ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2560 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2560 10:03:48 น.

กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงทันทีหลังจากทีเฟดประกาศคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.00 – 1.25%ขณะที่จะเริ่มปรับลดยอดงบดุลในพอร์ตฟอลิโอที่ถือครองไว้จำนวน 4.2 ล้านล้านเหรียญ โดยจะเริ่มทยอยปรับลดในช่วงเดือนต.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 92.42 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 33.08 บาท/ดอลลาร์ มาที่ระดับ 33.15 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ภาพรวมทองคำหลุดแนวรับสำคัญ 1,300 เหรียญ จากท่าที่ทีเฟดมีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในช่วงสิ้นปีนี้

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ในเชิงเทคนิคราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มทิศทางขาลง โดยที่หลุดแนวรับระยะปานกลางที่ระดับ 1,300 เหรียญลงมา ทำให้แนวโน้มของราคาทองคำที่จะปรับตัวลดลงมีอยู่สูง ซึ่งทองคำจะมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,292 เหรียญ และมีแนวต้าน 1,315 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยจะมีแนวรับสำคัญ 20,000 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้าน 20,400 บาท/บาททองคำ

 

การลงทุน Gold D

แนะนำให้เก็งกำไรทิศทางแนวโน้มขาลงเช่นเดียวกับทองคำตลาดโลกหลังราคาหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิคลงมา โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคำ Gold-D จะมีแนวรับ 1,295 เหรียญ และแนวต้าน 1,318เหรียญ

 

โดยย้ำนักลงทุนว่า ราคาจะแตกต่างกันประมาณ 5 – 5.50 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือArbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

ให้นักลงทุนลดการถือครองสถานะ Long และหาจังหวะเปิดสถานะ Short เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น ย้ำเน้นให้เก็งกำไรในทิศทางขาลง

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ปิดสถานะเมื่อราคารีบาวน์ ไม่แนะนำให้ถือครองในตอนนี้

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

หาจังหวะเปิดสถานะขายก่อนเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น และซื้อปิดทำกำไรเมื่อราคาอ่อนตัว

 

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกับสภาวะความผันผวนของตลาด ซึ่งผู้ที่เป็นนักลงทุนระยะยาวควรหาจังหวะเข้าซื้อสะสม และรอขายทำกำไรเมื่อราคารีบาวน์ ไม่แนะนำให้ทำการ Leverage มากนัก

 

Gold Futures V17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,700 บาท

Gold Futures Z17 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,540 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,740 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2713166

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2560 07:28:36 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ก.ย.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยดาวโจนส์เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดงบดุล ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ว่า นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,412.59 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,456.04 จุด ลดลง 5.28 จุด หรือ -0.08%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดหุ้นยุโรปได้ปิดทำการซื้อขายไปก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุม อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก ขานรับข่าวบริษัท ธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี และบริษัททาทา สตีล ผู้ผลิตเหล็กของอินเดีย ประกาศควบรวมกิจการผลิตเหล็กในยุโรป

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.04% ปิดที่ 381.98 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,569.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด หรือ+0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,241.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.08% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.95 จุด ลดลง 3.30 จุด หรือ -0.05%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินปอนด์ อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกทะยานขึ้นขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาดของอังกฤษนั้น ได้ลดช่วงลบของดัชนี FTSE 100 ในระหว่างวัน

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 3.30 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 7,271.95 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจจะขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อแก้ไขภาวะน้ำมันล้นตลาด

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 50.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 56.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก หากสหรัฐถูกคุกคาม

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,316.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 17.334 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 945.4 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.85 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 910.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในเดือนต.ค. พร้อมส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1895 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1998 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3485 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3523 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.8016 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8012 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.27 เยน จากระดับ 111.46 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9698 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9625 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,456.04 จุด ลดลง 5.28 จุด, -0.08%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 22,412.59 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด, +0.19%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด, +0.06%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,241.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด, +0.08%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,569.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด, +0.06%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.95 จุด ลดลง 3.30 จุด, -0.05%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 32,400.51 จุด ลดลง 1.86 จุด, -0.01%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,218.07 จุด ลดลง 7.88 จุด, -0.24%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,773.58 จุด ลดลง 3.08 จุด, -0.17%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,906.57 จุด เพิ่มขึ้น 5.24 จุด, +0.09%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,127.80 จุด เพิ่มขึ้น 76.39 จุด, +0.27%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 805.86 จุด ลดลง 0.07 จุด, -0.01%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,219.32 จุด เพิ่มขึ้น 56.62 จุด, +0.69%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,366.00 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด, +0.27%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,412.20 จุด ลดลง 3.85 จุด, -0.16%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,709.10 จุด ลดลง 4.50 จุด, -0.08%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,769.70 จุด ลดลง 2.70 จุด, -0.05%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,310.46 จุด เพิ่มขึ้น 11.08 จุด, +0.05%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,519.17 จุด ลดลง 56.97 จุด, -0.54%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2712933

 

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักตัว ตามตลาดตปท.แกว่งไร้ทิศทาง หลังผลประชุมเฟดออกมาตามคาด,ต่างชาติขายหุ้นกดดัน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2560 09:24:26 น.

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะหยุดพักก่อนเมื่อดัชนีฯขึ้นมาแถว 1,670 จุด เนื่องจากตลาดต่างประเทศก็ทรงตัวเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่ได้มีแนวทางชัดเจน หลังจากที่ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตามคาดในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และจะปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนธ.ค.นี้ นอกจากนี้ก็จะมีการลดการถือครองพันธบัตรลง

 

ส่วนบ้านเราขณะนี้นักลงทุนต่างชาติก็ได้ขายสุทธิ จึงคิดว่าตลาดจะปรับขึ้นก็คงจะลำบาก เพราะมี Upside ไม่มากแล้วด้วย โดยตลาดบ้านเราได้ปรับขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงตลาดเพื่อนบ้านแล้ว ดังนั้น หากจะขึ้นไปอีกให้เหนือเพื่อนบ้านก็คงจะต้องมีปัจจัยบวกอะไรเข้ามาผลักดันเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้ แนะนำว่านักลงทุนที่สามารถทำกำไรได้ถึงเป้าหมายก็ให้ขายทำกำไรไปก่อน และหยุดพักก่อนเพื่อรอดูทิศทางตลาดฯ พร้อมให้แนวรับ 1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675 จุด

 

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2713155

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระ

 

ประชาชนในเขตพื้นที่เขตบางกะปิ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

21 ก.ย. 2560 เวลา 20:04 น.

 

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัด

 

 

 

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเปิดการประชุมวิชาการ ปรัชญาพอ

 

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 22 กันยายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 08:17:21 น.

