ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาพพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดป่ามุตโตทัย ประเทศเยอรมนี

21272268_1241234995981720_2970137194019564644_n.jpg?oh=6c8ea7a9980c70fc334d9597136cd2b3&oe=5A52BF61

21317465_1241234999315053_4355968474203940597_n.jpg?oh=2b11fe3790def873c76f8d20aa33ec0c&oe=5A1F30C7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชานุญาตเผยแพร่วีดิทัศน์"พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้เผยแพร่วีดิทัศน์พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ที่ทรงร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาโดยได้นำบทเพลง รอยเท้าพ่อ…

WELOVEMYKING.COM

 

 

 

Ausiris Gold Investment was live.

2 hrs · _Y91QzmaslR.png

ราคาทองวันนี้ 6 ก.ย. 2560

วิเคราะห์ราคาทอง liveสด

#ราคาทอง

 

Gold Outlook by Ylg 05-09-60

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก by Ylg 06-09-60

 

ทองจะขึ้นต่อมั้ย????

เมื่อสมาชิกเฟดประสานเสียงกันด้วยท่าทีที่ระมัดระวังต่อการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งดูจะเป็น "Dovish Tone" มากกว่า "Hawkish Tone" เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ...

แต่สมาชิกเฟดจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรนั้น พบคำตอบได้กับข่าวเศรษฐกิจเช้านี้: www.mtsgold.co.th/th/research/?SECTION_ID=3

#MTS #MTSGOLD #NEWS #FED

21369020_1678685122142063_3905781180057013799_o.jpg?oh=71507075e251ad6d1ac62bd132eb092d&oe=5A553621

"รัมป์ขู่กีดกันการค้าประเทศคู่ค้าเกาหลีเหนือ ใครโดนบ้าง?"

คาบสมุทรเกาหลี ยังตรึงเครียด หลายประเทศเรียกร้องให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรหนักขึ้นกับเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือยังคงทดสอบขีปนาวุธต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 และคาดว่าครั้งที่ 7 อาจเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะใช้มาตรการกีดกันการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักกับเกาหลีเหนือ เมื่อไปดูข้อมูล พบว่า อันดับหนึ่ง คือ จีน เป็นคู่ค้าหลักราว 85% ของมูลค่าการค้ารวมเกาหลีเหนือ สินค้าส่งออกหลัก เช่น สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนนำเข้า เช่น สินแร่บุก เครื่องนุ่งห่ม

อันดับสอง คือ อินเดีย 3.31%, ตามด้วยรัสเซีย 1.34% และไทย 1.29% ไทยนั้น สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ สินแร่ดีบุก ยางพารา อาหารและผลไม้

กระทรวงพาณิชย์ของไทย ออกมาบอกว่า กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดว่า สหรัฐจะใช้มาตรการอะไร ทั้งนี้ในปี 59 ไทยส่งออกไปเกาหลีเหนือ 47 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนนำเข้าราว 2.27 ล้านเหรียญ และเกาหลีเหนือเป็นคู่ค้าของไทยอันดับที่ 139

ด้านสรท.ระบุว่า หากสหรัฐฯใช้มาตรการกีดกันการค้าจริง คงต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ให้ยุติการส่งออกไปเกาหลีเหนือชั่วคราว เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพรวมการส่งออกไทย

ฝ่ายวิจัย ASP ประเมินว่า สหรัฐฯ น่าจะมุ่งเน้นไปที่จีน เพราะนอกจากจีนเป็นคู่ค้าหลักกับเกาหลีเหนือแล้ว ยังได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯมากสุด 40% ของการขาดดุลของสหรัฐ สินค้าหลักที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯ คือ คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนและเครื่องมือสื่อสาร ราว 43.8% ของยอดส่งออกทั้งหมด สิ่งทอ 10.9% และเหล็ก 5.7%

ส่วนไทยนั้น ได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯเพียง 1.9% สินค้าส่งออกหลัก คือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ 19.9% ของยอดส่งออกรวม ผลิตภัณฑ์ยาง 9.36% และอัญมณีเครื่องประดับ 4.8% เป็นต้น

เรามองว่า การดำเนินการใดๆกับจีน อาจทำให้ราคาสินค้านำเข้าจากสหรัฐแพงขึ้น ส่งผลต่อเงินเฟ้อจะขยับขึ้นเร็ว ดังนั้น ทรัมป์น่าจะระมัดระวัง ในการใช้มาตรการกีดกันการค้ากับจีน

 

ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

15 hrs · _Y91QzmaslR.png

ลีลาออกมาด่าพม่าของพวกสื่อจากชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลาย: 'อย่าเป็นคนเอเซียที่โง่ให้ชาตินักล่าอาณานิคมจูงจมูก':

๑.สส.อังกฤษชื่อบอริส จอห์นสัน รมต.ต่างประเทศของอังกฤษ จบจากอ๊อกซฟอร์ดแต่ทำให้อ๊อกซฟอร์ดขายหน้า เดินตามตูดอเมริการาวกับอังกฤษเป็นขี้ข้ารับใช้อเมริกาตลอดเวลา พูดออกมาทีไรก็เหมือนคนสมองกลวง (รายละเอียดดูในข่าวขางล่าง)

๒.หนังสือพิมพ์ Independent ของอังกฤษ มักจะคาบข่าวใส่ร้ายประเทศที่อเมริกาไม่ชอบก่อนใครเสมอ (http://www.independent.co.uk/…/burma-rohingya-muslims-genoc…)

๓.สำนักข่าว CBS ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของแคนาดา สนับสนุนอเมริกาอย่างคงเส้นคงวา (http://www.cbc.ca/…/rohingya-myanmar-bangladesh-refugees-vi…)

๔.บีบีซีทั้งไทยและอังกฤษ ถ้าเป็นข่าวการเมืองระหว่างประเทศ สื่อจะทำงานรับใช้รัฐบาลเงา (Deep State) ของอเมริกาเต็มตัว (http://www.bbc.com/news/world-asia-41146706…)

๕.สำนักข่าว CNN หัวโจกในบรรดา *สื่อขยะ* ของอเมริกาทั้งหลาย สื่อสำนักนี้เป็นยอดของบรรดาสื่อขยะทั้งหมด ไปสัมภาษณ์เด็กสาวมาละลาที่ยังอ่อนต่อโลกอยู่ให้มาด่าอองซานซูจี ใช้ยุทธวิธีเอาคนเอเซียที่โง่มาด่าคนเอเซียด้วยกัน (http://edition.cnn.com/…/malala-rohingya-aung-sa…/index.html)

๖.หนังสือพิมพ์ New York Times เจ้าเก่า แต่ชื่อเสียงในการโจมตีชาติที่อเมริกาไม่ชอบ ไม่เคยพลาดเลย (https://www.nytimes.com/…/myanmar-rakhine-killed-kofi-annan…)

๗.สำนักข่าวรอยเตอร์ส์ (Reuters) สำหรับสื่อชาวไทยที่ไม่อยากจะคิดอะไรมากก็ลอกข่าวจากรอยเตอรส์ไปล้างสมองชาวไทยต่อกันอย่างง่ายๆ

(สำนักข่าวนี้ ติดตามเกาะติดตลอด แต่รายงานข่าวไม่ละเอียดรอบด้าน http://www.reuters.com/places/myanmar)

