ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

จีนเดินหน้าเปิดกว้างตลาดปริวรรตเงินตรา ปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนตามกลไกตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 10:05:21 น.

หลู เล่ย รองผู้อำนวยการสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าเปิดกว้างตลาดปริวรรตเงินตรา โดยจะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาด

เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้กล่าวว่า "เราจะไม่เปลี่ยนทิศทางการเปิดกว้าง โดยจะยกระดับการดำเนินการในเรื่องเงินตราและตลาดเงิน"

 

 

 

นายหลู เปิดเผยว่า ตลาดจีนยังเติบโตไม่เต็มที่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อมีการเปิดกว้าง โดยทางการจีนจะสนับสนุนให้บริษัทจีนหันมาบุกตลาดโลกมากขึ้น พร้อมต้อนรับบริษัทต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมกับนักลงทุนจีน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มบางส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน หลังจากที่ภาคการส่งออกของจีนเริ่มได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินหยวนพุ่งขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หนังสือเวียนที่ PBOC ส่งไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆในประเทศ ระบุว่า PBOC มีความต้องการที่จะยกเลิกข้อกำหนดสำหรับสถาบันการเงินต่างชาติ ในการกันเงินสดสำรองเงินหยวนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการซื้อขายเงินหยวนล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.นี้ โดย PBOC ชี้แจงว่า การยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระบบการเงินระดับมหภาค

นอกจากนี้ ทางแบงก์ชาติยังผ่อนคลายมาตรการควบคุมดูแลการกันเงินสดสำรองในกลุ่มสถาบันการเงินต่างชาติด้วย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนและบริษัทต่างๆสามารถขายเงินหยวนและรับซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในราคาที่ถูกลง และจะช่วยควบคุมการแข็งค่าของเงินหยวน

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่จีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมกระแสเงินทุนไหลออก ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากที่ร่วงลงหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ล่าสุดในการซื้อขายวันนี้ China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.83% แตะที่ 6.5465 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

กรมบัญชีกลางออกหลักเกณฑ์ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 12:19:36 น.

กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง

 

กรมบัญชีกลางกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่" ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรก มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป

 

 

 

นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP)" กรมบัญชีกลางจึงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน สถานพยาบาลของเอกชนกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน พ.ศ. 2560 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 เมษายน 2560

ทั้งนี้ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรก และหากต้องเข้ารับการรักษาเกินกว่า 72 ชั่วโมง ให้ทดรองจ่ายในส่วนที่เกินกว่า 72 ชั่วโมงไปก่อน แล้วนำใบเสร็จเบิกกับต้นสังกัดในภายหลัง โดยการเบิกค่ารักษาพยาบาลจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณียังไม่พ้นภาวะวิกฤต และไม่สามารถย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐได้ จะเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริง 2.กรณีพ้นภาวะวิกฤตและสามารถย้ายกลับไปยังโรงพยาบาลของรัฐได้แล้ว แต่โรงพยาบาลของรัฐไม่มีเตียงรองรับนั้น กรมบัญชีกลาง

จะให้เบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท ทั้ง 2 กรณี อนุญาตให้เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าอวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ได้ในอัตราของทางราชการ หากแพทย์วินิจฉัยว่าพ้นภาวะวิกฤตและสามารถย้ายไปยังโรงพยาบาลรัฐได้ แต่ปฏิเสธการย้าย ผู้ป่วยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากพ้นภาวะวิกฤตเอง

โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (สีเหลือง) และผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ได้เช่นเดียวกับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ โดยนำใบเสร็จและใบประเมินผลคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินมาเบิกกับต้นสังกัดในภายหลัง ซึ่งในกรณีฉุกเฉินนั้นจะต้องเป็นผู้ป่วยที่บาดเจ็บ หรือป่วยกะทันหัน และต้องผ่านการพิจารณาจากระบบคัดแยกของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน จะไม่รวมการนัดมาตรวจรักษาพยาบาล หรือการนัดมาทำหัตถการ

นางสาวอรนุช กล่าวในตอนท้าย การกำหนดหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้คำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวจะได้รับ และเพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณด้านสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเหมาะสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนเดินหน้าเปิดกว้างตลาดปริวรรตเงินตรา ปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนตามกลไกตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 10:05:21 น.

หลู เล่ย รองผู้อำนวยการสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าเปิดกว้างตลาดปริวรรตเงินตรา โดยจะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาด

เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้กล่าวว่า "เราจะไม่เปลี่ยนทิศทางการเปิดกว้าง โดยจะยกระดับการดำเนินการในเรื่องเงินตราและตลาดเงิน"

 

 

 

นายหลู เปิดเผยว่า ตลาดจีนยังเติบโตไม่เต็มที่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อมีการเปิดกว้าง โดยทางการจีนจะสนับสนุนให้บริษัทจีนหันมาบุกตลาดโลกมากขึ้น พร้อมต้อนรับบริษัทต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมกับนักลงทุนจีน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มบางส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน หลังจากที่ภาคการส่งออกของจีนเริ่มได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินหยวนพุ่งขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

หนังสือเวียนที่ PBOC ส่งไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆในประเทศ ระบุว่า PBOC มีความต้องการที่จะยกเลิกข้อกำหนดสำหรับสถาบันการเงินต่างชาติ ในการกันเงินสดสำรองเงินหยวนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการซื้อขายเงินหยวนล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.นี้ โดย PBOC ชี้แจงว่า การยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระบบการเงินระดับมหภาค

นอกจากนี้ ทางแบงก์ชาติยังผ่อนคลายมาตรการควบคุมดูแลการกันเงินสดสำรองในกลุ่มสถาบันการเงินต่างชาติด้วย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนและบริษัทต่างๆสามารถขายเงินหยวนและรับซื้อสกุลเงินดอลลาร์ในราคาที่ถูกลง และจะช่วยควบคุมการแข็งค่าของเงินหยวน

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่จีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมกระแสเงินทุนไหลออก ขณะที่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากที่ร่วงลงหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ล่าสุดในการซื้อขายวันนี้ China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.83% แตะที่ 6.5465 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

กรมบัญชีกลางออกหลักเกณฑ์ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน

ข่าวทั่วไป ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 12:19:36 น.

กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง

 

กรมบัญชีกลางกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่" ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรก มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป

 

 

 

นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP)" กรมบัญชีกลางจึงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน สถานพยาบาลของเอกชนกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน พ.ศ. 2560 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 เมษายน 2560

ทั้งนี้ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตจะแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินในระยะ 72 ชั่วโมงแรก และหากต้องเข้ารับการรักษาเกินกว่า 72 ชั่วโมง ให้ทดรองจ่ายในส่วนที่เกินกว่า 72 ชั่วโมงไปก่อน แล้วนำใบเสร็จเบิกกับต้นสังกัดในภายหลัง โดยการเบิกค่ารักษาพยาบาลจะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณียังไม่พ้นภาวะวิกฤต และไม่สามารถย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐได้ จะเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริง 2.กรณีพ้นภาวะวิกฤตและสามารถย้ายกลับไปยังโรงพยาบาลของรัฐได้แล้ว แต่โรงพยาบาลของรัฐไม่มีเตียงรองรับนั้น กรมบัญชีกลาง

จะให้เบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท ทั้ง 2 กรณี อนุญาตให้เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าอวัยวะเทียม และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ได้ในอัตราของทางราชการ หากแพทย์วินิจฉัยว่าพ้นภาวะวิกฤตและสามารถย้ายไปยังโรงพยาบาลรัฐได้ แต่ปฏิเสธการย้าย ผู้ป่วยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากพ้นภาวะวิกฤตเอง

โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินเร่งด่วน (สีเหลือง) และผู้ป่วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครึ่งหนึ่งของเงินที่จ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค ได้เช่นเดียวกับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ โดยนำใบเสร็จและใบประเมินผลคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินมาเบิกกับต้นสังกัดในภายหลัง ซึ่งในกรณีฉุกเฉินนั้นจะต้องเป็นผู้ป่วยที่บาดเจ็บ หรือป่วยกะทันหัน และต้องผ่านการพิจารณาจากระบบคัดแยกของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จึงสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน จะไม่รวมการนัดมาตรวจรักษาพยาบาล หรือการนัดมาทำหัตถการ

นางสาวอรนุช กล่าวในตอนท้าย การกำหนดหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้คำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวจะได้รับ และเพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณด้านสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเหมาะสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

Wealth Station added 2 new photos.

2 mins · _Y91QzmaslR.png

คืนนี้เป็นคืนที่มีเหตุการณ์สำคัญประจำสัปาดห์นี้ ทั้งการประชุม BOE และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

แม้ว่า BOE ไม่น่ามีแอ็กชั่นอะไรที่เกินคาดหรือไม่น่าส่งผลต่อทิศทางราคาทอง แต่กับตัวเลขเงินเฟ้อจะมีผลได้มากกว่าโดยเฉพาะถ้าผิดคาดมากๆ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลประกอบของเงินเฟ้อแล้วดูท่าทีการเพิ่มขึ้นของระดับเงินเฟ้อน่าจะยังต่ำซึ่งถ้าออกมาต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นบวกกับทอง และจะส่งให้ทองฟื้นตัวหลังลงมาต่อเนื่องเพียงแต่มองว่าไม่น่าฟื้นตัวได้มากนัเนื่องระดับราคาที่สูงและปัจจัยผลักดันจากเกาหลีเริ่มไม่เป็นผล

จึงมองเป็นจังหวะขายมากกว่าซื้อตามเมื่อเข้าใกล้แนวต้าน 1335 - 1345 ในกรณีที่ลงต่อจะมีระดับพักตัว 1309 1318 เป็นจุดปิดเอสถ้าได้เห็น ในขณะที่แนวราคาสำคัญอยู่ที่ 1300 เหรียญ ถ้าคิดซื้อแถวนี้เป็นจุดหนึ่ง

14 Sep, 2017

21728887_1521752627863207_3355111151679484554_o.png?oh=3597ce33bf62324bd9fd6e894ebe75d9&oe=5A17D435

21740902_1521753067863163_2417943354889006040_o.png?oh=d4180912891b44da17bd8f6e4730f707&oe=5A57CC7C

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

21743066_1919930258261125_6342252636075310211_n.jpg?oh=70846221840204bc6f7402f29dc45d75&oe=5A4CE165

 

21728081_1919930251594459_7539481186964440534_n.jpg?oh=21106545b7b805128e5b58f01e461b93&oe=5A14C904

 

21728054_1919930254927792_2371475680767802476_n.jpg?oh=4c9b7b73bdda0e77ce3afe8966a9c4b7&oe=5A14888D

วันนี้ในอดีต (15 ก.ย. 2557) ที่โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯลงจากที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ประทับรถตู้พระที่นั่ง โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ประทับรถยนต์พระที่นั่งคันแรกด้านขวามือ ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส ฉลองพระองค์สูทสีเหลืองและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับรถยนต์พระที่นั่งคันที่สองด้านขวามือ ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส ในฉลองพระองค์สีฟ้า โบกพระหัตถ์ให้พสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ โดยขบวนรถยนต์พระที่นั่ง เคลื่อนฯ จากชั้นใต้ดินอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งสองพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้แก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ ส่งเสด็จตลอดสองข้างทาง ยังความปลื้มปีติมาสู่พสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้ พสกนิกรบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติที่ได้เห็นล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งขึ้น

