ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

 

Image may contain: 4 people

Image may contain: one or more people and people standing

S__2711655-1024x682.jpg

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เปรม เปิดงาน ‘อุ่นไอรัก คลายความหนาว’

https://www.siamrath.co.th/n/30817

Image may contain: sky and outdoor

Image may contain: 6 people, people smiling, people standing and outdoor

Image may contain: 8 people, people smiling, people standing, child and outdoor

Image may contain: one or more people and outdoor

แสงสีตระการตาในงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” 

บรรยากาศแสงสียามค่ำคืนของ “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดงานอย่างเป็นทางการ ประชาชน ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง และคู่รัก พร้อมใจกันแต่งกายในชุดไทยย้อนยุคและผ้าไทยมาเดินภายชมนิทรรศการและร้านค้าภายในงาน พร้อมกับเก็บภาพกับดอกไม้นานาพันธุ์ที่บริเวณลานพระราชวังดุสิต สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 11 มีนาคม ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.30 - 21.00 น. โดยเชิญชวนให้แต่งกายชุดไทยย้อนยุคเพื่อร่วมแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี และน้ำใจในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส สำหรับผู้ที่ไม่มีชุดสามารถมาเช่าได้ภายในงานในราคาวันละ 250 บาท

ภาพ ชาลินี ถิระศุภะ (Chalinee Thirasupa)#NationPhoto
#อุ่นไอรักคลายความหนาว #ลานพระราชวังดุสิต #พระที่นั่งอนันตสมาคม

 

No automatic alt text available.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ ยันโครงการไทยนิยมมุ่งให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ปัดหวังผลทางการเมือง

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:56:49 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนให้แก่คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการในส่วนภูมิภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และรอง ผอ.รมน.จังหวัด ซึ่งทำหน้าที่กำกับและติดตามการขับเคลื่อนโครงการ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจ ปรับกระบวนการทางความคิดให้กับประชาชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ



นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการไทยนิยมไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อต้องการให้รัฐบาล คสช.อยู่ต่อ แต่ต้องการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้นอย่าให้ใครมาแบ่งชนชั้นจนเกิดความแตกแยก ที่สำคัญการขับเคลื่อนงานต้องยึดประชาชนทั้งประเทศเป็นศูนย์กลาง เช่นเดียวกับประชาธิปไตย ไม่ใช่เลือกเฉพาะกลุ่ม เพราะรัฐบาลเป็นของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แบบนี้ถึงจะเรียกประชาธิปไตย ขณะเดียวกันต้องไปสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาปรองดองของชาติ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้งอยู่แบบนี้ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีโลกก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดความเสียหายกับบุคคลที่อยู่ในข่าวไปแล้วก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ทุกคนทำงานหนัก และรัฐบาลก็ทำงานหนัก ถ้าใครคิดว่ายังสบายแสดงว่ายังทำงานไม่ได้ ดังนั้นเมื่อสั่งการไปแล้วก็ขอให้ช่วยกันทำให้สำเร็จ ส่วนในอนาคตจะเลือกใครหรือไม่เลือกใครมาบริหารประเทศต่อก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล

สำหรับประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังพิจารณาขณะนี้ ตนเองไม่ได้สั่งการใดๆ การพิจารณาเป็นหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะถ้าสั่งได้คงไม่ต้องมานั่งถกเถียงกันแบบที่เป็นอยู่ขณะนี้ สนช.ไม่ได้มีแค่ทหาร แต่ประกอบด้วยหลายภาคส่วน ถึงแม้ตนเองจะเป็นคนเลือกเองแต่ก็ดูตามคุณวุฒิความเหมาะสม ไม่ได้เลือกมาเพื่อเป็นพวกพ้อง แต่ที่ต้องมีสัดส่วนของทหาร เพราะต้องเข้ามาดูเรื่องความมั่นคง ไม่เช่นนั้นเรื่องความมั่นคงจะถูกละเลย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานต่างๆภายในจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีบทบาทในพื้นที่มากขึ้นเพื่อดูปัญหาภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นถนน น้ำ โดยเฉพาะเรื่องของป่าไม้ พร้อมขอให้หน่วยงานในระดับพื้นที่ประสานการทำงาน แก้ปัญหากับประชาชน

"อยากให้ทุกคนเป็นพระเอก ไม่ใช่ให้นายกฯเป็นพระเอกคนเดียว ไม่มีใครเป็นวีรบุรุษ มีแต่การทำหน้าที่เพื่อประเทศ เหมือนกับที่ตนเองกำลังทำหน้าที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ภายใต้กรอบงานสำคัญ 10 เรื่อง คือ สัญญาประชาคมผูกใจไทยเป็หนึ่ง เน้นสร้างความสามัคคีปรองดอง, คนไทยไม่ทิ้งกัน ด้วยการดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะผู้ลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ, ชุมชนอยู่ดีมีสุข มุ่งพัฒนาอาชีพ เสริมรายได้ให้ประชาชน, วิถีไทยวิถีพอเพียง ส่งเสริมการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใช้ในการดำเนินชีวิตทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย, รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้กฎหมาย เน้นให้ประชาชนมีความรู้ในสิทธิ หน้าที่ และการเป็นพลเมืองที่ดี, รู้กลไกการบริหารราชการที่ต้องให้ประชาชนเข้าใจการบริหารราชการทุกระดับ เพื่อมุ่งสร้างประโยชน์ให้ประชาชน, รู้จักประชาธิปไตย ไทยนิยม ให้ประชาชนเข้าใจหลักธรรมาภิบาล, รู้เท่าทันเทคโนโลยี ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องผ่านโครงการสำคัญ เช่น อินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน, ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด บูรณาการการทำงานทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร และงานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน คือกำหนดกิจกรรมของส่วนราชการที่ลงไปปฏิบัติในพื้นที่

โดยทีมขับเคลื่อนจะลงพื้นที่ทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ลงพร้อมกันทั่วประเทศตำบลละ 1 หมู่บ้าน เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ และการประกอบอาชีพ เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางดูแลประชาชน โดยดำเนินการไปจนถึงวันที่ 20 มีนาคม จากนั้นอีก 3 ครั้ง คือตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ถึง 20 พฤษภาคม จะเป็นการลงพื้นที เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาตามกรอบที่วางไว้ ทั้งหมด 10 เรื่อง ในพื้นที่ 878 อำเภอ 83,151 หมู่บ้าน/ชุมชน