๘.สำนักข่าว AFP ซึ่งเกาะข่าวพม่าและโรฮีนจามาตลอด แต่ชอบเขียนข่าวปั่นกระเสทั้งรูปและเนื้อหาเท็จ จนรัฐบาลพม่าต้องเรียกมาตักเตือน (https://www.afp.com/en/news-hub)

เหล่านี้เป็นแค่ตัวอย่างสื่อขยะ ที่ทำตัวเป็นขี้อเมริกา ให้อเมริกาใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีพม่า เพราะอเมริกาอยากจะส่งทหารเข้าไปควบคุมเมืองยะไข่ในพม่า ฮุบน้ำมันและลดอิทธิพลของจีน

๙.สำนักข่าวอัลจาซีร่าซึ่งเป็นกระบอกเสียงของประเทศตะวันออกกลาง ก็โจมตีพม่าเป็นประจำ (http://www.aljazeera.com/…/myanmar-faces-international-cond…)

ขอส่งท้ายว่าสื่อกระแสหลักของไทยสำนักไหนถนัดแต่ลอกข่าวจากสำนักข่าวตัวอย่างเหล่านี้ อย่าไปเสียเวลาอ่าน ถ้าท่านเป็นหัวหน้าส่วนงานทั้งในราชการและบริษัทเอกชน ขออย่าสั่งซื้อหนังสือพิมพ์ที่แปลข่าวจากสื่อต่างประเทศเหล่านี้เข้าสำนักงานให้พนักงานในบริษัทของท่านอ่าน เพราะพวกเขาจะไม่รู้ข้อเท็จจริง และที่สำคัญ พวกเขาจะถูกรัฐบาลชาตินักล่าอาณานิคมอย่างอเมริกาและแก๊งนาโต้ล้างสมองเอาง่ายๆ

๕ กันยายน ๒๕๖๐

*หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น

http://www.bbc.com/news/uk-41139319…

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Paisal Puechmongkol added 3 new photos.

 

7 hrs · _Y91QzmaslR.png

 

 

เรืี่องที่ชาวไทยภาคภูมิใจ!!

ประธานสี แสดงความเคารพต่อเส้นทางพัฒนาที่ไทยเห็นว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ของไทย(คือไม่ว่าไทยจะพัฒนาแบบไหน ถูกผิดอย่างไร เป็นเรืีิ่องของไทย จีนย่อมต้องเคารพ)

เรื่องที่ไทยควรตั้งสติคิด!!

ประธานสีกล่าวว่า จีนยังหวังว่าไทยจะเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์การพัฒนากับจีน

หมายความว่า(ถึงเราจะเข้าป่าไปถึงไหนจีนก็ยังหวังจึง)เชิญไทยร่วมพัฒนาโดยสอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของไทยจีนคือร่วมมือโครงการเส้นทางสายไหม (ไม่ใช่เพื่อใบสั่งของชาติอื่นที่มุ่งแต่ผลประโยชน์รถยนต์)

ประธานสียังขอร้องให้ไทยใช้ความพยามร่วมพัฒนาลุ่มน้ำโขงที่ไทยตกลง ลงนามการพัฒนาร่วมทั้ง6ประเทศ แต่ยังไม่ทำอะไรเลย เพราะมีพวกเตะตัดขาเบี้ยวเขาหมด ซึ่งน่าละอายยิ่งคราวนี้ลุงตู่ยืนยันกับท่านสีว่าเอาแน่ ไอ้พวกรับใช้ผลประโยชน์รถยนต์คงหนาว

 

 

21272184_1398462363585765_7511763205148189700_n.jpg?oh=b60668b9843a3f15748698cfde77095f&oe=5A5EC8FF

cr Xinhua news

สี จิ้นผิง : จีนยินดีขยับขยายความร่วมมือกับไทย

วานนี้ (4 ก.ย.) ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ได้พบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งเดินทางเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Dialogue of Emerging Market and Developing Countries) ที่จัดขึ้นนอกรอบการประชุมบริกส์ (BRICS) ณ เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน

สีกล่าวว่าจีนขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันในแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) และยินดีขยับขยายการทำงานร่วมกันในด้านการลงทุน ทางรถไฟ การเงินทางอินเทอร์เน็ต เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

 

จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับสายสัมพันธ์อันเป็นมิตรระหว่างจีน-ไทย และจะเคารพเส้นทางการพัฒนาที่ไทยมองว่าสอดคล้องกับสภาวการณ์ของตนเอง แต่ก็คาดหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน และรักษาการสื่อสารระดับสูงอย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้นผู้นำจีนยังเรียกร้องเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน การสื่อสารด้านการท่องเที่ยวและระหว่างภูมิภาคท้องถิ่น ขยับขยายความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย ความมั่นคง และการต่อต้านการก่อการร้าย

จีนหวังว่าไทยจะใช้อิทธิพลเฉพาะตัวมายกระดับความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง (Lancang-Mekong) และความสัมพันธ์จีน-อาเซียน ซึ่งปีหน้าจะครบรอบ 15 ปี ของการจัดตั้งความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์จีน-อาเซียน

ด้านพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไทยยินดีรักษาการสื่อสารระดับสูงกับจีน เสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี สร้างความไว้วางใจทางการเมือง ขยับขยายการแลกเปลี่ยนทางการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน ความร่วมมือด้านต่างๆ อาทิ การศึกษา การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และโครงสร้างขั้นพื้นฐาน

ผู้นำไทยเสริมว่าไทยสนับสนุนและจะทำงานร่วมกับจีนอย่างแข็งขันในแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง รวมถึงความร่วมมือล้านช้าง-แม่น้ำโขง โดยหลังจากเสร็จสิ้นการหารือ ทั้งสองผู้นำยังร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีหลายฉบับอีกด้วย

 

 

 

 

21231692_1970601129822566_1370737763677970924_n.jpg?oh=ece6f10f4f574af8f5472d2f54063b5d&oe=5A1E3F73

21272399_1970601126489233_4170592310827226430_n.jpg?oh=e80df43ef98c7ba643ab3173059c7a37&oe=5A5DDF2D

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศาลปกครองสูงสุดให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเบสท์รินตามคำอุทธรณ์ของ ขสมก.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 กันยายน 2560 12:18:27 น.

ศาลปกครองกลาง อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 502/2560 และคดีหมายเลขดำที่ 955/2560 คดีพิพาทระหว่าง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้ฟ้องคดี กับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดี กรณีการจัดซื้อรถยนต์โดยสารปรับอากาศที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี)) โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็น ให้ยกคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดี

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2705497

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.16 ทรงตัวจากวานนี้ รับข่าวเฟดอาจชะลอขึ้นดบ.-วิตกสถานการณ์เกาหลีเหนือ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 6 กันยายน 2560 11:21:34 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.16 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว

 

จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.16 บาท/ดอลลาร์

"เมื่อคืนดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาแสดงความเห็น ทำให้ตลาด

 

ไม่เชื่อมั่นว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปหรือเปล่าเพราะเงินเฟ้อต่ำ ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งที่บริเวณคาบสมุทรเกาหลีที่มี

 

การสร้างข่าวยั่วยุกันไปมา"นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ที่ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่าน่าจะยังทรงๆ แม้ช่วงนี้มี

 

เงินไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตรค่อนข้างมาก แต่บรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจเพราะอาจจะมีความเสี่ยงในภูมิภาคนี้