 

จากนั้นขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่น ผ่านหน้าตึกกายวิภาค เลี้ยวขวาผ่านตึกเทคนิคการแพทย์ ตึกอำนวยการ แล้วออกจากโรงพยาบาลศิริราชทางประตู 8 (ประตูท่าน้ำ) เลี้ยวขวาที่สี่แยกโรงพยาบาลศิริราช โดยตลอดทั้งสองข้างทาง พสกนิกรที่เฝ้ารอส่งเสด็จฯต่างโบกธงชาติไทยและธงตราสัญญาลักษณ์ ภปร. พร้อมกับเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จากนั้นขบวนเสด็จฯ ขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ ก่อนขึ้นทางยกระดับลอยฟ้าบรมราชชนนี ลงแยกฉิมพลี ไปทางถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่ถนนเพชรเกษม ก่อนเข้าสู่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

ประชาชนทุกเพศทุกวัย ร่วมสมัครเป็นจิตอาสาในโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระ

 

คณะบุคคล หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ร่วมบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLGResearch

 

 

HSHsocial

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 1.30 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 07:28:43 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดในเดือนส.ค. อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,329.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.8 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 17.789 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 980.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 19.40 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 914.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% สู่ระดับ 92.087 เมื่อคืนนี้

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดถูกกดดันในระหว่างวัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค.

 

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2709823

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 59 เซนต์ รับ IEA เพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมัน

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 06:52:38 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) เนื่องจากตลาดยังคงขานรับสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ นอกจากนี้ IEA ยังระบุว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลงในเดือนส.ค. อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์"

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 55.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานของ IEA ซึ่งระบุว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 2.4% ซึ่งส่งผลให้ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับทั้งปีนี้ สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 1.7% โดยก่อนหน้านี้ IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้

รายงานของ IEA ระบุว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกในเดือนส.ค. ปรับตัวลดลง 720,000 บาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนก.ค. สู่ระดับ 97.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

นอกจากนี้ IEA ยังระบุว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกกำลังหดตัวลง จากการขยายตัวของอุปสงค์ในสหรัฐและยุโรปที่สูงกว่าคาด รวมทั้งการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0

*เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นช่วงเช้านี้

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 60)--เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งในช่วงเช้าวันนี้ โดยยิงข้ามเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิค

ทางด้านกองทัพของเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธในช่วงเช้านี้ โดยยิงจากกรุงเปียงยางและเคลื่อนตัวอยู่กลางอากาศเป็นระยะทางประมาณ 3,700 กิโลเตร อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ว่าเป็นขีปนาวุธชนิดใด

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

https://www.bloomberg.com/…/north-korea-launched-missile-ov…

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.06/07 แข็งค่าจากวานนี้ วิตกข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเช้านี้ มองกรอบวันนี้ 33.00-33.15

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 09:13:47 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.06/07 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

จากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องปัญหาความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี หลัง

 

 

 

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดเช้านี้

"เมื่อคืนดอลลาร์แข็งกลับมาแข็งค่าสุดในรอบสัปดาห์หลังตัวเลข Consumer Index ออกมาดีเกินคาด แต่มีแรงกด

 

ดันดอลลาร์หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทำให้นักลงทุนหันไปถือครองเงินเยนแทน" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 33.00-33.15 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.17/20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.41 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1910/1912 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1896 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1190 บาท/

 

ดอลลาร์

- ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 17 จุด ที่ระดับ 1,659.10 พุ่งนิวไฮในรอบ 24 ปี ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.2 หมื่นล้านบาท รับ

 

อานิสงส์เงินต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง โบรกฯ ชี้มาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก แต่ยังต้องติดตามผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

 

- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) มองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว สะท้อนได้

 

จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ 3.7% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว

 

ได้ 3.2%

- สศค.มั่นใจครั้งนี้หนี้นอกระบบจะหมดไปจากประเทศไทยเสนอรัฐบาลชดเชยเอ็นพีแอลให้ในสัดส่วน 40% มูลหนี้ของ

 

ลูกหนี้นอกระบบทั้งหมด 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นของคนจนที่ลงทะเบียนกับรัฐ 1.2 ล้านคน มั่นใจคนจนไม่เบี้ยวหนี้เพราะภาระเงิน

 

ต้นและดอกเบี้ยลดลงมาก

- เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์

 

ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากขึ้น

- ประธานาธิบดีมูน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติในวันนี้ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิง

 

ขีปนาวุธพุ่งข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในเช้าวันนี้

- คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉิน หลังจากที่เกาหลี

 

เหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางในช่วงเช้านี้

- รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ประณามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในช่วงเช้านี้ว่า โดยระบุว่า ญี่ปุ่นไม่อาจทนต่อ

 

การกระทำที่ยั่วยุอย่างร้ายแรงของเกาหลีเหนืออีกต่อไปได้ และญี่ปุ่นขอประณามการกระทำอันยั่วยุในครั้งนี้อย่างรุนแรง

 

- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ในการ

 

ประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็มีมติให้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร

 

รัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 4.35 แสนล้านปอนด์ และคงวงเงินซื้อหุ้นกู้ในภาคเอกชนที่ระดับ 1 หมื่น

 

ล้านปอนด์

- ดัชนีดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นัก

 

วิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากปรับ

 

ตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ค.