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2780313

 

ประธานเวิลด์แบงก์ชี้สกุลเงินดิจิทัลเปรียบเหมือนแชร์ลูกโซ่ พร้อมประกาศจับตาใกล้ชิด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 12:00:08 น.
นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ได้เปรียบเทียบสกุลเงินดิจิทัลว่าเป็นเหมือน "แชร์ลูกโซ่" และมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน พร้อมระบุว่า ธนาคารโลกกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ อย่างใกล้ชิด



นอกจากนี้ นายจิมกล่าวว่า เวิลด์แบงก์ยังคงจับตาเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลในการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัล โดยเขาคาดว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้การติดตามการทำธุรกรรมทางการเงินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เวิลด์แบงก์ถือเป็นสถาบันการเงินล่าสุดที่ออกมาแสดงกังวลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล โดยเมื่อไม่นานมานี้ นางแดเนียล นอย หัวหน้าฝ่ายกำกับตลาดการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB จะจับตาสกุลเงินดิจิทัลหากมีความเสี่ยงใหม่เกิดขึ้น

ทางด้านคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ส่งสัญญาณว่า SEC และคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะขอให้สภาคองเกรสออกกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย มลฑา ชัยธำรงค์กูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2780318

ประธานเฟดแคนซัสซิตี้เผยมาตรการภาษีของ ทรัมป์ เป็นปัจจัยหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 11:47:34 น.
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด

นางจอร์จได้แสดงความเห็นในระหว่างการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวิชิต้า รัฐแคนซัส เมื่อวานนี้ว่า การประกาศใช้มาตรการปฏิรูปภาษีของคณะทำงานทรัมป์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ตลาดแรงงานสหรัฐเผชิญกับภาวะตึงตัว ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก

ทั้งนี้ นางจอร์จกล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมระบุว่า การที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล



--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2780304

 

สหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์รอบใหม่ หลังวุฒิสภายังตกลงกันไม่ได้ประเด็นงบประมาณ

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 12:06:38 น.
หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐได้ถูกปิดทำการ หรือชัตดาวน์ อีกครั้งในวันนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และได้ตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว โดยการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณจะเริ่มเปิดฉากขึ้นในเวลา 15.00 น.ตามเวลาไทยในวันนี้

รายงานระบุว่า สาเหตุที่วุฒิสภาสหรัฐต้องเลื่อนการพิจารณางบประมาณชั่วคราวนั้น มาจากการที่นายแรนด์ พอล วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ได้คัดค้านร่างงบประมาณฉบับดังกล่าว



--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2780328

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 08:38:50 น.
-- ตลาดหุ้นส่งสัญญาณน่าวิตกอีกครั้ง โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์



-- ตลาดการเงินจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งกำลังพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์

ร่างกฎหมายงบประมาณที่วุฒิสภาสหรัฐกำลังพิจารณาในขณะนี้ จะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงกลาโหมได้รับ 1.65 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการต่างๆในประเทศได้รับ 1.31 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนในรัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และเปอร์โตริโก

หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะมีการส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมาย อย่างไรก็ดี หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงของวันนี้ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของ BoE ยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและถี่กว่าที่คาดไว้ หากเศรษฐกิจปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ BoE เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ BoE อย่างยั่งยืน

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 1.75% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

BoE ยังคาดว่าค่าจ้างจะขยายตัวแตะระดับ 3% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกัน BoE คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมาย 2% โดยอยู่ที่ระดับ 2.11% ภายในช่วงเวลา 3 ปี

-- เงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ หลังสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนม.ค.ของจีน ร่วงลง 59.7% มาอยู่ที่ระดับ 1.358 แสนล้านหยวน (2.16 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ที่ยอดเกินดุลการค้าลดลง 14.2%

-- บริษัททวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4 โดยระบุว่า บริษัทสามารถมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ขณะที่มีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 19 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 732 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 686 ล้านดอลลาร์

-- สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดในแวดวงสกุลเงินดิจิทัล นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่า บิตคอยน์ไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่น่าจะเหมาะสำหรับนักสะสมของเล่น

"ถ้าคุณอยู่ในประเทศเศรษฐกิจสมัยใหม่ ก็ควรลงทุนในดอลลาร์หรือเยน และปล่อยให้บิตคอยน์เป็นของนักสะสมของเล่น" เขากล่าว

"ผมไม่คิดว่าบิตคอยน์เป็นสกุลเงิน แต่ผมมองว่ามันเป็นแค่ของแปลกใหม่ และบิตคอยน์จะไม่มีทางมาแข่งขันกับดอลลาร์ได้" นายแคชแครีกล่าวเสริม

ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิสยังกล่าวว่า ถึงแม้บิตคอยน์จะหายากเหมือนทอง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะมีคนสร้างบิตคอยน์เวอร์ชั่นใหม่ขึ้นมาได้

-- เกาหลีใต้เตรียมเปิดฉากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองซังของเกาหลีใต้ในวันนี้ โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า น้องสาวของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะเข้าร่วมพิธีเปิดดังกล่าว

ทั้งนี้ คิม โย จอง เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือที่ล่วงลับไปแล้ว บทบาทของเธอถือว่าแข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์

มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพยองซังของเกาหลีใต้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-25 ก.พ. นี้ โดยนักกีฬาทีมชาติเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะเดินขบวนโดยใช้ธงเดียวกันในพิธีเปิด

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 232,000 ราย

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 153 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดการรายงานในวันนี้ จีนมีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. เวลา 08.30 น. ของวันนี้ตามเวลาไทย ส่วนสหรัฐมีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. เวลา 22.00 น. ของวันนี้ตามเวลาไทย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2780118

บทวิเคราะห์ Daily Comment
ประจำช่วง Day Session
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2018

ราคาทองปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากราคาลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ก่อนจะดีดกลับได้
ราคาทองคำปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น +0.16% โดยปิดที่ 1,319.00 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,306.50 – 1,322.15 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,318 เหรียญ ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หลังจากราคาทองปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะดีดกลับจากจุดต่ำสุดประมาณ 10 เหรียญ โดยตัวเลขภาคการจ้างงานประกาศออกมาแข็งแกร่งในเมื่อคืนนี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เจอแรงขายครั้งใหญ่อีกครั้ง ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำ แต่อย่างไรก็ตามประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะมากกว่า 3 ครั้งก็จะเป็นประเด็นกดดันราคาทองเช่นกัน ทั้งนี้ต้องติดตามว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักฝั่งใดมากกว่ากัน แต่ในช่วงสั้นต้องระมัดระวังแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยง และคาดว่าจะช่วยหนุนทองคำให้ดีดกลับได้หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วัน

แนะนำ : ผู้มีสถานะขายได้ปิดทำกำไรไปแล้วหลังจากราคาลงไปทดสอบจุดต่ำสุดใหม่ โดยระยะสั้น หากราคาทองย่อและไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ ฝั่งซื้อเริ่มน่าสนใจ

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่
http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy0902201891934446…

 

Image may contain: text

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG Gold Night Report ประจำวันที่ 09-02-61

 

บทวิเคราะห์ Glitter Gold
ประจำช่วง Night Session
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2018

ดีดกลับแล้วแกว่งแคบ
"
ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียในช่วงเช้าที่ 1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แกว่งตัวในกรอบระหว่าง 1,313 –1,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองแกว่งบวกลบสลับกัน โดยกรอบการเคลื่อนไหวประมาณ 9 เหรียญ และช่วงเย็นนี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,315 เหรียญ ราคาทองดีดกลับในเมื่อคืนนี้หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรง ทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าในสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในเช้าตลาดเอเชียวันนี้ ราคาทองเริ่มแกว่งตัวออกข้าง หลังจากตลาดหุ้นเริ่มเผชิญแรงขายที่ลดลง ดังนั้นประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หากมีแนวโน้มจะปรับขึ้นมากกว่า 3 ครั้งก็จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นต่อ และกดดันราคาทองให้ปรับลดลงต่อได้ แต่ช่วงนี้คาดว่าราคาทองจะแกว่งออกข้าง รอปัจจัยใหม่ๆ โดยในคืนนี้มีเพียงตัวเลขสต๊อกสินค้าส่งของสหรัฐฯ เท่านั้น จึงให้ประเด็นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ว่าจะดีดกลับหรือปรับลดลงต่อ ที่จะเป็นปัจจัยให้ทองคำเคลื่อนไหวได้
"
แนะนำ : ผู้มีสถานะขายปิดทำกำไรและรอ ผู้มีสถานะซื้อรอลุ้นหากราคาดีดกลับได้ต่อ โดยมีจุด stoploss ที่ 1,306 เหรียญ

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่
http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy0902201817341044…

 

Image may contain: text

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Daily Comment
ประจำช่วง Day Session
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018

ราคาทองปิดลดลงเล็กน้อยหลังจากเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งแรงขายจากกองทุน SPDR กดดันราคาทอง แต่ในเช้านี้ราคาทองได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า 
ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลง 3.40 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น -0.26% โดยปิดที่ 1,315.60 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,310.40 – 1,322.70 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,323 เหรียญ ราคาทองปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังกจากค่าเงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าต่อเนื่อง รวมทั้งแรงซื้อในสินทรัพย์เสี่ยงที่ช่วยหนุนกลับเข้ามาในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งผันผวนในวันศุกร์ก่อนที่จะปิดในแดนบวกได้ รวมทั้งแรงขายในทองคำจากกองทุน SPDR ที่ขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 5.60 ตัน ทำให้ถือทองรวม 820.71 ตัน และในเช้านี้ ค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า ทำให้มีแรงหนุนในทองคำ ส่งผลให้ภาพเทคนิคทองคำรายชั่วโมงเริ่มไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่และราคาทะลุแนวต้านด้านล่างบริเวณ 1,320 เหรียญได้ ทำให้ภาพระยะสั้นมีโอกาสดีดกลับได้ต่อ

แนะนำ : ผู้มีสถานะซื้อถือต่อ โดยขยับจุด stoploss มาบริเวณ 1,315 เหรียญ ผู้ไม่มีสถานะฝั่งซื้อน่าสนใจในการดีดกลับระยะสั้น

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่
http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1202201892553446…

No automatic alt text available.

แนวรับ แนวต้าน
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018
ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วครับ
ติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับทองคำและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ที่
www.classicgold.co.th
__________________________
สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold
ทองคำแท่ง : 02-225-7770

No automatic alt text available.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 08:18:19 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ (9 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ส่งผลให้ภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐสิ้นสุดลง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,190.90 จุด เพิ่มขึ้น 330.44 จุด หรือ +1.38% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,874.49 จุด เพิ่มขึ้น  97.33 จุด หรือ +1.44% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,619.55 จุด เพิ่มขึ้น 38.55 จุด หรือ +1.49%



-- สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะให้นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อีกหนึ่งสมัย หลังจากที่เขาสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ นายคุโรดะ วัย 73 ปี ได้เริ่มเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ BOJ ในเดือนมี.ค.2556 ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า เขาจะได้รับการต่ออายุการดำรงตำแหน่งอีกหนึ่งสมัยเป็นเวลา 5 ปี

การต่ออายุการดำรงตำแหน่งของนายคุโรดะเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีความต้องการที่จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และนำพาให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี

เจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะดิ่งลงต่อไป หรือจะฟื้นตัวขึ้น จะขึ้นอยู่กับการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะฉุดให้ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน และทรุดตัวลงต่อไป

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวในเดือนม.ค.

"หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทยานขึ้น" นายเจสัน แวร์ กล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมเปิดเผยโครงการโครงสร้างพื้นฐานในวันนี้ โดยทรัมป์วางแผนที่จะใช้งบประมาณของรัฐบาลกลาง มูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นฟูโครงการสาธารณูปโภคภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภาคองเกรสสหรัฐยังคงอภิปรายเรื่องงบประมาณในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกพรรคเดโมแครต ต้องการได้รายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับเป้าหมายของโครงการดังกล่าว

ในการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรส เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ทรัมป์ได้กล่าวถึงแผนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ วงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และยังได้กล่าวถึงการลดขั้นตอนสำหรับกระบวนการอนุมัติการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค เพื่อให้โครงการเหล่านี้เดินหน้าได้รวดเร็วทัดเทียมกับโครงการของเอกชน

-- เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินซาราตอฟ แอร์ไลน์สของรัสเซีย ประสบอุบัติเหตุตกในบริเวณชานกรุงมอสโก เมื่อวานนี้ ขณะที่ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 71 คน เสียชีวิตทั้งหมด

สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้เดินทางมาจากสนามบินเดโมเดโดโว ซึ่งตั้งอยู่ชานกรุงมอสโก เมื่อเวลา 14.20 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ โดยมีจุดหมายที่เมืองออสก์ เขตโอเรนเบอร์ก ติดพรมแดนรัสเซียและคาซัคสถาน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินลำนี้ได้หายไปจากจอเรด้าชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุตกในชานกรุงมอสโก

-- BitGrail ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลของอิตาลี แถลงว่า เงิน Nano มูลค่าราว 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้สูญหายไปจากระบบ อันเป็นผลจากการทำธุรกรรมโดยฉ้อฉล โดยทาง BitGrail ได้แจ้งความเคลื่อนไหวดังกล่าวให้ทางการทราบแล้ว

อย่างไรก็ดี ฟรานเซสโก ฟิราโน ผู้ก่อตั้ง BitGrail ได้ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า ทางบริษัทไม่สามารถคืนเงินที่ถูกโจรกรรมนี้ได้ครบ 100% โดยขณะนี้ทางบริษัทได้ระงับการฝากถอนทุกรายการแล้ว

ด้านทีมงานเบื้องหลังสกุลเงิน Nano เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะเกิดขึ้นจากฝั่งของ BitGrail เอง แม้ทาง BitGrail ได้มีการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการโจรกรรม ทั้งการบังคับให้ผู้ใช้งานพิสูจน์บัญชีของตนเองเมื่อถอนเงินเกินจำนวนหนึ่ง หรือการปิดตลาดไม่ให้บุคคลนอกยุโรปใช้งาน

-- นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้รับจดหมายเชิญให้เดินทางเยือนเกาหลีเหนือ จากคณะตัวแทนระดับสูงของเกาหลีเหนือที่เดินทางไปยังเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมพิธีจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว โดยหนึ่งในคณะตัวแทนนั้นได้แก่นางคิม โย จอง น้องสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน

รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า ในระหว่างการพูดคุยที่ทำเนียบประธานาธิบดี นางคิม โย จอง ได้มอบจดหมายดังกล่าวให้แก่นายมูนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี

ด้านนายมูนกล่าวว่า ตนจะเดินทางเยือนเกาหลีเหนือหลังการเตรียมการที่จำเป็นเสร็จสิ้น พร้อมร้องขอให้เกาหลีเหนือจัดการประชุมร่วมกับสหรัฐเพื่อนำมาซึ่งเสถียรภาพเหนือคาบสมุทรเกาหลี

-- คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของออสเตรเลียได้เปิดฉากการตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกัน และบริษัทการเงิน รวมทั้งกองทุนบำเน็จบานาญ ภายในประเทศ เพื่อดูว่าสถาบันการเงินเหล่านี้มีพฤติกรรมฟอกเงิน หรือสนับสนุนการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายหรือไม่

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนม.ค. และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนม.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ออสเตรเลียจะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB), อังกฤษจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ทางด้านการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ

-- นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2560 ของหลายประเทศในวันพุธนี้ ซึ่งได้แก่ญี่ปุ่น มาเลเซีย เยอรมนี และกลุ่มประเทศอียู

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2780932

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.65 แนวโน้มแข็งค่าตามทิศทางภูมิภาคจากแรงขายดอลล์ มองกรอบ 31.60-31.70

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 09:14:48 น.
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก



เย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์

"บาทกลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์เพื่อไปถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่น" นักบริหารเงิน

กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 31.60-31.70 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทมีแนวโน้มแข็งค่า แต่คงเปลี่ยนแปลงไม่มาก น่าจะแกว่งตัวในกรอบ" นักบริหารเงิน กล่าว

THAI BAHT FIX 3M (9 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 0.88337% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (9 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ

1.07794%
* ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 108.69 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 109.01 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2273 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2267 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.8260 บาท/

ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ (12-16 ก.พ.) อยู่ที่  31.50-32.10

บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยในประเทศต้องจับตาอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. (14 ก.พ.) ส่วนจุดสนใจของตัวเลข

เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิเครื่องชี้ภาวะเงินเฟ้อ ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาสินค้านำเข้า/ส่งออกเดือน ม.ค.

ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดี

พีไตรมาส 4/2560 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ส่งประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ไปยังธนาคารพาณิชย์เรื่องการ

ดำรงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (เอ็นเอสเอฟอาร์) โดยมีใจความสำคัญกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จะต้อง

ดำรงอัตราส่วนเงินที่มาจากแหล่งที่มาต่างๆ เช่น การรับเงินฝาก การกู้ยืมเงิน และส่วนของเจ้าของในอัตราไม่ต่ำกว่า 100% ของ

การใช้เงิน ได้แก่ การลงทุน การปล่อยสินเชื่อ และการก่อภาระผูกพันในระยะ 1 ปีข้างหน้า มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค. 2561

- ธปท. เปิดเผยภาพรวมสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเมื่อสิ้นเดือน ธ.ค. 2560 มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นเดือน

ก.ย. 2560 โดยพบว่า ยอดสินเชื่อผิดนัดชำระหนี้เกิน 3 เดือนขึ้นไป อยู่ที่ 8,873 ล้านบาท ลดลง 91 ล้านบาท หรือ 1.02% เมื่อ

เทียบกับเดือน ก.ย. 2560
- หอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย ระบุผ่านกฎหมายอีอีซี แม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนต่างชาติลงทุนไทย หลังชะลอ

โครงการรอกฎหมายคลอด แจงอยากเห็นการพัฒนาคนรองรับ"จุดขายใหม่"ดันไทย สู่อุตสาหกรรมอนาคต ขณะนายกสมาคม อสังหาฯ

