ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

ใบไม้ผลิบนดวงจันทร์

โพสต์แนะนำ

เท้า ของใครๆก็ห่วง

 

 

By Lady Manager

 

ผู้หญิงทุกคนย่อมรู้จัก ตาปลา เป็นอย่างดี ยิ่งสาวคนไหนที่โปรดปรานการใส่รองเท้าส้นสูงด้วยแล้ว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "อุ้ยย ชั้นก็เป็นก้อนเเข็งๆ ตรงใต้เท้าเนี้ย" บางคนสะสมตาปลาเสียจนทั้งใหญ่ แข็ง และเจ็บ ..ถึงขั้นเดินไม่ไหว ต้องหาหมอรักษาเลยก็มี!

 

 

 

ยิ่งเวลาเดินแล้วเท้าบดกดทับบริเวณตาปลาจะเจ็บจี๊ดระบมขึ้นมาเชียว แต่จะให้ทิ้งส้นสูงลงกรุแล้วคว้าผ้าใบมาใส่แทนก็กระไรอยู่ ยังไง้ยังไงก็ไม่เข้าชุดกับกระโปรงสั้น ชุดเดรสพริ้วไหว หากสาวคนไหนพกพาความเตี้ยมาเต็มกระบุงด้วยแล้ว รองเท้าส้นสูงอาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พวกเธอขาดไม่ได้

 

ดังนั้นขอสอบถามหาสาเหตุ วิธีแก้ไข ดูแลเท้าอย่างไรให้ไร้ตาปลาดีกว่ากับ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

"ตาปลา" โผล่ผุดสู่เท้าเพราะ?

 

ตาปลา เป็นก้อนของหนังขี้ไคลซึ่งเกิดจากการเสียดสีของผิวหนังเรื้อรัง พบบ่อยบริเวณฝ่าเท้าซึ่งรับน้ำหนักตัวจึงเกิดอาการเจ็บเวลาเดิน เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ใส่รองเท้าแคบเกินไป นิ้วเท้าผิดรูป การยืนนาน คนอ้วนทำให้น้ำหนักเกิดการกดทับ การเดินที่ผิดท่า การผ่าตัด นิ้วหัวแม่เท้าผิดรูป ตะเข็บรองเท้า เป็นต้น

 

"ตาปลา ไม่ใช่หูด ดังนั้นไม่เหมือนกันนะ คนจะชอบจับสลับกันระหว่างหูดกับตาปลา คนไข้บางคนบอกว่าตัวเองมาหาคุณหมอเพราะตาปลา แต่จริงๆ เป็นหูด ต้องแยกโรคก่อน หูดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ดังนั้นจึงไม่เหมือนกันเลย อันหนึ่งคือ การติดเชื้อ ส่วนอีกอันเกิดจากการลงน้ำหนักเท้าไม่ถูก

ลักษณะยังไม่เหมือนกันด้วย ถ้าเราดูดีๆ ลักษณะตาปลาหนังจะเรียบๆ มีแกนตรงกลางเเข็งๆ เเน่นๆ ส่วนหูดจะมีความขรุขระอยู่ในตัวของมัน และจะมีเส้นเลือดเล็กๆ มาเลี้ยงเยอะ ถ้าเราไปตัดเนื้อบริเวณนั้นเลือดอาจจะออกได้

 

 

 

ตาปลา เกิดจากการที่เท้าลงน้ำหนักในตำแหน่งที่ปกติเราต้องลงกระจายทั่วฝ่าเท้า แต่เนื่องด้วยรูปเท้า หรือการใส่รองเท้าบางชนิด เช่น การใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ จึงทำให้น้ำหนักลงเฉพาะทางด้านหน้าเยอะไป และลงเฉพาะบางจุดมากไป ทำให้ตรงจุดนั้นเกิดการหนาตัวขึ้นของผิวหนัง และพอหนาตัวขึ้นตำแหน่งเดียวมากเข้า ก็จะเกิดอาการเจ็บตามมา

 

อย่างไรก็จาม ต้องดูด้วยว่ารูปเท้าคนไข้ผิดปกติหรือเปล่า ถ้ารูปเท้าปกติก็ต้องดูว่าปกติใส่รองเท้าแบบไหนใส่รองเท้าที่ทำให้น้ำหนักกระจายไม่ทั่วเท้า กระจายผิดตำแหน่งต้องรีบแก้ที่สาเหตุก่อน” คุณหมอธิดากานต์ กล่าว

 

รูปร่างหน้าตาของตาปลา

 

post-2581-054422000 1311572902.jpeg

 

