ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
sbrmaya

คัมภีร์ทองคำเพื่อชีวิต

โพสต์แนะนำ

พบกันครั้งแรกตามมารยาทไทยติ๊กขอกล่าว "สวัสดี" ครับ พูดไม่ค่อยเก่ง (แต่รักหมดใจ) ขอเกริ่นนิดเดียวนะครับ

 

กระทู้นี้ทางผู้เปิดกระทู้ (เจ้าของกระทู้คือทุกท่านครับ) มีความกระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่ง ในการจะบอกกล่าวสื่อสารกับชาวโลก ในเนื้อหาของการเพิ่มสตางค์ในกระเป๋าของท่าน

 

โดยเน้นหนักไปในเรื่องของการลงทุนในทองคำ

 

 

คำถาม : ทำไมต้องเป็นทองคำ ?

คำตอบ : เพราะทองคำเปรียบเสมือน "เงินที่แท้จริง" ซึ่งมันมี "มูลค่าในตัวของมันเอง" และเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ตรงตัวเลยครับ....ปลอดภัย

 

คำถาม : ทองคำปลอดภัยยังไงนิ ?

คำตอบ : มันไม่บูด มันไม่เสีย มันไม่สึกหรอ ไฟไหม้มันก็แค่ละลาย..แล้วก็แข็งตัวเป็นก้อนเหมือนเดิม เปียกน้ำมันก็ไม่ยุ่ย..ไม่เป็นสนิม แต่ที่สำคัญที่สุด "มูลค่า" ของมันไม่เคยลดลง

 

คำถาม : มูลค่ามันไม่ลดลงแล้วสำคัญอย่างไร ?

คำตอบ : สำคัญเป็นบ้าเลยครับ ยิ่งสำหรับคนทำมาหากิน รายได้เทียบกับผู้มีฐานะดีไม่ได้ เราเห็นๆกันอยู่ว่า ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ถ้าเราใช้เงิน (ธนบัตร) ซื้อของ

จะเห็นได้ว่าเราต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อที่จะซื้อของเท่าเดิม แต่สำหรับทองคำมูลค่าของมันในอดีตซื้อของได้เท่าไร กี่ปีผ่านไปมันก็จะยังซื้อของได้เท่าเดิมครับ (หรืออาจจะมากขึ้นด้วย)

 

คำถาม : อีฮั๊น (ผมเป็นโรคกระแดะครับ) ไม่ค่อยเข้าใจลองอธิบายให้เห็นภาพด้าาาาาป่ะ.. ?

คำตอบ : กระทู้นี้เปิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วครับ : ) ขอยกตัวอย่างนะครับว่ามูลค่าของมันทำไมถึงไม่ลดลง

สมัยเล็กๆเคยถามคุณตาว่า

พี่ติ๊กยอดชาย : พ่อคุณเอาข้าวเยอะไหมครับ (ผมเรียกคุณตาว่าพ่อคุณ คุณยายว่าแม่คุณ)

คุณตา : สลึงนึง

พี่ติ๊กยอดชาย : - -" สลึงนึงนี่มันเท่าไหนครับพ่อคุณ

คุณตา : ตักมาเหอะ ...

ที่อยากจะสื่อก็คือ เมื่อก่อนกินก๋วยเตี๋ยวชามละสลึง ชามละบาทครับ ถ้าไม่เคยได้ยิน หรือประสบกับตัว (คาดว่าคงมีหลายอยู่) จะเชื่อหรอครับ เชื่อก็บ้าแล้วววว ...แต่เชื่อเถอะครับ

เมื่อก่อนเงินมันใหญ่ครับ เดี๋ยวนี้เงินมันเฟ้อครับ

 

คำถาม : เงินเฟ้อคืออะไร ?

คำตอบ : ตอบแบบคนความรู้น้อยนะครับ คือ เราไม่ต้องไปสนใจหลักการ หรือความหมายที่แท้จริงของมันดอก รู้ไปไม่ได้ทำให้ชีวิตพัฒนาขึ้น รู้แค่ว่าเงินเฟ้อคือ "มูลค่า" ของเงิน (ธนบัตร) ใน กระเป๋าสตางค์ของเรามันลดลง เราจึงต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นเพื่อซื้อของเท่าเดิม เช่นซื้อก๋วยเตี๋ยว เราคงเดินถือเงิน 1 บาท อย่างมั่นใจไปสั่งก๋วยเตี๋ยวร้านป้าไม่ได้ เพราะพอกินเสร็จ

เราคงนึกขึ้นได้ว่านัดกับชามหลังร้านป้าไว้นี่หว่า (ทำงานใช้หนี้ มีบาทเดียว สะเหร่อกินเตี๋ยวชามละ 30)

 

คำถาม : เงินเฟ้อเกิดจากอะไร ?

คำตอบ : ผมไม่ค่อยมีความรู้นะครับ แต่ถ้าให้ตอบคงมีสาเหตุหลักมาจากน้ำมันที่แพงขึ้น

 

คำถาม : น้ำมันแพงทำไมเงินเฟ้อ ?

คำตอบ : ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับน้ำมัน (ณ เวลานี้นะครับ ตราบใดที่ยังหาพลังงานทดแทนที่จะสามารถนำมาใช้แทนน้ำมันได้อย่างยั่งยืนแล้วหละก็ มันก็ต้องเป็นแบบนี้ต่อไปครับ) ขับรถไปทำงานก็ น้ำมัน ไม่มีรถไม่ต้องยิ้มครับ ใช้รถโดยสารก็ต้องใช้น้ำมัน ค่าโดยสารก็ต้องแพงขึ้นไปตามราคาน้ำมัน อาหารที่กินอยู่ทุกวันนี้ ถ้าไม่มีน้ำมัน ถามว่าจะขนส่งเข้ากรุงเทพให้เราได้กินกัน ได้อย่างไรครับ ถึงอยากจะทำเกษตรในกรุงเทพจะได้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องขนส่ง คุณคงต้องเป็นมหาเศรษฐีครับถึงจะมีเงินซื้อที่ดินมากพอจะปลูกข้าว (กินกี่คน ต้องใช้ที่เท่าไรกัน ?)

 

พอจะเห็นภาพชัดขึ้นไหมครับว่าชีวิตเราทุกคน แทบจะทุกกิจกรรมล้วนต้องใช้พลังงานมาเกี่ยวข้อง ซึ่งพลังงานต่างๆก็ต้องใช้น้ำมันอีกนั่นแหละ ในการจะได้มา

 

คำถาม : คุณคิดว่าอนาคตน้ำมันจะกลับมาเหลือ 8 บาทต่อลิตรหรือไม่ ?