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) ถึง

 

แม้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกิดคาดก็ตาม ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้

 

ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่า

 

คาดในเดือนส.ค. อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-

 

อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จาก

 

มหาวิทยาลัยมิชิแกน

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2710073

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยกลางข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นช่วงเช้านี้

 

 

สวัสดีวันศุกร์ ข่าวน่าจะหนุนราคาทอง

 

เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางในช่วงเช้าวันนี้ โดยยิงข้ามเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิค

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 09:42:25 น.

กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

เมื่อคืนนี้ราคาทองคำรีบาวน์จากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์แถวระดับ 1,315 เหรียญ หลังจากที่ช่วงเย็นมีข่าวเกาหลีเหนือข่มขู่สหรัฐฯและญี่ปุ่นจากกรณีที่สนับสนุน U.N. คว่ำบาตรโครงการนิวเคลียร์ล่าสุด จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้ทองคำก็ไม่ได้ตอบรับกับข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด จึงหนุนโอกาสให้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนธ.ค.นี้ที่ระดับประมาณ 52% จากเดิม 42% อย่างไกร็ดี จะเห็นได้ว่าตลาดทองคำยังคงมีความผันผวนตามข่าวที่เข้ามา และเช้านี้เปิดตลาดฮ่องกงแถวระดับ 1,332 เหรียญ หลังจากที่ช่วงเช้ามืดวันนี้เกาหลีเหนือมีการยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นและตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้ความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีมีสูงขึ้น ทางด้านกองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ขณะที่คืนนี้ต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อันได้แก่ ข้อมูลยอดค้าปลีก ภาคการผลิต และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดูเหมือนจะออกมาไม่ค่อยดีนัก

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปหลังจากที่ลงไปทดสอบ 1,320 เหรียญเมื่อวานนี้ วันนี้คาดว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,320 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,340 เหรียญ โดยในระยะสั้นการแกว่งตัวของทองคำจะเป็นไปตามเนื้อข่าวที่เข้ามา ด้านทองคำไทยจะมีแนวรับที่ระดับ 20,650 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 20,900 บาท/บาททองคำ

 

การลงทุน Gold D

เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ 1,330 – 1,346 เหรียญ เป็นลักษณะลงซื้อขึ้นขายตามทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก

 

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 5 – 5.50 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือArbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรในระยะสั้น หาจังหวะขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะปิดสถานะเมื่อราคาอ่อนตัว เน้นปรับพอร์ตสมดุล

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

หาจังหวะทยอยเข้าซื้อบริเวณแนวรับ เน้นปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกับสภาพการแกว่งของตลาด

 

Gold Futures V17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,780 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,980 บาท

Gold Futures Z17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,810 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,010 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

MTS Research

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2710072

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 08:08:52 น.

เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางในช่วงเช้าวันนี้ โดยยิงข้ามเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิค

 

นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชนว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธดังกล่าวก่อนเวลา 07.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยขีปนาวุธเคลื่อนตัวอยู่บนอากาศเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะตกลงห่างจากแหลมเอริโมะออกไปประมาณ 2,200 กิโลเมตร ในเวลา 07.16 น.ตามเวลาท้องถิ่น

 

 

 

ทางด้านนายทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเชื่อว่าขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในช่วงเช้าวันนี้ เป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เมื่อพิจารณาจากระยะทางในการร่อนบินของขีปนาวุธ

 

ส่วนทางกองทัพของเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธในช่วงเช้านี้ โดยยิงจากเขตซูนาน ในกรุงเปียงยาง ไต่ระดับที่ความสูง 770 กิโลเมตรจากพื้นดิน และเคลื่อนตัวอยู่กลางอากาศเป็นระยะทางประมาณ 3,700 กิโลเมตร

 

การยิงขีปนาวูธของเกาหลีเหนือในวันนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของ UNSC

 

มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ระบุให้ลดการส่งออกน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือลงเกือบ 30% กำหนดเพดานการจัดหาหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับเกาหลีเหนือเอาไว้ที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อปี ระงับการส่งออกก๊าซเหลวธรรมชาติ และน้ำมันดิบประเภทไลท์ครูดคอนเดนเสทให้กับเกาหลีเหนือ ห้ามเกาหลีเหนือทำการส่งออกสิ่งทอทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 800 ล้านดอลลาร์ และห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศ

 

นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรยังระบุให้สมาชิก UNSC ร่วมกันตรวจสอบเรือขนส่งสินค้าที่ติดธงชาติเกาหลีเหนือ เพื่อดูว่าเรือเหล่านี้บรรทุกสินค้าที่ถูกคว่ำบาตรหรือไม่ และให้ยึดทรัพย์สินของนายปัก ยอง ซิก รมว.กลาโหมเกาหลีเหนือ พร้อมกับห้ามนายปักเดินทางออกนอกประเทศ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2709964

 

 

ญี่ปุ่นเผยไม่พบความเสียหายต่อเรือหรือเครื่องบิน หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดเช้านี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 09:42:16 น.

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงจากเกาหลีเหนือข้ามเกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ก่อนที่จะร่วงลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้าวันนี้นั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อเรือหรือเครื่องบินของญี่ปุ่น

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวร่วงลงห่างจากแหลมเอริโมะบนเกาะฮอกไกโดออกไปทางตะวันออกประมาณ 2,000 กิโลเมตร ในเวลา 7.16 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (5.16 น.ตามเวลาไทย)

 

 

 

การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติเห็นชอบให้มีการออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา

 

นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวหลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเช้าวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขอประณามอย่างถึงที่สุดต่อการกระทำยั่วยุที่มากเกินกว่าจะยอมรับได้ของเกาหลีเหนือ

 

นายซูกะระบุด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายใดๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีชิ้นส่วนอันตรายใดๆ ร่วงมาจากขีปนาวุธดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่มีเครื่องบินหรือเรือของญี่ปุ่นลำใดได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตวัฒน์ วิจิตรถาวร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2710095

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์หลังทะลุ 1,650 รับผลบวกเงินไหลเข้า-ราคาน้ำมันขึ้น,จับตาสถานการณ์เกาหลีเหนือ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 09:39:45 น.

