล่น นักลงทุนรุ่นเก่าเขาเล่นมาแล้วในอดีตครับ ซึ่งแนวทางการเล่นของเขาปรากฏอยู่ในตัวกราฟที่ผ่านมาในอดีตนั่นเองครับ

 

 

 

http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/140-%E0%B8%88%E0%B8%9A-%E0%B8%9B4-%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87/page__st__2805

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยาย้อมผมเสี่ยงต่อมะเร็ง

 

 

บทความจากขวัญเรือน

ฉบับที่ 936 ปักษ์หลัง พย. 53

พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ

 

 

 

 

คนที่ไม่ย้อมผมนั้นมีน้อยเต็มที เพราะดูเหมือนว่าการย้อมผมเพื่อความสวยความงาม แบบไม่มีใครยอมแก่นั้นอยู่ในสายเลือดของผู้หญิง (สมัยนี้รวมถึงผู้ชายด้วย) มานาน

 

ผู้หญิงสวยคนแรกที่ย้อมผมคือพระนางเนเฟอติติ แห่งอียิปต์ ตั้งแต่ 3500 ปีก่อนโน้น ต่อมาก็เป็นพระนางคลีโอพัตรา (2000 ปี) เจ้าหญิง สตรีชั้นสูงและสาวสวยในอินเดียก็ย้อมผมมาแต่ไหนแต่ไร สาวยุโรป คนจีน คนไทยก็มีวิธีย้อมผมซึ่งเป็นภูมิปัญญาของตนเอง ยาย้อมผมสมัยโบราณเป็นสมุนไพร เป็นยางไม้ ขี้เถ้า สีดำจากเขม่าควันไฟ ทำเป็นผงละเอียดยิบชโลมเส้นผมให้สีผมเปลี่ยน แต่สมัยนี้ยาย้อมผมส่วนใหญ่เป็นสารเคมี

 

การย้อมผมสมัยใหม่เริ่มต้นจากปี 1860 เป็นต้นมา เมื่อคอรา เพิร์ล สนมคนหนึ่งของพระเจ้านโปเลียนที่ 2 ใช้ยากัดสีผมและน้ำยาย้อมผม แบบเดียวกับที่มีใช้ในวงการผมสวยในทุกวันนี้

 

ยาย้อมผมทุกวันนี้มี 3 ประเภทคือ

 

1. ยาย้อมผมชั่วคราว เป็นสีย้อมที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน ฉาบอยู่ด้านนอกของเส้นผมเป็นยาย้อมผมที่ไม่ทน สระทิ้งเพียงครั้งเดียวสีก็ลอกหลุดไปหมดแล้ว เช่นสีสเปรย์หรือสีย้อมสดใสสีแสด สีเขียว สีม่วง สีแดง ที่สาวเปรี้ยวนิยมย้อมผมเพื่อไปงานปาร์ตี้

 

2. ยาย้อมผมกึ่งถาวร เป็นยาย้อมผมที่ฉาบเคลือบอยู่บนผิวของเส้นผม อาจซึมลึกลงไปถึงโครงสร้างของเส้นผมได้บ้าง แต่ติดทนกว่ายาย้อมผมแบบแรก สระ 4-6 ครั้งสีจึงจะหมดไป ส่วนใหญ่ยาย้อมผมชนิดนี้เป็นสมุนไพร เช่นเฮนน่า

 

3. ยาย้อมผมถาวรเป็นวิธีการที่ใช้ย้อมผมอยู่ในทุกวันนี้ สีย้อมเป็นสารเคมีล้วน ๆ เริ่มด้วยใช้โซเดียม ไบซัลไฟด์และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่จะเปิดเคราตินบนเส้นผมออก และฟอกเอาเม็ดสีเดิมออกก่อน แล้วจึงใส่สีย้อมเช่นพาราไนโตรฟีนีลีนไดอามีน (สีดำ) หรือพาราโทลูอีนไดอามีน (สีน้ำตาลเข้ม) ฯลฯ ลงไปถึงชั้นในของเส้นผม จากนั้นจึงปิดชั้นเคราตินอีกที วิธีนี้จะทำให้เม็ดสีอยู่ทน แต่ถ้าผมงอกยาวออกมาก็จะเห็นสีดำตัดกับชั้นของสีขาวชัดเจน