คำตอบ : ไม่มีทางครับ เหตุผลที่บอกไปแล้ว ว่าจะเอาอะไรมาใช้แทนน้ำมัน (ย้ำนะครับ ใช้ "แทน" น้ำมัน)

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดคือ คำตอบว่าทำไม ทองคำจึงเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" สรุปง่ายๆคือทองคำมูลค่ามันจะปลอดภัยจากเงินเฟ้อเพราะมันมีมูลค่าในตัวของมัน แต่สำหรับ "ธนบัตร "มูลค่าของมันลดลงเรื่อยๆอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น อย่ามองที่ตัวเลขหน้าแบงค์เพียงอย่างเดียว ให้มองถึงสิ่งที่ "ตัวเราเอง" ประสบเจอ เพราะตัวเลขหน้าแบงค์เป็นแค่ "ราคา" ครับ ไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริง

ลองนึกตามนะครับ ผมมีธนบัตรราคา1,000 บาท (แบงค์พันใบใหญ่ๆที่เมื่อก่อนเราเรียกว่าแบงค์เทา) ผมสามารถนำธนบัตรนี้ไปแลกแบงค์ 1,000 บาท (แบงค์ใหม่สีไม่เทาแล้ว) กับป้าร้านก๋วยเตี๋ยวได้เพราะอะไร เพราะราคามันเท่ากันครับ แต่ผมไม่สามารถนำมาแลกกับก๋วยเตี๋ยวร้านป้า (เมื่ออดีตราคา 10 บาท) ในจำนวนชาม 100 ชามได้ เหมือนเมื่อก่อนได้...โดนถีบตายห่า

เพราะอะไรครับ เพราะเดี๋ยวนี้ป้าขาย 30 ครับ คิดง่ายๆซื้อได้แค่ 33.33333333333333333333333333333333333333333333333 ครับ โอ้วววววววว !!!!!!!!!!!!!!!!!!! อยากจะตะโกนดังๆว่าบร๊ะจ้าวววววววววววว !!!!!!! เป็นอย่างนี้ได้เยี่ยงไรเนี่ย ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเรา ม่ายยยยยยยยยยยยยยยน้าาาาาาาาาา ตามด้วยน้ำตาอีก 2 ลิตร T T แต่สำหรับคนที่คิดการไกลเค้ามองออกครับ เค้าถึงได้เก็บสะสมตั้งแต่บาทละไม่กี่ร้อย จนตอนนี้ 21000 บาท แม่จ้าวววววววววววววว ~~~~~~ สุดยอดครับคนพวกนี้ (ไม่ใช่ผมครับ) เค้าเป็นคนมีวิศัยทัศน์มาก

ขอยกตัวอย่างนิดนะครับ เมื่อก่อนที่ติดทะเลไม่มีใครต้องการครับเพราะประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เค้าไม่สามารถปลูกพืชได้ครับ ไม่มีใครต้องการ แต่บางคนที่เค้ามองการไกลว่าใน "อนาคต" คนเรามีเงินก็ต้องหาความสุข ก็ทะเลไงกรุงเทพมีที่ไหน มันต้องมาเที่ยวทะเลกันที่บ้านเราเนี่ยแหละ และเค้าก็คิดถูกครับ เศรษฐีชัดๆ

 

 

" ถ้าเรามองอะไรแค่มุมแคบๆ จับจุดไปที่จุดๆเดียว เราจะไม่รู้มีทางรู้เลยว่านอกกรอบที่เรามองอยู่ มันยังมีอะไรที่เราไม่คาดฝัน " ลองถอยห่างออกมากอีกสักนิด มองภาพรวมใหญ่ๆดูบ้าง อาจจะมีอะไรที่เราหาอยู่ก็ได้

 

 

 

ขอเกริ่นแค่ "นิดหน่อย" ก่อนนะครับ โอกาสหน้าว่ากันเรื่อง "หลักการลงทุน" ครับ

 

 

 

ปล.ไม่ใช่คนความรู้เยอะ ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาดหรือเข้าใจผิด กรุณาผู้มีความรู้ชี้แจงด้วยครับ เพื่อคนรายได้น้อยจะได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นเค้าบ้างครับ

ปล.2 ทุกท่านคือเจ้าของกระทู้ ความรู้ของท่านสามารถสร้างโอกาสให้คนอื่นได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

ปล.3 ไม่ได้อวดรู้ครับ แต่ประสบการณ์บอกเรา อยู่ที่เราจะรับฟังมันหรือไม่ (ตอนแต่งงานทองบาทละ 15,000 ครับ นี่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่บอกผมได้อย่างชัดเจนครับ ซึ่งผมไม่เพียงรับฟังแต่ผมทำตามประสบการณ์ตัวเองด้วยครับ)

ปล.4 รายการทีวีนิดนึงนะครับ ต้องขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ทุกกระทู้ในเวบ thaigold มากครับที่ให้ความรู้ สละเวลา"ตัวเอง" จะว่าไป..จะบอกไม่หวังอะไรตอบแทนก็ไม่ได้ เพราะคาดว่าทุกท่านคงหวังให้พวกเราสามารถอยู่ในตลาดทุนนี้ได้ สามารถเพิ่มเงินในกระเป๋าของคุณ เอาไว้จ่ายค่านมลูก ค่าเทอมลูก ค่าอะไรก็แล้วแต่ที่สร้างความสุข ที่อาจจำเป็นหรือไม่ค่อยจำเป็นกับชีวิต ขอบคุณอย่างจริงใจครับ ถึงไม่ได้กล่าวชื่อแต่ทุกท่านก็รู้ทราบดีแก่ใจท่าน .....ทำดีมีคนเห็นครับ

 

sbr.maya

ถูกแก้ไข โดย sbrmaya

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ เปิดกระทู้ใหม่วันสงกรานต์เลย

เป็นกำลังใจ และจะคอยติดตามนะค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ครับคุณ jije ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ : )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ขอกล่าวสวัสดีรอบสองครับ บทความแรกได้เกริ่นนำเล็กน้อยเกี่ยวกับเหตุผลที่ผมเน้นถึงเรื่องทองคำไปแล้ว

บทความนี้ขอเขียนรับใช้ท่านผู้อ่านทุกท่านในเรื่องของ "หลักการ" ลงทุนในทองคำนะครับ

 

สำหรับมือใหม่หัดลงทุน หรือแม้แต่มือเก่าเซียนขาดทุนนะครับ ก่อนอื่นเราตัวมองตัวเองก่อนว่าเราจะลงทุนแบบไหน

 

- ระยะประชิด : ภายใน 1 วันเทรดมากกว่าหนึ่งครั้ง (trader) เทรดโดยการดูกราฟตั้งแต่รายนาทีไปจนถึงรายชั่วโมง

- ระยะสั้น : ระยะวเวลาลงทุน 1-3วัน ดูกราฟรายชั่วโมง ,ราย 4 ชั่วโมง,รายวัน

- ระยะกลาง : ระยะเวลาลงทุนประมาณ1 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน ส่วนมากจะดูกราฟราย 4 ชั่วโมง,รายวัน,รายสัปดาห์

- ระยะยาว : 3 เดือน ยันลูกโต (บางคนเก็บทองตั้งแต่หนุ่มยันแก่)