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เนื่องจากดัชนีฯสามารถทะลุผ่านแนว 1,650 จุดขึ้นไปได้ทำให้เป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดฯ และกระแสเงินทุนต่างชาติก็ไหลเข้ามาด้วย รวมถึงราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

 

 

 

อย่างไรก็ดีให้ติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศด้วย หลังจากที่เช้านี้เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ สำหรับการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เมื่อวานนี้ ก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% อยู่ แต่ได้ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้หุ้นโลกปิดค่อนข้างกระจาย เพราะต้องประเมินทิศทางโลกกันใหม่ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นกว่าที่คาดไว้ ทำให้ความน่าจะเป็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสมากขึ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,655-1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,668-1,670 จุด

 

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,203.48 จุด เพิ่มขึ้น 45.30 จุด (+0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,429.08 จุด ลดลง 31.10 จุด (-0.48%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,495.62 จุด ลดลง 2.75 จุด (-0.11%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 13.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 40.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.22 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.62 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ย.60) 1,659.10 จุด เพิ่มขึ้น 16.16 จุด (+0.98%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,027.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ย.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.ย.60) ปิดที่ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2% ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ย.60) ที่ 9.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.06/07 แข็งค่าจากวานนี้ วิตกข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเช้านี้

- "แบงก์ชาติ" สั่งจับตาทุนนอกไหลเข้าบอนด์ เบื้องต้นเชื่อกระทบค่าเงินน้อย ลั่นไม่ต้อนรับเงินร้อนที่เข้ามาเก็งกำไร เตรียมเครื่องมือดูแลไว้พร้อม ย้ำลดดอกเบี้ยแก้บาทอ่อนได้แค่ชั่วคราว ด้าน "ไทยบีเอ็มเอ" ชี้เดือนก.ย.เงินไหลเข้าบอนด์อื้อ เน้นเข้าตัวสั้นหวังฟันส่วนต่างค่าเงินบาท

- รมว.คลัง เผยไม่เห็นด้วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับกรอบเงินเฟ้อในปีนี้ใหม่ เพราะการกำหนดกรอบเงินเฟ้อปกติทำปีละครั้ง และเมื่อถึงสิ้นปี ธปท. ก็ต้องรายงานให้คลังทราบว่าทำได้หรือไม่

- รมว.พลังงาน เร่งเปิดประมูล 2 แหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุทั้งบงกช-เอราวัณ มีความล่าช้า หลังกฤษฎีกาตรวจละเอียด ขณะที่ยังคาดรู้ผลในเม.ย.61 ขณะที่ยืนยันไฟฟ้าพอใช้ในอีอีซี ลั่นหากญี่ปุ่นลงทุนเพิ่ม สร้างสายส่งทันแน่นอน ด้าน สนพ. แนะรัฐวิสาหกิจต้องปรับตัว เหตุเทรนด์เปิดกว้างประชาชนเลือกซื้อพลังงานได้มากขึ้น

- กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยเศรษฐกิจไทยยังสดใส คนแห่จดตั้งบริษัทเพิ่มต่อเนื่องสูงสุดในรอบ 4 ปี มูลค่าเพิ่ม 145% หรือเกือบ 3 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีขยายตัว 7% จากนโยบายเมกะโปรเจ็กต์รัฐบาล อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ท่องเที่ยว-ส่งออก ทำให้การบริโภคภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัว

 

*หุ้นเด่นวันนี้

 

- ICN (บมจ.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO 1.84 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาที่เหมาะสมปี 2560 โดยอิงค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่ม SI ที่ 19 เท่า ได้ 2.90 บาท คาดกำไรปี 2560-2561 โตเฉลี่ยสูงถึง 97% ต่อปี

บริษัทฯดำเนินธุรกิจออกแบบและวางระบบไอที (SI) อย่างครบวงจรทั้งงานรับเหมา และจำหน่ายอุปกรณ์ รวมถึงบำรุงรักษา หลังสิ้น 2Q60 มีงานในมือ 600-700 ล้านบาท และด้วยอุตสาหกรรมที่เป็นขาขึ้น กอปรกับ ภาครัฐฯ สนับสนุนการลงทุนด้าน Digital

- PTT (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดได้รับแรงผลักดันจากโมเมนตัมตลาดที่มีทิศทางปรับขึ้น ประกอบกับ performance ด้านราคาที่ยัง Laggard หุ้นลูกทั้งปิโตรเคมีและโรงกลั่น

- GLOBAL (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 18 บาท ข้อมูลที่ได้จาก CEO ได้ยืนยันมุมมองการเติบโตของ EPS ได้แตะจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q60 และจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 2H60F เนื่องจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การขยายสาขา และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น แม้จะปรับลดประมาณการกำไรลง 4-5% สะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดใน 2Q60 แต่คาดว่ากำไรของ GLOBAL จะเติบโต 14% y-y ใน 2H60F เทียบกับ -5% y-y ใน 1H60 ก่อนที่จะเติบโต 19% และ 23% ในปี 2561-2562F แม้ปรับลดประมาณการกำไรลง

- TCAP (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 56 บาท สินเชื่อเดือน ส.ค. 60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง 0.6% MoM และ 3.1% YoY หรือคิดเป็น 1.6% YTD โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตได้ตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น โดยยังชอบในแง่ของการเติบโตของกำไรสุทธิที่ทำได้โดดเด่นกว่ากลุ่ม ประกอบกับมีหนี้เสียที่อยู่ในระดับต่ำ

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดเช้าบวก 19.40 จุด ขณะนลท.วิตกข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 09:58:56 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่สามเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยกลางในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างระมัดระวัง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าเพิ่มขึ้น 19.40 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 19,826.84 จุด

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

แผ่นดินไหวเมียนมาเช้านี้ ขนาด 4.9 ห่างอ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน 501 กม.

ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 10:01:29 น.

สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เมื่อเวลา 08.36 น.เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ขนาด 4.9 ตามมาตราริกเตอร์ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 501 กม.

 

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ พอใจแผนยุทธศาสตร์ วปอ.สอดคล้องนโยบายรัฐบาล หวังประเทศพัฒนาต่อเนื่อง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2560 18:05:12 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ปี 2561-2580 ซึ่งจัดทำโดยคณะนักศึกษาวิทยาป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 59 นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพว่า ในฐานะเป็นศิษย์เก่ารุ่น 50 คาดหวังมานานแล้วว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศมียุทธศาสตร์ชาติ ถ้าตัวเองไม่ยืนตรงนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาได้คิดวิเคราะห์ตามหลักวิชาการมามากมาย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจในวันนี้

 

 

 

ที่ผ่านมาโทษใครไม่ได้ แต่วันนี้ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ทหาร และถือเป็นภารกิจร่วมกันของทุกคน ไม่ใช่ของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว และพอใจกับผลงานของ วปอ.ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และตั้งแต่ปี 2557 จนถึงวันนี้มีการพัฒนาตามลำดับและเป็นข้อมูลที่ตรงประเด็นกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำในเวลานี้ทั้งหมด

 

สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้านมีปัญหาที่ยังเกิดขึ้น คือ ยังติดกับดักกับปัญหาเดิมๆ บุคลากรและการศึกษาไม่พร้อม ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะแม้จะวางแผนอนาคตได้ แต่ไม่สามารถทำได้

 

"เพราะทุกตารางนิ้วของประเทศมีเจ้าของทั้งสิ้น ไม่ว่าจะของรัฐหรือเอกชน เพราะจะขับเคลื่อนก็จะติดคน ไม่ใช่จะเสกให้หายไปได้เฉยๆ ดังนั้นต้องคิดและค่อยๆ ทำ ลดแรงกดดัน ลดความเดือดร้อนของประเทศให้มากที่สุด ไม่ว่าจะจัดระเบียบสนามบิน ที่อยู่อาศัย พื้นที่ป่า สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ไข เพราะที่ผ่านมาบางอย่างกลายเป็นนิสัยของคนไปแล้ว ซึ่งไม่ได้โทษใคร เพราะเรามีประชาธิปไตยมาโดยตลอด และจะมีต่อไป แต่จะทำอย่างไรให้ปัญหาลดลง ทำให้คนทุกภูมิภาค มีศักยภาพของตัวเอง เจริญเติบโตจากข้างใน ไม่ทับซ้อนกัน ไม่แย่งตลาดหรือการผลิตซึ่งกันและกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเขียนยุทธศาสตร์ชาติ แต่หลายอย่างอาจไม่เกิดขึ้น เพราะมีแต่พิธีกรรม มีแต่นามธรรม การขับเคลื่อนยังเกิดขึ้นได้ยาก และตัวชี้วัดประเมินผลได้น้อย ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างจิตสำนึกของคนไทย ซึ่งตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ มีโรดแมพมาตลอด วางเป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไว้ มีคณะกรรมการขับเคลื่อนหลายส่วน และกำลังเข้าสู่ช่วงของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการปฏิรูป ที่จะนำแผนงานทั้งหมดมาทำให้เกิดความต่อเนื่อง

 

"วันนี้เราอยู่ในเรือลำใหญ่ ไม่ใช่เรือแป๊ะ แต่เป็นเรือลำเดียวกัน ที่ต้องขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมกัน" พล.อ.อประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ประเทศพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการส่งเสริมการค้าการลงทุน การทำให้ประเทศพ้นจากความยากจน ซึ่งต้องพัฒนาจากเศรษฐกิจระดับฐานราก มีวิสาหกิจชุมชน และใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อน ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันขับเคลื่อนงานอย่างเต็มที่ ทุกคนต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้ได้ ต้องมีคุณธรรมประจำใจ อย่าเอาเปรียบคน อย่าคิดเรื่องการทุจริต

 

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังแก้กฎหมายการเวนคืนพื้นที่ เพื่อให้สามารถดำเนินการทางโครงสร้างพื้นที่ฐานได้ เพื่อทำให้เกิดเมืองใหม่ และพัฒนาเมืองใหญ่ขยายเมืองออกไปให้มากขึ้น ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ได้ทำเส้นทางทั่วประเทศได้มากที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้อย่างไร แต่อย่าไปมองว่าทำได้มากเพื่อให้เกิดการทุจริตที่มากตามมา เพราะคนดีก็มีอยู่เยอะ ถ้าเห็นว่ามีการทุจริตให้ช่วยกันตรวจสอบ อย่ามาเหมารวมทั้งหมด

 

"ผมและรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปต่างประเทศมามาก หลายประเทศสนใจเข้ามาลงทุน เพียงแต่เขาถามว่ารับรองได้หรือไม่ว่าประเทศจะมีความสงบสุข บ้านเมืองมีเสถียรภาพต่อไปอีก 20 ปี ทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่ทุกคน ต้องเลือกคนดีเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง เพราะวันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม การทำให้ประเทศมีเสถียรภาพจำเป็นต้องแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด เรื่องการทุจริต การตัดไม้ทำลายป่าด้วย วันนี้ตนเองขอคาดโทษเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ต้องจับหัวขบวนมาลงโทษให้ได้ เพราะที่ผ่านมาเราจับกุมรายเล็ก และยึดของกลางเก็บไว้เต็มคลังไปหมด แต่ยังเจ็บหัวหน้าขบวนการไม่ได้ ดังนั้นต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ ถึงจะนำไปสู่การแก้ปัญหา ต้องทำงานอย่างเอาจริงเอาจังและไม่เลือกปฏิบัติ

