ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

ข้อคิดคำคม - เกร็ดความรู้

โพสต์แนะนำ

ไม่รู้จะแปะตรงใหน มันเป็นทั้งสาระน่ารู้ที่เกี่ยวกับสุขภาพด้วย แล้วยังสวยงามมากอีกต่างหาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!10 !gd !thk

 

ขอบคุณมากๆ เอามาให้ดูถึงที่เลย ได้กำลังใจเพียบ

 

ดูแล้วมีปัญหาอีก อยากทราบวิธี ดึงไฟล์ให้ออกมาเป็นแต่ละไฟล์เป็นไฟล์ภาพธรรมดา ถามว่าทำไม เพราะแต่ละประโยคมันเข้าท่า อ่านก็ไม่ทัน !_09 !32 !17 ไม่ทราบใครทำเป็นบ้าง ช่วยบอกหน่อยได้ไหม... !_Rd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยังชอบที่จะอ่าน คำที่กินใจเหล่านี้

 

1.jpg

 

2.jpg

 

4.jpg

 

6.jpg

 

5.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

100 ข้อคิดสั้นๆ โดนใจ นำไปใช้ได้จริง ดีจริงๆ...

 

24934.jpg

 

บางครั้งการใช้ชีวิต ก้อไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอ ไป เราจำเป็นต้องมีหลักยึดเตือนใจ เพื่อให้อยู่ในสัวคมอย่างสงบสุข และสง่างาม ไม่เว้นเเต่จะเป็นการปฏิบัติต่อคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เพื่อเป็นการรักษามิตรภาพให้ยืนยาว อีกทั้งยังเป็นการคบกันด้วยความจิงใจ ช่วยเหลือกันในยามมีความทุกข์ ในยามสุขก็แบ่งปันให้กันด้วยความจิงใจ

 

หากใครบอกว่า โอ้โหตั้ง 100 ข้อเชียวหรอ แต่ขอบอกว่าลองศึกษาดูก่อน มันไม่มากไม่มายและยากเย็นเกินไปที่เราจะปฏิบัติเลยจริงๆ

 

1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

2. เชื่อมั่นตัวเอง

3. อย่ามองคนที่หน้าตา

4. กล้าคิด พูด และทำ

5. เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น

6. และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย

7. อย่าโกหกกับเรื่องที่คุนคิดว่าผิด

8. ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ

9. เปิดใจให้กว้าง

10. มองการณ์ไกล

 

11. วางแผนอนาคต

12. อย่าโทษตัวเอง

13. มีความรับผิดชอบ

14. ตอบแทนเมื่อได้รับ

15. ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี

16. อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด

17. คิดถึงส่วนรวมให้มาก

18. ดูแลตัวเองให้เป็น

19. รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี

20. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

21. อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว

22. จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร

23. ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์

24. อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก

25. ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น

26. อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน

27. คนไม่ผิดคือคนที่ไมม่เคยทำอะไร

28. ได้หน้าอย่าลืมหลัง

29. คุนไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย

30. อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ

 

31. อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง

32. รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่

33. ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง

34. อย่าเห็นแก่ตัว

35. อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

36. อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้

37. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุนเอง

38. เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก้อคุยกันได้

39. อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุนก้อไม่เคยโทร.ไป

40. จง เป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ

 

41. ดูแลบิดามารดาให้ดี คุนมีโอกาศ รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี

42. อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุนสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้

43. คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด

44. อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์

45. คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด

46. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้

47. หาจุดหมายให้กับชีวิต

48. เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น

49. ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา

50. วันๆหนึ่งคุนทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น

51. ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ

52. เพื่อนคุนก้อเช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล

53. ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง

54. คุนซื้อนาฬิกาได้ แต่คุนไม่สามารถซื้อเวลาได้

55. ตอนนี้มีใครคอยคุนอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ

56. ตอนนี้คุนคอยใครอยู่รึเปล่า จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง

57. อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ

58. ตอนคุนลำบากคุนคิดถึงใคร คุนอยากให้ใครช่วยเหลือ

59. ตอนนี้คนกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุนเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ

60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย

 

61. ทำอะไรก้อได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น

62. ตอนที่คนกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุนเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่

63. ใครเป็นคนทำให้คุนมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง

64. ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก้อเพียงพอแล้ว

65. อย่ารอให้ถึงวันกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน

66. ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา

67. ถ้าเป็นคุนอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุนจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม

