ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Analysis: เศรษฐกิจโลกส่อแววฟื้น ฟื้นหนุนราคาน้ำมันใน H2/2556 หลังพุ่งเหนือ $100

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 15:23:57 น.

เนื่องด้วยความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลาง และการคาดการณ์ดกี่ยวกับความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดน้ำมัน จึงทำให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ปรับเพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 1.7% แตะระดับ 101.24 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนับเป็นระดับปิดสูงสุดนับแต่วันที่ 3 พ.ค.2555 และยังเป็นครั้งแรกที่ราคาพุ่งเหนือระดับ 100 ดอลลาร์อีกครั้งนับตั้งแต่นั้นมาemnb_1_370236.gif

เหตุความวุ่นวายทางการเมืองในอียิปต์นั้นได้ส่งผลโดยตรงต่อราคาน้ำมันที่ทะลุหลัก 100 ดอลลาร์ แม้ว่าประเทศอียิปต์จะไม่ใช่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ แต่คลองสุเอซ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการขนส่งน้ำมันดิบออกจากตะวันออกกลาง ทำให้สถานการณ์ในอียิปต์มีความสำคัญต่อการคาดการณ์ระยะสั้นเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ตลาดส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับความยากลำบากในการขนส่งหรือแม้แต่การขนส่งที่หยุดชะงักลง หากสถานการณ์ในอียิปต์รุนแรงจนเกินจะควบคุมได้ บรรดานักเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้าจึงมีแนวโน้มจะเสนอราคาที่สูงขึ้น จากการคาดการณ์เกี่ยวกับอุปทานที่ระดับต่ำ

ในขณะเดียวกัน สต็อกน้ำมันของสหรัฐก็ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งสัญญาณถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และยังมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นมาอยู่ที่กว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ

คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะมีความมั่นคงมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญๆ อย่างสหรัฐและกลุ่มประเทศในยุโรป มีข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และกำลังก้าวพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ได้ดำเนินมานับแต่ช่วงวิกฤติการเงินโลกในปี 2551

การฟื้นตัวในประเทศแกนนำเศรษฐกิจได้กลายเป็นแนวโน้มสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดน้ำมันโลก และยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ร่วมกับปัจจัยที่ส่งผลในทางตรงกันข้ามบางประการ เช่น อัตราการบริโภคพลังงานในจีนที่ชะลอตัวลง พลังงานทางเลือกที่มากขึ้น อย่างหินน้ำมัน รวมไปถึงความพยายามที่มากขึ้นของสหรัฐในการผลิตก๊าซและและน้ำมันภายในประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ที่ระดับสูงในช่วงครึ่งปีหลัง

-- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กับ อุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแรงลงของจีน

โดยทั่วไป เป็นที่ยอมรับกันว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่บ้างในเด็นความยั่งยืนของการฟื้นตัว

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตทเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ภายในกลุ่มประเทศยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1% จากเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนยอดค้าปลีกเมื่อเดือนพ.ค. ปรับตัวลดลงเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงน้อยที่สุดเมื่อเทียบรายปี นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2555

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มิ.ย. ปรับตัวลดลง 5,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 343,000 ราย ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 345,000 ราย ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนพ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังสะท้อนออกมาทางอุปสงค์น้ำมันดิบ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 10.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 383.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 28 ธ.ค. และลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินไว้ว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 223.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 92.2% ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% จากสัปดาห์ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานว่า อุปสงค์น้ำมันในจีนกำลังชะลอตัวลง อันเป็นผลจากความพยายามปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของรัฐบาล, การประหยัดและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุปสงค์ของจีนกำลังมีสัดส่วนน้อยลงในการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลก รายงานเมื่อเร็วๆนี้ของ IEA ระบุว่าปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบในจีนน่าจะมีการขยายตัวประมาณ 3.8% ในปี 2556 ซึ่งน้อยลงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.9% โดย IEA ระบุว่า "มีสัญญาณเพิ่มมากขึ้นว่าอัตราการบริโภคน้ำมันของจีน อาจจะชะลอลง เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจของจีน" สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า มั่นใจราคาทองคำในตลาดโลกภายในปีนี้ไม่หลุดต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากระดับดังกล่าวใกล้เคียงกับราคาต้นทุน นอกจากนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,500-1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง สังเกตจากค่าพรีเมียมสำหรับคำสั่งซื้อหากใครต้องการสินค้าเร็วขึ้นจะต้องเสียค่าพรีเมียมเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 1-1.50 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 6-8 ดอลลาร์ต่อตัน