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ โดยมีการขึ้นบัญชีดำบุคคล และหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจกับเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการลงโทษเกาหลีเหนือที่ได้ทำการทดลองนิวเคลียร์ และขีปนาวุธครั้งใหม่

 

อย่างไรก็ดี จีนสามารถรอดพ้นจากการถูกขึ้นบัญชีดำบุคคล และหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจกับเกาหลีเหนือ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ยกย่องธนาคารกลางจีนที่ได้สั่งให้ธนาคารของจีนยุติการทำธุรกิจกับเกาหลีเหนือ

 

 

 

-- นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐว่าจะเผชิญกับมาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากเกาหลีเหนือในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีนายคิม จอง อึนและเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)

 

"ทรัมป์ได้กล่าวดูหมิ่นผมและประเทศของผมต่อหน้าสาธารณชนทั่วโลก เราจะพิจารณาตอบโต้ด้วยมาตรการที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์" คิมกล่าวในแถลงการณ์

 

-- บริษัท S&P Global Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ขั้น จาก "AA-" สู่ "A+" โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้นของจีน

 

"การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนถึงการประเมินของเราที่ว่าการขยายตัวด้านสินเชื่อที่แข็งแกร่งของจีน ได้เพิ่มความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ" S&P ระบุในแถลงการณ์

 

-- นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ขณะที่ผลการสำรวจของ Forsa ระบุว่า พรรค CDU/CSU ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เริ่มมีคะแนนนิยมแผ่วลง เมื่อเทียบกับพรรค Social Democratic (SPD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของเยอรมนี

 

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า คะแนนนิยมของพรรค SPD ทรงตัวที่ระดับ 23% ขณะที่พรรค CDU/CSU มีคะแนนเสียงลดลง 1% โดยอยู่ที่ 36%

 

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 23,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 259,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 300,000 ราย

 

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 133 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

 

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมกล่าวแถลงการณ์ที่ประเทศอิตาลีในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อชี้แจงจุดยืนเกี่ยวกับทิศทางของอังกฤษเมื่อถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

 

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แต่งตั้งนายโอลิเวอร์ รอบบิ้นส์ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายสหภาพยุโรป เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการประสานงานเกี่ยวกับการเจรจากับตัวแทนฝ่าย EU กรณีที่อังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ก่อนที่การเจรจารอบใหม่จะมีขึ้น

 

-- รัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย และอีกหลายประเทศ จะจัดการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในวันนี้ เพื่อพิจารณาการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมดังกล่าว โดยจะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปี 2561

 

-- ฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศสเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเท่ากับตัวเลขประมาณการเบื้องต้น

 

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เตรียมเปิดเผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการเบื้องต้นเดือนก.ย.ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซนในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย

 

ล่าสุด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 57.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 จากระดับ 56.6 ในเดือนก.ค. และเทียบเท่ากับระดับในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 74 เดือน

 

ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการในเดือนส.ค. ปรับตัวลงแตะ 54.7 จากระดับ 55.4 ในเดือนก.ค.

 

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เตรียมเปิดเผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการเบื้องต้นเดือนก.ย.ของสหรัฐในช่วงดึกวันนี้ตามเวลาไทย

 

ล่าสุด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลง สู่ระดับ 52.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 53.3 ในเดือนก.ค.

 

ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2015 จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2713792

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าเทียบยูโร-ปอนด์ ขณะนักลงทุนซึมซับข้อมูลศก.สหรัฐ

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 60)--สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขณะนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1931 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1895 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3573 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3485 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7930 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8016 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.55 เยน จากระดับ 112.27 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9717 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9698 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.29% สู่ระดับ 92.236 เมื่อคืนนี้

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ขณะนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 23,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 259,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 300,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 133 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5 จุด สู่ระดับ 23.8 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวในแดนบวก 14 เดือนติดต่อกัน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ สัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.11 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากแรงขายทำกำไร มองกรอบวันนี้ 33.05-33.15

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 09:12:04 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็น

 

 

 

วานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 33.13 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยเนื่องจากมีแรงขายทำกำไรดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาด" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.15 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.14 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 112.46 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1953 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.1911 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.1250 บาท/

 

ดอลลาร์

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุกรณีที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ

 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ประกาศจะเริ่มลดขนาดงบดุลอาจไม่กระทบค่าเงินบาทมากนัก แต่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะมีผล

 

มากกว่า

- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เรียกหน่วยงานจัดเก็บรายได้ประชุม เพื่อทำแผนการเก็บรายได้ในอนาคตให้

 

ได้มากเพียงพอที่จะทำให้งบประมาณของประเทศเข้าสู่สมดุลเร็วที่สุด โดยให้หน่วยงานต่างๆ ไปทำแผนให้ชัดเจนและนำกลับมาเสนอ

 

อีกครั้งใน 2 สัปดาห์

- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธสน.ได้เสนอผลิตภัณฑ์ป้องกันความ

 

เสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้รมว.คลัง พิจารณาแล้ว โดยของบประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ส่งออกไปต่าง

 

ประเทศ ที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ 5,000 ราย จากเอสเอ็มอีส่งออกทั้ง

 

หมด 2.5 หมื่นราย

- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.ย. 2560 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่น

 

นักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 124.13 จุด เพิ่มขึ้น 19.34% จากเดือนก่อนที่อยู่ระดับปานกลางที่ 104.13 จุด อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง

 

เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

- รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม สกรศ. หารือกับวิปรัฐบาล เพื่อเตรียมนำร่างพ.ร.บ.การพัฒนา

 

เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ผ่านความเห็นชอบครม. เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวันที่ 28 ก.

 

ย. นี้ คาด สนช.จะเห็นชอบและประกาศให้มีผลบังคับใช้ภายในปีนี้

- องค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ปรับขึ้นคาดการณ์การค้าโลกปีนี้เป็นเติบโต 3.6% จากคาดการณ์เดิมในเดือน

 

เม.ย. ที่เติบโต 2.4% โดยเป็นผลจากการค้าในเอเชียและการนำเข้าในอเมริกาเหนือที่ฟื้นตัว รวมถึงฐานของปีก่อนหน้าที่ขยายตัว

 

ต่ำเพียง 1.3% อย่างไรก็ดี คาดว่าการค้าโลกในปี 2561 จะชะลอตัวลงเล็กน้อยอยู่ที่เติบโต 3.2%

 

- บริษัท S&P Global Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความ

 

น่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ขั้น จาก "AA-" สู่ "A+" โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชิ่อที่มากขึ้นของจีน

 

- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 23,000 รายใน

 

สัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 259,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 300,000 ราย

 

- ผลการสำรวจของ NBC/WSJ พบว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กระเตื้องขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่

 

เดือนก.พ. หลังจากที่เขาสามารถเจรจากับพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ

 

เฮอร์ริเคน รวมทั้งออกร่างกฎหมายในการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ และผ่านงบประมาณชั่วคราวแก่รัฐบาลเป็นเวลา 3 เดือน

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) ขณะ

 

นักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1931

 

ดอลลาร์ จากระดับ 1.1895 ดอลลาร์ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.55 เยน จากระดับ 112.27 เยน

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าอาจจะ

 

ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

 

- ฝรั่งเศสเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย

 

โดยก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศสเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2560 ระบุ

 

เศรษฐกิจขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเท่ากับตัวเลขประมาณการ

 

เบื้องต้น

- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เตรียมเปิดเผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการเบื้อง

 

ต้นเดือนก.ย.ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซนในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น

 

เดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2713825

เงินดอลล์ร่วงเทียบเยน หลังเกาหลีเหนือขู่ยิงทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อตอบโต้สหรัฐ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 09:07:48 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนในช่วงเช้านี้ หลังจากเกาหลีเหนือขู่ว่าจะยิงทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อตอบโต้สหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่า สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

ดอลลาร์อ่อนค่า 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 112.28 เยน

 

 

ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.1% สู่ระดับ 92.156

 

สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือได้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน (เอช-บอมบ์) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะถือเป็นหนึ่งในมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดของเกาหลีเหนือที่มีต่อสหรัฐ

 

นายรี กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในระหว่างที่เขาเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ว่า "นี่อาจเป็นการจุดระเบิดอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่สุดในแปซิฟิกก็ว่าได้ เราไม่ทราบว่าจะมีมาตรการอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับคำสั่งของผู้นำคิม จอง อึน"

 

การออกมาเปิดเผยของรมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่นายคิม จอง อึน ได้ออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐว่าจะเผชิญกับมาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากเกาหลีเหนือในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สืบเนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีคิม จอง อึนและเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2713821

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $21.60 หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 07:53:54 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 21.60 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ระดับ 1,294.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.ปีนี้

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 31.6 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 17.018 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 939.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 911.55 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่คณะกรรมการ FOMC ได้ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้

 

นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมเฟดออกแถลงการณ์ดังกล่าว CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 51% ในช่วงก่อนที่เฟดจะออกแถลงการณ์

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2713769

ทองยังอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลง สิ่งที่คาดไว้คือน่าจะเริ่มชะลอตัวเมื่อเข้าใกล้กรอบราคาเดิมแถว 1280 1295 และเช้านี้ก็มีแรงซื้อสวนขึ้นมาได้บ้าง

สถานการณ์ราคาทองอยู่ในจุดที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเพราะปัจจัยสนับสนุนเริ่มลดกำลังลงทั้งปัจจัยสินทรัพย์ปลอดภัยและดอลล์สหรัฐอ่อน การคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือนั้นทำให้ทางเลือกของผู้นำคิมจำกัดมากขึ้น แต่การซ้อมรบในบริเวณใกล้คาบสมุทรเกาหลีอาจเป็นชนวนให้เรื่องบานปลายขึ้นได้

ในขณะที่ดอลล์สหรัฐเองก็ไม่มีท่าทีจะแข็งขึ้นเท่าไหร่นักเพราะค่าเงินอื่นพร้อมจะแข็งมากกว่า

จึงมองสถานการณ์ในเวลานี้เป็นเพียงการพักตัวแค่ว่าจะหยุดลงที่ตรงไหนยังต้องคาดเดา

มีระยะพักตัวของกรอบ 1205 - 1360 อยู่แถว 1260 1280 มีโอกาสที่จะทรงตัวขึ้นจากบริเวณนี้ได้ เพียงแค่ว่าจะวางแผนซื้อยังไง จะทยอยรับเมื่อราคาลงมาแตะแนวรับต่างๆ หรือเมื่อดูมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้หรือมีสัญญาณซื้อค่อยซื้อ ทั้งสองวิธีให้ผลดีผลเสียแตกต่างกัน ไม่มีใครบอกได้ว่าอันไหนจะได้เงินมากกว่า แต่ทั้งสองวิธียังต้องอาศัยการตัดขาดทุนเพราะไม่มีใครเดาโดยเชื่อว่าตัวจะต้องถูกเสมอ

ระยะสั้นมองแนวต้าน 1298 1301 1305 ไม่ผ่านบริเวณนี้ยังลงต่อได้โดยมีแนวรับใกล้ๆ นี้อยู่ที่ 1282 1285 1288 ในกรณีที่หลุดกรอบนี้ไปก็ไปวัดใจกับแนวถัดไปแถว 1260 1270 กันในกรณีที่ฟื้นตัวได้เกิน 1305 จะมาวัดใจกับ 1310 1315 อีกครั้งมองเป็นแนวขายสำหรับคนที่ยังไม่ได้ขาย ในกรณีที่ขึ้นเกิน 1315 1320 ต้องวางแผนกันใหม่

ปล. ถ้าลงมา 1260 จริง SPDR ติดดอยครับ1f605.png1f605.png1f605.png

http://www.cmegroup.com/…/interest-r…/countdown-to-fomc.html

22 Sep, 2017

www.facebook.com/Wealthstation

21762343_1528753587163111_8085711516624805659_o.png?oh=99fc72ef1f85af842bb6e57e321b7576&oe=5A3FC803

21617720_1528729077165562_4591025525292626664_n.png?oh=2b621db609b03f18f04775994fc2f99e&oe=5A567C9B

21617626_1528742257164244_5956398510937094072_n.png?oh=6d71d3aabb6d48f6618a971df4a7798d&oe=5A5259B0

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $21.60 หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 07:53:54 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 21.60 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ระดับ 1,294.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.ปีนี้

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 31.6 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 17.018 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 939.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 911.55 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่คณะกรรมการ FOMC ได้ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้

 

นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ หลังจากที่ประชุมเฟดออกแถลงการณ์ดังกล่าว CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 51% ในช่วงก่อนที่เฟดจะออกแถลงการณ์

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2713769

 

 

 

ทองยังอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลง สิ่งที่คาดไว้คือน่าจะเริ่มชะลอตัวเมื่อเข้าใกล้กรอบราคาเดิมแถว 1280 1295 และเช้านี้ก็มีแรงซื้อสวนขึ้นมาได้บ้าง

สถานการณ์ราคาทองอยู่ในจุดที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเพราะปัจจัยสนับสนุนเริ่มลดกำลังลงทั้งปัจจัยสินทรัพย์ปลอดภัยและดอลล์สหรัฐอ่อน การคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือนั้นทำให้ทางเลือกของผู้นำคิมจำกัดมากขึ้น แต่การซ้อมรบในบริเวณใกล้คาบสมุทรเกาหลีอาจเป็นชนวนให้เรื่องบานปลายขึ้นได้

ในขณะที่ดอลล์สหรัฐเองก็ไม่มีท่าทีจะแข็งขึ้นเท่าไหร่นักเพราะค่าเงินอื่นพร้อมจะแข็งมากกว่า

จึงมองสถานการณ์ในเวลานี้เป็นเพียงการพักตัวแค่ว่าจะหยุดลงที่ตรงไหนยังต้องคาดเดา

มีระยะพักตัวของกรอบ 1205 - 1360 อยู่แถว 1260 1280 มีโอกาสที่จะทรงตัวขึ้นจากบริเวณนี้ได้ เพียงแค่ว่าจะวางแผนซื้อยังไง จะทยอยรับเมื่อราคาลงมาแตะแนวรับต่างๆ หรือเมื่อดูมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้หรือมีสัญญาณซื้อค่อยซื้อ ทั้งสองวิธีให้ผลดีผลเสียแตกต่างกัน ไม่มีใครบอกได้ว่าอันไหนจะได้เงินมากกว่า แต่ทั้งสองวิธียังต้องอาศัยการตัดขาดทุนเพราะไม่มีใครเดาโดยเชื่อว่าตัวจะต้องถูกเสมอ