 

การลงทุนแต่ละแบบขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ "คุณ" รับได้ ตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง เงินคุณเอง บางคนรับความเสี่ยงได้น้อย บางคนรับความเสี่ยงได้มาก

ซึ่งการลงทุนแต่ละระยะก็ไม่ได้บอกถึงความเสี่ยงที่คุณจะได้รับ เพราะถ้าคุณไม่ต้องการถือทองนานต้องการถือธนบัตร คุณก็อาจลงทุนระยะสั้น แล้วออกมาตั้งหลัก ซึ่งระยะสั้นบางคนก็บอกว่าความเสี่ยงสูง สู้ถือยาวดีกว่า อนาคตราคาไปอีกไกล ไม้ต้องเสี่ยงขาดทุนหลายรอบ ส่วนระยะยาวใครจะไปรู้อีกว่ามันจะขึ้นไปถึงไหนมันอาจจะขึ้นไปสูงจริงอย่างคนว่ากัน แต่ไม่มีใครทราบอนาคตครับ ไม่งั้นคงไม่ต้องเสียเวลานั่งดูคอมให้เสียสายตาหรอกครับ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายดีกว่าไหมลงครั้งเดียวสัก 1000 สัญญา เห็นภาพรึยังครับว่าการลงทุนมีความเสี่ยง และความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ ตัดสินใจด้วยตัวเองดีที่สุดครับ

 

ทีนี้มากล่าวถึงหลักการลงทุนอย่างไรไม่ให้หมดตัว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยครับว่าการลงทุนไม่ใช่การพนัน ขนาดเล่น poker (เกมไพ่ชนิดหนึ่ง) ยังต้องมีหลักการ เราต้องมีหลักให้เรายึดว่าเราจะลงทุนแบบไหนซึ่งหลักง่ายๆคือ

 

* เงินลงทุนควรเป็นเงินเย็น (สำคัญสุด) การลงทุนมีความเสี่ยง ถามว่าคุณต้องการเอาเงินร้อนมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรอครับ เพราะถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาคุณไม่ใช่แค่เสียเงินก้อนนั้น

แต่เงินที่นำมาลงทุนนั้นอาจสำคัญกับชีวิตมากขนาดไหนก็คุณนั่นแหละที่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่อยากเสียสุขภายจิต (หรือแม้แต่สุขภาพกาย) ควรเป็นเงินเย็นอย่างที่กล่าวไปครับ

 

* พอเพียง (สำคัญรองลงมา) มันอาจจะฟังดูโหลแต่เป็นเรื่องจริงที่เราไม่ควรมองข้ามครับ พอเพียงไม่ได้แปลว่าประหยัด พอเพียงในความหมายของการลงทุนสำหรับผม หมายถึงการพอใจในกำไรที่มี ยินดีเมื่อราคาขึ้นต่อ หากนักลงทุนเข้าใจในสิ่งนี้อย่างถ่องแท้แล้วไซร้ ผมคิดว่าคงจะได้ยินคำว่า "รู้งี้" น้อยลงครับ ความเครียด ความวิตกกังวล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บั่นทอนตัวเองจะลดน้อยลงไปมาก ทองขึ้นไม่กล้าซื้อกลัวติดดอย(ซื้อไปแล้วราคาลงเยอะ) ทองลงไม่ขายกลัวที่จะต้องเพิ่มเงินถ้าราคาวิ่งไปไกล ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะสั้นขอบอกว่าบางที 1 เดือนคุณยังได้แต่เสียเวลานั่งดูคอม โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเสียดายเมื่อทองขึ้นและลงต่อหน้าต่อตาไปหลายรอบแล้ว หรือบางคนขายหมู (ขายแล้วราคายังขึ้นต่อ) เสียอกเสียดาย รู้งี้...

ทั้งหมดนี้ถ้าท่านเข้าใจคำว่าพอเพียงอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้ท่านลงทุนอย่างมีความสุข

 

* ระบบ คำว่าระบบผมมีความรู้น้อยมาก แต่ตามที่เข้าใจคือระบบคือการเขียนสูตรต่างๆลงไปในกราฟเพื่อให้มันบอกเราว่าเขียวหรือแดง ระบบของแต่ละคนไม่เหมือนกันเพราะแต่ละสูตรขึ้นอยู่กับความถนัดและความเสี่ยงในตัวผู้เขียนระบบนั้นๆ แต่ที่อยากแนะนำคือระบบของคุณลุงโฉลก หรือเข้าไปกระทู้การลงทุนด้วยระบบของคุณเสมเวบ thaigold นี้ก็ได้นะครับ ผมแอบปลื้มความเก่งของพี่เค้าครับ เข้าเรื่องต่อซึ่งการลงทุนด้วยระบบนั้นคือการเข้าซื้อเมื่อระบบมีสีเขียวแท่งแรกเกิดขึ้น และขายเมื่อแดงแท่งแรกเกิดขึ้นเช่นกันครับ พูดง่ายแต่ทำยาก (ถึงยากมาก) เพราะยังพอเพียงไม่ได้ บางคนเขียวแรกซื้อจริง วันรุ่งขึ้นเห็นกำไรเพียงหางอึ่งขายทิ้ง ขายเสร็จราคาขึ้นต่อ อยากให้ท่องสองอย่างให้ขึ้นใจครับ

อย่างแรก let's profit run = ปล่อยให้กำไรมันวิ่งของมันต่อไปครับ น้ำไหลเราต้องไหลตามน้ำ ว่ายทวนน้ำ...ไม่ไกลก็จมครับ

อย่างที่สองสำคัญกว่าคือ stop loss = หยุดขาดทุน หากเราไม่ยอมที่จะตัดขาดทุน นั่นคือคุณกำลัง let's loss run อยู่ ฟันผุนิดหน่อยไม่ไปอุด คงไม่เปนไรมั๊ง นานวันเข้าถึงรากฟันเจ็บปวดทรมาณ แถมยังต้องรักษาถึงรากฟัน บ้าที่สุด คิดแล้วสะเทือนใจ (ตอนเด็กๆผู้เขียนไม่แปรงฟันเป็นกิจวัต) ไอ้การที่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรเด๋วก็หาย ถ้ามันหายถือว่าคุณโชคดีครับ เปรียบกับการขาดทุนถ้าผิดทางไม่ stop loss คุณอาจจะมีโชคที่มันเปลี่ยนทิศทาง แต่ถ้าระยะยาวโชคก็ช่วยคุณไม่ได้ตลอดหรอกครับ

 

สำหรับระบบคุณควรคิดระบบของคุณเองเพราะความเสี่ยงของคนอื่น ไม่เหมือนความเสี่ยงของคุณครับ ไม่ได้หมายความว่าให้คิดสูตรเองนะครับ แนวโน้มราคา(กราฟ)ผมแนะนำให้ดูทุกกระทู้ที่วิเคราะห์ราคาทองครับซึ่งบ้านหลังนี้ก็มีให้พร้อมอยู่แล้ว และให้วางแผนการลงทุนอย่างมีระบบให้ดีก่อนว่าเราเหมาะกับแบบไหน เราต้องการกำไรเท่าไร ยอมขาดทุนที่จุดไหน แล้วทำตาม "แผนของเราให้ได้" นี่แหละครับ คือระบบของคุณ