 

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.1742 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (5 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.96191%

 

ส่วน THAI BAHT FIX 6M (5 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.10784%

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.73 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.36 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1903 ดอลลาร์/ยูโร จาหเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1883 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1730 บาท/

 

ดอลลาร์

- ที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินความเป็นไปได้ที่การส่งออกปีนี้ทั้งปีอาจขยายตัว

 

สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.5-4.5% เนื่องจากส่งออก 7 เดือนที่ผ่านมาเติบโตถึง 8.2% ที่ประชุมจึงประเมินเศรษฐกิจไทยในช่วง

 

ที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง

- นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

 

ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภาย

 

หลังการประชุมว่า สัปดาห์หน้าเตรียมสรุปการเดินสายให้ความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทำประกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง) อัตราแลก

 

เปลี่ยน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้ทิศทางค่าเงินบาทมีความผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุน

 

- นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การขยายวงเงินสำหรับการออกไปลงทุนในตลาดหลัก

 

ทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มจาก 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ได้

 

มีผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงในระยะสั้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีเงินไหลออกไปลงทุนเพิ่มขึ้นจริง ซึ่งปัจจุบันมีการใช้วงเงินลงทุนเพียง 3.2

 

หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น

- ธนาคารทหารไทย(TMB) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ธนาคารจะพยายามผลักดันสินเชื่อเอสเอ็มอีให้ขยายตัว

 

เพิ่มขึ้น จากครึ่งปีแรกยอดคงค้างสินเชื่ออยู่ในระดับทรงตัว หรือปัจจุบันมียอดคงค้างประมาณ 90,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีน่าจะ

 

แตะระดับ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากเริ่มเห็นถึงสัญญาณฟื้นตัวในบางกลุ่มธุรกิจ อาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก

 

- พาณิชย์จับตาใกล้ชิด 'ทรัมป์' ขู่ตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับทุกประเทศที่เป็นคู่ค้ากับเกาหลีเหนือ ตอบโต้ที่โสมแดงทดลอง

 

อาวุธนิวเคลียร์ไม่เลิก โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 4 กับโสมแดง แต่มูลค่าส่งออกน้อยลงเรื่อยๆ ปีที่แล้วแค่ 47 ล้านดอลลาร์ ด้านเอกชน

 

หวั่นกระทบธุรกิจ เล็งหาตลาดใหม่กันไว้ก่อน

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.)

 

จากกระแสความวิตกสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อวัน

 

อาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทำการเคลื่อนย้ายระบบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ไปทางชายฝั่งตะวันตก

 

ของประเทศ ซึ่งคาดว่าเกาหลีเหนืออาจเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลดังกล่าวในเร็วๆนี้

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อ

 

ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จากความกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ หลังจากที่ได้ทดสอบ

 

ระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

- นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ออกมาส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับ

 

ขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐกำลังปรับตัวลง และอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2%

 

- นักวิเคราะห์จับตาการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเน

 

อาโพลิส, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เพื่อหาสัญญาณการ

 

ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

- คืนนี้ติดตามการเปิดเผยรายงาน Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ

 

ของเฟด 12 เขตในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาที่เฟดจะนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมวันที่

 

19-20 ก.ย. ซึ่งคาดเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีผู้

 

จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ

 

(ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2705466

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊

@ สำนักข่าวอิศรา : วันพุธ ที่ 06 กันยายน 2560 เวลา 13:20 น.

ชำแหละให้เห็นชัด ๆ พฤติการณ์ ‘ภูมิ-บุญทรง’ คำพิพากษาฉบับเต็มศาลฎีกาฯ คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊ มัดรู้เห็นขบวนการเวียนขายในประเทศตั้งแต่ต้น ทั้งที่ข้อพิรุธเพียบ สัญญาการซื้อขายไม่มีที่มาที่ไป แต่ยังลงนามเห็นชอบ ตั้ง กก.สอบแค่ลดกระแสสังคมเท่านั้น

ณ ขณะนี้หลายคนคงทราบไปแล้วว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกหนักบรรดาอดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเอกชนเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัดและนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง พร้อมกับให้ชดใช้ค่าเสียหายรวม 1.69 หมื่นล้านบาท (อ่านประกอบ : รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’, INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3)

สำหรับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 2) คือสองนักการเมืองชื่อดังที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับขบวนการทุจริตครั้งนี้ โดยคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุกนายภูมิ 36 ปี และนายบุญทรง 42 ปี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่จัดการทรัพย์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต

ข้อเท็จจริงตามการไต่สวนเป็นอย่างไร ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำพิพากษาคดีดังกล่าวฉบับเต็ม เฉพาะกรณีของนายภูมิ และนายบุญทรง ดังนี้

@ที่มาของสัญญาทั้ง 4 ฉบับ ไม่ชัดเจน

การทำสัญญาฉบับที่ 1-2 ของบริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 28 ก.ย. 2554 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายมนัส สร้อยพลอย ขณะนั้น) ขอซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย หลังจากนั้นเพียง 2 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 30 ก.ย. 2554 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอนัดหมายเจรจาในวันที่ 5 ต.ค. 2554 โดยมอบหมายนายรัฐนิธ โสจิระกุล (ปาล์ม จำเลยที่ 8) เป็นผู้ประสานงาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่ามีข้าราชการคนใดเป็นผู้ประสานงาน ไม่ปรากฏหลักฐานในการติดต่อเพื่อกำหนดวันนัดหมายเจรจา และที่มาของหนังสือดังกล่าวขัดแย้งกับคำชี้แจงของปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า หนังสือของบริษัท กวางตุ้งฯ ส่งผ่านมาทางไปรษณีย์ ทั้งที่การซื้อขายข้าวจีทูจีเป็นเรื่องระหว่างประเทศจำเป็นต้องมีที่มาที่ไป อาจเริ่มต้นพูดคุยในระดับรัฐมนตรีในเวทีระหว่างประเทศ แต่หนังสือดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ ผิดไปจากแนวปฏิบัติที่ผ่านมา

สัญญาฉบับที่ 3 บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอทำสัญญาซื้อขายข้าว แต่ไม่ปรากฏว่าหนังสือถูกส่งมาโดยวิธีใด ข้าราชการผู้ใดเป็นผู้รับหนังสือ ไม่ปรากฏว่ามีการนำหนังสือไปลงเลขรับตามระเบียบงานสารบรรณทั้งที่เป็นหนังสือสำคัญ

สัญญาฉบับที่ 4 บริษัท ไห่หนานฯ มีหนังสือลงวันที่ 6 ส.ค. 2555 ถึง รมว.พาณิชย์ ขอซื้อข้าว แต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ (จำเลยที่ 3 ปัจจุบันหลบหนี) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ส่งหนังสือของบริษัท ไห่หนานฯ มาให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศพิจารณา

ดังนั้นการทำสัญญาทั้ง 4 ฉบับ นอกจากไม่มีการทาบทามเหมือนเช่นประเพณีที่เคยปฏิบัติแล้ว บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ก็ไม่ได้รับมอบหมายจากประเทศจีนด้วย