68. เหล้าทำให้คุนลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุนลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต

69. อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุนได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุนยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน

70. อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด

71. อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้า งั้นคุนก้อไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน

72. เหนื่อยนักก้อหยุดพักซะบ้าง

73. อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุนก้อเป็นคนเพียงแต่คุนยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง

74. ปริศนาในเกมคุนแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุนแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุน

75. คุนมองเพชรที่ความงามภายในหรือป้ายราคาภายนอย

76. ถ้าคุนกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน

77. มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้

78. ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง

79. การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด

80. ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย

81. ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก้อดี

82. จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุนรักจากไปตอนนี้ คุนคิดว่า คุนทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง

83. อย่าตอบว่าทำยังไงก้อตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

84. คุนทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุนไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ

85. ตัวคุนมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุนรุ้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า

86. หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุนยังไม่รู้

87. ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต

88. การใส่เสื้อสวยๆไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก

89. หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้

90. ลองทำอะไรบ้าๆบ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย

 

91. ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุนได้รุ้อะไรไว้บ้างก้อดี

92. สิ่งที่คุนปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องคุนเห็นว่าไม่สำคัน กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก้อดี

93. อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก้อดี

94. อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว

95. ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด

96. อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก้อเหมือนกัน

97. ผู้ชายยังไงก้อคือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก้อคือผู้หญิง

98. บางครั้งการอยู่คนเดียวก้อไม่ได้เลวร้ายเมอไป

99. ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง

100. .จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

Credit : picpos

 

ที่มา: http://zayyes.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อคิดดีๆค่ะ

 

 

สิ่งที่แข็งที่สุด..

เอาชนะได้ด้วย..สิ่งที่อ่อนที่สุด

------------

 

เมื่อประตูบานหนึ่งปิด.. อีกบานหนึ่งก็เปิด..

แต่บ่อยครั้ง..ที่เรามัวแต่จ้องประตูบานที่ปิด

จนไม่ทันเห็นว่า...มีอีกบาน-ที่เปิดอยู่

-----------

 

อย่ามัวค้นหา..ความผิดพลาด

จงมองหา..หนทางแก้ไข

-----------

 

อารมณ์ขัน..เป็นสิ่งยอดเยี่ยมที่สุด..

ที่ช่วยรักษาสิ่งอื่นได้...

เพราะทันที-ที่เกิดอารมณ์ขัน

ความรำคาญ..และความขุ่นข้อง-หมองใจ..จะหายไป

กลับกลายเป็น..ความเบิกบานแจ่มใส..ของจิตใจ

เข้ามาแทนที่

------------

 

อย่ากลัว..ที่จะนั่งหยุดพัก..

เพื่อคิด

-----------

 

1 นาที..ที่คุณโกรธ

เท่ากับ..คุณได้สูญเสีย 60 วินาที

แห่งความสงบในจิตใจ..ไปแล้ว

------------

 

หนทางเดียว..ที่จะรักษาภาพพจน์ได้..คือ..

การซื่อสัตย์..ตลอดเวลา

-------------

 

ผู้ชนะ..ไม่เคยลาออก

และผู้ลาออก..ก็ไม่เคยชนะ

------------

 

ออกซิเจน..สำคัญต่อปอดเช่นไร

ความหวัง..ก็เป็นเช่นนั้น

ต่อความหมาย..ของชีวิต

-------------

 

การมีชีวิตอยู่-นานเท่าใด..

มิใช่..สิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญ..ก็คือ .มีชีวิตอยู่-อย่างไร

-------------

 

เราเข้าใจชีวิต..

เมื่อมองย้อนหลัง..เท่านั้น

แต่..เราต้องดำเนินชีวิต..ไปข้างหน้า

------------

 

ไม่มีสิ่งใด..ช่วยให้คุณ..ได้เปรียบคนอื่น

มากเท่ากับ..

การควบคุมอารมณ์..ให้สงบนิ่ง..อยู่ตลอดเวลา

ในทุกสถานการณ์

------------

 

ความอดทน..

คือ..เพื่อนสนิท..ของสติปัญญา

-------------

 

พรสวรรค์ยิ่งใหญ่..ของมนุษย์

คือ .การที่เราสามารถ..เอาใจเขา-มาใส่ใจเราได้

-------------

 

ในธรรมชาติ..ไม่มีสิ่งใดดีพร้อม

แต่ทุกอย่าง..ก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง

ต้นไม้..อาจบิดเบี้ยว-โค้งงอ..อย่างประหลาด

แต่ก็ยังคง..ความงดงาม

-------------

 

มักพูดกันว่า..