 

ไหนๆกล่าวถึงคุณเสมไปแล้ว เลยอยากจะขอกล่าวขอบคุณเฮียกัมพลครับผู้ใหญ่ใจดีที่มีกราฟให้เราดูทู๊กกกกกกกกกวัน เฮียแบทแมนกับพี่เด็กขายของ เฝ้าบอกเสมอว่าทองมีขึ้นมีลงครับเหรียญยังมีสองด้านเสมอ น้าซีผู้หวังดีสอนเรานักลงทุนรุ่นใหม่อยู่ตลอด สละเวลามานั่งพิมพ์อธิบายให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รวมถึงหลานๆ (ผมคงเป็นรุ่นหลานซะมากกว่า) อยู่บ่อยๆ คุณพี59 คุณเน็กซ์(คนนี้ทำให้ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสาเหตุที่ทองขึ้น(เมื่อก่อนคิดแค่ว่าเก็บทองเพราะทองขึ้นเรื่อยๆ) เฮียปิรันย่า (หลักการมาพร้อมกับสำนวนคมคาย) คุณโกลด์แมนที่นำระบบของลุงโฉลกมาให้เรารวยกัน น้าโป๊ะจรวดพุ่ง อาจารย์จิ๋วเซียนขาสั้น และอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ขอบคุณจากใจจริงครับ

 

ปล.ไม่ได้อยาก drama ครับ เพียงแค่อยากบอกว่า ทำดีมี "เรา" เห็นครับ

ปล.2 สิ่งที่เขียนไปเป็นแค่ประสบการณ์ของผู้เขียน ซึ่งถูกบ้าง ผิดบ้าง มากน้อยไม่แน่ใจ ถ้าอะไรที่ผิดพลาด อยากให้ผู้ที่มีความเข้าใจช่วยเสริมหรือแก้ไขครับ เพราะประโยชน์จะตกกับตัวผู้อ่านทุกท่าน ไม่ใช่ผู้เปิดกระทู้ครับ

sbr.maya

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อืม รออ่านต่อนะ :lol:

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รออ่านด้วยคนครับ

 

สมัยผมเด็กๆ ก๊วยเตี๋ยว ข้าวแกง ชามละ 1 บาทครับ

 

เมื่อก่อนผู้ใหญ่จะให้กินข้าวเป็นอาหารหลัก และสอนว่าก๊วยเตี๋ยวไม่ดี(ไม่มีคุณค่าทางอาหาร)

สมัยต่อมา ก๊วยเตี๋ยวก็เป็นอาหารหลัก ผู้ใหญ่ก็สอนว่าไม่ควรกินมาม่า(ไม่มีคุณค่าทางอาหาร)

สมัยนี้ มาม่ายกระดับขึ้นมาเป็นอาหารหลักแล้ว ทุกยุคทุกสมัยเปลี่ยนไปตลอดเวลา

 

:unsure:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาจะกล่าวบทไปฟังทางนี้หน่อย เมื่อวานก็ได้คุยกันถึงหลักการลงทุนกันไปแล้ว หวังว่าจะสร้างความเข้าใจให้ท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย

หากการที่ไม่มีใครชี้แนะหรือแก้ไขคือคำตอบว่าสิ่งที่กล่าวไปพอมีเหตุมีผลอยู่บ้าง แต่หากเป็นเพราะมีแต่มือใหม่ที่เข้ามาอ่าน ก็หวังว่าเวลาจะช่วยให้ผู้ชี้ทางมาพบเจอกระทู้นี้ในเร็ววัน

เพื่อประโยชน์จะตกแก่ทุกท่านมือใหม่ที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้าน Thaigold ทุกวันไม่ขาดสาย อย่างน้อยที่สุดข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้จะช่วยให้ใครสักคน บางคน หรือหลายคน เสียเวลาในการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้น้อยลง และที่สำคัญกว่าคือเมื่อท่านเริ่มลงทุนลงเงินไปแล้ว หวังให้ท่านเสียค่าประสบการณ์ในการลงทุนน้อยที่สุด เพื่อสร้างผลกำไรไว้ในการใช้ชีวิตตามวิถีทางของคุณๆ ท่านๆต่อไป

 

ขออธิบายการลงทุนในทองคำแท่งก่อนนะครับ

ทองคำแท่งบ้านเรา(ประเทศไทย) ที่ซื้อขายกันตามร้านทองตู้แดง จะเป็นทอง 96.5 % จะถูกตั้งราคาโดยสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย

- โดยจะประกาศราคาตั้งแต่เวลาประมาณ 9.30 น. ถึง ประมาณ 17.00 น. (ไม่ค่อยชัวร์เรื่องเวลาครับ เพราะตัวผู้เขียนไม่ค่อยมีโอกาสดูราคาสมาคมเท่าใดนัก)

 

- ทองที่ควรลงทุนคือทองคำแท่ง เพราะสภาพคล่องจะสูงกว่า เก็บรักษาง่าย ได้ราคาดีกว่า เช่นวันนี้ (16/04/54) ราคาทองคำแท่งบาทละ 21000/21100 ส่วนรูปพรรณบาทละ 21500/20700 บาท

 

- สังเกตุราคาซื้อขายง่ายๆคือราคาไหนแพงแสดงว่าเป็นราคาที่ร้านขายให้เรา ราคาไหนถูกคือเวลาไปขายคืนให้ร้าน

 

- สาเหตุที่รูปพรรณมีราคาขายที่แพงกว่าเพราะทางร้านได้คิดค่ากำเหน็จบวกกับราคาเนื้อทอง (ค่ากำเหน็จคือค่าฝีมือช่าง) และราคารับซื้อคืนของทางร้านยังถูกกว่าทองคำแท่งเพราะทางร้านได้หักค่าสึกหรอของรูปพรรณไปด้วย (มันจะสึกอะไรนักหนา บางคนมีไม่เคยใส่)

 

- ราคาทองคำแท่งจะมีส่วนต่างของราคาอยู่ที่ 100 บาท และประกาศขึ้น หรือประกาศลงครั้งละ 50 บาท (1 วันอาจประกาศ1ครั้งไปจนถึงหลายครั้งมาก)

 

- ราคาทองที่สมาคมประกาศ จะอิงราคาจากราคาตลาดทองโลก (gold spot) และ อัตราแลกเปลี่ยน เพราะราคาทองในตลาดสากลซื้อขายโดยใช้ดอลลาร์

 

