ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

มติ ตุลาการ ศาลปกครอง ทั่วประเทศ! เอกฉันท์ ไม่เห็นด้วย ร่างรธน. กำหนดให้การบังคับตามคำสั่ง

และคำพิพากษา ศาลปกครอง ไปสังกัดศาลยุติธรรม

ดังนี้ ...

https://patnews.wordpress.com/…/03/29/มติ-ตุลาการศาลปกครอง…/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11091331_959676710732659_3619486041707185751_n.jpg?oh=a195b463ffe5505b3063982acea4cddb&oe=5571D0E1&__gda__=1436491865_78591aab3e19e9a777ea5fdfd0e2b1d5

10451177_959676734065990_2307596491369725877_n.jpg?oh=9bda064687504ccc1825d91121a2708c&oe=55B9365E

10463941_959676737399323_4300685300589926859_n.jpg?oh=93a6322c6f6f4913a416be91842ccf52&oe=55ACE6D2&__gda__=1433823323_50d8f6f1348a157f1fcca0f939033390

22195_959676714065992_733788157034520273_n.jpg?oh=381c2e5ceb95b4d78a1c12bc8d9fbaba&oe=55BDF03E

18586_959676744065989_6874436933881950464_n.jpg?oh=98a9ef69078af44b3dab789bd16b3622&oe=55AB0828

The Thai Red Cross Society added 12 new photos.

 

 

ปิดการจราจรชม“ประกวดขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ” งานกาชาดประจำปี 2558

สภากาชาดไทย ปิดถนนย้อนประวัติศาสตร์ 90 ปี งานกาชาดจัดประกวดขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ ในงานกาชาดประจำปี 2558 ภายใต้แนวคิด “ถวายพระพร องค์อุปนายิกา 60 พรรษา ปวงประชาสุขใจ” ณ บริเวณสวนอัมพร ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามหน้าที่ทำการสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยา และถนนราชดำเนินนอก ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2558 โดยในวันที่ 30 มีนาคม 2558 ซึ่งเป็นวันเปิดงานกาชาดประจำปี 2558 เชิญชวนประชาชนชมขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ยิ่งใหญ่ ตระการตาและหาชมได้ยาก

ในการนี้สภากาชาดไทยได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานกาชาดประจำปี 2558 ทอดพระเนตรขบวนแห่รถ เฉลิมพระเกียรติฯ และเสด็จฯ เยี่ยมร้านต่าง ๆ ภายในงานในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 เวลา 17.00 น.

โดยขบวนแห่รถจะเริ่มเคลื่อนขบวนจากถนนราชดำเนินนอก และเคลื่อนขบวนต่อไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านพลับพลาที่ประทับ แล้วเคลื่อนขบวนรถทางด้านขวาผ่านสวนสัตว์ดุสิต และกลับไปยังจุดจอดรถ ณ ถนนราชดำเนินดังเดิม ซึ่งมีหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ รวมทั้งสิ้น 16 ขบวน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทยและสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กรุงเทพมหานคร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย การประปานครหลวง กระทรวงอุตสาหกรรม กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กองทัพเรือ กระทรวงศึกษาธิการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภากาชาดไทย โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจัดการจราจรในงานกาชาดจะทำการปิดการจราจรในเวลา 14.00 น. โดยห้ามรถทุกชนิดสัญจรถนนอู่ทองใน ถึงบริเวณลานพระราชวังดุสิต ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกถนนพระรามที่ 5 ตั้งแต่เบญจมบพิตร ถึงถนนราชสีมา บริเวณ แยกพล 1 ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่บริเวณพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 แยกอยุธยา ถึงถนนพิษณุโลก บริเวณแยกสวนมิสกวัน และบริเวณลานพระราชวังดุสิต

สภากาชาดไทยจึงขอเชิญชวนเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2558 และร่วมชมขบวนแห่รถเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 โดยงานกาชาดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2558 ณ บริเวณสวนอัมพร ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามหน้าที่ทำการสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยาและถนนราชดำเนินนอก ในวันธรรมดาจะเริ่มงานตั้งแต่เวลา 14.00 – 23.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เริ่มงานเวลา 10.00 – 23.00 น. บัตรเข้าชมงานจำหน่ายในราคา 20 บาท รายได้เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กรีซกลับลำจ่อขายหุ้นท่าเรือพิเรอุส

สำนักข่าวซินหัวรายงานข่าว รองนายกฯ กรีซเผย รัฐบาลเตรียมขายหุ้นใหญ่ในท่าเรือพิเรอุส

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างคำพูดรองนายกรัฐมนตรีกรีซที่กำลังเยือนจีนว่า รัฐบาลกรีซเตรียมขายหุ้นใหญ่ในท่าเรือพิเรอุสเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนท่าที่ของรัฐบาลฝ่ายซ้ายหลังพยายามหาเงินช่วยเหลือจากเจ้าหนี้หลายราย

รายงานข่าวจากซินหัวเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เกิดขึ้นหลังจากกรีซส่งแผนการปฏิรูปชุดใหม่ให้กับสหภาพยุโรป หรืออียู และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เมื่อวันศุกร์ (27 มี.ค.) เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า รองนายกรัฐมนตรียานนิส ดรากาซาคิส ของกรีซกล่าวว่า บริษัทคอสโกของจีนและผู้ยื่นประมูลรายอื่น ๆ สามารถยื่นประมูลได้ และข้อตกลงจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ต้องล่าช้าไปเล็กน้อย เนื่องจากกรีซเปลี่ยนรัฐบาล ในโอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีกรีซได้บอกเป็นนัยด้วยว่า บริษัทคอสโกเป็นหัวขบวนในการประมูล

ทั้งนี้ คอสโก กรุ๊ป ของจีนเป็นบริษัทหนึ่งในห้ารายที่มีแววชนะประมูลตามโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ของรัฐบาลชุดก่อนหน้าตามโครงการเงินช่วยเหลือ 2.4 แสนล้านยูโร แต่ต่อมาเมื่อนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราส ขึ้นมารับตำแหน่งในเดือนมกราคม เขาได้ประกาศกร้าวว่าจะยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดและการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรวมถึงการขายหุ้น 67% ในองค์การการท่าเรือพิเรอุสด้วย

ในเรื่องนี้แหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดรัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า หากไม่ได้เงินช่วยเหลือก้อนใหม่จากอียูและไอเอ็มเอฟ กรีซจะหมดเงินภายในวันที่ 20 เมษายน

 

ที่มา : Bangkokbiznews

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

แนวรับ แนวต้านของ Single Stock Futures

ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วค่ะ

ติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับทองคำและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ที่

www.classicgoldfutures.co.th...

