ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

 

MTS GOLD was live.

2 hrs · คลิป

เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาพบกับการวิเคราะห์กราฟสดๆ ข้อมูลร้อนๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของเราได้เลย กับรายการ MTS LIVE วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

23473290_1901484766833870_7965676497561011620_n.jpg?oh=4bd085ad9327ba9e67d91c08ae8c2462&oe=5A94749D

23519351_1901484826833864_1139588414332099320_n.jpg?oh=e9187a01cf558fe8ee2f87d103276c91&oe=5AA31675

๑๔ พฤศจิกา" วันบิดาฝนหลวง" รำลึกถึง "พ่อของแผ่นดิน" มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้น เมื่อปี ๒๔๙๘ เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร ๑๕ จังหวัด ในภาคอิสาน เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร

จากทฤษฎีเริ่มแรกที่เกิดขึ้น หลังจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงใช้เวลาอีก ๑๔ ปี ในการวิเคราะห์วิจัย ทบทวนเอกสาร รายงานผลการศึกษาและข้อมูลต่างๆ พระราชทานให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล เพื่อประกอบการค้นคว้าทดลองมาโดยตลอด

ปฏิบัติการทดลองเป็นคนแรก เลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่ โดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid carbondioxide) ขนาดไม่เกิน ๑ ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลอง ในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆ ทดลองเหล่านั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆ อย่างเห็นได้ชัดเจนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลมพ้นไปจากสายตาไม่สามารถสังเกตได้ เนื่องจากยอดเขาบัง แต่จากการติดตามผล โดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน และได้รับรายงานยืนยันด้วยวาจา จากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่ พื้นที่ทดลองวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด นับเป็นนิมิตหมายบ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้ เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้

ภาพฝีพระหัตถ์พระราชทาน "ตำราฝนหลวง" ที่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงอธิบายวิธีการทำฝนหลวงไว้อย่างละเอียด ในรูปแบบของภาพวาดอินโฟกราฟิกแบบง่ายๆ พร้อมข้อความประกอบ ที่ทั้งสวยงาม

cr Siriwanna Jill news

 

 

 

 

23517930_10155908928162855_5086157004755395132_n.jpg?oh=329f797fdd7dff119d234e5b7b36d493&oe=5AA59613

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมประเมินผลการเข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเดินตรวจความเรียบร้อยและทักทายกับประชาชนที่มาชมนิทรรศการ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้า ข่าวเช้าวันนี้

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $4.70 นักลงทุนรุกซื้อทองหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 07:27:01 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ระดับ 1278.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.6 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 17.047 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 935.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 989.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 นอกจากนี้ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภายังมีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น

 

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนธ.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2739291

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 2 เซนต์ รับโอเปกผลิตน้ำมันลดลงเดือนต.ค.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 07:07:22 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลงในเดือนต.ค. พร้อมกับคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันของโอเปกจากประเทศต่างๆทั่วโลก จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 63.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น หลังจากรายงานของโอเปกระบุว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนต.ค. ลดลง 0.46% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. สู่ระดับ 32.59 ล้านบาร์เรล เนื่องจากอิรัก ไนจีเรีย เวเนซุเอลา อัลจีเรีย และอิหร่าน ได้ปรับลดการผลิต

 

นอกจากนี้ โอเปกยังคาดการณ์ว่า ประเทศต่างๆทั่วโลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันโอเปกในปีหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 33.42 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 360,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันของโอเปก นับตั้งแต่ที่มีการประเมินครั้งแรกในเดือนก.ค.

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนลบ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 9 แท่น สู่ระดับ 738 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 พ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

 

นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า หากสมาชิกโอเปกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า ก็จะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 830,000 บาร๋เรล/วันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขาดแคลน 310,000 บาร์เรล/วัน

 

นักลงทุนรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2739282

 

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 หลังกนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 09:19:14 น.

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.20 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดทรงตัวที่ 33.12 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงมติด้วยเสียงเอกฉันฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามความคาดหมาย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย ด้วยมูลค่า 3.9 พันล้านบาท และ 1.8 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลังมีความกังวลมากขึ้นต่อแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณว่าจะล่าช้าออกไป ส่วนเงินปอนด์ยังคงผันผวนเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ

 

 

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับข้อมูลยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ขณะที่ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 2 ปี ปรับสู่ระดับแคบสุดนับตั้งแต่ปี 2550 สะท้อนว่านักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการผลักดันมาตรการด้านการคลังของรัฐบาลทรัมป์ อีกทั้งเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำผิดปกติสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ใกล้ถึงปลายวัฎจักรของการฟื้นตัว เรามองว่าสถานการณ์เช่นนี้จะจำกัดแรงซื้อเงินดอลลาร์ต่อไป

 

สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น จากการส่งออกและการท่องเที่ยวรวมถึงการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ แม้การเบิกจ่ายจะชะลอลง อย่างไรก็ดี กนง.ระบุว่า กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินจริง กนง.ประเมินอีกด้วยว่า ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าและคู่แข่งค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่ในอนาคตอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนของตลาดโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างช้าๆ และคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในกลางปี 2561 ทั้งนี้ ท่าทีล่าสุดของกนง.แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากการประชุมในเดือนกันยายน โดยบ่งชี้ถึงความระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และเงินเฟ้อที่ยังต่ำ แม้แรงส่งเชิงบวกของเศรษฐกิจจะสามารถประคองตัวได้ดี สนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าทางการจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ก่อนจะเริ่มตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2739492

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์ร่วง นลท.วิตกการเมืองอังกฤษหลังส.ส.จ่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯเมย์

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 07:10:25 น.

สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากสื่อท้องถิ่นรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักรจำนวน 40 คนได้ลงชื่อในหนังสือขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ซึ่งทำให้ขณะนี้เหลืออีกเพียงอีก 8 รายชื่อก็จะสามารถเริ่มกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวผู้นำหญิงอังกฤษได้อย่างเป็นทางการ

 

 

 

ปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3116 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3200 ดอลลาร์ ในขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.1668 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1660 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7625 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7659 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน 113.62 เยน จากระดับ 113.56 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9961 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9962 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% สู่ระดับ 94.496 เมื่อคืนนี้

 

ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐและยูโรเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ หลังมีรายงานว่าสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ 40 คน กำลังยื่นถอดถอนนางเทเรซา เมย์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

 

ทั้งนี้ การยื่นหนังสือขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯเมย์ จะต้องใช้รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 48 รายชื่อ ซึ่งล่าสุดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงชื่อไปแล้ว 40 คน

 

ด้านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในกรอบจำกัดเมื่อคืนนี้ หลังถูกกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของแต่ละสภา ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญที่แตกต่างกัน รวมถึงกรอบเวลาในการเริ่มบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

 

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2739283

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 17.49 จุด รับแรงซื้อหุ้นสินค้าผู้บริโภค

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 06:48:09 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงหุ้นแมทเทล และหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐ และจากข่าวที่ว่าบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ประกาศปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50%

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,439.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,757.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด หรือ +0.10%

 

หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคพุ่งขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยหุ้นแมทเทล ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 20.7% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทแฮสโบร ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งและเจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนยอดฮิต "My Little Pony" ให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการของแมทเทล ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแฮสโบร พุ่งขึ้น 5.9%

 

หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบการเงินของบริษัทที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. พุ่งขึ้น 10.8% สู่ระดับ 1.015 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.89 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.43 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์

 

หุ้นควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน ดีดตัวขึ้น 3% หลังจากควอลคอมปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร โดยมองว่ามีมูลค่าต่ำเกินไป และมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานควบคุมการผูกขาดตลาด

 

ทางด้านบริษัทบรอดคอมได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการซื้อกิจการของบริษัทควอลคอม อิงค์ แม้ว่าควอลคอมได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบรอดคอมก็ตาม

 

หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 0.6% ขานรับรายงานที่ว่า โบอิ้งได้รับคำสังซื้อเครื่องบินจากสายการบินอาหรับ เอมิเรตส์ มูลค่า 1.5 พันล้านดอลาร์

 

อย่างไรก็ตาม หุ้น GE ร่วงลง 7.2% ซึ่งเป็นปัจจัยสกัดแรงบวกในตลาด หลังจากบริษัท GE ได้ประกาศปรับลดการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสลง 50% สู่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ 24 เซนต์/หุ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธ.ค. ขณะที่นายจอห์น แฟลนเนอรี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GE กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่มีความจำเป็น ในการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท

 

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า การบังคับกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562 นอกจากนี้ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภายังมีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยสภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้

 

ทั้งนี้ การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว ถือเป็นการสวนทางความตั้งใจของปธน.ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ยังอาจจะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่สหรัฐ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2739278

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

YLGResearch

 

Ylg Bullion ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

23472750_1715988891785229_6293335325549949466_n.jpg?oh=2b399b0c9ec06fc9e71fbc602fb64340&oe=5A9484B0

รัชกาลที่10ทรงให้จัดดนตรี มอบความสุขแก่ประชาชน โดยวงเฉลิมราชย์18พย.

รัชกาลที่10ทรงให้จัดดนตรี

NAEWNA.COM

 

 

- ร.10พระราชทานสิ่งของให้‘ตูน’ ยอดบริจาคพุ่ง215ล. กำลังใจร็อกเกอร์ดังเพียบ

https://goo.gl/RRmiKu

 

- ลุยพัฒนา‘แสนแสบ’ คลองใสสะอาดใน5ปี ชงครม.อนุมัติ5แผน

https://goo.gl/o59MCd

 

- ขู่จัดเลือกตั้งท้องถิ่นโมฆะ กกต.ออกฤทธิ์ ส่งศาลรธน.ช่วยตีความ

https://goo.gl/Gts8Lf

 

- ‘บิ๊กป้อม’เอาผิด ตำรวจ-ทหาร เร่เก็บส่วยภูเก็ต

https://goo.gl/iY7721

 

- หนุนประยุทธ์เล่นการเมือง ยายวัย70ปี ประเดิมตอบคำถาม

https://goo.gl/gTNAWY

 

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวชายแดนอิหร่าน-อิรักพุ่งเป็น 445 ราย บาดเจ็บกว่า 7,000 ราย

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 08:27:44 น.

