ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

OECD ชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยจากผลพวงของการขึ้นภาษี

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 18:45:00 น.

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากที่ได้มีการปรับขึ้นภาษีบริโภคเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2557 และ 2558 ลง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า OECD ได้ระบุในรายงานว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่า จะขยายตัว 0.4% ในปี 2557 และขยายตัว 0.8% ในปีหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ต่ำกว่าระดับที่ทำไว้เมื่อเดือนก.ย.ที่ 0.9% และ 1.1% ในแง่ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ได้มีการปรับทบทวนเงินเฟ้อแล้ว

รายงานนี้มีการเผยแพร่หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลง 1.6% ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส หลังจากที่เศรษฐกิจร่วงลง 7.3% ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2557

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 17 จุด ขณะที่การซื้อขายเบาบาง

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 19:18:15 น.

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 17 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 17,809 จุด ดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 2,069.4 จุด เมื่อเวลา 6.38 น. ตามเวลานิวยอร์ก ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเบาบางก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันของคุณพระเจ้า

หุ้นนูอันซ์ คอมมิวนิเคชันส์ ปรับตัวขึ้น 3.2% หลังเปิดเผยกำไรเหนือคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ร่วง 1.1% หลังจากที่บริษัทมอบหุ้นให้แก่ลิซา ซู ซีอีโอคนใหม่เพื่อจ่ายค่าตอบแทน ซึ่งมีนักลงทุนของบริษัทรายหนึ่งมองว่าเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์การให้ค่าตอบแทนผู้บริหาร

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดเล็กในตลาด ขณะที่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากตลาดจะปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าในวันพฤหัสบดีนี้

นักลงทุนจับตาประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาในไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 3 ประมาณการครั้งที่ 2 นี้ จะขยายตัวน้อยกว่าประมาณการในครั้งแรก

นอกจากนี้ Conference Board จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.ในเวลา 22.00 น. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 ปีในเดือนนี้

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร โทร.02-2535000 อีเมล์: jongdee@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

OECD ชี้เฟดควรชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากดอลล์แข็งค่ากระทบเศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 18:30:00 น.

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ชี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน หากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ OECD ยังได้แนะนำให้เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า พร้อมกับผลักดันให้ผู้บริหารระดับนโยบายมีความยืดหยุ่น หากเศรษฐกิจผันผวนอีกรอบ

OECD ไดึ้คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐไว้ที่ 3.1% ในปี 2558 และ 3% ในปี 2559

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

เงินบาทปิด 32.82/83 ทรงตัวจากตอนเช้า คาดรอดู GDP สหรัฐฯ คืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 17:41:49 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.82/83 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากตอนเช้า ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก ระหว่าง 32.81-32.84 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าตลาดยังรอดูตัวเลข GDP ของสหรัฐฯคืนนี้

"ลงไปแถว 32.81 ก็มีแรงซื้อ พอขึ้นไป 32.84 ก็มีแรงขาย"นักบริหารเงิน กล่าว

ดังนั้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 32.75-32.90 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.10 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้า

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2432 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2430 ดอลลาร์/ยูโร

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,596.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด, +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 64,281.85 ล้านบาท

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,800.73 ลบ.(SET+MAI)

- นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างประเทศ เป็นความหวังในเชิงบวก ด้านตลาดภูมิภาควันนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก รอการประชุมโอเปคที่มีผลต่อราคาน้ำมัน และคืนนี้รอการประกาศตัวเลข GDP สหรัฐงวดไตรมาส 3/57 ในรอบที่ 2 คาดเติบโต 3.3% พรุ่งนี้ตลาดฯยังมีลุ้นขึ้นได้จากโมเมนตัมระยะสั้นดี ให้แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,595-1,600 จุด

- นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่านับเป็นปัจจัยคุกคามที่สำคัญที่สุดต่อตลาดพันธบัตรเอเชีย รวมถึงเกาหลีใต้ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้ภาระหนี้สินในรูปสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศในเอเชียเพิ่มสูงขึ้น

- นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ในส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการร่วงลงอย่างหนักของเงินเยนเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ หลังจากที่ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในเดือนก่อนหน้า

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปิดทรงตัวที่ระดับ 11,100 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,202.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/กษมาพร โทร.02-2535000 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค้านดึงต่างด้าวเป็นนักบินไทย.... อ่านต่อได้ที่ : http://goo.gl/P1hNsg

 

 

ปปง.ชี้คดี'พงศ์พัฒน์'โยง'เสี่ยโจ้' คาดมีเอี่ยวโจรใต้

http://www.naewna.com/local/132588

 

===

FTA อาเซียน-จีน ทำไทยสูญส่งออกกว่า 117,954 ล้าน

เรื่องโดย Nation TV

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 18:38 น.553 views

 

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเปิดการค้าเสรีอาเซียน-จีน หรือ FTA โดยการเริ่มลดภาษีลงเหลือร้อยละ 0 จะส่งผลให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ 2558-2562 ไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดในจีน ลดลงเหลือร้อยละ 18.2 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 20.2 จากการที่ตลาดของประเทศในกลุ่ม CLMV จะขยายตัวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันไทยมีมูลค่าส่งออกไปตลาดจีนอันดับที่ 2 ของอาเซียน แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมีมูลค่าส่งออกเป็นอันดับที่ 4 รองจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นประเทศที่มีมูลค่าส่งออกไปตลาดจีนมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน ถัดมาคือ อินโดนีเซียเวียดนาม ตามลำดับ

===

กปปส.ยื่นข้อเสนอ กมธ.ยกร่างฯ

ถึงคิว กลุ่ม กปปส. เข้าเสนอความคิดเห็นต่อ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยข้อเสนอเน้นการถ่วงดุลอำนาจตุลาการ-นิติบัญญัติ และบริหาร ขจัดการผูกขาดอำนาจของส่วนราชการ ด้วยการกระจายอำนาจ พร้อมให้ยกเลิก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ...

