ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2 เหตุนักลงทุนขายทองหลัง GDP โตเกินคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 07:33:37 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,122.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 37.6 เซนต์ ปิดที่ 14.417 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 25.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,006 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 38.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 568.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล

 

นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2238430

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $3.96 รับ GDP สหรัฐโตเกินคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 07:13:21 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์ ขานรับรายงานที่ว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ของสหรัฐขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล

 

ความแข็งแกร่งของ GDP สหรัฐทำให้นักลงทุนมองว่า อุปสงค์พลังงานในสหรัฐยังคงเป็นไปในทิศทางบวก ขณะที่ข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐยังช่วยหนุนตลาดน้ำมันดีดตัวขึ้นด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค.ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้นเพียง 250,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2238428

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

"ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเหนื่อยตอนแก่... แต่ในเมื่อผมเหนื่อย ผมก็ต้องลากพวกท่านทุกคนมาเหนื่อยด้วยกัน เพราะประเทศชาติเป็นของทุกคน"

..... ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ (27 สิงหาคม 2558)

--------------------------------------------------------------------------

การเปิดตัวครั้งแรกของ ดร.มคิด วันนี้ ได้รับความสนับสนุนจากภาคธุรกิจอย่างมาก เพราะเป็นการพูดที่ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเมืองด้วยกัน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ช่วยกันขับเคลื่อน และเป็นการอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ตรงไป ตรงมา แต่มีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

หากใครมีวิดิโอ/คลิปเต็มๆ ขอแนะนำให้หาฟังเอาค่ะ

ดร สมคิด บอกว่า .....

-------------------

“ขอยืนยันว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่วิกฤติ ประเทศชาติไม่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ อย่ากังวลจนเกินเหตุ แต่อย่าประมาท... เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอุปสรรคบ้างจากผลงานการที่มัวแต่จะพึ่งพาปัจจัยภายนอก (การส่งออก) แทนที่จะพึ่งพาตนเอง

1) เกื้อหนุนพัฒนาและยกระดับธุรกิจ SMEs

2) วางรากฐานเพื่ออนาคตสำหรับประเทศชาติทันที รอไม่ได้ ขจัดอุปสรรคที่สำคัญในการประกอบธุรกิจของเอกชน

3) โลกเปลี่ยนไป เศรษฐกิจโลกเปลี่ยน GDP ไม่อาจหวือหวาได้ต่อไป เราต้องหวนกลับมามองเรื่องภายในของเราให้แข็งแรง... ธุรกิจท้องถิ่นต้องแข็งแรง เติบโตและเข้มแข็งจากภายใน ใช้ประโยชน์จากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องนำร่อง OTOP วิสาหกิจชนท้องถิ่น ต้องกลับมา ผู้ว่าต้องคิด ไม่ต้องพึ่งพาให้สภาพัฒน์คิดแทน

4) เน้นการลงทุนภาคท้องถิ่นผ่าน 7 กระทรวงที่ผมดูแลอยู่

5) การลงทุนและกิจกรรมด้านตลาดต้องเน้น Brand และเสริมยกระดับมูลค่าเพิ่มของสินค้า... สถานศึกษาต้องสามารถร่วมมือเชื่อมต่อป้อน know how ให้กับภาคผู้ประกอบการ ดึงสถานศึกษาเข้ามาในสาขาที่ขาดแคลนให้ครบเครื่องเป็นราย Cruster (จะมี 6-7 Cruster)

6) กล้าทุ่มซื้อแย่งชิงคนในสาขาที่ขาดแคลน

7) สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะสินค้า เป็นราย Cruster ยกระดับ Cruster เดิม เป็น Super-Cruster

8) การ road show มาทีหลัง ให้เราพร้อมก่อน อีกซักเดือน ค่อยออกไปขาย... พรุ่งนี้นักลงทุนต่างชาติก็รู้แล้ว ว่าเราจะเดินอย่างไร

9) กระทรวงพาณิชย์ต้องไม่ใช่ผู้คุมกฎ แต่ต้อง หา สร้าง และพัฒนาตลาดและสินค้า

10) สร้างนักรบพันธุ์ใหม่คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ IT

11) เร่งการลงทุนขนาดใหญ่ Infra Structure เพื่อการเชื่อมต่อโครงข่าย ทุกโครงการต้องเป็น PPP (Public-Private Partnership)

.............................

ประโยคเด็ดคือ ... "จะไม่เน้นตัวเลข GDP เพราะ GDP เป็นเรื่องผล เป็นเรื่องปลายเหตุ ต้องดู GDE"

.

หมายเหตุ : GDE คืออะไร

-------------------------------

เป็นสมการรายจ่ายรวมของประเทศ (Gross Domestic Expenditure : GDE) คือ GDP + (M-X)

GDE = ผลผลิตของชาติ (รายได้ประชาชาติ) + การขาดดุลการค้า

การที่ประเทศใดมีมูลค่าของ GDE มากกว่ามูลค่าของ GDP นั่นแสดงว่ามีการใช้สินค้าและบริการมากกว่าการที่ประเทศของตนเองผลิตได้

----------------------------------------------------------------------

ต่อไปนี้เป็นการบันทึกของทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง โดยบันทึกใจความหลักในเชิงกลยุทธ์ ...

สรุป

----

1. เศรษฐกิจไทยไม่ได้วิกฤต แต่ถดถอย ขาดพลัง เกิดจากรายได้เกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจโลกซบเซา ดังนั้น SME ขายของไม่ได้ bank ไม่ปล่อยกู้ ประชาชนชะลอการใช้จ่าย พร้อมทั้งมีปัญหา competitiveness

2. แม้ไทยยังมีพื้นฐานดี แต่เป็น Moment of truth ที่มีสิ่งที่ต้องแก้ไข และมีสิ่งที่ต้องสร้างใหม่

3. เน้น 2 ภารกิจ

3.1 ภารกิจเร่งด่วน ช่วยผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร SMEs เดือนนี้จะมีกระตุ้น G เพื่อบรรเทาและกระตุ้นให้เศรษฐกิจชุมชนหมุนเวียน จุดให้เศรษฐกิจติดและเดินหน้าอีกครั้ง

3.2 ภารกิจวางรากฐานหลักที่อยากทำ

- Strength from within ให้เติบโตจากภายใน Local Economy เศรษฐกิจชุมชน ท่องเที่ยวชุมชน ลงทุนในท้องถิ่น จ้างงานท้องถิ่น ปัดฝุ่น Otop มีแรงจูงใจให้ (อ.สุวิทย์ได้รับมอบให้ทำเรื่องเศรษฐกิจท้องถิ่น)

- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างคลัสเตอร์ 7-8 คลัสเตอร์ ดึงผู้ประกอบการในและ ตปท ใส่ technology ใส่สถาบันการศึกษาทั้งในและจากต่างประเทศมาอยู่ตรงนั้น แข่งกันทำวิจัย สร้างบุคลากรในคลัสเตอร์ งบประมาณจัดใหม่ตาม agenda ไม่ใช่ function (คลัสเตอร์ เช่น อาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีที่สะอาด ไอที/ดิจิทัล การเงิน ขยายมาบตาพุดและอื่นๆ เป็น super cluster (รมว.อรรชกาดู)

- พัฒนานักรบเศรษฐกิจใหม่ Sme และ start up ใหม่ๆ (technology based/design based start up) ร่วมกับมหาวิทยาลัยให้เปิดสาขาใหม่ๆ แก้กฎระเบียบให้เกิดหลักสูตรใหม่ / พค.ต้องไปหาธุรกิจใหม่ๆ สร้าง port ให้ sme มาเกาะพาไปโลก เช่น สิงคโปร์โมเดล corporate venture