สื่อท้องถิ่นของอิหร่านรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.3 แมกนิจูดที่บริเวณชายแดนระหว่างอิหร่านและอิรัก พุ่งขึ้นเป็น 445 ราย และบาดเจ็บราว 7,156 ราย

 

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.3 แมกนิจูดที่บริเวณชายแดนระหว่างอิหร่านและอิรัก เมื่อคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หรือในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ตามเวลาไทย โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่บริเวณเทือกเขาซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฮาลับจา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิรักประมาณ 32 กิโลเมตร ที่ระดับความลึก 23.2 กิโลเมตร

 

รายงานระบุว่า เมืองต่างๆอย่างน้อย 14 เมืองในอิหร่านได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน

 

ทั้งนี้ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเริ่มเข้าสู่พื้นที่ประสบภัยที่อยู่ห่างไกลออกไป และคาดว่าผู้ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ในขณะนี้อาจพุ่งขึ้นมากกว่า 70,000 ราย

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq38/2739469

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.06 ทรงตัวจากวานนี้ ยังรอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.12

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 09:27:09 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.06 บาท/ดอลลาร์ ทรง

 

ตัวจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.07 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากไปจากเมื่อวานมากนัก เนื่องจากปัจจัยค่อนข้างเบาบาง ทั้งในเรื่องของตัวเลขทาง

 

เศรษฐกิจ และเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งนี้มีการขายดอลลาร์จากลูกค้า ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร จึงทำให้

 

 

 

เงินบาทช่วงนี้แข็งค่า อย่างไรก็ดี คาดว่าวันนี้จะยังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 33.05 บาท/ดอลลาร์

 

"วันนี้เชื่อว่าแนวรับที่ 33.05 คงจะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง เพราะทางแบงก์ชาติอาจจะเข้ามาช่วยพยุงไว้" นักบริหาร

 

เงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.05-33.12 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.65 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.33 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1671 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1641 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.0830 บาท/

 

ดอลลาร์

- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการช็อปช่วยชาติ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม 2560

 

เป็นเลื่อนการจับจ่ายของประชาชนให้เร็วขึ้น เพื่อให้เงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากช่วงปลายปี เป็นช่วงที่

 

ประชาชนวางแผนใช้จ่ายอยู่แล้ว แต่การมีมาตรการนี้ จะทำให้ คนระดับรายได้ปานกลางถึงสูงที่อยู่ในเกณฑ์เสียภาษี มีกำลังที่จะจ่าย

 

เพื่อนำไปลดหย่อน เช่น เดิมอาจซื้อ 1 ชิ้น แต่เมื่อมีมาตรการลดหย่อนภาษี ทำให้ซื้อเพิ่มเป็น 2 ชิ้น

 

- รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำปี 2561 ฉบับล่าสุดของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะยังคง

 

ขยายตัวต่อเนื่องจากปัจจุบัน โดยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3% ในปี 2561 หลังจากที่เติบโตเหนือการคาดการณ์ในปี 2560

 

- สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนัก

 

ลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากสื่อท้องถิ่นรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราช

 

อาณาจักรจำนวน 40 คนได้ลงชื่อในหนังสือขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ซึ่งทำให้ขณะนี้เหลืออีกเพียงอีก

 

8 รายชื่อก็จะสามารถเริ่มกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวผู้นำหญิงอังกฤษได้อย่างเป็นทางการ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในกรอบจำกัดเมื่อคืนนี้ หลังถูกกดดันจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าใน

 

การผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐได้เปิดเผยรายละเอียดของ

 

ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของแต่ละสภา ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญที่แตกต่างกัน รวมถึงกรอบเวลาในการเริ่มบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้

 

นิติบุคคล

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ

 

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของการปฏิรูปภาษีของ

 

สหรัฐ

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่

 

ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

 

ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

- นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาค

 

การผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค

 

(CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

 

รายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2739540

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

23471950_10155911071817855_4075189512651599699_n.jpg?oh=71164f462ca530b10d84017acba96c1c&oe=5AAEE0F3

 

23559610_10155911072272855_1494581277843770067_n.jpg?oh=2a9f2fbe835a91c088c25d7ed173bb46&oe=5A64DE91

ประชาชนเข้ากราบพระบรมราชสรีรางคารภายในอุโบสถวัดบวรฯ

ประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ซึ่งบรรจุอยู่บริเวณใต้ฐานพระพุทธชินสีห์

ภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งวัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงผนวชวัดพระแก้ว ได้

เสด็จมาประทับแรมที่วัดบวรนิเวศราราชวรวิหาร เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560

ภาพ อนันต์ จันทรสูตร์ (Anant Chantarasoot) #NationPhoto

#พระบรมราชสรีรางคาร #วัดบวร #พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช#รัชกาลที่9

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 4 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 07:05:29 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ 1282.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.6 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 17.073 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ 927.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.15 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 985.55 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ไปเป็นปี 2562

 

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.72% สู่ระดับ 93.812 เมื่อคืนนี้

 

นักลงทุนในตลาดทองคำให้ความสนใจกับการประชุมเสวนาในหัวข้อ "Communication challenges for policy effectiveness, accountability and reputation" ซึ่งจัดโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เมื่อวานนี้ โดยผู้เข้าร่วมการเสวนา ประกอบด้วย นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

