ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

 

01-Jul-2016

ราคาทองวันนี้

- ทองสมาคมวานนี้ 21850/21950

- SPDR 950.05ตัน/ คงที่

- SPDR Netปีนี้ 950.05ตัน/Netซื้อ 306.49ตัน (+ทอง)

 

เช้านี้...

- Gold Spot 1322

- Dollar95.87/ยูโร1.1108/บาท35.12

ติดตามบทวิเคราะห์...คลิกLink ด้านล่าง

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29jI52N

- คลิปราคาทอง1นาที(อัพเดทตั้งแต่12.00น.)

http://bit.ly/ausiris_youtube

- ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/ausiris_goldprice

- เปิดบัญชี ซื้อ-ขายทองแท่ง Online

 

 

 

 

13566962_1216342251729641_4187903750212987495_n.png?oh=c8810b93225e1e76c3bc70f92361ceb0&oe=57F58C1D

 

13529246_1216342438396289_8855501700476782278_n.png?oh=fb6f68b3cecd3f3688f3a1673eded4b2&oe=57E8993E

 

 

 

Ausiris Gold Investment

Page Liked · 2 hrs ·

 

 

 

01-Jul-2016

สรุปปัจจัยเมื่อวาน – จับตาปัจจัยวันนี้

- Brexit: BOE-อังกฤษส่งสัญญาณทำQEรับมือ Brexit(+ทอง)

- Brexit: "ฟิทช์" พันธบัตรยิลด์ติดลบเยอะมากขึ้น(+ทอง)

- Brexit: S&P ประกาศหั่นเรทติ้ง EU สู่ AA (+ทอง)

- Brexit: IMF เตือนผล Brexit กระทบเศรษฐกิจโลก(+ทอง)

- ขอรับสวัสดิการว่างงาน ผล268K/เพิ่มขึ้น(+ทอง)

- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ผล56.8/เพิ่มขึ้น(-ทอง)

- SPDR วานนี้นิ่งๆ หลังยอดรวมทะลุ950ตัน

- Dow Jones เพิ่มขึ้น 235.31 จุด, +1.33%(-ทอง)

 

วันนี้

All day ติดตามผลกระทบจาก Brexit (EU)

08.00 ดัชนีผจก.ผู้จัดซื้อภาคการผลิต(จีน)

21.00 ดัชนีผจก.ผู้จัดซื้อภาคผลิต(US)

 

Link รวมปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ

-ปฏิทินเศษรฐกิจ

http://bit.ly/22XqJfT

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29jI52N

- คลิปราคาทอง1นาที(อัพเดทตั้งแต่12.00น.)

http://bit.ly/ausiris_youtube

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทรงพระเจริญ

 

ในระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีพระปรอท หรือ ไข้ต่ำๆ บ้างเป็นครั้งคราว พระอาการดีขึ้น

 

13606762_10154365954542922_2904733915826436380_n.jpg?oh=db8f78a2991bc901308b366e76ed8845&oe=57F8A3E8

 

 

 

 

เรารัก สมเด็จพระเทพ ฯ : Our Beloved Princess Maha Chakri Sirindhorn

 

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ ๓๐

 

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานสรุปพระอาการระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน - ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ว่า

 

ในระหว่างเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ มีพระปรอท หรือ ไข้ต่ำๆ บ้างเป็นครั้งคราว พระอาการดีขึ้น แต่ยังถวายออกซิเจน และถวายการดูแลเรื่องพระเสมหะและพระเขฬะ หรือ น้ำลาย ที่ยังมีปริมาณมาก

 

การถวายการตรวจติดตามพระอาการภาวะน้ำไขสันหลังในโพรงพระสมองมากกว่าปรกติ หลังจากได้ถวายการแก้ไขด้วยการปรับสายระบายน้ำในช่องพระนาภี หรือ ช่องท้อง ได้ถวายการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ พบว่ามีปริมาณลดลง แต่การระบายยังน้อยกว่าปรกติ คณะแพทย์ฯ จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปรับสายเพื่อเพิ่มการระบายน้ำไขสันหลัง เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ผลเป็นที่น่าพอใจ

 

พระอาการทางพระหทัย หลังจากถวายการแก้ไขการตีบแคบของหลอดพระโลหิต เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ผลการตรวจติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นระยะ และผลการตรวจพระหทัยด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (Echocardiography) เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ บ่งชี้ว่า การทำงานของกล้ามเนื้อพระหทัยเป็นที่พอใจ

 

หากไม่มีพระอาการผิดปรกติใดๆ คณะแพทย์ฯ จะรายงานพระอาการสรุปเป็นรายเดือน

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

สำนักพระราชวัง.

 

๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙

ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคล

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์

ขอพระองค์ทรงเป็นพระมิ่งขวัญของพสกนิกรปวงชนชาวไทย ตลอดกาลตลอดไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

เมื่อวันพุธที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๘.๓๗ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารรัตนเวชธร ณ โรงพยาบาลท่ายาง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

ขอบคุณภาพ.FB_Prd-Phetchaburi Province

 

13507254_10154358403987922_8045391464112938798_n.jpg?oh=e159c5e84cf8fa166eb0b82c293aa66e&oe=582FD628

 

 

 

 

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

วันที่ 4 กรกฎาคม 2559 ทรงเจริญพระชันษา 59 ปี

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงหายจากพระอาการประชวร

 

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้า แฟนเพจ Princess Chulabhorn FC

 

 

 

13529010_1215608161825365_4762276486565216852_n.jpg?oh=c4824cf7bc59ba7d88ea13d093bce3ff&oe=58369EA3

 

 

วันเสาร์ที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรและเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์สิ่งทอและอุตสาหกรรม ณ เมืองเอาก์สบูร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

ขอบคุณภาพ. Web_presse-augsburg

 

 

 

 

13533015_10154364464992922_5760570823120230269_n.jpg?oh=77f426826ab934451a1f90b07a2b91c8&oe=58043A3D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อน พี่น้อง news wannnnnn deb meng raty Google Goldleng Megagold Jainu ... ... อยากเล่นด้วยคน น้อย ตังเม ... .... ...ทุกท่าน

 

โชคดี คิดถูกทาง สุขกาย สบายใจ จ้า

 

12020020_447958518740420_8845402776010028015_n.jpg?oh=1918d701f6a7e40c7f74b754240486ef&oe=57F648F0

 

นายกฯเผย รบ.และ คสช.มุ่งปราบทุจริตคอรัปชั่นให้ลดลง ขอประชาชนทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่ออนาคตชาติ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2559 10:51:57 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ"ว่า วันนี้เรื่องทุจริตก็มีหลายหน่วยด้วยกันของต่างประเทศ CPI CSI PERC IOD PWC และจุฬาฯ พบว่า (1)สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศ “ดีที่สุด ในรอบ 3 ปี" (2) ภาพลักษณ์ประเทศ ด้านความโปร่งใส ในสายตานานาชาติ “ดีที่สุด รอบ 10 ปี" และ(3) การเรียกรับสินบน “ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว" และมีแนวโน้มจะลดลงอีก

 

 

 

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรัฐบาล และ คสช. ได้ผลักดันกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ รวมทั้ง มาตรการ + กลไก + นโยบายต่างๆ ในการทำงานทั้งหมดนะครับ เราได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งหมดก็ขอขอบคุณประชาชน ภาคธุรกิจ การค้าต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือด้วย เราจะต้องไม่ให้มีการทุจริตอีกต่อไป