- การลงทุนขนาดใหญ่ ให้โครงสร้างพื้นฐานพร้อมแข่ง เช่น รถไฟรางคู่และอื่นๆ ให้ท่านอาคมเร่งให้เกิดโดยเร็ว เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจตามเส้นทาง เชื่อว่าอีสานจะบูมมาก / ทุกโครงการใหญ่จะเป็น PPP (รัฐร่วมกับเอกชน) / ตัววัดคือ economic return ไม่ใช่ IRR และจะดูงบให้เหมาะสม (คลังดู) / เครือข่าย IT, Smart City, Smart Nation ให้ดูอย่างสิงคโปร์โมเดล ซึ่งสิงคโปร์ใช้คน bright ที่สุดทำ (ดร.อุตตมะ)

- เพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐด้านเศรษฐกิจ รัฐวิสาหกิจ ปฎิรูปการเงินการคลัง ทำให้ตลาดทุนเชื่อมกับโลกและโปร่งใส

 

 

 

 

11919118_10207023169004897_884279757494739085_n.jpg?oh=75a85f294ddbfe2da33ce9c9f2fcf756&oe=563592B7&__gda__=1449804060_c7c04a270dab12cc0fe1cfa4553d1418

Cr วรวรรณ ธาราภูมิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลล์แข็งค่าแตะกรอบล่าง 121 เยน ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 10:43:13 น.

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะกรอบล่างของ 121 เยนที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวในช่วงเช้าวันนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้

 

 

 

ณ เที่ยงวันนี้ ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์ซื้อขายที่ระดับ 121.06-121.13 เยน เมื่อเทียบกับ 120.98-121.08 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 120.43-45 เยนที่ตลาดโตเกียว ณ เวลา 17.00 น. เมื่อวานนี้

 

ยูโรซื้อขายที่ระดับ 1.1261-1.1262 ดอลลาร์ และ 136.32-136.34 เยนเมื่อเทียบกับ 1.1241-1.1251 ดอลลาร์ และ 135.98-136.08 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 1.1308-1.1310 ดอลลาร์ และ 136.19-136.23 เยนที่ตลาดโตเกียวในช่วงบ่ายวานนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า GDP จะมีการขยายตัว 3.3% ในไตรมาสดังกล่าว

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย หลังจากที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2238854

 

 

(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 35.69 อ่อนค่าตามภูมิภาค รอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นศก.รัฐบาล

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 11:06:29 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.69 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.63/65 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามภูมิภาค เนื่องจากยังคงมีกระแสเงินทุนต่างประเทศไหลออก

 

"เงินบาทอ่อนค่าจากช่วงเย็นวานนี้เนื่องจาก flow ในตลาดทุนยังไหลออกต่อเนื่อง" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

 

ปัจจัยภายนอกจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐเมื่อคืนนี้มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนปัจจัยภายในมีกระแสตอบรับเชิงบวกของภาคเอกชนเกี่ยวกับความเชื่อมั่นหลังฟังคำชี้แจงจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจแล้ว ซึ่งต้องรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกตามมา

 

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 35.65-35.75 บาท/ดอลลาร์

 

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.7800 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(27 ส.ค.) อยู่ที่ 1.86067% ส่วน THAI BAHT FIX 6M(27 ส.ค.) อยู่ที่ 1.79949%

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 121.08 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.32/33 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1244 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1280/1284 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.6500 บาท/ดอลลาร์

 

- กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 27 แห่ง จำนวน 59 คน เรื่อง "ประเมินผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ครบ 1 ปี" โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 17-25 ส.ค. 58 พบว่า ผลงานการบริหารเศรษฐกิจในภาพรวมของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยให้คะแนน 5.32 คะแนน จากคะแนนเต็ม10 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ 5.62 คะแนน แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ได้ 4.08 คะแนน และสูงกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่ได้ 5.12 คะแนน

 

- นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะเสนอกฎหมาย เพื่อยกเว้นภาษีให้แก่บริษัทนิติบุคคลที่ประกอบกิจการทางด้านสังคม หรือ Social Business เพื่อเป็นการกระตุ้นให้บริษัทขนาดใหญ่ลงทุนเพื่อสังคมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ กรมสรรพากรได้เสนอกฎหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรียบร้อยแล้ว และหาก รมว.คลังไม่มีความเห็นที่แตกต่างจากกรมสรรพากร คาดว่า ในเร็วๆนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

 

- นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนกรกฎาคม 2558 มีมูลค่าการส่งออก 18,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.56 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่ 7 ส่วนการนำเข้าเดือนกรกฎาคม 2558 มีมูลค่า 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.73 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไทยเกินดุลการค้าประมาณ 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวและภาพรวมการส่งออกยังคงติดลบ แต่คาดว่าปลายปีจะมีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้ตัวเลขการส่งออกติดลบไม่ถึงร้อยละ 3 ตามที่คาดการณ์ไว้

 

- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ครั้งล่าสุดของธนาคารกลางจีน (PBOC) จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ขณะที่ลดต้นทุนการกู้ยืมลง ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สำหรับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.7% โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและของรัฐบาล

 

-สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ขยับขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 110.9 ในเดือนก.ค. จากระดับ 110.4 ในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพุ่งขึ้น 7.4% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพ

 

- นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า ภาวะผันผวนในตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา จะสร้างความซับซ้อนให้กับการตัดสินใจของเฟดในการประชุมเดือนหน้า อย่างไรก็ดี นางจอร์จมีความเห็นว่า เฟดมีความจำเป็นต้องเริ่มต้นปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติ

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 3.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 4.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,122.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 37.6 เซนต์ ปิดที่ 14.417 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 25.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,006 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.พุ่งขึ้น 38.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 568.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดี โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน จาก 119.50 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9653 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7099 ดอลลาร์

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2238874

 

อดีตเลขาฯยูเอ็นเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง ชี้ควรให้เวลาจีนริหารจัดการ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 10:40:09 น.

นายโคฟี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง และไม่คิดว่า วิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้

 

นายอันนันแสดงความคิดเห็นระหว่างกล่าวปราศรัยภายใต้หัวข้อ "Challenging Business to Become Leaders in Sustainable Development"

 

ในงาน Midas Touch Asia ซึ่งเป็นงานประจำปีที่มีจุดประสงค์ให้เหล่าบุคคลอันทรงเกียรติ และผู้ประกอบการได้พบปะและแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน

 

 

 

การที่ตลาดหุ้นจีนดิ่งลงหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาจนสั่นสะเทือนไปทั่วโลก และบรรดานักวิเคราะห์ชาติตะวันตกต่างคิดว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกมาจากความผันผวนของตลาดหุ้นจีน หรือการปรับกลไกอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างชาติของจีน ที่ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง

 

นักวิเคราะห์บางท่านมีความเห็นว่า วิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะตกต่ำลงกว่าเดิม สวนทางกับนายอันนัน ซึ่งจบปริญญาตรีด้านเศรษฐกิจและเข้าทำงานกับยูเอ็นช่วงแรกในตำแหน่งด้านงานบริหารและงบประมาณที่มีความเห็นว่า เศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง

 

นายอันนัน กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญความยากลำบาก แต่ก็ยังแข็งแกร่ง และผมไม่คิดว่าเราจะได้เห็นวิกฤติเศรษฐกิจลักษณะเดียวกันกับวิกฤติอาเซียน หรือวิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปี 2551 และ 2552 ที่พวกเราเพิ่งจะผ่านมาได้" พร้อมระบุว่า ตลาดไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องให้เวลาจีนในการจัดการตัวเองสักพักหนึ่ง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2238845

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาเลเซียเตรียมรับมือกลุ่มผู้ประท้วงขับไล่นาจิบ ราซัคเสาร์-อาทิตย์นี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 11:15:24 น.