 

ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า การที่เฟดทำการชี้นำทิศทางนโยบายในอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเศรษฐกิจในขณะนั้น

 

ขณะเดียวกันนางเยลเลนยอมรับว่า ปัจจัยหนึ่งที่ท้าทายเฟดก็คือ การที่เฟดมีสมาชิกคณะกรรมการจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความสับสนต่อตลาดการเงิน ขณะที่กรรมการเฟดแต่ละคนแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2740136

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.04 แข็งค่า หลังตลาดขาดปัจจัยถือดอลลาร์ มองกรอบ 33.00-33.10

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 09:22:05 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.04 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า

 

เล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.07/09 บาท/ดอลลาร์

บาทแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อความ

 

ล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากแรงเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐ เพราะช่วงนี้นักลงทุนขาดปัจจัยที่

 

 

 

จะกลับมาถือดอลลาร์ ประกอบกับราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า sentiment ของตลาดไม่ค่อยสดใส

 

"ดอลลาร์ช่วงนี้อ่อนค่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐจะออกมาดี แต่คนยังกังวลกับมาตรการปฏิรูปภาษี สะท้อนจากตลาด

 

หุ้นที่มีแรงเทขาย ราคาทองคำก็ปรับขึ้น มี flow ขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร จึงทำให้บาทค่อนข้างแข็งค่า" นักบริหารเงินระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 33.00-33.10 บาท/ดอลลาร์ และยังไม่น่าจะหลุด

 

แนวรับสำคัญไปได้

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.66/86 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1792 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1703 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.080 บาท/ดอลลาร์

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) ขณะ

 

ที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ รวมถึงกังวล

 

เกี่ยวกับศักยภาพเศรษฐกิจของสหรัฐในการรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้ปัจจัยหนุน

 

จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของ

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX

 

(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ 1282.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.

 

ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 95 เซนต์

 

หรือ 1.5% ปิดที่ 62.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้และปีหน้า

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานที่บ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

- นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในระหว่างการประชุมหัวข้อ "Communication

 

challenges for policy effectiveness, accountability and reputation" ซึ่งจัดโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)

 

ว่า การที่เฟดทำการชี้นำทิศทางนโยบายในอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัว

 

ของเศรษฐกิจในขณะนั้น

- สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ เตรียมเสนอการเพิกถอนข้อบังคับสำคัญในกฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลชุด

 

ก่อน หรือ "โอบามาแคร์" ตามแผนปฏิรูประบบภาษีฉบับใหม่ของวุฒิสภา ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเพิ่มความ

 

เสี่ยงทางการเมือง อีกทั้งเพิ่มความไม่แน่นอนในการผลักดันมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากที่ก่อนหน้านี้

 

สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส เคยคว้าน้ำเหลวในการโหวตคว่ำกฎหมายโอบามาแคร์และแทนที่ด้วยกฎหมายเฮลธ์แคร์ฉบับใหม่มา

 

แล้ว

- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กำลังพิจารณาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟด

 

เดือนหน้า โดยระบุว่าอดีตที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ถ้าเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมาก เฟดก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้ตาม

 

ทันการปรับตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ย

 

สหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 96.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

 

- นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing

 

Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาค

 

ธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน

 

ต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/นิศารัตน์ โทร.02-2535000 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2740427

 

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 09:05:56 น.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่า "ทุกประเทศที่ทำการค้ากับสหรัฐรู้ดีว่ากฎตางๆได้เปลี่ยนไปแล้ว" ก่อนที่จะเดินทางออกจากฟิลิปปินส์วานนี้ อันเป็นการปิดทริปการเดินทางเยือนเอเชียทั้งสิ้น 11 วันของผู้นำสหรัฐ

 

ในระหว่างการเดินทางเยือนเวียดนาม ทรัมป์ได้ชักชวนนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ให้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารจากสหรัฐให้มากขึ้น เนื่องจากทรัมป์มองว่า การที่สหรัฐสามารถค้าอาวุธให้กับนานาชาติได้จะส่งผลดีต่อคะแนนความนิยมของเขาในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 

 

 

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมเสวนาในวันนี้ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เมื่อวานนี้ ภายใต้หัวข้อ "Communication challenges for policy effectiveness, accountability and reputation" ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการเสวนา ได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

 

นางเยลเลนกล่าวว่า การที่เฟดทำการชี้นำทิศทางนโยบายในอนาคตนั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเศรษฐกิจในขณะนั้น

 

ด้านนายคาร์นีย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจะต้องสื่อสารด้านนโยบายไปให้ถึงสาธารณชนในวงกว้าง มากกว่าที่จะไปถึงแต่เพียงนักลงทุนในตลาดการเงิน

 

-- นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยคาดว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอาจเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562

 

รายงานล่าสุดระบุว่า นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเตรียมเสนอการเพิกถอนข้อบังคับสำคัญในกฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลชุดก่อน หรือ "โอบามาแคร์" ตามแผนปฏิรูประบบภาษีฉบับใหม่ของวุฒิสภา ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงทางการเมือง อีกทั้งเพิ่มความไม่แน่นอนในการผลักดันมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรสเคยคว้าน้ำเหลวในการโหวตคว่ำกฎหมายโอบามาแคร์และแทนที่ด้วยกฎหมายเฮลธ์แคร์ฉบับใหม่มาแล้ว

