ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ดึจ้า วันศุกร์ละ

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 50 เซนต์ เหตุข้อมูลศก.อ่อนแอหนุนแรงซื้อทอง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2560 07:19:46 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ระดับ 1278.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 10.1 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 17.072 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 936.2 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 25 เซนต์ ปิดที่ 984.85 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย

 

ส่วนดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ในเดือนต.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.2% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกทรงตัวในเดือนต.ค. เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรส่งออกที่พุ่งขึ้นถูกบดบังด้วยราคาสินค้านอกภาคการเกษตรที่ลดลง โดยราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.

 

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาดทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% สู่ระดับ 93.951 เมื่อคืนนี้

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2741451

 

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2560 08:35:09 น.

-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป

 

ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%

 

 

 

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้เปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภาเองเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาหลักในร่างกฎหมายมีความแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลให้เกิดความไม่แน่แนอนว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะสามารถประสานความแตกต่างในเนื้อหาเหล่านี้ให้ลงตัวได้หรือไม่

 

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 140 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

 

-- ศาลฎีกากัมพูชาได้มีคำสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของประเทศในวันนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า คำตัดสินดังกล่าวยังรวมถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมืองสมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชาจำนวน 118 คน ห้ามลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งรวมถึงนายเขม โสกา หัวหน้าพรรค ที่ถูกควบคุมตัวเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

 

รายงานระบุว่า ศาลฎีกากัมพูชาพิจารณาตัดสินคดีจากคำร้องที่ยื่นโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกล่าวหาว่านายเขม โสกา สมคบคิดกับชาวต่างชาติเพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐบาล โดยการไต่สวนของศาลมีขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันผู้สนับสนุนพรรค CNRP มาชุมนุมประท้วงอยู่รอบศาล

 

-- ธนาคารกลางจีนเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวานนี้ เพื่อผ่อนคลายภาวะสภาพคล่องตึงตัว โดยเป็นการอัดฉีดที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

 

ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงิน 3.30 แสนล้านหยวน (5.0 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลงซื้อคืนธนบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ส่วนเม็ดเงินสุทธิที่ธนาคารกลางได้อัดฉีดเข้าตลาดนั้น อยู่ที่ 3.10 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาด เนื่องจากมีสัญญา reverse repo ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 2 หมื่นล้านหยวน

 

reverse repo คือกระบวนการที่ธนาคารกลางจีนเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ ผ่านทางข้อเสนอที่ตกลงกันว่าจะขายคืนให้กับธนาคารพาณิชย์ในอนาคต

 

-- ทางการมาเลเซียมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสสาม วันนี้เวลา 11.00 น. ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสสามของมาเลเซียจะขยายตัว 5.7%

 

สำหรับตัวเลข GDP อย่างเป็นทางการที่มีการเปิดเผยครั้งล่าสุดนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2560 ขยายตัว 5.8 % เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนความแข็งแกร่งของภาคบริการและภาคการผลิต

 

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. ในวันนี้เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย

 

สำหรับตัวเลขอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดนั้น ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ห้าในรอบหกเดือน สู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปี เนื่องจากการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวในภาคใต้ของสหรัฐปรับตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มา

 

ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย. ลดลง 4.7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.127 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ราว 1.17 ล้านยูนิต จากระดับ 1.183 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับทบทวนขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ระดับ 1.180 ล้านยูนิต

 

-- ทางการจีนเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. วันพรุ่งนี้เวลา 08.30 น. ตามเวลาไทย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2741626

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.91 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้า มองกรอบวันนี้ 32.80-32.95

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2560 09:16:46 น.

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.91 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง

 

 

 

ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.95 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้า

 

"เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง หลังมี flow ไหลเข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.80-32.95 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 112.56 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.26 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1814 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1772 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.0110 บาท/

 

ดอลลาร์

- นักวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า วันที่ 16 พ.ย. การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทอยู่ที่

 

32.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากวันก่อนเคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.01 บาทดอลลาร์สหรัฐ เป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 34 เดือน

 

เนื่องจากความไม่ชัดเจนนโยบายการลดภาษีของสหรัฐ ทำให้มีการเทขายดอลลาร์สหรัฐมาลงทุนสินทรัพย์อื่นในประเทศตลาดเกิดใหม่

 

ส่งผลต่อค่าเงินในเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทยแข็งค่าขึ้นตามภูมิภาค โดยระหว่างวันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้

 

เข้าไปแทรกแซงค่อนข้างมาก เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป แต่คาดว่า ยังมีเงินทุนไหลเข้ามาสิ้นปี คาดว่าค่าเงินบาทอยู่ที่

 

ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

- หอการค้าไทย จัดประชุมหอการค้าทั่วประเทศระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หอการค้าภาคใต้

 

จะเสนอแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ, รถไฟเชื่อมโยงในจังหวัดท่องเที่ยว, สนามบิน และถนน มูลค่ารวม

 

500,000 ล้านบาท เพื่อให้หอการค้าไทยทำหนังสือถึงรัฐบาลพิจารณา เนื่องจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในภาคใต้ชะลอมาหลายปี

 

ขณะที่บางโครงการอยู่ในแผนงานของกระทรวงคมนาคมนาน 10-20 ปี แต่ไม่มีรัฐบาลชุดใดอนุมัติงบประมาณจริงจัง

 

- อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมการเปิดประมูลปิโตรเลียมรอบที่ 23

 

คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปลายปี 2561 โดยการประมูลรอบใหม่นี้จะเป็นการเปิดให้สำรวจปิโตรเลียมทั้งบนบกและในทะเล

 

จาก 29 แปลงที่เคยมีการลงพื้นที่สำรวจก่อนหน้านี้ โดยจะดำเนินการต่อจากการเปิดประมูลรอบที่ 22 ใน 2 แหล่งก๊าซอ่าวไทย คือ

 

เอราวัณและบงกช ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุไม่อยากให้วิจารณ์ปรับครม. ให้รอประกาศเป็นทางการ คาดว่าจะมี

 

การปรับเปลี่ยนกว่า 10 ตำแหน่ง

- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้

 

ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป

 

ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันมีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จาก

 

ปัจจุบันที่ระดับ 35% และการลดจำนวนขั้นบันไดของการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%,

 

25%, 35% และ 39.6%

- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่

 

ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลด

 

ลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.

 

ย.) ด้วยแรงหนุนบางส่วนจากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม

 

นโยบายการเงินเดือนหน้า ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่น่าผิดหวังก็ตาม

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

 

ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับ

 

สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. ในวันนี้เวลา

 

20.30 น. ตามเวลาไทย

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2741677

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

23561441_1766528506985455_3569521582978815909_n.jpg?oh=026e0464cb18c5cf0cbcd84f5bca43d4&oe=5A9DFC45

 

MTS GOLD is live now.

18 mins · คลิป

MTS live 17 พฤศจิกายน 2560

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

HSHsocial

 

YLGResearch

 

Ylg Bullion

 

Ylg Bullion ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.79 แข็งค่าต่อเนื่องรับเม็ดเงินไหลเข้า-รอดูตัวเลข GDP ไทยเช้านี้ มองกรอบวันนี้ 32.75-32.90

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560 09:25:06 น.

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.79 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก

 

 

 

เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ 32.85 บาท/ดอลลาร์

"ดอลลาร์ในตลาดโลกดูเหมือนจะดีขึ้น แต่เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง โดยเมื่อวันศุกร์มีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดตรา

 

สารหนี้กว่าหมื่นล้าน ซึ่งดูแล้วก็น่าเป็นห่วงเพราะผู้เล่นมองไปในทิศทางเดียวกัน" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไว้ที่ 32.75-32.90 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือ

 

การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/60 และแนวโน้มปี 60-61 ในช่วงเช้านี้ บันทึกรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1

 

พ.ย.

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 112 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (17 พ.ย.) ที่อยู่ที่ระดับ 112.53 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1743 ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (17 พ.ย.) ที่อยู่ที่ระดับ 1.1796 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8570 บาท/

 

ดอลลาร์

- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์จะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวล

 

รวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/60 และ แนวโน้มปี 60-61 เช้านี้

- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (20-24 พ.ย.) ที่ 32.70-33.00 บาทต่อ

 

ดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 3/2560 ของไทย รวมถึงบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.

 

ย. ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย.

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุจากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์

 

สหรัฐ ซึ่งนับเป็นสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 30 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นภาพที่สอดคล้องกับกระแสการ

 

แข็งค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย เพราะมีสาเหตุหลักร่วมกันจากทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งในช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุน

 

ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

- "สมคิด" ย้ำเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องพร้อมผลักดันโครงการรัฐเดินหน้าเต็มสูบด้าน "หอการค้าไทย" คาด

 

เศรษฐกิจปี 61 โต 4.2% ลงทุนรัฐ-เอกชน-อีอีซี-ส่งออก-การเมืองนิ่ง-ท่องเที่ยวพุ่งหนุน จับตานโยบายสหรัฐฯ

 

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 13.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.29 ล้าน

 

ยูนิต เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเริ่มสร้างบ้านในเขตมิดเวสท์และรัฐทางใต้ที่เริ่มจะฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพา

 

ยุเฮอร์ริเคน ในขณะที่ความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้สร้างบ้านยังคงแข็งแกร่งมาโดยตลอด ด้วยแรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และ

 

อัตราดอกเบี้ยการจำนองที่อยู่ในระดับต่ำ

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (17 พ.

 

ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างใกล้ชิด หลังจากที่

 

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำ

 

การพิจารณาเป็นลำดับต่อไป

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้รับ

 

แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน

 

รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการสืบสวนทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรณีที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง

 

ประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559

- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส คาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ

 

ธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากอัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลง

 

- รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา

 

และเชื่อว่าจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 

- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมยื่นข้อเสนอเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพ

 

ยุโรป (Brexit) ก่อนคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดการประชุมรอบหน้าวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

 

- นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ในวัน

 

พรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงดังกล่าว เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

- นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผย

 

แพร่ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของธนาคารกลาง

 

สหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2742699

 

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560 09:02:31 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 100.12 จุด หรือ -0.43% เมื่อวันศุกร์ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่า ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาได้หรือไม่

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา และได้ส่งต่อให้กับวุฒิสภาเพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ส่วนการโหวตในวุฒิสภาแบบเต็มคณะ จะจัดขึ้นหลังจากพ้นเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าไปแล้ว โดยวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย.