 

แต่ สารเคมีที่ใช้ย้อมผมเหล่านี้ มีอันตรายต่อสุขภาพ ในปี 1978 ดี เจ เคิร์กแลนด์รายงานในวารสารการแพทย์แลนเซทว่า เม็ดสีทุกประเภทในยาย้อมผมทำลายโครโมโซมของเรา แปลได้ว่ายาย้อมผมเป็นสารก่อมะเร็งสำหรับผู้ถูกย้อมผม แต่สำหรับช่างเสริมสวยที่ใส่ถุงมือย้อมผม ไม่ได้สัมผัสกับสีย้อมโดยตรงจะไม่เป็นไร

 

ที่เป็นดังนี้เนื่องจากสารเคมีจากสีย้อมถาวร จะซึมเข้าไปในผิวหนังเป็นจุด ๆ ตามเส้นผม เรามีเส้นผมกว่าแสนเส้น เวลาย้อมผมก็เหมือนกับถูกฉีดสีเข้าในผิวหนังแสนกว่าจุด อาร์อี ชอร์ทำการศึกษาเรื่องยาย้อมผมในปี 1979 แล้วพบว่า สีย้อมผมมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นอย่างน้อย คนที่ย้อมผมมานานกว่า ย้อมผมบ่อยกว่าก็จะมีอัตราเสี่ยงต่อมะเร็งมากกว่า

 

แต่ไม่มีใครอยากมีผมขาวใช่ไหมล่ะ ลองหันมาย้อมผมแบบกึ่งถาวรโดยใช้เฮนน่าที่มีชื่อภาษาไทยหลายชื่อได้แก่ เทียนขาว เทียนต้น เทียนกิ่ง เทียนไม้ หรือเทียนย้อม เป็นต้น จะดีกว่าไหม

 

แล้วที่เคยย้อมผมมาแล้ว และได้สารก่อมะเร็งเข้าไปแล้วจะทำอย่างไรดี :lol:

 

:wub: คำตอบก็คือต้องเร่งกินสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี เร่งกินข้าวกล้องกินผักสดผลไม้สดให้มาก จึงจะต้านสารก่อมะเร็งได้

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทุกข์จากการหา-สุขจากการให้

 

เปลว สีเงิน

 

:P :lol:

 

 

 

ก็ไม่ทราบเพราะอะไรจึงมีคนชอบส่งหนังสือธัมมะ-ธัมโมมาให้ผมอ่านเป็นประจำ ทั้งที่สภาพผมแต่ละวันกระเสือกกระสนข้นคลั่กอยู่แต่ในทะเลบาป แต่ก็ต้องขอบคุณมูลนิธิธรรมอิสระ วัดอ้อน้อย ที่ส่งนิตยสาร "ธรรมลีลา" มาให้อ่านเป็นประจำ อ่านๆ ไปก็สะดุดข่าวในเล่มที่เขียนตัวโตๆ ไว้ข่าวหนึ่งว่า "สุดยอดนางแบบชื่อดังของโลกเปลี่ยนมานับถือพุทธ หันปฏิบัติธรรม" ผมอ่านด้วยความสนใจ จบแล้วก็เต็มใจที่จะคัดลอกมาให้ท่านอ่านด้วย.....

 

อังกฤษ - เคท มอสส์ สุดยอดนางแบบโลกอังกฤษได้เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาแล้ว และเริ่มให้ความสนใจเรียนรู้มากขึ้น โดยเริ่มจากการทำสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ

 

แหล่งข่าวจากเดลิมิเรอร์ รายงานว่า "เคทสนใจพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ถึงขั้นเช่าพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ขนาด ๔x๒ ฟุต ประดิษฐานไว้ในห้องรับแขกเพื่อกราบไหว้บูชา เธอต้องการลดความเครียด เธอชอบหาเวลาทำสมาธิและเรียนรู้พระพุทธศาสนา เพราะทำให้เธอรู้สึกสงบ"

 