ตำรวจมาเลเซียได้ปิดกั้นพื้นที่หลายส่วนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนวางแผนที่จะเดินขบวนเรียกร้องให้นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ลาออกจากตำแหน่งในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์นี้

 

ที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองของมาเลเซียตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย ภายหลังจากที่มีรายงานข่าวว่า มีการโอนเงินหลายพันล้านริงกิตเข้าบัญชีของนายราซัคเมื่อปี 2556 ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลง และต่อมาได้มีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อดึงตัวนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยออกจากตำแหน่ง

 

ทั้งนี้ กลุ่มเบอริชคาดว่า จะมีประชาชน 2 แสนรายเข้าร่วมเดินขบวนประท้วงในกัวลาลัมเปอร์ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทางด้านตำรวจได้เตรียมกำลังพลไว้ประมาณ 4,000 ราย เพื่อรับมือกับเหตุประท้วงครั้งล่าสุดนี้

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2238879

 

สถานการณ์ในรัฐคุชราตของอินเดียยังตึงเครียด จากเหตุประท้วงชนชั้นวรรณะ

 

 

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 11:05:00 น.

สถานการณ์ในรัฐคุชราตยังคงตึงเครียด โดยความรุนแรงจากการชุมนุมประท้วงเรื่องชนชั้นระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย

 

ทั้งนี้ รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ภายหลังจากที่สมาชิกกลุ่มพาเทลที่เรียกร้องสิทธิในการประกอบอาชีพจากรัฐบาล เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนในพื้นที่

 

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ

 

เหตุปะทะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายฮาร์ดิก พาเทล แกนนำผู้ชุมนุมไว้เพียงเวลาสั้นๆ ขณะขึ้นเวทีปราศัยการชุมนุมในเมืองอาห์เมดาบาล

 

ความรุนแรงจากการชุมนุมดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 8 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพ่อลูก นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บอีก 12 ราย สถานีตำรวจ 40 แห่ง และรถโดยสาร 70 คันถูกไฟไหม้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2238873

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ พักผ่อน มีความสุขมากๆในวันหยุดครับ คุณginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11951385_10153650429469653_8711978850301255645_n.jpg?oh=5b974f4f5643c75bba2574b1005cf3fc&oe=565FF7FD

สวัสดีวันจันทร์ เพื่อน พี่น้อง

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 06:11:27 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 28 ส.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ขยับลงไม่มากนัก ในขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 สามารถปิดในแดนบวก

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,643.01 จุด ลดลง 11.76 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,988.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ +0.06% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,828.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ +0.32%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิงจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 363.28 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,675.13 จุด เพิ่มขึ้น 16.95 จุด หรือ +0.36% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ ที่ 6,247.94 จุด เพิ่มขึ้น 55.91 จุด หรือ +0.90% แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,298.53 จุด ลดลง 17.09 จุด หรือ -0.17%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะประเภทต่างๆปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,247.94 จุด เพิ่มขึ้น 55.91 จุด หรือ +0.90%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มที่สดใส เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11.4 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,134 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 11.2 เซนต์ ปิดที่ 14.549 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 15.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,021.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 22.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 590.15 อลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (28 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 121.33 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 120.68 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9630 ฟรังค์ จากระดับ 0.9653 ฟรังค์

 

ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1179 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5391 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7164 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,643.01 จุด ลดลง 11.76 จุด, -0.07%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,988.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.21 จุด, +0.06%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,828.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด, +0.32%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,247.94 จุด เพิ่มขึ้น 55.91 จุด, +0.90%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,298.53 จุด ลดลง 17.09 จุด, -0.17%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,675.13 จุด เพิ่มขึ้น 16.95 จุด, +0.36%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,019.18 จุด เพิ่มขึ้น 194.63 จุด, +2.49%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,136.32 จุด เพิ่มขึ้น 561.88 จุด, +3.03%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,937.67 จุด เพิ่มขึ้น 29.67 จุด, +1.56%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,274.70 จุด เพิ่มขึ้น 32.10 จุด, +0.61%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,263.60 จุด เพิ่มขึ้น 30.30 จุด, +0.58%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,232.35 จุด เพิ่มขึ้น 148.76 จุด, +4.82%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,098.81 จุด เพิ่มขึ้น 76.72 จุด, +1.09%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,612.39 จุด ลดลง 226.15 จุด, -1.04%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 570.87 จุด เพิ่มขึ้น 15.06 จุด, +2.71%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,446.20 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด, +0.35%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,955.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด, +0.36%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,612.74 จุด เพิ่มขึ้น 11.04 จุด, +0.69%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,392.38 จุด เพิ่มขึ้น 161.19 จุด, +0.61%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2239804

 

 

 

TOPICS TODAY: ธปท.แถลงแนวทางผ่อนคลายเกณฑ์ลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ/สศค.-สศอ.แถลงตัวเลขศก.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 10:21:25 น.

ติดตามการประกาศแนวทางการผ่อนคลายการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นแนวทางที่มีการกำหนดไว้ตามแผนการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ในปี 58 เพื่อเป้นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนมากขึ้น

 

 

 

- นอกจากนี้ วันนี้จะมีการรายงานตัวเลขสำคัญ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงข่าวรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ก.ค. 2558 ณ ห้องแถลงข่าวกระทรวงการคลัง

 

- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าวประเด็น“ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2558" ณ ห้อง 202 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

 

- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เปิดให้รับเอกสารประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ และลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมชี้แจงการกรอกแบบคำขอใบอนุญาต ณ อาคารหอประชุมชั้น 1 สำนักงาน กสทช.

 

- บมจ. ไทยคม (THCOM) แถลงข่าวสำคัญ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ ไทยคม ซิตี้ เซ็นเตอร์, อาคาร เอสเจ อินฟินิท วัน ชั้น 28

 

- บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จัดงานแกรนด์โอเพนนิ่ง เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต เพื่อเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฝั่งตะวันตก ก่อนเปิดให้บริการ 28 ส.ค.นี้

 

- บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) จับมือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามในสัญญาความร่วมมือครั้งสำคัญ เป็น “สถาบันพี่สถาบันน้อง (Sister Institutions)” กับ สถาบันมะเร็ง MD Anderson แห่งมหาวิทยาลัยเทกซัส สหรัฐอเมริกา

 

- สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) มจัดงานสัมมนาแห่งปี "DAAT DAY 2015" ณ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์, เซ็นทาราแกรนด์ เ

 

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคมนี้ โดยในวันนี้นายกรัฐมนตรีจะวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ โฮเซ ริซาล และเดินทางไปทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และแถลงข่าวร่วมกันกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หลังจากนั้น ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ โดยนายกฯ พร้อมคณะจะเดินทางกลับประเทศไทย ในเวลา 16.45 น.