ข้อตกลงการทำสัญญามีพิรุธเพียบ

ข้อตกลงตามสัญญาทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว มีข้อพิรุธหลายประการ เช่น ตกลงขายเป็นเงินบาท ไม่ใช่สกุลเงินที่นิยมใช้ซื้อขายระหว่างประเทศ การส่งมอบสินค้าเป็นแบบหน้าคลังสินค้า (Ex-warehouse) แทนที่จะเป็นแบบการส่งมอบที่ท่าเรือของผู้ซื้อ (FOB) หรือส่งมอบที่เมืองท่าของผู้ขาย (CIF) และการส่งมอบแบบ Ex-warehouse เป็นการเปิดช่องทางให้นำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศได้ เพราะการขายวิธีนี้ให้ผู้ประกอบการภายในประเทศเพื่อส่งออก ขณะเดียวกันการขายข้าวให้บริษัท กวางตุ้งฯ ไม่มีกำหนดส่งหลักฐานใด ๆ ที่แสดงว่ามีการส่งออก

ส่วนที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า กรมการค้าต่างประเทศเคยข้าวแบบจีทูจีให้เกาหลีเหนือ เมื่อปี 2544 กำหนดส่งมอบแบบ Ex-warehouse นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า เกาหลีเหนือมีเงินจ่ายเฉพาะค่าขนส่ง ส่วนค่าข้าวขอจ่ายเป็นเงินเชื่อภายใน 720 วัน รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่ประสงค์ให้วงเงินสินเชื่อจำนวนมาก จึงตกลงขายแบบ Ex-warehouse แต่รัฐบาลไทยส่งมอบข้าวที่ท่าเรือหรือ FOB โดยรัฐบาลเกาหลีเหนือต้องชำระค่าใช้จ่ายปรับปรุงข้าวและค่าขนส่งจากหน้าคลังสินค้าไปที่ท่าเรือ จึงยังไม่อาจฟังยุติว่า สัญญาขายข้าวให้เกาหลีเหนือมีการส่งมอบแบบ Ex-warehouse หรือ FOB นอกจากนี้การชำระเงินของเกาหลีเหนือใช้วิธีเปิด L/C แตกต่างกับคดีนี้ที่ชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็ค

ขณะเดียวกันรัฐบาลขณะนั้นมีข้าวในสต็อก 2.189 ล้านตัน แต่ตกลงขายข้าวปริมาณ 2.195 ล้านตัน มากกว่าที่มีอยู่ในสต็อกจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับการขายแบบจีทูจีที่คู่สัญญาต้องมีความระมัดระวังพิเศษในการปฏิบัติตามสัญญา หากมีข้าวไม่เพียงพอส่งมอบอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ข้ออ้างของนายมนัส ว่าตามข้อตกลงสามารถเพิ่มหรือลดลงร้อยละ 10 จึงเป็นเหตุให้ตกลงขายข้าวเก่ามากกว่าที่มีอยู่ในสต็อกนั้นไม่มีน้ำหนักรับฟังได้

นอกจากนี้ตามสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าวไม่มีข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญา และการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญา แตกต่างจากสัญญาที่กรมการค้าต่างประเทศใช้ในกรณีทั่วไป ท้ายสุดราคาขายข้าวทั้ง 4 สัญญาต่ำกว่าราคาท้องตลาดโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 20 เป็นราคาที่ต่ำผิดปกติ ทั้งนี้ประเทศจีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าไทย จึงไม่มีเหตุต้องขายข้าวในราคามิตรภาพ ดังจะเห็นได้จากการขายข้าวให้จีนผ่าน COFCO เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2556 สมัยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาลเป็น รมว.พาณิชย์ ก็ตกลงขายในราคาตลาด

@พฤติการณ์ ภูมิ สาระผล

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายภูมิ ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ครั้งที่ 1/2554 มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การระบายข้าวกรณีขายข้าวแบบจีทูจีให้รัฐวิสาหกิจ และในเรื่องหลักเกณฑ์ให้สามารถเจรจาขายเป็นราคา Ex-warehouse ซึ่งไม่เคยปรากฏในยุทธศาสตร์การระบายข้าวฉบับใดมาก่อน ที่ประชุมยังมีมติเสนอยุทธศาสตร์การระบายข้าวให้ประธานกรรมการ กขช. (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เห็นชอบ แทนที่จะเสนอให้ที่ประชุม กขช. เห็นชอบเพื่อให้เกิดมุมมองหลากหลาย รอบคอบ รัดกุม รวมถึงไม่เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ

หลังจากประธาน กขช. (น.ส.ยิ่งลักษณ์) เห็นชอบเพียง 5 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศขอซื้อข้าว สอดรับกับยุทธศาสตร์การระบายข้าวดังกล่าวอย่างเหมาะเจาะพอดี ยิ่งกว่านั้นบริษัท กวางตุ้งฯ ขอซื้อข้าวในสต็อกปริมาณทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านตันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พร้อมกับขอซื้อข้าวในท้องนาที่ยังไม่ถึงกำหนดเก็บเกี่ยวปริมาณ 2 ล้านตันด้วย ซึ่งตรงกับระยะเวลาการเริ่มต้นดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลอย่างพอดิบพอดี ส่อแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการจัดทำยุทธศาสตร์การระบายข้าวเพื่อรองรับรับรัฐวิสาหกิจของต่างประเทศให้มาซื้อข้าวรัฐบาลไทยได้โดยไม่ต้องได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของตน

หลังจากนั้นเพียง 2 วัน บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือฉบับที่ 2 ถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอนัดหมายเจรจาในวันที่ 5 ต.ค. 2554 โดยปกติแล้วกระบวนการและขั้นตอนทางปฏิบัติเกี่ยวกับการซื้อขายแบบจีทูจี ต้องเสนอขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาในเรื่องปริมาณ ราคา เงื่อนไขอื่น ๆ ต่อนายภูมิก่อนเจรจา แต่ไม่มีการขออนุมัติกรอบการเจรจา ทั้งการเจรจาได้ข้อสรุปและขอความเห็นชอบผลภายในวันเดียว และนายภูมิ ได้ให้ความเห็นชอบเงื่อนไขดังกล่าว และมีการลงนามสัญญาในวันรุ่งขึ้น รวมใช้ระยะเวลาทั้งหมดเพียง 9 วัน ทั้งที่สัญญามีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านบาท และผลการเจรจาปรากฏข้อพิรุธหลายประการดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว

โดยเฉพาะประเด็นเรื่องราคาขายตามบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจา ระบุว่า คำนวณราคาเฉลี่ยสำหรับข้าวทุกชนิดได้ตันละ 13,941 บาท หากขายตันละ 10,000 บาท ตามข้อเสนอของบริษัท กวางตุ้งฯ จะทำให้ภาครัฐสูญเสียทันที 6,350 ล้านบาท

ในบันทึกยังระบุอีกว่า หากข้อมูลการเจรจาแพร่กระจายออกสู่สาธารณชนอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ประกอบการในประเทศว่า ขายราคาต่ำเกินไป ไม่เหมาะสมกับตลาด นอกจากนี้ยังมีข้อพิรุธว่า ให้บริษัท กวางตุ้งฯ สามารถนำข้าวที่ซื้อส่งไปยังประเทศที่สามในลักษณะเป็นการพาณิชย์ได้ ซึ่งไม่เคยปรากฏเงื่อนไขนี้มาก่อน และส่งผลเสียต่อไทย แต่นายภูมิก็ให้ความเห็นชอบ โดยอ้างว่า ไม่ทราบ เพราะนายมนัส ไม่แจ้ง ยิ่งแสดงให้เห็นข้อพิรุธถึงความไม่สมเหตุสมผล นายภูมิ ย่อมทราบถึงความเสียหายจากการขายข้าวในราคาต่ำมากโดยไม่มีเหตุผลสมควร แต่ไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย กลับให้การเห็นชอบผลการเจรจาในวันนั้นเอง

