ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

15894542_10154927622567855_3485392723009069494_n.jpg?oh=ef313adb1e9362122a381f1112f24bef&oe=58DE015D

 

15941355_10154927625362855_1111342086594693397_n.jpg?oh=94e2c60be824ab3f1a8404981a4bbbc9&oe=5911C64D

 

เจ้าหน้าที่แผนกก่อสร้างพระเมรุมาศทดสอบการรับน้ำหนักของชั้นดิน (Plate Bearing Test) ทั้งหมด 6 จุด โดยจะหาค่าแรงต้านทางการรับน้ำหนักของดินในที่ก่อสร้างตรงทิศใต้ของท้องสนามหลวง เพื่อนำค่ามาออกแบบฐานรากพระเมรุมาศ สำหรับใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560

ภาพ ชาลินี ถิระศุภะ (Chalinee Thirasupa)

 

15894800_10154927395817855_144609519203239095_n.jpg?oh=e9d6bf9223bb94a2ec1e85fb5602f4d3&oe=591D76FE

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กองงานหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำข้าวขาหมู และน้ำดื่มพระราชทาน แจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมาต่อคิวในท้องสนามหลวง ณ เต็นท์ด้านทิศเหนือของสนามหลวง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560

ภาพ ชาลินี ถิระศุภะ (Chalinee Thirasupa)

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

 

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

งดเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ 20-21 ม.ค. - โพสต์ทูเดย์ ข่าวสังคม

 

 

 

 

หลังครบ100วันเปิดปกติ เข้าสักการะพระบรมศพ - ไทยโพสต์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

15230672_680853595416878_1173579115057926409_n.jpg?oh=40345badd272e8039b792929f0fcb52b&oe=590F3A36

 

 

NOW26

 

 

HSHsocial

ปฏิทินเศรษฐกิจ

บริษัทออสสิริส ค้าทองคำแท่ง เทรดทองคำแท่งออนไลน์ ราคาทองวันนี้

AUSIRIS.CO.TH

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า12-JAN-2017

BIT.LY

 

 

 

15977930_10154927201302855_4143080612322394582_n.jpg?oh=1ddb231b58e957adaca1fd4809e214f9&oe=58D603ED

 

นายแพทย์ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะเด็กและเยาวชนดีเด่น และเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 779 คน เข้าเยี่ยมคารวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี พร้อมรับฟังโอวาท ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่11มกราคม 2560

ภาพ วรวิทย์ พุ่มพวง (Vorawit Pumpuang)

 

 

 

NOW26

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 07:23:12 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ม.ค.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่ทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยาในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,954.28 จุด เพิ่มขึ้น 98.75 จุด หรือ +0.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,563.65 จุด เพิ่มขึ้น 11.83 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,275.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.42 จุด, +0.28%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม แรงบวกได้ถูกสกัดลง เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยา ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 364.90 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,888.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด หรือ +0.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,646.17 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด หรือ +0.54% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,290.49 จุด เพิ่มขึ้น 15.02 จุด หรือ +0.21%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 10 วันทำการ จากแรงซื้อของหุ้นกลุ่มส่งออกซึ่งได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 15.02 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 7,290.49 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นคืนนี้ (11 ม.ค.) หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งสัญญาณบวกดังกล่าวได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 52.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 55.10 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 11.1 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,196.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 16.828 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 976.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 11.35 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 753.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) ภายหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างที่เขาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 115.07 เยน จากระดับ 115.75 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0124 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0167 ฟรังก์สวิส

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0601 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0559 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2232 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2160 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7453 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,275.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.42 จุด, +0.28%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,563.65 จุด เพิ่มขึ้น 11.83 จุด, +0.21%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 19,954.28 จุด เพิ่มขึ้น 98.75 จุด, +0.50%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,888.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด, +0.01%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,646.17 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด, +0.54%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,290.49 จุด เพิ่มขึ้น 15.02 จุด, +0.21%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,140.41 จุด เพิ่มขึ้น 240.85 จุด, +0.90%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,675.21 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด, +0.19%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,000.94 จุด ลดลง 5.08 จุด, -0.17%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,301.24 จุด ลดลง 8.68 จุด, -0.16%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,321.82 จุด ลดลง 42.52 จุด, -0.58%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,935.35 จุด เพิ่มขึ้น 190.50 จุด, +0.84%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 687.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.09 จุด, +0.89%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,136.75 จุด ลดลง 24.92 จุด, -0.79%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,364.67 จุด เพิ่มขึ้น 63.23 จุด, +0.33%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,075.17 จุด เพิ่มขึ้น 30.05 จุด, +1.47%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,345.74 จุด ลดลง 3.90 จุด, -0.04%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,771.50 จุด เพิ่มขึ้น 10.80 จุด, +0.19%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,823.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.70 จุด, +0.18%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2583230

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดพุ่ง 11.1 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 06:49:58 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 11.1 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,196.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 16.828 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 976.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 11.35 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 753.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.4% แตะที่ 101.57 เมื่อคืนนี้

 

ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงนั้น มาจากการที่นายทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลาและขนาดของนโยบายด้านเศรษฐกิจของเขา ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและข้อตกลงการค้าต่างๆที่จะช่วยบ่งชี้ทิศทางของตลาดเงินในปี 2560

 

ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ เมื่อวานนี้ นายทรัมป์เพียงแต่ประกาศว่าเขาจะเดินหน้าสร้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ พร้อมกับแสดงจุดยืนในการวางมือจากธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของผลประโยชน์เมื่อเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยการประกาศถอนตัวจากอาณาจักรธุรกิจของตนเอง โดยเขาจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดเข้าสู่กองทุนทรัสต์แห่งหนึ่ง และจะแต่งตั้งให้บุตรชายคนที่ 1 และ 2 เป็นผู้บริหารกิจการแทน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2583218

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.43 รับซาอุฯส่งสัญญาณพร้อมลดการผลิต

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 06:27:31 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นคืนนี้ (11 ม.ค.) หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งสัญญาณบวกดังกล่าวได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 52.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 55.10 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ หลังจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แจ้งต่อลูกค้าถึงการปรับลดการส่งมอบน้ำมันดิบในเดือนหน้า เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนในการประชุมช่วงกลางเดือนธ.ค.นั้น ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน

 

ความเคลื่อนไหวในด้านบวกของซาอุดิอาระเบียได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ขณะเดียวกัน EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยทรัมป์ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2583213

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.9141 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 08:49:10 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.94% แตะที่ 6.9141 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2583409

 

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลัง ทรัมป์ แถลงข่าวสื่อมวลชน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 08:50:52 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 รวมถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,300.19 จุด ลดลง 64.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,133.60 จุด ลดลง 3.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,956.44 จุด เพิ่มขึ้น 21.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,356.12 จุด เพิ่มขึ้น 10.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,077.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,010.71 จุด เพิ่มขึ้น 9.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,675.64 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด

 

 

 

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในกรุงนิวยอร์ก โดยได้ประกาศว่าจะเดินหน้าสร้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนในการวางมือจากธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของผลประโยชน์เมื่อเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยการประกาศถอนตัวจากอาณาจักรธุรกิจของตนเอง โดยเขาจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดเข้าสู่กองทุนทรัสต์แห่งหนึ่ง และจะแต่งตั้งให้บุตรชายคนที่ 1 และ 2 เป็นผู้บริหารกิจการแทน นอกจากนี้ ทรัมป์จะลาออกจากทุกตำแหน่งในธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ และธุรกิจอื่นๆอีกหลายร้อยแห่ง

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2583410

 

ทรัมป์ทวิตข้อความ ยันไม่มีเอี่ยวกับรัสเซีย ก่อนแถลงข่าวคืนนี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 มกราคม 2560 21:38:14 น.