 

ทั้งนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คสช.) + การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e - Market)ก็มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ + วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding) ก็ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด มันเป็นการเริ่มต้น + การทำสัญญาคุณธรรม (IP) + ระบบ COST ที่เป็นสากลในการตรวจสอบ และก็เราได้มีช่องทางของรัฐบาล G-Channel มาใช้ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่นเชิงระบบ หรือระบบพวกพ้อง ในระยะยาว ท่านคงต้องตามดูว่า มันจะมีช่องหนึ่งที่เขาเขียนว่า ภาษีไปไหน

 

อันที่ 2 คือ G-News ซึ่งจะเป็นข้อมูลของทุกหน่วยงานทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้องที่เขาทำงานอยู่วันนี้ ถ้าท่านเปิดดูท่านจะมีความรู้มากขึ้น จะได้เข้าใจการทำงานของรัฐ และจะได้แสวงหาข้อมูลกันได้ ถ้าไม่เปิดดู ท่านก็จะใช้ความรู้สึก มีความขัดแย้ง กระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันไปแบบนี้ไปตลอด ก็เป็นช่องทางให้หลายพวกหลายฝ่ายเข้ามาหาประโยชน์ได้จากความไม่เข้าใจของพวกเรา

 

สำหรับในด้านการเดินหน้าประเทศ ปัญหาบางประการท่านทราบดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือท่านช่วยกัน กับผมกับรัฐบาลกับ คสช. ว่าเราจะต้อง ถึงเวลาแล้วในการที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตสำคัญที่สุดคือ

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี โทร.02-2535000 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2455993

 

นายกฯเผยอาจต้องใช้กฎหมายพิเศษกับคนดื้อดึงขัดขืนไม่ยอมให้จับกุมแต่ต้องไม่เกิดความรุนแรง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2559 11:15:29 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ"ว่า เรื่องการขยายความขัดแย้งใดๆก็ตาม โดยสื่อฯ + โซเชียล ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยไม่สนใจข้อกฎหมาย มันก็เลยทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมีการดำเนินการ 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียว เพราะกฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มันก็จำเป็นที่ต้องใช้นะ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่ ถ้าไม่มีผมจะใช้ทำไม

 

 

 

สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยอธิบายให้ต่างชาติได้เข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไร วันนี้เรากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ดี มีศักยภาพ มีหลายประเทศต้องการมาลงทุนกับเรา หลายประเทศก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการปฏิรูปประเทศหรือการแก้ปัญหา ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ยินยอมกันอยู่คือเรื่องทางการเมือง อยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า อะไรมันสำคัญกว่ากันตอนนี้ จริงๆ แล้วสำคัญทั้งคู่ ถ้าเดินไปพร้อมๆ กันได้ก็ดีคือการเมืองก็คือการเมืองที่มันเป็นสุจริต แล้วก็ในเรื่องของการปฏิรูปก็ช่วยกันทำไปแล้ววันหน้าการเมืองเหล่านั้นก็เข้ามาทำต่อ มันมีปัญหาตรงไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

 

แต่ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่า นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลย หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้ แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ก็ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆเข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆหมื่นคนเหล่านั้นจะยุติซะ แล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เอ๊ะเขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้ ผมถามประชาชนทั้งประเทศว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อย ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้กระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี

 

"เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้นก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะ ว่าผมรังแกเขาหรือเปล่า พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆมันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา"นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี โทร.02-2535000 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2455995

 

 

 

รัฐบาลตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ สนับสนุนการลงประชามติ-สกัดโกง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2559 13:25:40 น.

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความร่วมมือและสนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้งในการจัดให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต และเที่ยงธรรม โดยจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ขึ้นในทุกจังหวัดและอำเภอ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.59

 

 

 

“ในระดับจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.ศูนย์ฯ ส่วนระดับอำเภอมีนายอำเภอเป็น ผอ.ศูนย์ฯ และมีหัวหน้าส่วนราชการเป็นกรรมการ ทำหน้าที่ 3 ภารกิจหลัก คือ ด้านการบริหารจัดการ เช่น จัดทำแผนเผชิญเหตุ ติดตามสถานการณ์ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ฯลฯ ด้านการข่าว เสาะหาข่าวที่บิดเบือนเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ การกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ หรือเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย และด้านการแก้ไขปัญหาการชุมนุมสาธารณะ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558"

 

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า เป้าหมายของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพื่อป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุที่จะนำไปสู่ความไม่สงบ สนับสนุนให้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม อิสระ และเป็นกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินการที่มีกฎหมายรองรับ และเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของส่วนราชการโดยตรง มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน

 

ทั้งนี้ จะแบ่งการรายงานเหตุการณ์ไปยังผู้บริหาร 3 ระยะ คือ ก่อนวันออกเสียงประชามติ 1 ก.ค.- 6 ส.ค.59 วันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค.59 และหลังวันออกเสียงประชามติ 8 – 10 ส.ค.59 หรือจนกว่าจะเรียบร้อย

 

“ท่านนายกฯ ย้ำชัดเจนว่า จะไม่ปล่อยให้มีการโกง หรือขัดขวางการลงประชามติเกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ดุลพินิจของตนเองตัดสินใจอย่างเต็มที่ โดยได้กำชับให้แต่ละจังหวัดและอำเภอปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ให้เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ที่ยึดถือกฎหมาย และทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณะอย่างแท้จริง รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายประชามติ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยด่วน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการลงประชามติให้เป็นที่ยอมรับของทุกคนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.02-2535000 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2456259

 

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 06:56:59 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 1 ก.ค.

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ในขณะที่นักลงทุนเบนความสนใจจากผลกระทบของ Brexit ไปจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายอย่าง ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดหลายวันติดต่อกันในสุดสัปดาห์นี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 17,949.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 2,102.95 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 19.90 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,862.57 จุด

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตของยุโรป หลังจากที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านั้น อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

 

ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 332.24 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,273.96 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด หรือ +0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,776.12 จุด เพิ่มขึ้น 96.03 จุด หรือ +0.99% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,577.83 จุด เพิ่มขึ้น 73.50 จุด หรือ +1.13%

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 วันติดต่อกันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในขณะที่ค่าดัชนีแตะที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 73.50 จุด หรือ 1.13% ที่ระดับ 6,577.83 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 18.40 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1,339 ดอลลาร์/ออนซ์ และเพิ่มขึ้น 1.26% ในสัปดาห์นี้

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 96.50 เซนต์ หรือ 5.18% ปิดที่ 19.588 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 32.80 ดอลลาร์ หรือ 3.20% ปิดที่ 1,057.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.30 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 605.65 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 48.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1121 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1067 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3258 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3238 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7439 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 102.53 เยน จากระดับ 103.28 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9751 ฟรังก์ จากระดับ 0.9784 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2977 ดอลลาร์แคนาดา

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,949.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด, +0.11%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,862.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.90 จุด, +0.41%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,102.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด, +0.19%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,273.96 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด, +0.86%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,776.12 จุด เพิ่มขึ้น 96.03 จุด, +0.99%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,577.83 จุด เพิ่มขึ้น 73.50 จุด, +1.13%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,144.91 จุด เพิ่มขึ้น 145.19 จุด, +0.54%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,846.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด, +0.19%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,646.22 จุด ลดลง 7.86 จุด, -0.48%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,971.58 จุด ลดลง 45.07 จุด, -0.90%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,830.35 จุด เพิ่มขึ้น 34.10 จุด, +0.44%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,932.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, +0.10%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,246.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด, +0.25%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,246.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด, +0.25%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,327.00 จุด เพิ่มขึ้น 16.60 จุด, +0.31%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,987.32 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด, +0.86%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,682.48 จุด เพิ่มขึ้น 106.56 จุด, +0.68%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,738.24 จุด เพิ่มขึ้น 71.66 จุด, +0.83%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2456278

 

 

Brexit: ทิสโก้ ชี้ Brexit กระทบไทยจำกัด แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นญี่ปุ่น,กองทุนอสังหาฯในญี่ปุ่น-สหรัฐ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 07:54:14 น.