 

- นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ แถลงข่าวการมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร (บริเวณห้องกระจก) ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะมีการแถลงนโยบายแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างความเชื่อมั่นโดยจะมีการเพิ่มเติมแผนงานเดิมที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลค่าครองชีพ เชื่อว่าจะผลักดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

 

- กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวการจัดงาน “ตื่นตาสินค้า GI ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน” ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

 

- นอกจากนี้ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบคลังข้าวเกรด C และข้าวเสีย

 

ณ คลังสินค้ากลางสมศักดิ์คลองสามวา หลัง 2 เพื่อตรวจสอบขั้นตอนการคัดแยกข้าวดี และข้าวเสีย รวมถึงคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด เพื่อจะได้ทราบว่าหากรัฐบาลจะขายข้าวเกรดซีและข้าวเสียทั้งหมด 5.89 ล้านตันด้วยวิธีการใดจะคุ้มค่ามากที่สุด และรัฐบาลได้ประโยชน์สูงสุด ระหว่างการขายแบบยกคลัง หรือการคัดแยกข้าวก่อนขาย

 

- พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปภารกิจและบทบาทของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ ที่กรมฯ สะพานกษัตริย์ศึก พระราม 1 ห้องประชุม 11 อาคาร 7

 

- วันนี้ติดตามความคืบหน้าคดีที่กองทัพบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีหรือไม่ในวันนี้

 

- คณะกรรมาธิการ(กมธ. )ยกร่างรัฐธรรมนูญ เชิญสื่อมวลชนร่วมซักถามประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญต่อ

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2238810

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

11889627_477779959048296_8306592643980507068_n.jpg?oh=f6dd90b17d9fcfd8d40c929ec933bced&oe=566A2003&__gda__=1450512903_44d92ae9b76020b11465e4c45c600db0

 

ปูพรมล่าทีมวางระเบิด ล็อกเป้า5จุด ‘จักรทิพย์’ยันไม่จับแพะ

 

 

ข่าวทั่วไป RYT9 -- จันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2558 06:00:00 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

ปูพรมล่าทีมวางระเบิด

ล็อกเป้า5จุด

‘จักรทิพย์’ยันไม่จับแพะ

พบจ้องก่อเหตุอีกหลายแห่ง

ลุยยึดอุปกรณ์สังหารเพียบ

เร่งหาหญิงไทยส่อมีเอี่ยว

แฉเข้าพักห้องเช่าเกิน2คน

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วย ผบ.ตร.) และโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังบุกจับกุมนายอาเด็ม คาราดัก (Mr.Adem Karadag) อายุ 28 ปี ที่อ้างว่ามาจากนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนท์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก กทม.ว่า

 

 

 

เวลาประมาณ 07.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน ได้เข้าสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่มณฑลทหารบกที่11 แต่ผู้ต้องสงสัยยังให้การปฏิเสธ และยังระบุชื่อ รวมถึงสัญชาติที่แท้จริงไม่ได้

 

ยันชายต่างชาติเอี่ยวบึ้มจริง

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผู้ต้องสงสัยให้การเพียงว่ามาจากต่างประเทศประเทศหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยหา รวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับที่พบบนรถสามล้อรับจ้าง และรถแท็กซี่ในวันเกิดเหตุ และส่งของกลาง อาทิ วัสดุประกอบระเบิดที่ตรวจยึดได้ให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ตรวจสอบแล้ว พบว่าลักษณะการประกอบระเบิดเป็นรูปแบบเดียวกับทั้งราชประสงค์ และสาทร และจากหลักฐานที่พบสันนิษฐานได้ว่าเตรียมก่อเหตุอีกหลายจุด

 

“จากการตรวจสอบของ พฐ. ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรแน่นอน เพราะผลการตรวจสอบวัตถุพยานทั้งเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ภายในห้อง พบดินระเบิดชนิดเดียวกับที่สาทร” โฆษก ตร.กล่าว

 

เช็คโทรศัพท์ตามล่าเครือข่าย

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยรายนี้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะมีระเบิดด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจอย่างละเอียดว่าช่วง 1 ถึง 2 วัน ก่อนและหลังเกิดเหตุมีการโทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลใดบ้าง เพื่อสาวให้ถึงผู้บงการก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสี่แยกราชประสงค์หรือไม่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยคาดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดเฝ้าติดตามบุคคลกลุ่มนี้แล้ว รวมทั้งคาดว่าน่าจะมีคนไทยเกี่ยวข้องด้วย

 

คาดแค้นส่วนตัวชนวนวางบึ้ม

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นความแค้นส่วนตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้กวาดล้างจับกุมชาวต่างชาติ ส่วนจะเชื่อมโยงกับใคร มีใครเป็นผู้จ้างวาน มีวัตถุประสงค์อะไรนั้น ยังเร็วไปที่จะตอบ และขณะนี้ได้ประสานตำรวจต่างประเทศในการจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่อาจหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

 

“เจ้าหน้าที่มีการตั้งชุดทำงานกว่า 10 ทีม เพื่อแกะรอยหากลุ่มผู้ร่วมขบวนการ หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีใครที่มีการติดต่อ หรือเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่จะเชิญตัวมาสอบปากคำ สำหรับการออกหมายจับเพิ่มนั้นใน 2-3วันนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว

 

ตุรกีปัดไม่ใช่พลเมืองตัวเอง

พล.ต.ท.ประวุฒิ ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ได้ออกมายืนยันแล้วว่าจากการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกี และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพลเมืองของประเทศใด ซึ่งสถานทูตต่างๆได้ประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบประวัติและสัญชาติของผู้ต้องสงสัยแล้ว

 

เค้นสอบแท็กซี่ยังพูดสับสน

โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า ขณะที่การเรียกสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ในวันเกิดเหตุหลายครั้ง เนื่องจากการให้การสับสน และยังไม่ตรงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพบว่าข้อมูลทางโทรศัพท์ของคนขับแท็กซี่มีการติดต่อกับผู้ต้องสงสัยหลายครั้ง

 

สั่งควานหาตัวแก๊งบึ้ม5จุด

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังร่วมสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ 1 รายที่คุมตัวมาจาก จ.สุรินทร์ ว่า เนื่องจากหลังสอบปากคำครั้งแรกแล้วเสร็จ ปรากฏว่ายังมีหลายส่วนที่ไม่ค่อยเชื่อมโยงกัน จึงต้องสอบปากคำอีกครั้ง เพราะพบว่ามีการติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ที่น่าสงสัย แต่เท่าที่สอบปากคำเจ้าตัวยังให้การสับสน

 

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวยืนยันว่า จากแนวทางการสืบสวนมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ โดยเชื่อว่าไม่สามารถทำคนเดียวได้ แต่จะมีผู้เกี่ยวข้องกี่คนยังบอกไม่ได้ และไม่กังวลว่าผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจะสร้างสถานการณ์อีก แต่ต้องใช้ความรอบคอบใช้เวลาในการสืบสวนต่อไป ขอเวลาให้ทีมงานสอบสวนหาข้อมูลให้มากพอ ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ยืนยันไม่จับแพะมาแน่นอน สำหรับการสืบสวนขยายผลต่อเนื่องในขบวนการนี้ ยืนยันว่ามีมากกว่านี้อีกหลายคนและเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรอย่างแน่นอน ตอนนี้ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่อีก 4-5 จุด เพื่อสอบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจุดใดบ้าง

 

แฉชายถูกจับคนส่งระเบิด

ด้านแหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยอาจเป็นผู้ส่งมอบระเบิดให้แก่ผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่ราชประสงค์ ให้ที่สถานีหัวลำโพง และคาดว่ามือระเบิดอาจหลบหนีออกนอกประเทศโดยเครื่องบินแล้ว

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยตลอดทั้งคืนวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา และวันที่ 30 สิงหาคม ได้สอบปากคำเพิ่มเติมอีก ทั้งเรื่องการเช่าห้องพัก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดต่างๆที่พบภายในห้องพัก รวมถึงพาสปอร์ตปลอม และประเด็นความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำกล้องวงจรปิดของหอพัก และบริเวณโดยรอบไปตรวจสอบว่ามีบุคคลที่เข้า-ออกภายในหอพักอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่มาเช่าห้องพักว่าเป็นใคร

 