กาลเวลา..เปลี่ยนทุกสิ่ง

แต่จริงๆแล้ว .

คุณ..ต้องเปลี่ยนทุกสิ่ง..ด้วยตนเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทาน ตะปู

 

1_display.jpg

 

 

มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก

พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา หนึ่งถุง และบอกกับเขาว่า

 

ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน

ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน

 

วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว

และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป

 

ก็ลดจํานวนลง น้อยลง น้อยลง เพราะเขา รู้สึกว่า

การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง ให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ

 

และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น

ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อและบอกกับพ่อของเขาว่า

 

เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว

ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา พ่อยิ้ม และบอกกับลูกชายของเขาว่า

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้

โดยทุกๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ ฉุนเฉียวของตนเองได้

 

ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง[/b]

วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ

 

ถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น 2 ....

จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก จนหมด

 

เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า

ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!

 

พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน

และบอกกับลูกว่า ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ

 

เจ้าเห็นหรือไม่ว่า รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น

จำไว้นะลูก เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์

 

สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน

ต่อให้ใช้คำพูด ว่า ขอโทษ สักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด

 

ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น กับเพื่อน ..

เพื่อนเปรียบเสมือน อัญมณีอันมีค่าที่หายาก เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม

 

เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ

เป็นคนที่คอยปลอบใจเราเมื่อยามเศร้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา

 

และจริงใจกับเราเสมอ ... แสดงให้เขาเห็น ว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน

และระวังสิ่งที่เราทำไป ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ

 

และจงจดจำไว้เสมอว่า คำขอโทษ

ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตามแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น

คือ รอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ ...... ตลอดไป

 

หวังว่านิทานนี้คงช่วยให้พวกเรา อยู่ร่วมกัน ทำงาน ร่วมกัน คบกัน

 

ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันขึ้นเรื่อยๆ ตลอดไป.....

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา

 

 

img3_59572.jpg

 

 

ปัญหาคือส่วนหนึ่งของชีวิต เตรียมใจพร้อมต้อนรับมันดีกว่า

 

"ปัญหา" เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ

 

 

การมองว่า "ปัญหา" เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น เช่นเดียวกับเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเผชิญกับปัญหาได้โดยไม่ทุกข์มากนัก แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยน "ปัญหา" ให้กลายเป็น "ปัญญา" เพราะนอกจากจะไม่ทุกข์หรือ "ขาดทุน" แล้ว ยังได้ประโยชน์เป็น "กำไร" กลับมาด้วย

 

ขอให้สังเกตคำว่า "ปัญหา" กับ "ปัญญา" นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ "ห" กับ "ญ" ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา" นั้นก็อยู่ใกล้กับ "ปัญญา" มากเช่นเดียวกัน

 

ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือโจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้

 

คนทั่วไปนั้นเมื่อเจอปัญหาก็จะเป็นทุกข์หรือกลัดกลุ้มไปกับมัน แต่ถ้าลองตั้งสติและพิจารณาให้ดี ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญญาได้ไม่ยาก เมื่อ ๘๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียไว้ในจานเพื่อใช้ใน การศึกษาวิจัยเรื่องไข้หวัด วันหนึ่งเขาพบว่ามีเชื้อราเข้าไปปนเปื้อนและทำลายแบคทีเรียที่เพาะเอาไว้ นั่นหมายความว่าเขาต้องเพาะแบคทีเรียขึ้นใหม่

เจ้าเชื้อราตัวนี้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ แต่แทนที่จะโมโห เขากลับฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้ามันฆ่าแบคทีเรียที่เพาะในจานได้ มันก็ต้องกำจัดแบคทีเรียที่ในร่างกายคนได้เช่นกัน ปัญญาเกิดขึ้นแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ทันที นำไปสู่การค้นพบเพนนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะ ซึ่งในเวลาไม่นานสามารถช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้คืออเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่งนั่นเอง

 

โลก ก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต บางคนเป็นโรคหัวใจเจียนตาย ภัยร้ายได้บังคับให้เขาต้องหันมาทบทวนชีวิตของตน และพบว่าการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตัดขาดจากผู้อื่น และจมอยู่กับความหดหู่เศร้าหมอง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขามีอาการดังกล่าว เขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เข้าหาผู้คน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น และปล่อยวางความกังวลหม่นหมอง ไม่นานสุขภาพของเขาก็ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เขายอมรับว่า การเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา