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า การออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ผ่านค่าเงินปอนด์ซึ่งอ่อนค่าและส่งผลกดดันรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยหลังผลประชามติค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาแล้วราว 10% เทียบกับค่าเงินบาท แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะมีจำกัด เนื่องจากการส่งออกสินค้าไปอังกฤษ คิดเป็นเพียง 1.8% ของการส่งออกทั้งหมดในปีที่แล้ว

 

 

 

โดยสินค้าการส่งออกยานยนต์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยไปอังกฤษ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของการส่งออกไทยไปอังกฤษในปี 58 จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจสูง ซึ่งเห็นได้จากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 52 ที่ยอดส่งออกรถยนต์ไปอังกฤษหดตัว 55.1%เมื่อเทียบปีต่อปี หดตัวแรงกว่ายอดส่งออกรวมที่หดตัว 17.7% อย่างไรก็ดีตลาดส่งออกยานยนต์ของไทยมีการกระจายตัวในหลายประเทศ และยอดส่งออกรถยนต์ไปอังกฤษคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.8% ของยอดส่งออกรถยนต์รวม จึงทำให้คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะปรับตัวได้ไม่ยากนัก

 

ส่วนเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับสอง คิดเป็นสัดส่วน 18% ของการส่งออกไทยไปอังกฤษในปี 58 น่าจะได้รับผลกระทบที่จำกัดเช่นกัน เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าจำเป็นซึ่งความต้องการบริโภคไม่ได้ผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจมากนัก นอกจากนี้เนื้อสัตว์ส่งออกของไทยไปยังอังกฤษยังมีคู่แข่งค่อนข้างน้อย โดยอังกฤษพึ่งพาการนำเข้าเนื้อไก่จากไทยนับเป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด

 

ด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก กรณี Brexit น่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม เพื่อจำกัดผลกระทบทางเศรษฐกิจและบรรเทาความผันผวนของตลาดการเงิน โดยเราคาดธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps เป็น 0.25% ในการประชุมวันที่ 4 ส.ค. และอาจมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือกลับมาทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) น่าจะมีการยืดอายุมาตรการ QE ออกไปอีก 6 เดือนไปเป็นสิ้นสุดเดือน ก.ย.60 ในการประชุมในช่วงไตรมาส 3 ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่นน่าจะประกาศลดดอกเบี้ยลงอีก ให้ติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -0.2% ในการประชุมวันที่ 29 ก.ค. นี้

 

ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยชะลอออกไปอีกหลังเกิด Brexit โดยตลาดซื้อขายล่วงหน้าประเมินความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ลดลงจากราว 40% ก่อนหน้าประชามติเหลือเพียง 8% ในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นตลาดบางส่วนยังคาดการณ์ว่าเฟดอาจกลับมาพิจารณาลดดอกเบี้ย โดยความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 20%

 

แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางหลักของโลก ซึ่งจะส่งผลกดดันให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานาน ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น น่าจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความผันผวนต่ำ เช่น REITs โดยเฉพาะในสหรัฐฯ (US REITs) และญี่ปุ่น (J-REITs) ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากภาวะดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้จากการที่นักลงทุนช็อคกับข่าว Brexit แล้วลดความเสี่ยงด้วยการเข้ามาถือเงินเยนมากขึ้นจนค่าเงินเยนแข็งค่าส่งผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลงมาอย่างแรงไม่แพ้ตลาดหุ้นในแถบยุโรป

 

อย่างไรก็ดีมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นเพราะเชื่อว่าเมื่อนักลงทุนคลายความกังวลก็จะเริ่มขายเงินเยนออกมาเนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรญี่ปุ่นในตอนนี้ยังให้ผลตอบแทนที่ติดลบ สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนในหุ้นยุโรปควรหาโอกาสลดน้ำหนักการลงทุนลงมาบ้างเพราะในระยะยาวยังมีความไม่แน่นอนทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในอังกฤษและยุโรป ทั้งนี้ ทางดอยช์แบงก์ได้ประมาณการณ์ว่าการที่อังกฤษออกจากยุโรปจะส่งผลให้เศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปปรับตัวลดลงจากที่เคยคาดไว้โดยอังกฤษจะได้รับผลลบมากกว่าประเทศใหญ่ ๆ ในยุโรป

 

--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2456322

 

 

 

04-Jul-2016

ราคาทองวันนี้

- ทองสมาคมวานนี้ 22100/22200

- SPDR 953.91ตัน/ ซื้อ 3.86ตัน (+ทอง)

- SPDR Netปีนี้ 953.91ตัน/Netซื้อ 310.35ตัน (+ทอง)

 

เช้านี้...

- Gold Spot 1343

- Dollar95.64/ยูโร1.1133/บาท35.02

ติดตามบทวิเคราะห์...คลิกLink ด้านล่าง

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29fJCYh

- คลิปราคาทอง1นาที(อัพเดทตั้งแต่12.00น.)

http://bit.ly/ausiris_youtube

- ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/ausiris_goldprice

 

 

 

 

13599799_1218386634858536_1075797417727300480_n.png?oh=56d0888789030e99d24fd50624baef89&oe=5832F7F8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวร้ายสหรัฐกีดกันข้าวไทย ‘พาณิชย์’ปลื้มอันดับ‘เทียร์ 2’ช่วยกู้ภาพลักษณ์ส่งออก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เชื่อส่งออกไทยจะดีขึ้น หลังสถานการณ์ค้ามนุษย์ขึ้นมาอยู่ที่ “เทียร์ 2” แต่ข่าวร้าย “แคนาดา-สหรัฐ” ออกมาตรการคุมปริมาณสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตร

NAEWNA.COM

 

 

 

กวนน้ำให้ใส : ใครทำเพื่อไท? ใครทำเพื่อไทยเป็นทาส?

30 มิถุนายน 2559 กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐ เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons (TIP) Report) ประจำปี ค.ศ. 2016......