- เพราะฉะนั้นการจะวางแผนการลงทุนควรวิเคราะห์ทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป เช่น เมื่อราคาทองลง เราคิดว่าจะได้ซื้อในราคาถูก แต่ถ้าค่าเงินบาทของเราอ่อน (ต้องใช้เงินเยอะขึ้นในการซื้อ) ก็อาจจะทำให้ราคาทองอยู่กับที่ได้ อาจเห็นภาพลางๆ ผมเตรียมตัวช่วยมาครับ ยกตัวอย่างเช่น ราคา gold spot ขณะนี้อยู่ที่ 1486.40 เหรียญต่อออนซ์ เมื่อเทียบเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ประมาณบาทละ 21225 บาท โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้ = (spot gold + 2) x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท(30.1555 ณ วันนี้) x 0.4729 สมมติว่าทองลงไปเหลือ 1475 เหรียญต่อออนซ์ แต่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.3555

ถ้าคำนวณตามสูตรจะได้ (1475+2)x30.3555x0.4729 = 21203 จะเห็นได้ว่าแม้ราคา gold spot ลงไปถึง 11 เหรียญ แต่ทำไมราคาถึงลดลงไปเพียง 20 บาท นั่นก็เพราะค่าเงินบาทนั้นอ่อนตัวลงจึงทำให้ต้องใช้เงินบาทเพิ่มขึ้นในการซื้อทอง เพราะทองซื้อขายเป็นดอลลาร์

 

- จะเห็นได้ว่าหากเราจะลงทุนทองแท่ง 96.5 % เราต้องซื้อที่ราคา 21100 และขายที่ราคา 21150 เราถึงจะได้กำไร 50 บาทไทย ต่อหนึ่งบาททองคำ แสดงว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไป 150 บาท/บาททอง เราถึงจะได้กำไร 50 บาท/บาททอง (งงไหมเอ่ย ติ๊กชักมึน)

 

ส่วนทอง 99.99 % ถือเป็นทองที่เป็นมาตรฐานสากล เพราะประเทศนอกส่วนมากซื้อขายแต่ 99.99 % (แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ 96.5 % เป็นสากลในประเทศเรา ถึงอย่างไรเราก็ต้องซื้อขายในประเทศตามร้านทองตู้แดงอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องครับ)

 

ราคาทอง 99.99 % จะมีส่วนต่างน้อยกว่าทอง 96.5 % ตามราคาสมคมประกาศมาก (ที่ผมใช้บริการอยู่ส่วนต่างประมาณ 30 บาท ในตอนกลางวัน แต่กลางคือส่วนต่างจะมากขึ้น) แต่เนื่องจากสมัยนี้ธุรกิจนี้เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง จึงเกิดการแข่งขันในเรื่องของราคามากขึ้น ทำให้ตามร้านทองชื่อดัง(มาก) หรือบริการ gold online ให้ราคาที่น่าพอใจแก่ลูกค้าพอสมควร ขออนุญาตคัดลอกที่คุณ G_man ได้โพสต์ไว้ในกระทู้คุณเน็กซ์มาให้ทุกท่านได้เห็นภาพชัดๆนะครับ วันที่ 12 เมษายน 2554 ทอง 96.5%

ราคาสมาคม 20700 20800

ร้าน Aus 20790 20850

ร้าน Gcap 20765 20825

ร้าน GT 20755 20815

 

พอแค่นี้ก่อนนะครับ ตัวอักษรเยอะเกินเกรงท่านผู้อ่านจะตาลาย ผมไม่ค่อยมีความสามารถด้านภาษา อาจจะสื่อสารไม่เหมาะ อ่านไม่มันส์ แค่ให้รู้ว่าหวังดีละกัน เพียงเท่านั้นที่ผู้เขียนต้องการ

 

ปล.บทความหน้าจะกล่าวถึง gold future นะครับ

 

 

sbr.maya

ถูกแก้ไข โดย sbrmaya

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Future (ทองคำกระดาษ) ซื้อ-ขายกันในตลาดอนุพันธ์ หรือที่คุ้นหูกันคือ TFEX (Thailand Futures Exchange)

 

 

+ การลงทุนใน gold future คือการซื้อ-ขายสัญญาทองคำ "ล่วงหน้า" คำว่าล่วงหน้าหมายถึง ถ้า "อนาคต" เราคาดว่าทองจะขึ้น เราก็ทำการเปิดสัญญา "ซื้อล่วงหน้า" เมื่ออนาคตมาถึง ไม่ว่าจะภายในกี่นาทีข้างหน้า ชั่วโมงหน้า หรืออาทิตย์หน้า(รอจนหน้าซีดด) ราคาขึ้นไปต่อจากที่เราเปิดสัญญาซื้อไว้ เมื่อราคาขึ้นมาจนถึงราคาที่ตั้งเป้าไว้ ก็สามารถทำการปิดสัญญาที่ "ซื้อล่วงหน้า" ไว้ ได้เลย โดยกำไรที่ได้คือส่วนต่างราคาตอนที่เปิดสัญญาจนถึงตอนเราปิดสัญญา

 

+ gold future จะมี 6 series คือ G = เดือนกุมภาพันธ์ (เดือนที่สอง) , J = เดือนเมษายน (เดือนที่ 4) , M = เดือนพฤษภาคม (เดือนที่ 6) , Q = เดือนสิงหาคม (เดือนที่ 8)

V = เดือนตุลาคม (เดือนที่ 10) , Z = เดือนธันวาคม (เดือนที่ 12) พูดง่ายๆคือสัญญาเดือนคู่ ถามว่าทำไมต้องเดือนคู่ จำง่ายๆแค่ว่า เพราะมันหมดอายุในเดือนคู่นั่นเอง

 

+ โดยกำหนดขนาดของ 1 สัญญา gold future จะเทียบเท่า 50 บาททอง คุยแบบบ้านๆง่ายๆคือ ถ้าเราเปิดสัญญา gold future 1 สัญญา ก็เหมือนมีทอง 50 บาทอยู่กับตัว (สัญญาลมๆ ไม่มีทองจริงๆมาเกี่ยวข้อง) ไม่ว่ามันขึ้นเท่าไหร่ หรือลงเท่าไหร่ต่อบาททอง ก็เอาผลกำไรหรือขาดทุน(ต่อบาททอง) ไปคูณ 50 เพราะ 1 สัญญา เท่ากับ 50 บาททอง

 

+ ราคาใน gold future จะปรับขึ้น-ลง ครั้งละ 10 บาท ขึ้นหรือลง 10 บาท เท่ากับว่าเรากำลังกำไรหรือกำลังขาดทุนอยู่ 500 บาท จากเหตุผลในข้อข้างบน

 

+ ต้องการจะลงทุนใน gold future คุณต้องเตรียมเงินเพื่อเปิด 1 สัญญา เท่ากับประมาณ 50,000 บาท (จะเปิดสัญญาซื้อขายได้ 1 สัญญา จะต้องมีเงินในบัญชี ไม่น้อยกว่า 50,000บาท)

 