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ยืนยันว่าเขาไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และระบุว่า เขาตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางการเมือง หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐได้บรรยายสรุปต่อนายทรัมป์ ซึ่งมีการกล่าวหาว่านายทรัมป์มีความสัมพันธ์กับรัสเซีย

 

ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้ทวิตข้อความว่า "ไม่ยุติธรรมเลย รัสเซียไม่เคยพยายามใช้อิทธิพลเหนือผม" และเขายืนยันว่า "ไม่มีการทำข้อตกลง ไม่มีเงินกู้ ไม่มีการทำธุรกิจใดๆกับรัสเซีย"

 

 

 

นายทรัมป์ยังระบุว่า "คู่แข่งทางการเมืองพยายามลดความสำคัญของชัยชนะในการเลือกตั้งของเขา" และเขาตั้งคำถามว่า "เรากำลังอาศัยอยู่ในประเทศนาซีเยอรมันหรืออย่างไร"

 

อย่างไรก็ดี การพิสูจน์ว่านายทรัมป์ไม่มีการทำธุรกิจกับรัสเซียเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากเขาไม่เคยแสดงรายการเสียภาษี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนได้กระทำ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์

 

การทวิตข้อความของนายทรัมป์มีขึ้น ก่อนที่เขาจะจัดการแถลงข่าวในวันนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย

 

การแถลงข่าวจะมีขึ้นที่อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนครนิวยอร์ก ซึ่งจะเป็นการแถลงข่าวของนายทรัมป์ต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว

 

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า นายทรัมป์จะใช้การแถลงข่าวนี้ชี้แจงในหลากหลายประเด็น ซึ่งรวมถึง การเปิดเผยแผนการแยกตัวจากธุรกิจของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทับซ้อนของผลประโยชน์ หากเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ

 

อย่างไรก็ดี คาดว่าประเด็นหลักที่เขาต้องการจะกล่าวกับชาวสหรัฐในวันนี้คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและรัสเซีย หลังจากที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐได้ข้อสรุปว่า รัสเซียได้ทำการแฮกข้อมูลการเลือกตั้งเพื่อให้เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีที่แล้ว

 

ขณะเดียวกัน คาดว่านายทรัมป์จะชี้แจงเกี่ยวกับการแต่งตั้งคนสนิท และคนในครอบครัวของเขาเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งล่าสุด เขาได้เลือกนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขย ให้เป็นที่ปรึกษาอาวุโสประจำตัวประธานาธิบดี

 

นอกจากนี้ ยังคาดว่าเขาอาจเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบ, ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมทั้งอัดฉีดงบประมาณในการสร้างสะพาน, ถนน และโครงการสาธารณูปโภค

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2583195

 

Highlight แถลงข่าว ทรัมป์ ประเด็นการเมือง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 08:21:27 น.

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในนิวยอร์ก โดยเขากล่าวถึงประเด็นทางการเมืองว่า สหรัฐจะได้รับความเคารพจากประเทศต่างๆ มากกว่าในยุคของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา

 

 

 

"รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เม็กซิโก ทุกประเทศจะให้ความเคารพเรามากยิ่งขึ้น มากกว่าที่พวกเขามีต่อรัฐบาลชุดก่อนๆ" ทรัมป์กล่าว

 

นายทรัมป์ส่งสัญญาณว่า เขาจะพยายามลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐกับประเทศต่างๆด้วย

"ข้อตกลงการค้าที่เรามีอยู่นับเป็นหายนะ เราสูญเสียเงินมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์จากการค้ากับจีน และการขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นและเม็กซิโกในทุกๆปี" เขากล่าว

 

สำหรับจีนนั้น ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่า จีนได้ "ฉกฉวยผลประโยชน์จากเราในด้านเศรษฐกิจ และช่วงชิงความได้เปรียบจากเราในทะเลจีนใต้ด้วยการสร้างฐานที่มั่นขนาดมหึมาขึ้นที่นั่น"

 

ทั้งนี้ จีนได้อ้างกรรมสิทธิ์เพียงฝ่ายเดียวเหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐได้ตำหนิจีน จากกรณีที่จีนสร้างสิ่งปลูกสร้างและติดตั้งอุปกรณ์ทางทหารบนเกาะต่างๆ ในน่านน้ำที่เป็นประเด็นพิพาทกับเพื่อนบ้านหลายประเทศ

 

ส่วนรัสเซียนั้น นายทรัมป์ได้ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า เขาเชื่อว่ารัสเซียได้แฮกระบบของพรรคเดโมแครตในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธรายงานจากหน่วยข่าวกรองที่ว่า รัสเซียทำเช่นนั้นเพื่อช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้ง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียนั้น เขาตอบว่า "หากปูตินชอบโดนัลด์ ทรัมป์ ผมถือว่านั่นเป็นสิ่งมีค่า ไม่ใช่หนี้สิน" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2583400

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

16106032_10154932651177855_7017644998093663157_n.jpg?oh=e787b1a532b14fe453c9ae6b71229971&oe=591A9E9F

นักเรียนโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเจ้าหน้าที่ของอาสาสมัคร Volunteer for Dad ร่วมกับ กลุ่ม “ให้เบ็ด ดีกว่าให้ปลา” ร่วมกันทำประติมากรรมนูนต่ำพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์พร้อมพ่นสีทอง ทั้งหมด 50 ชิ้น ที่จัดทำขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ โดยทางกลุ่มอาสาสมัคร Volunteer for Dad จะนำไปแจกจ่ายต่อไป เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระ กรุงเทพมหานคร

ภาพ ชาลินี ถิระศุภะ (Chalinee Thirasupa)

 

15895386_10155002075302922_7512373338905914297_n.jpg?oh=21d3ef7223873cf1789cf96c1b627351&oe=59188FA2

สำนักงานปศุสัตว์เขต 9 ร่วมกับจังหวัดสตูล ปล่อยขบวนรถบรรทุกหญ้าแห้งพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

วันอังคารที่ 10 มกราคม 2560 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สตูลนายสัตวแพทย์วีรชัย วิโรจน์แสงอรุณ ปศุสัตว์เขต 9 ร่วมกับนายวีระพงษ์ บัวระภา ปศุสัตว์จังหวัดสตูล นายสุชีพ เอี้ยวเหล็ก หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สตูล และนายจักรพงษ์ ขานโบ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สตูล ร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกหญ้าแห้งพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 9 คัน บรรทุกหญ้าแห้ง 2,000 ฟ่อน มูลค่า 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 500 ฟ่อน จังหวัดพัทลุง 500 ฟ่อน และจังหวัดสงขลา 1,000 ฟ่อน หลังเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา

ขอบคุณภาพและข่าว.กรมประชาสัมพันธ์

15894847_1418154834904029_2429713426129537017_n.jpg?oh=aa692e395adcfdce471e7fdec1b00cba&oe=5915AB15

เมื่อวัน 11 มกราคม 2560 เวลา 15.05 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์ที่นั่ง ซึ่งกองทัพเรือจัดถวายไปทรงเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยแพทย์พระราชทานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่โปรดให้ไปบริการตรวจรักษาประชาชนที่เจ็บป่วย ณ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี 1 (บ้านเก่าวิทยา) ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยประชาชนในหมู่บ้านนี้ เมื่อเจ็บป่วยจะเดินทางไปรับบริการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเก่า หรือไปที่โรงพยาบาลพหลพลหยุหเสนา ซึ่งห่างจากหมู่บ้านประมาณ 40 กิโลเมตร

ในวันนี้มีผู้ไปรับการบริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและด้านทันตกรรม รวม 177 คน ปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่ คือ ระบบกล้ามเนื้อและโรคระบบทางเดินหายใจ

ในการนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้แพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย นำผู้เจ็บป่วยจำนวน 5 ราย เฝ้า ขอรับพระราชทานความช่วยเหลือ ซึ่งป่วยเป็นโรคต่างๆ อาทิ ปากแหว่งเพดานโหว่ และกล้ามเนื้อหลอดลมอ่อนแรง โพรงกระดูกศีรษะและใบหน้าผิดรูปและผิวหนังแข็ง โดยได้พระราชทานเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นและโปรดให้ส่งตัวผู้เจ็บป่วยทั้ง 5 ราย ไปรักษายังโรงพยาบาลที่เหมาะสมกับอาการ

นอกจากนี้ ยังโปรดให้สัตวแพทย์อาสาจุฬาภรณ์ ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดออกหน่วยให้บริการ ในการให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง อีกด้วย

โอกาสนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้สมาชิก พอ.สว. ประจำจังหวัดกาญจนบุรี เฝ้าทรงนำสมาชิก พอ.สว. เจริญสมาธิ และทรงนำสวดมนต์ จากนั้น ได้มีพระดำรัสแก่สมาชิก พอ.สว.