 

 

 

อย่างไรก็ตาม นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเชื่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้

 

-- นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงดังกล่าว เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

-- ตลาดพันธบัตรจีนกำลังเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนประเภทอายุ 10 ปี เคลื่อนไหวที่เหนือระดับ 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด เพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุน

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้อัดฉีดเม็ดเงิน 3.30 แสนล้านหยวน (5.0 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลงซื้อคืนธนบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) โดยมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาภาวะสภาพคล่องตึงตัว

 

-- พรรค ZANU-PF ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลซิมบับเว ได้เรียกร้องให้นายโรเบิร์ต มูกาเบ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และหัวหน้าพรรค ZANU-PF โดยทางพรรคได้ให้เวลานายมูกาเบจนถึงเที่ยงวันจันทร์นี้ ในการประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี มิฉะนั้นเขาจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการถอดถอน

 

อย่างไรก็ตาม นายมูกาเบได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ของซิมบับเวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาจะเป็นประธานในการประชุมใหญ่พรรค ZANU-PF ในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นภายในพรรค แม้จะถูกทางพรรคบีบให้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศก็ตาม

 

-- สถานการณ์การเมืองในสหรัฐเริ่มกลับมาสร้างความวิตกกังวลในตลาดการเงินอีกครั้ง หลังจากมีกระแสข่าวว่า ทีมสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ซึ่งทำหน้าที่คลี่คลายคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 นั้น ได้ขออำนาจศาลในการร้องขอเอกสารเพิ่มเติมจากทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตำหนิข้อกล่าวหาต่างๆที่นางฮิลลารี คลินตัน ได้ตั้งถำถามเกี่ยวกับประเด็นความถูกต้องตามกฏหมายของชัยชนะที่ทรัมป์ได้มาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว โดยทรัมป์ได้ทวีตว่า นางคลินตันเป็นผู้แพ้ที่เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ และหากเธอยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับพรรครีพับลิกัน

 

-- นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมยื่นข้อเสนอเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดการประชุมรอบหน้าวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

 

นายแฮมมอนด์ ระบุว่า การเจรจาเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปจะเป็นไปในลักษณะที่แข็งกร้าว หรือฮาร์ด เบร็กซิต (Hard Brexit) หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาถูกวิจารณ์ว่ามีท่าทีที่ผ่อนปรนมากเกินไป โดยเขาได้แสดงความเชื่อมั่นว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะบรรลุข้อตกลงด้านการค้าได้แม้อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปไปแล้ว เพราะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

 

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้า 2.854 แสนล้านเยนในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดส่งออกในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 18.9%

 

-- นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้

 

สำหรับความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส คาดการณ์ว่า คณะกรรมการ FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากอัตราว่างงานของสหรัฐปรับตัวลดลง ขณะที่นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเขามองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม

 

-- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงทรงตัวในเดือนต.ค. โดยข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ปรับตัวลดลงหรือปรับตัวขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่ทางการจีนเดินหน้าใช้นโยบายเข้มงวดเพื่อควบคุมตลาดอสังหาฯที่ขยายตัวร้อนแรงก่อนหน้านี้

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านใหม่ใน 13 เมืองหลักจากทั้งสิ้น 15 เมือง มีการขยายตัวขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง

 

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ขณะที่ เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีเดือนต.ค.เช่นกัน และ Conference Board จะเปิดเผยดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐ

 

-- ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยรายงานการประชุม ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.จากเฟดชิคาโก และยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2742681

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ-ลุ้นขึ้นได้แต่ไม่ไกล เล็งกลุ่ม Domestic plays หนุน, จับตา GDP ไทยงวด Q3/60

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560 09:36:57 น.

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ ยังมีลุ้นขึ้นได้แต่คงจะไม่ไปไกล เนื่องจากคาดว่าจะมีแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ โดยเล็งหุ้นพวก Domestic plays จะช่วยหนุนตลาดฯ แม้นักลงทุนต่างชาติจะไม่ซื้อก็ตาม

 

 

 

ขณะที่ตลาดต่างประเทศเช้านี้หลายตลาดฯปรับตัวลง อันเป็นผลจากความกังวลว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีจะไม่ผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ

 

พร้อมให้ติดตามการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/60 ของไทย ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะแถลงในเช้าวันนี้ โดยตลาดคาดโต 3.8-3.9%

 

ทั้งนี้ ให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,700-1,719 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 พ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,358.24 จุด ลดลง 100.12 จุด (-0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,578.85 จุด ลดลง 6.79 จุด (-0.26%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,782.79 จุด ลดลง 10.50 จุด (-0.15%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 116.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 21.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.04 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.63 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 15.02 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 พ.ย.60) 1,709.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.13 จุด (+1.07%)

 

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 238.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 พ.ย.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 พ.ย.60) ปิดที่ระดับ 56.55 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.6%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 พ.ย.60) ที่ 7.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

 

- เงินบาทเปิด 32.79 แข็งค่าต่อเนื่องรับเม็ดเงินไหลเข้า-รอดูตัวเลข GDP ไทยเช้านี้

 

- "สมคิด" จุดความฝันสร้างจุดเปลี่ยนประเทศ เผยไตรมาส 3 เศรษฐกิจโต 4% ปีหน้าโตเกิน 4% ย้ำภาพใหญ่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว เร่งลงทุนรัฐวิสาหกิจและดึงทุนต่างชาติ ดันเม็ดเงินกระจายรายได้สู่ฐานรากกว่า 30 ล้านคน ผ่านการท่องเที่ยว "อาคม" ดึงงบค้างเบิกจ่ายปีละ 1 แสนล้าน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเร่งแผนเมกะโปรเจค บูมลงทุนอีอีซี 5 ปีลงทุนกว่า 7 แสนล้าน