 

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม และชาญฉลาด

 

ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ "ทางตัน" ถ้ามองให้ดีในตัวปัญหานั้นก็มี "ทางออก" ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่

 

จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลายไม่ได้มีไว้ให้เราคร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ (ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว ได้ถามลูกว่า "รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม" ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า "ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ"

 

ความ ทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์ ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง

 

 

จาก: นิตยสาร Teens & Family

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ถูกชมคือธรรมดา ถูกด่าก็ไม่ เลว" .... โดยท่าน ว.วชิรเมธี

 

 

 

หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าว “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” กันมาบ้างแล้ว

 

คำกล่าวนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของจิต หรืออีกนัยหนึ่งของความคิดได้เป็นอย่างดีว่า จิตกำหนดวัตถุ หรือกายเป็นไปตามอำนาจของจิต

 

ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยกล่าวถึงความสำคัญของจิต หรือความคิดไว้ว่า

 

 

“เธอจงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นการกระทำ

 

เธอจงระวังการกระทำ เพราะการกระทำจะกลายเป็นนิสัย

 

เธอจงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นบุคลิก

 

เธอจงระวังบุคลิก เพราะบุคลิกจะกำหนดชะตากรรมของเธอ”

 

 

 

 

ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เรามีความคิดหรือวิธีคิดอย่างไร ในทางพุทธศาสนานั้น ท่านให้ความสำคัญกับวิธีคิดเป็นอันมาก พระนักปราชญ์ท่านหนึ่งได้ประมวลวิธีคิดในพุทธศาสนาไว้ว่ามีมากกว่า ๑๐ วิธี

 

วิธีคิดอย่างหนึ่ง ซึ่งเราควรนำมาปรับใช้ในชีวิตก็คือ วิธีคิดเชิงบวก

 

วิธีคิดเชิงบวก หมายถึง การ รู้จักเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ ซึ่งโดยมากมักแสดงตัวให้เราได้สัมผัสในแง่ลบ แต่พอเราพลิกมุมมองใหม่ เราจะได้อะไรดีๆ จากเรื่องลบๆ เหล่านั้น

 

เช่น ในชีวิตจริงของผู้เขียนซึ่งทำงานกับคนหมู่มาก มักจะพบกับคำชมและคำด่าอยู่เสมอ ๆ เมื่อแรกเผชิญกับคำชม ผู้เขียนก็ฟู ครั้นพบกับคำด่าก็แฟบ แต่เมื่อเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อคำชมและคำด่า ก็รู้สึกว่า ได้คุณค่าจากคำด่าคำชมเป็นอันมาก

 

 

คำชมนั้น สำหรับคนที่ไม่คิดอะไรมาก ดูเหมือนว่า ไม่ลำบากใจเลยที่จะน้อมรับ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว คำชมนั่นแหละคืออันตรายยิ่งกว่าคำด่า เพราะ หากเรารู้ไม่ทัน คำชมจะทำให้เราหลงตัวเองและมีโอกาสลืมตัวสูง ส่วนคำด่า ถ้าพิจารณาไม่ดีก็ทำให้เราเสียศูนย์ได้ง่ายๆ แต่หากพิจารณาอย่างลึกซึ้งด้วยวิธีคิดแบบมองโลกในแง่ดี บางทีคำด่ากลับมีค่ามากกว่าคำชม

 

 

คำด่ามีค่ามากอย่างไร ?

 

(๑) คำด่า คือ กระจกเงาสะท้อนความบกพร่องของงานที่เราทำ

 

(๒) คำด่า มักแฝงคำแนะนำมาด้วยเสมอ

 

(๓) คำด่า บอกเราว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นหากมีคนที่คิดไม่เหมือนเราเขามองดูอยู่ เขาเห็นอะไรในสิ่งที่เรามองไม่เห็นบ้าง

 

(๔) คำด่า คือ กระดาษทรายอย่างดี ที่คอยขัดสีฉวีวรรณให้เรามีความกลมกล่อมลงตัวเหมือนพระประธานที่ต้องถูกกระด าษทรายขัดสีฉวีวรรณจนผุดผ่อง

 

(๕) คำด่า ทำให้เราไม่ประมาทผลีผลามทำอะไรด้วยความเชื่อมั่นมากเกินไป

 

(๖) คำด่า ทำให้รู้ว่า มีคนรักหรือเกลียดเรามากน้อยแค่ไหน

 