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า อัตราว่างงานเดือนต.ค.ของเกาหลีใต้ ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน

 

รายงานระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานของเกาหลีใต้ ณ สิ้นสุดเดือนต.ค.ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 26.85 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้น 279,000 ตำแหน่งจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้มีการจ้างงาน 4.47 ล้านคนตำแหน่งในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 28,000 ตำแหน่งจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

 

-- หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กำลังพิจารณาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า

 

"อดีตที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ถ้าเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมาก เฟดก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้ตามทันการปรับตัวของเศรษฐกิจ" นายแคปแลนกล่าว

 

นอกจากนี้ นายแคปแลนยังกล่าวอีกด้วยว่า เขากำลังพิจารณามาตรการที่เหมาะสม สำหรับการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

 

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3 ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง

 

ทั้งนี้ หากเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นขยายตัว 0.3%

-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐหลายรายการในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เพื่อประเมินทิศทางการลงทุนต่อไป

 

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เตรียมเปิดเผยตัวเลขอัตราว่างงานเดือนก.ย. ในวันนี้ เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จำนวนคนว่างงานในอังกฤษลดลง 52,000 คนในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. มาอยู่ที่ 1.4 ล้านคน ขณะที่อัตราว่างงานยังคงทรงตัวที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2518

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2740416

 

Xinhua world news summary: เกิดเหตุกราดยิงในแคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 09:28:39 น.

เกิดเหตุกราดยิงหลายจุดในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย

 

เหตุกราดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ในพื้นที่แรนโช เทฮามา ห่างจากเมืองซาคราเมนโต ซึ่งเป็นศูนย์กลางหน่วยงานราชการรัฐแคลิฟอร์เนียราว 200 กิโลเมตร โดยมือปืนได้ก่อเหตุในพื้นที่หลายจุด รวมถึงโรงเรียนประถมศึกษา แต่ต่อมาได้ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม

 

 

 

นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 10 คน เป็นเด็ก 2 คน โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

 

-- รายงานจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ระดับหนี้สินและอัตราการค้างชำระของภาคครัวเรือนสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2560

 

รายงานดังกล่าวระบุว่า หนี้ภาคครัวเรือนสหรัฐขยายตัวขึ้น 1.16 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 0.9% เมื่อเทียบรายไตรมาส แตะที่ 12.96 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งส่วนมากนั้นจะเป็นหนี้สินที่เกิดจากการจำนอง, การขอสินเชื่อเพื่อการศึกษา, สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อบัตรเครดิต

 

-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานวานนี้ว่า ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐกำลังพิจารณาเลือกนายโมฮัมเหม็ด เอล อีเรียน นักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน-อียิปต์ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่

 

บุคคลใกล้ชิดกับแหล่งข่าวเปิดเผยว่า นายอีเรียนซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ Allianz Global และเป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Pacific Investment Management Co. คือหนึ่งในตัวเก็งสำหรับตำแหน่งดังกล่าว โดยรัฐบาลสหรัฐจะพิจารณาเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้านนโยบายการเงินเป็นสำคัญ

 

-- นายมาซิน กาห์นิม โฆษกท่าอากาศยานซานา กล่าวใสัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า กองกำลังแนวร่วมชาติอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบีย ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อท่าอากาศยานซานา ประเทศเยนเมน เมื่อวานนี้ ส่งผลให้ระบบการเดินอากาศของสนามบินถูกทำลายทั้งหมด

 

นายกาห์นิมกล่าวว่า "ระบบเดินอากาศของสนามบินถูกทำลายทั้งหมด โดยทีมวิศวกรของสนามบินได้พยายามทำการศึกษาว่าเราจะสามารถใช้ระบบอื่นทดแทนได้หรือไม่" นอกจากนี้ นายกาห์นิมยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางสนามบินไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากเครื่องบินของสหประชาชาติได้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2740434

 

Spotlight: จนท.เฟดหลายรายคาดคณะกรรมการ FOMC เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 10:03:05 น.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายคาดการณ์ไว้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เงินเฟ้อและอัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ

 

นายราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวบนเวทีการประชุมเมื่อวานนี้ว่า "ผมคิดว่าอัตราดอกเบี้ยควรปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ โดยทิศทางด้านนโยบายของเรานั้นยังคงอยู่ในระดับผ่อนคลายมากกว่าที่จะอยู่ในระดับที่มีความเป็นกลาง (neutral) "

 

 

 

นายบอสติค ซึ่งจะมีสิทธิ์ออกเสียงในคณะกรรมการ FOMC ในปีหน้า กล่าวว่า "อุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นอาจหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้มีศักยภาพการเติบโตที่เหนือขีดจำกัดอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังใกล้เข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนแรงงาน เพราะภาคธุรกิจจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากขึ้นเพื่อชิงแรงงานที่นับวันยิ่งมีจำกัด"

 