ระยะสั้นมองแนวต้าน 1298 1301 1305 ไม่ผ่านบริเวณนี้ยังลงต่อได้โดยมีแนวรับใกล้ๆ นี้อยู่ที่ 1282 1285 1288 ในกรณีที่หลุดกรอบนี้ไปก็ไปวัดใจกับแนวถัดไปแถว 1260 1270 กันในกรณีที่ฟื้นตัวได้เกิน 1305 จะมาวัดใจกับ 1310 1315 อีกครั้งมองเป็นแนวขายสำหรับคนที่ยังไม่ได้ขาย ในกรณีที่ขึ้นเกิน 1315 1320 ต้องวางแผนกันใหม่

ปล. ถ้าลงมา 1260 จริง SPDR ติดดอยครับ1f605.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Hua Seng Heng Morning News 22-09-2017

นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ขู่ตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ (คุณ ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โ...

 

YLGResearch

 

HSHsocial

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Ylg Bullion

 

Ylg Bullion

 

 

ไทม์ไลน์'ทุจริตเงินทอนวัด'

การตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดที่หายเงียบไประยะหนึ่ง กลับมาอีกครั้งอย่างเซอร์ไพร์ส หลังจากพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เจอกระแสคัดค้านจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่และฆราวาสบางกลุ่มอย่างหนักหน่วง

THAIPOST.NET

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

YLGResearch

จ่อจับ19แก๊งเปรต! พระเอี่ยว4รูป-ชงยึดทรัพย์บิ๊ก'พศ.'

บก.ปปป.ล้างบางคดี “เปรต” งาบเงินทอนวัด บุกสายฟ้าแลบ 14 จุดทั่ว บ้าน 2 อดีต ผอ.พศ. รวมทั้งข้าราชการระดับสูงและญาติสนิทอีกรายหลาย ผงะเจอทั้ง “ทองแท่ง-เงินสด-พระเบญจภาคี-อัญมณี” ซุกอยู่ในตู้เซฟกลางบ้าน เตรียมชง ปปง.อายัดทรัพย์…

NAEWNA.COM

 

ดอลลาร์ร่วงหลุด 112 เยน นักลงทุนพากันซื้อเยน หลังวิตกเกาหลีเหนือทดลองระเบิดไฮโดรเจน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 18:28:55 น.

ดอลลาร์ร่วงลงหลุดระดับ 112 เยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเกิดความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

 

ณ เวลา 18.15 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.39% สู่ระดับ 112.02 เยน หลังจากดิ่งลงแตะระดับ 111.65 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.18% สู่ระดับ 134.04 เยน และดีดตัวขึ้น 0.22% สู่ระดับ 1.1965 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.30% สู่ระดับ 91.98

 

 

 

นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือได้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ซึ่งได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)

 

อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 112 เยนในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

 

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ของนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2714164

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 22 กันยายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 17:00:00 น.

นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐว่าจะเผชิญกับมาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวจากเกาหลีเหนือในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีนายคิม จอง อึน และเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN)

 

-- สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือได้เปิดเผยว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน (เอช-บอมบ์) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะถือเป็นหนึ่งในมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดของเกาหลีเหนือที่มีต่อสหรัฐ

 

 

 

-- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน กล่าวว่า การที่บริษัท S&P Global Ratings ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ขั้น จาก "AA-" สู่ระดับ "A+" นั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

 

-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของฮ่องกง จากระดับ AAA ลงสู่ระดับ AA+ ในวันนี้ หลังจาก S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนเมื่อวานนี้

 

-- องค์การการค้าโลก (WTO) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของการค้าทั่วโลกในปี 2560 สู่ระดับ 3.6% จากระดับ 2.4% ในรายงานประมาณการฉบับก่อนหน้านี้ เนื่องจากตัวเลขการค้าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

 

-- องค์กรซึ่งทำหน้าที่อำนวยการด้านประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Medicaid) ทั้ง 50 แห่งทั่วสหรัฐ ได้ออกมาคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพที่จะถูกนำมาบังคับใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับ "โอบามาแคร์" ของรัฐบาลชุดก่อน หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแกนนำรีพับลิกันเตรียมผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่มีชื่อว่า "คาสซิดี-เกรแฮม"

 

-- นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศแผนการประชุมสภาไดเอ็ทนัดพิเศษอย่างเป็นทางการวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะใช้โอกาสดังกล่าวในการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการเลือกตั้ง

 

-- ทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้พบปะกันนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) โดยผู้นำทั้งสองได้หารือกันในประเด็นอิหร่านและเกาหลีเหนือ

 

-- นายทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ออกมาเรียกร้องให้ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือ ร่วมกันตัดความสัมพันธ์เหล่านั้น เพื่อตอบโต้การพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

 

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ (22 ก.ย.) ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยเธอหวังว่าจะสามารถโน้มน้าวสหภาพยุโรป (EU) ให้ยอมตกลงในการเจรจารอบนี้

 

-- สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสสองของปีนี้ ขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 และสอดคล้องกับการคาดการณ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 56.7 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.7 ในเดือนส.ค. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2714133

 

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.10 ทรงตัว ตลาดรอดูผลการประชุม กนง.ช่วงกลางสัปดาห์หน้า

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 22 กันยายน 2560 17:42:33 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.10 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่

 

 

 

เปิดตลาดที่ระดับ 33.11 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.10-33.12 บาท/ดอลลาร์

 

"ค่อนข้างทรงตัว คืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาปาฐกถา ต้องรอดูว่าจะมีออกมาแสดงมุมมองความเห็นต่อ

 

การขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ นอกจากนี้ตลาดยังรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 27 ก.ย." นัก

 

บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่าทิศทางค่าเงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบเดิม 33.05-33.15 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.94 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 112.14 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1988 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1953 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,659.05 จุด ลดลง 11.44 จุด, -0.68% มูลค่าการซื้อขาย 64,498.84 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,971.91 ลบ.(SET+MAI)

- ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (25-29 ก.ย.) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.90-

 

33.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเยอรมนีจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย.60 ซึ่งคาดว่าความชัดเจนเรื่องการเมือง

 

ในเยอรมนีจะเป็นปัจจัยหนุนเงินยูโรให้มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย. 60 จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย

 

นโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่องในการประชุม กนง.รอบที่ 6 ของปี 60 ซึ่ง กนง. คงจะพิจารณาน้ำหนักจากหลายๆปัจจัยแวดล้อม

 

ทางเศรษฐกิจที่อาจเข้ามากระทบกับภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์ของตลาดการเงินโลกที่

 

กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง

- ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่ตัวเลขส่งออกในเดือนส.ค. ขยายตัวได้ถึง 13.2% นั้น น่าจะเป็นสัญญาณ

 

ที่ดีที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเป็นบวกได้เพิ่มขึ้น และน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และ

 

หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการปรับประมาณการตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP)ไทยปีนี้

 

- -ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จากตัวเลขการส่งออกล่าสุดเดือนส.ค.60 ที่ขยายตัวสูงเกินคาดที่ 13.2% สูงสุดใน

 

รอบ 55 เดือน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวที่ 8.9% และหากมองไปในช่วงเดือนที่เหลือของ

 

ปี 2560 แรงส่งจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง วัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การฟื้นตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหาร

 

รวมถึงหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังรักษาระดับใกล้เคียงปัจจุบัน ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยตลอด

 

ทั้งปี 2560 ขยายตัวได้ถึง 7.0% (คาดการณ์ปัจจุบันที่ 3.8%)

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งปี 2560 จะอยู่ที่ประมาณ

 

4.0% ตามที่คาด โดยมีกลไกขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกและการลงทุน

 

ภาครัฐ ขณะที่อาจยังไม่เห็นการกระจายตัวลงไปยังสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยอย่างเต็มที่

 

- รมว.คลัง คาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand

 

Futures Fund:TFF) ได้อย่างช้าสุดภายในไตรมาส 1/61 เนื่องจากมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก พร้อมให้สำนักงานคณะ

 

กรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไปพิจารณาระเบียบให้บริษัทประกันชีวิต สามารถเข้าลงทุนในกอง

 

ทุน TFF ได้

- สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสสองของปีนี้

 

ขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 และสอดคล้องกับการคาดการณ์ โดยได้รับปัจจัย

 

หนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภค

- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษ

 

ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ (22 ก.ย.) ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยเธอ

 

หวังว่าจะสามารถโน้มน้าวสหภาพยุโรป (EU) ให้ยอมตกลงในการเจรจารอบนี้

ทั้งนี้ เป็นที่น่าจับตาว่า นางเมย์จะสามารถยื่นข้อเสนอที่มีน้ำหนักจะให้ทำคณะผู้แทนเจรจาจาก EU ยอมตกลงหรือไม่

 

โดยที่ต้องไม่ทำให้ชาวอังกฤษที่ไม่สนับสนุน EU ขุ่นเคืองใจ เพื่อรักษาฐานเสียงของเธอเองไว้ด้วยเช่นกัน

 

- นายโยชิฮิเดะ สึกะ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศแผนการประชุมสภาไดเอ็ทนัดพิเศษอย่างเป็นทาง

 

การวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จะใช้โอกาสดังกล่าวในการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการ

 

เลือกตั้ง

- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของฮ่องกง จากระดับ AAA ลงสู่ระดับ

 

AA+ ในวันนี้ หลังจาก S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนเมื่อวานนี้

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2714155

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

21768290_10155775715977855_9037753454322443445_n.jpg?oh=ceffdb4da0be7c383697227988eb1e50&oe=5A884DB9

 

21766656_10155775715272855_7516492934868371432_n.jpg?oh=8e8a14e79b094ff59a02fc5d1e07b604&oe=5A43A6EF

 

22007748_10155775715422855_7881384524234616590_n.jpg?oh=d608ed1c218624716bfa609333c96e9b&oe=5A47F093

 

22007462_10155775715902855_8211478649382981085_n.jpg?oh=b80b01e43af9cf3c06fa43cdf7bd7e70&oe=5A86CE40

 

22049869_10155775715992855_4672098579659493513_n.jpg?oh=ec3214d13eb7a4fc343032f9dc2e3897&oe=5A44A99F

พระเมรุมาศยามค่ำคืน

ความงดงามของแสงยามค่ำคืน ณ พระเมรุมาศและส่วนประกอบพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยในวันนี้ (25 กันยายน 2560) สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากรผนึกภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงธรรมผนังที่ 1 ซึ่งเป็นด้านที่ใหญ่ที่สุดเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียด คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกันยายนนี้

ภาพ ประเสริฐ เทพศรี (Prasert Thepsri) #NationPhoto

#พระเมรุมาศ #ส่วนประกอบพระเมรุมาศ #พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ#รัชกาลที่9

 

 

เจ้าหน้าที่คนงานจากสำนักโยธา ของกรุงเทพมหานคร กำลังเร่งจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง เพื่อใช้ในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ ลานอนุสาวรีย์รัชกาลที่1 ซึ่งเป็น 1 ใน 9 แห่ง ของกรุงเทพมหานคร โดยการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลองทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน 15 ตุลาคมนี้

ภาพ ประเสริฐ เทพศรี (Prasert Thepsri) #NationPhoto

#พระเมรุมาศจำลอง #ส่วนประกอบพระเมรุมาศ #พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ #รัชกาลที่9

 

21765052_10155775072522855_1941096079759701276_n.jpg?oh=a182aa8170f213acb90becdaa4ad296c&oe=5A47688F

 

21766389_10155775072327855_386115139299789239_n.jpg?oh=9609be0aa6be722748d482e5bc62c2ff&oe=5A43B176

 

21765194_10155775072337855_4175788557361743543_n.jpg?oh=9f444a605bec74a1e76b1ec088b51121&oe=5A4C2C83

 

21766300_10155775072562855_5521369989696982286_n.jpg?oh=5005ccfe701461060419c4b637d5777c&oe=5A874C17

 

 

ประชาชนเนืองแน่นเข้ากราบสักการะพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 ช่วงสัปดาห์สุดท้าย

เมื่อเวลา 14.00น. ประชาชนจำนวนมากเดินทางเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ซึ่งวันนี้ประชาชนเดินทางมาอย่างเนืองแน่นเพราะเหลือเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ ที่ทางสำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ หลังจากมีประกาศสำนักพระราชวังจะดำเนินการจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพและจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ในวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นวันสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 ก.ย.60

ภาพ ประเสริฐ เทพศรี ( Prasert Thepsri )

#NationPhoto #สักการะพระบรมศพ #พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช #รัชกาลที่9

 

คลิป

 

 

ซ้อมใหญ่ 3 ริ้วขบวนพระราชอิสริยยศเสมือนจริง

คลิป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทเปิด 33.12 อ่อนค่า หลังดอลลาร์ฟื้นตัวเหตุตลาดกังวลการจัดตั้งรัฐบาลของเยอรมนี

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 09:18:02 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.12 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก

 

ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.10 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าจากความกังวลเกี่ยวกับผลเลือกตั้งของ

 

เยอรมนีว่าจะมีปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสม

"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้หลังดอลลาร์ฟื้นตัว เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับผลเลือกตั้งของเยอรมนีเรื่องการจัดตั้งรัฐ

 

บาลผสมที่มีนโยบายต่างกัน"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดทิศทางค่าเงินบาทวันนี้จะอยู่ในกรอบ 33.05-33.20 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 111.63 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.04 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1853 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1888 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.0930 บาท/

 

ดอลลาร์

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.