อ่านต่อ : http://www.naewna.com/politic/columnist/25173

 

ระเบิดเซ็นทรัลพาร์ค-เจ็บสาหัส19ราย

ระเบิดในเซนทรัลพาร์ค นิวยอร์กเบื้องต้นบาดเจ็บสาหัส 19 ราย หลังทางการประกาศเตือนเหตุร้ายวันชาติสหรัฐได้เพียง2วัน

 

 

 

BANGKOKBIZNEWS.COM|BY กรุงเทพธุรกิจ

 

NOW26

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

NOW26

 

 

HSHsocial

YLG on เจาะลึกเศรษฐกิจ 04-07-2559

 

 

NOW26

 

 

 

NOW26

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มุมมองภาคบ่าย 04-07-2559

Ylg Bullion

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

 

Ylg Bullion

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

 

NOW26

 

 

 

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.05 ทิศทางแข็งค่าต่อ รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯสัปดาห์นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 11:16:24 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า เงินบาทเช้านี้เปิดมาที่ระดับ 35.05 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับช่วงเย็นวัน

 

ที่ 30 มิ.ย.ที่อยู่ที่ระดับ 35.16/17 บาท/ดอลลาร์

 

 

นักบริหารเงิน กล่าวว่า ธนาคารไทยหยุดทำการไป 1 วัน เงินบาทแข็งค่าลงมา ดอลลาร์อ่อนไป 10 สตางค์ ส่วน

 

ปัจจัยเกี่ยวกับ Brexit น่าจะเบาบางลงแล้ว คนหายตกใจก็กลับมาลงในสินทรัพย์เสี่ยง พวกหุ้น พันธบัตร แต่เงินปอนด์ยังอ่อนค่าอยู่

 

"คาดว่าวันนี้คงจะอยู่แถวๆนี้ โดยวันนี้ตลาดนิวยอร์คหยุด ตลาดอาจจะเงียบ ด้านล่างน่าจะอยู่ที่ 35.00 ถ้วน ด้านบนน่า

 

จะอยู่ประมาณ 35.20 สัปดาห์นี้ก็ไปรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ หรือ Non Farm Pero" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.0458 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (30 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.25980%

 

ส่วน THAI BAHT FIX 6M (30 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.41301%

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันที่ 30 มิ.ย.ที่อยู่ที่ระดับ 102.80 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1135 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันที่ 30 มิ.ย.ที่อยู่ที่ระดับ 1.1120 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1950 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (4-8 ก.ค.) ที่ 35.00-35.30 บาทต่อ

 

ดอลลาร์ฯ โดยตลาดน่าจะยังคงติดตามประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับ BREXIT และสัญญาณที่อาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ

 

จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน

 

ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนมิ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจติดตามข้อมูลทุนสำรองฯ ของจีน และดัชนี PMI ของประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 

- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า การออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

 

ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ผ่านค่าเงินปอนด์ซึ่งอ่อนค่าและส่งผลกดดันรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยหลังผล

 

ประชามติค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาแล้วราว 10% เทียบกับค่าเงินบาท แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะมีจำกัด เนื่องจากการ

 

ส่งออกสินค้าไปอังกฤษ คิดเป็นเพียง 1.8% ของการส่งออกทั้งหมดในปีที่แล้ว

- กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มิ.ย.59 อยู่ที่ 107.05 ขยายตัว 0.38% เมื่อเทียบ

 

กับ มิ.ย.58 (จากตลาดคาด 0.5%) และขยายตัว 0.03% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ CPI ช่วง 6 เดือนแรกปี 59 หด

 

ตัว 0.09%

- รมช.คลัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอกชนให้ความสนใจยื่นซองประกวดราคาในโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ

 

ไม่ถึง 10 ราย หลังจากที่ได้เปิดให้มายื่นซองประกวดราคาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ให้ความสนใจพื้นที่ในกรุงเทพฯ

 

และเชียงใหม่มากที่สุด โดยเอกชนที่มายื่นซองประกวดราคามีจำนวนน้อยกว่าจำนวนผู้มาซื้อซองประกวดราคาทั้งสิ้น 16 ราย หลังจาก

 

นี้จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะดำเนินโครงการต่อไป

- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เชื่อส่งออกไทยจะดีขึ้น หลังสถานการณ์ค้ามนุษย์ขึ้นมาอยู่ที่ “เทียร์ 2" แต่ข่าว

 

ร้าย “แคนาดา-สหรัฐ" ออกมาตรการคุมปริมาณสารพิษตกค้างในสินค้าเกษตร ขณะที่ข้าวไทยโดนเต็มๆ จับตาใกล้ชิดหวั่นเป็น

 

มาตรการกีดกันการค้า

- สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เตรียมเสนอแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ

 

ขนาดย่อม ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2560-2564) หรือแผนเอสเอ็มอี 4.0 เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ สสว. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์

 

โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเร็วๆ นี้ โดยแผนเบื้องต้นจะสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่มีมูลค่าสูง ยกระดับให้ใช้เทคโนโลยีและ

 

นวัตกรรม พัฒนาส่งเสริมความเป็น ผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เป็นต้น

 

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 2%

 

ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลการขยายตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในระดับปานกลาง และมีการฟื้นตัว

 

ของภาคการผลิต

- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็น

 

เดือนที่ 4 ในเดือนมิ.ย.

- มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3

 

เดือนในเดือนมิ.ย.

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจาก

 

การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อ

 

ขายในสกุลเงินดอลลาร์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 66

 

เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 48.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่

 

50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน

 

ดอลลาร์ และทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ

 

เดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 18.40 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1,339 ดอลลาร์/ออนซ์ และเพิ่มขึ้น 1.26% ในสัปดาห์นี้

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2456749

 

เงินปอนด์แข็งค่าหลังร่วงหนัก รับคาดการณ์แบงก์ชาติกระตุ้นศก.หลัง Brexit

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 14:35:00 น.

เงินปอนด์ได้แข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายวันนี้ หลังจากที่ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก เหตุอังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) โดยแข็งค่าขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะใช้มาตรการรับมือกับภาวะไร้เสถียรภาพในตลาด

 

นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังได้รับแรงหนุน หลังนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า อาจมีการปรับลดภาษีองค์กรเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่ตลาดจับตาดูถ้อยแถลงของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2456861

 

ธนาคารกลางจีนดูดซับสภาพคล่องออกจากตลาด 1.8 แสนล้านหยวนในวันนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 14:30:00 น.

ธนาคารกลางจีนได้ดูดซับเม็ดเงินจำนวน 1.8 แสนล้านหยวน (2.7 หมื่นล้านดอลลาร์) ออกจากตลาดในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 9 หมื่นล้านหยวนเข้าสู่ระบบธนาคาร ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse repo) อายุ 7 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต โดยมีอัตราผลตอบแทน 2.25%

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2456858

 

 

รมว.คลังอังกฤษเล็งลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15% หวังดึงดูดการลงทุนภาคธุรกิจ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 14:20:18 น.

นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษมีแผนที่จะปรับลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 20% เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคธุรกิจ ภายหลังจากที่อังกฤษตัดสินใจถอนตัวจากสหภาพยุโรป

 

แผนการดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด โดยก่อนหน้านี้ รมว.คลังอังกฤษได้วางแผนที่จะลดภาษีลงเหลือ 17% ภายในปี 2563 ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนิติบุคคลของอังกฤษต่ำสุดในบรรดากลุ่มประเทศ G20

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2456849

 

 

(เพิ่มเติม) ธปท.เผยธนาคารกลางกลุ่ม EMEAP ปรับการลงทุนในกองทุนพันธบัตรเอเชีย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 14:20:10 น.