ทั้งนี้ นายบอสติคคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัว "เหนือระดับ 2% เล็กน้อย" ส่วนอัตราว่างงานน่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับราว 4%

 

ด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ได้กล่าวเมื่อวานนี้เช่นกันว่า ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานสหรัฐนั้นเป็นปัจจัยกดดันให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดขึ้นในรูปแบบที่ "ไม่เร่งรีบ และค่อยเป็นค่อยไป" แม้อัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำต่อเนื่อง

 

นายแคปแลน ให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า เขา "กำลังพิจารณา" สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนหน้า

 

นายแคปแลน ซึ่งมีสิทธิ์ออกเสียงใน FOMC ปีนี้ได้เตือนไว้ว่า ตลาดแรงงานที่ร้อนแรงเกินไปนั้นอาจก่อให้เกิดความไม่สมดุลและส่วนเกินในตลาดการเงิน

 

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เฟดบางรายโต้แย้งว่า เฟดควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ

 

นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า "อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว เมื่อดูจากข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในขณะนี้"

 

ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดการประชุมนโยบายครั้งต่อไปวันที่ 12-13 ธ.ค. ซึ่งบรรดานักลงทุนคาดการณ์ไว้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งนี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2740478

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 09:54:41 น.

กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นหลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,269 เหรียญโดยประมาณ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และประธานอีซีบี รวมถึงประธานบีโออี และบีโอจ ที่ประชุมร่วมกัน สรุปได้ว่า จะคงสัญญาณชี้นำนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายในอนาคตขณะที่ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,265 – 1,270 เหรียญ และคาดว่าตลาดทองคำเคลื่อนไหวในกรอบรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อันได้แก่ CPI คืนนี้ และ Jobless Claims ที่จะประกาศวันพรุ่งนี้ ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนให้ปรับพอร์ตสมดุล

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ภาพระยะสั้นทางเทคนิคราคาทองคำยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เพื่อรอความรอความชัดเจนของทิศทาง โดยมีการรีบาวน์กลับขึ้มาหลังจากลงไปทดสอบแนวรับระยะสั้นด้านล่าง สำหรับวันนี้คาดจะมีแนวรับแรกบริเวณ 1,265 เหรียญ โดยภาพทางเทคนิคมีแนวโน้มว่าอาจเห็นราคามีการBreakout ด้านใดด้านหนึ่งในเร็วๆนี้ โดยทองคำจะมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,290 เหรียญ ซึ่งถ้าผ่านไปได้ มีโอกาสจะกลับไปยืนเหนือแนว 1,300เหรียญ และทำให้เกิดสัญญาณขาขึ้นอีกครั้ง ยังเน้นกลยุทธ์ทำกำไรระยะสั้น โดยมีการวางจุด Stop Loss ป้องกันความเสี่ยง

 

การลงทุน Gold D

ภาพรวมการลงทุนมีทิศทางเดียวกับราคาทองคำต่างประเทศ สำหรับวันนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยจะมีแนวรับ 1,270 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,295 เหรียญ

 

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 2 – 5 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรในกรอบ โดยมีแนวรับ 1,265 เหรียญ และแนวต้าน 1,290 เหรียญ

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ปิดทำกำไรเป็นช่วงๆ เน้นเล่นสั้นเข้าออกเร็ว

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

Wait&See รอความชัดเจนของทิศทางและรอการ Breakout ของราคา

Gold Futures Z17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,080 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,280 บาท

Gold Futures G18 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,130 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,330 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2740429

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

YLG GOLD DAILY UPDATE 15-11-60

• ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ประจำไตรมาส 3 ของเยอรมนีที่ขยายตัวเกินคาดที่ระดับ 0.8%

• นอกจากนี้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐทั้งดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq จากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกด้วย

อ่านฉบับเต็มคลิก : www.ylgbullion.co.th

23517582_1756019277765822_4777748609122618984_n.jpg?oh=5190e8abaaccab6b10ded174f9ede014&oe=5A9E5B42

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

23517915_1717905401593578_2703930097514646547_n.jpg?oh=f917677293edb09e4de0408086fde0ad&oe=5AA2654C

- ร.10รับสั่งให้กำลังใจ ทรงอวยพร‘ทำให้สำเร็จ’ ‘ตูน’ปลื้มปีติ-น้ำตาคลอ

http://bit.ly/2hCn76G

 

-บิ๊กโด่งรับลูกคำสั่งประวิตร ล่าแก๊งป่วน สุมหัวปล่อยข่าวปลุกระดม

http://bit.ly/2AQJCts

 

-ปปง.-36แบงก์ ตั้งศูนย์ปราบ‘คอลเซ็นเตอร์

http://bit.ly/2hwiV4K

 

-โวยรัฐซิกแซ็กทึ้งรัฐวิสาหกิจ จองแปรรูป! เข็นกม.ตั้งซุปเปอร์โฮลดิ้ง

http://bit.ly/2hD03Ve

 

-‘ซิมบับเว’ระอุ ทหารจับ‘ปธน.มูกาเบ’ บุกยึดเมือง-ปัดปฏิวัติ

http://bit.ly/2ilk8wt

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2560 07:42:23 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 พ.ย. 2560