 

ส่วนประเด็นข่าวการชะลอมาตรการ QE มองว่าให้นักลงทุนอย่าเพิ่งวิตกกังวลกับประเด็นดังกล่าวมากจนเกินไป เนื่องจากการชะลอมาตรการยังไม่เกิดขึ้นจริง ถึงแม้ว่าเกิดขึ้นจริงก็ยังไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐ ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งข่าวต่างๆ ที่ออกมา ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลงในช่วงนี้ มองว่ามาจากการปั่นกระแสข่าวจากกองทุนต่างๆ เนื่องจากในปัจจุบันบรรดากองทุนมีการซื้อขายในสินค้า Gold Futures ที่เป็นใบกระดาษมากขึ้น

 

"ราคาทองคำเป็นไปได้ยากที่จะต่ำกว่าหน้าเหมือง เพราะเมื่อ 10 กว่าปีก่อนราคาทองคำหลุดต่ำลงไปอยู่ที่ 257 เหรียญฯ ซึ่งต่ำกว่าราคาหน้าเหมืองเพียง 300 ดอลลาร์ ทำให้เหมืองทองเริ่มขาดทุน ซึ่งราคาทองคำขยับเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นในกรณีปัจจุบันนี้จึงคาดว่าราคาทองคำคงไม่ต่ำกว่าราคาหน้าเหมือง และความต้องการยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นข่าวที่กองทุนหลายแห่งขายทองคำออกมา มองว่าเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"นายจิตติ กล่าว

 

Credit: www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Gold Futures Glitter Gold ประจำเย็นวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 มาแล้วค่ะ

 

ติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy050720131647591180.pdf

 

 

รายการ Gold Insight วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ วันศุกร์ ที่ 5 กรกฎาคม 2556 โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 5 กรกฎาคม 2556

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 17:00:00 น.

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของประเทศสมาชิกในกลุ่ม OECD ปรับตัวขึ้น 0.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เมื่อเทียบกับการขยายตัวที่ทรงตัวในไตรมาสก่อน

-- สมาพันธ์ธนาคารออมทรัพย์แห่งสเปน (Funcas) คาดว่า เศรษฐกิจสเปนจะขยายตัว 0.7% ในปี 2557 หลังจากที่หดตัวลง 1.5% ในปี 2556emnb_1_370236.gif

-- นายกรัฐมนตรีเปโดร ปาสซอส โคเอลโญของโปรตุเกส กล่าววานนี้ว่า เขามีแนวทางที่จะช่วยประคับประคองรัฐบาลผสมเอาไว้ได้ หลังจากการลาออกของนายเปาโล พอร์ตาส รมว.ต่างประเทศและนายวิเตอร์ กาสปาร์ รมว.คลังเมื่อต้นสัปดาห์นี้

-- สำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยในรายเบื้องต้นว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนพ.ค.

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ลดลง 1.153 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 1.23871 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

-- ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เมมโมรีชิพ และจอแบนรายใหญ่ที่สุดของโลกได้คาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้

-- นายจู กวางเหยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังจีนออกมาเตือนให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความเสี่ยงจากยอดหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการการลงทุน

-- รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมระดับคณะทำงานในเช้าวันเสาร์นี้ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งอยู่ในเขตปลอดทหารบริเวณชายแดนฝั่งเกาหลีใต้ เพื่อหารือในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมร่วมแกซองในชายแดนฝั่งเกาหลีเหนือที่ถูกปิดทำการชั่วคราวอยู่ในขณะนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้สกุลเงินบาทของ ING Bank ที่ AAA(tha)

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 17:06:26 น.