NATIONTV.TV

กรมป่าไม้ใช้กม.ยึดทรัพย์รีสอร์ทรุกป่า

นครราชสีมา-อธิบดีกรมป่าไม้เตรียมใช้กฎหมายยึดทรัพย์ของปปง.รีสอร์ททั่วประเทศ นำร่องเชือด 44 แห่งที่วังน้ำเขียว

POSTTODAY.COM|BY THE POST PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED

ภาพเหตุการณ์รถยนต์ฮอนด้า ตกจากชั้น 3A อาคารจอดรถเดอะมอลล์ บางกะปิ

ขอบคุณภาพจาก twitter และทุกสำนักข่าว

10352265_638016822987331_1125949025185221786_n.jpg?oh=02671405edc1b4bef74087a9929cf027&oe=551D0CF3&__gda__=1427041583_5c975cb9e2efd9956c73c290f35f508b

 

1604473_638016942987319_4703409594606241386_n.jpg?oh=f2ba4f26271b5be4aea633c5c3234a05&oe=550DBECE

 

10245326_638016976320649_1942728908404097634_n.jpg?oh=3afe570925ebc4a19dd9fac25e4f5908&oe=55127DFC&__gda__=1423074966_dbb82a4cf224d12dd7df9f772a181770

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 07:00

 

อนุกมธ.คณะการคลังฯเล็งวางกรอบคุมประชานิยม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_619731_1.jpg

อนุกมธ.คณะการคลังฯ เล็งวางกรอบคุมประชานิยม พร้อมมอบดาบกกต.กลั่นกรองนโยบาย

แหล่งข่าวใน คณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ 4 การคลังและงบประมาณของรัฐ ที่มีนายจรัส สุวรรณมาลา เป็นประธาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมาธิการได้เริ่มลงในรายละเอียดว่ารัฐธรรมนูญฉบับจะต้องมีกลไกอะไรบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่กำหนดให้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญต้องครอบคลุมเรื่องการมีกลไกที่ประสิทธิภาพในการปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมยั่งยืน และป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินมีมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าควรมีกลไกเพื่อควบคุมการใช้งบประมาณแผ่นดิน 2 ประการ ประกอบด้วย 1.การควบคุมนโยบายประชานิยม จะมีการกำหนดให้พรรคการเมืองที่ลงรับสมัครเลือกตั้งจะต้องชี้แจงนโยบายของพรรคที่ใช้หาเสียงต่อประชาชนว่าแหล่งที่มาของงบประมาณสำหรับการดำเนินนโยบายจะมาจากที่ใด จัดแนวทางการประเมินความเสี่ยงในด้านการเงินการคลังหากนโยบายมีผลบังคับใช้ และควรกำหนดระยะเวลาในการใช้งบประมาณในนโยบายประชานิยม

อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมาธิการยังไม่ได้ข้อสรุปว่าควรกำหนดแนวทางอย่างละเอียดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือจะกำหนดเฉพาะหลักการเอาไว้ในรัฐธรรมนูญและให้นำรายละเอียดไปใส่ในกฎหมายลูกแทน และอาจให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้ทำหน้าที่กลั่นกรองนโยบายของพรรคการเมือง 2.จัดตั้งศาลวินัยการเงินการคลังหรือศาลบัญชี คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าควรมีการจัดตั้งศาลเพื่อทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกรณีที่ใช้จ่ายงบประมาณขัดหลักการวินัยการเงินการคลังที่ดี ซึ่งศาลดังกล่าวอาจจะอยู่เป็นแผนกหนึ่งในศาลยุติธรรมหรือศาลฎีกา โดยจะไม่มีอำนาจพิพากษาในคดีอาญาแต่มีหน้าที่วินิจฉัยอรรถคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่ขาดประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบและส่งเรื่องขึ้นสู่ศาล คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

Tags : อนุกมธ.คณะการคลังคุมประชานิยม

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวร่วงลง หลายประเทศเริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับช่วงขาลง

ใกล้ถึงวันประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปค 27 พ.ย.เข้ามาทุกทีราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ก็ยังคงปรับตัวร่วงลง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หลายประเทศเริ่มเตรียมพร้อมรับมือกับช่วงขาลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไปจนถึงปลายปีนี้ หากที่ประชุมโอเปค ตกลงไม่ลดกำลังการผลิต เริ่มจากรัสเซีย ที่เตรียมควบคุมการผลิตน้ำมัน หวังสร้างเสถียรภาพในตลาดโลก

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานรัสเซีย นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์รอสสิยา 24 ว่า รัฐบาลรัสเซีย มีแผนสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมันโลก ด้วยการควบคุมกำลังการผลิตไม่ให้เกิน 525 ล้านตันต่อปี

พร้อมทั้งบอกว่า สมาชิกโอเปคหลายราย มีกำลังการผลิตเกินโควตาอยู่แล้ว จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่กลุ่มโอเปคจะตกลงปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลงในการประชุมวันที่ 27 พ.ย.นี้ ซึ่งที่ผ่านมา สมาชิกกลุ่มโอเปค มีความเห็นต่อประเด็นลดหรือไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบแตกต่างกันไป

ประเด็นราคาน้ำมันตกต่ำ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัสเซีย ที่ปัจจุบัน นอกจากจะมีรายได้จากการขายน้ำมันลดลงแล้ว ยังเจอผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และสหรัฐเข้าไปด้วย จึงทำให้รายได้เข้าประเทศลดลงไปมาก

แม้แต่รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย นายแอนทัน ซิลัวนอฟ ยังยอมรับว่า มาตรการคว่ำบาตรของประเทศตะวันตก กรณีความขัดแย้งในยูเครน จะสร้างความสูญเสียให้แก่รัสเซียปีละประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น ราคาน้ำมันดิบที่ลดลง 30% ยังส่งผลกระทบต่อประเทศอีกปีละ 90,000-100,000 ล้านดอลลาร์

มาตรการคว่ำบาตรที่สหภาพยุโรป หรืออียู และสหรัฐ ใช้กับรัสเซียโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลกรุงมอสโก ไม่สามารถเข้าถึงตลาดทุนระหว่างประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีได้