 

 

 

10426329_1039636276064722_484763241116121487_n.jpg?oh=cf213e20912c113147f471192e8ca9f8&oe=55AD8E0B&__gda__=1438452525_6f310bb88575bbe76faac43d3a7cea6e

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ก.พ.โต 3.6% บวกครั้งแรกในรอบ 23 เดือน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 11:55:41 น.

นายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในภาพรวมเดือนก.พ.58 อยู่ที่ 171.91 ขยายตัวร้อยละ 3.6 จาก 166.01 ในเดือน ก.พ.57 โดยกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 23 เดือน เป็นการขยายตัวตามหลายอุตสาหกรรม อาทิ การกลั่นน้ำมัน เบียร์ น้ำตาล เครื่องนุ่งห่ม รถยนต์ และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์

 

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.พ.58 อยู่ที่ 61.40 ลดลงจาก 58.92 ในเดือนก.พ.57

 

 

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2126650

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กับดักทองคำ

 

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก

POSTTODAY.COM|BY THE POST PUBLISHING PUBLIC COMPANY LIMITED

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด รับดีล M&A,จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบาย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 20:48:57 น.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับข้อตกลงควบรวมกิจการ (M&A) ในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ

 

นอกจากนี้การที่นางเจเน็ท เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จะเป็นการปรับขึ้นทีละน้อย และการที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดเช่นกัน

 

 

 

ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 17,957.83 จุด ทะยานขึ้น 249.58 จุด หรือ 1.40%

 

ในการแถลงเมื่อวันศุกร์นั้น นางเยลเลนระบุว่า เขาและเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เชื่อว่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังมาไม่ถึง แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปีนี้

 

นางเยลเลนมองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยทีละน้อยไปตลอดช่วง 2-3 ปีข้างหน้านั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะค่อยๆลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของค่าแรงที่ยังซบเซา การแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออก และการฟื้นตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงซบเซา

 

อย่างไรก็ดี เฟดจะต้องมั่นใจก่อนว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับ 2% ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศชะลอตัวลงมากเกินไป ดังนั้น ผู้บริหารระดับนโยบายจึงพร้อมที่จะรับมือ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า จีนอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

 

ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวแสดงความเห็นในการประชุม Boao Forum for Asia เมื่อวานนี้ว่า เงินเฟ้อของจีนอ่อนตัวลง จีนจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง หากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดูว่า ภาวะเงินฝืดจะเกิดขึ้นหรือไม่ โดยจีนยังมีโอกาสที่จะลงมือดำเนินการทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2127042

 

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด ขานรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 19:21:45 น.

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับนางเจเน็ท เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จะเป็นการปรับขึ้นทีละน้อย

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดเช่นกัน

 

 

ณ เวลา 18.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 110 จุด หรือ 0.62% ที่ระดับ 17,736 จุด

ในการแถลงเมื่อวันศุกร์นั้น นางเยลเลนระบุว่า เขาและเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เชื่อว่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังมาไม่ถึง แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปีนี้

นางเยลเลนมองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยทีละน้อยไปตลอดช่วง 2-3 ปีข้างหน้านั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะค่อยๆลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของค่าแรงที่ยังซบเซา การแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออก และการฟื้นตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงซบเซา

อย่างไรก็ดี เฟดจะต้องมั่นใจก่อนว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับ 2% ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศชะลอตัวลงมากเกินไป ดังนั้น ผู้บริหารระดับนโยบายจึงพร้อมที่จะรับมือ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า จีนอาจจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวแสดงความเห็นในการประชุม Boao Forum for Asia เมื่อวานนี้ว่า เงินเฟ้อของจีนอ่อนตัวลง จีนจึงจำเป็นต้องระมัดระวัง หากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดูว่า ภาวะเงินฝืดจะเกิดขึ้นหรือไม่ โดยจีนยังมีโอกาสที่จะลงมือดำเนินการทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

สหรัฐเผยดัชนีขายบ้านรอปิดการขายพุ่งสูงสุดรอบ 1 ปีครึ่งในเดือนก.พ.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 21:43:16 น.

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 3.1% แตะระดับ 106.9 ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2013 นับเป็นสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ

 

ดัชนีในเดือนม.ค.อยู่ที่ 103.7

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพุ่งขึ้น 12% ในเดือนก.พ.

ค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2127047

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่ม 0.1% ในก.พ. ขณะรายได้เพิ่ม 0.4%

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 19:54:59 น.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่ชาวสหรัฐใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนม.ค.และธ.ค.

 

เมื่อมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2014

 

นอกจากนี้ กระทรวงยังรายงานว่า รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. และรายได้เพิ่มขึ้น 0.3%

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2127036

 

สหรัฐกลับลำ ยืนยันร่วมมือ AIIB ผลักดันก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 18:58:11 น.

นายแจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวในวันนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ที่มีจีนเป็นหัวเรือใหญ่ โดยระบุว่า สหรัฐมีความยินดี และพร้อมสนับสนุนข้อเสนอที่จะมีประโยชน์ต่อการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

 

นายลูว์กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวสามารถกระทำได้ผ่านทางการจัดประชุมด้านกลยุทธ์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ (SED), ธนาคารโลก และ AIIB และผ่านกลไกอื่นๆที่ได้รับการยอมรับจากทั้ง 2 ประเทศ

 

 

 

นายลูว์กล่าว ในระหว่างการเจรจากับนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในวันนี้

นอกจากนี้ นายจู กวางเหยา รมช.คลังยังกล่าวว่า นายลูว์ได้ขานรับจีนที่มีบทบาทมากขึ้นในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

 

ท่าทีของนายลูว์ถือว่าแตกต่างจากในช่วงแรกที่เขาแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการมี AIIB โดยอ้างว่าไม่มั่นใจต่อความโปร่งใส และหลักธรรมาภิบาลของ AIIB

 

นายลูว์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ความกังวลหลักๆ ของสหรัฐคือ ธนาคารแห่งนี้จะ “ยึดมั่นต่อมาตรฐานขั้นสูงที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศริเริ่มไว้หรือไม่"

 

“สถาบันแห่งนี้จะปกป้องสิทธิของแรงงานและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และจะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันอย่างเหมาะสมหรือไม่" เขาตั้งข้อสงสัย

 

จีนกำหนดเงื่อนเวลาให้ประเทศต่างๆ ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ และคาดว่า AIIB จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2127030

 

จีนคาดมีกว่า 40 ประเทศสนใจร่วม AIIB ก่อนปิดรับสมัครปลายเดือนนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 18:32:27 น.

กระทรวงการคลังจีนประกาศว่า ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) มีแนวโน้มที่จะมีสมาชิกก่อตั้งมากกว่า 40 ประเทศ หลังจากที่มีอีก 3 ประเทศยื่นสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก

 

 

 

ทั้งนี้ บราซิล, จอร์เจีย และเนเธอร์แลนด์เป็น 3 ประเทศล่าสุดที่ได้ยื่นสมัครเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB ขณะที่รัสเซีย และออสเตรเลียได้แสดงเจตจำนงเข้าร่วมก่อนหน้านี้ ก่อนที่กำหนดเส้นตายในการสมัครสมาชิกจะสิ้นสุดลงในสิ้นเดือนนี้

 

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ได้รับการอนุมัติให้เป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB แล้ว ทำให้ประเทศที่ได้รับการยืนยันมีจำนวน 30 ประเทศแล้วในขณะนี้

 

สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง AIIB จะจัดการประชุมที่เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถานในวันที่ 29-31 มีนาคม เพื่อหารือถึงเนื้อหาต่างๆในข้อตกลง และคาดว่า AIIB จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2127024

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงวันนี้ คาดเจรจาโครงการนุกอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 20:19:00 น.

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุมแก้วิกฤติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลง ซึ่งจะทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้

 

ณ เวลา 20.01 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ค.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 75 เซนต์ หรือ 1.53% แตะ 48.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

นักลงทุนต่างจับตาดูผลการเจรจาระหว่างอิหร่านกับประเทศมหาอำนาจในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ โดยคาดว่า ประเทศตะวันตกอาจมีการประกาศผ่อนคลายการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งอาจจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดเพิ่มขึ้นจนเป็นสาเหตุที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

 

ปัจจุบัน อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังผลิตเกินความต้องการเป็นจำนวนถึง 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าอิหร่านมีน้ำมันในสต็อกกว่า 30 ล้านบาร์เรล

 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจากสหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย เตรียมประชุมเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับผู้แทนจากอิหร่านที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้

 

ในขณะที่เส้นตายการเจรจาข้อตกลงโครงการดังกล่าวคือวันพรุ่งนี้ ซึ่งเนื้อหาหลักของข้อตกลงดังกล่าว ได้แก่ การจัดทำข้อตกลงเพื่อป้องกันอิหร่านไม่ให้สามารถผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับการใช้งานในอาวุธได้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2127039

 

รมว.คลังสหรัฐดอดหารือนายกฯจีนก่อนถึงเส้นตายสมัครสมาชิกก่อตั้ง AIIB

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 18:15:00 น.

นายเจคอบ ลิว รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐ ได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ในขณะที่หลายประเทศต่างเดินหน้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้ง

 

ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) แม้ว่า สหรัฐจะออกมาคัดค้านก็ตาม

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จีนได้กำหนดให้วันอังคารที่จะถึงนี้เป็นเส้นตายของการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง AIIB ซึ่งธนาคารแห่งนี้ถูกมองว่าเป็นการดำเนินการที่จะลดทอนอิทธิพลของสหรัฐ และยังมีแนวโน้มว่า จะเป็นคู่แข่งของสถาบันการเงินที่สหรัฐครอบงำอย่างธนาคารโลก

 

 

 

AIIB จะช่วยสนับสนุนทางการเงินให้กับโครงการก่อสร้างถนน ท่าเรือ ทางรถไฟ และโครงสาธารณูปโภคในเอเชีย ซึ่งคาดว่า จะเปิดตัวธนาคารแห่งนี้ภายในช่วงสิ้นปีนี้ พร้อมด้วยเงินทุนเบื้องต้นประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจีนวางแผนที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด

 

ในช่วงที่มีการเปิดเผยแนวคิดเรื่องธนาคารที่กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วนั้น มีเพียง 20 ประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง และส่วนใหญ่ก็เป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่ในเวลาต่อมา จำนวนประเทศที่สนใจเข้าร่วมก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่านับตั้งแต่นั้น และแนวโน้มก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่ออังกฤษประกาศเมื่อกลางเดือนมี.ค.ว่า จะเข้าร่วมกลุ่ม AIIB แม้ว่า สหรัฐจะเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรเลี่ยงการเข้าร่วมวงตั้งสถาบันการเงินภายใต้การนำของจีนแห่งนี้ก็ตาม

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2127013

 

สแตนชาร์ดเผยดัชนีความเชื่อมั่น SME จีนดีขึ้นหลังช่วงตรุษจีน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 18:07:00 น.

ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของจีน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.6 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 55.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งสะท้อนว่าความเชื่อมั่นในตลาดฟื้นตัวขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน (16-24 ก.พ.)