*** 1 สัญญา ควรมีเงินในบัญชีประมาณ 500,000 บาท เพื่อหลัก money management ที่ดี เพื่อช่วยลดความวิตกกังวลเวลาทองลง อันเป็นบ่อเกิดของการตัดสินใจที่ผิดพลาดด้วยครับ เพราะคนส่วนมากจะหวั่นไหวกับราคาได้ง่าย เป็นเรื่องธรมมดาของหลักจิตวิทยาครับ (ถึงได้เกิดตัวเลข fibo ได้ยังไงล่ะครับ)

*** ถ้ายังน้อยด้วยชั่วโมงบินขอแนะนำอย่างยิ่งยวด ให้นักลงทุนหน้าใหม่ตามระบบอย่างเคร่งครัด (เขียวแรกซื้อ แดงแรกขาย) มันอาจจะฟังดูง่ายมาก แต่น้อยคนที่จะทำได้ ระบบจะเป็นทำเงินให้คุณอย่างพอเพียง (ถ้ารู้จักเพียงพอ...) สำหรับคนที่มีเงินเย็น (นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง) gold future จะเป็นอะไรที่ทำกำไรให้คุณได้อย่างต่อเนื่อง และยาวนาน เพียงแค่คุณตื่นขึ้นมาตอนเช้า ดูว่ามันเขียวหรือยัง แดงแล้วหรือเปล่า เพียงไม่กี่นาที คุณสามารถตัดสินใจซื้อหรือขาย หรือถือสถานะต่อไป (ถ้าเป็นทองแท่งก็คือถือแท่งต่อ) จากนั้นคุณก็ลุกจากคอมไปใช้ชีวิตประจำวันของคุณต่อไป โดยปล่อยให้กำไรมันวิ่งของมันไปเรื่อยๆ จะหยุดกำไรก็ต่อเมื่อมีสัญญาณขาย (ระบบแดงแท่งแรก) ก็ปิดสัญญา แค่นั้นเองทำได้ไหมเอ่ย : )

*** สำคัญไม่แพ้ 2 ข้อข้างบน คือ ให้เปิดเฉพาะสัญญา "ซื้อล่วงหน้า" หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า "L" เหตุผลเพราะทองระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น ถ้าเราเสี่ยง "ขายล่วงหน้า" หรือที่เรียกกันจนชินว่า "S"

*** อาจจะสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นเช่นกัน หากท่านที่เพิ่งเริ่มเล่น หรือคิดจะเล่น แนะนำให้คิดให้ดีก่อนว่าเราตามระบบได้หรือไม่ ถ้าคิดว่าไม่ได้ ในระยะยาว (หรืออาจในระยะสั้น) คุณอาจจะเริ่มถอยห่างออกจากตลาดไปในที่สุด จากการขาดทุน

จริงๆรายละเอียดสำหรับผู้ที่สนใจ ควรจะเข้าไปศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน สำหรับการลงทุนในตลาก future เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเก็งกำไรกันสูง 1 สัญญา gold future เหมือนเราแบกรับภาระในมูลค่าทองน้ำหนัก 50 บาทจริงๆ เพียงแค่ว่าเป็นสัญญากระดาษ ไม่มีทองคำจริงๆ แต่ที่เขียนไปข้างบนผู้เขียนตั้งใจว่าอยากจะสื่อสารข้อมูล gold future ในภาษาง่ายๆ อาจจะเป็นตัวช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นได้บ้าง

 

 

ปล.โปรดฟังอีกครั้ง "ระบบจำทำเงินให้คุณได้อย่างพอเพียง..ถ้าคุณเพียงพอ" เมื่อคุณตามระบบได้สัก 1 ปี คุณจะเข้าความหมายที่ผมพูดได้อย่างดี

 

 

 

 

sbr.maya

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Gold Future (ทองคำกระดาษ) ซื้อ-ขายกันในตลาดอนุพันธ์ หรือที่คุ้นหูกันคือ TFEX (Thailand Futures Exchange)

 

 

+ การลงทุนใน gold future คือการซื้อ-ขายสัญญาทองคำ "ล่วงหน้า" คำว่าล่วงหน้าหมายถึง ถ้า "อนาคต" เราคาดว่าทองจะขึ้น เราก็ทำการเปิดสัญญา "ซื้อล่วงหน้า" เมื่ออนาคตมาถึง ไม่ว่าจะภายในกี่นาทีข้างหน้า ชั่วโมงหน้า หรืออาทิตย์หน้า(รอจนหน้าซีดด) ราคาขึ้นไปต่อจากที่เราเปิดสัญญาซื้อไว้ เมื่อราคาขึ้นมาจนถึงราคาที่ตั้งเป้าไว้ ก็สามารถทำการปิดสัญญาที่ "ซื้อล่วงหน้า" ไว้ ได้เลย โดยกำไรที่ได้คือส่วนต่างราคาตอนที่เปิดสัญญาจนถึงตอนเราปิดสัญญา

 

+ gold future จะมี 6 series คือ G = เดือนกุมภาพันธ์ (เดือนที่สอง) , J = เดือนเมษายน (เดือนที่ 4) , M = เดือนพฤษภาคม (เดือนที่ 6) , Q = เดือนสิงหาคม (เดือนที่ 8)

V = เดือนตุลาคม (เดือนที่ 10) , Z = เดือนธันวาคม (เดือนที่ 12) พูดง่ายๆคือสัญญาเดือนคู่ ถามว่าทำไมต้องเดือนคู่ จำง่ายๆแค่ว่า เพราะมันหมดอายุในเดือนคู่นั่นเอง

 

+ โดยกำหนดขนาดของ 1 สัญญา gold future จะเทียบเท่า 50 บาททอง คุยแบบบ้านๆง่ายๆคือ ถ้าเราเปิดสัญญา gold future 1 สัญญา ก็เหมือนมีทอง 50 บาทอยู่กับตัว (สัญญาลมๆ ไม่มีทองจริงๆมาเกี่ยวข้อง) ไม่ว่ามันขึ้นเท่าไหร่ หรือลงเท่าไหร่ต่อบาททอง ก็เอาผลกำไรหรือขาดทุน(ต่อบาททอง) ไปคูณ 50 เพราะ 1 สัญญา เท่ากับ 50 บาททอง

 

+ ราคาใน gold future จะปรับขึ้น-ลง ครั้งละ 10 บาท ขึ้นหรือลง 10 บาท เท่ากับว่าเรากำลังกำไรหรือกำลังขาดทุนอยู่ 500 บาท จากเหตุผลในข้อข้างบน

 

+ ต้องการจะลงทุนใน gold future คุณต้องเตรียมเงินเพื่อเปิด 1 สัญญา เท่ากับประมาณ 50,000 บาท (จะเปิดสัญญาซื้อขายได้ 1 สัญญา จะต้องมีเงินในบัญชี ไม่น้อยกว่า 50,000บาท)

 