แม้แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเอง ก็พูดเป็นนัยว่า รัสเซียอาจเผชิญผลพวงอันร้ายแรง จากมาตรการคว่ำบาตร ราคาน้ำมันตกต่ำ และเงินรูเบิลที่ดิ่งลง พร้อมทั้งบอกว่า สิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงประเทศอื่นด้วย

แต่ปัญหาราคาน้ำมันดิบโลกดิ่ง ก็สร้างความปวดหัวให้แก่รัฐบาลโอมานด้วยเหมือนกัน ล่าสุดทางการโอมาน เตรียมตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐ และบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษี หลังรายได้ของประเทศลดฮวบ เพราะราคาน้ำมันที่ตกต่ำในตลาดโลก

โฆษกสภาชูรา หรือสภาที่ปรึกษาด้านการบริหารราชการแผ่นดินของโอมาน ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจของโอมาน จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากผลพวงของราคาน้ำมันที่ตกต่ำในตลาดโลก หลังจากราคาน้ำมันดิบที่ตลาดเบรนต์ ปรับร่วงลงสู่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งที่เคยพุ่งสูงถึง 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่กระเตื้อง โอมาน อาจต้องพิจารณาจัดทำงบประมาณแผ่นดินแบบขาดดุลในปีหน้า แทนการใช้งบประมาณแบบเกินดุลอย่างในปัจจุบัน

การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง ทำให้โอมานสูญเสียรายได้ไปมากถึง 7,900 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 259,360 ล้านบาท รัฐบาลโอมานจึง จำเป็นต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อสร้างรายได้จากทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่รายได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่ในระยะสั้น ทางการโอมานอาจจะต้องทบทวนแผนจัดเก็บภาษีให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐลงอย่างมาก

Tags : ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก

 

 

'โฆสิต'ชี้หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อ คาดปีหน้าโต3-4% ธปท.เตือนภาคผลิตไทยตกกระแส เลิกหวังส่งออกโต2หลัก

หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลและภาคเอกชน ได้ตั้งความหวังว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาขยายตัวได้ตามปกติ หลังจากปีนี้ขยายตัวได้ต่ำกว่าประมาณการจากปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจโลก แต่นายธนาคารและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่าในปีหน้าอาจไม่สดใส เพราะมีหลายปัจจัยฉุดการขยายตัวเศรษฐกิจไทยต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ปาฐกถาพิเศษเรื่อง อุตสาหกรรมไทยภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" ในงานสัมมนาตามติดเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย ปี 2558 จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ปี 2558 ประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยโต 3-4% เนื่องจากเทียบกับฐานปีนี้ที่ขยายตัวได้ค่อนข้างต่ำ เพราะยังมีแรงกดดันจากผลพวงของนโยบายประชานิยมที่ทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นตัวฉุดกำลังซื้อในประเทศ จนเศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็น

"ฤทธิ์ของประชานิยมยังมีแรงกดดันสูงมาก ส่วนตัวจึงมองว่าปี 2558 ทั้งปีเศรษฐกิจไทยน่าจะไม่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่หวังว่าปี 2559 แรงกดดันจากประชานิยมจะอ่อนกำลังลง เพียงแต่เวลานี้ขออย่าให้มีการเติมประชานิยมที่ซ้ำเติมให้หนี้ครัวเรือนสูงเข้าไปอีก" นายโฆสิตกล่าว

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คงไม่เกิดประโยชน์ หากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงกับตลาดโลก หลังจากการส่งออกไทยติดลบสวนทางกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ ทำให้ไทยถดถอยจากประเทศที่เป็นฐานการผลิตเหลือเพียงประเทศหนึ่งในทางเลือกของนักลงทุนเป็นสัญญาณร้ายในอนาคต

"ภาคเอกชนต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า พัฒนาตลาดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน"

จี้เอกชนเร่งเพิ่มขีดแข่งขันรับเออีซี

สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ไปปี 2558 นั้น จะส่งผล 3 เรื่องที่สำคัญ คือ 1. อาเซียนจะเป็นแหล่งผลิตของโลก แต่ไทยมีความท้าทายคือ อดีตไทยเป็นเป้าหมายปลายทางรับการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ในอนาคตไทยจะเป็นเพียงตัวเลือกการลงทุนในอาเซียน และแม่เหล็กรับการลงทุนไปอยู่ที่อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

2. อาเซียนมีขนาดตลาดใหญ่ขึ้น เพราะมีประชากรรวมกันถึง 600 ล้านคน อุปสรรคทางภาษีหมดไปนานแล้ว แต่ที่ต้องจับตาคืออุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTB) ความท้าทายของธุรกิจไทยคือ เมื่อตลาดใหญ่ขึ้น ไทยจะแข่งขันได้ไหม ส่วนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยกับคู่แข่ง เพราะโครงสร้างพื้นฐานเป็นตัวเชื่อมระหว่างประเทศ เป็นของกลางที่ทุกประเทศในภูมิภาคได้ประโยชน์ทั้งหมด

ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงไม่ใช่แค่การออกไปหาตลาดเท่านั้น แต่จะต้องออกไปพัฒนาตลาด ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุน รักษาคุณภาพสินค้าและบริการ และผลิตสิ่งที่จะขายได้ราคาที่สูงขึ้น ไม่ใช่แข่งทำของราคาถูกเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ 3. ประชาคมอาเซียนจะสร้างโอกาสให้ออกไปลงทุนในภูมิภาคนี้ ให้อุตสาหกรรมไทยไปใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อนบ้าน ไปใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และสร้างซัพพลายเชน แม้ผู้ประกอบการไทยจะติดที่รักบ้านเมือง ไม่อยากออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ แต่โอกาสลงทุนในต่างประเทศจะช่วยลดแรงกดดันทั้งจากการขาดแคลนวัตถุดิบภายในประเทศ ค่าจ้างแรงงานที่สุด และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันจากที่เคยได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ยุโรป ที่กำลังจะหมดไป

ธปท.ชี้เลิกหวังส่งออกโต2หลัก

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าคงไม่สามารถกลับมาเติบโตในเลข 2 หลักได้อีกแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงสร้างการผลิตของไทยที่ไม่ตรงกับความต้องการของโลก