เร่งรัฐออกผังเมืองอีอีซี สอดคล้องความต้องการแต่ละจังหวัด เชื่อบูม ตลาดอสังหาฯ
- "พาณิชย์" เผยการค้าไทยกับคู่เจรจา FTA โตแบบก้าวกระโดด เผยอาเซียนอันดับหนึ่ง เพิ่ม 707% ตามด้วยไทย-

อินเดีย เพิ่ม 406% อาเซียน-จีน เพิ่ม 262% ไทย-กีวี เพิ่ม 194.8% ไทย-ออสซี่ เพิ่ม 132% ส่วนสหรัฐฯ ยุโรป ที่ไม่ได้มี FTA

กับไทย ในรอบ 10 ปี การค้าโตแค่ 61.2% และ 31.6%
- "คมนาคม" โต้ข่าวญี่ปุ่นปฏิเสธ และยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ยันสรุปผลการ

ศึกษาเบื้องต้นแล้ว เตรียมนำเสนอ ครม. ส่วนการร่วมทุน ยังไม่มีการเจรจารายละเอียด อยู่ในขั้นทำข้อมูลเพื่อพิจารณารูปแบบลงทุน

ที่เหมาะสม และลดภาระของรัฐบาลให้น้อยที่สุด
- รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจที่จะให้นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อีกหนึ่งสมัย

หลังจากที่เขาสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย.
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (9 ก.

พ.) หลังความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นและหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (9 ก.พ.) หลังได้รับอิทธิพลจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

- นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค

(CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี
- นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2560 ของหลายประเทศในวันพุธนี้ ซึ่งได้แก่ญี่ปุ่น มาเลเซีย

เยอรมนี และกลุ่มประเทศอียู
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2780990

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: sky and outdoor

Image may contain: sky and outdoor

ความคืบหน้างานรื้อถอนย้ายพระเมรุมาศ อาคารประกอบ และงานภูมิทัศน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 
ความคืบหน้าการรื้อถอนเคลื่อนย้ายและจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์โดยขณะนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.นี้ แบ่งเป็น พระเมรุมาศ โดยขั้นตอนขณะนี้ได้รื้อย้ายงานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า ประติมากรรมรูปปั้น สระอโนดาต และรื้อบล็อกปูพื้น และได้เคลื่อนย้ายพระจิตกาธานและฉากบังเพลิง มาเก็บรักษาไว้ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ส่วนประติมากรรมทั้งหมด เคลื่อนย้ายไปจัดเก็บที่อาคารจัดเก็บประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ ศาลายา ทั้งนี้เมื่อรื้อย้ายสถาปัตย กรรมและประติมากรรมทั้งหมดแล้ว จะรื้อย้ายฐานรากและถมดิน เพื่อคืนสภาพสถานที่ก่อสร้างให้แก่กรุงเทพมหานคร สำหรับแผนการรื้อย้ายพระเมรุมาศใช้เวลา 55 วัน
ส่วนพระที่ทรงธรรม ขั้นตอนการรื้อย้าย ขณะนี้ได้รื้อย้ายงานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า งานระบบปรับอากาศ สุขภัณฑ์ ศาลาลูกขุน ทิมและทับเกษตร ส่วนพลับพลายก สนามหลวง พลับพลายก หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ งานรื้อถอน ย้ายงานตกแต่งด้านภูมิทัศน์ ซึ่งในส่วนของต้นไม้ และกระถางเซรามิค ได้ขนย้ายและส่งมอบให้ผู้ดูแลและหน่วยงานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
ความคืบหน้าในการรื้อถอนในส่วนของเศษวัสดุการก่อสร้างอื่นๆ จะดำเนินการฝังกลบและเผาทำลาย ณ บริเวณอุทยาประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และสำนักช่างสิบหมู่ จ.นคร ปฐม ทั้งนี้ กรมศิลปากร ได้รายงานแผนการรื้อย้าย พระเมรุมาศ อาคารประกอบและภูมิทัศน์ ได้มอบหมายให้ผู้ที่ควบคุมดูแล และผู้ที่รื้อถอนดำเนินการรื้อย้ายอย่างเป็นระบบ และมีการคัดแยกชิ้นส่วนองค์ประกอบต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งมีการเก็บรักษาอย่างเรียบร้อย

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดพุ่ง 10.70 ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 06:52:57 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.70 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,326.40 ดอลลาร์/ออนซ์



สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 43.1 เซนต์ หรือ 2.7% ปิดที่ 16.57 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 11.3 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 972.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 976.15 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปิดตลาดดีดตัวขึ้นหลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.18% สู่ระดับ 90.21 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

นักลงทุนจับการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี

ทั้งนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

สำหรับข้อมูลด้านอื่นๆเกี่ยวกับทองคำนั้น สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2560 ปรับตัวลดลง 7% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 4,071.7 ตัน

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/2560 ความต้องการทองคำทั่วโลกปรับตัวขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แตะที่ระดับ 1,095.8 ตัน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2781581

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 07:26:36 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ก.พ. 2561

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด หรือ +1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด หรือ +1.56% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด หรือ +1.39%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) ขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.2% ปิดที่ 372.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,282.77 จุด เพิ่มขึ้น 175.29 จุด หรือ +1.45% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,140.06 จุด เพิ่มขึ้น 60.85 จุด หรือ +1.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,177.06 จุด เพิ่มขึ้น 84.63 จุด หรือ +1.19%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน ยังช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,177.06 จุด เพิ่มขึ้น 84.63 จุด หรือ +1.19%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า อุปสงค์น้ำมันในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่หลายแห่งของสหรัฐ มีแนวโน้มสูงขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 9 เซนต์ หรือเกือบ 0.2% ปิดที่ 59.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 62.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.70 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,326.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 43.1 เซนต์ หรือ 2.7% ปิดที่ 16.57 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 11.3 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 972.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 976.15 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2285 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2234 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3830 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3806 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7845 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7790 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.68 เยน จากระดับ 108.49 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9389 ฟรังก์ จากระดับ 0.9387 ฟรังก์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,601.27 จุด เพิ่มขึ้น 410.37 จุด, +1.70%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด, +1.39%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด, +1.56%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,282.77 จุด เพิ่มขึ้น 175.29 จุด, +1.45%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,177.06 จุด เพิ่มขึ้น 84.63 จุด, +1.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,140.06 จุด เพิ่มขึ้น 60.85 จุด, +1.20%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,384.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.74 จุด, +0.23%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,830.17 จุด เพิ่มขึ้น 10.35 จุด, +0.57%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,523.45 จุด เพิ่มขึ้น 17.93 จุด, +0.28%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 29,459.63 จุด ลดลง 47.79 จุด, -0.16%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,487.91 จุด ลดลง 15.78 จุด, -0.19%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,154.13 จุด เพิ่มขึ้น 24.28 จุด, +0.78%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,385.38 จุด เพิ่มขึ้น 21.61 จุด, +0.91%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,421.09 จุด เพิ่มขึ้น 49.34 จุด, +0.48%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,820.70 จุด ลดลง 17.30 จุด, -0.30%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,919.70 จุด ลดลง 17.80 จุด, -0.30%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2781601