หลังจากทำสัญญาเพียง 7 วัน นายภูมิ ยังให้ความเห็นชอบให้แก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โดยเพิ่มวิธีการชำระค่าข้าวด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร และชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ใช้สำหรับการขายข้าวแบบจีทูจี เป็นผลให้มการนำข้าวตามสัญญามาเวียนขายกันภายในประเทศ หลังจากนั้นมีการแก้ไขสัญญาอีกหลายครั้งถี่มากผิดปกติ และทุกครั้งไม่ปรากฏว่าได้เจรจากับบริษัท กวางตุ้งฯ และแต่ละครั้งล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อทั้งสิ้น ขณะเดียวกันยังไม่รายงานผลการขายข้าวดังกล่าวแก่ที่ประชุม กขช. เพื่อเป็นหน้าตาของประเทศที่มีการขายข้าวไปได้ นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง

พฤติการณ์ดังวินิจฉัยข้างต้นแสดงให้เห็นว่า นายภูมิ ทราบดีอยู่แล้วว่า บริษัท กวางตุ้งฯ เป็นรัฐวิสาหกิจของมณฑลจีน แต่ร่วมกันวางแผนให้บริษัท กวางตุ้งฯ เสนอขอซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนมาทำสัญญาในราคาต่ำกว่าท้องตลาด แล้วนำไปขายต่อเพื่อรับประโยชน์ส่วนต่าง จึงเป็นการจัดทรัพย์โดยมิชอบ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

มีความผิด 2 กระทรง ลงโทษตามกฎหมายที่หนักสุดคือ มาตา 12 พ.ร.บ.ฮั้ว ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกกระทงละ 18 ปี รวม 36 ปี

@พฤติการณ์ บุญทรง เตริยาภิรมย์

แยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และ 2

ภายหลังนายบุญทรงได้รับการโปรดเกล้าดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธาน กขช. และประธานอนุกรรมการ 4 คณะ รวมถึงประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสืบต่อจากนายภูมิ โดยนายบุญทรง ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับบริษัท กวางตุ้งฯ ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2

เห็นว่า นายบุญทรง ย่อมทราบได้จากบันทึกการขอความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาว่า ข้อตกลงตามสัญญาเดิมมีข้อพิรุธหลายประการดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ดังนั้นการให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญาจึงเป็นการมิชอบ ส่งผลให้กรมการค้าต่างประเทศเกิดผลผูกพันตามการให้ความเห็นชอบดังกล่าว ได้รับความเสียหายต้องขายข้าวในราคาต่ำกว่าท้องตลาด และเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้าวเพิ่มขึ้น

ข้อต่อสู้ของนายบุญทรงว่า การให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญา 2 ฉบับดังกล่าว เป็นไปตามข้อตกลงเดิมในสัญญาก่อนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวฟังไม่ขึ้น ดังนั้นเมื่อนายบุญทรง เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการระบายข้าวอันเป็นการจัดการทรัพย์ การให้ความเห็นชอบแก้ไขสัญญาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 โดยมิชอบ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1

ลงนามในสัญญาฉบับที่ 3 และ 4

นอกจากนั้นได้ความต่อมาว่า นายบุญทรง ให้ความเห็นชอบการทำสัญญาฉบับที่ 3 (บริษัท กวางตุ้งฯ) โดยไม่ได้ขออนุมัติกรอบเจรจา และตามบันทึกขอความเห็นชอบจากผลการเจรา อ้างว่า บริษัท กวางตุ้งฯ มีหนังสือลงวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ขอซื้อข้าว โดยไม่ปรากฏว่า นายมนัส มีการเจรจากับบริษัท กวางตุ้งฯ แต่อย่างใด นายบุญทรง ย่อมพบความผิดปกติจากบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจา และย่อมทราบถึงผลเสียหายจากการทำสัญญาดังกล่าวที่ราคาต่ำลงกว่าเดิมเป็นอันมาก อาจเป็นเหตุให้บริษัท กวางตุ้งฯ ไม่ยอมรับมอบข้าวตามสัญญาเดิมที่มีราคาแพงกว่า แต่กลับเห็นชอบผลการเจรจาจนนำไปสู่การทำสัญญาฉบับที่ 3 แม้จะให้ความเห็นชอบตามเงื่อนไขที่นายมนัสเสนอ แต่ก็ยังทำให้ไทยเสียเปรียบ สมควรรอให้บริษัท กวางตุ้งฯ รับมอบข้าวตามสัญญาฉบับที่ 2 ให้ครบถ้วนเสียก่อน

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ท้ายสุดแล้ว บริษัท กวางตุ้งฯ รับมอบข้าวตามสัญญาที่ 2 ประมาณ 7.1 แสนตัน แต่รับมอบข้าวตามสัญญาที่ 3 จำนวน 1.6 ล้านตัน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศที่ขายข้าวชนิดเดียวกันในราคาต่ำกว่าเป็นอันมาก

ข้อเท็จจริงได้ความอีกว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 นายบุญทรง ให้ความเห็นชอบผลการเจรจานำไปสู่การทำสัญญาฉบับที่ 4 กับบริษัท ไห่หนานฯ ทั้งที่ตามบันทึกขอความเห็นชอบผลการเจรจาไม่ปรากฏสถานที่เจรจา เมื่อเห็นชอบแล้วภายในวันเดียวกัน นายมนัส ได้ทำบันทึกขอแก้ไขผลการเจรจาขอเพิ่มข้าว อ้างว่า ได้รับการประสานงานจากบริษัท ไห่หนานฯ โดยไม่ปรากฏว่า ประสานงานกับผู้ใดนับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นายบุญทรงก็ได้ให้ความเห็นชอบ

ข้อเท็จจริงได้ความจากนายสุพจน์ ศรีงามเมือง เจ้าหน้าที่ไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ ผู้ประสานการเจรจาของบริษัท ไห่หนานฯ ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพังงา อันเป็นภูมิลำเนาที่นางอรวรรณ ศรัทธาสกุล (คนเจรจาซื้อขายข้าวจีทูจีผ่านบริษัท ไห่หนานฯ ในปี 2556 ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.)