(๗) คำด่า ทำให้รู้ว่า อย่างน้อยก็มีคนสนใจในสิ่งที่เราทำ หรืออย่างน้อย สิ่งที่เราทำมันกำลังส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงมีคนอุทิศตนมาสนใจและด่าอย่างเป็นงานเป็นการ

 

(๘) คำด่า จะทำให้เราได้หันกลับมาดูภูมิธรรมของตนเองว่า เข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน เมื่อทุกข์กระทบแล้วธรรมกระเทือน หรือกิเลสกระเทือน ถ้าธรรมกระเทือนแสดงว่าเราฝึกตนเองมาดี แต่ถ้ากิเลสกระเทือนแสดงว่า ต้องกลับไปฝึกจิตตัวเองใหม่ให้เข้มแข็งกว่านี้

 

(๙) คำด่า ทำให้เราได้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีใครหนีโลกธรรม ๘ ได้ (ได้ลาภ เสื่อมลาภ,ได้ยศ เสื่อมยศ,สรรเสริญ นินทา,สุข ทุกข์)

 

(๑๐) คำด่า คือ บทเรียนเรื่องการปล่อยวางตัวกูหรืออัตตาที่ดีที่สุด เพราะหากเรายังปล่อยวางตัวกูไม่ได้ เราก็จะต้องหาวิธีด่าคืนอยู่ไม่สิ้นสุด แต่เมื่อเราปล่อยวางตัวกูได้แล้ว คำด่านั่นเองคือบททดสอบที่ดีที่สุด

 

 

เพราะคำ ด่ามีคุณค่ามากกว่าคำชมดังกล่าวมานี้เอง ทุกครั้งที่ถูกด่า ผู้เขียนก็บอกตัวเองว่า ไม่เลวเหมือนกัน ได้พบอาจารย์ใหญ่ที่เข้มงวดอีกแล้ว เวลาเจอคำชม ผู้เขียนจะบอกตัวเองว่า ระวังเอาไว้หน่อย โบราณท่านเตือนว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ถ้าเราไม่หวั่นเกรงต่อคำด่า ไม่เสียท่าต่อคำชม ชีวิตก็สบายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

 

ในทุกวันที่เราต้องทำงานกันตัวเป็น เกลียว เชื่อเหลือเกินว่า เราแต่ละคน คงจาริกอยู่ท่ามกลางคำด่าและคำชมกันทั้งนั้น หลังอ่านบทความนี้จบแล้ว ลองเปลี่ยนมุมมองต่อคำชมคำด่าดู แล้วเราจะพบว่า สิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์อย่างคำด่านั้น จริงๆ แล้ว แฝงเพชรนิลจินดาแห่งสติปัญญาเอาไว้อย่างแวววาวพราวพรายไม่น้อยเลยทีเดียว

 

โดย ท่าน ว.วชิรเมธีhttp://www.vimuttayalaya.net/DharmaDaily.aspx?id=49&page=9

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 What's that ?

 

 

 

 

 

 

ดููจบแล้ว.........คิด......เคยทำไหมกับพ่อเรา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

em183.gif d5f02ecd.gif 5fc0f220.gif

 

ขอบคุณมากๆ เอามาให้ดูถึงที่เลย ได้กำลังใจเพียบ

 

ดูแล้วมีปัญหาอีก อยากทราบวิธี ดึงไฟล์ให้ออกมาเป็นแต่ละไฟล์เป็นไฟล์ภาพธรรมดา ถามว่าทำไม เพราะแต่ละประโยคมันเข้าท่า อ่านก็ไม่ทัน 098eb4a5.gif em309.gif em308.gif ไม่ทราบใครทำเป็นบ้าง ช่วยบอกหน่อยได้ไหม... 7c00a009.gif

 

หุหุ ทำม่ายเป็งเหมืองกัง แล้วก็ tips for better life มีหลายpartเลยน๊ะ ถ้าชอบก็ไปหาเอาเองได้ key word แล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

' สัญชาตญาณแมงป่อง' โดย ท่าน ว.วชิรเมธี

 

 

 

ปุจฉา

 

 

ใน ที่ทำงานของผมมีคนอยู่ประเภทหนึ่งครับ วันๆ งานการไม่ค่อยทำ เอาแต่จ้องหาเหตุจับผิดคนโน้นคนนี้ ความดีของคนอื่นไม่เคยสนใจ แต่ถ้าใครทำอะไรเสียหายสักนิดหนึ่งละก็ คนๆ นี้ชอบนัก