 

ย.) หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กและชิคาโก ได้ออกมาประสานเสียงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1839 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1948 ดอลลาร์

 

ขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3467 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3531 ดอลลาร์

ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ระดับ 0.7944 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7968 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 111.66 เยน จากระดับ 112.00 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ

 

ฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9674 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9699 ฟรังก์สวิส

- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนปรับตัวรับผลการเลือกตั้งเยอรมนี อย่างไรก็ตาม นักลง

 

ทุนยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในเยอรมนีอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล ไม่สามารถครอง

 

เสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาด แม้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ตาม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 383.90 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,594.81 จุด เพิ่มขึ้น 2.46 จุด หรือ +0.02%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,267.13 จุด ลดลง 14.16 จุด หรือ -0.27%

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) จากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้

 

ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ หลังจากเกาหลีเหนือออก

 

มาระบุว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือนั้น ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลี

 

เหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะตอบโต้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,296.09 จุด ลดลง 53.50 จุด หรือ -0.24%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,370.59 จุด ลดลง 56.33 จุด หรือ -0.88%

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,496.66 จุด ลดลง 5.56 จุด หรือ -0.22%

- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) จากแรงฉุดรั้งของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงหลังธนาคารกลาง

 

อังกฤษ (BoE) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการขยายตัวของหนี้สินภาคครัวเรือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจาก

 

การที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร สืบเนื่องจากผลการเลือกตั้งที่น่าผิดหวังในเยอรมนี โดยพรรคแนวร่วมของนางอัง

 

เกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาด

 

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 9.35 จุด หรือ -0.13% ปิดที่ 7,301.29 จุด

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) ขานรับการแสดงความเห็นในด้าน

 

บวกของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันซึ่งระบุว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่

 

ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 52.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 59.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งความตึง

 

เครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่

 

ระดับ 1311.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.3 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 17.147 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.1 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 940.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 10.15 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 909.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 1.31% แตะที่

 

6.6076 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

- นายบิล ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อกำลังลดน้อยลง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2715448

 

Xinhua world news summary: เกาหลีเหนือชี้สหรัฐประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 10:23:52 น.

นายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะทำการตอบโต้

 

นายรีกล่าวว่า "เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าความเป็นผู้นำของเกาหลีเหนือจะอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน"

 

-- ชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรักได้เสร็จสิ้นการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระแล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางแรงกดดันจากอิรัก อิหร่าน และตุรกี ที่ต้องการให้ยกเลิกการทำประชามติดังกล่าว

 

คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) ระบุว่า ผลการนับคะแนนจากการลงประชามติในครั้งนี้ จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายใน 2-3 วันนี้

 

-- การอภิปรายทั่วไปในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 72 ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยประเด็นหลักอยู่ที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตนิวเคลียร์เหนือคาบสมุทรเกาหลี และกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮิงญาในเมียนมา

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีท่าทีแข็งกร้าวและดุเดือดในการตอบโต้คำขู่ของเกาหลีเหนือ

 

ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า "หากสหรัฐถูกบีบให้ต้องป้องกันตนเองหรือประเทศพันธมิตร สหรัฐจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก"

 

-- นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ประกาศสนับสนุนรัฐบาลอิรักและความเป็นอธิปไตยของอิรัก หลังจากที่ชาวเคิร์ดในอิรักได้จัดการลงประชามติเพื่อแยกตัวออกเป็นศเอกราช

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้สนทนาร่วมกันทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2715512

 

World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 26 กันยายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 09:27:08 น.

นายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะทำการตอบโต้ ซึ่งรวมถึงการยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถึงแม้ว่าเครื่องบินเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในน่านฟ้าของเกาหลีเหนือ

 

ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงในเวลาต่อมาว่า สหรัฐไม่ได้ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือแต่อย่างใด

 

-- สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของหน่วยข่าวกรองในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือนำเครื่องบินรบขึ้นบิน พร้อมกับยกระดับการป้องกันประเทศในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออก ภายหลังจากที่สหรัฐได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer ออกปฏิบัติการลาดตระเวนเหนือน่านน้ำสากลในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากที่นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวโจมตีเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือก็มีสิทธิที่จะทำการตอบโต้

 

-- การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาอาจประสบความล้มเหลวอีกครั้ง หลังจากที่วุฒิสมาชิก ซูซาน คอลลินส์ ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่าจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งถือเป็นวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกันคนที่ 3 ที่แสดงความไม่เห็นด้วย ส่งผลให้ทางพรรคอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อนำไปบังคับใช้แทนที่กฎหมาย "โอบามาแคร์" ของรัฐบาลชุดก่อน

 

-- ชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรักได้เสร็จสิ้นการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระแล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางแรงกดดันจากอิรัก อิหร่าน และตุรกี ที่ต้องการให้ยกเลิกการทำประชามติดังกล่าว

 

คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) ระบุว่า ผลการนับคะแนนจากการลงประชามติในครั้งนี้ จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายใน 2-3 วันนี้

 

--นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ขู่ว่าจะปิดท่อน้ำมันที่ส่งน้ำมันจากอิรักออกสู่ตลาดโลก หากชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระ โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดลอนดอนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 59.02 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้

 

--นายบิล ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจัยที่กดดันอัตราเงินเฟ้อกำลังลดน้อยลง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง

 

นายดัดลีย์คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ขณะที่ค่าจ้างมีการปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในต่างประเทศ

 

ขณะที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆที่เชื่อว่า เฟดควรจะค่อยๆปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึงระดับ 2.7% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 1.00-1.25%

 

--นักลงทุนจับตาการแถลงสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดในวันนี้ โดยนางเจเน็ต เยเลน ประธานเฟดจะกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐโอไฮโอ ในเวลา 11.50 น. โซนเวลาตะวันออก (หรือประมาณ 22.50 น. ตามเวลาไทย) ขณะที่นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก้ และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ด้วยเช่นกัน

 

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนก.ย. ในวันนี้

 

--สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) จะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนก.ย.ในวันนี้

 

ก่อนหน้านี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของฝรั่งเศสเบื้องต้นเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 57.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 76 เดือน ซึ่งดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของฝรั่งเศสยังคงมีการขยายตัว

 

--ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.โดย S&P/Case-Shiller, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2715454

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $14 เหตุวิตกสถานการณ์เกาหลีเหนือหนุนนักลงทุนแห่ซื้อทอง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 07:44:22 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ระดับ 1311.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.3 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 17.147 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.1 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 940.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 10.15 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 909.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มที่จะกลับมารุนแรงอีกครั้ง หลังจากนายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะทำการตอบโต้

 

"นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศสงครามต่อประเทศของเรา เราจึงมีสิทธิทุกประการที่จะใช้มาตรการตอบโต้ ซึ่งรวมถึงการยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถึงแม้ว่าเครื่องบินเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในน่านฟ้าของเกาหลีเหนือ" เขากล่าว

 

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันอังคารที่แล้ว โดยเขาได้กล่าวถึงเกาหลีเหนือว่า หากสหรัฐถูกคุกคามจากเกาหลีเหนือ และหากสหรัฐถูกบังคับให้ต้องปกป้องตนเอง สหรัฐก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากที่จะต้องทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก

 

นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่นทองคำ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2715375

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.56 รับความหวังตลาดน้ำมันโลกเริ่มสมดุล

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 07:02:58 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) ขานรับการแสดงความเห็นในด้านบวกของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันซึ่งระบุว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 52.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 59.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของคูเวตได้แสดงความเห็นว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล พร้อมระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตจะช่วยให้สต็อกน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงสู่ระดับเฉลี่ยรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายของกลุ่มโอเปก

 

สำหรับการประชุมรัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย และอีกหลายประเทศ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียนั้น คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) เปิดเผยว่า ประเทศที่ร่วมในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตที่ระดับ 116% ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 94% ในเดือนก.ค.