ภาพจาก : กาญจนบุรีนิวส์

 

 

 

15873182_1280791215300402_2290345055949621062_n.jpg?oh=24b2533ecb059eae4960235fa171eb4e&oe=590EB5F9

สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมส่งพลังความช่วยเหลือไปยังพี่น้องผู้ประสบภัยภาคใต้

 

ท่านสามารถร่วมบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี "กระแสรายวัน" เลขที่ 001-1-34567-0

(กรณีโอนเงินจากตู้เอทีเอ็มให้เลือกทำรายการประเภทบัญชีได้ทั้ง 2 ประเภท คือ "กระแสรายวัน" หรือ "ออมทรัพย์" ค่ะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

NOW26

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

NOW26

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

===

HSHsocial

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า13-JAN-2017

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า13-JAN-2017

AUSIRIS.CO.TH

 

ปฏิทินเศรษฐกิจ

 

 

บริษัทออสสิริส ค้าทองคำแท่ง เทรดทองคำแท่งออนไลน์ ราคาทองวันนี้

AUSIRIS.CO.TH

 

 

 

 

 

MTS GOLD GROUP

 

News ธุรกิจใต้สูญ 1.8 หมื่นล้าน หอการค้าฯ แนะรัฐเร่งฟื้นฟู

 

NOW26

 

 

 

 

NOW26

 

 

NOW26

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 07:00:00 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ม.ค.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด หรือ -0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.21%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยา ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 363.40 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,863.97 จุด ลดลง 24.74 จุด หรือ -0.51% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,521.04 จุด ร่วงลง 125.13 จุด หรือ -1.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ +0.03%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดบวกต่อเนื่อง 12 วันทำการ โดยได้แรงหนุนในช่วงท้ายจากหุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐาน ซึ่งสกัดการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 7,292.37 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกคืนนี้ (12 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เริ่มปรับลดกำลังการผลิต

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 56.01 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยทองคำยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.3 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 16.825ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ 984.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 11.35 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 765.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยกระตุ้นหลังจากที่นักลงทุนผิดหวังกับการแถลงข่าวครั้งแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงนโยบายด้านภาษี

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.27 เยน จากระดับ 115.07 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0093 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0124 ฟรังก์สวิส

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0638 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0601 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2169 ดอลลาร์จากระดับ 1.2232 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7504 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7453 ดอลลาร์

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด, -0.21%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด, -0.29%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด, -0.32%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,863.97 จุด ลดลง 24.74 จุด, -0.51%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,521.04 จุด ลดลง 125.13 จุด, -1.07%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด, +0.03%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,247.16 จุด เพิ่มขึ้น 106.75 จุด, +0.39%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,677.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด, +0.15%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,993.00 จุด ลดลง 7.94 จุด, -0.26%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,292.75 จุด ลดลง 8.49 จุด, -0.16%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,829.02 จุด ลดลง 106.33 จุด, -0.46%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 686.96 จุด ลดลง 0.20 จุด, -0.03%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,264.55 จุด ลดลง 57.27 จุด, -0.78%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,119.29 จุด ลดลง 17.46 จุด, -0.56%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,087.14 จุด เพิ่มขึ้น 11.97 จุด, +0.58%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,134.70 จุด ลดลง 229.97 จุด, -1.19%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,410.18 จุด เพิ่มขึ้น 64.44 จุด, +0.69%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,821.60 จุด ลดลง 2.1 จุด, -0.04%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,766.90 จุด ลดลง 4.6 จุด, -0.08%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2583780

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 63.28 จุด ตลาดผิดหวังทรัมป์ไม่เผยมาตรการกระตุ้นศก.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 06:15:55 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด หรือ -0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด หรือ -0.21%

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการแถลงข่าวของทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยทรัมป์แทบไม่ได้กล่าวถึงมาตรการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เขาเคยกล่าวไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่เขาระบุแต่เพียงว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้บริษัทที่ย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐ

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงวอลท์ดิสนีย์, เจพีมอร์แกน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา

 

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 0.7% แม้มีรายงานว่าสายการบินสไปซ์เจ็ทของอินเดียอาจจะสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 90 ลำของโบอิ้ง คิดเป็นมูลค่าราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์

 

สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวที่มีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 247,000 ราย โดยต่ำกว่าระดับ 255,000 ราย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้

 

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยสกัดราคานำเข้า

 

นายแพททริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้น และจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในปีนี้ หรือปีหน้า

 

ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า การใช้มาตรการทางการคลังในเชิงรุก รวมทั้งนโยบายอื่นๆ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวแตะระดับ 4% ในระยะสั้น แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ นอกจากว่าจะมีการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการผลิต หรือทำให้ตลาดแรงงานมีการขยายตัว

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2583771

 

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนผิดหวังแถลงข่าว ทรัมป์

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 08:42:36 น.

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ โดยบางส่วนปรับตัวลงเนื่องจากผิดหวังกับการแถลงข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นจากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังจากที่หุ้นร่วงหนักในช่วงหลายวันก่อน

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,174.97 จุด เพิ่มขึ้น 40.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,116.08 จุด ลดลง 3.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,879.57 จุด เพิ่มขึ้น 50.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,373.70 จุด ลดลง 36.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,077.12 จุด ลดลง 10.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,001.06 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,677.68 จุด ลดลง 0.08 จุด

 

 

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2583965

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.8909 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 09:18:14 น.

Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 2.32% แตะที่ 6.8909 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2583995

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค หลังขาดปัจจัยหนุน-คาด Fund Flow จะไหลออก

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 09:19:24 น.

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยขับเคลื่อน และในช่วงที่ผ่านมา Fund Flow ก็เข้ามามากแล้ว ขณะเดียวกับมองว่าสัปดาห์หน้าอาจได้เห็นการกลับขาของเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงได้ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจได้แรงซื้อกลับทำให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นการกระตุ้นให้เกิด Fund Flow ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)

 

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย โดยยังแนะนำหุ้นที่ยังถูกอยู่อย่างหุ้น SCB และหุ้นที่เป็น Global plays อย่างหุ้น PTTEP และหุ้น BANPU

 

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,560-1,572 จุด

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2583997

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 09:17:35 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.36/42 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น

 

วานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 35.37/39 บาท/ดอลลาร์

 

 

"ประเด็นหลัก ๆ ของวันนี้คือเมื่อคืนดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อย เงินบาทก็อ่อนด้วย...ดอลลาร์มีทั้งช่วงอ่อนค่าและแข็ง

 

ค่าจากการที่ประธานเฟดออกมาพูดว่ามีโอกาสที่อเมริกาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ทำให้ดอลลาร์และทุกสกุลใน

 

ภูมิภาคอ่อนด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน มองการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ในกรอบ 35.30 - 35.45 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 114.35/37 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.06 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.0627/0659 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.3550 บาท/

 

ดอลลาร์

- นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการปฏิรูปและปรองดองนัดแรก ตั้งคณะกรรมการ 4 ชุดเพื่อ

 

นำประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยได้พิจารณา 2 เรื่องสำคัญ คือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และงบพัฒนา

 

กลุ่มจังหวัด วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สรุปจำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบล่าสุดเดือน ธ.ค. 59 พบว่า การปิด

 