 

ผมอิดหนา ระอาใจกับคนประเภทนี้มาก อยากจะไปเสียให้พ้นๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสมัยนี้ คิดจะเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเลยอยากรู้ว่า คนบางคนที่วันๆ เอาแต่จ้องหาเรื่องเล่นงานคนอื่นนั้น เขาเป็นคนประเภทไหน จะรับมือเขาได้อย่างไรครับ

 

วิสัชนา

 

เร็วๆ นี้มีลูกศิษย์คนหนึ่งมาเล่านิทานให้ผู้เขียนฟัง พอได้ฟังแล้วก็ทำให้เกิดความสว่างโพลงในหัวใจได้ไม่น้อย คุณน่าจะได้ฟังนิทานเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะทำให้หายข้องใจได้บ้างว่า คนบางคนนั้น เขามี “ธาตุแท้” ของเขามาอย่างนั้นเอง

 

นิทาน นั้นมีอยู่ว่า

 

มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าแมงป่องตัวหนึ่ง ไต่ไปมาตามริมฝั่งน้ำจนเซ็งชีวิต เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้น คงมีอะไรให้ทำมากกว่าการไต่ไปมาอยู่ที่เดิมอย่างซ้ำซากเป็นแน่

 

มัน มองหาวิธีที่จะข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้นอยู่หลายวัน และในที่สุด โอกาสก็มาถึงจนได้ เมื่อมันพบกบตัวหนึ่งกำลังจะว่ายข้ามน้ำไปยังฝั่งตรงข้ามพอดี เจ้าแมงป่องเห็นเช่นนั้น จึงขอเป็นผู้โดยสารขี่หลังกบไปชมวิวฝั่งโน้นบ้าง กบนึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงถามว่า

 

“แมงป่องเพื่อนรัก เธอจะรับประกันได้อย่างไรละว่า เมื่อฉันให้เธอขี่หลังข้ามไปฝั่งโน้นแล้ว เธอจะไม่แว้งมาต่อยฉัน”

 

“กบเพื่อนรัก ทำไมจึงมองฉันในแง่ร้ายเช่นนั้น ถ้าคนอย่างฉันไม่มีคุณธรรมต่อเพื่อนเช่นเธอเสียแล้ว ในโลกนี้ คงหาคนดีไม่ได้อีกแล้ว”

 

“มั่นใจ นะว่าเธอจะไม่ต่อยฉันกลางแม่น้ำแน่ๆ” กบคาดคั้น

 

“โธ่เพื่อนเอ๋ย - - ถ้าฉันต่อยเธอ ฉันก็จมไปพร้อมๆ กับเธอนะสิ” แมงป่องอธิบายอย่างสมเหตุสมผล

 

“เออ จริงของเธอสินะ มาสิ ถ้างั้นเธอขึ้นขี่หลังฉันได้เลย เราจะข้ามไปฝั่งโน้นด้วยกัน”

 

ว่าแล้ว เจ้าแมงป่องก็ได้ขี่หลังกบสมใจ กบน้อยพาเพื่อนร่วมทางลอยไปสักพักหนึ่งก็จะถึงฝั่ง พอเห็นฝั่งเคลื่อนตัวมาใกล้ทุกที เหลืออีกเพียงศอกเดียวเท่านั้นก็จะถึงฝั่ง แมงป่องก็เผลอตัวต่อยหลังกบเข้าอย่างถนัดถนี่ กบร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นสุดเสียง พอรู้สึกตัว กบก็หันมาถามแมงป่องว่า

 

“ไหน แกรับปากว่าจะไม่ต่อยฉัน แล้วนี่แกทำอะไรลงไป”

 

“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้คิดจะต่อยเธอเลย แต่มารู้สึกตัวอีกที ฉันก็ต่อยเธอไปแล้ว” แมงป่องตอบอย่างเสียไม่ได้ ไม่ยี่หระกับสิ่งที่ตนทำแม้สักนิด

 

อนิจจา กบน้อยพอลอยแตะฝั่ง ก็ถึงแก่กรรมไป ส่วนแมงป่อง ก็ขึ้นฝั่งอย่างสบายใจ ดูไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตนเป็นคนก่อแม้แต่น้อย...”