คสช.เตือนระวังการวิจารณ์

ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า ยังมีผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์พักรักษาตัวอยู่อีกเพียง 31 ราย ส่วนงานสืบสวนทางคดีคืบหน้าไปตามลำดับ โดยอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนผู้ต้องสงสัย และรวบรวมพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจยึดมาได้ รวมทั้งขยายผลเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายคดี ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

 

“เจ้าหน้าที่จะพิจารณาในทุกมิติเพื่อคลี่คลายคดีนี้ แต่ขอให้ระมัดระวังการวิจารณ์ อย่านำไปเชื่อมโยงต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลทางลบต่อประเทศชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” โฆษก คสช.กล่าว

 

แจงหลักฐานมี4ภาพเท่านั้น

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์การเผยแพร่ภาพเสื้อเกราะติดระเบิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวชายชาวต่างชาติ ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ภาพข่าวต่างๆในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายในขณะนี้ทางศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.ขอแจ้งว่าภาพทางการในการแถลงการณ์ร่วมระหว่างตนและพล.ต.ท.ประวุฒิ เกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องสงสัยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีเพียง 4 ภาพเท่านั้น คือ ภาพอุปกรณ์ประกอบระเบิดและพาสปอร์ตปลอม นอกเหนือจากนั้นเป็นภาพของสื่อมวลชนเองทั้งสิ้น

 

ป.เร่งหาหลักฐานมัดขบวนการ

เวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พร้อมด้วยชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดในส่วนของ บก.ป.ได้ร่วมประชุมสรุปผลการปฏิบัติการ หลังจากมีการเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ โดยที่ประชุมได้แบ่งงานให้แต่ละกองกำกับการ ทำหน้าที่สืบสวนร่วมกับตำรวจนครบาล ออกหาข่าว และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในบริเวณพูลอนันต์อพาร์ตเมนท์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์11 เขตหนองจอก ที่จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ เพื่อขยายผลในกรณีที่อาจยังมีผู้ร่วมขบวนการหลงเหลืออยู่ รวมถึงเร่งตรวจสอบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากที่เกิดเหตุ เพื่อขยายผลถึงบุคคลอื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการ แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารที่พักของผู้ต้องสงสัยช่วงเวลาเกิดเหตุยังไม่พบมีผู้ต้องสงสัยรายอื่นปรากฏ

 

ลุยค้นรังเครือข่ายมือระเบิด

นอกจากนี้ มีรายงานว่าในคืนวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ทางชุดสืบสวนได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 9106 อาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ซึ่งผู้ต้องหาระบุว่าเป็นจุดซุกซ่อนวัตถุระเบิด และพบวัตถุประกอบระเบิด เช่น ปุ๋ยยูเรีย , สายไฟสีดำ , หลอดไฟฟ้าประดับต้นไม้ สายไฟสีน้ำเงิน และกระเป๋าเป้ใส่หนังสือ เป็นต้น ทาง บก.ป.จึงได้ประสานกับตำรวจ สน.มีนบุรี เพื่อให้ติดตามตัวผู้เปิดห้องเช่าดังกล่าวมาสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นเจ้าของหอพักดังกล่าวให้การกับตำรวจว่ามีหญิงไทยคนหนึ่งใช้ชื่อว่า “ไมซาเลาะ” เป็นคนมาเปิดห้องเช่าไว้ แต่ระหว่างการตรวจค้นยังไม่พบตัวนางไมซาเลาะ เจ้าของห้อง ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นที่แน่ชัดว่า นางไมซาเลาะ น่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับขบวนการวางระเบิดในครั้งนี้

 

ยึดเครื่องบัดกรีไปตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3(รอง ผบก.น.3) กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 30สิงหาคม ชุดสืบสวน สน.มีนบุรี และ บก.น.3 พร้อมทหารสนธิกำลังนำหมายศาล เข้าตรวจอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม อีกครั้ง โดยจากการตรวจค้นสามารถเปิดห้องพักตรวจได้ทั้งหมด 21 ห้อง ส่วนอีก 9 ห้อง ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของห้องได้ ซึ่งจะมีการวางกำลังไว้ เพื่อตรวจค้นเพิ่มเติม เบื้องต้นสามารถตรวจยึดสิ่งของได้จำนวนหนึ่ง อาทิ เครื่องมือบัดกรี ที่ตรวจยึดได้จากห้องพักหมายเลข 9102 โดยจะส่งให้ พฐ.ตรวจสอบว่า จะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่

 

เปิดเส้นทางเช่าห้องทีมวางบึ้ม

ขณะที่แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนของ บช.น. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำหลานชายผู้ดูแลพูลอนันต์อพาร์ตเมนท์ หอพักที่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้นั้น พบว่า ผู้ต้องสงสัยไม่ได้เป็นผู้ทำสัญญาเช่าห้องพักเอง แต่มีชายชาวต่างชาติอีก 1 คน ที่เคยพักอยู่ก่อนหน้านี้เป็นผู้ทำสัญญาเช่า และพักอยู่ราว 1 ปี ก่อนจะย้ายออกไป แล้วผู้ต้องสงสัยก็ย้ายเข้ามาอยู่แทน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่า ซึ่งการทำสัญญาเช่าตั้งแต่แรกทำไว้ 5 ห้อง ต่อมาลดเหลือ 2 ห้อง คือ ห้องหมายเลข 412 และ 414 ซึ่งเป็นห้องที่ตำรวจตรวจพบวัตถุระเบิด ส่วนการจ่ายค่าห้องพักจะมีชายชาวต่างชาติอีก 1 คน เป็นผู้ดำเนินการ

 

พบเข้าพักอย่างน้อย2คน

นอกจากนี้ พบว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการติดต่อร้านแก๊สในละแวกใกล้เคียงให้นำแก๊สมาส่งที่ห้องพักของผู้ต้องสงสัย แต่นำขึ้นไปติดตั้งไม่ได้ โดยวันที่นำแก๊สมาส่งนั้นคนส่งแก๊ส พบว่า มีชายชาวต่างชาติลงมารับแก๊ส 2 คน โดย 1 ในนั้นพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย อีกคนพูดไม่ได้เลยซึ่งชายที่พูดไทยไม่ได้เลยมีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม ขณะที่ผู้เข้าพักในหอพักดังกล่าวระบุว่าพบชายชาวต่างชาติเข้าพักที่ห้องดังกล่าว และหนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายผู้ต้องสงสัย ซึ่งแทบจะไม่เคยออกมาจากห้องพักเลย ส่วนอีกคนเดินเข้า-ออกหอพักเป็นครั้งคราว โดยพบในเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. ซึ่งชุดสืบสวนจะได้หาหลักฐานเชื่อมโยง เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

 

แกนนำแดงพร้อมจ่าย2ล้าน

ด้านนายสมหวัง อัสราษี อดีตเลขานุการ รมช.พาณิชย์ และหนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สรุปว่ามีความยินดีที่เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวผู้ร่วมขบวนการวางระเบิดที่ราชประสงค์ได้แล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าเงินรางวัล 2 ล้านบาทนั้น ตนพร้อมที่จะนำเงินสดไปมอบให้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเองทันที

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/ryt9/2239808

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สาวโพลแดนซ์แดนมังกรวัย 70 ปี - NOW26.TV

Morning News ช่วง Life Style : สาวโพลแดนซ์แดนมังกรวัย 70 ปี "NOW26" 28-8-58

NOW26.TV|BY BANGKOK BUSINESS BROADCASTING CO., LTD.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(Aug 31) โลกทำใจลำบากจีนปรับโครงสร้างศก.: ความปั่นป่วนในตลาดหุ้นทั่วโลก ด้วยสาเหตุว่าวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ก่อให้เกิดคำถามมากมาย จนหลายฝ่าย รวมถึงผู้นำของหลายประเทศ ต้องออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าทางการจีนจะสามารถบริหารเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวลงไปมากได้