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ ING Bank N.V. (ING Bank) จำนวน 5.74 พันล้านบาท และ จำนวน 4.26 พันล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2557 และ 2559 ตามลำดับ ที่ ‘AAA(tha)’

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวพิจารณาจาก อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ ING Bank ที่ระดับ ‘A+’/ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทยที่ ‘A-’ / แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งเทียบเท่ากับอันดับเครดิตในประเทศที่ ‘AAA(tha)’ และเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทย

emnb_18_18900.gif?723886157emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

ผลสำรวจ BOJ ชี้ชาวญี่ปุ่น 80% คาดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปี นับเป็นสัดส่วนสูงสุดในรอบ 5 ปี

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2556 16:52:15 น.

ผลสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มองว่าราคาสินค้าและบริการในประเทศจะเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปีนับจากนี้ มีจำนวนถึง 80.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551

สัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่มองว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไม่มากก็น้อย เพิ่มขึ้นจากระดับ 74.2% ในผลการสำรวจประจำไตรมาสก่อนหน้านี้ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจในช่วง 3 เดือนที่แล้ว

ส่วนคำถามเกี่ยวกับระดับราคาในปัจจุบัน ผู้ตอบแบบสำรวจ 50.5% ระบุว่าราคาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยจากปีที่แล้ว โดย 81.6% รู้สึกกังวลกับราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ 3.8% คิดว่าเป็นเรื่องดี

ผลสำรวจล่าสุดนี้นับเป็นสัญญาณว่า ความพยายามของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจที่จะผลักดันให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดนั้นอาจประสบผลสำเร็จ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

emnb_18_18900.gif?623023326emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรัญญา อุดมกุศลศรี/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-

สวัสดียามเย็น news bas และเพื่อนๆ

1463_545761028820063_1470758789_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

995913_582481491802556_584091580_n.jpg

 

สวัสดีวันหยุด ใจใสไร้กังวล สบายใจ สุขภาพดีทุกวันนะเพื่อนๆ

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $39.2 หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐดีเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 07:45:58 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ดีเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ดิ่งลง 39.2 ดอลลาร์ หรือ 3.13% ปิดที่ 1,212.7 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 96.4 เซนต์ หรือ 4.89% ปิดที่ 18.736 ดอลลาร์/ออนซ์

emnb_18_18900.gif?1378679782emnb_1_370236.gif

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 20.4 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 1,326.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 8.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 677.55 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 165,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวในระดับเดิมที่ 7.6%

ข้อมูลแรงงานที่ดีเกินคาดจุดกระแสให้นักลงทุนเริ่มเกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอโครงการซื้อพันธบัตรเร็วกว่าที่คาดการณ์ โดยนักวิเคราห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเฟดอาจเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนก.ย.นี้ แทนที่จะเป็นช่วงสิ้นปีอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีหลายปัจจัยที่อาจหนุนราคาทองคำให้ดีดตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ อาทิ สถานการณ์ทางการเมืองในอียิปต์ที่อยู่ในภาวะตึงเครียดและไร้เสถียรภาพ อุปสงค์ทองคำจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ วิกฤตหนี้ยูโรโซน และอุปสงค์ทองคำจากจีนหากราคาทองคำร่วงลงแตะ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก $1.98 หลังข้อมูลแรงงานสดใส, สต็อกน้ำมันดิบร่วง

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 07:07:02 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานสรัฐที่สดใส สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ร่วงลง รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอียิปต์

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ แตะที่ 103.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดปรับขึ้น 2.18 ดอลลาร์ ที่ 107.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก1.98ดอลลาร์ แรงหนุนจากแรงงานสหรัฐสดใส ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก147.29จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.สูงเกินคาด เอชทีซี บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนจากไต้หวัน รายงานผลกำไรสุทธิในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ดิ่งลงถึง 83%

icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม






emnb_1_370236.gif

ราคาน้ำมัน WTI ได้รับแรงหนุนหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวในระดับเดิมที่ 7.6%

ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในเดือนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากที่สุดในปีนี้ ก็เป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อคืนวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 10.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล

ขณะเดียวกันเทรดเดอร์ยังจับตาสถานการณ์ทางการเมืองในอียิปต์อย่างใกล้ชิด เพราะห่วงว่าอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง เนื่องจากอียิปต์เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญเพราะมีคลองสุเอซและท่อส่งน้ำมันหลายแห่ง ซึ่งความวิตกกังวลนี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันให้เพิ่มขึ้น

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรฯจับตาปัจจัยฉุดศก.ทั้งลงทุน-บริโภคซบเซา คนไทย‘หนี้แซงรายได้’

วันเสาร์ ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.

tags : กสิกรฯ, ศก., ลงทุน, บริโภค, ซบเซา, คนไทย, หนี้แซงรายได้

58692.jpg

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลด “จีดีพี” ปีนี้เหลือ 4.0% มาจากปัจจัยทั้งนอกและในประเทศมากระทบ จับตาปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูง 77-78% ฉุดการบริโภคซบเซา ระบุระดับรายได้ครัวเรือนเงินออมเพิ่มช้ากว่าภาระหนี้

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จัดงานแถลงข่าว “การปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2556” ที่ธนาคารกสิกรไทย พหลโยธิน

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไทยปี 2556 เหลือ 4.0% โดยอยู่ในกรอบคาดการณ์ 3.8-4.3% จากเดิมที่ 4.8% อยู่ในกรอบคาดการณ์ 4.3-5.3% โดยปัจจัยตัวแปรหลักที่มีผลกระทบต่อการปรับประมาณการ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจโลก สัญญาณการลดปริมาณเข้าซื้อพันธบัตรของสหรัฐ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลดีต่อสินค้าที่พึ่งพาสหรัฐเป็นตลาดหลัก แต่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอาจกระทบการใช้จ่ายภายในประเทศ อีกทั้งเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกว่าที่คาด กระทบการส่งออกของไทยไปจีน และกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกให้ยังคงอ่อนตัว

ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศที่การบริโภคซบเซา เนื่องจากครัวเรือนที่มีภาระหนี้สูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวลดลง การลงทุนภาคเอกชนมีการชะลอตัว โครงการลงทุนภาครัฐอาจคืบหน้าล่าช้าซึ่งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากในช่วงครึ่งปีแรก จักรกลเศรษฐกิจที่สำคัญส่วนใหญ่เริ่มสูญเสียแรงขับเคลื่อน อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 2-3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว และมีโอกาสที่จะหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังการส่งออกยังเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ (หรือที่คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2556 ลงเหลือ 7.4%) อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังอาจสูงกว่าครึ่งแรก ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อน อีกทั้งการบริโภคและการลงทุนในประเทศยังประสบภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง

นายเชาว์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย เชื่อว่ายังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ท่ามกลางความเสี่ยงจากรายได้และเงินออมที่เพิ่มช้ากว่าภาระหนี้ ในไตรมาสแรกหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.97 ล้านล้านบาท ในปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 77-78% ที่ไม่ได้มาจาการผิดนัดชำระ แต่มาจากหนี้นอกระบบ ที่เข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น และไทยยังมีดุลบัญชีเงินสะพัดอยู่ในระดับที่ดี และคงต้องรักษาระดับให้ดีอย่างต่อเนื่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ในระบบสินเชื่อรายย่อยของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 2%

“ปัจจัยการผิดนัดชำระมีด้วยกัน 3 ปัจจัย คือ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ภาคครัวเรือนมีการว่างงานค่อนข้างมาก และอัตราค่าครองชีพที่สูงกว่ารายได้ภาคครัวเรือน ซึ่งใน 3 ปัจจัยดังกล่าวตอนนี้ยังไม่พบปัญหา ถึงแม้หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสูงจะกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายภาคครัวเรือนจะปรับลดรายจ่ายให้เหลือแต่ความจำเป็นเพียงเท่านั้น”

ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตาม ได้แก่ ภาวะการชะลอตัวของการใช้จ่ายในภาคประชาชนภายหลังจากที่ภาระหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะลดลง และหากในอนาคตข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้ในระดับที่ต่ำกว่า 5% อาจทำให้ภาระหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 80% ต่อจีดีพีได้ ซึ่งจะกระทบต่อภาคการบริโภค การขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

ด้าน นายประสพสุข ดำรงชิตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บรษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศ การบริโภคที่ซบเซาลงหลังจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบต่อจีดีพีไทยให้ปรับลดลงราว 0.2% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงหลังจากเกิดความกังวลในความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อจีดีพีไทยให้ลดลงราว 0.2% และปัจจัยสุดท้ายคือโครงการลงทุนภาครัฐที่มีความล่าช้าจากปัญหาต่างๆ ส่งผลกระทบต่อจีดีพีไทยลดลงประมาณ 0.1%

ขณะที่แนวโน้มของภาคธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง ธุรกิจที่ยังน่าจะเติบโตได้ดี คือ โทรคมนาคม ท่องเที่ยว สุขภาพ และพลังงานทดแทน ธุรกิจที่มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกคือ สินค้าเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าส่งออก ธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจก่อสร้าง ส่วนธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ได้แก่ สินค้าบริโภค ธุรกิจค้าปลีก รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สำนักงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันเสาร์ ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.

tags : ธปท., แบงก์, ลูกค้า, ดอกเบี้ย, เงินกู้, ซื้อบ้าน

 

[/url]

 

นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันภาวะการแข่งขันการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น สถาบันการเงินพยายามจูงใจลูกค้าด้วยการเสนอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น การเสนออัตราดอกเบี้ย 0% หรืออัตราดอกเบี้ยต่ำในระยะแรกและเพิ่มสูงขึ้นในระยะต่อมา รวมทั้งอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน ค่าจดจำนอง ค่าเบี้ยประกันภัยที่อยู่อาศัย หรือค่าเบี้ยประกันชีวิตของลูกค้า เป็นต้น

ดังนั้น ลูกค้าอาจไม่ทราบแน่ชัดว่าตนเองมีภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องชำระจริงๆ รวมทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าใด หรือคิดเป็นอัตราร้อยละเท่าใดของยอดเงินต้นที่กู้ยืมมา

ธปท.ได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นที่ลูกค้าควรจะได้รับทราบเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาก่อนการตัดสินใจกู้ยืมเงิน จึงได้มีการประชุมหารือร่วมกันกับสมาคม

ธนาคารไทยและเห็นชอบร่วมกันที่สถาบันการเงินจะให้ความร่วมมือเปิดเผยข้อมูลให้ลูกค้าสามารถเข้าใจภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในรูปแบบที่ง่ายๆ โดยหากเป็นการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆซึ่งมีเวลาและเนื้อที่จำกัดนั้น ก็ขอให้มีการประชาสัมพันธ์ว่าดอกเบี้ยที่ลูกค้าต้องจ่ายจริงตลอดอายุสัญญาเงินกู้คิดเป็นอัตราร้อยละเท่าใดต่อปี

และเมื่อลูกค้าสนใจเข้ามาติดต่อขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ก็ต้องให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นในรูปแบบที่ง่ายๆ เช่นกัน โดยให้คำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นอัตราร้อยละต่อวงเงินสินเชื่อเพื่อให้ลูกค้านำไปพิจารณาต้นทุนที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดและหากมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มก็ขอให้สถาบันการเงินแจ้งและอธิบายลูกค้าให้ทราบด้วย เมื่อสถาบันการเงินทุกแห่งได้เปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายในรูปแบบเดียวกันแล้ว ลูกค้าก็จะเข้าใจและเปรียบเทียบกันได้ ทั้งนี้ ในส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่นอกเหนือจากดอกเบี้ย ธปท.ได้ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาด้วยความสมเหตุสมผล โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันเสาร์ ที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 08.09 น.