 

ธนาคารเปิดเผยว่า ผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่า ยอดสั่งซื้อใหม่และผลผลิตจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ซึ่งส่งผลให้ดัชนีย่อยใน 2 หมวดนี้ปรับตัวขึ้น

 

 

 

ดัชนีความเชื่อมั่น SME จัดทำขึ้นเพื่อประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจ สถานะสินเชื่อ และความคาดหมายของ SME ในอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดระบุว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและมาตรการสำรองเงินแบบมีเป้าหมายของธนาคารต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเงินกู้สำหรับ SME อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินของธุรกิจเหล่านี้ยังคงอยู่ในระดับสูง

 

ธนาคารเสริมว่า ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอีกในไตรมาส 2 ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง และการลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ 2 ครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2127007

 

สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่ม 0.1% ในก.พ. ขณะรายได้เพิ่ม 0.4%

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 19:54:59 น.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่ชาวสหรัฐใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนม.ค.และธ.ค.

 

เมื่อมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2014

 

นอกจากนี้ กระทรวงยังรายงานว่า รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. และรายได้เพิ่มขึ้น 0.3%

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2127036

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้าทุกคน โชคดีนะคะ

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดร่วง $15.4 หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 31 มีนาคม 2558 07:44:58 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 15.4 .ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ระดับ 1,185.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 39.5 เซนต์ ปิดที่ 16.674 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 23.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,117.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 729 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างการแถลงในการประชุมที่จัดโดยเฟดสาขาซานฟรานซิสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาวะทางเศรษฐกิจ

 

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.1% แตะระดับ 106.9 เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2556 นับเป็นสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ

 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2127087

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 31 มีนาคม 2558 07:49:12 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 มี.ค.2558

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,976.31 จุด พุ่งขึ้น 263.65 จุด หรือ +1.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,947.44 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด หรือ +1.15% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,086.24 จุด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด หรือ +1.22%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ เพราะได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีนที่ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 399.84 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,083.52 จุด เพิ่มขึ้น 49.46 จุด หรือ +0.98% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,086.01 จุด เพิ่มขึ้น 217.68 จุด หรือ +1.83% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,891.43 จุด เพิ่มขึ้น 36.41 จุด หรือ +0.53%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนและข้อมูลที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งของอังกฤษ

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 36.41 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 6,891.43 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ยอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางการอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตกกำลังเจรจาร่วมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 19 เซนต์ ปิดที่ 48.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 56.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 15.4 .ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ระดับ 1,185.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 39.5 เซนต์ ปิดที่ 16.674 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 23.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,117.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 12 ดอลลาร์ ปิดที่ 729 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เนื่องจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมที่สดใสของสหรัฐก็เป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0823 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0899 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4815 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4873 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.16 เยน เทียบกับระดับ 119.10 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9676 ฟรังก์ จาก 0.9608 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7652 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7756 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,976.31 จุด เพิ่มขึ้น 263.65 จุด +1.49%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,947.44 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด +1.15%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,086.24 จุด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด +1.22%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,891.43 จุด เพิ่มขึ้น 36.41 จุด +0.53%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,086.01 จุด เพิ่มขึ้น 217.68 จุด +1.83%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,083.52 จุด เพิ่มขึ้น 49.46 จุด +0.98%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,816.30 จุด ลดลง 72.60 จุด -1.23%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,846.10 จุด ลดลง 73.80 จุด -1.25%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,521.87 จุด เพิ่มขึ้น 18.15 จุด +0.19%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,411.40 จุด เพิ่มขึ้น 125.77 จุด +0.65%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,030.04 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด +0.51%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,786.57 จุด เพิ่มขึ้น 95.47 จุด +2.59%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,899.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.45 จุด +0.27%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,855.12 จุด เพิ่มขึ้น 368.92 จุด +1.51%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,438.66 จุด เพิ่มขึ้น 41.81 จุด +0.77%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,821.83 จุด เพิ่มขึ้น 8.46 จุด +0.47%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,454.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.16 จุด +0.12%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,975.86 จุด เพิ่มขึ้น 517.22 จุด +1.88%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2127089

 

11081130_370833243107867_7663806254982646627_n.png?oh=f760537a6288131c146380a680c1d769&oe=5573B67B

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งรับ “เยลเลนส่งสัญญาณขึ้นดบ.,ข้อมูลศก.สดใส

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 31 มีนาคม 2558 07:25:24 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เนื่องจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมที่สดใสของสหรัฐก็เป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0823 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0899 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4815 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4873 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.16 เยน เทียบกับระดับ 119.10 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9676 ฟรังก์ จาก 0.9608 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7652 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7756 ดอลลาร์

 

ในระหว่างการแถลงในการประชุมที่จัดโดยเฟดสาขาซานฟรานซิสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานเฟดได้กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้ เมื่อพิจารณาถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาวะทางเศรษฐกิจ

 

นางเยลเลนระบุว่า เธอและเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เชื่อว่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังมาไม่ถึง แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปีนี้

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.1% แตะระดับ 106.9 เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2556 นับเป็นสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่ชาวสหรัฐใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนม.ค.และธ.ค. ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2127078

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 19 เซนต์ จากคาดการณ์อิหร่านส่งออกน้ำมันเพิ่ม

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 31 มีนาคม 2558 07:14:44 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ยอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางการอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตกกำลังเจรจาร่วมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 19 เซนต์ ปิดที่ 48.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 56.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนจับตาดูการเจรจาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านซึ่งเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญในขณะนี้ โดยคาดว่า ประเทศตะวันตกอาจมีการประกาศผ่อนคลายการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งอาจจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นจนเป็นสาเหตุที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

 

นักวิเคราะห์คาดว่า อิหร่านอาจจะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากชาติตะวันตกตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

 

ปัจจุบัน อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังผลิตเกินความต้องการเป็นจำนวนถึง 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าอิหร่านมีน้ำมันในสต็อกกว่า 30 ล้านบาร์เรล