หนึ่งในผู้ออกมาแสดงความเห็นล่าสุดคือพิยุช คุปตะ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารดีบีเอส ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอาจกำลังชะลอตัว แต่ไม่ได้กำลังจะตกเหว นอกจากนั้น เขายังมองว่าความปั่นป่วนในตลาดหุ้นจีน จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวิกฤติการเงินเอเชียปี 2540-41 เพราะภูมิภาคเอเชียทุกวันนี้ มีรากฐานเข้มแข็งขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 18 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การดำดิ่งของราคาหุ้น และการลดค่าเงินหยวนในช่วงที่ผ่านมา ทุบตลาดเงินทั่วโลก และตอกย้ำถึงบทบาทที่มากขึ้นของจีน ในฐานะเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

"เราไม่เห็นว่าประเทศจีน เศรษฐกิจจีน หรือความต้องการจากจีน กำลังดิ่งเหว ปัญหาอาจมีอยู่ในบางภาคที่จะย่ำแย่ และเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว แต่ไม่ได้ตกเหวแน่นอน" คุปตะระบุชัด โดยดีบีเอสเป็นธนาคารชั้นนำของสิงคโปร์และเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเอเชียในแง่สินทรัพย์

คุปตะยังกล่าวว่านักลงทุนควรมองเศรษฐกิจแดนมังกรในภาพรวม พร้อมชี้ว่าจุดที่ถ่วงเศรษฐกิจจีน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการก่อสร้าง สำหรับ ภาคบริการ ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นในเศรษฐกิจนั้น กำลังขยายตัว ส่งผลให้ยอดขายปลีกเบ่งบาน

"หากคุณดูตัวเลขยอดขายปลีกในจีน จะเห็นว่าเติบโตถึง 10-12% จากที่เคยโต 12-14% ซึ่งแม้ลดลงมาบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้ทรุดฮวบลง" คุปตะระบุ พร้อมชี้ว่าแม้ผู้คนพุ่งความสนใจไปที่ดัชนีผู้จัดการจัดซื้อ ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนที่ลดลง แต่กลับไม่ค่อยให้ความสนใจตัวเลขดัชนี ผู้จัดการจัดซื้อในภาคบริการ

ทั้งนี้ การสำรวจของเอกชนพบว่า ดัชนีผู้จัดการจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของจีน ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 77 เดือนเมื่อเดือนส.ค.

คุปตะอธิบายว่า ลำพังแค่ภาคอุตสาหกรรม ไม่ได้ให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจ ที่เพียงพอ เพราะเศรษฐกิจแดนมังกรกำลังเปลี่ยนจากการพึ่งพาการส่งออกอย่างหนัก ไปพึ่งพาการบริโภคในประเทศ

ดัชนีผู้จัดการจัดซื้อภาคบริการ เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 53.9 เมื่อเดือนก.ค. ซึ่งช่วยอธิบายว่า เหตุใดตัวเลขยอดขายปลีกจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง

"การเปลี่ยนผ่านหรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ไม่ใช่ว่าทางการจีน ไม่มีแผนการ" คุปตะระบุ พร้อมเสริมว่าทางการแดนมังกรกำลังนำเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกให้ชะลอตัวอย่างนุ่มนวลหลังจากขยายตัวแบบพุ่งลิ่วมาหลายปี

เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย เพิ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 7% ปีนี้ และ 6.8% ปีหน้า ลดลงจากคาดการณ์เดือนมี.ค. ที่ 7.2% และ 7% ตามลำดับ

ในส่วนของจีนเองนั้นก็ประหลาดใจมากกับปฏิกิริยาของทั่วโลกที่แตกตื่น กรณี การลดค่าเงินหยวน จนมีแนวโน้มว่าแดนมังกร จะดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินอย่างใกล้ชิด ในอนาคตอันใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ค่าเงิน อันอาจเป็นชนวนให้เกิดวิกฤติการเงินในวงกว้าง

เสียงเรียกร้องเป็นการภายในให้ปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงไปถึง 10% นับจาก วันที่ 11 ส.ค. ค่อยๆ จางหายไป เมื่อบรรดาผู้นำแดนมังกรวิตกว่าตลาดจะหวั่นเกรงว่า การเคลื่อนไหวนี้อาจยิ่งกระตุ้นให้กระแส เงินทุนไหลออก ซึ่งสัญญาณของกระแสเงินทุน ไหลออกนี้ เด่นชัดขึ้นในเดือนก.ค.และส.ค.

นักเศรษฐศาสตร์ของรัฐบาลและที่ปรึกษาด้านนโยบาย กล่าวว่าธนาคารกลางจีนจะพยายามพยุงเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าลง เกินระดับ 6.5 หยวนต่อดอลลาร์ อันต่ำกว่าระดับก่อนลดค่าเงิน 4.5%

"โลกมีปฏิกิริยามากกว่าที่คาดหมายไว้ เศรษฐกิจโลกเปราะบางมาก ดังนั้นการ ลดค่าเงินเพื่อให้มีศักยภาพด้านการแข่งขัน อาจส่งผลถึงเศรษฐกิจจีนเอง ในแง่ที่บั่นทอนการส่งออกและการลงทุน" นักเศรษฐศาสตร์ประจำกลุ่มคลังสมองคนหนึ่งระบุ

จริงๆ แล้วธนาคารกลางให้เหตุผลประกอบการลดดอกเบี้ยและสัดส่วนกันสำรองภาคธนาคารเมื่อต้นสัปดาห์ ว่าความผันผวนของค่าเงินเป็นสาเหตุให้สภาพคล่องหดหายไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นสัญญาณว่ากระแส เงินทุนไหลออกในปริมาณที่มากขึ้น ตั้งแต่มีการลดค่าเงินหยวน เพราะนักลงทุนพากันวิตกว่าจีนอาจปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่า ลงไปอีก

นักเศรษฐศาสตร์ประจำกลุ่มคลังสมองของรัฐบาล กล่าวว่าผู้กำหนดนโยบาย อาจประเมินผลกระทบที่จะมีต่อโลก จากการ ลดค่าเงินหยวน ต่ำเกินไป เพราะการ ลดค่าเงินมีขึ้นในช่วงที่หลายฝ่ายกำลังวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจแดนมังกร ผลจากการที่ตลาดหุ้นดำดิ่ง

"คุณเลือกจังหวะลดค่าเงิน ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ แถมตลาดหุ้นก็ร่วง ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดไปยัง ต่างประเทศว่าคุณต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดค่าเงินและนำไปสู่การแข่งกันปล่อยให้ค่าเงินอ่อนลงเพื่อเพิ่มศักยภาพ ด้านการแข่งขัน สภาพการณ์ดังกล่าว ทำให้จีนเหมือนตกเป็นจำเลย เพราะเหมือนเป็นชนวน" นักเศรษฐศาสตร์คนนี้ระบุ

ด้านนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่เงินหยวนจะอ่อนค่าลงไปอีก

ธนาคารกลางจีนจะอาศัยทุนสำรอง สกุลต่างประเทศที่มีจำนวนมากที่สุดในโลกที่ 3.65 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องเงินหยวนจากแรงกดดันให้มีการเทขายในช่วงที่ นักลงทุนพากันถอนตัวออกไป ส่วนนักลงทุนท้องถิ่นก็พากันแปลงหยวนเป็นดอลลาร์