ทั้งนี้นางอรวรรณ เคยเป็นผู้ประสานงานของบริษัท กวางตุ้งฯ ในการเจรจาขอซื้อขายข้าวจีทูจีเมื่อปี 2552 กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ครั้งนั้นไม่มีการซื้อขาย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บริษัท กวางตุ้งฯ เคยมีความพยายามแอบอ้างว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนมาทำสัญญากับไทยแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และนางอรวรรณ เคยเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง ระบุว่า ทำงานอยู่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10)

ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ มีผู้ประสานกลุ่มบุคคลเดียวกัน และมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บ่งชี้ว่ามีการตระเตรียมการวางแผนเป็นขั้นตอนในการนำบริษัททั้ง 2 แห่งมาเสนอราคาขอซื้อข้าวจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ

ภายหลังนายบุญทรงได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธาน กขช. ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมมาตลอดจนพ้นตำแหน่ง แต่ไม่เคยรายงานเรื่องการขายข้าวจีทูจีตามสัญญาฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 ให้ที่ประชุมทราบ ส่วนการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ก็ไม่เคยรายงานการขายข้าวจีทูจีฉบับที่ 1-4 ให้ทราบแม้แต่ครั้งเดียว

ตลอดระยะเวลาที่นายบุญทรงดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ปกปิดข้อมูลการซื้อขายข้าวจีทูจีมาตลอด โดยอ้างว่าเป็นความลับ ซึ่งขัดแย้งกับข้อชี้แจงตามหนังสือของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2555 ถึงคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงนามโดยนายบุญทรง ที่ระบุว่า ขั้นตอนและกระบวนการระบายข้าวของรัฐบาลที่ดำเนินการอยู่เป็นความลับ แต่เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ

ประเด็นเรื่องการขายข้าวจีทูจียังมีการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา โดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายรายชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของการระบายข้าวจีทูจีในคดีนี้ เรื่องการชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็คจากธนาคารภายในประเทศจำนวนมาก และกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง (จำเลยที่ 14) และข้าวที่ซื้อขายไม่ได้ถูกส่งออกไปนอกประเทศ นายบุญทรงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้เวลาตรวจสอบ 8 วัน แล้วสรุปผลว่า ดำเนินการโดยถูกต้องครบถ้วน ไม่พบการนำข้าวสารกลับมาเวียนขาย และการชำระค่าข้าวจีทูจี สามารถชำระเงินด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแคชเชียร์เช็คได้ แต่ไม่ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ของกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่อย่างใด

พฤติกรรมบ่งชี้ให้เห็นว่า นายบุญทรง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงเพื่อหวังผลลดกระแสกดดันของสังคมเท่านั้น เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการตรวจสอบล้วนเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง ไม่น่าเชื่อว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว จะปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ

ข้อเท็จจริงปรากฏอีกว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2556 นายบุญทรงให้ความเห็นชอบยกเลิกสัญญาฉบับที่ 3 ตามที่นางปราณี ศิริพันธุ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (ขณะนั้น) เสนอ แล้วทำสัญญาขายข้าวจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจจีนเพิ่มอีก 1 สัญญา (กับบริษัท ไห่หนานฯ) ในราคาที่ถูกกว่าฉบับที่ 3 ก่อนจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีเพียง 4 วัน

เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นายบุญทรง ทราบดีถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีขายข้าวให้บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ทำให้ต้องปกปิดข้อมูลการระบายข้าวแบบจีทูจีตลอดมา

ประการสำคัญการขายข้าวตามสัญญา 4 ฉบับตามฟ้อง ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยอ้างว่าเป็นสัญญาซื้อขายแบบจีทูจี ผลที่สุดข้าวที่ขายไม่ได้ส่งออกนอกประเทศ แต่ถูกนำมาขายต่อภายในประเทศเพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างราคา โดยกลุ่มของจำเลยดังที่วินิจฉัยแล้ว การระบายข้าวของนายบุญทรง มิได้กระทำไปเพื่อให้โครงการรับจำนำข้าวประสบผลสัมฤทธิ์เพื่อยกระดับราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้นอันจะเป็นประโยชน์แก่ชาวนา และประเทศชาติอย่างยั่งยืน

แต่กระทำไปเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง สมคบวางแผนนำรัฐวิสาหกิจสองแห่งมาทำสัญญาแบบจีทูจีตามฟ้อง โดยแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของจีนเพื่อทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศในราคาต่ำนั้น เป็นแผนการอย่างหนึ่งในการจัดการข้าวโดยมิชอบ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10 และ 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

สำหรับความผิดของนายบุญทรง แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ แก้ไขสัญญาฉบับที่ 1-2 ผิด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 ปี รวม 12 ปี และทำสัญญาฉบับที่ 3-4 ผิด 2 กระทง ลงโทษกระทงละ 15 ปี รวม 30 ปี รวมความผิดทั้งหมดจำคุก 42 ปี

ทั้งนี้นายภูมิ และนายบุญทรง ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างยื่นเรื่องขออุทธรณ์ผลคำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวแล้ว 2 ครั้ง แต่ศาลปฏิเสธ โดยเห็นว่าโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 3

cr Pornperm Jewsakul

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

MTS GOLD is live now.

9 mins · g_kf1vXYV_O.pngคลิป

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ Live by MTS TFEX WARS วันที่ 07 กันยายน 2560

 

 

 

ylg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ด้วยสถานการณ์ของการเมืองสหรัฐดูดีขึ้นทำให้มีแรงขายกดดันให้ทองอ่อนตัวลงในคืนที่ผ่านมา ถ้ามีแรงขายตามมาอีกชุดจะมีเป้าการลงอยู่แถว 1320 1326 ซึ่งเป็นระดับ Retracement ของชุดการขึ้นจาก 1297 เหมือนกัน จึงมองว่าถ้าหลุด 1330 1332 ก็น่าขายและเอสตามไป เล่นสั้นไว้ก่อนเนื่องจากปัจจัยเกาหลีเหนือยังพร้อมจะกลับมาส่งผลบวกต่อทองได้อยู่

7 Sep, 2017

21314488_1515400775165059_5837923212601085190_n.png?oh=a12803c223ba3b095f661c7b67092178&oe=5A19A00D

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $5.5 เหตุนลท.เทขายหลังคลายกังวลเพดานหนี้สหรัฐ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2560 07:12:50 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 1,339.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 17.91 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,007.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 25.10 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 931.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และนางแนนซี เปโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พวกเขาสามารถบรรลุข้อตกลงกับแกนนำพรรครีพับลิกันในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค.

 

ทั้งนี้ หากข้อตกลงดังกล่าวสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเต็มคณะ ก็จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. และยังช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ด้วยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังทำให้นักลงทุนลดความต้องการในการซื้อทองคำเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.

 

ขณะที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2705735

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 54.33 จุด รับทรัมป์บรรลุข้อตกลงแกนนำคองเกรสขยายเพดานหนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2560 06:38:05 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,807.64 จุด เพิ่มขึ้น 54.33 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,465.54 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,393.31 จุด เพิ่มขึ้น 17.74 จุด หรือ +0.28%

 

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และนางแนนซี เปโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พวกเขาสามารถบรรลุข้อตกลงกับแกนนำพรรครีพับลิกันในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. โดยหากข้อตกลงดังกล่าวสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเต็มคณะ ก็จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. และยังช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ด้วยเช่นกัน

 

ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ สืบเนื่องมาจากการที่โรงกลั่นน้ำมันบางส่วนของสหรัฐในแถบกัลฟ์โคสต์ได้เริ่มกลับมาทำการผลิต หลังจากที่ต้องปิดการดำเนินงานก่อนหน้านี้จากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

 

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้นกว่า 2%

หุ้นแก๊ป ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าชั้นนำของสหรัฐ ทะยานขึ้น 7.5% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า แบรนด์เสื้อผ้า "Old Navy" ของบริษัทจะทำยอดขายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเมซี่ อิงค์ พุ่งขึ้น 5.5% หุ้นโคล์ท ทะยานขึ้น 4.9% หุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้นกว่า 2%

 

หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรซ์ ปรับตัวลง 1.9% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.