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 กลุ่มธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (Executives'Meeting of East Asia and Pacific Central Banks: EMEAP) ซึ่งประกอบไปด้วยธนาคารกลาง 11 แห่ง ได้แก่ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์เพื่อแจ้งถึงการยุติการดำเนินการของกองทุน Asian Bond Fund 1 (ABF1) และโอนเงินลงทุนไปยังกองทุน Asian Bond Fund 2 (ABF2) เนื่องจากกองทุน ABF1 ได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นก้าวแรกของความร่วมมือในการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียและทำให้เกิดการจัดตั้งกองทุน ABF2 ที่ลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศสมาชิก การโอนเงินลงทุนไปยังกองทุน ABF2 ได้สะท้อนถึงความร่วมมือและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ EMEAP ในการสนับสนุนผลักดันให้กองทุน ABF2 มีบทบาทในการช่วยพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาค

 

 

 

กองทุน ABF1 จัดตั้งขึ้นในปี 2546 โดยสมาชิก EMEAP เพื่อลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและกึ่งรัฐบาลสกุลดอลลาร์ สรอ. ของประเทศสมาชิก EMEAP 8 แห่ง (ไม่รวมออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และ นิวซีแลนด์) โดยมี Bank for International Settlements (BIS) เป็นผู้จัดการกองทุน และ EMEAP เป็นผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด ขณะที่กองทุน ABF2 เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและกึ่งรัฐบาลสกุลเงินท้องถิ่น และมีผู้ถือหน่วยลงทุนจากนอกกลุ่ม EMEAP ด้วย โดยมีกองทุน ABFTH เป็นกองทุนย่อยที่ลงทุนในตลาดพันธบัตรไทย

 

พร้อมกันนั้น ธปท. ระบุว่า กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABF Thailand Bond Index Fund: ABFTH) ได้ ทำการย้ายการจดทะเบียนซื้อขายจากตลาดตราสารหนี้ (BEX) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 4 ก.ค.59 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างสภาพคล่องและเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ลงทุนในการซื้อขายยิ่งขึ้น

 

กองทุน ABFTH เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Fund: ABF) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือของ EMEAP ซึ่ง ธปท.ร่วมเป็นสมาชิกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียผ่านการนำเงินสำรองระหว่างประเทศของสมาชิก EMEAP มาลงทุนในกองทุนที่กระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ของประเทศสมาชิก 8 ประเทศ (ไม่รวมออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์)

 

กองทุน ABF ได้แบ่งการดำเนินการ ออกเป็น 2 ระยะ คือ 1) กองทุน ABF1 ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2546 เพื่อลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและกึ่งรัฐบาลของประเทศสมาชิกที่ออกในสกุลดอลลาร์ สรอ. และ 2)กองทุน ABF2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2547 เพื่อขยายการลงทุนไปในพันธบัตรรัฐบาลและกึ่งรัฐบาลของประเทศสมาชิกที่ออกในสกุลเงินท้องถิ่น โดยกองทุน ABFTH เป็นกองทุนย่อยภายใต้กองทุน ABF2 ที่ลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินบาท

 

กองทุน ABFTH มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลและกึ่งรัฐบาลของไทย โดยอ้ำงอิงกับดัชนี iBoxx ABF Thailand Index และมีบริษัทหลักทรัพย์จัดกำรกองทุนกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นผู้จัดกำรกองทุน ขนาดกองทุนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2558 กองทุนมีผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้ง 5.35% ต่อปี และมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาทำหน้าที่ในคณะกรรมการกำกับดูแลกองทุน ABFTH ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานของกองทุนเป็นไปด้วยความโปร่งใส และมีความน่าเชื่อถือ

 

--อินโฟเควสท์ โดย รัชดา คงขุนเทียน/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2456848

 

ฮิลลารี คลินตัน ให้ปากคำ FBI กรณีใช้อีเมลส่วนตัวติดต่อราชการ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 13:35:00 น.

โฆษกหน่วยสืบสวนกลางของอเมริกา (FBI) เปิดเผยว่า FBI ได้ทำการสอบสวนนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 2559 ในกรณีที่เธอเคยใช้อีเมลส่วนตัวติดต่อราชการระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

 

 

 

นิค เมอร์ริล โฆษก FBI กล่าวว่า "ฮิลลารีสมัครใจที่จะให้ปากคำต่อ FBI ถึงเรื่องการใช้อีเมลส่วนตัวในขณะดำรงตำแหน่งรมต.ต่างประเทศ"

 

"ฮิลลารียินดีให้ความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สรุปคดีนี้ได้โดยเร็ว" เมอร์ริลระบุเพิ่มเติม โดยไม่ได้กล่าวถึงใจความในการสอบสวนครั้งนี้

 

หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ เผยว่า การสอบสวนดังกล่าวมีขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ FBI ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยใช้เวลานานถึงสามชั่วโมงครึ่ง

 

ทั้งนี้ การให้ปากคำของนางฮิลลารีมีขึ้น เนื่องจาก FBI ต้องการหาข้อสรุปในคดีที่ฮิลลารีมีการใช้อีเมลส่วนตัวติดต่องานราชการขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

 

หลังจากนั้นไม่นาน นางโลเร็ตตา ลินช์ รมว.ยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้พบกับนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ท่าอากาศยานในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้เกิดประเด็นร้อนว่า การพบปะกันในครั้งนี้จะส่งผลต่อคดีของนางฮิลลารีที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ลินซ์ได้ออกมาโต้ข้อกล่าวหา โดยระบุว่า เธอเคารพผลการตัดสินของ FBI ไม่ว่านางฮิลลารีจะถูกตั้งข้อหาหรือไม่ก็ตาม

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนจาก FBI ได้ทำการสืบสวนว่า คลินตันมีการกระทำความผิดฐานรับหรือส่งข้อมูลความลับทางราชการผ่านอีเมลส่วนตัวหรือไม่

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2456821

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 5 ก.ค. 59 (ภาคเช้า)

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- อังคารที่ 5 กรกฎาคม 2559 10:19:51 น.

กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--GT Wealth Management

 

ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอีกครั้งโดยปรับตัวขึ้น US$8.49 ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ US$1,350.40 ต่อออนซ์ ก่อนย่อตัวลงมาอีกครั้งหลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯปิดทำการ แต่แนวโน้มยังเป็นเชิงบวกจากทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่า หลังจากที่คาดกันว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.10 บาทต่อดอลลาร์SPDR รายงานการถือครองทองคำที่ 953.91 ตัน คงที่

 

 

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวบริเวณ US$1,344 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2559 (GFM16) ราคาเปิดใกล้ระดับ 22,058 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ผลการลงประชามติที่ฝ่ายสนับสนุนเป็นฝ่ายชนะหนุนให้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในระยะถัดไปอาจมีการฟื้นตัวต่อแต่ Upside น้อยลง ทางเทคนิค แนวต้านสำคัญ US$1,366 แนวรับสำคัญ US$1,320

 

GT Wealth Management

 

สรุปภาวะ SET50 Index Future By GT Wealth Management 5 ก.ค.59 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- อังคารที่ 5 กรกฎาคม 2559 10:20:24 น.

กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 มีการฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับตัวลงไปอย่างหนักในช่วงก่อนหน้าโดยดัชนีปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางในหลายประเทศอาจดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากประเด็น Brexit ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ทั่วโลก ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.10 บาทต่อดอลลาร์

 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่าดัชนี SET 50 ยังมีแนวโน้มเป็นเชิงลบรวมทั้งประเด็น Brexit ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดัน โดยในระยะถัดไปดัชนีมีโอกาสทำ Technical Rebound แต่แนวโน้มยังเป็นเชิงลบ ทางเทคนิค แนวรับสำคัญ 875 จุด แนวต้านสำคัญ 915 จุด

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักตัวคล้ายตลาดภูมิภาค เล็งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปหลายวัน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 5 กรกฎาคม 2559 09:39:35 น.

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในลักษณะของการพักตัว และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน ในลักษณะของการพักตัวเช่นกัน หลังจากที่ตลาดฯปรับตัวขึ้นไปหลายวันแล้วจาก Fund Flow ที่ไหลเข้ามาในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นเมื่อขึ้นไประดับหนึ่งก็คงจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

 

 

 

อย่างไรก็ดี ความกังวลต่อผลกระทบกรณีที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะนี้ได้เบาลงไปบ้างแล้วแต่ก็คงยังมีผลต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง ส่วนในวันศุกร์นี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ

 

พร้อมให้แนวรับ 1,445 จุด ส่วนแนวต้าน 1,454-1,465 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (4 ก.ค.59) เนื่องในวันชาติสหรัฐ

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 93.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 139.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.84 จุด

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ค.59) 1,454.56 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด (+0.66%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,417.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.59

- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (4 ก.ค.59) เนื่องในวันชาติสหรัฐ

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ค.59) ที่ 6.31 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

 

- เงินบาทเปิด 35.10/12 อ่อนค่าจากวานนี้ นักลงทุนรอผลประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย

- ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ รายงานสถานการณ์ค่าเงินบาทว่าหลังเกิดเหตุการณ์สหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ราว 35 บาท/เหรียญสหรัฐ หรือตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.-4 ก.ค.59 แข็งค่าขึ้นราว 1% เมื่อเทียบกับเงินเยน และแข็งขึ้นราว 0.8% เทียบเงินเหรียญสหรัฐและเงินยูโร เป็นผลจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้า ที่น่าสังเกตช่วง 1 สัปดาห์หลัง Brexit ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยสุทธิกว่า 1 หมื่นล้านบาท

 

- รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและประธานสมาพันธ์ผู้ผลิต สินค้าประมงไทย กล่าวว่า การที่ไทยได้ขยับขึ้นจากเทียร์ 3 มาเป็นเทียร์ 2 (Qatch List) นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าภาพรวมการส่งออกปีนี้ จะกลับมาเป็นบวกได้ดีที่สุด คือ 3%

 

- บีโอไอโชว์ตัวเลขขอส่งเสริมลงทุนครึ่งปีพุ่ง 3 แสนล้านบาท มั่นใจทั้งปีลงทุนจริง 7 แสนล้านบาท 'เจโทร' มองไทยเนื้อหอมเบอร์ 2 รองแค่สิงคโปร์ ผลพวง'สมคิด'โรดโชว์-ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกน่าสนใจ-บีโอไอให้สิทธิประโยชน์จูงใจมากขึ้น

 

- 3 ค่ายมือถือค้าน กสทช.กำกับราคาโทร-เน็ต ชี้ควรเป็นแพ็กเกจทางเลือก แนะราคาถูกลงเกิดจากกลไกแข่งขันกันเองในตลาด

 

- พาณิชย์-คลัง-สมาคมธนาคารไทย เริ่มใช้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเริ่ม 4 ก.ค.เป็นต้นไป ช่วยปลดล็อกการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเอสเอ็มอี-กลุ่มสตาร์ตอัพดันเศรษฐกิจไทยขยายตัว ตั้งเป้าคนใช้บริการกว่า 3 แสนราย ด้านคลังยกร่างกฎหมายเพิ่มผู้รับหลักประกันอีก 6 กลุ่ม นอกเหนือจากแบงก์-ประกัน-เครดิตฟองซิเอร์-บริษัทเงินทุน

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- TGPRO-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,795,091,280 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 28 มิถุนายน 2559 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ก.ค. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 27 มิ.ย. 2561

 

- FORTH (เออีซี) แนะ"ซื้อ"เป้า 11 บาท ปี 59-60 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 13.4% จากแรงหนุนของธุรกิจตู้บุญเติมที่มีการเติบโตต่อเนื่องตามการขยายจำนวนตู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการรุกธุรกิจตู้เติมเงินที่ประเทศฟิลิปปินส์ และการฟื้นตัวของธุรกิจโทรคมนาคม และมี Upside 34% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 5.0%

 

- SCC (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ Q2/59 จะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจาก Q1/59 จากสเปรดธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในระดับสูงและมากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งในช่วง Q2/59 ยังได้รับแรงหนุนจากเงินปันผลรับโดยเฉพาะจากโตโยต้าและส่วนแบ่งกำไรโดยเฉพาะจากคูโบต้าเข้ามาเสริม

 

- SMT (โกลเบล็ก) ให้เป้า Consensus 9 บาท Q1/59 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไร 38 ล้านบาท และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องใน Q2/59 จากการเน้นผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูง คาดปี 59 Turnaround พลิกมีกำไร 280-300 ลบ. จากสินค้า Value added โดยเฉพาะ IC Packaging เติบโตสูงมาก อีกทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 1.6 พันลบ.แม้สินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะมียอดขายลดลงมาก (margin ต่ำ) ส่วนร่วมลงทุนสร้างโรงงานแผงโซลาร์เซลล์ Solar Panel Generation3 กับพันธมิตรอเมริกาเริ่มเฟสแรก 40 MW/ปี คาดลงทุนราว 100 ล้านบาท และมีโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 5 เท่า เป็น 200MW คาดมีกำไรเพิ่มราว 60 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็น 10% ของกำไรปีหน้า เริ่มรับรู้รายได้ภายใน Q4/16

 

- CK, ITD, ARROW (ฟินันเซีย ไซรัส) รถไฟฟ้ากำลังจะมา ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา รองจาก SETBANK ที่ outperform ที่สุดก็คือกลุ่มรับเหมา (+4.7%) จากพัฒนาการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ล่าสุดรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) กำหนดขายซอง 15 -29 ก.ค.และยื่นซอง 31 ต.ค.มูลค่ารวม 6 สัญญา 7.62 หมื่นล้านบาท เป็น sentiment บวกกับ CK และ ITD ที่มีประวัติการก่อสร้างเส้นทางและสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นช่วงใต้ดินมาแล้ว เพราะมีถึง 3 สัญญามูลค่ากว่า 5.8 หมื่นล้านบาทที่เป็นทางใต้ดิน ยังชอบ CK ราคาพื้นฐาน 40 บาท นอกจากงานของรถไฟฟ้าแล้วยังมีงานก่อสร้างบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินจะเริ่มขายซอง 15 ก.ค.-1 ส.ค.ยังชอบ ARROW ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2457472

 

Brexit: IMF เตือนจีดีพีอังกฤษวูบ 1.5%-4.5% หลังเผชิญ Brexit

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 5 กรกฎาคม 2559 00:19:18 น.

นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษหายไปราว 1.5%-4.5% ภายในปี 2019

 

"จีดีพีของอังกฤษจะลดลง 1.5%-4.5% โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และเราก็ยังไม่ทราบว่าการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปจะใช้เวลานานเพียงใด"

 

IMF ระบุว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดคือ สถานะของอังกฤษอยู่ต่ำกว่าประเทศคู่ค้าอื่นๆภายใต้กฎข้อบังคับขององค์การการค้าโลก

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2457062

 

Brexit: ผู้ถือหุ้นตลาดลอนดอนโหวต 99.89% ไฟเขียวควบตลาดแฟรงเฟิร์ต ขณะเมิน Brexit

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 5 กรกฎาคม 2559 02:52:03 น.

กลุ่มผู้ถือหุ้นของ London Stock Exchange (LSE) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ลงคะแนน 99.89% เห็นชอบต่อการควบรวมกิจการกับ Deutsche Boerse ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์แฟรงเฟิร์ตในวันนี้ แม้ว่าอังกฤษจะลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ตาม

 

ทางด้านผู้ถือหุ้นของ Deutsche Boerse มีกำหนดลงมติต่อข้อตกลงควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (2 หมื่นล้านปอนด์) ภายในวันที่ 12 ก.ค.

 

 

 

ด้าน BaFin ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ของเยอรมนี แสดงความกังวลก่อนหน้านี้ว่า ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ภายหลังควบรวมกิจการนั้น ไม่ควรตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร เนื่องจากเมื่อควบรวมกิจการแล้ว จะกลายเป็นตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในยูโรโซน และคงดูสับสนหากสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศที่เพิ่งขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

 

ทั้งนี้ การควบรวมกิจการดังกล่าว ถือเป็นความพยายามครั้งที่ 3 ของบริษัททั้ง 2 ในการควบรวมกิจการกัน หลังจากที่ความพยายาม 2 ครั้งก่อนหน้านี้ประสบความล้มเหลวในปี 2543 และ 2547

 

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ผู้ถือหุ้นของ LSE จะถือหุ้น 45.6% ในบริษัทแห่งใหม่ ขณะที่ผู้ถือหุ้น Deutsche Boerse จะถือหุ้น 54.4% และจะยังคงมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน และแฟรงเฟิร์ต

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2457067

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ylg Bullion

13606645_1219125458117987_1529533917527010556_n.png?oh=093e87e77709a89186e60bcafe470224&oe=57FBE619

 

 

 

Ausiris Gold Investment

Page Liked · 3 hrs ·

 

 

 

05-Jul-2016

สรุปปัจจัยเมื่อวาน – จับตาปัจจัยวันนี้

- IS: คาร์บอมบ์อิรัก เสียชีวิตล่าสุด 166 ราย(+ทอง)

- Brexit: "BOA"เตือน Brexitกระทบ บ.ในสหรัฐปีหน้า(+ทอง)

- Brexit: "S&P"เตือน Brexitกระทบศก.ยูโรโซนปีหน้า(+ทอง)

- Brexit: IMF เตือนจีดีพีอังกฤษอาจเหลือ 1.5%-4.5% (+ทอง)

- Brexit: ฝรั่งเศสยันBrexit ไม่กระทบแผนหาสมาชิกเพิ่มของ EU(-ทอง)

- SPDR ยอดสรุปมิ.ย. ซื้อทองตุนร่วม 82ตัน

- Dow Jones หยุดทำการ1วัน วานนี้

- ดอลล่าห์อ่อน ยูโรแข็ง บาททรงตัว (+ทอง)

 

วันนี้

All day ติดตามผลกระทบจาก Brexit (EU)

08.45 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ(จีน)

21.00 ยอดคำสั่งซื้อโรงงาน(US)

 

Link รวมปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ

-ปฏิทินเศษรฐกิจ

http://bit.ly/22XqJfT

- บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้

http://bit.ly/29fF6GM

 

13606655_1219065774790622_6862016478508220905_n.png?oh=e2892c14accf89b2cd29ec9a648c6068&oe=57F340B2

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สถานการณ์คนเรื่องกับเมื่อวาน

หลุดเทรนด์ปุ๊บลงปั๊บเลย

จุดหยุดลง(1330 1335 1340 )จะเป็นตัวช่วยบอกทางว่าจะเบรก 1360 ขึ้นไปหรือกลับ 1300 - 1320

โดยถ้าพักตัวไม่ลึกเกินระดับ Retracement โดยเฉพาะระดับ 50 % แนวโน้มจะยังดูดี แต่ถ้าลึกเกิน 50 %หรือต่ำกว่าบริเวณ 1334 - 1337 จะมองว่ามีโอกาสอย่างมากแค่กลับมาทดสอบ 1360 และมีโอกาสกลับมา 1320 อีกครั้ง

 

Wealth Statoin

 

 

 

 

13592629_1105865906118550_8577417194181739026_n.png?oh=507178b30a91a781347253a7200170f5&oe=57EAAB9B

==

Gold Today

5/7/59 9:52น.

หลุด Chanel up มาและ

อยู่ต่ำกว่า 1345

บาวไม่ผ่านตรงนี้ ลงต่อครับ

เห็นไหมครับว่า Oscillator ชี้ลงหมด

เพราะงั้น บาวไม่ผ่าน 45

ไปรอ 1337 - 1331 ได้เลยครับ

บาวตาม TF ย่อย

5-15 นาที

 

--- TF H1-H4 ยังลงอยู่เพราะงั้น ---

1345 บาวไม่ผ่านเราจะ S เพิ่มตรงนั้นอีกทีครับ แล้วไป TP 1337 - 31

สำหรับคน S ตามมาเมื่อวาน

น่าจะปิดไปหมดและ

ถ้าใครยังไมปิด

ถือต่อครับ ถือ S ต่อ

ไว้มันยืน 45 ได้ เราค่อยล๊อคกำไร ตรงนั้น

แต่สำหรับโอีค ระยะสั้นตอนนี้ลงก่อนครับ

จำภาพเมื่อวานได้ไหม

ดู TF ย่อยครับ

เห็นกรอบสีแดงไหมครับ

สำคัญที่ fibo50%

1347.69

ยืนได้ ก็เข้า mode side way - -

เห็นไหมครับว่า

เห็นความต่างไหม

กรอบซ้าย ลงมารับแล้วเด้ง

กรอบขวา กำลังเทส 45

มันมีนัยยะครับ

เพราะมันเคยเป็นรับ TF H1 ถึง 8 แท่ง

ไม่ผ่านง่ายๆครับ *--*

อาจจะมีไส้ขึ้นไปเทส 45-47

แล้วโอกาสปิดต่ำกว่า 45 ก็เยอะอยุ่ครับ *--*

เราหาจังหวะ S ได้เปรียบกว่าจาก Tf H1-H4 ยังลงไม่จบครับ

*** S 1345 - 1347 SL 1352 TP 1337 - 1331 ***

แนวรับ 1338 - 1331 - 1325

แนวต้าน 1348 - 1358 - 1363

13592749_1441445249214441_4820339839362169176_n.jpg?oh=a8e665560733bf0498a37286479ce40c&oe=57FC88F5

13592581_1441445255881107_6963520608059294739_n.jpg?oh=08508a0ac8f8d28e6ed4942dc9152e1f&oe=57ED86F5

13567503_1441445259214440_2692970468357998194_n.jpg?oh=d2c050b23a3008140a6f62d69561b153&oe=57EC9959

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ประจำวันอังคาร ที่ 5 กรกฎาคม 2559