ตัวของสาขาธนาคารพาณิชย์มีอย่างต่อเนื่องและทุกพื้นที่ตลอดปี 59 ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งคนทั่วไปหันมาใช้บริการทางการเงินผ่านระบบ

 

อิเล็กโทรนิกส์มากขึ้น โดยจากการสำรวจธนาคารพาณิชย์ไทย 19 แห่งและสาขาธนาคารพาณิชย์ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7,016 แห่ง

 

ลดลง 43 แห่ง เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 58 พื้นที่กรุงเทพฯ มีการปิดตัวสาขามากที่สุด 30 แห่ง ภาคกลาง 6 แห่ง ภาคใต้ 4

 

แห่ง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่งและ 1 แห่งตามลำดับ

- กรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลมีรายได้ 6.92 แสนล้านบาท และมีการเบิก

 

จ่าย 8.76 แสนล้านบาท คิดเป็น 32.06% ของวงเงินงบประมาณ สูงกว่าเป้า 2.06% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.84%

 

- รมว.พาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมประชุมในเวที World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2560 ในวันที่ 17-

 

20 มกราคมนี้ ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมี ทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล ผู้นำเอกชน ผู้บุกเบิกทางเทคโนโลยี ผู้

 

ประกอบการเพื่อสังคม ผู้นำทางความคิด และนักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมกว่า 2,500 คน จากกว่า 100 ประเทศ โดยจะใช้เวทีนี้สร้าง

 

ความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพของประเทศไทย

- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 8 ธ.ค. ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของ ECB ต้องการ

 

ที่จะขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมดังกล่าว เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของยูโรโซน ท่ามกลางภาวะผันผวนทางการเมืองใน

 

ยุโรป และทั่วโลก

ในการประชุมดังกล่าว ECB มีมติขยายเวลาสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นปี 2017

 

ขณะที่ลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร

 

- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 รายใน

 

สัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 247,000 ราย โดยต่ำกว่าระดับ 255,000 ราย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12

 

ม.ค.) ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยกระตุ้นหลังจากที่นักลงทุนผิดหวังกับการแถลงข่าวครั้งแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี

 

สหรัฐ ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงนโยบายด้านภาษี โดย

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 114.27 เยน จากระดับ 115.07 เยน ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่

 

ระดับ 1.0638 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0601 ดอลลาร์

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยทองคำยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน

 

ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้น

 

เศรษฐกิจ ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์ หลุยส์ กล่าวว่า ตลาดการเงินต้องการเห็น

 

มาตรการอย่างเป็นรูปธรรมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ได้เคยสัญญาไว้ในช่วงการ

 

รณรงค์หาเสียง

- นายแพททริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจ

 

สหรัฐกำลังปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ยังกล่าว

 

ว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้น และจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในปีนี้ หรือปีหน้า

 

- นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า การใช้มาตรการทางการคลังใน

 

เชิงรุก รวมทั้งนโยบายอื่นๆ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวแตะระดับ 4% ในระยะสั้น แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงิน

 

เฟ้อ นอกจากว่าจะมีการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการผลิต หรือทำให้ตลาดแรงงานมีการขยายตัว

 

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีก

 

เดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2583994

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดบวก 3.2 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 06:51:54 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยทองคำยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.3 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 16.825ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ 984.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 11.35 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 765.25 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.48% แตะที่ 101.24 เมื่อคืนนี้

 

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงนั้น มาจากการที่นายทรัมป์แทบไม่ได้กล่าวถึงมาตรการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เขาเคยกล่าวไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ขณะที่เขาระบุแต่เพียงว่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้บริษัทที่ย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2583775

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองเข้าสู่ปลายสัปดาห์ที่สองของปี แรงซื้อยังคงทำงานได้ดี เป็นลักษณะของแรงซื้อที่เข้ามาในช่วงที่ยังไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมและแรงกดดันในช่วงก่อนบรรเทาลง

ประเด็นที่อยากให้มองกันในช่วงนี้มีอยู่ 3 เรื่อง

1. ประเด็นตลาดไม่ได้อยู่ที่การจ้างงานสหรัฐเหมือนอย่างปีก่อน หรือเปล่า ยังไม่ถึงกับแน่ใจในตอนนี้ เดิมทีเฟดใช้ตัวเลขนี้เป็นตัวบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นหรือไม่ฟื้น ซึ่งในช่วงนี้จากความเคลื่อนไหวหลายๆ ส่วนทำให้การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอาจผิดไปจากเดิม ส่วนตัวผมมองว่าถ้าเปลี่ยนเฟดน่าจะโฟกัสที่เงินเฟ้อมากขึ้นหมายถึงตัวเลขเงินเฟ้อ , อัตราค่าจ้างและราคาน้ำมัน

2. อะไรเป็นตัวผลักดันให้ราคาทองฟื้นทั้งที่โจทย์ของทองยังไม่เปลี่ยน หมายถึงเฟดยังไม่มีท่าทีว่าจะขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่บอกไว้เมื่อการประชุมครั้งก่อนแต่อย่างใด ทำให้มองว่าแรงซื้อครั้งนี้เป็นเพียงการฟื้นตัวชั่วคราว ซึ่งถ้าจบขาก็ขึ้นอยู่กับว่าทองจะเป็น Sideway ในกรอบ 1140 - 1180 หรือกลับไปเทสต์โลว์อีกรอบ

3. ถ้าตามการประเมินไว้ก่อนหน้านี้แนวต้านที่มีนัยยะสำคัญจะอยู่ที่บริเวณ 1200 และ 1240 ทำให้ต้องคอยจับสังเกตสัญญาณขายที่อาจจะเกิดขึ้น และในวันที่ผ่านมานั้นเกิดแท่งเทียนที่มีหางยาว ลงมาราว 17 เหรียญ ไม่มากแต่ไม่น้อย ถือเป็นสัญญาณขายแรกๆ ที่เกิดขึ้นกับกราฟหลัก ซึ่งถ้ามีรูปแบบการกลับตัวเกิดขึ้นหรือการปรับตัวลงต่ำกว่า 1190 จะทำให้เกิดสัญญาณขายอื่น ๆ ตามมา

ระยะสั้นดูพ้อยท์เทรดที่ 1190 หลุดนี้ก็ขายหรือเอสตามมาเป้าสั้นๆ ที่ 1175 - 1180 ในขณะที่เป้าหลักอยู่ที่ 1160 - 1170 แถวๆนี้ แต่ถ้ายังขึ้นซึ่งตามแนวโน้มแล้วยังคงเป็นบวกอยู่จะมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1220 1232 1240

13 Jan, 2017

www.facebook.com/Wealthstation

@wealthstation

15978112_1277770715594734_7581103908718520248_n.png?oh=a8d8863d557aba159fa0680e15d0e92e&oe=5920693F

15965493_1277775765594229_5061023256550249499_n.png?oh=53866f03808ff4d1f92778dd7d8b988e&oe=591AD268

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

16002822_1399920576746405_8259033076533344704_n.jpg?oh=6ea11c674c41afec23cd7d9d5574eebb&oe=58DE854E

16 มกราคม "วันครู"

 

..."เป็นครูใช่ไหม ขอฝากเด็กๆด้วยนะ

ช่วยสอนให้เขาเป็นคนดี..."