 

"ผมรู้จักทุกคนแต่ไม่รู้จักหน้า เพราะผมทำงานเพื่อคน 70 ล้านคน ถ้าใครอ้างมาบอกผม กระซิบก็ได้ ที่รับฟังทุกอัน บางอันก็เรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาลือกันมาบ้าง ไม่รู้ขั้นตอนบ้าง บางทีก็ไม่มีหลักฐาน แต่ก็ต้องหาให้ได้พวกแอบอ้าง นายกฯ ชอบทานอาหารอันนี้ เดี่ยวต้องจัดอาหารให้นายกฯ สักหน่อย แต่ผมกินข้าวที่บ้าน ซื้อเอง กินเอง เดี่ยวจะซื้อไปฝากเพราะนายกฯ ชอบทาน นี้โม้กับเพื่อนในวงทหารนะ บางทีตัวเองยังไม่รู้ว่าเป็นใคร นี่ถึงขนาดนี้เลย คุณจะเชื่อเขาก็ตามใจ เมื่อก่อนคนรักเยอะ แต่วันนี้เพื่อนฝูงรังเกียจหมด เพราะไม่มีเวลาให้เขา มากคนก็มากเรื่อง แต่ความเป็นเพื่อนพี่น้องยังมีอยู่ แยกกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ตัวเองเชื่อมั่นในตัวคณะรัฐมนตรีของผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคการเมืองต้องปฏิรูปตัวเองด้วย พอรัฐบาลออกยุทธศาสตร์มาก็บอกว่าไม่เห็นด้วย เขาไม่เห็นด้วยสักอย่าง ไม่ว่าจะปฏิรูป หรืออะไรก็ตามแต่ แต่พอไล่ปัญหาก็พบปัญหาเยอะแยะไปหมด ตนเองก็อยากย้อนกลับถามเหมือนกันว่า ที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้มีหรือไม่ แล้วได้แก้ปัญหาบ้างหรือไม่ ดีขึ้นหรือไม่ ทุกคนต้องช่วยกันตอบคำถามนี้

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาเป็นนักศึกษา วปอ. ไม่ใช่มาเพื่อสร้างคอนเน็คชั่น แต่ต้องมาเพื่อสร้างความดีร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน คนดีหรือไม่ดีรู้อยู่แล้ว เมื่อไรที่เพื่อนทำไม่ดี อย่าไปทำแบบเขา ต้องตักเตือน ชักจูงกลับมาให้เป็นคนดี เราเลือกคบคนไม่ได้ แต่ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนไม่ดีให้กลับมาดีให้ได้ หากยังไม่ดีขึ้นก็จำเป็นต้องตัดหางปล่อยวัด อย่าให้เขากล่าวหาว่า การเรียนนี้เป็นหลักสูตรคอนเน็กชั่น แต่ให้ถือเป็นคอนเน็กชั่นกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศได้

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/กษมาพร โทร.02-2535000 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2709788

คำพิพากษาชำแหละ‘โจ’มือขวา‘เสี่ยเปี๋ยง’ ตัวละครสำคัญรับบทนายหน้าเบิกข้าวคดีจีทูจีเก๊

 

อัยการ คาด 18 ก.ย.ได้ข้อสรุปออกหมายเรียกพานทองแท้คดีเงินกู้แบงก์กรุงไทย

 

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 10:07:37 น.

นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีสอบสวน 3 ปฏิเสธยื้อคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร เพื่อช่วยเหลือนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ดำเนินการอย่างรอบคอบตามขั้นตอนของกฎหมาย และพยายามเร่งรัดให้สำนวนมีความสมบูรณ์เพื่อสั่งคดีก่อนหมดอายุความในปี 61

 

 

 

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายพานทองแท้ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยส่งหลักฐานการยึดและอายัดเงินฝากจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ในบัญชีเงินของนายพานทองแท้ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานมาให้ดำเนินการสอบสวนตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.59 ซึ่ง DSI ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่อยมา จนกระทั่งเดือน มิ.ย.60 DSI ได้ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งพนักงานอัยการเข้าร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้ด้วย ซึ่งตนเองได้ดำเนินการตรวจสอบจากพยานเอกสารหลักฐานที่มีอยู่เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง และเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตลอดช่วงเวลา 4 เดือนที่เข้ามารับผิดชอบ ส่วนความผิดของนายพานทองแท้ฐานรับของโจรในคดีดังกล่าวได้ขาดอายุความไปก่อนหน้านี้

 

"ถ้าสอบสวนสมบูรณ์แล้วก็ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าพบว่าทำผิดฐานใดก็ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้สิทธิ์ในการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งพยายามเร่งรัดทุกขั้นตอน เพราะคดีนี้ขาดอายุความปี 61" นายขจรศักดิ์ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์

 

นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาก็ต้องเร่งดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะนี้ได้ดำเนินตรวจสอบพยานเอกสารเสร็จแล้ว เหลือการสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์ และต้องให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจง รวมทั้งให้เวลาอัยการพิจารณาสั่งคดี โดยคณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 18 ก.ย.นี้ได้ข้อสรุปก็คาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกนายพานทองแท้ได้

 

"คิดว่าถ้าประชุมก็จบครับ เพราะหลักฐานครบแล้วก็ต้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไป" นายขจรศักดิ์ กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2710111