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) โดยตลาดได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ออกมายืนยันว่า เขาจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา หลังจากวุฒิสภาได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,271.28 จุด ร่วงลง 138.19 จุด หรือ -0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,564.62 จุด ลดลง 14.25 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,706.21 จุด ลดลง 31.66 จุด หรือ -0.47%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 381.96 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ปีนี้

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,976.37 จุด ลดลง 57.11 จุด หรือ -0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,301.25 จุด ลดลง 14.33 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.61 จุด ลดลง 41.81 จุด หรือ -0.56%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) จากปัจจัยราคาน้ำมันที่ดิ่งลง ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากราคาแร่โลหะสำคัญที่ปรับตัวลง ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ส่วนใหญ่ปิดในแดนลบเช่นกัน

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 41.81 จุด หรือ -0.56% ปิดที่ 7,372.61 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ปีนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ระดับ 1277.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. ลดลง 10.2 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 16.971 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 933.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 985.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ซึ่งขยายตัวถึง 2.0% เมื่อเทียบรายปี ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนั้น ดัชนี CPI ขยับขึ้น 0.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1793 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1795 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3168 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7584 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7635 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.95 เยน จากระดับ 113.38 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9888 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9893 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,706.21 จุด ลดลง 31.66 จุด, -0.47%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,564.62 จุด ลดลง 14.25 จุด, -0.55%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 23,271.28 จุด ลดลง 138.19 จุด, -0.59%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,976.37 จุด ลดลง 57.11 จุด, -0.44%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,301.25 จุด ลดลง 14.33 จุด, -0.27%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.61 จุด ลดลง 41.81 จุด, -0.56%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,760.44 จุด ลดลง 181.43 จุด, -0.55%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,368.70 จุด ลดลง 30.39 จุด, -0.89%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,722.99 จุด ลดลง 10.62 จุด, -0.61%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,972.31 จุด ลดลง 15.98 จุด, -0.27%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,851.69 จุด ลดลง 300.43 จุด, -1.03%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 882.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด, +0.19%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,273.44 จุด ลดลง 106.20 จุด, -1.27%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,402.52 จุด ลดลง 27.03 จุด, -0.79%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,518.25 จุด ลดลง 8.39 จุด, -0.33%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,028.32 จุด ลดลง 351.69 จุด, -1.57%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,630.65 จุด ลดลง 56.53 จุด, -0.53%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,934.20 จุด ลดลง 34.50 จุด, -0.58%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,012.30 จุด ลดลง 36.40 จุด, -0.60%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2741052

 

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2560 08:52:37 น.

ตลาดการเงินยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากวุฒิสภาได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี

 

ทางด้านนายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ออกมายืนยันว่า เขาจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกันคนแรกที่ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว

 

 

 

-- หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.65 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

-- นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ได้กล่าวที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเขาเชื่อว่าอัตราว่างงานน่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 4% เพราะเมื่ออัตราว่างงานปรับตัวลงแล้วก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินเฟ้อและราคาสินทรัพย์ จนก่อให้เกิดความจำเป็นในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

 

-- หุ้นแอร์บัสและหุ้นโบอิ้ง ต่างก็ปิดตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า โบอิ้งบรรลุข้อตกลงขายเครื่องบินรุ่น 737 Max 8 ให้กับสายการบินฟลายดูไบ จำนวน 225 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ส่วนบริษัทแอร์บัส ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินโดยสารตระกูล A320neo ให้แก่ "อินดิโก พาร์ทเนอร์ส" ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านสายการบินชั้นประหยัดของสหรัฐ จำนวน 430 ลำ มูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงซื้อขายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอร์บัส

 

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางถึงสหรัฐแล้ววานนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือน 5 ชาติเอเชียเป็นเวลาทั้งสิ้น 11 วัน โดยทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์เกี่ยวกับทริปการเดินทางในครั้งนี้ว่า "ประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราได้รับความเคารพจากชาติในเอเชียอีกครั้ง เราจะได้เห็นผลลัพธ์จากทริปการเดินทางอันแสนยาวนานและประสบความสำเร็จในครั้งนี้ต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า"

 

-- กองทัพซิมบับเวออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า ทางกองทัพได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ และได้ทำการกวาดล้าง "กลุ่มอาชญากร" รอบข้างประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ซึ่งได้สร้างความทุกข์ยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจและสังคมแก่ประชาชน

 

อย่างไรก็ดี ทางกองทัพยืนยันว่าปธน.มูกาเบและครอบครัวยังคงมีความปลอดภัย และคาดว่าจะคืนความสงบโดยเร็วที่สุด ทันทีที่กองทัพเสร็จสิ้นภารกิจ

 

-- บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล พุ่งขึ้นกว่า 9% วานนี้ แตะระดับ 7,251.81 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า บริษัทสแควร์ ของนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัททวิตเตอร์ กำลังทำการทดสอบระบบที่จะรองรับการชำระเงินด้วยบิตคอยน์ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Cash ของทางบริษัท

 

-- นายซูเฮล อัล-มัสรู รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันที่อยู่นอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโอเปกได้ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกจำนวน 14 ชาติ

 

ทั้งนี้ ต่อข้อคำถามที่ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต จะสามารถเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของโอเปกหรือไม่นั้น นายอัล-มัสรูกล่าวว่า "เรามีความพร้อม และมีความปรารถนาที่จะขยายโอเปกออกไป" พร้อมกับกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะพยายามสร้างความสมดุลแก่ตลาดตามลำพัง ซึ่งผมคิดว่าทางกลุ่มจะยังคงจับมือกัน และอาจจะขยายตัวโดยรับสมาชิกมากขึ้น"

 

-- นายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน กล่าวว่า เศรษฐกิจสเปนจะมีการขยายตัว 2.8-3.0% ต่อปี หากภาวะการเมืองในแคว้นกาตาลุญญากลับคืนสู่ความสงบ หลังการเลือกตั้งในวันที่ 21 ธ.ค.