โดยเธอได้ชักชวนเพื่อนฝูงให้ลองทำสมาธิเช่นกัน และแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือกล่าวว่า เคทจุดธูปที่ทำจากไม้จันทน์ และกราบตรงเบื้องหน้าพระพุทธรูป เพื่อนๆ ของเธอก็ทำตาม แต่ก็พากันสำลักควัน

 

ทั้งนี้ บรรดาเพื่อนสนิทของเธอหวังว่า พุทธศาสนาจะช่วยทำให้เคท ซึ่งขณะนี้อายุ ๓๕ ปี และเป็นแม่ของลูกสาววัย ๖ ขวบ หยุดเที่ยวเตร่ สำมะเลเทเมา และสงบนิ่งลงได้ในที่สุด

 

เมื่อไม่นานมานี้ เซอร์ฟิลิป กรีน นักธุรกิจเจ้าของ TOPSHOP ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษา ได้กล่าวเตือนสุดยอดนางแบบคนดังว่า ขอให้เธอเที่ยวและดื่มให้น้อยลง เพราะเธอจำเป็นต้องดูแลตัวเธอเองให้ดูดีอยู่เสมอ รวมทั้งให้เธอทำตัวให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย.

 

ครับ...อันที่จริงไม่ใช่ข่าวแรก หรือข่าวใหม่ ถ้าใครมองโลกให้กว้างออกไปจากตัวเองจะพบว่า ในสังคมตะวันตกแห่งยุคโลกาภิวัตน์อันเจริญขีดสุดทางวิทยาการ แต่กลับพบว่า ชีวิตคนตะวันตก หรือคนนิยมอยู่อย่างตะวันตกกลับไม่พบความสุขแท้จริงในชีวิตจากสิ่งที่เรียก ว่าความเจริญนั้น

 

และเขาเริ่มคิดกันว่า ระบบ วิธี วัตถุ ความเจริญ ที่เป็นอยู่ของเขาขณะนี้ ใช่หรือ...คือสิ่งสนองตอบความต้องการแท้จริงของชีวิต?

 

คำตอบคือ...ไม่ใช่!

 

เพราะเขายิ่งแสวงหา ยิ่งแก่งแย่ง ยิ่งกอบโกย เขากลับยิ่งทุกข์ ยิ่งลำบาก กระทั่งจะหายใจยามละโมบก็เหนื่อยหอบเป็นทวีคูณกว่ายามใจไม่อยากได้ใคร่ดีของ ใคร เขาก็ฉงนและฉุกคิดว่า ก็เอ๊ะ...เราแก่งแย่ง-แสวงหาทุกอย่างก็ด้วยคิดว่า ได้มาแล้ว มีแล้วจะเป็นสุข

 

แต่ไฉนยิ่งหา-ยิ่งหาย, ยิ่งได้-ยิ่งทุกข์ ล่ะ?

 

และด้วยภูมิปัญญาตะวันตก ทำให้เขาใช้หลักเหตุและผลเข้าจับ เขาก็จับเค้าเงื่อนขั้นต้นได้ว่า "สุขนั้นมิได้มาจากการหา" เพราะเขาหาเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เคยพอซักที แถมยิ่งได้มาก็ยิ่งพร่อง เติมเท่าไหร่ๆ ก็ไม่รู้จักเต็ม!

 

ความที่สังคมตะวันตกสอนว่า "อย่าอยู่กับตัวเอง" เขาว่าการอยู่กับตัวเองจะทำให้ฟุ้งซ่าน คิดมาก เป็นโรคประสาท บ้า ฉะนั้น คนตะวันตกจึงมีชีวิตประจำวันอยู่กับสิ่งนอกตัว วันๆ ต้องเข้าสมาคม หรือไม่ต้องก็ต้องพากันไปท่องเที่ยว เมื่ออยู่กับบ้านก็ต้องอยู่กับเครื่องเล่นต่างๆ เกมบ้าง วิทยุบ้าง โทรทัศน์บ้าง หนัง ละครบ้าง

 

กระทั่ง จัดปาร์ตี้พี้ยา สุรา เพศ!