 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจากสหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย ได้ประชุมเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับผู้แทนจากอิหร่านที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้

 

ในขณะที่เส้นตายเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงโครงการดังกล่าว คือ วันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งเนื้อหาหลักของข้อตกลงดังกล่าว ได้แก่ การจัดทำข้อตกลงเพื่อป้องกันอิหร่านไม่ให้สามารถผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับการใช้งานในอาวุธได้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี

 

นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แต่ละฝ่ายจะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ในขณะที่นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ กล่าวด้วยว่า อิหร่านจะต้องคิดหนักและตัดสินใจครั้งสำคัญ

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2127077

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 263.65 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 31 มีนาคม 2558 06:32:00 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี และตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,976.31 จุด พุ่งขึ้น 263.65 จุด หรือ +1.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,947.44 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด หรือ +1.15% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,086.24 จุด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด หรือ +1.22%

 

 

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย พุ่งขึ้น 3.1% แตะระดับ 106.9 ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2013 นับเป็นสัญญาณซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ

 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ.

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังจากจีนเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเขตเศรษฐกิจถนนสายไหม

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับถ้อยแถลงของนางเยเน็ท เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จะเป็นการปรับขึ้นทีละน้อย เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะค่อยๆลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของค่าแรงที่ยังซบเซา การแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออก และการฟื้นตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงซบเซา

 

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินทะยานขึ้น โดยหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน หุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.4% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน และหุ้นทราเวลเลอร์ส ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.3%

 

หุ้นดรีมเวิร์ก แอนนิเมชัน พุ่งขึ้น 6.6% หลังจากมีรายงานว่ายอดขายตั๋วชมภาพยนตร์เรื่อง Home อยู่ที่ 54 ล้านดอลลาร์ในช่วงเปิดตัวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนม.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก Conference Board

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2127075

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สถานการณ์การสู้รบและการให้ความช่วยเหลือคนไทยในเยเมน ฉบับที่ ๒

 

 

ข่าวต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ -- จันทร์ที่ 30 มีนาคม 2558 15:44:00 น.

เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบในสาธารณรัฐเยเมนโดยเฉพาะที่เมืองเอเดนทวีความรุนแรงมากขึ้น สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน จึงได้ออกประกาศให้คนไทยในเยเมนเตรียมเดินทางออกจากประเทศดังกล่าว และหากประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยก็ขอให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯ

 

ขณะนี้มีนักเรียนไทยจำนวน ๒ คน ที่พำนักในกรุงซาน่า ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเอเดนประมาณ ๓๐๐ กิโลเมตร แจ้งความประสงค์ที่จะเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ได้ประสานกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ช่วยเหลือนักศึกษาทั้งสองออกมา ซึ่งคาดว่าจะเดินทางออกจากเยเมนในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างเร็ว

 

 

 

ส่วนนักศึกษาที่เหลืออีกประมาณ ๒๕๐ คน นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต กำลังติดต่ออย่างใกล้ชิดและแนะนำให้ย้ายออกจากจุดเสี่ยงเพื่อรอรับการช่วยเหลือตามความเหมาะสม ต่อไป

 

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ สถานอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต และสถานอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของประเทศอาเซียนและมิตรประเทศอื่นๆ ที่มีสำนักงานในเยเมน ถึงการดำเนินการเตรียมอพยพประชาชนของตนร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เคยตกลงในหลักการเมื่อปี ๒๕๔๙ ในการช่วยเหลือประชาชนประเทศอาเซียนที่อยู่ในภาวะวิกฤตด้วยกันในประเทศที่สาม หากไม่มีผู้แทนทางการทูตในประเทศนั้น

 

อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเพื่อประสานงานกับญาติในประเทศไทยและเพื่อแจ้งชาวไทยในเยเมนอีกทางหนึ่งให้ติดต่อกับสถานทูตไทยในกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยด่วนเพื่อเตรียมการอพยพ หากจำเป็นต่อไป

 

ศูนย์ปฏิบัติการนี้ ตั้งอยู่ที่กองคุ้มครอง กรมการกงสุล หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๗๕ ๑๐๔๗-๘ โทรสาร ๐ ๒๕๗๕ ๑๐๕๒ ทั้งนี้ ศูนย์ฯ จะให้บริการตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ระหว่างเวลา ๘.๓๐ น. – ๒๒.๐๐ น. และสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ Hot Line ของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต คือ (+๙๖๘) ๙๖๔๙ ๔๗๓๓ หรือ (+๙๖๘) ๙๙๒๗ ๓๔๔๐

 

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/mfa/2126888

 

 

In Focus:สหรัฐสะท้าน AIIB เปิดยุคจีนแผ่อิทธิพลการเงิน ขณะไทยยิ้มรับอานิสงส์

 

 

ข่าวต่างประเทศ RYT9 -- พุธที่ 25 มีนาคม 2558 11:47:43 น.

สถาบันการเงินระดับโลกแห่งใหม่ที่กำลังเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างมาก คือ ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) โดยธนาคารแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร และจะกระทบต่อดุลอำนาจทางการเงินของยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอย่างไร รวมทั้งไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากธนาคารแห่งนี้ คอลัมน์ In Focus ของ InfoQuest ขอทำหน้าที่รายงานต่อผู้อ่านทุกท่านดังนี้

 

 

 

AIIB เป็นสถาบันการเงินน้องใหม่ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลจีน ภายใต้เป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุนด้านการขนส่ง พลังงาน โทรคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในเอเชีย โดย 21 ประเทศแรกที่ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ จีน ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล มองโกเลีย คูเวต โอมาน กาตาร์ คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน ซึ่งบรรดารัฐมนตรีคลังของประเทศเหล่านี้ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) อย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2557