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 410.37 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร,ทรัมป์เผยแผนงบประมาณ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 06:33:01 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด หรือ +1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด หรือ +1.56% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด หรือ +1.39%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 5.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค รวมทั้งการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

ทั้งนี้ แผนงบประมาณดังกล่าว มีการจัดสรรงบประมาณวงเงิน 7.16 แสนล้านดอลลาร์สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการทหาร และการรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ ขณะที่มีการจัดสรรงบ 2 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการใช้จ่ายด้านโครงการสาธารณูปโภค และตั้งวงเงินมากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการตรวจคนเข้าเมือง

นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณ แผนงบประมาณฉบับนี้ได้เสนอให้มีการตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปี

นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่เกิดขึ้นจากการที่ตลาดเข้าสู่ระยะพักฐาน ขณะที่ปัจจัยลบอีกส่วนหนึ่งมาจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้

หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทบรอดคอมซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ได้รับเงินกู้มูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการเสนอซื้อกิจการของควอลคอมม์

ในช่วงต้นเดือนก.พ. บรอดคอมได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการควอลคอมในวงเงิน 1.21 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอครั้งแรกในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วในวงเงิน 1.03 แสนล้านดอลลาร์ แต่ควอลคอมก็ได้ปฏฺเสธข้อเสนอทั้ง 2 ครั้งจากบรอดคอม โดยระบุว่าให้ราคาต่ำเกินไป

หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ดีดตัวขึ้น 2.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทคอมคาสท์ อาจยื่นข้อเสนอซื้อธุรกิจบันเทิงของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.85% หุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.6%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐ พร้อมกับจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2781579

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบค่าเงินหลัก เหตุนลท.ลดแรงซื้อดอลล์หลังตลาดหุ้นพุ่งแรง

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 61)--ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2285 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2234 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3830 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3806 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7845 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7790 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 108.68 เยน จากระดับ 108.49 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9389 ฟรังก์ จากระดับ 0.9387 ฟรังก์
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยปัจจัยล่าสุดมาจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Image may contain: 3 people

โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 จัดกิจกรรมถ่ายภาพทารกแรกเกิด ในธีม Happy Valentine Day & Happy Chinese new year เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่ครอบครัวที่คลอดบุตรในเทศกาลแห่งความสุข ที่แผนกเนอสเซอรี่ทารกแรกเกิด อาคาร 1 ชั้น 5 โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4

ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร (kunlaphun siripimamporn) 
#NationPhoto #ถ่ายภาพทารกแรกเกิด #โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย4

 

ชาวซานตงเร่งผลิต "เส้นหมี่สีสวย" ต้อนรับตรุษจีน

ชมภาพที่ถูกบันทึกไว้เมื่อเร็วๆนี้ ของสามีภรรยาเฉินไฮ่เสีย ขณะตรวจดูเส้นก๋วยเตี๋ยวที่พวกเขาผลิตขึ้นจากแป้งและน้ำผักนานาชนิด เช่น มะเขือเทศ แครอท ผักโขม ขึ้นช่าย อยู่ในหมู่บ้านเฉียนจ้าย อำเภอฉือผิง มณฑลซานตง ทางตะวันออกของประเทศจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวทำมือเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างมาก ในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปีนี้

Image may contain: 1 person, smiling, standing, sky and outdoor

ปุกาด ปุกาด ปุกาด: 'สากกะเบือจะออกดอกที่ปาเลสไตน์แล้วเว้ยครับ':

นับเป็นคราวซวยของรัฐบาลจอมอันธพาลอย่างอิสราเอล ส่งทหารไปไล่ทุบตึกที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ ทิ้งระเบิดชาวปาเลสไตน์ จับเด็กปาเลสไตน์ไปทรมาน เผาต้นไม้เศรษฐกิจของชาวปาเลสไตน์ บุกยึดโรงพยาบาลที่กาซ่า ห้ามมิให้รักษาชาวปาเลสไตน์ที่บาดเจ็บ พูดง่ายๆ ก็คือรัฐบาลอิสราเอลกำลังไล่ชาวปาเลสไตน์ให้พ้นไปจากแผ่นดินแม่ของตัวเอง โดยมีรัฐบาลอันธพาลลือชื่อในด้านรุกรานชาติอื่นๆ อย่างสหรัฐอเมริกาคอยช่วยเหลือ

ปรกติ วลาดิเมียร์ ปูตินไม่ชอบแส่เรื่องคนอื่น ไม่ขอให้ช่วยก็ไม่ช่วย ไม่ถามก็ไม่ตอบ ประหยัดถ้อยประหยัดคำ ประธานาธิบดีอับบาสของปาเลสไตน์นี้ผมวิจารณ์ว่าสมองทู่หมูตอนปัญญาอ่อนหาใครเหมือนมานาน เพราะประเทศที่อยู่ในสภาความมั่นคงของสหประชาชาติมีหลายชาติ อย่างน้อยๆ ก็มีรัสเซียและจีนซึ่งพร้อมจะช่วยอยู่ แต่ไม่เดินเข้าไปหา จนกระทั่งมีข่าวว่าจะถูกถีบออกจากตำแหน่ง ถึงกระเสือกกระสนไปหารัสเซีย