 

พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อเสด็จประพาสภาคเหนือครั้งแรก

๑ มีนาคม พ.ศ ๒๕๐๑

16105546_10154942106847855_2808374284590244265_n.jpg?oh=cc9700af9a2b24e73529913898073037&oe=591E5B86

ประชาชนเดินเข้าแถวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ในพระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 15 มกราคม 2560

ภาพ ฐานิส สุดโต (Thanis Sudto)

#NationPhoto #ฐานิสสุดโต #สักการะพระบรมศพ

 

===

สวัสดีวันครู ขอบคุณคุณครูทุกท่าน

 

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 06:05:22 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ม.ค. 2560

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) ทว่าดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ขณะที่บริษัทหลายแห่งในสหรัฐก็ได้เปิดเผยผลประกอบการ

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 5.27 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 19,885.73 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.20 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 2,274.64 จุด ดัชนี NASDAQ บวก 26.63 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 5,574.12 จุด

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.95% ปิดที่ 365.94 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 58.52 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 4,922.49 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 108.14 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 11,629.18 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 45.44 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 7,337.81 จุด

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) โดยปิดในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 45.44 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 7,337.81 จุด ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 12

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 64 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 52.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 55.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,196.20 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.9%

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 16.765 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.7 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 986.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 16.10 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 749.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยน และปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืน

 

ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน แตะที่ 114.46 เยน จาก 114.27 เยน แต่อ่อนค่าเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0088 ฟรังก์ จาก 1.0093 ฟรังก์

 

ยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 1.0640 ดอลลาร์ จาก 1.0638 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ก็แข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2189 ดอลลาร์ จาก 1.2169 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 0.7496 ดอลลาร์ จาก 0.7504 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 19,885.73 จุด ลดลง 5.27 จุด, -0.03%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,574.12 จุด เพิ่มขึ้น 26.63 จุด, +0.48%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,274.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด, +0.18%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,922.49 จุด เพิ่มขึ้น 58.52 จุด, +1.20%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,629.18 จุด เพิ่มขึ้น 108.14 จุด, +0.94%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,337.81 จุด เพิ่มขึ้น 45.44 จุด, +0.62%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,238.06 จุด ลดลง 9.10 จุด, -0.03%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,672.50 จุด ลดลง 5.26 จุด, -0.31%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,025.07 จุด เพิ่มขึ้น 32.07 จุด, +1.07%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,272.98 จุด ลดลง 19.77 จุด, -0.37%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,937.38 จุด เพิ่มขึ้น 108.36 จุด, +0.47%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,238.52 จุด ลดลง 26.03 จุด, -0.36%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,112.76 จุด ลดลง 6.53 จุด, -0.21%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,076.79 จุด ลดลง 10.35 จุด, -0.50%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,287.28 จุด เพิ่มขึ้น 152.58 จุด, +0.80%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,378.83 จุด ลดลง 31.35 จุด, -0.33%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,721.10 จุด ลดลง 45.80 จุด, -0.79%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,776.80 จุด ลดลง 44.80 จุด, -0.77%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2584784

 

(Jan 15) หลังเจรจา'โซลาริส'หาเงินไถ่ถอนเรียบร้อย 'อีฟอร์แอล'เคลียร์บีอี 200ล้าน :ชี้ปมปัญหานักลงทุน ขาดความเชื่อมั่น "2กลุ่ม"เสี่ยงสูงผิดนัด

"อีฟอร์แอล" หาเงินคืนหนี้ตั๋วบีอี "โซลาริส" 200 ล้านเรียบร้อย ขณะ"ไอเฟค"ขอยืดหนี้ ออกไปหลัง 25 ม.ค. เหตุบริษัทลูกไม่สามารถ ส่งเงินให้ได้ เพราะกรรมไม่ครบต้องรอประชุม ผู้ถือตั้งบอร์ดใหม่

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งให้ บริษัท อีฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ชี้แจงหลังปรากฏข่าว บริษัท จ่ายเงินล่าช้าตั๋วบีอี 200 ล้านบาท ให้แก่กองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้ พริวิเลจ 6 เอ็ม 3(S-PFI 6M3) นั้น ล่าสุด นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอีฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) แจ้งเพิ่มเติมว่า วานนี้ (13 ม.ค.) บริษัทได้เจรจากับ บลจ.โซลาริส เพื่อ ดำเนินการชำระเงินและไถ่ถอนตั๋วแลกเงินดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ อีฟอร์แอล มีกำหนดต้องชำระหนี้ตั๋วบีอีจำนวนดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้ทันกำหนดนั้น นายอภิรักษ์ กาญจนคงคา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท อีฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า สาเหตุเกิดจาก บริษัทได้รับการประสานจาก บลจ.โซลาริส เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2560 เมื่อ เวลา 14.30 น. ว่า บลจ.โซลาริส ไม่สามารถจัดหา แหล่งเงินเพื่อการ refinance ตั๋วแลกเงินฉบับดังกล่าวให้บริษัทได้ ทั้งที่ก่อนหน้า บลจ.โซลาริส ตกลงจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงิน refinance ให้

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า อีฟอร์แอล ไม่เคย ผิดนัดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้รายใด และมีฐานะการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง มีผู้ถือหุ้นหลัก มีความสามารถสร้างธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่อง ได้รับความเชื่อถือจากสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ และพร้อมให้การสนับสนุนการประกอบการของอีฟอร์แอลทุกด้าน

"สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว เพราะได้รับแจ้งข้อมูลจากโซลาริสว่า เขาไม่สามารถดำเนินการไถ่ถอนตั๋วแลกเงิน ได้ในเวลากระชั้นชิด หากรู้ก่อนล่วงหน้าบริษัทจะมีเวลาจัดหาแหล่งเงินเพื่อมาไถ่ถอนตั๋วแลกเงินดังกล่าวได้ตามกำหนด ไม่เกิดเหตุการณ์ชำระหนี้ล่าช้าแน่นอน"

จากกระแสข่าวดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอี ฟอร์ แอล เอม อย่างรุนแรง โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 0.27 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 12.90% และอ่อนตัวลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 0.26 บาท หรือลดลง 0.05 บาท หรือลดลง 16.13% ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาซื้อขายที่ 0.28 บาท ลดลง 0.03 บาท หรือลดลง 9.68% และยืนปิดตลาดในระดับดังกล่าว โดยมีมูลค่าการ ซื้อขาย 144.46 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากสถาบันการเงิน กล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีของอีฟอร์แอล น่าจะเป็นผลพวงจากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมของตั๋วบีอี กล่าวอีกนัย คือ เป็นผลพวงจาก Domino Effect การผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีรายก่อนหน้านี้

"นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น การลงทุนในตั๋วบีอี ส่งผลกระทบในวงกว้าง และ เชื่อว่าจะมีรายที่ผิดนัดชำระหนี้ขึ้นอีก แต่ไม่ลุกลามมาก เพราะของใหม่หยุดขายแล้ว หลังจากนี้ทุกส่วนในอุตสาหกรรมนี้ต้องกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่เป็น หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง" สำหรับแนวทางช่วยให้สถานการณ์ ตั๋วบีอีดีขึ้น คือ ต้องเร่งแก้ไขรายกรณีให้เร็วที่สุด และควรนำตั๋วบีอี ที่มีเรทติ้งและไม่มีเรทติ้งมาขึ้นทะเบียนกับสมาคมตราสารหนี้ไทย ซึ่งช่วยการผิดนัดชำระหนี้ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นและการจัดระเบียบตั๋วบีอีใหม่ ใช้เวลา 1-2 ปี หลังจากนั้นตลาดนี้จึง จะกลับมาได้ใหม่

"ต้องเข้าใจด้วยว่า ตั๋วบีอีที่ออกมาในท้องตลาดไม่ได้แย่ และในแต่ละเคส มีปัญหาแตกต่างกัน จะเหมารวมไม่ได้ เรื่องนี้ นักลงทุนดูเหมือนจะเข้าใจแต่พอ เอาเข้าจริงๆ แล้วกับไม่เข้าใจ จึงเกิดการตกใจจนขาดความเชื่อมั่นที่จะเข้าไปลงทุนตั๋วบีอี ที่มีคุณภาพ" แหล่งข่าวสถาบันการเงินอีกรายหนึ่ง กล่าวด้วยว่า ตั๋วบีอี กลุ่มธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ เป็นธุรกิจอสังหาฯ และพลังงานทางเลือก แนวทางการแก้ไขปัญหาเช่นนี้ในต่างประเทศ คือต้องสร้างความ เชื่อมั่นกลับมา ต้องมีผู้ซื้อใหม่ที่กล้าลงทุน ถึงจะหยุดได้ แต่ประเมินว่า ตอนนี้หากยังไม่มีใครกล้าลงทุน ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้ตลาดปรับสมดุลก่อน