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้มีอีกหลายประเทศแสดงความสนใจขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งของ AIIB โดยล่าสุด ณ วันที่ 24 มีนาคม 2558 มีอีก 13 ประเทศที่แสดงความจำนงขอเข้าร่วม AIIB ซึ่งได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย ทาจิกิสถาน ฮ่องกง และมัลดีฟส์

 

จีนกำหนดเงื่อนเวลาให้ประเทศต่างๆ ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขณะที่สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง AIIB จะจัดการประชุมที่เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถานในวันที่ 29-31 มีนาคม เพื่อหารือถึงเนื้อหาต่างๆในข้อตกลง และคาดว่า AIIB จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้

 

AIIB ถูกก่อตั้งขึ้นตามแนวคิดของทางการจีนภายใต้ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ในช่วงปลายปี 2556 ที่ต้องการเสนอความช่วยเหลือด้านการเงินและแหล่งเงินทุนทางเลือกให้แก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเป็นกลไกให้ความช่วยเหลือทางการเงินในระดับพหุภาคี สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงกันในภูมิภาค โดยเน้นหนักการลงทุนด้านคมนาคม พลังงาน การสื่อสาร อุตสาหกรรม การเกษตร การพัฒนาชุมชนเมือง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ขณะเดียวกัน จีนต้องการสร้างระเบียบโลกใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจการคลังระหว่างประเทศและการเมืองที่จะไม่ถูกชาติตะวันตกเข้ามาครอบงำเหมือนในอดีต ซึ่งขณะนั้นจีนยังอ่อนแอ ยากจน แต่ตอนนี้จีนเป็นชาติมหาอำนาจอันดับสองของโลก ซึ่งมีทั้งเงินและอำนาจ

 

ในเบื้องลึกนั้น การเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดตั้ง AIIB ของจีน แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของจีนต่อความล่าช้าในการปฏิรูปในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งถูกควบคุมโดยชาติตะวันตก และไม่เปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆมีสิทธิมีเสียงมากขึ้น จึงทำให้จีนมีความต้องการที่จะเพิ่มบทบาทในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

 

นอกจากนี้ จีนยังต้องการถือโอกาสนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่จำนวนมหาศาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านการลงทุนและการเมืองระหว่างประเทศ โดยจีนถือเป็นประเทศที่มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลก คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ แต่เงินทุนสำรองส่วนใหญ่ กลับถูกนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำเพียง 2-3% ต่อปี เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่จีนถือครองอยู่กว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ทางการจีนมองหาช่องทางในการใช้ทุนสำรองผ่านการลงทุนรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตร เช่น การจัดตั้งธนาคารหรือการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการถือครองพันธบัตรสหรัฐจำนวนมากแล้ว ยังเปิดโอกาสให้จีนผลักดันเงินหยวนไปสู่การเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของโลกด้วย

 

ที่ผ่านมา จีนได้ค่อยๆ นำเงินหยวนไปสู่ความเป็นสกุลเงินการค้าและธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ

 

ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ทำสัญญาธุรกรรมเงินหยวนกับบาท โดยต่างมีสำนักงานตัวแทนแลกเปลี่ยนกัน

 

ในกลุ่มประเทศ BRICS อันมี บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ต่างก็ยอมรับหยวนเป็นเงินตราสกุลการค้าระหว่างประเทศ

 

สำหรับตะวันออกกลางนั้น หยวนไม่มีปัญหา เนื่องจากในช่วงที่ชาติตะวันตกพากันบอยคอตอิหร่านกรณีทดลองอาวุธนิวเคลียร์นั้น จีนไม่ร่วมบอยคอตและยังซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ทำให้อิหร่านยอมรับจีน โดยให้จ่ายค่าน้ำมันเป็นเงินหยวน

 

ส่วนกลุ่มโอเปกก็ยอมรับหยวน เพราะไม่พอใจต่อการอ่อนค่าของดอลลาร์

และการที่ AIIB จะใช้นครเซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งสำนักงานด้วยแล้ว ยิ่งเป็นนัยว่าหยวนจะเป็นสกุลเงินกลางสำหรับการทำธุรกรรมการเงินของธนาคารใหม่แห่งนี้

 

นอกจากนี้ จีนยังจะได้รับผลพลอยได้จากการผลักดันวิสาหกิจจีนออกไปสู่ตลาดของประเทศสมาชิกที่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจาก AIIB โดยคาดว่าจีนจะยื่นข้อเสนอแก่ประเทศสมาชิก ให้มีการทำข้อตกลงว่าจ้างวิสาหกิจจีนเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง พร้อมทั้งใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันในรูปเงินหยวน ซึ่งถือเป็นการเปิดช่องทางให้บรรดาบริษัทเอกชนของจีนได้รับงานโครงการก่อสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศสมาชิก และยังเพิ่มโอกาสให้จีนกลายเป็นผู้นำด้านการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย

 

ตามกรอบแผนการดำเนินงานเบื้องต้นนั้น AIIB มีเงินทุนพื้นฐานตั้งต้นอยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ในระยะถัดไป โดยทางการจีนจะเป็นผู้ออกเงินก้อนแรกให้ถึง 50% ของเงินทุนตั้งต้น หรือ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากนั้นจะรวบรวมเงินส่วนที่เหลือจากชาติสมาชิกตามสัดส่วนของขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ของแต่ละประเทศ ซึ่งในส่วนของไทยนั้น คาดว่าจะสามารถร่วมสนับสนุนเงินลงทุนได้ราว 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท โดยในเบื้องต้นสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประเมินว่าจะใช้เวลาในการระดมทุนประมาณ 5-7 ปีผ่านการออกพันธบัตรระดมทุน และทยอยชำระเป็นงวดๆ

 