 

เรียกว่าตลอด ๒๔ ชั่วโมง ยกเว้นนอนหลับ ต้องหาสิ่งต่างๆ มาบำเรอเปรอปรนร่างกายตามหลักชีวิตคนตะวันตกที่ว่า "อย่าอยู่กับตัวเอง"

 

เนี่ยะ...วันนี้คนตะวันตกส่วนหนึ่งได้คิดแล้วว่า การแสวงหาในขั้นละโมบ-แก่งแย่งนั้น มันไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเลย และการใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนอกตัว นั่น..นอกจากไม่สุขอย่างที่หวังแล้ว ยังนำมาซึ่งทุกข์ทั้งกายและทั้งใจภายหลังมากมาย ไม่ต้องดูอื่นไกล ดู "ไมเคิล แจ็กสัน" เป็นตัวอย่างก็พอ

 

หามาได้ขนาดไหน ไมเคิล แจ็กสัน รู้สึกว่ายังไม่พอ และไม่รู้สึกว่าวัตถุภายนอกขนาดเนเวอร์แลนด์นั้น สร้างสุขให้กับชีวิตเขาได้เพียงพอแล้ว?

 

สุดท้าย ต้องตายอย่างน่าสงสารไปกับการใช้ชีวิตประจำวันตามคำสอนตะวันตกที่ว่า "อย่าอยู่กับตัวเอง" จึงหามายาเป็นที่อยู่ของกายและใจ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายนั่นแหละ ไมเคิล แจ็กสัน อาจได้คำตอบชัดๆ ว่า

 

"สุขมิได้มีมาจากการหา" เลย!

 

เมื่อคนตะวันตกค้นพบ "ลายแทงชีวิตเป็นสุข" ไปครึ่งหนึ่ง เขาจึงตื่นตัว และตื่นกระหายแสวงหา "ลายแทงชีวิตเป็นสุข" อีกครึ่งหนึ่งที่ยังหาไม่พบ และก็มีคนพบว่า ลายแทงชีวิตเป็นสุขที่สมบูรณ์แท้จริงนั้นอยู่ที่ "คำสอนพระพุทธศาสนา"

 

"ขุมทรัพย์จากโอษฐ์พระพุทธองค์" นั่นเอง!

 

ลายแทงชีวิตครึ่งหลังที่คนตะวันตกค้นพบขณะนี้ นั่นคือ

 

"สุขแท้จริงมาจากการให้"

 

มิใช่มาจากการหา ตามปรัชญาชีวิตคนตะวันตกที่หลงผิดคิดกันเช่นนั้นมายาวนาน!

 

ดังนั้น เวลานี้คนในยุโรป คนในสหรัฐอเมริกา เหมือนคนหลงทางที่หิวกระหาย เมื่อพบธารทิพย์จากพุทธธรรมต่างดื่มด่ำฉ่ำชื่นสู่ชีวิตใหม่ จนยากที่ผมจะไม่ปลื้มใจเยื่อใยวาสนาในพุทธศาสนาแต่บางบรรพ์ของพวกเขา เหมือนอย่างนางแบบ "เคท มอสส์" ที่ผมลอกข่าวมาให้อ่านข้างบนนั้น

 

"สุขแท้จริงมาจากการให้ มิใช่มาจากการหา" ตอนนี้คนตะวันตกเริ่มรู้แล้ว เข้าใจแล้ว เรียกว่าเข้าสู่ความเป็น "ต้นคด-ปลายตรง" ต้นของเขากระหืดกระหอบอยู่กับการหา แต่ตอนปลาย คือขณะนี้ของเขา เหมือนน้ำใส ไร้ตะกอนขุ่น สะอาด-สว่าง-สงบ อยู่กับสุขจากการให้

 

สุข-ตามคำสอนพระพุทธองค์มีถึง ๑๐ ขั้น ตั้งแต่ระดับสุขในกาม ขึ้นไปถึงสุขในระดับรูปฌาน อรูปฌาน และสุขในสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ และการจะหาสุขจริงแท้ อันเป็นสุขอริยะให้พบนั้น เส้นทางเดินตรงข้ามปรัชญาตะวันตกที่ว่า "อย่าอยู่กับตัวเอง"

 

เป็น "จงอยู่กับตัวเอง"!