สำหรับกรณี บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC นายศุภกร แย้มงามเหลือ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร กล่าวว่า จากกรณีบริษัทผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ที่เลื่อนจากวันที่ 5 ม.ค. เป็นวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อขอยืดหนี้ออกไป ถึงหลังจากประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ม.ค. โดยบริษัทพร้อมชำระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น

สาเหตุที่ต้องยืดหนี้ออกไป เพราะบริษัทในเครือยังไม่สามารถทำธุรกรรม ส่งเงินให้บริษัทแม่ได้ เพราะนายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ลาออกจากบริษัทลูก ส่งผลให้กรรมการในบริษัทลูกไม่ครบ ซึ่งการแต่งตั้งกรรมการบริษัทลูกใหม่ จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และมีบอร์ดใหม่แล้วเท่านั้น

นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น การลงทุนในตั๋วบีอี ส่งผลกระทบในวงกว้าง และเชื่อว่า จะมีรายที่ผิดนัดชำระหนี้ขึ้นอีก แต่ไม่ลุกลามมาก

Source: กรุงเทพธุรกิจ

เพิ่มเติม ริชเอเชีย'เบี้ยวหนี้2พันล้าน.... อ่านต่อได้ที่ :http://www.posttoday.com/economy/stock/475749

 

 

(Jan 16) สัมภาษณ์พิเศษ: 'บัณฑิต'ชี้3ปัจจัยฉุดศก.ไทยติดหล่มโตต่ำ - การขยายตัวที่ต่ำกว่า "ศักยภาพ" ของเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากการลงทุนภาคเอกชน ที่หายไป แม้ที่ผ่านมา "ภาครัฐ" จะทุ่มสรรพกำลัง เพื่อ "ดึง" การลงทุนของเอกชนให้กลับมา ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตรการภาษีจูงใจการลงทุน การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนการเปิดโครงการลงทุน ขนาดใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อหวังดึงดูด ให้เอกชนลงทุนตาม ล่าสุดการจัดทำ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ก็เป็นอีกโครงการที่พยายามผลักดันการลงทุนของเอกชน แต่ดูเหมือนสิ่งเหล่านี้ "ยังไม่ช่วยฟื้น" การลงทุนเอกชนให้กลับมามากนัก "บัณฑิต นิจถาวร" กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) มองว่า สาเหตุที่เอกชนยังไม่มั่นใจ และไม่กล้าลงทุนมาจากหลายประเด็น หนึ่งในนั้น คือ โครงการลงทุนของภาครัฐที่ออกมา หลายๆ โครงการ ยังเป็นเพียงการตั้งหลัก จึงยังไม่มีเม็ดเงินเข้าสู่โครงการจริงมากนัก ที่สำคัญการดำเนินงานในโครงการเหล่านี้ ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจที่มาก ความล่าช้า จึงยิ่งสร้างความไม่แน่นอนที่มากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจยังคงสงวนท่าทีในการลงทุน แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่รัฐบาลประกาศเอาไว้ เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจรออยู่ "ผมว่าผมเข้าใจทั้งในมุมของภาครัฐและเอกชนดี ผมเคยผ่านการทำนโยบายมาก่อนจึงเข้าใจในมุมของทางการ และตั้งแต่ผมมาทำงานใน ไอโอดี มีโอกาสได้พูดคุย กับผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายๆ แห่ง ก็ยิ่งทำให้เข้าใจในมุมของเอกชนมากขึ้น ว่าเขาต้องการอะไร เขามองยังไง"

บัณฑิต บอกว่า ปัญหาของเศรษฐกิจ ไทยเวลานี้ คือการเติบโตที่ช้า ทั้งที่เศรษฐกิจไทยมีความมั่งคั่งในประเทศมาก แต่เรากลับไม่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้ เพราะนโยบายที่ผ่านมา ยังไม่สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ทั่วหน้า

"พูดง่ายๆ คือ เรารู้ปัญหาของประเทศ รู้ว่าเวลานี้ประเทศต้องการปฏิรูป เราตกอยู่ในกับดักการเติบโตที่ต่ำมาต่อเนื่องหลายปี ถามว่าอะไรที่เป็นปัจจัยซึ่งนำมาสู่ประเด็นเหล่านี้ ที่ดูก็มี 3 เรื่องด้วยกัน"

เรื่องแรก คือ ความสามารถการแข่งขันเราไม่มี อันนี้ต้องอาศัยการปฏิรูปทางด้าน นวัตกรรม เรื่องที่สอง คือ การปฏิรูปที่เราอยากเห็นยังไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นล่าช้า ซึ่งเราทำเรื่องนี้มา 2-3 ปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้เต็มที่

ส่วนเรื่องที่สาม คือ นโยบายเศรษฐกิจ ที่ออกมา ไม่ได้สร้างความมีส่วนร่วม (Inclusive) มากนัก อาจมีบ้างที่ให้ประโยชน์กับบริษัทใหญ่ๆ ที่ใกล้ชิดกับนโยบายของรัฐ แต่ถ้าเป็นธุรกิจทั่วไป ยังไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายอย่างเต็มที่มากนัก บัณฑิต บอกด้วยว่า การปฏิรูปที่ดำเนินการ อยู่ ยังมีบางอย่างที่ดูสวนทางกับสิ่งที่ควรเป็น กล่าวคือ การปฏิรูปควรต้องปลดล็อกข้อจำกัดทางธุรกิจ สร้างกลไกตลาดที่เอื้อต่อ การทำงาน แต่กลายเป็นว่าบางอย่างมีการเพิ่มกฎระเบียบ ออกกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น

เช่นในเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

"หน้าที่ของรัฐจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งโครงการต่างๆ ให้เสียโฟกัสของงาน เพราะโครงการต่างๆ ที่ออกมาควร เป็นหน้าที่ของเอกชนที่ต้องทำ ขณะที่ ความต้องการของเอกชน คือ ตัวนโยบายที่ต้องชัดเจน มีการผลักดันอย่างจริงจัง และสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบราชการ แต่เวลานี้ ดูเหมือนภาครัฐผลักดัน โครงการต่างๆ ออกมาเยอะมาก ทั้งที่จริงๆ แล้วภาครัฐไม่จำเป็นต้องทำเอง"

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาครัฐทำอยู่ในเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูป อย่างน้อยถือว่า เดินมาถูกทางแน่นอน เพียงแต่การเทคแอ็คชั่น ในเรื่องเหล่านี้ควรมีมากขึ้นที่สำคัญภาครัฐ ไม่จำเป็นต้องผลักดันโครงการต่างๆ ออกมา เยอะ ขอเพียงแค่ทำนโยบายให้ชัดเจน วางกติกา ที่ชัดขึ้น สร้างความมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ สิ่งเหล่านี้จะดึงให้เอกชนเข้ามาลงทุนเอง "ไม่ใช่ว่าภาครัฐทำแผนแล้วให้เอกชนเดินตามแผน ในขณะที่กลไกทางเศรษฐกิจของประเทศกลายเป็นสิ่งที่ถูกละเลย" บัณฑิต เชื่อว่า หากกติกาและนโยบายนิ่ง

มีความชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญการตัดสินใจในการอนุมัติโครงการต่างๆ ทำได้รวดเร็วมากขึ้น เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวหลักสำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามศักยภาพ

"ถ้าทำได้อย่างนี้ ผมคิดว่า อาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งเขาโตได้มากกว่า 3% เราก็น่าจะโตได้มากกว่านี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยถือว่ามีความมั่งคั่งสูง การที่เรา เติบโตได้ต่ำกว่าประเทศอื่น สะท้อนให้เห็นว่า เราไม่สามารถรวบรวมพลังงานและความมั่งคั่ง ที่มีอยู่มาขับเคลื่อนการเติบโตได้"