tags : พยากรณ์อากาศ, กรมอุตุนิยมวิทยา

 

[/url]

58698.jpg

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (6 ก.ค.56) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด แม่ฮ่องสอนเชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข้อมูลแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งหนุนดอลล์แข็งค่า

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2556 08:14:24 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย.สูงเกินคาด

เงินดอลลาร์แข็งค่า 1.09% เทียบเงินเยน ที่ 101.12 เยน จากระดับเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 100.03 เยน ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็แข็งค่า 0.74% เทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9633 ฟรังก์ จาก 0.9562 ฟรังก์emnb_1_370236.gif

เงินยูโรอ่อนลง 0.64% เทียบดอลลาร์ แตะ 1.2830 ดอลลาร์ จาก 1.2913 ดอลลาร์ ด้านเงินปอนด์ก็ลดลง 1.14% เทียบดอลลาร์ ที่ 1.4898 ดอลลาร์ จาก 1.5070 ดอลลาร์

เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.96% เทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9054 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.9142 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.56% เทียบดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 0.7709 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7831 ดอลลาร์สหรัฐ

เงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 165,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวในระดับเดิมที่ 7.6%

ข้อมูลแรงงานที่ดีเกินคาดจุดกระแสให้นักลงทุนเริ่มเกิดความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอโครงการซื้อพันธบัตรเร็วกว่าที่คาดการณ์ โดยนักวิเคราห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเฟดอาจเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนก.ย.นี้ แทนที่จะเป็นช่วงสิ้นปีอย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจชะลอโครงการซื้อพันธบัตรในช่วงปลายปีนี้ และอาจยุติโครงการดังกล่าวในช่วงกลางปี 2557 หากเศรษฐกิจยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข โทร.02-2535000 ต่อ 338 อีเมล์: preeyapan@infoquest.co.th--

ก+ Ctrl+

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 7 กรกฎาคม 2556 07:01

 

จ้างงานสหรัฐพุ่งตอกย้ำเฟดลดคิวอี

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_515676_1.jpg

 

การจ้างงานในสหรัฐ แข็งแกร่งเกินความคาดหมายเดือนมิถุนายน ตอกย้ำกระแส ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แบงก์ ออฟ เวสต์ ในซานฟรานซิสโก "นายสกอตต์ แอนเดอร์สัน" กล่าวว่า รายงานการจ้างงานดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานที่เฟดกำลังมองหาอยู่ เพื่อให้การตัดสินใจของธนาคาร ที่จะเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนถึงสิ้่นปีนี้ เป็นเรื่องชอบธรรม

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ แถลงว่า เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐมีการจ้างงานใหม่ 195,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 7.6% จากการที่คนเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีการปรับทบทวนตัวเลขสำหรับเดือนเมษายน และพฤษภาคม ที่แสดงให้เห็นถึงการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากรายงานที่ออกมาครั้งแรก 70,000 ตำแหน่ง อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่บนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้จะมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น รัฐบาลใช้จ่ายน้อยลง และสัญญาณซบเซาจากต่างประเทศ

ตัวเลขจ้างงานที่ออกมายังทำให้ราคาพันธบัตรสหรัฐร่วงลง และดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 2.74% จากการที่เทรดเดอร์ เริ่มรับความรู้สึกในเรื่องที่ว่า เฟดจะชะลอโครงการเข้าซื้อพันธบัตร เพื่อคุมต้นทุนการกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำ

ผลตอบแทนที่สูงขึ้นดังกล่าวยังช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี เมื่อเทียบกับตระกร้าเงินหลักๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ

:D ตู้เย็น คิดฮอดหลายเด้อ

 

970600_649151948446096_1411010367_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...