 

- รมว.คลัง เปิด เผยกำลังทำนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาค โดยจะให้ประชาชนนำมาหักลดหย่อน ภาษีเงินได้ 1.5 หมื่นบาท ในปีภาษี 2561 ซึ่งจะมีเงื่อนไขว่าต้องไปเที่ยวในท้องถิ่น สามารถนำค่าที่พักและอาหารมาหักภาษีได้ ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนลงไปทั่วถึงในกลุ่มฐานรากมากขึ้น

 

- การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ วาระสำคัญที่จะพิจารณา คือ แนวโน้มคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน พบว่าช่วง 4 เดือน คือตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค. 2560 ค่อนข้างซบเซา ทำให้ช่วง 10 เดือนของปีนี้มียอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาทเท่านั้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่มียอดคำขอประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยตัวเลขคำขอช่วง 10 เดือนที่เพิ่มไม่มาก ทำให้เกิดความกังวลว่ายอดคำขอทั้งปีจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 6 แสนล้านบาทที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้

 

- ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช.อยู่ระหว่างดำเนินโครงการบ้านแลกบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านเอื้ออาทรมาแลกบ้านของ กคช.ด้วยกัน ซึ่งส่วนต่างของราคาจะเข้าไปสู่กระบวนการขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยมีหลักทรัพย์เป็นตัวค้ำประกันกรณีที่กู้ไม่ผ่านก็นำโมเดลลีสโฮลด์ไฟแนนเชียล ซึ่งได้มีการจัดตั้งลิสซิ่งทูโลนมาดำเนินการแทน โดยมีบริษัทจัดการทรัพย์สินและชุมชนทำสัญญาเช่าซื้อ ขณะเดียวกันพร้อมเปิดโอกาสแลกบ้านกับเอกชน เพื่อลดจำนวนบ้านในตลาดซึ่งยังมีส่วนเกินอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินได้ คาดว่าจะเริ่ม ธ.ค.นี้

 

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุจากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 30 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นภาพที่สอดคล้องกับกระแสการแข็งค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย เพราะมีสาเหตุหลักร่วมกันจากทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งในช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติม หลังจากตลาดทยอยรับรู้โอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- PSH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 28 บาท กำไรสุทธิ 9M60 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 6.7% YoY จากยอดโอนที่อ่อนตัวลง ทั้งนี้ Q4/60 คาดเปิดโครงการใหม่อีก 18 โครงการ มูลค่ารวม 1.3 หมื่นล้านบาท ยอดขายกลุ่ม Premium ทะลุเป้า หนุนยอดโอนและ Gross Profit Margin ในปี 2561 พร้อมปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560-2561 ลง 11.3% และ 4% จากการปรับยอดโอนลง 7.2% และ 5.9% ตามลำดับ

 

- BDMS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "เก็งกำไร" หากเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลใหญ่ด้วยกันแล้ว มองว่า BDMS มีความน่าสนใจกว่า จากประเด็นการ Recovery ของโรงพยาบาลในเครือกว่า 10 โรง จากทั้งหมด 45 โรงทั่วประเทศ (ประมาณ 6,000 เตียง)ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และ ภาคกลาง (คิดเป็น 37% ของจำนวนเตียงภายใต้การบริหารของ BDMS) ซึ่งเป็นแหล่งที่ Case mix index สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ พร้อมคาดผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโต YoY จากฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติ ในขณะที่คนไข้จากต่างประเทศกลับมาในระดับปกติอีกครั้ง ทั้งจากตะวันออกกลางและตลาดใหม่ในอินโด-จีน ด้านราคาหุ้นปัจจุบัน YTD ยัง Laggard BH อยู่สูงกว่า 18%

 

- PTTEP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 102 บาท ราคาน้ำมันฟื้นกลับครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ และคาดจะแกว่ง sideway up ไปจนถึงการประชุมโอเปก 30 พ.ย. เมื่อผนวกกับแรงขายของต่างชาติเริ่มเบาลง ทำให้กลุ่มพลังงานที่ laggard กลุ่มอื่นใน SET50 มีโอกาสกลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง ทั้งนี้ หากหักการตั้งด้อยค่า 1.8 หมื่นล้านบาทออก กำไรปกติ Q3/60 ที่ 7.2 พันล้านบาท ถือว่าทำได้ดีกว่าคาด จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งคาดว่าโมเมนตัมด้านปริมาณขายจะดีต่อเนื่องใน Q4/60 ส่วนราคาหุ้น laggard มากเกินไป โดยตั้งแต่ต้นปี -4% ตรงข้ามกับกลุ่มพลังงานที่ +12% YTD

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2742709

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

was live.