ก็ยังดีครับ มาช้าดีกว่าไม่มา กว่าที่ประธานาธิบดีสมองทู่หมูตอนคนนี้จะรู้ว่าอเมริกาไม่เคยซื่อสัตย์กับชาติไหน ผลประโยชน์ล้วนๆ ก็เมื่อเสียชาติไปเกือบหมดแล้ว

 
Image may contain: 1 person
China Xinhua News
19 hrs · _Y91QzmaslR.png

ปาเลสไตน์ขอ “ปูติน” ช่วยสร้างสันติภาพ หลังสหรัฐฯ หมดคุณสมบัติ

วานนี้ (11 ก.พ.) ที่ปรึกษาทางการทูตของนายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ เผยว่าชาวปาเลสไตน์จะร้องขอให้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในกลไกการแก้ปัญหาระดับพหุภาคี เพื่อช่วยดูแลกระบวนการสร้างสันติภาพกับอิสราเอล

“ปาเลสไตน์ยืนหยัดในการแสวงหาแนวทางระดับพหุภาคี เพื่อตรวจสอบดูแลกระบวนการสร้างสันติภาพกับอิสราเอล โดยไม่ใส่ใจกับบทบาทเก่าของสหรัฐอเมริกา” นายมาจิดี คาลิดี ที่ปรึกษาฯ กล่าวกับวอยซ์ออฟปาเลสไตน์ (Voice of Palestine) สถานีวิทยุทางการของปาเลสไตน์

“รัสเซียและปูตินจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ รวมถึงการประชุมเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศและประเด็นสำคัญที่ต้องการคำปรึกษาจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อการบรรลุผลประโยชน์ของประชาชนปาเลสไตน์” นายคาลิดีกล่าว “ปาเลสไตน์จะหารือกับรัสเซียในประเด็นริเริ่มต่างๆ ต่อไป”

ทั้งนี้ นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2017 ปาเลสไตน์ก็ประกาศให้สหรัฐฯ หมดคุณสมบัติจากการเป็นตัวกลางสร้างสันติภาพ และเรียกร้องนานาชาติร่วมแสวงหาวิธีการเพื่อส่งเสริมการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล

ผู้แทนรัฐบาลผู้ดีจอมปลอมมาไทย:
เมื่อว่าถึงเกมการเมืองระหว่างประเทศ อังกฤษก็คือขี้ข้าของอเมริกาดีๆ นี่เอง สนับสนุนอเมริกาบุกอิรัก ฆ่าซัดดัม ฮุสเซน สนับสนุนอเมริกาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศบุกซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เงินสนับสนุนกลุ่มสิทธิมนุษยชนลวงโลกอย่างกลุ่มหมวกกันน็อคสีขาว (The White Helmets) ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นกลุ่มเพื่อนของกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ สนับสนุนอเมริกาถล่มเยเมนอย่างไร้มนุษยธรรม
อเมริกาหวังจะครอบงำไทย แต่คนไทยไม่กลัว ถ้าอเมริกาแสดงท่าก้าวร้าวมา คนไทยก็จะหนีไปซบรัสเซียและจีนมากยิ่งขึ้นเหมือนหลายๆ ชาติขณะนี้เร็วขึ้น ผมเดาเอาว่าอเมริกาไม่อยากบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่วายให้บริวารมากดดันไทยแทน รมว.ต่างประเทศสมองทู่หมูตอนคนนี้จึงมาไทย 
ฟังหมอนี่พล่าม เมื่อถูกซักที่รัฐสภาอังกฤษหลายๆ ทีแล้วไม่น่าจะจบมาจาก Oxford เลยจริงๆ น่าจะจบจากโรงเรียนช่างกลบ้านโคกอีเติน ชานกรุงพนมเปญมามากกว่าครับ 
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
หมายเหตุ: ๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน ๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* หรือ *ไร้สาระ* จะลบออกทุกครั้งที่เห็นครับเห็น ๓.ถ้าอยากติดตามข่าวต่างประเทศมากกว่าเพจนี้ ติดตามได้ที่ https://vk.com/bodhinanda แต่ว่าต้องระบุชื่อ นามสกุลจริง รูปจริงในโปรไฟล์ของสมาชิกด้วย
http://www.bbc.com/thai/thailand-43031064…

safe_image.php?d=AQCHOy6LsOVQoZKY&w=476&

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: 6 people, people smiling

Hua Seng Heng Morning News 13-02-2561

YLG รู้ทันทอง มองทันเทรน ประจำวันที่ 13-02-61

เฮฮาภาษาทอง by Ylg 13-02-2561

ทองฟื้นตัวหลังลงต่ำสุดแถว 1307 มองว่าเป็นเพราะลงใกล้แนวราคาสำคัญและมีประเด็นที่จะส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดได้คือเรตเงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภคในคืนวันพุธ ถ้าออกมาสูงจะเป็นลบ ถ้าออกมาต่ำจะเป็นบวก ซึ่งในช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวก็ลดความกดดันลงไปได้บ้าง 
ภาพของราคาทองเป็นการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับว่าจะเอายังไงระหว่างลงทำฐานอีกทีหรือกลับขึ้นเลย ในกรณีที่อยู่นอกเหนือแผนคือลงต่ำกว่า 1280 ลงไปเลย ซึ่งก็อาจจะเพราะเฟดจะขึ้นดอกอย่างหนักหน่วงเกินคาดหรืออะไรซักอย่าง
มองลงใกล้ 1280 - 1300 จะเข้าซื้อ ด้วยสมมติฐานว่าเฟดไม่ขึ้นดอกเกิน 4 ครั้งในปีนี้และดอลล์ยังอ่อน ซึ่งมีแนวต้าน 1330 1337 และ 1345 เป็นจุดขายทำกำไรระยะสั้น อาจซื้อตามเมื่อเบรก 1326 ขึ้นไป มีแนว False Break ที่ 1330 เป้าการขึ้นอยู่ที่ 1340 ซื้อตามไปแล้ว ลงต่ำกว่า 1326 หรือ 1320 คัต ไปรอรับด้านล่าง 1305 1295 1285
กลยุทธ์ฝั่งเอส มีแนวต้าน 1330 1340 เป็นจุดดักเอส ซึ่งถ้าขึ้นเกิน 1345 คัตและรอดูสถานการณ์เนื่องจากขึ้นเกินระยะรีบาวด์ แต่ถ้าอ่อนตัวลงมองเป้า 1315 1305 หลังลงแตะ 1307 แล้วเด้งทำให้กลยุทธ์ฝั่งเอสต้องเข้าออกไวกว่าเดิม
13 Feb, 2018