ส่วนนโยบายการเงินและการคลังนั้น บัณฑิต บอกว่า เท่าที่ดูไม่ได้มีพื้นที่เหลือเพียงพอที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพมากนัก อย่างนโยบายการเงินแม้ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25-0.5% ก็คงไม่ได้มีผลมาก ขณะที่นโยบายการคลัง ก็มีเรื่องเพดานหนี้สาธารณะอยู่ การก่อหนี้จึงทำได้จำกัด

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2560 "บัณฑิต" มองว่า ความไม่แน่นอนยังมีสูง จากทั้งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยดังที่ได้กล่าวมา รวมทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่มีสูง โดยเศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก แม้เศรษฐกิจสหรัฐดูดีขึ้น แต่ด้วยนโยบายของสหรัฐอาจจะไม่เอื้อประโยชน์ไปยังเศรษฐกิจประเทศอื่น หากมีข้อจำกัดทางการค้าเกิดขึ้น

นอกจากนี้ การค้าระหว่างประเทศในส่วนที่เหลือของเศรษฐกิจโลก เช่น ในยุโรปยังคงเผชิญปัญหาอยู่มาก ส่วนในเอเชีย มีบางประเทศที่เริ่มดูดีขึ้น แต่แนวโน้มเศรษฐกิจของหลายประเทศยังมีโมเมนตัมที่คงที่ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

(Jan 16) กทม.ติดอันดับ8เมืองน่าลงทุนด้าน'อสังหาฯ' : กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 8 ในการ จัดอันดับ 22 เมืองใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก ที่น่าสนใจเข้าลงทุนในสายตาของนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ แซงหน้ากรุงปักกิ่ง ของจีน และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ด้านพื้นที่สำนักงาน กรุงเทพมหานคร กลับติดอยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง โดยแนะนำให้ขายสูงถึง 75.0%

สถาบันเออร์บัน แลนด์ (ยูแอลไอ) และพีดับเบิลยูซี บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก เผยผลการสำรวจเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีความน่าสนใจเข้าลงทุนในปี 2560 ในสายตาของนักพัฒนา และนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ พบว่า กรุงเทพมหานคร ติดอยู่ในอันดับ 8 ของการสำรวจครั้งนี้ โดยมีเมืองบังกาลอร์ และมุมไบ ของอินเดียอยู่ในอันดับ 1 และ 2 ตามด้วยกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ในอันดับที่ 3

กรุงเทพมหานคร ยังติดอยู่ในอันดับ 11 ของการสำรวจเมืองที่โอกาสการพัฒนาประจำปีนี้ ที่มีเมืองบังกาลอร์ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และเมืองมุมไบ ครอง 3 อันดับแรก

รายงานระบุว่า หลังจากที่ตกอยู่ในอันดับล่างๆ ของการจัดอันดับมานานหลายปี กรุงเทพมหานคร ก็มีอันดับที่ดีขึ้นในปีนี้ จากการที่ค่าเช่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มูลค่าเงินทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะให้โอกาสที่ดีในระยะยาว สอดคล้องกับสภาพการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจไทย

นักลงทุนมองว่ากรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งทั้งในด้านการจัดหาใหม่ๆ และการดูดซับโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ ซึ่งในปัจจุบัน ผลตอบแทนจากพื้นที่สำนักงานในระดับดีเยี่ยม หรือเกรดเอ ในกรุงเทพมหานครอยู่ในระดับต่ำกว่า 7% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมืองหลวงของไทย ยังมีสถานการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่สอดคล้องกับตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่องของการมีสินทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้วให้เข้าซื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นผู้ซื้อจะสามารถดำเนินการทั้งด้านการพัฒนา หรือเข้าลงทุนด้านกลยุทธ์ก็ได้

ธุรกิจอีกอย่างหนึ่งของไทย ที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ โรงแรม ซึ่งรายงานชี้ว่า แม้ปริมาณข้อตกลงจะซบเซา แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทย ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน และการขยายตัวของรายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ ก็แข็งแกร่งเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น กรุงเทพมหานคร ยังมีแนวโน้มที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนพากันเพิ่มการลงทุนในหุ้นของโรงแรมเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง ที่เป็นประเด็นที่นักลงทุนในไทยจับตามองมานานหลายปีแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบน้อยมากต่อการดำเนินธุรกิจในแต่ละวันของบริษัทต่างๆ เมื่อมองแยกย่อยลงไปในด้านอสังหาริมทรัพย์ของแต่ละภาคธุรกิจแล้ว รายงานให้คำแนะนำถึงการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ คิดเป็นสัดส่วน 33.3% ติดอยู่ในอันดับ 15 ร่วมกับกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เช่นเดียวกับในด้านที่อยู่อาศัย ที่กรุงเทพมหานครอยู่ในลำดับที่ 8 ของคำแนะนำให้เข้าลงทุน

อย่างไรก็ดี ในด้านพื้นที่สำนักงานนั้น กรุงเทพมหานคร กลับติดอยู่ในอันดับสุดท้าย ของตาราง โดยแนะนำให้ขาย สูงถึง 75.0% และถือครองไว้เพียง 25.0% โดยไม่มีคำแนะนำให้เข้าซื้อ แต่อย่างใด

ส่วนในภาพรวมสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ดูเหมือนว่า กรุงมะนิลา จะเป็นเมืองที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด โดยได้รับคะแนนที่อยู่ในระดับที่ดี ทั้งในด้านโอกาสการลงทุน การพัฒนา และความน่าสนใจในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภาคธุรกิจต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องพื้นที่สำนักงาน และค้าปลีก

นายเคน รี หัวหน้าผู้แทนภาคพื้นจีน ของยูแอลไอ ชี้ว่า เมื่อเทียบกับการจัดอันดับในปีก่อน จะเห็นได้ว่า เมืองในตลาดเกิดใหม่ทะยานขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ มากขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนักลงทุน ที่หันไปหาตลาดเกิดใหม่ อย่างอินเดีย เวียดนาม และสิงคโปร์มากขึ้น

Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอเชิญร่วมพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (๑๐๐ วัน) ตักบาตรพระสงฆ์ ๙๙ รูป ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

 

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 09:48:17 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำ

นางสาวจินตนา พงษ์ภักดี ผู้อำนวยการ สำนักงานฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์นักพัฒนา ผู้ทรงงานหนัก ตรากตรำพระวรกาย ประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรมายาวนานถึง ๗๐ ปี ทางกลุ่มบริษัทในเครือบางกอกแลนด์ ได้เตรียมจัดพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (๑๐๐ วัน) พระบรมศพ จึงขอเชิญชวนลูกค้า ประชาชนผู้สนใจ ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน ๙๙ รูป ในวันศุกร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๗.๓๐ น. ณ ลานพิธีด้านหน้าอาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานมหากุศลถวายแด่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.๐-๒๘๓๓-๕๐๖๑-๒ หรือติดตามผ่าน www.impact.co.th

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2585050

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.45 มองกรอบวันนี้ 35.40-35.50 กังวล Brexit กระทบศก.รุนแรงกว่าคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 09:19:09 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า

 

 

 

จากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 35.40 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดกังวลผลกระทบจาก Brexit จะส่งเสียรุนแรงต่อระบบ

 

เศรษฐกิจกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

"ตลาดกังวลเรื่อง Brexit อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.40-35.50 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.31 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 114.59 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0625 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0648 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.4180 บาท/

 

ดอลลาร์

- ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ม.ค.)ที่ 35.30-35.50 บาท

 

ต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของนักลงทุนน่าจะอยู่ในวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายทรัมป์

 

ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียและเฟดสาขา

 

นิวยอร์กเดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง เดือน

 

ธ.ค. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุม ECB และตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 4/59 ของจีนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้

 

ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

 

- ธนาคารซี ไอเอ็มบี ไทย มองว่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.30-35.70 บาทต่อดอลลาร์ โดย

 

คาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะยังมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาท รวมทั้งสกุลเงินอื่นๆส่วนใหญ่ จากแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะผันผวนมากขึ้นก่อนการรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า

 

ซึ่งความไม่มั่นใจต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลต่อการคาดการณ์เรื่องอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ โดยมี