·คลิป

MTS LIVE 20 พฤศจิกายน 2560(รอบสอง)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดีจ้า

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 07:49:21 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 21 พ.ย. 2560

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด หรือ +0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ +0.65%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงอีซีเจ็ท และโฟล์คสวาเกน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หากมีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 388.10 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,167.54 จุด เพิ่มขึ้น 108.88 จุด หรือ +0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด หรือ +0.48% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.30%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอีซีเจ็ท นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.30% ปิดที่ 7,411.34 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 56.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งทำนิวไฮและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกของตลาดทองคำในระหว่างวัน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ระดับ 1,281.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.8 เซนต์ หรือ 0.70% ปิดที่ 16.96 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 938.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.1% ปิดที่ 996.50 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ตลาดปิดทำการ นอกจากนี้ตลาดยังจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของเฟด ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1745 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1734 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3244 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3242 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7581 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7548 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.38 เยน จากระดับ 112.64 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9915 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9929 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด, +1.06%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด, +0.65%

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด, +0.69%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,167.54 จุด เพิ่มขึ้น 108.88 จุด, +0.83%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.70 จุด, +0.48%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.34 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด, +0.30%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 33,478.35 จุด เพิ่มขึ้น 118.45 จุด, +0.36%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,423.38 จุด เพิ่มขึ้น 36.79 จุด, +1.09%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,720.68 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด, +0.14%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,031.86 จุด ลดลง 21.42 จุด, -0.35%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 29,818.07 จุด เพิ่มขึ้น 557.76 จุด, +1.91%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 918.30 จุด เพิ่มขึ้น 14.75 จุด, +1.63%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,289.19 จุด ลดลง 32.79 จุด, -0.39%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,410.50 จุด เพิ่มขึ้น 18.10 จุด, +0.53%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,530.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด, +0.12%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,416.48 จุด เพิ่มขึ้น 154.72 จุด, +0.70%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 10,779.24 จุด เพิ่มขึ้น 114.69 จุด, +1.08%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,963.50 จุด เพิ่มขึ้น 17.80 จุด, +0.30%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,044.20 จุด เพิ่มขึ้น 16.20 จุด, +0.27%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2744044

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่าเทียบเงินสกุลหลัก ขณะนลท.จับตาถ้อยแถลงเยลเลน-รายงานการประชุมเฟด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 07:18:39 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ตลาดปิดทำการ นอกจากนี้ตลาดยังจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของเฟด ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

 

 

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1745 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1734 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3244 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3242 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7581 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7548 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.38 เยน จากระดับ 112.64 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9915 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9929 ฟรังก์สวิส

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% สู่ระดับ 93.92 เมื่อคืนนี้

 

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนางเยลเลนในการประชุมเสวนาที่สถาบันสเติร์น มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งจัดขึ้นหลังจากที่ตลาดได้ปิดทำการลงแล้ว โดยก่อนหน้านี้เธอได้ประกาศยืนยันที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง ทันทีที่นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟดคนปัจจุบัน เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานเฟดต่อจากเธอ

 

ทั้งนี้ นางเยลเลนจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐในเดือนก.พ. ปีหน้า ส่วนการดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการของเฟดของเธอนั้นจะสิ้นสุดลงในเดือนม.ค. 2024 อย่างไรก็ตาม เธอได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกคณะผู้ว่าการด้วยเช่นกัน

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง

 

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2743915

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 160.50 จุด รับความหวังแผนปฏิรูปภาษี,ผลประกอบการสดใส

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 06:36:47 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮด้วยเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,590.83 จุด เพิ่มขึ้น 160.50 จุด หรือ +0.69% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,862.48 จุด เพิ่มขึ้น 71.76 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.03 จุด เพิ่มขึ้น 16.89 จุด หรือ +0.65%

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

 

ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเชื่อว่าจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 

ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% หลังจากผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มาได้เบาบางลง

 

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.2% นำโดยหุ้นแอปเปิลปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.9%

 

หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเมดโทรนิก ทะยานขึ้น 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2560 ขณะที่หุ้นอเมอริซอสเบอร์เจน คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6%

 

หุ้นดอลลาร์ ทรี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.90 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนยอดขายอยู่ที่ระดับ 5.32 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 5.28 พันล้านดอลลาร์

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นโลว์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วงลง 1.1% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น

 

โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะแข็งแกร่งขึ้นอีกในปีงบการเงิน 2561 และ 2562 อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีที่ครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล, แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐที่มีความแข็งแกร่ง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายของเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, รายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากเฟดดัลลัส

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2743902

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดบวก 6.40 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 07:25:47 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งทำนิวไฮและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกของตลาดทองคำในระหว่างวัน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ระดับ 1,281.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.8 เซนต์ หรือ 0.70% ปิดที่ 16.96 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 938.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.1% ปิดที่ 996.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% สู่ระดับ 93.92 เมื่อคืนนี้

 

อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นทำนิวไฮ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกของตลาดทองคำในระหว่างวัน โดยสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.48 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% ส่วนดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ +0.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ +0.36 ในเดือนก.ย.

 

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ในการประชุมเสวนาที่สถาบันสเติร์น มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งจัดขึ้นหลังจากที่ตลาดทองคำได้ปิดทำการลงแล้ว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2743916

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 41 เซนต์ นักลงทุนซื้อเก็งกำไรก่อนประชุมโอเปก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 06:56:38 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 56.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อเก็งกำไรในสัญญาน้ำมันดิบ ก่อนที่การประชุมกลุ่มโอเปกจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

 

รายงานระบุว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียต่างก็สนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า

 

อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันแสดงไว้ เนื่องจากผู้ผลิตมีกำไรจากการผลิตต่อบ่อน้ำมันมากขึ้น

 

ทางด้านบริษัทเอฟจีอี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน ได้ออกรายงานเตือนว่า ถึงแม้ภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมันจะส่งผลให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นในปีหน้า แต่ตลาดอาจทรุดตัวลงในปี 2562 หากสหรัฐยังคงเพิ่มการผลิตน้ำมันต่อไป

 

นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูสถานการณ์ในอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มโอเปก หลังจากมีรายงานว่า ผู้บริหารอย่างน้อย 50 รายจากบริษัทน้ำมัน PDVSA ของรัฐบาลเวเนซุเอลาได้ถูกจับกุมในข้อหาคอร์รัปชั่น โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากคณะกรรมการสมาคมสัญญาสว็อปและตราสารอนุพันธ์ระหว่างประเทศ (ISDA) ระบุว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาได้ผิดนัดชำระหนี้ หลังจากที่ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรและตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทน้ำมัน PDVSA ตามระยะเวลาที่กำหนด ส่งผลให้ต้องจ่ายค่าประกันความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap : CDS)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2743903

 

ประธานรัฐสภาซิมบับเวเผยมูกาเบประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560 23:05:24 น.