 

เพราะชีวิตสุขแท้-ไม่เวียนกลับไปทุกข์อีกนั้น หาได้จากข้างในตัวเอง จะไม่มีวันค้นหาได้พบจากสิ่งนอกตัวเลย!?

 

การอยู่กับตัวเอง ความหมายก็คือ ทุกลมหายใจทั้งหลับและตื่น ต้องมีสติ มีสติรู้ทุกอย่างไม่ว่าจะทำ จะพูด จะคิดอะไร ก็พูดด้วยสติ คิดด้วยสติ ทำด้วยสติ

 

ไม่ได้หมายความว่าต้องหมกตัวอยู่คนเดียวแต่ในบ้าน การอยู่กับตัวเองด้วยการมีสตินั้น ไปดูหนังได้ ฟังเพลงได้ เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เฮฮาปาร์ตี้ได้ ทำอะไรได้ทุกอย่าง-อย่างที่มนุษย์พึงทำได้ด้วย "สัมมาสติ"

 

เมื่ออยู่กับตัวเองเป็น "สุขจากการให้" ก็จะเป็นความรู้-ความเข้าใจที่มาเองต่อเนื่องกัน เหมือนจุดไฟที่ไส้เทียน เมื่อไฟติดไส้แล้ว ไฟจะลามเลียเนื้อเทียนเลี้ยงไส้ ไส้จะเลี้ยงไฟ และไฟก็จะเลี้ยงแสง และแสงก็จะเลี้ยงสรรพสัตว์

 

"สุขจากการให้" ขั้นต้นนี้ไม่ยากเลย ให้อภัย ให้รัก ให้เมตตา ให้ความช่วยเหลือ ให้ความเข้าใจ ให้ยิ้ม ให้เงินทอง ให้ที่อยู่อาศัย ให้นั้นมาจากใจบริสุทธิ์

 

กระแสใจคือกระแสพลังงานอย่างหนึ่ง พลังงานไม่สูญหาย แต่จะแปรสภาพแตกแขนงขยายไปไม่สิ้นสุด เหมือนน้ำตก พลังงานนั้นไม่หายไปไหน เอามาทำเป็นไฟฟ้าได้ เอาไปทำอาหารได้ เอาไปทำเหล็กได้ เอาไปทำรถได้ เอาไปทำบ้านได้ ทำเสื้อผ้าได้ ทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนเป็นเหตุ-เป็นผลของพลังงานทั้งสิ้น

 

แม้กระทั่งการเกิด-การตาย ก็เป็นเหตุ-เป็นผลของพลังงานที่เราเรียกว่า "กรรม" นั่นแล!

 

อีกแง่คิดหนึ่งได้จากนางแบบชาวอังกฤษ เราจะเห็นว่าคนต่างชาติหรือที่เรียกว่าฝรั่ง นั้น ถ้าเขาสนใจและเข้าหาคำสอนในพระพุทธศาสนา เขาจะพุ่งทะลุตรงเข้าถึงแก่นพุทธศาสนาทันที และจะดื่มด่ำฉ่ำอมตสุขในธรรม เคร่งครัดด้วยศรัทธา-ปสาทะในพระพุทธศาสนายิ่งกว่าคนไทยเรา

 

เพราะเขาพุ่งหาแก่นธรรมด้วยปฏิบัติธรรม จึงเข้าถึงแก่น

 

แต่พวกเรา "พุทธสำมะโนครัว" เข้าหาเสกเป่า-เขย่าติ้ว-ปิดทอง จึงติดอยู่แค่เปลือก!

 

พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ๒-๓ วันก่อน ผู้มิใช่ญาติก็เหมือนญาติ ทั้งที่เคยไม่เคยพบหน้าค่าตากัน "คุณอุบล เชื่อมสุข" จากบ้านชมเดือน ที่บ้านปรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม เห็นตามรูปจะเป็นโฮมสเตย์ ริมแม่น้ำแม่กลอง ล่องเรือชมหิ่งห้อย นำหนังสือ "สวดมนต์สมาธิ" มาฝากไว้ ๑ เล่มพร้อมขนม บอกว่าจะต้องกลับไปเลี้ยงหลานที่สหรัฐอเมริกาแล้ว

 