 

ความเป็นไปได้ที่ดอลลาร์สหรัฐฯจะอ่อนค่าลงไปอีกหากความเชื่อมั่นต่อนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯลดลง

 

- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นราว 6% ในช่วงปลายปีที่ผ่าน

 

มา หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย.2559 เนื่องจากความคาดหวังของตลาดว่านโยบาย

 

เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ และการลดภาษีของทรัมป์ จะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในสหรัฐ และกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ

 

(เฟด) ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยตลอดทั้งปี 59 ธุรกรรมเช็คในระบบเกือบ 70 ล้านฉบับ คิดเป็นมูลค่า 37

 

กว่าล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ปริมาณและมูลค่าการใช้ลดลงผลเศรษฐกิจและหันใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ชี้แนวโน้มใช้เช็คลดลงต่อ

 

เนื่อง

- เงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.20 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วที่เงินปอนด์

 

ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว ก่อนที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนการแยกตัวออกจาก

 

สหภาพยุโรป (Brexit ) ในวันพรุ่งนี้

- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ เปิดเผยว่า กระบวนการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพ

 

ยุโรป (EU) ของอังกฤษจะขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยน และปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อวันศุกร์

 

(13 ม.ค.) หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืน โดยดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน แตะที่ 114.46 เยน จาก

 

114.27 เยน ส่วนยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 1.0640 ดอลลาร์ จาก 1.0638 ดอลลาร์

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (13 ม.ค.) เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

 

ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น

 

0.2% ในเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.ได้รับผลบวกจากอุปสงค์รถยนต์ที่เพิ่มขึ้น

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2585044

 

เงินปอนด์ร่วงหลุดระดับ 1.20 ดอลลาร์ ก่อนนายกฯอังกฤษประกาศแผน Brexit

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 07:34:11 น.

เงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.20 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วที่เงินปอนด์ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว ก่อนที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเปิดเผยรายละเอียดของแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit ) ในวันพรุ่งนี้

 

นางเทเรซา เมย์ ได้กล่าวอย่างชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวสกายนิวส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อการที่รัฐบาลอังกฤษยังคงมีอำนาจควบคุมการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ มากกว่าการให้ความสำคัญต่อการที่อังกฤษสามารถเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรป ทันทีที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

 

 

 

ที่ผ่านมา ภาคการเงินของอังกฤษได้พยายามรณรงค์ให้รัฐบาลยังคงรักษาสถานะของอังกฤษในการเข้าสู่ตลาดร่วมยุโรปต่อไป เนื่องจากวิตกว่า หากอังกฤษถูกตัดขาดจากตลาดร่วมดังกล่าว จะทำให้บรรดาธนาคารและผู้จัดการกองทุนพากันถอนตัวออกจากอังกฤษเพื่อย้ายฐานเข้าสู่ยุโรป

 

ทั้งนี้ ตลาดร่วมยุโรปเกิดจากข้อตกลงการค้าเสรีภายใน EU และถือว่ามีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์

 

นอกจากนี้ นางเมย์ยังย้ำจุดยืนว่าอังกฤษจะประกาศใช้มาตรา 50 ตามสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ประเทศสมาชิกจะถอนตัวออกจาก EU ในกรอบเวลา 2 ปี โดยอังกฤษจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมี.ค. ปีนี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2584809

 

Xinhua world news summary: ฝรั่งเศสเร่งเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลางผ่านการประชุมสันติภาพระดับนานาชาติ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 09:14:26 น.

เจ้าหน้าที่รายงานว่า มีนักโทษเสียชีวิตอย่างน้อย 32 ราย (หลายรายถูกตัดศีรษะ) และมีนักโทษที่ยังคงหลบหนีอยู่อีกกว่า 28 ราย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำ 2 แห่งของบราซิล

 

ล่าสุด มีนักโทษ 2 รายเสียชีวิตหลังจากที่มีนักโทษกลุ่มหนึ่งวางระเบิดกำแพงเรือนจำปิรากวาราในเมืองกูรีตีบา ประจำรัฐปารานาของบราซิลในช่วงเช้าวันอาทิตย์ทที่ผ่านมา

 

 

 

-- ฝรั่งเศสจัดงานประชุมระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อหาวิธีฟื้นฟูการเจรจาเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลาง และผลักดันให้มีการหาวิธีดำเนินการระหว่างสองรัฐ เพื่อยกระดับความมั่นคงในภูมิภาคหลังจากที่เกิดความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ

 

การประชุมเพื่อสันติภาพในตะวันออกกลางประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ 70 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศมหาอำนาจในยุโรปและในกลุ่มประเทศอาหรับ

 

-- กองทัพอิรักเปิดเผยว่า กองทัพอิรักยังคงปะทะกับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองโมซุลและสามารถยึดคืนพื้นที่ใกล้เคียงได้ 2 แห่ง ในขณะที่กองทัพอิรักได้พยายามเดินหน้าบุกเบิกไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไทกริสซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโมซุล สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2585039

 

กรมท่าฯ เผยสนามบินนครศรีธรรมราช เตรียมความพร้อมรับมือมรสุมระลอกใหม่เข้าภาคใต้ 16-18 ม.ค.นี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 07:40:05 น.

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ได้สั่งการให้ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเตรียมการป้องกันน้ำท่วมจากมรสุมลูกใหม่ที่จะทำให้ฝนตกในภาคใต้ ช่วงวันที่ 16-18 มกราคมนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือน

 

 

 

ทั้งนี้ นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณโณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ประสานและได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักงานชลประทานจังหวัดนครศรีธรรมราช นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 2 เครื่องและระดมเจ้าหน้าที่ช่วยกันติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้วเสร็จเมื่อค่ำวันที่15 ม.ค.เตรียมพร้อมสูบน้ำหากมีฝนตก เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมบริเวณรันเวย์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อการให้บริการด้านการบินอีก

 

ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ปิดให้บริการเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อวันที่ 6-13 มกราคม 2560 เมื่อน้ำลดได้ทำการทดสอบระบบไฟฟ้าสนามบิน ระบบเครื่องช่วยการเดินอากาศ ความแข็งแรงของพื้นผิวรันเวย์ ซึ่งมีความพร้อมและเปิดทำการบินอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 โดยมีเที่ยวบินทั้งสิ้น 13 เที่ยวบิน รวมไปกลับ 26 เที่ยวบิน นอกจากนี้สายการบินยังเตรียมพร้อมเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ (Extra Flights) เพื่อรองรับประชาชนที่ต้องการเดินทาง ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช หมายเลขโทรศัพท์ 06 3080 4153

 

--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2584930

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

NOW26

 

โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจหน้างานในการเตรียมความพร้อมก่อนเบี่ยงจราจร บริเวณห้าแยกลาดพร้าว

 

 

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 16 มกราคม 2560 09:15:07 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

 

 

 

โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจหน้างานในการเตรียมความพร้อมก่อนเบี่ยงจราจร บริเวณห้าแยกลาดพร้าว

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 เวลา 10.00 – 12.00 น. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยนายกิตติ เอกวัลลภ ผู้จัดการโครงการสัญญาที่ 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ผู้แทนบริษัทที่ปรึกษา PCGRN และบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างสัญญาที่ 1 ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. เพื่อตรวจหน้างานในการเตรียมความพร้อมก่อนเบี่ยงจราจร สำหรับการก่อสร้างเสาเข็มฐานรากทางวิ่งรถไฟฟ้า บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน โดยโครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าจะเชื่อมต่อจากสถานีBTS หมอชิต ข้ามทางด่วนโทลล์เวย์ ผ่านห้าแยกลาดพร้าวถึงหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม CALL CENTER 0-2115-6000 (24 ชม.) , 0-2716-4044โทรสาร 0-2716-4019

 

กองสื่อสารองค์กร สำนักผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

 

www.mrta.co.th e-mail :pr@mrta.co.th

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2585023

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...