นายเจคอบ มูเดนดา ประธานรัฐสภาซิมบับเว แถลงในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ วัย 93 ปี ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่ได้ครองอำนาจปกครองซิมบับเวยาวนานถึง 37 ปี

 

การประกาศลาออกจากตำแหน่งของปธน.มูกาเบมีขึ้น ขณะที่รัฐสภาซิมบับเวกำลังดำเนินการประชุมเพื่อถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะลาออกภายในกำหนดเส้นตายเวลาเที่ยงวานนี้

 

วิกฤตการณ์การเมืองในซิมบับเวเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่กองทัพได้เข้ายึดอำนาจปกครองประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับควบคุมตัวปธน.มูกาเบและภริยาไว้ภายในบ้านพัก โดยผู้บัญชาการเหล่าทัพซิมบับเวยืนยันว่า การยึดอำนาจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรอบกายปธน.มูกาเบ เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยให้กลับคืนสู่ประเทศอีกครั้ง

 

 

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2743894

 

อังกฤษคาดหวังบรรลุผลเจรจา Brexit กับ EU แต่ก็พร้อมรับมือหากไร้ข้อตกลง

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560 19:35:49 น.

นายเดวิด เดวิส รมว.ฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับเงื่อนไขในการแยกตัวออกจาก EU เป็นผลลัพธ์การเจรจาที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้มากที่สุด แต่อังกฤษก็เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU

 

"การบรรลุข้อตกลงกับ EU ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องอาจเกิดขึ้นได้มากที่สุด แต่ยังเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศของเรา" นายเดวิสกล่าว

 

 

 

"ผมไม่คิดว่าฝ่ายใดจะได้ประโยชน์ หากไม่มีการบรรลุข้อตกลง แต่ในฐานะรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ เราก็จะเตรียมแผนรับมือทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น" เขากล่าว

 

ด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าคณะเจรจาของฝ่าย EU ขีดเส้นตายเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ว่า อังกฤษควรประกาศจุดยืนที่ชัดเจนใน 3 ประเด็นหลักภายในเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งได้แก่ วงเงินที่อังกฤษจะชำระแก่ EU สำหรับการแยกตัวออกไป, ปัญหาเรื่องชายแดนของไอร์แลนด์ และประเด็นสิทธิพลเมืองของ EU ในอังกฤษ

 

"มีแต่เพียงผลลัพธ์จากการเจรจาที่มีความจริงใจใน 3 ประเด็นดังกล่าวเท่านั้น ที่จะช่วยให้การเจรจาคืบหน้าเข้าสู่ช่วงที่ 2" เขากล่าว

 

ขณะที่นายอันโตนิโอ ทาจานี ประธานรัฐสภายุโรป กล่าวว่า อังกฤษควรจ่ายเงินอย่างน้อย 6 หมื่นล้านยูโร (7 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป เพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงิน

 

"ถ้า EU ยอมรับวงเงินที่ต่ำกว่านี้ ประชากรของยุโรปก็จะต้องจ่ายส่วนต่างที่เหลือ แต่ทำไมเราต้องให้ชาวเยอรมัน อิตาเลียน สเปน หรือดัชท์ต้องมาจ่ายเงินในส่วนของอังกฤษ" นายทาจานีกล่าว

 

ทั้งนี้ ประเด็นการจ่ายเงินค่า Brexit ดังกล่าว ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดต้องแยกตัวออกจาก EU ในเดือนมี.ค.2562

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2743882

 

ทำเนียบเครมลินเผยปูตินเตรียมต่อสายตรงหารือทรัมป์เกี่ยวกับเกาหลีเหนือวันนี้

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 21 พฤศจิกายน 2560 21:24:28 น.

นายยูริ ยูชาคอฟ เจ้าหน้าที่ทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินจะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ

 

 

 

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือเกี่ยวกับการเดินทางเยือนรัสเซียเมื่อวานนี้ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย

 

การหารือระหว่างผู้นำรัสเซียและสหรัฐจะมีขึ้น ขณะที่รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือในวันนี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เพื่อโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ และสกัดท่อน้ำเลี้ยงสำหรับโครงการพัฒนาขีปนาวุธ และระเบิดนิวเคลียร์

 

คาดว่าธนาคารหลายแห่งของจีนจะตกเป็นเป้าหมายในการคว่ำบาตรครั้งนี้ เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเกาหลีเหนือและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2743889

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ก้าว

 

Yesterday at 08:26 · คลิป

 

 

น้องมาร์ค...หนึ่งแรงบันดาลใจดีๆระหว่างทาง"ก้าว"ที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี

วันใดวันหนึ่งพี่ตูนอาจจะสูญ...แต่ความรักความผูกพันธ์ที่เราทุกคนมีต่อกันไม่มีวันสูญไป...แน่นอน