 

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยมีแนวโน้มว่าจะทำการพิจารณาอีกครั้งในเดือนม.ค.ปีหน้า ว่าจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ จากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดเมื่อจบไตรมาสแรกของปีหน้า

 

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 744 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2715203

 

ราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศธปท.ต่อแนวทางกำกับดูแลคุมเข้มแบงก์ ป้องกันความเสียหายทางศก. BBL-KTB-SCB-KBANK-BAY เข้าเกณฑ์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 08:29:16 น.

เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ฉบับ เรื่อง แนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ และรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ โดยการกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวมีความสามารถในการรองรับความเสียหายได้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสที่จะประสบปัญหาจนส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งต้องดำรงเงินกองทุนในอัตราที่สูงขึ้นและต้องปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลอื่นที่มากกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

 

สำหรับรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ประจำปี 2560 ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลด้านเงินกองทุนและมาตรการกำกับดูแลอื่นให้เป็นตามหลักสากลมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 16/2560 เรื่อง แนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ เหตุผลในการออกประกาศครั้งนี้ โดยการกำกับดูแลให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestic systemically important banks: D-SIBs) มีความสามารถในการรองรับความเสียหายได้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะประสบปัญหาฐานะทางการเงิน และส่งผลกระทบ (Negative externalities) ต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ อันจะเป็นการส่งเสริมให้ระบบสถาบันการเงินของประเทศมีเสถียรภาพและได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล

 

แนวทางการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศตามประกาศฉบับนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอ้างอิงจาก A framework for dealing with domestic systemically important banks ของ Basel Committee on Banking Supervision ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ตามหลักเกณฑ์ Basel III

 

การกำหนดธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งต้องดำรงเงินกองทุนในอัตราที่สูงขึ้นและต้องปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลอื่นที่มากกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ซึ่งประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินทุกแห่ง

 

สำหรับรายละเอียดของหลักเกณฑ์ข้อหนึ่งในประกาศ ตามข้อ 4.3.2 ระบุว่ามาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ โดย 4.3.2 (1) ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศดำรงเงินกองทุน ส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหายสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Higher loss absorbency) ดังนี้

 

ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศ ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common equity tier 1) เพิ่มเติมจากการดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำ อัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับผลขาดทุนในภาวะวิกฤต (Conservation buffer) และอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง (Countercyclical buffer) อีกร้อยละ 1 ของสินทรัพย์

 

เสี่ยงทั้งสิ้น เพื่อเป็นเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหายสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Higher loss absorbency)

 

ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ เป็นสาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นเพิ่มเติมจากการดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำ อัตราส่วนเงินกองทุน

 

ส่วนเพิ่มเพื่อรองรับผลขาดทุนในภาวะวิกฤต (Conservation buffer) และอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง (Countercyclical buffer) อีกร้อยละ 1 ของสินทรัพย์เสี่ยงทั้งสิ้น เพื่อเป็นเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหายสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Higher loss absorbency)

 

4.3.2 (2) ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถติดตามดูแลความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์มีระบบการควบคุมภายในที่ดีและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้

 

(2.1) การจัดส่งรายงานที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงภายในของธนาคารพาณิชย์ (Internal management report/Risk report)

 

ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ จัดส่งรายงานที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงเป็นการภายในของธนาคารพาณิชย์ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อมีการร้องขอ ภายในระยะเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 

(2.2) การจัดให้มีวาระการประชุมของคณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์ (Board of directors) เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานผลการตรวจสอบที่สำคัญให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ จัดให้มีวาระการประชุมของคณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานผลการตรวจสอบที่สำคัญต่อคณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 

(2.3) การจัดส่งรายงานการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจทางการเงินในระดับกลุ่ม Solo Consolidation ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ จัดส่งรายงานการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจทางการเงินในระดับกลุ่ม Solo Consolidation ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำรายงานและการตรวจสอบกลุ่มธุรกิจทางการเงินและชุดข้อมูลตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการส่งรายงานข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ขณะที่ข้อ 4.3.3 ระบุว่า กรอบระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับการประกาศว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อ ความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศในปี 2560 และปี 2561 ให้เริ่มดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหาย สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศตามข้อ 4.3.2 (1) ที่ร้อยละ 0.5 ของสินทรัพย์เสี่ยงทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 และดำรงเพิ่มเป็นร้อยละ 1 ของสินทรัพย์เสี่ยงทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

 

สำหรับประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 17/2560 เรื่อง รายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ โดยธนาคารพาณิชย์ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศประจำปี 2560 ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ,ธนาคารกรุงไทย ,ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ,ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

 

ทั้งนี้ การปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลด้านเงินกองทุนตามข้อ 4.3.2 (1) และมาตรการกำกับดูแลอื่นตามข้อ 4.3.2 (2) ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ

 

อนึ่ง ประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2715404

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกรัฐมนตรี เตรียมนำคณะเดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ 2-4 ต.ค.นี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 10:05:33 น.

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค.60 ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา

 

สำหรับผู้บริหารระดับสูงของไทยที่จะร่วมเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรี อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นต้น

 

ในการไปเยืนอครั้งนี้ผู้นำทั้งสองจะได้มีการหารือในประเด็นความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ในระดับภูมิภาคด้วย

 

ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจสำคัญ ประกอบด้วย การพบหารือกับผู้แทนภาคเอกชนไทย, การหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา, การประชุมเต็มคณะ และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งคณะนักธุรกิจจากหอการค้าสหรัฐฯ และสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ

 

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า การพบปะหารือของผู้นำทั้งสองประเทศครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งระหว่างไทยและสหรัฐฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเพื่อมุ่งผลักดันความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน

 

อนึ่ง ในปี 2561 ทั้งสองประเทศจะได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี ของการติดต่อสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างไทย-สหรัฐฯ ด้วย

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2715496

 

ทำเนียบขาวยืนยันสหรัฐไม่ได้ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือ ชี้เป็นเรื่องเหลวไหล

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 10:06:35 น.