แม้วงเงินลงทุนในระยะเริ่มต้นของ AIIB จะอยู่ในระดับค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับของธนาคารโลก ที่ระดับ 2.20 แสนล้านดอลลาร์ และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่ระดับ 1.75 แสนล้านดอลลาร์ แต่ AIIB ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นในแง่ของสถาบันการเงินที่เป็นทางเลือก เนื่องจากธนาคารโลกและ ADB มีขีดความสามารถในการให้เงินกู้ลดน้อยลงไปมาก จากการที่เศรษฐกิจทั่วไปตกต่ำ ทำให้เงินทุนลดน้อยลง นอกจากนี้ องค์กรทั้ง 2 มักเน้นการปล่อยกู้เชิงสังคมในการลดความยากจน และมีระเบียบข้อบังคับมากมายในการพิจารณาให้เงินกู้ พร้อมกับมีมาตรการเกี่ยวกับการตรวจสอบผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การอนุมัติเงินกู้แต่ละโครงการมักต้องใช้เวลานาน

 

สถานการณ์เช่นนี้ เปิดโอกาสให้จีนซึ่งมีเงินทุนมหาศาล ได้มีโอกาสเข้ามาเสนอจัดตั้ง AIIB ซึ่งคาดว่าจะมีข้อกำหนดที่ยืดหยุ่นและคล่องตัวกว่าธนาคารโลกและ ADB ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างของเอเชีย ซึ่งในกรณีของไทยถือว่ามีความสำคัญมากเพราะกำลังต้องการลงทุนในโครงการสาธารณุปโภคขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล

 

การตั้ง AIIB ขึ้นมา จะช่วยให้จีนสามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ เอเชียกลาง ซึ่งต้องใช้เงินทุนถึงปีละ 8 แสนล้านดอลลาร์ ในการพัฒนาระบบถนน ทางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ซึ่งเกือบทุกประเทศต่างก็ประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุน

 

แต่มีการมองกันว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นเบื้องหลังที่ผลักดันให้จีนตั้ง AIIB ขึ้นมา ก็เพื่อคานอำนาจกับชาติอื่นๆ ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยในเมื่อสหรัฐมีธนาคารโลกเป็นเครื่องมือ สหภาพยุโรปมีธนาคารกลางยุโรปและ IMF ญี่ปุ่นมี ADB แล้วทำไมจีนจะมี AIIB ไม่ได้

 

เป็นที่ชัดเจนว่า การจัดตั้ง AIIB ของจีนในครั้งนี้ ถึงกับทำให้สหรัฐนั่งไม่ติด และพยายามอย่างยิ่งในการกดดันไม่ให้ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจกับธนาคารแห่งใหม่นี้ โดยกลัวว่า AIIB จะเข้ามากลบรัศมีที่มีมาเกือบ 50 ปีของธนาคารโลก และ ADB ที่ให้เงินทุนแก่โครงการขนาดใหญ่ทั่วโลก

 

จึงไม่แปลกที่สหรัฐถึงกับออกอาการเมื่อเห็นว่าพันธมิตรใกล้ชิดหลายประเทศต่างก็แสดงความสนใจเข้าสมัครเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB โดยไม่สนใจเสียงท้วงติง และนับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของจีนในเวทีภูมิ-เศรษฐศาสตร์โลก ขณะที่สะท้อนถึงความล้มเหลวทางการทูตของสหรัฐ เมื่อยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของยุโรปคือ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ต่างประกาศเข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB โดยคาดว่าประเทศเหล่านี้คงมองเห็นถึงผลประโยชน์จากการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจในเอเชียที่มีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าที่จะอยู่นิ่งเฉยได้

 

การตัดสินใจของพันธมิตรยุโรปเป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า สหรัฐไม่ได้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลกแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป

 

สหรัฐแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการมี AIIB โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปล็อบบี้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียไม่ให้เข้าร่วมกับจีนในการตั้ง AIIB โดยอ้างว่า สหรัฐยังไม่มั่นใจต่อความโปร่งใส และหลักธรรมาภิบาลของ AIIB และเตือนว่า สถาบันทางการเงินแห่งนี้อาจบ่อนทำลายธนาคารโลก

 

นายแจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ความกังวลหลักๆ ของสหรัฐคือ ธนาคารแห่งนี้จะ “ยึดมั่นต่อมาตรฐานขั้นสูงที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศริเริ่มไว้หรือไม่"

 

“สถาบันแห่งนี้จะปกป้องสิทธิของแรงงานและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ และจะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันอย่างเหมาะสมหรือไม่" เขาตั้งข้อสงสัย

 

อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีคลังเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ระบุว่า กลุ่มประเทศดังกล่าวตัดสินใจเข้าร่วม AIIB ก็เพื่อที่จะสร้างหลักประกันว่า AIIB ปฏิบัติตามมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านธรรมาภิบาล การปกป้องสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งนโยบายเกี่ยวกับหนี้และการจัดซื้อ

 

ด้านผู้ใกล้ชิดของนายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ก็ได้ให้เหตุผลที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB ว่า เพื่อผลักดันให้ธนาคารดังกล่าวดำเนินงานอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความพยายามของอังกฤษเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากจีน เพื่อรักษาสถานะศูนย์กลางการเงินโลกของกรุงลอนดอน

 

เซอร์ริชาร์ด ออตตาเวย์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษชี้ว่า ความเห็นที่สวนทางกันของสหรัฐกับอังกฤษต่อกรณี AIIB สะท้อนว่าสหราชอาณาจักรตลอดจนยุโรปมองจีนในมุมมองที่ต่างจากสหรัฐ โดยสหรัฐมองจีนในฐานะมหาอำนาจทางทะเลแห่งแปซิฟิก ขณะที่ยุโรปมองจีนในแง่หุ้นส่วนทางการค้า

 

ทางด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่า สหรัฐ "เจ้าอารมณ์และชอบดูถูกชาติอื่น" และว่า การตัดสินใจของชาติยุโรปเป็น "การเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมและกล้าหาญ" และขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสาส์นถึงวอชิงตันว่า กลยุทธ์องุ่นเปรี้ยวรังแต่จะทำให้สหรัฐถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น

 