 

 

 

ทันทีที่ฟังนิทานเรื่องนี้จบ ผู้เขียนนึกถึงคำๆ หนึ่งขึ้นมาทันที นั่นคือคำว่า

 

“สันดาน”

 

ขออภัย หากคำนี้เป็นคำไม่สุภาพ แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า ในโลกนี้ มีคนบางประเภทจริงๆ ที่เกิดมาแล้วทำตัวเป็น “อันธพาล” โดยสายเลือด โดยความเคยชิน จนเป็นนิสัย

 

เรา ไม่ทราบว่า คนที่รู้สึกมีความสุขเสมอ กับการได้ทำร้ายคนอื่นทั้งโดยตรงและโดยอ้อมนั้น เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร ได้รับการศึกษามาอย่างไร แต่พอมาเจอกับเรา เขาก็ได้กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเป็นคนเลวไปเสียแล้ว

 

สำหรับคน ประเภทนี้ คุณคงไม่ต้องไปทำร้าย หรือตอบโต้เขาอีกแล้ว การที่เขาเป็นคนเช่นนั้น นับว่าเป็นเคราะห์กรรมของเขามากพออยู่แล้ว เพราะทั้งชีวิตนี้ คนเช่นนี้จะไม่ได้รับความรักจากใครเลย ลึกๆ แล้วคนที่มีความสุขกับการหาทุกข์ให้คนอื่นนั้น เขาเป็นคนน่าสงสาร บางทีหากเราสามารถคลี่ปมของเขาออกมาดูได้ ก็จะเห็นว่า คนอย่างนี้ควรได้รับความเห็นใจ มากกว่าจะซ้ำเติมเขา

 

ปล่อยเขาไปเถอะ คุณ

 

การที่เขาเป็นคนเลว (โดยสันดาน) แล้วยังไม่รู้สึกตัวนั้น ก็ทำให้เขาสร้างกรรมหนักหนาสาหัสแก่ตัวเองมากพออยู่แล้ว เราไม่ควรจะเลวร่วมขบวนกับเขา ด้วยการหาวิธี “เอาคืน” แก่เขาเลย

 

การ ไม่ยุ่งกับคนประเภทนี้ คือ วิธีรับมือที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง

 

 

พระ พุทธเจ้าเคยเล่านิทานว่า ในอดีตชาติ พระองค์ทรงเคยเกิดเป็นราชสีห์เจ้าป่า จู่ๆ วันหนึ่งมีหมูสกปรกที่ชอบนอนกลิ้งเกลือกในหลุมอุจจาระเหม็นคลุ้งมาท้าสู้กัน ราชสีห์เจ้าป่ามองดูเจ้าหมูสกปรกแล้วก็คำรามขึ้นว่า

 

“เจ้าหมูสกปรก เอ๋ย หากเจ้าต้องการชัยชนะ ข้าก็ยินดีจะยกชัยชนะนั้นให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย แต่จะให้ข้าไปสู้กับเจ้านั้น ข้าไม่สู้หรอก ข้ายินดียอมแพ้เสียยังจะดีกว่าไปสู้กับหมูสกปรกอย่างเจ้า”

 

คน บางคนนั้น มีธาตุแท้ไม่ต่างอะไรกับแมงป่อง และมีความสุขกับการทำความเลวเหมือนกับหมูป่าที่ชอบคลุกอุจจาระ หากคนเห็นเช่นนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเรา วิธีที่ดีที่สุด ไม่ใช่การไปสู้กับเขา แต่ควรถอยออกมาจะดีกว่า การถอยนั้น บางครั้งไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดรูปแบบหนึ่ง

 

คน บางประเภทนั้น เขาเป็นมนุษย์ประเภทสูญเสียสามัญสำนึกขั้นพื้นฐาน ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วถูกผิด หากคุณไม่ถอยให้เขา ก็มีแต่เจ็บตัวฟรี ดีไม่ดีอาจวอดวายหายนะถึงชีวิต และจะหวังให้คนชนิดนี้สำนึกผิดนะหรือ ไม่มีทางเสียหรอก

 

แมงป่องน่ะคุณ เวลามันต่อยใคร มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปได้อย่างไร จะให้เขาสำนึกจึงเป็นเรื่องไกลเกินฝัน

 

ทางที่ดีที่สุด คือ อยู่ห่างๆ ไว้ ปลอดภัยที่สุด.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่านไม่ทันก็ pause ทีละหน้าซิครับ

 

เข้าใจตอบแฮะ :angry: :angry:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ผ่านมา ....เก็บของเก่ามาเล่าใหม่ค่ะ มีแทรกใหม่ๆบ้าง เกรงคุณหมอเล็กจะเบื่อ ซะก่อน

:mellow: :blush: :blink:

 

 

" ความรู้สึกพอ "