*** 1 สัญญา ควรมีเงินในบัญชีประมาณ 500,000 บาท เพื่อหลัก money management ที่ดี เพื่อช่วยลดความวิตกกังวลเวลาทองลง อันเป็นบ่อเกิดของการตัดสินใจที่ผิดพลาดด้วยครับ เพราะคนส่วนมากจะหวั่นไหวกับราคาได้ง่าย เป็นเรื่องธรมมดาของหลักจิตวิทยาครับ (ถึงได้เกิดตัวเลข fibo ได้ยังไงล่ะครับ)

*** ถ้ายังน้อยด้วยชั่วโมงบินขอแนะนำอย่างยิ่งยวด ให้นักลงทุนหน้าใหม่ตามระบบอย่างเคร่งครัด (เขียวแรกซื้อ แดงแรกขาย) มันอาจจะฟังดูง่ายมาก แต่น้อยคนที่จะทำได้ ระบบจะเป็นทำเงินให้คุณอย่างพอเพียง (ถ้ารู้จักเพียงพอ...) สำหรับคนที่มีเงินเย็น (นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง) gold future จะเป็นอะไรที่ทำกำไรให้คุณได้อย่างต่อเนื่อง และยาวนาน เพียงแค่คุณตื่นขึ้นมาตอนเช้า ดูว่ามันเขียวหรือยัง แดงแล้วหรือเปล่า เพียงไม่กี่นาที คุณสามารถตัดสินใจซื้อหรือขาย หรือถือสถานะต่อไป (ถ้าเป็นทองแท่งก็คือถือแท่งต่อ) จากนั้นคุณก็ลุกจากคอมไปใช้ชีวิตประจำวันของคุณต่อไป โดยปล่อยให้กำไรมันวิ่งของมันไปเรื่อยๆ จะหยุดกำไรก็ต่อเมื่อมีสัญญาณขาย (ระบบแดงแท่งแรก) ก็ปิดสัญญา แค่นั้นเองทำได้ไหมเอ่ย : )

*** สำคัญไม่แพ้ 2 ข้อข้างบน คือ ให้เปิดเฉพาะสัญญา "ซื้อล่วงหน้า" หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า "L" เหตุผลเพราะทองระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น ถ้าเราเสี่ยง "ขายล่วงหน้า" หรือที่เรียกกันจนชินว่า "S"

*** อาจจะสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นเช่นกัน หากท่านที่เพิ่งเริ่มเล่น หรือคิดจะเล่น แนะนำให้คิดให้ดีก่อนว่าเราตามระบบได้หรือไม่ ถ้าคิดว่าไม่ได้ ในระยะยาว (หรืออาจในระยะสั้น) คุณอาจจะเริ่มถอยห่างออกจากตลาดไปในที่สุด จากการขาดทุน

จริงๆรายละเอียดสำหรับผู้ที่สนใจ ควรจะเข้าไปศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน สำหรับการลงทุนในตลาก future เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเก็งกำไรกันสูง 1 สัญญา gold future เหมือนเราแบกรับภาระในมูลค่าทองน้ำหนัก 50 บาทจริงๆ เพียงแค่ว่าเป็นสัญญากระดาษ ไม่มีทองคำจริงๆ แต่ที่เขียนไปข้างบนผู้เขียนตั้งใจว่าอยากจะสื่อสารข้อมูล gold future ในภาษาง่ายๆ อาจจะเป็นตัวช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นได้บ้าง

 

 

ปล.โปรดฟังอีกครั้ง "ระบบจำทำเงินให้คุณได้อย่างพอเพียง..ถ้าคุณเพียงพอ" เมื่อคุณตามระบบได้สัก 1 ปี คุณจะเข้าความหมายที่ผมพูดได้อย่างดี

 

 

 

 

sbr.maya

 

รบกวน ถ้าเป็นไปได้ อธิบาย option เพิ่มด้วยได้มั๊ยคะ

เดี๋ยวนี้หุ้นหลายๆตัว มีการขายแบบสัญญา option ไม่แน่ใจว่าแตกต่างจาก สัญญา future อย่างไร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รบกวน ถ้าเป็นไปได้ อธิบาย option เพิ่มด้วยได้มั๊ยคะ

เดี๋ยวนี้หุ้นหลายๆตัว มีการขายแบบสัญญา option ไม่แน่ใจว่าแตกต่างจาก สัญญา future อย่างไร

 

 

 

ขออภัยที่ตอบช้านะครับ โอกาสไม่ค่อยอำนวยเท่าไร

 

 

สำหรับ option ผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีเรื่องมาเล่าสำหรับผู้ที่ลังเลที่จะซื้อเงิน หรือทองเพื่อการลงทุนระยะยาวนะครับ

 

ผมคิดว่ามีคนไม่น้อยที่กำลังลังเลกับราคาทองและเงินที่พุ่งขึ้นอย่างแรงและรวดเร็ว(ต่อเนื่องอีกต่างหาก) ทำให้หลายๆคนคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี จะโดดเข้าก็กลัวดอย

 

ผมเห็นราคาเงินตอน 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ขึ้นมาจาก 26 ตอนช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา) ผมลังเลที่จะซื้อและดูอยู่ห่างๆ 3 เดือนผ่านไป ราคามาอยู่ที่ 42 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ผมเข้าเมืองด้วยใจมุ่งมั่นสั่งซื้อเม็ดเงินจำนวนหนึ่ง ตกลงราคาได้ผมก็เดินไปโอนเงินที่ธนาคาร พอเดินกลับมาก็รู้ว่าราคานั้นเพิ่มมา 1 หมื่นกว่าบาทจากตอนที่ผมสั่งซื้อ (ดีนะเนี่ยมาเร็วไป5นาที)

 

จากนั้นตอนเย็นวันเดียวกันผมโทรไปถามราคาอีกทีก็รู้ว่าผมกำไรไปแล้วเกือบ 2 หมื่น (หลังหักส่วนต่าง)

 

 

ที่มาเล่าให้เพื่อนๆฟังเพราะการที่ท่านมัวแต่สนใจราคายิบๆย่อยๆ (รอมันย่อค่อยเก็บ) ท่านอาจจะเสียโอกาสใหญ่ๆไปได้ง่ายๆเพราะความโลภ

 

อีก 1 เดือนข้างหน้ามาดูกันนะครับว่าเงินจะอยู่ที่เท่าไร ผมจะขายเอากำไรแบบ "พอเพียง"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาวันนี้ทองขึ้นทำนิวไฮจนคนเริ่มชิน (อาจจะเบื่อซะด้วยซ้ำ) ที่เอาแต่ทำไฮ ไฮแล้ว ไฮอีก คนไม่มีของก็รอย่อจนเหงือกแทบจะแห้ง เพราะถ้าโดดเกาะหัวทองเวลานี้อาจจะโดนน้องทองสบัดบ๊อบใส่ ให้หงายหลังตึงลงมาได้

 