ด้านไชน่า เดลี่ สื่อของทางการจีน ก็ระบุเช่นเดียวกัน โดยยืนกรานว่า แม้ AIIB เป็นแนวคิดของจีนและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ธนาคารแห่งนี้เป็นของจีนหรือเป็นเครื่องมือทางอำนาจของจีน

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียได้หันมาพุ่งเป้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจีนได้ใช้เงินลงทุนมหาศาลในการสร้างรถไฟความเร็วสูง จนประสบความสำเร็จด้านการคมนาคม และได้กลายเป็นต้นแบบเพื่อการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูงของสปป.ลาว และรถไฟรางคู่ของไทย

 

สิ่งนี้ทำให้ AIIB จะกลายเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกที่สำคัญ เนื่องจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการขนส่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากและยากต่อการะดมทุนจากในประเทศเพียงอย่างเดียว และหากมองในระยะยาวสำหรับภูมิภาคเอเชียแล้ว แหล่งเงินทุนจาก ADB เพียงอย่างเดียว อาจไม่สามารถรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้ ขณะที่มีการคาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2563 การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียจะต้องใช้เงินลงทุนถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์

 

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การจัดตั้ง AIIB เป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลังและธนาคารกลางของประเทศในภูมิภาคเอเชีย และกระทรวงการคลังของไทยได้ร่วมลงนาม MOU ในการเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง AIIB ร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นๆ อีก 20 ประเทศ และขั้นตอนต่อไป คือ การร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นในการจัดทำร่างข้อตกลงก่อตั้ง AIIB

 

"ธปท.เห็นด้วยและสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก AIIB เพราะจะเอื้อต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยด้วย ในขณะที่แหล่งเงินทุนในปัจจุบัน เช่น ADB หรือ ธนาคารโลก ต่างก็เปลี่ยนนโยบายไปสนับสนุนการพัฒนาเชิงโครงสร้างสังคมมากกว่า" โฆษก ธปท.กล่าว

 

ด้านรศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) กล่าวว่า การที่ไทยเข้าเป็นภาคี AIIB จะทำให้ไทยมีตัวเลือกในการกู้เงินมาใช้เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ โดยอัตราดอกเบี้ยอาจจะถูกกว่า ซึ่งจะต้องไปดูในรายละเอียดและเงื่อนไข

 

ในปี 2558-2565 ไทยจะมีความต้องการเงินลงทุนอย่างมากตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายด้าน ทั้งการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง การขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงทางถนนกับประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาท่าเรือและการขนส่งทางน้ำ การเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการขนส่งทางอากาศ รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งคิดเป็นเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านล้านบาท หรือราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

 

โครงการดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงก้าวแรกของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในไทยเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมถึงการพัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ให้ทัดเทียมกับระดับการขนส่งมาตรฐานเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน สาธารณูปโภคที่จำเป็น การพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมเพื่อการสื่อสารทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีความต้องการเงินลงทุนสูงถึงกว่า 5 ล้านล้านบาทตามการประเมินของ ADB

 

ดังนั้น AIIB จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง ไทยอาจได้รับสิทธิพิเศษทางด้านดอกเบี้ย และเงื่อนไขพิเศษทางการเงินอื่นๆ ที่คาดว่าทางการจีนจะเสนอให้ เนื่องจากจีนจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมในไทย และการเชื่อมต่อระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน

 

ขณะเดียวกัน การที่ไทยเข้าร่วมจัดตั้ง AIIB ต้องถือว่าเรื่องนี้มีนัยทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง

 

ในแง่ของทางเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่าไทยจะมีทางเลือกในการกู้เงินที่มีต้นทุนต่ำเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อีกหนึ่งช่องทาง จากเดิมที่ต้องกู้จากธนาคารโลก และ ADB แต่ไม่ได้ต้นทุนต่ำเหมือนที่ผ่านมา เพราะทั้งสององค์กรไม่ได้จัดให้ไทยเป็นประเทศยากจนที่ต้องช่วยเหลืออีกต่อไป

 

การที่ไทยมีความจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานตามแผนของกระทรวงคมนาคมในอีก 5-6 ปีข้างหน้า วงเงินไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท AIIB จึงเป็นตัวช่วยสำคัญของไทย ในการเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ

 

นอกจากนี้ มีโครงการหลายโครงการที่จีนต้องการเข้ามาลงทุนในไทย ทั้งรถไฟรางคู่ รถเมล์เอ็นจีวี การที่ไทยยอมเข้าร่วมตั้ง AIIB น่าจะทำให้จีนยื่นข้อเสนอในโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับไทยมากขึ้น

 

และการที่รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันไฟเขียวให้ไทยร่วมตั้ง AIIB ก็อาจจะตีความได้ว่าเป็นการปลดแอกเศรษฐกิจไทยจากสหรัฐและยุโรป โดยเฉพาะด้านการเงินที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินจากธนาคารโลกเพียงอย่างเดียว

 

ส่วนในแง่การเมืองนั้น การเข้าร่วมจัดตั้ง AIIB ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบันที่สหรัฐและยุโรปดูจะไม่ปลื้ม โดยอ้างว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ไทยต้องหันมาร่วมมือกับจีนมากขึ้น เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับชาติตะวันตก

 

นอกจากนี้ การที่ AIIB จะเริ่มเปิดดำเนินการในปลายปีนี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับช่วงเวลาของการเปิดตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นั้น จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการเข้าร่วมก่อตั้ง AIIB ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย ขณะที่มีการรวมตัวทางเศรษฐกิจกับอาเซียนมากขึ้น

 

จากนี้ไป เราคงต้องจับตาความคืบหน้าของการจัดตั้ง AIIB อย่างไม่กะพริบตา เพราะจะส่งผลต่อไทยในฐานะหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ AIIB จะกลายเป็นสถาบันการเงินที่มีอิทธิพลต่อโลก เหมือนกับ IMF ธนาคารโลก และ ADB หรือไม่นั้น เวลาเท่านั้น จะเป็นเครื่องพิสูจน์

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/ryt9/2123185

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...