 

ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ

 

แต่มาจากการตระหนักว่า คุณมีมากมาย

 

และเพียงพอเมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง

 

ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก

 

แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น

 

ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา

 

จริงอยู่ พวกเรามักจะรู้ว่าตนเองมี ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน

 

แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง จึงจะรู้ตัวว่าเราไม่มีมัน

 

การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น

 

มิได้หมายความว่าเราจะได้รับความรักตอบกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน

 

อย่าหวังว่ารักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ

 

จงสนใจแค่ ให้ความรักนั้นเติบโตขึ้นในใจพวกเขา แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลย

 

ก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง

 

 

 

หนึ่งนาที จึงจะทำลายคนๆ หนึ่งได้

 

หนึ่งชั่วโมง จึงจะชอบคนๆ หนึ่งได้

 

หนึ่งวัน จึงจะรักคนๆ หนึ่งได้

 

แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต จึงจะลืมคนๆ หนึ่งได้

 

 

จงอย่ามองเพียงรูปภายนอกเพราะสักวันมันจะหลอกคุณ

 

จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ เพราะสักวันมันจะซีดจางลง

 

หาใครสักคนที่ยิ้มให้คุณ เพราะเมื่อมีรอยยิ้ม จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น

 

หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง บางครั้งเมื่อคุณคิดถึงใครสักคน

 

ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้นให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน โอบกอดตัวเขาเอาไว้

 

ไล่ตามความฝันของคุณเอง ไปยังที่ๆ คุณอยากไป เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น

 

เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว ซึ่งหมายถึงมีเพียงโอกาสเดียว

 

ในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ว่าด้วยเรื่องของนิทาน..... /ฝากคุณพ่อ คุณแม่

 

"ต้นแอปเปื้ล กับ เด็กน้อย"

 

:o :D

 

-------------------

 

 

กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (เพื่อไม่ให้เสีย concept การขึ้นต้นนิทาน) มีต้นแอปเปื้ลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆ และเล่นรอบๆ ต้นไม้นี้ทุกๆ วัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม่ และก็กินผลแอปเปิ้ล แล้วก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปื้ล เด็กน้อยรักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา

 

เวลาผ่านไป..... เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆ ต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว

 

วันหนึ่งเด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้าๆ

 

 

"มาหาฉัน จะมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม

 

"ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆ ต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ

 

"ฉันไม่มีเงินหรอก...เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ แล้วเอาเงินไปซื้อของเล่น" ต้นไม้ตอบ

 

เด็กน้อยเก็บแอปเปิ้ลไปหมดต้น แล้วจากไปไม่กลับมาเล่นกับต้นไม้

 

ต้นไม้ดูเศร้า......

 

วันหนึ่งเด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกดีใจตื่นเต้นมากที่ได้เจอ

 

"มาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม

 

"ฉันไม่มีเลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว และต้องทำงาน ตอนนี้เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม"

 

"ฉันไม่มีบ้าน แต่..ตัดกิ่งก้านฉันไปสิ...แล้วเอาไปสร้างบ้าน"

 

ดังนั้นเด็กน้อยคนนั้นจึงตัดกิ่งก้านทั้งหมดไป และจากไปอย่างมีความสุข

 

เป็นอีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า....

 

และวันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยคนเดิมก็กลับมาอีก ต้นไม้ดีใจมาก

 

"มาหาฉันเหรอ มาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม

 

"เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังในชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม"

 

"ใช้ลำต้นของฉันซิ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือมีความสุข" ต้นไม้ตอบ

 

ดังนั้น เด็กน้อยจึงตัดลำต้นไม้ไป เขาล่องเรือไป และไม่กลับมาอีกนาน

 

จนกระทั่งหลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยคนเดิมก็กลับมา

 

คราวนี้เขาดูแก่มากๆ

 

"ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" ต้นไม้พูด

 

"ฉัน ไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันแก่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" เด็กน้อยตอบ

 

 

 

"งั้นมานั่งลงข้างๆ ฉันสิ....แล้วหลับให้สบาย"

 

เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม... และน้ำตาไหล...

 

....end.....

 

นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆ คน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อแม่... เมื่อเราโตขึ้น บางคนทอดทิ้งพ่อแม่ให้เดียวดาย และกลับไปหาท่านเมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อมีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร..พ่อและแม่เราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำได้ หว้งเพียงให้เรามีความสุข..

 

....แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ...เด็กน้อย.....Huh?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...