No automatic alt text available.
No automatic alt text available.
 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Daily Comment
ประจำช่วง Day Session
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2018

ราคาทองปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเช่นกัน 
ราคาทองคำปิดปรับเพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น +0.53% โดยปิดที่ 1,322.60 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,313.82 – 1,327.06 ดอลลาร์ เช้านี้ราคาทองเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,322 เหรียญ ราคาทองปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยหนุนให้ราคาทองดีดกลับได้ แต่ยังชาดแรงหนุนที่ชัดเจน โดยปัจจัยที่หนุนราคาทองเป็นหลักคือค่าเงินดอลลาร์ทีอ่อนค่าลง แต่ปัจจัยที่กดดันคือเม็ดเงินที่เริ่มไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ราคาทองไม่สามารถปรับขึ้นแรงได้ จึงให้น้ำหนักการแกว่งตัวในกรอบ sideway up ช่วงสั้น โดยในสัปดาห์นี้ประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญคือตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพุธนี้ ที่จะกระทบต่อการปรับขึ้นอัตราของเฟดในปี้นี้ ซึ่งตัวเลขจาก CME ให้โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 77% โดยภาพเทคนิครายชั่วโมงของทองคำนั้นยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideway up ต่อ โดยฝั่งซื้อน่าสนใจในช่วงสั้น
แนะนำ : ผู้มีสถานะซื้อถือต่อ โดยให้มีจุด stoploss ที่ 1,315 เหรียญ ผู้ไม่มีสถานะเน้นฝั่งซื้อในกรอบ sideway up

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่
http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy1302201885123446…

 

No automatic alt text available.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Image may contain: flower, plant and nature

by สุชาติ วงค์ทอง

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนหนุนทองปิดบวก 4 ดอลลาร์ ขณะนักลงทุนจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 61)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนั้น ยังคงสร้างแรงดึงดูดใจต่อสัญญาทองคำ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ เพื่อจับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,330.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.2 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 16.52 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 975.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.55 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 980.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% สู่ระดับ 89.69 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นักลงทุนจับการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพรุ่งนี้
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนม.ค.จะขยายตัวที่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบรายปี หลังจากขยายตัว 2.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 07:43:05 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.พ. 2561

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง บริษัทอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาชั้นนำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐ และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้



ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,640.45 จุด เพิ่มขึ้น 39.18 จุด หรือ +0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,013.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.55 จุด หรือ +0.45%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาดยุโรปในระหว่างวัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 370.58 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,196.50 จุด ลดลง 86.27 จุด หรือ -0.70% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.13% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,109.24 จุด ลดลง 30.82 จุด หรือ -0.60%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในเดือนม.ค. ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.13%

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนั้น ยังคงสร้างแรงดึงดูดใจต่อสัญญาทองคำ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ เพื่อจับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,330.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.2 เซนต์  หรือ 0.3% ปิดที่ 16.52 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่  975.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.55 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 980.75 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีนี้ พร้อมระบุว่า การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของสหรัฐ จะทำให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในไม่ช้า

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาย้ำว่า เฟดจะยังคงรักษาจุดยืนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมประกาศว่า เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงิน

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.68 เยน จากระดับ 108.68 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9342 ฟรังก์ จากระดับ 0.9389 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2363 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2285 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3886 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3830 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7845 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 24,640.45 จุด เพิ่มขึ้น 39.18 จุด, +0.16%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,662.94 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด, +0.26%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 7,013.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.55 จุด, +0.45%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,196.50 จุด ลดลง 86.27 จุด, -0.70%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.01 จุด ลดลง 9.05 จุด, -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,109.24 จุด ลดลง 30.82 จุด, -0.60%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,415.07 จุด เพิ่มขึ้น 30.09 จุด, +0.89%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,833.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.85 จุด, +0.16%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,578.18 จุด เพิ่มขึ้น 54.73 จุด, +0.84%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ที่ 29,839.53 จุด เพิ่มขึ้น 379.90 จุด, +1.29%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดวันนี้ที่ 8,570.14 จุด เพิ่มขึ้น 82.23 จุด, +0.97%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดวันนี้ที่ 3,184.96 จุด เพิ่มขึ้น 30.83 จุด, +0.98%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดวันนี้ที่ 2,395.19 จุด เพิ่มขึ้น 9.81 จุด, +0.41%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดวันนี้ที่ 21,244.68 จุด ลดลง 137.94 จุด, -0.65%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 5,855.90 จุด เพิ่มขึ้น 35.20 จุด, +0.60%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดวันนี้ที่ 5,957.00 จุด เพิ่มขึ้น 37.30 จุด, +0.63%

* ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการวันอังคารที่ 13 ก.พ. เนื่องในวันมหาศิวะราตรี
* ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันอังคารที่ 13 ก.พ. เนื่องในวันหยุดราชการ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2782455

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบค่าเงินหลัก หลังปธ.เฟดย้ำจุดยืนขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 07:28:02 น.
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาย้ำว่า เฟดจะยังคงรักษาจุดยืนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมประกาศว่า เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงิน



ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 107.68 เยน จากระดับ 108.68 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9342 ฟรังก์ จากระดับ 0.9389 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2363 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2285 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3886 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3830 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7845 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากนายพาวเวลได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานเฟด โดยเขาย้ำว่า เฟดจะยังคงจับตาความเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงิน

นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะยังคงรักษาจุดยืนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดงบดุลบัญชีอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะพิจารณาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก

นักวิเคราะห์มองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล และชะลอการซื้อสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สามารถบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือนม.ค.จะขยายตัวที่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบรายปี หลังจากขยายตัว 2.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี

ทั้งนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2782346

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...