 

ชมภาพความประทับใจแบบเต็มๆได้ที่

facebook "ก้าว"

#ก้าวคนละก้าว

#ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาลทั่วประเทศ

#ก้าวนี้เพื่อหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.70 หลายปัจจัยยังกดดันให้เงินบาทแข็งค่าต่อ มองกรอบ 32.65-32.75

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560 09:16:27 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ แข็ง

 

ค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.69 บาท/ดอลลาร์

 

เงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจากเหตุผลหลักคือคนขาดความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะแผน

 

 

 

ปฏิรูปภาษีที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในสหรัฐ ประกอบกับรายงานการประชุมคณะกรรมการ

 

กำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ออกมาเมื่อวานนี้ยังมีความกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่

 

ในระดับต่ำ ทำให้ในช่วงนี้ไม่มีสัญญาณที่จะเห็นดอลลาร์รีบาวน์ได้แรงๆ

"คนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งยังกังวลเสถียรภาพทางทางการเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย

 

เพราะถ้าไม่มีมาตรการภาษีที่เป็นรูปเป็นร่าง ดอลลาร์สหรัฐก็จะยิ่งอ่อนค่า เมื่อวานนี้รายงานประชุม FED ก็ยังมีความกังวลเรื่องเงิน

 

เฟ้อต่ำ ก็ยิ่งกดดันให้ดอลลาร์อ่อนลงไปอีก" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.75 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.11 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1821 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.745 บาท/ดอลลาร์

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค.60 ใกล้เคียงกับที่ ธปท.คาดไว้ในการ

 

ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด โดยการขยายตัว 2 หลักในเดือนนี้เป็นไปตามคาดจากผลของฐานต่ำในปี

 

ก่อน และอุปสงค์ต่างประเทศในหลายสินค้าที่ยังดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อัตราการขยายตัวน่า

 

จะชะลอตัวลงบ้าง ส่งผลให้การส่งออกทั้งปีน่าจะโตได้มากกว่าที่เผยแพร่ในรายงานนโยบายการเงินเดือนกันยายน 2560 ที่ 8% แต่

 

คาดว่าคงโตไม่ถึงเลข 2 หลัก

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) จาก

 

แรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

- ในรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ

 

ประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ขณะที่กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ โดย

 

มองว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี

 

- นักลงทุนยังซึมซับรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ของเฟด ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกรรม

 

การเฟดยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐไว้ที่ระดับเดียวกับการประเมินครั้งก่อน โดยเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาค

 

เอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผล

 

กระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้อง

 

ต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับฐานลงของตลาด

 

หุ้นสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity

 

Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,292.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการ

 

พลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยัง

 

ได้ปัจจัยหนนุจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันจากแคนาดามายังสหรัฐ เนื่องจากเกิดการรั่วไหล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.

 

ค. พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 75

 

เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 63.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

- นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.นี้

 

ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน มีรายงานระบุว่า ซาอุดิ

 

อาระเบียและรัสเซียต่างสนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนด

 

สิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ธนวัฏ โทร.02-2535000 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2744789

 

World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560 08:55:52 น.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อก็ตาม

 

"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เราได้รับมาบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง" รายงานการประชุมระบุ

 

 

 

-- ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล

 

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดเหนือระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน

 

-- กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสิงคโปร์ (MTI) เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ได้ขยายตัว 8.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 6.3% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งในภาคการผลิต

 

-- สำนักงานเพื่อความรับผิดชอบด้านงบประมาณ (OBR) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัว 1.5% ในปีนี้ โดยลดลงจากระดับ 2.0% ที่มีการคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ขณะเดียวกัน OBR คาดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต 1.4% ในปีหน้า ลดลงจากระดับ 1.6% ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้

 

นอกจากนี้ OBR ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในปี 2562 และ 2563 สู่ระดับ 1.3% ทั้ง 2 ปี จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.7% และ 1.9% ก่อนหน้านี้

 

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย.

 

การร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ ขณะที่คำสั่งซื้อรถยนต์ปรับตัวขึ้น

 

-- สหรัฐระบุว่า การที่รัฐบาลเมียนมาใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อชาวโรฮิงญาถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และสหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่โหดร้ายดังกล่าว

 

นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า "สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา สหรัฐจะใช้กฎหมายและการคว่ำบาตรต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งทำให้ชาวโรฮิงญาหลายแสนคนต้องลี้ภัยไปยังบังกลาเทศ" เขากล่าว

 

-- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก จะเสด็จเดินทางเยือนเมียนมา และบังกลาเทศในวันที่ 26 พ.ย.-2 ธ.ค. เพื่อหวังแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา

 

ในการเดินทางเยือนเมียนมา สมเด็จพระสันตะปาปาจะพบปะกับผู้นำกองทัพของเมียนมาเป็นการส่วนตัวที่บ้านพักของบิชอปในกรุงย่างกุ้ง ส่วนในการเดินทางเยือนบังกลาเทศนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่เมืองธากา

 

-- กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือออกมาประณามสหรัฐ ซึ่งได้ขึ้นบัญชีเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของสหรัฐถือเป็นการยั่วยุที่รุนแรง

 

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือยังได้คัดค้านการที่สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนืออีกด้วย

 