 

ขณะที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ค.

 

นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวภายในองค์กรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดวัย 74 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ และจะมีผลในวันที่ 13 ต.ค.นี้ โดยการลาออกของนายฟิสเชอร์จะเปิดโอกาสให้ปธน.ทรัมป์ส่งคนของตนเข้ารับตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด ในช่วงที่เฟดกำลังดำเนินการปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

 

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2705732

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.14 แนวโน้มแข็งค่ารับเม็ดเงินยังไหลเข้าต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 33.10-33.20

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 กันยายน 2560 09:18:14 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.14 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 33.15 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องจากการที่มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดตรา

 

สารหนี้เป็นจำนวนมาก

"บาทแข็งค่าต่อเนื่องทำ new low ในรอบ 28 เดือน หลังมี flow ไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้วันละเป็นหมื่นล้าน

 

ขณะที่ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 109.17 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 108.74 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1920 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1936 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1650 บาท/

 

ดอลลาร์

- รมว.คลัง ระบุ แนวโน้มการจัดอันดับการทำธุรกิจในไทยจากธนาคารโลกปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังธนาคารโลกแจ้งข้อมูล

 

เบื้องต้นไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างมากใน 4 เรื่อง "เลขาฯ ก.พ.ร." มั่นใจคะแนนที่ประกาศ ต.ค.นี้ดีขึ้นมาอยู่ในช่วงอันดับกว่า

 

30 แน่นอน

- สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (สศป.) เปิดเผยผลงานวิจัยเรื่องเอ็กซ์-เรย์พฤติกรรมการกู้ของคนไทยผ่าน

 

บิ๊กดาต้าของเครดิตบูโรว่า ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่เป็นหนี้การกู้จากสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และรถยนต์และจักรยานยนต์สูงที่สุด

 

เนื่องจากสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุน้อย ที่เริ่มต้นทำงาน มักเป็นหนี้สินเชื่อในกลุ่มดังกล่าวมากที่สุด และ

 

คุณภาพหนี้ไม่ดี หรือเป็นหนี้เสียในสัดส่วนที่สูง ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 4.37 หมื่นล้าน

 

ดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.

 

- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3

 

ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากร่วงลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือนก.ค.

 

- ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่

 

ระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ค.

 

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้

 

โดยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราปานกลางในช่วงเดือนก.ค.ถึงกลางเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยัง

 

คงส่งสัญญาณกระเตื้องขึ้นไม่มาก

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) จาก

 

แรงกดดันของกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สืบเนื่องจากเงินเฟ้อยังคง

 

ปรับตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด ขณะที่พายุเฮอร์ริเคน "เออร์มา" ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งสหรัฐและคาดว่าจะสร้างความเสีย

 

หายอย่างรุนแรงนั้น ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ดังกล่าว

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่

 

ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยาย

 

เพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์)

 

- นักลงทุนจับตาการประชุม ECB ในวันนี้ ซึ่ง ECB อาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตาม

 

มาตรการ QE และรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อก

 

สินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.

- นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวภายในองค์กรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รอง

 

ประธานเฟดวัย 74 ปี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ และจะมีผลในวันที่ 13 ต.ค.นี้ โดยการลาออกของนายฟิสเชอร์จะเปิด

 

โอกาสให้ปธน.ทรัมป์ส่งคนของตนเข้ารับตำแหน่งในคณะกรรมการเฟด ในช่วงที่เฟดกำลังดำเนินการปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่

 

ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลจากวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

 

- ตลาดเงินสหรัฐยังจับตาสถานการณ์ของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาอย่างใกล้ชิด โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐ

 

(NHC) ระบุว่าพายุลูกดังกล่าวได้เพิ่มกำลังแรงขึ้นเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 5 และมีความเร็วลมสูงสุดที่ 185 ไมล์/ชั่วโมง (300 กม./

 

ชม.) ขณะกำลังพัดอยู่ในบริเวณตอนเหนือของทะเลแคริบเบียน โดยล่าสุดรัฐฟลอริดาและหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐได้ประกาศ

 

สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับวาตภัยครั้งนี้

นักวิเคราะห์คาดว่า อิทธิพลของพายุลูกนี้ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปีนั้น จะสร้างความเสียหายเป็นบริเวณ

 

กว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่รัฐที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจทำให้เฟดต้องชะลอการตัดสินใจปรับขึ้นอัตรา

 

ดอกเบี้ยในปีนี้

- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชิญตัวแกนนำพรรครีพับลิกัน และเดโมแครตเข้าหารือที่ทำเนียบขาวในวันนี้ หลังจากที่มี

 

ความขัดแย้งเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ รวมทั้งชะตากรรมของผู้อพยพวัยเยาว์ราว 800,000 คนที่อาจต้องถูกเนรเทศออกจาก

 

สหรัฐ หลังมีการยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA)

 

--อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2705968

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ประจำวันที่ 07 กันยายน 2560

Gold ทองยังทรงตัวในแนวโน้มขาขึ้นได้ดีทำให้เรายังไม่ให้น้ำหนักฝั่ง Short แม้มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างบางส่วนขณะเดียวกันแรงขายดังกล่าวก็กดดัน Upside ของกล่าว ดังนั้นเราปรับมุมมองระยะสั้นเป็น “เปิดสถานะในกรอบราคา” โดยคาดหวังกำไรและตัดขาดทุนสั้นๆ เท่านั้น

เมื่อวานนี้ตลาดทองคำมีภาพการเคลื่อนไหวในสองลักษณะที่ค่อนข้างชัดเจนกล่าวคือยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างเเข็งเเกร่งในเเนวโน้มขาขึ้นระยะกลางเเต่ก็ต้องเผชิญเเรงขายรินออกมาเรื่อยๆ ค่อนข้างหนักจากการทำกำไรของนักลงทุน ในขณะที่ภาพรวมของนักลงทุนหลักอย่างกองทุน SPDR ตลอดสัปดาห์ถือว่ายังเป็นบวกต่อตลาดทองคำสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนสอดรับกับภาพการปรับขึ้นที่โดดเด่นของตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเรายังคงมองว่าตลาดทองคำยังคงต้องเผชิญกับความผันผวนโดยเฉพาะจากการปรับสถานะการถือครองหรือ Realized กำไรเป็นเงินสดของนักลงทุนในตลาดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากรายงานทางเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรป(ECB) เเละสหรัฐฯ(ถ้อยเเถลงสมาชิก FOMC) รวมไปถึงการประกาศตัวเลขดุลการค้าของจีนซึ่งทั้งหมดถือว่าค่อนข้างชี้นำตลาดทองคำพอสมควร

แนะนำ : ยังคงให้น้ำหนักฝั่ง Long Position

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgold.co.th/…/filestrategy07092017912364259.pdf

___________________________

21369303_1828104953884513_7573364796743008575_n.jpg?oh=1cf934d7862a911bd942d90f266d265b&oe=5A4FAA82

YLG GOLD DAILY UPDATE วันที่ 7 กันยายน 2560

• ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 4.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันหลังประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่าสามารถบรรลุข้อตกลงกับสมาชิกสภานิติบัญญัติในการผูกการเห็นชอบต่อการให้งบช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์เข้ากับการให้การอนุมัติงบประมาณชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือนแก่รัฐบาลสหรัฐรวมทั้งเพิ่มเพดานหนี้จนถึงวันที่ 15 ธ.ค.

• สถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์และการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรในทองคำ

21314509_1682953461739071_3205968828055971348_n.jpg?oh=0a361a0fc1e27ce8c2f74ce17097ca64&oe=5A1919A3

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก้าวทันตลาดทุน by Ylg 07-09-60

 

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Outlook by Ylg 07-09-60

 

กราฟเทคนิคภาคบ่าย 07-09-2560

ถ้าราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านที่บริเวณ 1,352 ราคาทองคำก็อาจปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,366

ตรงกันข้าม ถ้าราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านที่บริเวณ 1,352 ราคาทองคำก็อาจย่อตัวลง โดยราคาทองคำมีแนวรับระยะสั้นที่บริเวณ 1,331-1,327 และมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,316

(อ่านต่อได้ในรูปครับ)

21543787_1683123368388747_213447287368915593_o.jpg?oh=6637b8e3fd54afe24487677126d88826&oe=5A167769

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้า เพื่อน พี่น้องทุกท่าน

 

Ausiris Gold Investment is live now.

2 mins · _Y91QzmaslR.pngคลิป

ราคาทองวันนี้ 8 ก.ย. 2560

วิเคราะห์ราคาทอง liveสด

#ราคาทอง

 

 

MTS GOLD is live now.

13 mins · _Y91QzmaslR.pngคลิป

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ Live by MTS TFEX WARS วันที่ 08 กันยายน 2560

Gold Outlook by Ylg 07-09-60

[/size][/b]

[/size]

 

 

[/size]
[/size][/b]

[/size][/color]

[/font][/size][/font][/color]

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดพุ่ง 11.30 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 8 กันยายน 2560 07:46:22 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 11.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,350.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2016

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.6 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 18.116 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.70 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,016.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 16.95 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 948.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยให้สัญญาทองคำมีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

 

ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าอาจมีการเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง

 

ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากธนาคารกลางแคนาดามีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 1%

 

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 62,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 298,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015

 

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา จนทำให้มีผู้ว่างงานชั่วคราวจำนวนมาก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2706552

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.06 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตร-ตลาดหุ้น มองกรอบวันนี้ 33.05-33.12

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 8 กันยายน 2560 09:26:54 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.06 บาท/ดอลลาร์ จาก

 

เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.08 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่าสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่ พ.ค.58 โดยวันนี้เงินบาทยังมีทิศทางที่แข็งค่าได้ต่อ ให้

 

แนวรับสำคัญไว้ที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากยังคงมี flow เข้ามาทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของไทย หลังจากที่นักลงทุน

 

ต่างประเทศค่อนข้างมีความกังวลต่อสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ

"flow ยังเข้ามาต่อเนื่องทั้งตลาด bond และตลาดหุ้น หลังจากที่นักลงทุนค่อนข้างกังวลกับเหตุการณ์ในเกาหลีเหนือ

 

เรื่องการทดลองขีปนาวุธที่อาจจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ที่เป็นวันชาติของเกาหลีเหนือ จึงทำให้นักลงทุนปรับ port มาลงทุนตลาดในแถบนี้

 

จึงทำให้บาทแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.12 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.42 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 108.86 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2022 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1977 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1260 บาท/

 

ดอลลาร์

- นักธุรกิจญี่ปุ่น 600 ราย เตรียมยกทัพพบนายกฯ 11 ก.ย.นี้ ก่อนลงทุนพื้นที่อีอีซี 13 ก.ย. พร้อมจัดเวทีสัมมนาใหญ่

 

ญี่ปุ่น-ไทยกว่า 1,200 รายคึกคัก และเปิดโต๊ะเจรจาจับคู่ธุรกิจหวังช่วยดันการลงทุนในประเทศไทยเพิ่ม ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม

 

ดึงบิ๊กเอกชนไทยเบฟฯ-น้ำตาลราชบุรีตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร

- สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2560 นี้ สด

 

ช.จะประกาศตัวเลขดัชนีชี้วัดด้านดิจิทัลของประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดย สดช.ได้ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วัด

 

ผลตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2560 ขณะเดียวกันก็จะคาดการณ์ตัวเลขของปี 2561 ด้วย เพื่อทำให้ประเทศไทยมีตัวชี้วัดด้านดิจิทัล

 

เหมือนต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซียก็มีการประกาศตัวเลขดัชนีชี้วัดด้านดิจิทัลของปี 2563 จะโตขึ้นเป็น 20% จากปี 2555 ที่

 

มีตัวเลขอยู่ที่ 17% ดังนั้น เมื่อประเทศไทยมีตัวเลขดังกล่าวก็จะทำให้เอกชน ตลอดจนภาครัฐ สามารถนำไปอ้างอิงเพื่อดึงดูดนักลงทุน

 

เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้

- รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2/2560 ลง

 

สู่ระดับ 2.5% จากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ซึ่งระบุว่า ขยายตัว 4.0% เมื่อเทียบรายปี

 

- กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับที่ 2.32 ล้านล้าน

 

เยน (ราว 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศ

 

- ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็น

 

ประวัติการณ์

ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่น

 

ล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าอาจมีการเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE หาก

 

แนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง

- สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) ภาย

 

หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน

 

ECB เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตาม

 

มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ พร้อมกับแย้มว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือน

 

ต.ค.นี้

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงิน

 

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อ

 

พันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้

- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 62,000 รายใน

 

สัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 298,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ

 

241,000 ราย

- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรยึดมั่นตามแผนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ระบบการเงินมีความสมดุล และเศรษฐกิจไม่เผชิญภาวะร้อนแรงเกินไป นอกจากนี้ ยังกล่าวสนับสนุนแผน

 

การปรับลดงบดุลของเฟดจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ โดยจะมีการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะไม่

 

ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งขึ้นมากเกินไป

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2706592

 

Xinhua world news summary: สหพันธ์สภากาชาดฯเผยเฮอร์ริเคนเออร์มาอาจกระทบผู้คนนับล้าน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 8 กันยายน 2560 09:53:02 น.

สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) เปิดเผยว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ซึ่งเป็นพายุเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษ อาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนประมาณ 1.2 ล้านคน และส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้คนอีกหลายล้าน

 

แถลงการณ์จาก IFRC ณ นครเจนีวา ระบุว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาอาจคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 10 ราย

 

-- ประชาชนราว 700,000 คนที่อาศัยอยู่ในแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของคิวบาถูกอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเหนือทะเลแคริบเบียน

 

ทั้งนี้คาดว่า ศูนย์กลางของพายุจะพัดผ่านระหว่างบริเวณเกาะฮิสปันโยลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน และบริเวณหมู่เกาะเติกส์และเคคอส

 

-- องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เปิดเผยว่า จีนสร้างงาน 1.8 ล้านตำแหน่งในภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนตลอดช่วงระยะเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา ผ่านทางการค้า การลงทุน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน

 

รายงานชื่อ “อิทธิพลของจีนต่อปริมาณและคุณภาพงานในลาตินอเมริกาและแคริบเบียน" ระบุว่า จำนวนการจ้างงานที่เกิดจากเศรษฐกิจจีนในภูมิภาคดังกล่าวระหว่างปี 2538-2559 คิดเป็น 4% ของการจ้างงานทั้งหมด

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2706613

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...