 

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสเปนได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า สู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.6% โดยระบุว่ามีสาเหตุจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในแคว้นกาตาลุญญา

 

-- นางชู มิแอ ประธานพรรคประชาธิปไตยเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่สามารถใช้มาตรการทางทหารต่อเกาหลีเหนือ หากไม่ได้รับการยินยอมจากเกาหลีใต้ ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

 

"ประธานาธิบดีทรัมป์มักพูดย้ำว่า สหรัฐพร้อมใช้ทุกมาตรการเพื่อจัดการกับเกาหลีเหนือ แต่เราต้องการสร้างความมั่นใจว่า ทางเลือกเหล่านั้นต้องไม่ใช่การทำสงครามไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่สามารถใช้ทางเลือกทางการทหารโจมตีเกาหลีเหนือ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากเกาหลีใต้" นางชูกล่าว

 

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากดีดตัวขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย.

 

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของค่าเช่า และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินดิ่งลง 2.4% หลังพุ่งขึ้น 13.1% ในเดือนก.ย. หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว

 

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. เพื่อประเมินทิศทางการลงทุนต่อไป

 

-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานเดือนต.ค.ของออสเตรเลีย, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของฟิลิปปินส์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ของเยอรมนี, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.ของกลุ่มอียู

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2741087

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็ง ฉุดทองปิดลบ 5.2 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2560 07:19:43 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ระดับ 1277.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. ลดลง 10.2 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 16.971 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 933.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 985.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นนั้น จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่านั้น มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ขยายตัวถึง 2.0% เมื่อเทียบรายปี ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนั้น ดัชนี CPI ขยับขึ้น 0.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันได้ออกมายืนยันว่า เขาจะไม่โหวตสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภา หลังจากวุฒิสภาได้สร้างเงื่อนไขใหม่ด้วยการพ่วงการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของกฎหมายโอบามาแคร์เข้ากับแผนการปฏิรูปภาษี

 

นักวิเคราะห์มองว่า การสร้างเงื่อนไขใหม่ของวุฒิสภานั้น จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์ โดยนับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนม.ค.เป็นต้นมา คณะทำงานของเขาก็ยังไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายฉบับสำคัญให้มีผลบังคับใช้ได้เลย แม้ว่ารีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาก็ตาม

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2740871

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 37 เซนต์ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2560 06:58:12 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.ปีนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.87 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 894,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 919,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 799,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ รายงานของ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.65 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันราว 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และปีหน้า สู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.3 ล้านบาร์เรล/วันตามลำดับ

 

นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า หากสมาชิกโอเปกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า ก็จะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 830,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขาดแคลน 310,000 บาร์เรล/วัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2740866

 

ปธ.เฟดบอสตันหนุนขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหตุอัตราว่างงานมีแนวโน้มลดลง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2560 09:12:48 น.

นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ได้กล่าวที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์นเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเขาเชื่อว่าอัตราว่างงานน่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 4% เพราะเมื่ออัตราว่างงานปรับตัวลงแล้วก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเงินเฟ้อและราคาสินทรัพย์ จนก่อให้เกิดความจำเป็นในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

 

 

 

ประธานเฟดสาขาบอสตันเปิดเผยว่า เฟดกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะในแง่มุมหนึ่งนั้น ภวะเฟ้อที่ต่ำจำเป็นต้องมีนโยบายการเงินกระตุ้น แต่ขณะเดียวกัน อัตราว่างงานที่ปรับตัวลงก็ควรต้องมีการปรับนโยบายให้เข้มงวดขึ้น

 

อย่างไรก็ดี เขามองว่าเฟดควรประเมินจากอัตราว่างงานมากกว่าเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อที่ต่ำเป็นเพียงปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับกระแสคาดการณ์ในตลาดที่ว่า เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า โดยเฟดมีกำหนดการประชุมนโยบายครั้งต่อไปวันที่ 12-13 ธ.ค.

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ได้คาดการณ์ไว้ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน ในจำนวนนี้รวมถึงประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และประธานเฟดสาขาดัลลัส

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2741092

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร.10 พระราชทานความสุขให้ประชาชนโปรดเกล้าฯ ให้จัดแสดงดนตรีชุดใจประสานใจ 18พ.ย.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานความสุขให้ประชาชน ร่วมสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 ฟังดนตรีชุด ใจประสานใจ…

JS100.COM

 

 

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

HSHsocial

 

Ylg Bullion

 

Ylg Bullion

 

YLGResearch

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...