"แบงก์ชาติมองว่า ภาคการส่งออกไทยในระยะต่อไป การเติบโตคงทำได้เต็มที่เพียง 4-5% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ (New Normal) ของการส่งออกไทย"

อย่างไรก็ตามการจะผลักดันให้การส่งออกของไทยกลับมาเติบโตได้ในระดับเลข 2 หลักเหมือนอดีตนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตใหม่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของโลก และในเวลาเดียวกันถ้าราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกกลับมาดีขึ้น ก็อาจทำให้การส่งออกไทยพลิกกลับมาได้เช่นกัน

แบงก์ชาติประเมินว่า ระยะข้างหน้าการส่งออกของไทยคงเติบโตได้เต็มที่ 4-5% ซึ่งเป็น new normal เราในระยะต่อไป เว้นแต่ว่าเราจะมีการลงทุนยกระดับเทคโนโลยี ปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของโลก หรือราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น อย่างนี้ก็อาจทำให้การส่งออกของไทยกลับมาดีขึ้นได้”นายดอนกล่าว

ลุ้นเบิกจ่ายรัฐดึงศก.ไตรมาส4ฟื้น

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ธปท.ยังเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับศักยภาพที่ 4-5% หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเติบโตถือว่าต่ำกว่าระดับศักยภาพไทย อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า การส่งออกของไทยถือเป็นตัวที่ทำให้ระดับศักยภาพของไทยปรับลดลง

“เรายังมองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะเริ่มเห็นการกระชากขึ้นมาภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ก็ได้ ถ้าการเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐสามารถเร่งกลับขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเบิกจ่ายค่อนข้างต่ำกว่าที่เราคาดเอาไว้”นายดอนกล่าว

กนง.ห่วงการเติบโตเศรษฐกิจ

นายดอน กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ธปท. คาดหวังว่าภาครัฐจะสามารถเบิกจ่ายได้ประมาณ 91.4% ของวงเงินงบประมาณ แต่ปรากฏว่าทำได้จริงเพียง 89% เท่านั้น เพียงแต่เงินส่วนนี้ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในงบเบิกจ่าย ขอแค่มีการเร่งนำมาใช้ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นได้

สำหรับความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพการเงินในปีหน้านั้น ทางธปท.ยอมรับว่ายังมีความเป็นห่วงและติดตามดูในเรื่องนี้อยู่ แต่อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ผ่านมา ได้ให้น้ำหนักกับความเสี่ยงในเรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มากกว่าความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงิน

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีความหวังที่เศรษฐกิจจะเติบโตได้มากกว่า 1% ซึ่งถ้าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับดังกล่าว การเติบโตของเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 4 ของปีจะต้องขยายตัวไม่น้อยกว่า 3.3-3.5% ซึ่งถือว่ายังมีโอกาสถ้าภาครัฐสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้

รัฐเล็งเพิ่มสัดส่วนงบลงทุน

ด้านนายภาษี' class='anchor-link' target='_blank'>สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการเปิดงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี "SET in the City กรุงเทพมหานคร 2014" วานนี้(20 พ.ย.) ว่ารัฐบาลได้ปรับปรุงโครงสร้างภาษีต่างๆ ทั้งกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร รวมถึง การปรับเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของกรมจัดเก็บ จะทำให้ยอดการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีกมาก

“การที่ทำเรื่องเหล่านี้ ก็มองว่า ในงบประมาณปี 2559 คงจะมีรายได้จากภาษีเพิ่มมากพอควร และ ถ้าตั้งใจทำต่อไป ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้อีกในปี 2560 ฉะนั้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลก็จะสามารถเพิ่มวงเงินงบประมาณได้มากพอควร และ อย่าตกใจถ้างบประมาณจะสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 18%”นายสมหมายกล่าว

สำหรับการลงทุนภาครัฐนั้น นายสมหมายกล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามเพิ่มวงเงินลงทุนในงบประมาณให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำที่ 5.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด ซึ่งถือว่า อยู่ในระดับต่ำ

หาช่องใช้ประโยชน์ทุนสำรอง

นายสมหมาย กล่าวว่ารัฐบาลจะพยายามใช้ประโยชน์จากทุนสำรองระหว่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะดำเนินการผ่านการนำเงินตราต่างประเทศไปซื้อสินค้าในต่างประเทศ

“ประเทศเรามีความมั่นคงในด้านทุนสำรองระหว่างประเทศมากเกินไป รัฐบาลที่แล้วพยายามใช้เงินไปลงทุน แต่รัฐบาลนี้ ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราก็จะมีวิธีใช้เงินทุนสำรอง ผ่านการลงทุน ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีมาก และไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย”เขากล่าว

ธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) รายงานว่าเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 7 พ.ย. 2557 อยู่ที่ 1.59 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.25 ล้านล้านบาท

ดึงกลับร่างแก้ไขกฎหมายตลาดทุน

ด้านการส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น เขากล่าวว่า การพัฒนาตลาดทุนให้มีความก้าวหน้าถือเป็นเรื่องที่ดี แต่จะให้เติบโตอย่างรวดเร็วคงเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง คิดว่า การใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นเรื่องสำคัญ แต่การเสริมให้มีความเข้มแข็งและทำให้มีบริษัทจดทะเบียนใหม่เข้ามา มีปัจจัยอยู่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องของกฎหมายที่ต้องมีการปรับปรุงรองรับ

ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายกำกับดูแลตลาดทุนนั้น ขณะนี้ อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้หารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังว่า จะขอนำกลับมาพิจารณาในรายละเอียด เพราะเห็นว่ามีบางเรื่องที่ต้องเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเปิดตลาดให้กว้างเพื่อรองรับการลงทุนข้ามดินแดนถือเป็นเรื่องสำคัญ

เล็งต่ออายุมาตรการภาษีแอลทีเอฟ

ส่วนแนวนโยบายเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการทางภาษีให้กับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งจะหมดอายุในสิ้นปี 2559 นั้น เขากล่าวว่า จะสามารถได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะไปในทิศทางใดในเดือนมีนาคม 2558 ซึ่งจะต้องพิจารณาในรายละเอียดของหลักการและเหตุผล แต่เบื้องต้น ตนมองว่า ควรจะต้องต่ออายุมาตรการนี้ แต่ตอนนี้ยังให้รายละเอียดไม่ได้