ส่วนผมเมื่อวานคิดสั้น (short) เอาไว้นิดหน่อย หวังกำไรแค่พอค่านมลูก (ลูกคนอื่นรึเปล่าไม่แน่ใจ 55) ส่วนที่ L ไว้ถือยาวรอระบบแดงแรก รับทรัพย์แบบพอเพียง แต่รู้สึกว่ายิ่งถือก็ยิ่งเมื่อย เพราะระบบเขียวนานเหลือเกิน รบกวนพี่ๆช่วยถือแทนน้องทีได้ไหมครับ กลัวกำไรมันจะวิ่งไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะเกินพอเพียง (แอบแซวขา s อย่าถือสานะครับ)

 

มาวันนี้ไม่มีไรมากครับ ว่างจัด ตามประสาคนตกงาน อยากจะมาบอกเพื่อนๆว่า USDX อ่อนค่าลงทุกวันๆ นั่นก็เป็นสาเหตุให้ทองแข็งข้อ เอ้ยย !!.. แข็งค่าขึ้นทุกวันแบบไม่รู้จักเหนื่อย

ตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้อยู่ ไม่มีประโยชน์เลยที่เราจะเก็บธนบัตรของเราไว้กับธนาคารให้เงินของเราอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ คราวก่อนอธิบายอาจจะไม่ชัดเจนหรือไม่เห็นภาพเท่าใดนักเกี่ยวกับ "ราคา" ของธนบัตร ที่มันดูจะไม่สัมพันธ์กับ "มูลค่า" ของตัวมันเอง

 

งั้นลองนึกภาพตามแบบนี้นะครับ เมื่อก่อนธนบัตร "ราคา" หนึ่งพันบาท เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 10 บาท สามารถทานก๋วยเตี๋ยวเรือได้ 100 ชาม นั่นแสดงว่าธนบัตรสีเทาๆมีตัวเลข "1000" ที่หน้าธนบัตรในตอนนั้นมี "มูลค่า" เท่ากับก๋วยเตี๋ยวเรือ 100 ชาม มาวันนี้ก๋วยเตี๋ยวเรือราคาชามละ 15 บาท ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์คือราคาก๋วยเตี๋ยวนั้นเพิ่มขึ้นมา 50 % ถ้าเรามีธนบัตร "ราคา" 1000 บาท ตอนนี้ เราจะซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือร้านเดิมได้เพียง 66 ชาม แสดงว่าธนบัตรของเราเหลือ "มูลค่า" เพียง 66 ชามก๋วยเตี๋ยวเรือ (ร้านเดิม)

 

จริงๆเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจหลักการทำงานของเงินเฟ้อ หรือระบบเศรฐกิจเลยแม้แต่น้อย ก็สามารถที่จะ "สังเกตุ" ได้อย่าง "ชัดเจน" ว่ามูลค่าของเงินเราลดลงไปเรื่อย แล้วด้วยเหตุผลอะไรที่เราถึงยังปล่อยให้แบงค์พันของเรา จะเหลือมูลค่าน้อยลงไปอีกเรื่อยๆ (หมูโลละ 150 แล้ว ผักราคาแพงขึ้น ไข่ไก่ 1 ฟอง จะไป 5 บาทแล้ว อีกไม่นานหรอกครับ)

 

ลองถามตัวเองดูว่าถ้าเรามีเงินเย็นอยู่เราอยากให้มูลค่าของเงินเราขึ้นอยู่กับความเสี่ยงตรงนี้หรือไม่ ถ้าเห็นด้วย....กด 1 ผมล้อเล่นครับ ถ้าเห็นด้วยอยากให้ลองศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และศึกษาถึงความเสี่ยงของทุกด้าน ไม่ว่าจะถือเงิน (ธนบัตร)หรือถือทอง ความเสี่ยงแต่ละคนไม่เท่ากันครับ ผมคงไปแนะนำให้คนที่เค้าหาเช้ากินค่ำซื้อทองเก็บไม่ได้ ถูกไหมครับ แต่สำหรับคนที่พอจะมีเงินเก็บก็อยากจะให้ลองพิจรณาดู และรบกวนบอกผ่านเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนที่ท่านรัก (หรือาจไม่รัก) คนรู้จักของท่านให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารนี้ด้วย ถึงแม้เราจะปิดกั้นตัวเอง แต่อยากให้เปิดกว้างแก่คนอื่น เพราะเค้าอาจจะคิดไม่เหมือนเราก็ได้ ให้เค้าได้มี "โอกาส" ในการรับรู้ข่าวสารนี้ เพราะคนส่วนมากตื่นเช้ามาทำงานยันมึดยันค่ำ ไม่มีเวลาและโอกาสที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรมากนัก นอกจากละครภาคค่ำที่จะทำให้เค้าได้คลายทุกข์ หรือเพิ่มสุขได้บ้าง ในเมื่อเรามีโอกาส แบ่งปันโอกาสนี้ให้คนอื่นบ้างนะครับ

 

ที่ผมต้องการสื่อสารคือให้ถือของจริงนะครับ เงินก็เม็ดเงินซิงๆ (บริสุทธิ์) 99.99 % ทองก็เป็นทองคำแท่ง (รูปพรรณไม่เหมาะกับการลงทุนอย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อน แต่มีเพิ่มก็ยิ่งดีครับ 55)

แต่สำหรับ gold future ไม่อยากแนะนำสำหรับมือใหม่นะครับ เพราะความเสี่ยงสูง (ถ้าเล่นเป็นการพนัน) ท่านอาจจะเจ็บหนัก หรือเจ็บน้อย ขึ้นอยู่ปริมาณการเทรดที่เกินพอดี ในไม่ช้า..ก็เร็ว

ส่วนกำไรที่ได้ก็เอามาทยอยซื้อของจริงดีที่สุดครับ ถ้าต้องการใช้เงิน(ธนบัตร) ก็แค่เอาไปขาย ไม่มีใครไม่อยากได้ครับ ไม่ว่าจะวันนี้ หรืออีก 1 ปีผ่านไป ทางที่ดีคือทำงานของท่านต่อไปด้วยใจมุ่งมั่น มีเงินรวบรวมพอจะซื้อได้ก็ซื้อเก็บครับไว้ ไม่ผิดหวังแน่นอน

 

 

ปล. ผมไม่ใช่คนที่มีความรู้ในเรื่องวิชาการ (ไม่ว่าจะวิชาอะไรก็แล้วแต่) แต่ผมเรียนรู้จาก "ประสบการณ์" และประสบการณ์สอนเราเสมอตั้งแต่วันที่เรามีลมหายใจ จนถึงวาระที่สิ้นลมหายใจ

ปล.2 ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ก๋วยเตี๋ยว 100 ชาม นะครับ (ถ้ารับฟังและเรียนรู้จากทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น วันข้างหน้าเราจะไม่เจ็บจากการ "ซ้ำรอยเดิม" ครับ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คืนนี้ร่วมลุ้นกันครับว่าจะไปทางไหน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...