ลงนามยุคกำธร! โชว์ใบอนุญาต บ.กระทิงแดง ใช้ที่ดินห้วยเม็กขยายรง.หลังบิ๊กตู่สั่งสอบ

"...การอนุญาตให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้…

 

I

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีเพื่อน พี่น้องนักลงทุนทุกท่าน โชคดี สบายใจ มีกำไรในการลงทุน

สบายดีคร้าบบ mengุสบายใจ

ยอดพุ่ง2เท่ากราบพระบรมศพ

ประชาชนเข้ากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 เนืองแน่น ท่ามกลางฝนตกตลอดทั้งวัน ยอดเพิ่มเท่าตัว 6 หมื่นต่อวัน กอร.รส.หารือหน่วยเกี่ยวข้องรองรับ ปลูกต้นข้าวทั้ง 3 ระยะลงแปลงนาประกอบพระเมรุมาศครบ 5.8 หมื่นกระถางแล้ว สวนนงนุชเตรียมลงดาวเรือง 3…

THAIPOST.NET

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 18 กันยายน 2560 06:08:20 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ก.ย. 2560

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 ก.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่สี่ และพยุงดัชนี S&P500 ปิดที่เหนือระดับ 2,500 จุดเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นทั้งสองกลุ่มยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และข่าวการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,268.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.86 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,500.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,448.47 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ +0.30%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) นำโดยตลาดหุ้นลอนดอนที่ปิดร่วงลงกว่า 1% หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น และทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงของบริษัทอังกฤษที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 380.71 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,213.91 จุด ลดลง 11.29 จุด หรือ -0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,518.81 จุด ลดลง 21.64 จุด หรือ -0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,215.47 จุด ลดลง 79.92 จุด หรือ -1.10%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่า หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงของบริษัทอังกฤษที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,215.47 จุด ลดลง 79.92 จุด หรือ -1.10%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 5% เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และการที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐเริ่มเปิดดำเนินการ หลังจากปิดตัวชั่วคราวก่อนหน้านี้ในช่วงที่เผชิญพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดทรงตัวที่ระดับ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 5.1%

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 55.62 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันเบรนท์ปรับตัวขึ้น 3.4%

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากการทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำ และเข้าลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.9%

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.8 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 17.701 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 9.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 971.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.45 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 921.75 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.89 เยน จากระดับ 110.53 เยน ขณะที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9600 ฟรังก์ จากระดับ 0.9642 ฟรังก์

 

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3571 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3400 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1939 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1918 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.8000 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7990 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 22,268.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.86 จุด, +0.29%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,500.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, +0.18%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,448.47 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด, +0.30%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,215.47 จุด ลดลง 79.92 จุด, -1.10%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,518.81 จุด ลดลง 21.64 จุด, -0.17%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,213.91 จุด ลดลง 11.29 จุด, -0.22%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,272.61 จุด เพิ่มขึ้น 30.68 จุด, +0.10%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,209.56 จุด ลดลง 11.39 จุด, -0.35%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,786.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, +0.28%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,872.39 จุด เพิ่มขึ้น 20.39 จุด, +0.35%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,807.59 จุด เพิ่มขึ้น 30.39 จุด, +0.11%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,180.85 จุด เพิ่มขึ้น 35.94 จุด, +0.44%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,353.62 จุด ลดลง 17.81 จุด, -0.53%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,386.07 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด, +0.35%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,695.00 จุด ลดลง 43.70 จุด, -0.76%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,755.90 จุด ลดลง 42.50 จุด, -0.73%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,909.50 จุด เพิ่มขึ้น 102.06 จุด, +0.52%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,580.41 จุด เพิ่มขึ้น 26.84 จุด, +0.25%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2710887

 

าสถานการณ์เร่ิมส่อเค้าว่าเกาหลีเหนือจะโดนเอาอยู่ ทองมีโอกาสเทลงหนัก ทั้งนี้ยังมองประเด็นค่าเงินดอลล์ น่าจะยังไม่เปลียนทิศทางแม้ว่าทรงกราฟของค่าเงินดอลล์จะดูมีโอกาสฟื้นตัวได้รอบนึงก็ตาม

ซึ่งในสัปดาห์นี้ดูกันที่ 1300 ถ้าเอาไม่อยู่ก็จะลงต่ำกว่านั้น ตามติดกันหน่อยครับ ในขณะที่ถ้าเด้งตัวขึ้นได้ยังชะลอตัวเมื่อเข้าใกล้ 1330 1340 ทำให้มองว่าถ้ามาถึงแถวนี้น่าขายมากกว่าซื้อ

18 Sep, 2017

www.facebook.com/Wealthstation

21752973_1525133284191808_6264785162181737325_o.png?oh=25422d89bc4faf8b4ed37c45748fa471&oe=5A503571

21587414_1525133614191775_6429335021151273097_o.png?oh=dc2d70407d8bdf3639354af05b5ef4e2&oe=5A5CC499

21686910_1525144377524032_5033119215166306808_o.png?oh=efd721826806cf74f80f9bc4af905723&oe=5A4BB574

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เข้าถึง-เข้าใจ...และพัฒนา

มีโอกาสแวะเข้าไปดูเฟซบุ๊กของ เสธ.ไพศาล หรือคุณพี่ ไพศาล พืชมงคล ที่นอกจากจะถือเป็นผู้รักชาติ บ้านเมือง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง อย่างเสมอต้น-เสมอปลายแล้ว ยังน่าจะถือเป็น คนวงใน แบบสุดลิ่มทิ่มกระดานอีกซะด้วย แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้...ว่า ใคร คือผู้เสนอเรื่อง…

THAIPOST.NET

 

 

 

HSHsocial

 

Ylg Bullion

 

 

YLGResearch

 

MTS GOLD GROUP

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...