ผมก็อยากจะบอกว่าหนังสือสวดมนต์และ "การทำสมาธิ การบริหารลมหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ" ที่คุณอุบลพบต้นฉบับเป็นของโรงเจไต่เสี่ยฮุกโจ้ว และนำไปพิมพ์แจกจ่ายญาติสนิทมิตรสหาย ตลอดถึงผม ๑ เล่มนั้น ผมอ่านแล้ว

 

ขอบอกว่าได้สร้างกุศลยิ่งใหญ่ ให้ธรรมที่ถูกต้องตามธรรมเป็นทาน เป็นงานสืบต่อพระพุทธศาสนาที่ขออนุโมทนาบุญด้วย และอยากจะบอกตรงนี้ว่า ผมเพิ่งได้รับหนังสือ จารึกอโศก (ธรรมจักรบนเศียรสี่สิงห์) รัฐศาสตร์แห่งธรรมาธิปไตย ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) มา ๗-๘ เล่ม และหนังสือ "กาลานุกรม" พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก ของท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) อีก ๕ เล่ม

 

ผมกราบด้วยระลึกพระคุณยิ่งใหญ่ต่องานพระพุทธศาสนาของพระเดชพระคุณเจ้าพระ พรหมคุณาภรณ์ตรงนี้อีกครั้ง ก่อนจะบอกคุณอุบลว่าก่อนจะไปสหรัฐ ถ้าเป็นไปได้วานบุตรชายช่วยแวะมารับหนังสือทั้ง ๒ เล่มนี้อย่างละเล่ม นำติดตัวไปให้ถึงสหรัฐอเมริกาด้วยเถิด เอาไปทิ้งไว้เป็นเชื้อหน่อพันธุ์ปัญญาที่สหรัฐนั่นแหละ

 

คุณอุบล หรือท่านใดก็ตามได้สัมผัสงานทั้ง ๒ ชิ้นนี้ของพระเดชพระคุณท่านแล้วจะทราบได้เองว่า หาไม่ได้อีกแล้วในช่วงชีวิตของเรานี้ ที่จะมีงานเพื่อพระพุทธศาสนาเช่นนี้ปรากฏ ฉะนั้น ก่อนตาย...เราทำได้แค่ช่วยกันนำงานชิ้นนี้ไปเผยแผ่ให้กว้างเข้าไว้

 

ก็นับว่าได้ทำหน้าที่ "ข้ารองบาทพระพุทธองค์" สมกับที่เป็นพุทธบริษัทสมบูรณ์แล้ว!

 

พูดแล้วก็นึกถึงท่านที่อยู่ญี่ปุ่นและแวะมาร่วมซ่อม-สร้างโบสถ์หลวงพ่อตามใจ เดือนก่อนโน้น อยากให้ได้หนังสือ ๒ เล่มนี้ไปปรากฏอยู่ในญี่ปุ่น เพื่อคนไทยได้อ่าน เพื่อความรู้ ความเข้าใจในความเป็นมา-เป็นไปของพระพุทธศาสนานับแต่อดีตกาลจริงๆ ถึงจะหนักเป็นกิโลฯ ก็ไม่เป็นไร ถ้าทราบข่าวแจ้ง Address มาให้ผม แล้วจะจัดส่งไปให้ด้วยความเต็มใจยิ่ง

 

อ้าว...คุยไป-คุยมา ยาวเกินเนื้อที่กำหนดอีกแล้ว ท้ายนี้ก็ไม่มีอะไรจะคุย นอกจากอยากจะย้ำอีกซักคำว่า สวดมนต์ภาวนา และปฏิบัติตนตามคำสอนพระพุทธศาสนาเข้าไว้ "สิ่งที่จะเกิดข้างหน้า" นอกจากคลาดแคล้วยังจะเจริญก้าวหน้า "ธรรมรักษา" เหมือนกับที่ผ่านมานั่นแหละครับ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากค่ะ ให้แง่คิดที่ดีจังค่ะ :rolleyes:

 

เดี๋ยววันหลังขอนำเรื่องดีๆมาแชร์บ้างนะคะ

ถูกแก้ไข โดย kedkaew

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes: ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ทั้งหลายนะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...