ทั้งนี้ จีนบริหารค่าเงินอย่างใกล้ชิด ด้วยการปล่อยให้ขึ้น-ลงในกรอบ 2% จากค่ากลาง ขณะที่ในการลดค่าเงินเมื่อวันที่ 11 ส.ค.นั้น ได้มีการกำหนดค่ากลางลดลงไปเกือบ 2% ซึ่งนับว่าไม่ได้มากมายนัก และ มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงโดยคำนวณค่ากลางตามกลไกตลาดมากขึ้น แต่ก็สร้างกระแส ตื่นตระหนกไปทั่วเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจีนว่าแท้จริงแล้วอ่อนแอมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งยังมีขึ้นหลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจย่ำแย่ จนหลายฝ่ายวิตกว่าจีนลดค่าเงิน เพื่อกระตุ้นการส่งออก

"เงินหยวนแข็งค่ามากเกินไปจริงๆ ในแง่ของการค้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเหมาะสม ที่จะปล่อยให้อ่อนค่าลง แต่ทั่วโลกกลับ มีปฏิกิริยามากกว่าในประเทศ" นักวิจัย แห่งคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ระบุ พร้อมคาดว่าหลังจากดูแลให้เงินหยวน มีเสถียรภาพไประยะหนึ่งเพื่อสยบกระแส ตื่นตระหนก เงินหยวนอาจอ่อนค่าลง โดยเฉพาะ หากธนาคารกลางสหรัฐเริ่มขึ้นดอกเบี้ย

เกา หยวนเฉิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ แห่งแบงก์ออฟไชนา ประเมินว่าเงินหยวนต้องอ่อนค่าลงอย่างน้อย 10% จึงจะ มีผลกระทบอย่างมีนัยยะต่อการส่งออก และสถานภาพของจีนในฐานะประเทศที่ทำการค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก หมายความว่าจีนต้องตระหนักถึง อิทธิพลของตัวเอง "เงินหยวนกำลังจะกลายเป็นเงินสกุลหลัก ดังนั้นเสถียรภาพของเงินหยวนจะมีผลกระทบ มากต่อเงินสกุลอื่น" เการะบุ

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

 

11947567_1056007524418739_8682309074414228253_n.jpg?oh=0bd99e4e2def71d574562ee162f5724f&oe=566FB1CA

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

(Aug 31) แบงก์ชาติชี้'ดบ.'ใกล้ต่ำสุดค่าบาทสะท้อนพื้นฐานศก. : ธปท.เผยดอกเบี้ยใกล้จุดต่ำสุด ย้ำเป็นไป ไม่ได้แตะ 0% ขณะค่าเงินบาทปัจจุบัน สอดรับพื้นฐานเศรษฐกิจ เอื้อผู้ประกอบการ กลุ่มส่งออก แม้เพิ่มส่งออกไม่ได้ แต่ช่วย ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องเงินบาท พร้อมออกมาตรการผ่อนผันรายย่อยลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศได้โดยตรง เริ่ม ปีหน้า ขณะค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ในรอบ 6 ปีครึ่ง

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รอง ผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่านโยบาย การเงินของไทยยังเป็นไปในทิศทาง ผ่อนปรน โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับปัจจุบันนั้น ถือว่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยสนับสนุน การเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย ส่วนดอกเบี้ยนโยบายนั้น ยอมรับว่าอยู่ในระดับที่ใกล้จุดต่ำสุดแล้ว

"ดอกเบี้ยยังเป็น เครื่องมือหลักของเรา เพียงแต่รูมมีน้อยลง และประสิทธิผลก็ลดลง เราไม่สามารถปรับลงไปที่ศูนย์เหมือนประเทศมหาอำนาจทั้งหลายได้ ดังนั้นของเราก็น่าจะใกล้จุดต่ำสุด ซึ่งเรามีตัวเลขในใจว่าไม่ควรลงไปต่ำกว่าเท่าไร ในอดีตเราเคยต่ำสุดที่ 1.25% ส่วนจะต่ำได้กว่านั้นหรือไม่ เรื่องนี้บอกไม่ได้ ซึ่งดอกเบี้ยถ้าปรับลดแล้วเกิดประสิทธิผล เราก็จะใช้" นางผ่องเพ็ญ กล่าว

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังตัวเลขส่งออก ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยลดดอกเบี้ยครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2558 อยู่ที่ 1.75% และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2558 อยู่ที่ 1.50% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปัจจุบัน

บาทอ่อนไม่ช่วยส่งออกรูปดอลล์เพิ่ม

สำหรับค่าเงินที่อ่อนลงนั้น นางผ่องเพ็ญ กล่าวว่า มีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะอย่างน้อยช่วยในเรื่องสภาพคล่องเงินบาทของผู้ส่งออก และเรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ ธปท. ให้ความสำคัญ "ค่าเงินที่อ่อนลงคงไม่ได้ช่วยทำให้การ ส่งออกในรูปดอลลาร์เพิ่มขึ้น การที่เราจะคาดหวัง ให้การส่งออกดีขึ้น(จากค่าเงินที่อ่อน) คงยาก แต่ก็โอเคเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทแล้ว ทำให้มีเงินบาทเพิ่มขึ้น ก็ช่วยให้ผู้ส่งออกดูแลคนงาน ดูแลธุรกิจได้" นางผ่องเพ็ญ กล่าว

สำหรับคำถามที่ว่าตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเงินบาทที่อ่อนลงราว 8% ถือว่าเร็วไปหรือไม่ นางผ่องเพ็ญ กล่าวว่า ต้องดูว่าเทียบกับอะไร ถ้าเทียบกับอดีตก็อาจจะเร็วไป เพียงแต่สถานการณ์มีความแตกต่างกัน แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ของเราถือว่าอ่อนค่าลงน้อยกว่าคนอื่น เพราะบางประเทศอ่อนลงมากกว่า 10% เช่น มาเลเซียที่อ่อนลง 17% ตุรกี 20% แม็กซิโก 12% และ บราซิล 23%

ชี้ค่าเงินอ่อนเหตุดูแลศก.ภายใน

นางผ่องเพ็ญ กล่าวด้วยว่า การอ่อนค่าลงของสกุลเงินต่างๆ ไม่ได้เกิดจากสถานการณ์สงคราม ค่าเงิน เพราะเชื่อว่าทุกคนไม่ได้พยายามแข่งกันลดค่าเงิน แต่เป็นเพียงการดูแลเศรษฐกิจของตัวเองเท่านั้น

"หากเกิดสงครามค่าเงินใครได้ประโยชน์ เพราะถ้าทุกคนกดค่าเงินตัวเองลงมา คนที่อยู่สูงกว่าโดดลงมาเล่นในระดับที่ต่ำกว่า แบบนี้ก็ไม่ได้ไปไหน จึงไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนพยายามกดค่าเงินลงมาเพื่อแข่งกับคนอื่น แต่เป็นการทำเพื่อดูแลเศรษฐกิจของตัวเองเท่านั้น"นางผ่องเพ็ญกล่าว

ธปท.ผ่อนเกณฑ์รายย่อยลงทุนนอก

นอกจากนี้ นางผ่องเพ็ญ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายเฟส 2 ด้วยว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ธปท. จะผ่อนคลายเพิ่มเติมให้ผู้ลงทุนรายย่อย สามารถออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ โดยไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ

ระยะแรกจะอนุญาตให้เฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่มีคุณสมบัติพร้อม (Qualified invester) กล่าวคือ เป็นผู้ที่มีสินทรัพย์สภาพคล่อง ได้แก่ เงินฝาก หรือพอร์ตการลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป หากเป็นนิติบุคคลต้องมีสินทรัพย์รวม 1,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มในปี 2559