ปรับตัวลดลงหลังจากชนแนวต้านในกรอบขาขึ้น ที่เป็นจุดสูงสุดล่าสุด ทำให้สัญญาณเทคนิคส่งสัญญาณ Bearish divergence จึงควรระวังการอ่อนตัว Oil ทะลุกรอบแนวต้านแต่ไม่สามารถยืนได้ ทำให้มีโอกาสอ่อนตัวลงมาที่แนวรับอีกครั้ง

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดที่ 1,350.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.49 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเทียบกับราคาปิดในวันก่อนหน้า เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,337.96 – 1,357.60 เช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,342

 

ราคาทองคำปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นในเมื่อคืนที่โดยบวกในช่วงเช้าและเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นต่อในเมื่อวานนี้จากปัจจัยความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดว่าธนาคารกลางหลายๆ แห่งมีโอกาสที่จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น จากประเด็นความกังวลเรื่อง Brexit ผนวกกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้ว รวมทั้งความคาดหวังที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อาจจะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ทำให้ราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มอ่อนตัวลงหลังจากทดสอบบริเวณแนวต้านเดิม และแนวต้านในกรอบขาขึ้นทำให้ทองคำมีโอกาสอ่อนตัวระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวอาจจะเข้าสะสมทองคำได้หากอ่อนตัวและไม่หลุดแนวรับสำคัญ

Strategy : Trading ในกรอบแนวโน้มขาขึ้น

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://www.classicgold.co.th/…/filestrategy0507201692633331…

___________________________

สนใจลงทุนทองคำกับ Classic Gold

ทองคำแท่ง : 02-6180888

Gold Futures : 02-6180808

เว็บไซต์ : www.classicgold.co.th

 

 

 

13620254_1338398256188521_650362355167496388_n.jpg?oh=294ef59348acef771f19d93113a4da57&oe=57EE29A7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(Jul 5) คนแห่ฝากเงินสหกรณ์ฯ หนีภาวะ'ดอกเบี้ยต่ำ' : การฟื้นตัวของ "เศรษฐกิจไทย" ที่เป็นไปอย่าง "เชื่องช้า" และ "เปราะบาง" แม้จะเปิดทางให้ "นโยบายการเงิน" สามารถผ่อนปรนโดยการ "ลด" ดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ แต่มติการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในทุกครั้งที่ผ่านมา ยังคงเป็น "เอกฉันท์" ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%

หนึ่งในเหตุผลสำคัญ คือ ความกังวลที่มีต่อพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น(Search for yield) จากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพทางด้านการเงินได้ในอนาคต

รายงานนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เดือนมิ.ย.2559 ระบุว่า ช่องทางการลงทุนหนึ่งที่ผู้ออมบางส่วนให้ความสนใจลงทุนมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนเทียบกับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ เงินฝาก และทุนของสมาชิกในสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง ที่ผ่านมา

สาเหตุสำคัญมาจากอัตราดอกเบี้ย เงินฝากและเงินปันผลของสหกรณ์ ออมทรัพย์ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยเปรียบเทียบ

ทั้งนี้ ในส่วนของสหกรณ์ที่ได้รับ เงินทุนเพิ่มขึ้น ได้มีพฤติกรรมแสวงหา ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยสหกรณ์ออมทรัพย์เพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนใน หลักทรัพย์ทั้งในรูปตราสารหนี้และ ตราสารทุนที่มีผลตอบแทนและความเสี่ยงสูงขึ้น สะท้อนจากอัตราการขยายตัวของ เงินลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งสองประเภทที่ เร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แม้ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบขนาดสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด

นอกจากนี้ยังพบว่านักลงทุนหันไปลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(Net Asset Value) ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนรวม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 พบว่า มูลค่าการลงทุนในกองทุนรวมเกือบทุกประเภทขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก เช่น กองตราสารหนี้ ขยายตัวสูงต่อเนื่อง

ขณะที่มีแนวโน้มของการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน เช่น ตราสารทุนขนาดเล็กในประเทศ และหลักทรัพย์ ในต่างประเทศ โดยส่วนการลงทุนของกองทุน รวมในหลักทรัพย์ต่างประเทศ(เอฟไอเอฟ) ยังทรงตัวในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม กองทุนเอฟไอเอฟมีการปรับลดการลงทุนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับต่ำ และหันไป ลงทุนในประเทศที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสูงเพิ่มขึ้น เช่น จีน สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ และกาตาร์ โดยลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้เป็นส่วนใหญ่

รายงานระบุด้วยว่า ในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำ นักลงทุนมีแนวโน้มแสวงหาผลตอบแทนโดยยอมรับความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ต้องติดตามประเด็นการประเมินความเสี่ยงที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น(Underpricing of Risks) ทั้งพฤติกรรมของนักลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น และพฤติกรรมของสถาบันการเงินซึ่งอาจแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น และกระจุกตัวอยู่ใน บางธุรกิจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการสะสม ความเปราะบางในระบบการเงินได้

ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันจะยังไม่เห็นสัญญาณ Underpricing of Risks ในวงกว้าง แต่กนง. จะติดตามพฤติกรรมแสวงหา ผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างใกล้ชิด

 

หุ้นกู้ไร้'เรทติ้ง'พุ่ง

สำหรับตลาดตราสารหนี้ อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ระดับต่ำ มีส่วนจูงใจให้ภาคธุรกิจหันมา ระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้มากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ประเภทที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ(นอน-เรทติ้ง) ซึ่งยังมีจำนวน บริษัทที่ออกหุ้นกู้ประเภทนี้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์

รายงานนโยบายการเงินระบุว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้ม ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์และหันไประดมทุนผ่าน ช่องทางอื่นๆ เช่น การออกหุ้นกู้ การร่วมทุน หรือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่ไม่มีเรทติ้ง ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นที่ นักลงทุนต้องติดตามข้อมูลและทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการลงทุนใน รูปแบบใหม่ๆ อย่างเหมาะสม

ทว่า ความเสี่ยงเชิงระบบยังมีจำกัด เนื่องจากสัดส่วนหุ้นกู้ที่ไม่มีเรทติ้งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับยอดคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งหมด และมีการเสนอขายในวงจำกัด คือ เสนอขายเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่ได้รับการรองรับ(Accredited Investors) เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตาม ความเสี่ยงจากการลงทุนที่สอดคล้องกับฐานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจที่ออกตราสารหนี้ประเภทนี้อย่างเหมาะสม

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

 

13590294_1240227335996756_867040404739060169_n.jpg?oh=0db2f88d75842837cbd9ec14915f6f1f&oe=58355595

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มุมมองภาคบ่าย 05-07-2559

 

Ylg Bullion

 

 

 

MoneyTalkChannel

 

 

 

MoneyTalkChannel

 

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

 

 

YLGResearch

 

 

 

Ylg Bullion

 

 

 

 

NationTV22

 

- รับชมคลิปข่าวอื่น ๆ ของเนชั่นทีวีได้ที่http://www.nationtv.tv และทาง Social media ดังนี้http://www.facebook.com/NationChannelTVhttp://www.twitter.com/na...

YOUTUBE.COM

 

13532773_1203415206375936_8696293547726920060_n.jpg?oh=c498b00338d14a2a100b37373ecf80a5&oe=57F2C883

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...