"เรากำลังดูว่าจะต่ออายุหรือไม่ เพราะอะไร ทำไม หรือจะไม่ต่อทำไม หรือจะปรับปรุงเพราะเหตุใด แต่ตอนนี้ยังไม่ขอตอบอะไรมาก ซึ่งจะมีความชัดเจนได้ในเดือนมีนาคม 2558"นายสมหมาย กล่าว

Tags : โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ธนาคารกรุงเทพ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อนค่า หนุนทองคำปิดบวก 1.4 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 07:29:46 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,197.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 17.7 เซนต์ ปิดที่ 16.553 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 17 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,224.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 795.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นขานรับสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดลงแตะที่ระดับ 88.7 จากระดับ 94.1 ในเดือนต.ค. และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 96

ขณะที่ดัชนีราคาบ้าน 20 เมืองในเดือนก.ย. ปรับตัวขึ้น 4.9% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 หรือในรอบกว่า 2 ปี หลังจากที่ขยายตัว 5.6% ในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า จีนมียอดนำเข้าทองคำจากฮ่องกงเพิ่มขึ้นแตะระดับ 77.628 ตันในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 68.641 ตัน

นักลงทุนจับตาดูการลงประชามติของชาวสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อลงความเห็นว่าควรจะให้ธนาคารกลางสวิสปรับเพิ่มปริมาณทองคำในทุนสำรองหรือไม่

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบยูโร,เยน หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 07:15:27 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงในเดือนพ.ย.

ยูโรแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2470 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2437 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 117.94 เยน เทียบกับระดับ 118.29 เยน

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยเอกชน เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดลงแตะที่ 88.7 จากระดับ 94.1 ในเดือนต.ค. และสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 96 เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองบวกลดน้อยลงเกี่ยวกับภาวะธุรกิจและตลาดแรงงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้

ขณะเดียวกัน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้าน 20 เมืองในเดือนก.ย. ปรับตัวขึ้น 4.9% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2555 หรือในรอบกว่า 2 ปี หลังจากที่ขยายตัว 5.6% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ แนวโน้มราคาบ้านโดยรวมยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยราคาบ้านที่ชะลอตัวลงนั้นเป็นผลมาจากความต้องการซื้อบ้านที่ซบเซา ขณะที่อุปทานบ้านในตลาดปรับตัวสูงขึ้น

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

  • สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เผยราคาบ้านสหรัฐชะลอตัวต่อเนื่องในเดือนก.ย.
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงแตะ 88.7 ในเดือนพ.ย. สวนทางคาดการณ์
  • (เพิ่มเติม) สหรัฐเผย GDP ไตรมาส 3/57 ขยายตัว 3.9% เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในรายงานเบื้องต้น
  • ยูโรสแตทเผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอียูร่วงลงอย่างหนักใน Q3/57
  • ยูเครน-รัสเซียบรรลุข้อตกลงการจัดส่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในปี 58-59

  • 07:21 รายงานหุ้นถูกชอร์ตเซล ประจำวันที่ 25 พ.ย. 2557 หลักทรัพย์ ปริมาณหุ้นที่ มูลค่าการ %ปริมาณการขายชอร์ต ขายซอร์ต ขายชอร์ต เทียบกับปริมาณการซื้อข…
     
    ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.69 ดอลล์ ตลาดจับตาการประชุมโอเปค




    ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 07:11:15 น.
    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย และจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันพฤหัสบดีนี้อย่างใกล้ชิด
    สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
    สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.33 ดอลลาร์/บาร์เรล




    ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก จะประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงเวียนา ประเทศออสเตรีย เพื่อประเมินว่าควรจะปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก ในขณะที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
    นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่ว่าโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิตลงหรือไม่นั้น ได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ สมาชิกกลุ่มโอเปคยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมัน โดยเวเนซูเอล่าและอิหร่านต่างก็ส่งสัญญาณว่าโอเปคควรจะปรับลดการผลิต ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปคนั้น สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แทนการปรับลดการผลิต
    นักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถสกัดการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคยังตรึงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตลงเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงอีก
    มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปคจะปรับลดเพดานการผลิต ขณะที่บีเอ็นพี พาริบาส์คาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะลดเพดานการผลิตลงราว 1-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
    นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 381.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 780,000 บาร์เรล

    อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--



แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 2.96 จุด หลังข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 06:32:54 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาบ้านในสหรัฐก็ชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 3

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,814.94 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,758.25 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,067.03 จุด ลดลง 2.38 จุด หรือ -0.12%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดดีดตัวขึ้น ขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า จีดีพีของสหรัฐขยายตัว 3.9% ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2557 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนขึ้นจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 3.5% และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการบริโภคส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ติดตามสำรวจราคา เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนส.ค. บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยเอกชน เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงแตะ 88.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 94.1 ในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะปรับตัวขึ้นแตะ 96 จากระดับ 94.5 ของเดือนต.ค.ในรายงานเบื้องต้น

หุ้นแอปเปิล อิงค์ ขยับลง 0.9% อย่างไรก็ตาม มูลค่าทางตลาดของแอปเปิลปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 7 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกและสูงกว่าบริษัทอื่นๆในสหรัฐ

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 1% ขณะที่หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.2%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลาออก

 

 

นายชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ วัย 68 ปียื่นใบลาออกเมื่อวันจันทร์ หลังถูกกดดันจากความวิตกของทำเนียบขาว เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงานของเขาและเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางเรื่องการจัดการกับวิกฤติตะวันออกกลางของรัฐบาล

 

NATIONTV.TV

เจอ"ซีเซ่"หนีตรวจอีโบล่า

 

http://goo.gl/5HqNHX

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

เงินบาทเปิด 32.78/80 แข็งค่าตามสกุลภูมิภาค มองกรอบ 32.70-32.80

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 09:22:06 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.78/80 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.82/83 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง หลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ลดลงแตะที่ 88.7 จากระดับ 94.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะปรับเพิ่มขึ้น