เปิดทางลงทุนทุกประเภท

สำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุน เปิดให้สามารถลงทุนได้ทุกประเภท รวมทั้งอนุพันธ์ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่จะอนุญาตให้ออกไปได้ในวงเงินปีละ 5 ล้านดอลลาร์ เพียงแต่ นักลงทุนกลุ่มนี้มีหน้าที่ต้องแจ้งความประสงค์การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศกับทาง ธปท. เป็นรายปี ขณะเดียวกันต้องรายงานการลงทุนในหลักทรัพย์เป็นรายเดือนมายังธปท. และต้องจัดเก็บเอกสารการลงทุนด้วย

ทั้งนี้หากไม่รายงานและจัดเก็บเอกสารตามที่กำหนด ธปท. จะไม่ออกแบบรับทราบการแจ้งความประสงค์ ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการ ซื้อเงินกับธนาคารพาณิชย์ในปีต่อไป

"เท่าที่เราตรวจสอบดูพบว่า คนไทยที่มีเงินฝากกับแบงก์พาณิชย์ที่มากกว่า 100 ล้านบาท ขึ้นไปมีประมาณ 3 พันราย อันนี้ยังไม่รวมกับพอร์ตการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นคนที่มีคุณสมบัติที่ออกไปลงทุนได้ในปีหน้า คาดว่าจะมีพอสมควร" นางผ่องเพ็ญ กล่าว

ระยะสองไฟเขียวรายย่อยทุกราย

ส่วนระยะที่สอง จะเปิดให้กับผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไปโดยไม่จำกัดคุณสมบัติเรื่องสินทรัพย์สภาพคล่อง ซึ่งจะอนุญาตให้ออกไปลงทุนได้ในปี 2560 เป็นต้นไป โดยประเภทการลงทุนสามารถลงทุนได้ในหลักทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงเงินฝากในต่างประเทศ ส่วนการลงทุนในอนุพันธ์อนุญาตให้เฉพาะที่ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น

"เรื่องนี้เราดูกันมานานมาก ซึ่งจริงๆ จะเปิดให้ตั้งแต่ในปีนี้แล้ว เพียงแต่ที่ต้องเลื่อนออกไปเป็นเรื่องของความพร้อมในฝั่งผู้ขาย ที่เขาขอเวลาในการเตรียมตัว เนื่องจากมีประเด็นเรื่องการแข่งขันจากผู้ให้บริการในต่างประเทศ จึงเลื่อนระยะเวลาผ่อนคลายออกไปเป็นปีหน้าแทน”

ดีเดย์ก.ย.ส่งเสริมความรู้

นางผ่องเพ็ญ กล่าวว่า ระหว่างนี้ ธปท.ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อทำความเข้าใจแก่นักลงทุนรายย่อยที่ต้องการไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเองโดยไม่ผ่านตัวกลาง โดยจะดำเนินการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางการเงินแก่ ผู้ลงทุนด้วยการจัดสัมมนา 2 โดยครั้งแรกวันที่ 1 ก.ย.นี้ สัมมนา "มิติใหม่ลงทุนนอกด้วยตัวเอง" ส่วนครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นเดือน พ.ย.และจัดทำหนังสือคู่มีการลงทุน "มิติใหม่ลงทุนนอกด้วยตนเอง"สศค.ชี้บาทผันผวนส่งออกเสี่ยง

นางสาวกุลา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การค่าอ่อนลงของเงินบาทเทียบดอลลาร์อย่างรวดเร็วขณะนี้ เป็นการอ่อนค่าผันผวน ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ในลักษณะที่เป็นความเสี่ยงมากกว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนหรือได้ประโยชน์ ซึ่งผู้ส่งออกควรที่จะบริหารความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดต้นทุนด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

บาท/ดอลลาร์ร่วงต่ำสุดรอบ6ปีครึ่ง

วานนี้ (28 ส.ค.) สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลง แม้ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้นต่อเนื่องก็ตาม ซึ่งบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นยังคงเปราะบางท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว บาทต่อดอลลาร์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ผ่อนคลายกฎการลงทุนในต่างประเทศ และระบุว่า ค่าเงินบาทสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง

สกุลเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือแข็งค่าสวนกระแสภูมิภาค โดยหยวนพุ่งขึ้นอย่างมาก ขณะที่พบว่าธนาคารกลางจีนได้เข้าแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินหยวนดอลลาร์ไต้หวันและวอนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์จากแรงซื้อของกลุ่มผู้ส่งออกเพื่อชำระบัญชีในช่วงปลายเดือน

หุ้นเอเชียพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นจีนพุ่งขึ้นกว่า 3% และหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นเช่นกันเนื่องจากข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวมากเกินคาดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของจีนและทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วน เนื่องจากตลาดหุ้นดิ่งลง และมีความเห็นเชิงลบต่อจีน เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ได้แสดงความระมัดระวังเกี่ยวกับการขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในระยะใกล้

นักลงทุนกำลังรอฟังความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับนโยบายให้เป็นปกติจากเจ้าหน้าที่เฟดที่จะเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองแจ็คสัน โฮลระหว่างวันที่ 27-29 ส.ค.นี้

บาทต่อดอลลาร์ร่วงลงถึง 0.8% มาที่ 35.90 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552

ในช่วงท้ายตลาด บาทต่อดอลลาร์ อยู่ที่ 35.87/88 อ่อนค่าจาก 35.76/78 ในช่วงเช้าวานนี้

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

11917762_1056007954418696_1616980990479521951_n.jpg?oh=a56719eecb66ffa5d672963883d3e736&oe=56744CFD&__gda__=1449816536_12d5ee6b50ac4e84514c8c2365bd3be4

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในวันนี้ปัจจัยที่กระทบราคาทองคำมีปัจจัยส­­­­­­­­­ำคัญอะไรบ้าง ราคาทองจะเป็นเช่นไร รับชมได้ในคลิปนี้ครับ

====

 

ค่าเงินดอลล่าร์ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับทองคำตอน 1500 - 1900ทำให้ต้องคอยดูว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า โดยจะมีการประชุมเฟดในกลางเดือนนี้และตัวเลขการจ้างงานจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันหรือไม่ จะมีการรายงานข้อมูลการจ้างงานในสัปดาห์นี้

นักลงทุนคอยจับตาเฟดมากขึ้นหลังจากที่มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อว่าเฟดจะเปลี่ยนท่าทีเป็นผ่อนคลายลง ทั้งนี้ตัวเลขการจ้างงานจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมาสนับสนุนแนวคิดต่างๆว่าน่าจะเป็นไปในทางใด

ดัชนี VIXที่ยังทรงตัวเกินระดับ 20 จุด ถือว่ายังเป็นบวกต่อทองคำ

http://www.bloomberg.com/quote/VIX:IND

----------------------------------------------------------------------------

ทิศทางราคาทองเข้าสู่ช่วงพักตัว และในภาพหลักยังถือว่าไม่แย่นักมีโอกาสทำทรงขึ้นต่อได้แต่ต้องรอจังหวะและการฟอร์มตัวเสียก่อน มีกรอบราคาสำคัญที่จุดสูงสุด 1160 - 1170 และแนวรับที่ชะลอตัวไว้ที่ 1110 - 1120 เป็นตัวกำหนดเกมส์ในช่วงนี้

โดยถ้าตัวเลขการจ้างงานในคืนวันพุธและวันศุกร์ไม่ต่างจากคาดนักน่าจะยังทรงตัวในกรอบ 1140 - 1145 และ 1110 - 1120

ซึ่งจะทำให้การเข้าสถานะเมื่อย่อตัวและขายออกเมื่อทดสอบแนวต้าน และถ้าในระหว่างวันปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 1128 1130 จะลงทดสอบแนวรับที่ 1110 1120 อีกครั้ง

by Facebook.com/Wealthstation

31/8/58

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...