-- อูเบอร์ บริษัทให้บริการรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชัน ออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทถูกแฮกเกอร์ล้วงข้อมูลเกี่ยวกับคนขับรถยนต์ของอูเบอร์ รวมทั้งผู้โดยสารจำนวน 57 ล้านรายในปีที่แล้ว โดย 6 แสนรายเป็นคนขับรถอูเบอร์ในสหรัฐ โดยบริษัทยอมจ่ายเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์ให้แก่แฮกเกอร์เพื่อแลกกับการลบข้อมูลทิ้ง และเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

 

-- สำนักข่าว ZBC ของทางการซิมบับเวรายงานว่า นายเอ็มเมอร์สัน เอ็มนันกักวา อดีตรองประธานาธิบดี ซึ่งถูกประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ปลดออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ผู้นำวัย 93 ปีได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้

 

ขณะนี้นายเอ็มนันกักวาไม่ได้อยู่ในซิมบับเว โดยเขาได้หลบหนีออกนอกประเทศ หลังถูกนายมูกาเบปลดออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่เขามีกำหนดเดินทางกลับสู่ซิมบับเวเมื่อวานนี้ เวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย

 

-- ตลาดการเงินจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศยุโรปในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการประจำเดือนพ.ย.ของเยอรมนี, ฝรั่งเศส และกลุ่มอียู นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2744771

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.70 หลายปัจจัยยังกดดันให้เงินบาทแข็งค่าต่อ มองกรอบ 32.65-32.75

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560 09:16:27 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ แข็ง

 

ค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.69 บาท/ดอลลาร์

 

เงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจากเหตุผลหลักคือคนขาดความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะแผน

 

 

 

ปฏิรูปภาษีที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองในสหรัฐ ประกอบกับรายงานการประชุมคณะกรรมการ

 

กำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ออกมาเมื่อวานนี้ยังมีความกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อยู่

 

ในระดับต่ำ ทำให้ในช่วงนี้ไม่มีสัญญาณที่จะเห็นดอลลาร์รีบาวน์ได้แรงๆ

"คนขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งยังกังวลเสถียรภาพทางทางการเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย

 

เพราะถ้าไม่มีมาตรการภาษีที่เป็นรูปเป็นร่าง ดอลลาร์สหรัฐก็จะยิ่งอ่อนค่า เมื่อวานนี้รายงานประชุม FED ก็ยังมีความกังวลเรื่องเงิน

 

เฟ้อต่ำ ก็ยิ่งกดดันให้ดอลลาร์อ่อนลงไปอีก" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.75 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.11 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1821 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1754 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.745 บาท/ดอลลาร์

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าตัวเลขการส่งออกเดือน ต.ค.60 ใกล้เคียงกับที่ ธปท.คาดไว้ในการ

 

ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด โดยการขยายตัว 2 หลักในเดือนนี้เป็นไปตามคาดจากผลของฐานต่ำในปี

 

ก่อน และอุปสงค์ต่างประเทศในหลายสินค้าที่ยังดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อัตราการขยายตัวน่า

 

จะชะลอตัวลงบ้าง ส่งผลให้การส่งออกทั้งปีน่าจะโตได้มากกว่าที่เผยแพร่ในรายงานนโยบายการเงินเดือนกันยายน 2560 ที่ 8% แต่

 

คาดว่าคงโตไม่ถึงเลข 2 หลัก

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) จาก

 

แรงกดดันของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

- ในรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ

 

ประชุมเดือนธ.ค.ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม ขณะที่กรรมการเฟดส่วนหนึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ โดย

 

มองว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี

 

- นักลงทุนยังซึมซับรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ของเฟด ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยกรรม

 

การเฟดยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐไว้ที่ระดับเดียวกับการประเมินครั้งก่อน โดยเชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาค

 

เอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผล

 

กระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้อง

 

ต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับฐานลงของตลาด

 

หุ้นสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity

 

Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ระดับ 1,292.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการ

 

พลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยัง

 

ได้ปัจจัยหนนุจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันจากแคนาดามายังสหรัฐ เนื่องจากเกิดการรั่วไหล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.

 

ค. พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 75

 

เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 63.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

- นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.นี้

 

ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน มีรายงานระบุว่า ซาอุดิ

 

อาระเบียและรัสเซียต่างสนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนด

 

สิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ธนวัฏ โทร.02-2535000 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2744789

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ บรรยากาศลงทุนดีขึ้นหลังต่างชาติกลับมาซื้อ,มอง Downside จำกัด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2560 09:13:54 น.

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบหลังจากที่เมื่อวานนี้ขึ้นทดสอบแนว 1,720 จุดแล้วยังไม่ผ่าน แต่บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นหลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อ อันเป็นผลจากได้เห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ทำให้เชื่อว่าเม็ดเงิน Long Term จะเข้ามาแต่ก็น่าจะเป็นลักษณะของการสะสม ส่งผลให้เห็นว่า Downside จำกัด

 

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลัก และติดตามแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่คาดว่าจะมีขึ้นในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนหน้า ด้านราคาน้ำมันถือว่ายังบวกได้ดีอยู่

 

พร้อมแนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์, ค้าปลีก และท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะ Turnaround โดยให้แนวรับ 1,706 จุด ส่วนแนวต้าน 1,720-1,730 จุด

 

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2744787

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

HSHsocial

 

YLGResearch

 

Ylg Bullion

 

Ylg Bullion

 

23755488_1587008954670907_7338026986201741151_n.png?oh=7d9ef7c27566ccb7624827dd59be865a&oe=5AA5A010

 

ตลาดหลักหยุดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าครับ

Wealth Station

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...