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐไม่ได้ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือ และการที่เกาหลีเหนืออ้างว่าสหรัฐได้ประกาศสงครามนั้น ถือเป็นเรื่อง "เหลวไหล"

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ซาราห์ ฮัคกาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "สหรัฐอเมริกาไม่ได้ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือ และขอพูดตรงๆว่าการชี้นำให้เป็นเช่นนั้น ถือเป็นเรื่องเหลวไหล" ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือมีสิทธิที่จะทำการตอบโต้

 

"นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศสงครามต่อประเทศของเรา เราจึงมีสิทธิทุกประการที่จะใช้มาตรการตอบโต้ ซึ่งรวมถึงการยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ ถึงแม้ว่าเครื่องบินเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในน่านฟ้าของเกาหลีเหนือ" รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าว

 

โฆษกทำเนียบขาว ตอบโต้ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายรีว่า "ไม่ใช่เรื่องสมควรเลยที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะยิงเครื่องบินของอีกประเทศทิ้ง ทั้งๆที่อยู่เหนือน่านน้ำสากล"

 

โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเสริมว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าสู่ "การปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสันติ" บนคาบสมุทรเกาหลี และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทางการสหรัฐจะใช้ "มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจและการทูตในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในจุดนี้" ต่อเกาหลีเหนือ ด้วยความร่วมมือกับชาติอื่นๆของประชาคมโลก

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2715498

 

รัสเซียเชื่อสหรัฐไม่โจมตีเกาหลีเหนือก่อนเพราะหวั่นอาวุธนิวเคลียร์

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 25 กันยายน 2560 15:44:10 น.

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การที่เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองนั้น ทำให้สหรัฐไม่กล้าผลีผลามโจมตีเกาหลีเหนือก่อน

 

นายลาฟรอฟกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นทีวีของรัสเซียว่า "สหรัฐไม่อาจโจมตีเกาหลีเหนือก่อนเพราะมั่นใจว่า พวกเขามีระเบิดปรมาณู" ซึ่งแตกต่างจากการบุกโจมตีอิรักในอดีต เนื่องจาก "สหรัฐทราบดีว่าไม่มีอาวุธทำลายล้างสูงในอิรักอย่างแน่นอน"

 

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือได้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ได้ออกมากล่าวโจมตีกันในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

นอกจากนี้ สหรัฐยังได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดออกปฏิบัติการบินลาดตระเวนเหนือน่านน้ำสากลทางตะวันออกของเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วย

 

นายลาฟรอฟกล่าวเตือนด้วยว่า หากปัญหาความขัดแย้งไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยวิธีทางการทูต ผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนก็คือประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น หรืออาจรวมถึงจีนและรัสเซียด้วย

 

นอกจากนี้ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย ยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่สหรัฐส่งกำลังทหารเข้าไปในซีเรียด้วยว่า "ถึงแม้ว่าสหรัฐจะอ้างว่า การส่งทหารไปซีเรียนั้น มีจุดประสงค์เพื่อกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย แต่เรื่องนี้ยังคงต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะสหรัฐอาจมีเจตนาแอบแฝงทางการเมือง"

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/คมปทิต โทร.02-2535000 อีเมล์: kompathit.s@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2715091

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ร่างกม.ประกันสุขภาพฉบับใหม่ของ ทรัมป์ ส่อเค้าล่มอีก หลังมีวุฒิสมาชิกรีพับลิกันแตกแถวไม่เห็นด้วย

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 09:55:28 น.

การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาอาจประสบความล้มเหลวอีกครั้ง หลังจากที่วุฒิสมาชิก ซูซาน คอลลินส์ ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่าจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งถือเป็นวุฒิสมาชิกจากรีพับลิกันคนที่ 3 ที่แสดงความไม่เห็นด้วย ส่งผลให้ทางพรรคอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อนำไปบังคับใช้แทนที่กฎหมาย "โอบามาแคร์" ของรัฐบาลชุดก่อน

 

นางคอลลินส์ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุผลที่เธอไม่สนับสนุนร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่เรียกว่า กฎหมาย "คาสซิดี-เกรแฮม" ซึ่งผลักดันโดยวุฒิสมาชิกบิล คาสซิดีและลินด์ซีย์ เกรแฮมนั้น เป็นเพราะเธอไม่เห็นด้วยกับการล้มเลิกโครงการ Medicaid ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำและเด็กพิการ

 

ทั้งนี้ นางคอลลินส์ เป็นวุฒิสมาชิกคนที่ 3 ของรีพับลิกันที่ออกมาคัดค้านร่างกฎหมาย "คาสซิดี-เกรแฮม" ต่อจากนายจอห์น แมคเคน และแรนด์ พอล

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2715485

 

ยอนฮัปเผยเกาหลีเหนือนำเครื่องบินรบขึ้นบิน ตอบโต้สหรัฐส่ง B-1 บินใกล้น่านฟ้า

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 26 กันยายน 2560 09:20:24 น.

สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของหน่วยข่าวกรองในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือนำเครื่องบินรบขึ้นบิน พร้อมกับยกระดับการป้องกันประเทศในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออก ภายหลังจากที่สหรัฐได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer ออกปฏิบัติการลาดตระเวนเหนือน่านน้ำสากลในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากที่นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวโจมตีเกาหลีเหนือในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ถือเป็นการประกาศสงครามกับเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน และเกาหลีเหนือก็มีสิทธิที่จะทำการตอบโต้

 

ทั้งนี้ ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีอาจจะเริ่มรุนแรงอีกครั้ง

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2715450

 

อาเบะ ประกาศเตรียมยุบสภาฯวันพฤหัสบดีนี้เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้ง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 25 กันยายน 2560 14:25:32 น.

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เปิดเผยว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เปิดเผยต่อที่ประชุมพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ในวันนี้ว่า เขาจะยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับการประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่อปูทางสู่การจัดเลือกตั้งซึ่งคาดว่า จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค.

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายอาเบะมีกำหนดจะจัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดว่า นายอาเบะจะประกาศการยุบสภาฯอย่างเป็นทางการในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้

 

ทั้งนี้ ก่อนที่นายอาเบะจะแถลงต่อคณะกรรมการบริหารของพรรคแอลดีพีนั้น นายอาเบะได้กล่าวในที่ประชุมสภานโยบายเศรษฐกิจและการคลังในวันนี้ว่า เขาวางแผนที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 ล้านล้านเยน (1.78 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนด้านการศึกษาและสังคม

 

นอกจากนี้ นายอาเบะยังได้เปิดเผยว่า จะมีการปรับขึ้นภาษีในปี 2562 เพื่อนำเงินมาใช้ในการสนับสนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นสนับสนุนด้านการศึกษา อย่างไรก็ตาม นายอาเบะยืนยันว่ารัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการฟื้นฟูภาวะด้านการเงินของประเทศควบคู่กันไป

 

แหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรคาดว่า จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. และคาดว่า การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ 10 ต.ค.นี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2715024

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...