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า แต่คงเคลื่อนไหวไม่มากนัก มองกรอบไว้ที่ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.75 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 118.10 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2471 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2432 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8200 บาท/ดอลลาร์

- ธุรกิจตั้งใหม่เดือน ต.ค. 5,384 ราย เพิ่มขึ้น 2% ทุนจดทะเบียนกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่วนธุรกิจเจ๊ง 1,641 ราย เพิ่มขึ้น 4% มั่นใจยอดทั้งปีทำได้ทะลุ 6-6.2 หมื่นราย หลัง 10 เดือนทำได้แล้ว 5.17 หมื่นราย เหตุได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล

- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ 21 พ.ย. 2557 มีการเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวม 2.57 ล้านล้านบาท แต่เบิกจ่ายได้จริงเพียง 5.02 แสนล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าเป้า 1.11 แสนล้านบาท หรือ 18.23%

- หอค้าไทยพยากรณ์หลังเปิดเออีซี 5 ปีข้างหน้า ไทยเสียประโยชน์การส่งออกเข้าตลาดจีน เจอเพื่อนบ้านไล่บี้ชิงยอดนำเข้าและส่วนแบ่งตลาด สิ่นปี 2562 ไทยสูญเงิน 1.17 แสนล้านบาท แชร์ตลาดตกอันดับจาก 2 ไป 4 ระบุข้าว-เครื่องใช้ไฟฟ้า-สิ่งทอเครื่องนุ่งห่มกระทบหนักสุด

- "แบงก์ชาติ" เล็งถก "รมว.คลัง-ปรีดิยาธร" หาแนวทางรับมือผลกระทบ กฎหมายลดภาระผู้ค้ำประกัน เผยอยู่ระหว่างรอธนาคารพาณิชย์รวบรวมผลกระทบ ระบุ ช่วงพิจารณากฎหมายในสนช. ทาง "แบงก์ชาติ" ไม่ได้มีส่วนร่วมให้ความเห็น ขณะที่สมาคมแบงก์นัดถกประเด็นปัญหาวันนี้ ด้านไทยพาณิชย์ มองธุรกิจเอสเอ็มอี โดนผลกระทบโดยตรง

- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาแตะที่ 88.7 ในเดือนพ.ย. โดยปรับตัวลงจาก 94.1 ในเดือนต.ค. เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองบวกลดน้อยลงเกี่ยวกับภาวะธุรกิจและตลาดแรงงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพ.ย.สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 96

- องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ(OECD) ชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากที่ได้มีการปรับขึ้นภาษีบริโภคเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2557ลงเหลือ 0.4% และในปี 2558 เหลือ 0.8% โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่น ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 3/57 หดตัวลง 1.6% ซึ่งถือเป็นการหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส

- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป(ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของอียูในไตรมาส 3 ของปีนี้ อยู่ที่ 7.8 พันล้านยูโร (ประมาณ 9.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งร่วงลงอย่างมากจากระดับ 2.12 หมื่นล้านยูโรในไตรมาส 2

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

ตรวจที่ดิน537รายแนวเวนคืน สร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 09:00:00 น.

26 พ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งให้ รฟม. สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจสอบสภาพและวางแผนออกแบบกิจการขนส่ง ตามพ.ร.ฎ.กำหนดที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และพ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ในบริเวณที่ที่จะดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 4 สายทาง ปรากฏว่า สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ระยะทาง 19 กม. มี 16 สถานี ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 52,972 ล้านบาท โดยเบื้องต้นได้ตั้งงบเวนคืนไว้ที่ 7,863 ล้านบาท มีผู้ถูกเวนคืน 262 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 275 หลัง

จุดเวนคืนจะเป็นจุดขึ้น-ลงสถานีและศูนย์ซ่อมบำรุง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จะเชื่อมบีทีเอสที่หมอชิต ไปตามแนว ถ.พหลโยธิน ข้ามดอนเมืองโทลล์เวย์ ผ่านห้าแยกลาดพร้าว-รัชโยธิน-เกษตร-อนุสาวรีย์วงเวียนหลักสี่-หน้าตลาดยิ่งเจริญ จนถึง กม.ที่ 25 เบี่ยงเข้า ถ.ลำลูกกา ผ่านสถานีตำรวจคูคต สิ้นสุดที่คลอง 2 มีอาคารจอดแล้ว 2 แห่ง และศูนย์ซ่อมบำรุง 130 ไร่

สำหรับ 16 สถานี ได้แก่ ห้าแยกลาดพร้าว , พหลโยธิน 24 , รัชโยธิน , เสนานิคม , ม.เกษตรศาสตร์ , กรมป่าไม้ , บางบัว , กรมทหารราบที่ 11 , วัดพระศรีมหาธาตุ , อนุสาวรีย์หลักสี่ , สายหยุด , สะพานใหม่ , โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช , พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ , สถานี กม.25 และสิ้นสุดที่ สถานีคูคต

09:47 ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงขายทำกำไร ฉุดนิกเกอิปิดเช้าลบ 12.91 จุด ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไ…

09:39 JMT ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ"อยุธยาฯออโต้ ลีส"มูลค่า 3,369 ลบ. นายสุพจน์ วรรณา เลขานุการบริษัท บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) แจ้งว่า เ…

09:38 (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นตามภูมิภาคหลัง GDP สหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการ…

09:32 ราคาทองคำแท่งวันนี้บาทละ 18,650.00 บาท ของสมาคมค้าทองคำ ซื้อ (บาท) ขาย (บาท) ทองคำแท่ง 18,550.00 18,650.00 ทองรูปพรรณ 18,282.96 19,050.00 …

09:30 กลยุทธ์การลงทุนรอบเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 โบรกเกอร์ แนวรับ แนวต้าน กลยุทธ์ จากบทวิเคราะห์ AECS 1,585 1,605 ยังคงเน้นเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกล…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 10:47:36 น.

กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--MTS Gold Group

ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,198 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,200เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.82 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,550บาท กับ 18,650บาท และกลับมาปิดที่ 18,550 บาท กับ 18,650 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 663 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 3,302 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.2 % แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 4.9% GFZ14 ปิด 18,740 บาท และ GFG14 ปิด 18,800 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,750 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,810 บาท

สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,197.1 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.69ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 74.09 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.91 ตัน (คงทองเท่าเดิม)

ข่าวที่สำคัญ

-เมื่อคืนนี้ ตลาดทองคำปิด +0.12% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงน้อยกว่าคาด

-นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส กล่าวว่า ทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบจำกัด โดยยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน หลังจากสัญญา Gold Option ส่งมอบเดือนธันวาคมในตลาด COMEX ได้หมดอายุลง ขณะที่วันพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดทำการของสหรัฐฯในวันThanksgiving ทางด้านผลการลงประชามติของชาวสวิสฯจะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์นี้

-นักวิเคราะห์จาก HSBC คาดการณ์ว่า หากประชามติส่วนใหญ่ของสวิสฯ เลือกโหวต “Yes” ก็จะสนับสนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นได้กว่า 50 เหรียญ หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำในรอบ 4 ปีครึ่ง และอาจส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว แต่หากผลโหวตออกมาเป็น “No” เช่นเดียวกับผลสำรวจ อาจส่งผลให้ราคาทองคำค่อยๆปรับตัวลดลง และจะช่วยยืนยันแนวโน้มขาลงของทองคำอีกครั้ง

-เทรดเดอร์และนักลงทุนยังคงรอคอยผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในค่ำคืน-นี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะออกมาดีขึ้น และอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและกดดันราคาทองคำอีกครั้ง รวมถึงอาจสนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์

-ปริมาณการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 77.628 ตัน จากเดิม 68.641 ตันในเดือนก่อนหน้า

-ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2470 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2437 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 87.857 จากเดิมที่เป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 88.388 เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลง

-ขณะที่เงินเยนแข็งค่าลงสู่ระดับ 117.94 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 118.29 เยน/ดอลลาร์

-อย่างไรก็ดี นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ แสดงความกังวลกับการอ่อนค่าของเงินเยน หลังบีโอเจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุด โดยระบุว่า บีโอเจจะจับตาไปยังค่าเงินเยนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจด้านลบ เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลต่อกลุ่มบริษัทขนาดเล็กและภาคครัวเรือน

-การประกาศ จีดีพีขั้นต้นครั้งที่ 2 ประจำไตรมาสที่ 3/2014 ของสหรัฐฯ พบว่ามีการขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% จากประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 3.5% เพราะได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการบริโภคส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ

-ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 88.7 จากเดิม 94.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกต่อภาคธุรกิจและตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคตลดลง

-นอกจากนี้ ดัชนีราคาบ้าน 20 เขตในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนกันยายน จากเดิม 5.6% ในเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยมียังคงชะลอตัว เนื่องจากปริมาณความต้องการซื้อบ้านลดลง แต่อุปทานบ้านในตลาดเพิ่มสูงขึ้น

-OECD ระบุว่า เฟดควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้นเฟดจึงควรมีนโยบายที่ยืดหยุ่น เพื่อรับมือหากเศรษฐกิจเกิดความผันผวนอีกครั้ง

-นอกจากนี้ OECD ปรับลดคาดการณ์จีดีพีญี่ปุ่นในปีนี้ลง 0.4% และปีหน้า 0.8% หลังจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภค ขณะที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในระดับปานกลางประมาณ 2 ปี ที่ระดับ 3.3-3.9% โดยอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงของตลาดการเงินที่ผันผวน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางของยูโรโซน

-ทั้งนี้ OECD ระบุว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนกำลังเข้าสู่ภาวะชะงักงัน จึงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวและระบบทางการเงินของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีอัตราว่างงานในระดับสูง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมาย ซึ่งอีซีบีควรยังคงเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

-นักวิเคราะห์ คาดว่า ธนาคารกลางจีนอาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะส่งผลเชิงบวกต่อสภาพเศรษฐกิจจีน

-ราคาน้ำมันดิบ ยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันพรุ่งนี้ หลังจากสมาชิกในกลุ่มยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องเพดานการผลิตน้ำมัน ซึ่งเวเนซูเอล่าและอิหร่าน แสดงความคิดเห็นในเชิงการปรับลดการผลิต ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดแทนการปรับลดการผลิต

-นักวิเคราะห์ ประเมินว่า ผลการประชุมวันพรุ่งนี้ โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถยับยั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตเพียงเล็กน้อย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงลง

-เมื่อวานนี้ ยูเครนและรัสเซีย บรรลุข้อตกลงว่าด้วยการจัดส่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับเตาปฏิกรณ์ของยูเครนในอีก 2 ปีข้างหน้า

-รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ในปีนี้ 2015 เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะสามารถขยายตัวได้แตะระดับ 5.8% จากแผนการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการเติบโต รวมถึงการประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงที่ผ่านมา

-เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ แกว่งตัวผันผวน โดยในช่วงแรกดีดขึ้นจากข้อมูลจีดีพีที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ก่อนจะปิดตลาด -0.02% หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวลง รวมถึงราคาบ้านที่ชะลอตัวลงเช่นกัน

-เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาด -0.34% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้

-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ในวันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-32.90 บาท/ดอลลาร์

-ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์จาก ADB เปิดเผยว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นปัจจัยคุกคามที่สำคัญที่สุดต่อตลาดพันธบัตรเอเชีย รวมถึงเกาหลีใต้ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้ภาระหนี้สินในรูปสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศในเอเชียเพิ่มสูงขึ้น

-ที่ปรึกษาด้านการลงทุน ของ BOI กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด BOI อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย 23 โครงการ รวมเป็นวงเงินลงทุนจำนวน 79,217.2 ล้านบาท

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนนี้

-Prelim GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 3.5 % ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.9%

-CB Consumer Confidence ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 94.1 ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 88.7

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

- Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.5%

- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 291K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 287K

- Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 0.1%

- Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.1%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ-0.4%

- Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.4%

- Chicago PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 66.2 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 63.1

- Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 89.4 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 90.2

- New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 467K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 471K

- Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.9%

ทิศทางราคาทองคำ

ตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,190-1,205 เหรียญ แม้ว่าจะมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ ประมาณการณ์ GDP ขั้นต้นครั้งที่ 2 ประจำไตรมาส 3/2014 ออกมาดีขึ้น ขณะที่นักลงทุนทั่วไปยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์ที่ดูจะแข็งค่ามากเกินไป ทำให้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลง เนื่องจากประชาชนทั่วไปยังไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ทองคำมีความผันผวนปรับตัวลงบ้าง และกลับมาปิดใกล้บริเวณ 1,200 เหรียญได้เช่นเดิม โดยปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,197 เหรียญ วันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว ซึ่งภาพรวมคาดการณ์จะออกมาดี ทางด้าน SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 720.91 ตัน

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ภาพกราฟทองคำระยะสั้นดูจะมีความผันผวนแบบไร้ทิศทาง โดยกราฟราย 4 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง เริ่มจะเห็นสภาวะ Divergence ใน MACD และ RSI บ่งบอกว่าการขึ้นของราคาบริเวณ 1,200 เหรียญนั้นไม่ได้มีปริมาณแรงซื้อสนับสนุน และ Momentum ไม่ได้ขึ้นตาม โดยภาพรวมทางเทคนิคคาดว่าราคาน่าจะปรับตัวลดลงมากกว่า เนื่องจากเกิดภาวะ Divergence ในหลายๆ Sector ของ Time Frame อย่างไรก็ดี จะเห็นแรงซื้อกลับอยู่เสมอเมื่อราคาปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการบริหารพอร์ตมากขึ้น และทำกำไรในระยะสั้นมากขึ้น เนื่องจากมีรายใหญ่คอยเข้ารับซื้ออยู่ตลอดเมื่อราคาปรับตัวลดลง วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,185 – 1,205 เหรียญ โดยเป็นกรอบที่กว้างขึ้นเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมา สำหรับพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสหรัฐฯในวัน Thanksgiving จึงคาดว่าจะมีการปิดสถานะต่างๆ รวมถึง Gold Option ที่ได้หมดอายุไปแล้ว ฉะนั้นคืนนี้อาจเกิดความผันผวนของราคาทองคำในระดับหนึ่ง

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ยังเป็นลักษณะการลงทุนในทิศทางขาลงในระยะยาว และยังเป็นลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบเมื่อมีการแกว่งตัว เน้นทำกำไรระยะสั้นบริเวณ 1,185-1,205 เหรียญ

- นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position

เน้นทำกำไรในระยะสั้น ตามการแกว่งตัวในกรอบ 1,185-1,205 เหรียญ

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ยังแนะนำให้เก็งกำไรในทิศทางขาลง

Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,620 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,820 บาท

Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,680 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,880 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ด่วน! คุมตัวผู้นำนักศึกษาฮ่องกงแล้ว

http://goo.gl/j1DsHN

 

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 โดย YLG

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557 18:28:45 น.

กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,197.00-1,202.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ14 อยู่ที่ 18,710 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,760 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.40 น. ของวันที่ 26/11/14)

แนวโน้มวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จาก 3.5% ในเดือนที่แล้วได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้ในไตรมาส 3 ข้อมูลดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อทองคำในตลาดปัจจุบัน ซึ่งแสดงถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง โดยสำนักงานสำมะโนประชากรและสถิติของฮ่องกงเปิดเผยว่า การนำเข้าทองคำ ทั้งหมดจากฮ่องกงสู่จีนพุ่งขึ้นสู่ 111.409 ตันในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นจากระดับ 91.745 ตันในเดือนกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 77.628 ตัน ทั้งนี้นักลงทุนในตลาดทองคำยังคงมีความคาดหวังว่าทางการจีนอาจจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งนี้ ท่าทีของทางการจีนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น เมื่อธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีเพื่อช่วยทำให้เศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพ ขณะที่กรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน ได้เปิดเผยว่า ยังคงจับตาการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 4 และนโยบายการเงินของสหรัฐและญี่ปุ่นก่อนที่จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งนี้จีนเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับต้นๆของโลกและหากเศรษฐกิจของจีนขยายตัวแข็งแกร่งก็จะสร้าวมุมมองเชิงบวกกับทิศทางราคาทองคำให้บวกตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในระยะสั้น เนื่องจากตลาดเงิน ตลาดทุนของสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์อาจทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้าง เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,190-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะค่อยๆขยับขึ้นในลักษณะ Sideway เพื่อพยายามสร้างฐานราคาให่มั่นคง อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วน แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไป

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,190 (18,440บาท) 1,182 (18,320บาท) 1,175 (18,210บาท)

แนวต้าน 1,207 (18,700บาท) 1,216 (18,910บาท) 1,230 (19,070บาท)

GOLD FUTURES (GFZ14)

แนวรับ 1,190 (18,600บาท) 1,182 (18,480บาท) 1,175 (18,370บาท)

แนวต้าน 1,207 (18,870บาท) 1,216 (19,070บาท) 1,230 (19,230บาท)

 

18:24 โพลล์ชี้บริษัทญี่ปุ่นเกือบ 50% ไดี้รับผลกระทบจากเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ผลการสำรวจความคิดเห็นของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นชี้ว่า บริษัทที่ตอบร…

18:20 แบงก์ชาติอินโดฯปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้เป็น 7.7-8.1% หลังขึ้นราคาน้ำมัน นายอากัส มาร์โทวาร์โดโจ ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดการณ์…

18:12 แบงก์ชาติจีนเพิ่มกฎระเบียบใหม่ 2 ข้อสำหรับธุรกิจจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ 2 ข้อสำหรับบริษัทจัดอ…

18:10 รมว.พณ.เผยแก้ กม.ต่างด้าวยังไร้ข้อสรุป คาดได้ข้อยุติ ธ.ค.ก่อนเสนอ ครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการชี้แจงสถานทูตและหอ…

18:04 ตร.จับเพิ่มเครือข่าย"พงศ์พัฒน์"อีก 5 คนแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหาประโยชน์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...