ลักษณะหนังหนาและตาปลา ยังพบได้บริเวณซอกนิ้วนางและนิ้วก้อย ซึ่งมีการเสียดสีของหนังซึ่งทับกันระหว่างซอกนิ้วกับกระดูกนิ้ว นอกจากนี้ยังพบบริเวณฝ่าเท้าระหว่างโคนหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ และฝ่าเท้าบริเวณโคนนิ้วกลางและนิ้วนาง จากการสวมใส่รองเท้าหัวแหลมบีบนิ้วทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน หนังฝ่าเท้าจะห่อเข้าหากันเกิดการเสียดสีเรื้อรังเมื่อเดินเป็นก้อนแข็งยาวตามร่องฝ่าเท้า และอาจมีตาปลาตรงกลางก้อนแข็ง ด้านบนของหลังเท้าบริเวณนิ้วนางก็พบตาปลาบ่อย เนื่องจากการสวมรองเท้าหัวแบน ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเสียดสีกับรองเท้าซึ่งหุ้มหลังเท้า ส่วนผิวหนังหนาด้านข้างฝ่าเท้าบริเวณหัวแม่เท้าและนิ้วก้อย มักเกิดจากการสวมรองเท้าหลวมเกินไป

 

คุณหมอบอกว่า "ถ้าตรงตัวตาปลาเองไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เราก็พยายามตัดหนัง ส่วนเกินออก จากนั้นทายาที่ช่วยให้บริเวณนั้นนุ่มขึ้น ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และแก้ในเรื่องรองเท้าจะช่วยได้ แต่ถ้าใหญ่มากบางครั้งก็ต้องตัดออกไป

 

ทว่าถ้ารักษาหายแล้วแต่คนไข้ยังกลับไปใส่รองเท้าแบบเดิมอีกก็ไม่มีวันหาย หรือถ้าเกิดจากกระดูกเท้าผิดรูปจริงๆ อาจจะต้องใช้รองเท้าพิเศษช่วย ตัดเป็นพิเศษสำหรับเท้าเขาโดยเฉพาะ ดังนั้นถ้าเกิดจากสาเหตุเท้าผิดรูป ต้องส่งไปคุณหมอด้านเท้าโดยเฉพาะ เขาก็จะสามารถตัดตัวรองเท้าที่สามารถช่วยปรับการกระจายน้ำหนักไหม่ให้ได้"

การรักษา

 

"ถ้าเป็นตาปลาขนาดเล็กคุณหมอมักให้ใช้ยาทา เป็นยากลุ่มที่ทำให้ผิวนุ่มช่วยผลัดเซลล์ผิว ส่วนวิธีการป้องกันอย่าพยายามใส่รองเท้าส้นสูงมาก ให้ใส่รองเท้าส้นเตี้ย หรือผ้าใบและควรใส่ถุงเท้าด้วย โดยเฉพาะวันไหนก็ตามที่เรารู้ตัวว่าต้องเดินหรือยืนนานๆ ถ้าเราใส่ส้นสูงกลับมาก็อาจจะกลายเป็นตาปลาด้วย

 

แต่ถ้าเป็นตาปลาขนาดใหญ่บางคนก็ใช้เลเซอร์ตัดออก ดังนั้นการผ่าตัดจึงมีทั้งด้วยมีดธรรมดาและเลเซอร์ แล้วแต่คุณหมอจะเลือกใช้วิธีไหน แต่หลักการเหมือนกัน เเค่อันหนึ่งใช้เลเซอร์ตัด และอันหนึ่งใช้มีดตัดเท่านั้นเอง" คุณหมอบอกวิธีรักษาตาปลา

 

 

ของฝากปิดท้าย

->สูตรอายุรเวทแก้ตาปลา

 

- กระเทียมสด ให้ฝานกระเทียมสดเป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็น และแปะส่วนที่เหลือตรงตาปลา พันผ้าพันแผลทับ แล้วปล่อยไว้ข้ามคืน จึงค่อยแกะทิ้ง ทำซ้ำทุกคืน นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ น้ำกระเทียมสดจะช่วยรักษาอาการที่เป็นอยู่ให้หายเร็วขึ้น หรือลองฝานมะนาวสดหรือสับปะรดหั่นเป็นชิ้นบางๆ มาแปะแทน ก็ช่วยรักษาอาการเหล่านี้ได้เช่นกัน

 

- น้ำมันสน ให้นำผ้าสำลีเนื้อนุ่มหรือผ้าขาวบางชุบน้ำมันสน แล้วแปะไว้บริเวณที่เป็น ช่วงก่อนนอน ทิ้งไว้ข้ามคืน ทำประมาณ 4-5 คืนติดต่อกัน วิธีนี้สามารถรักษาตาปลาได้อย่างด

 

- น้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วยตวง น้ำมันการบูร 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันสน 1 ช้อนโต๊ะ หากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขให้นำมาอุ่นจนละลายก่อน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำมันอีก 2 ชนิดตามสูตร กวนให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดแก้วเก็บไว้ ใช้ทาลงบนตาปลาวันละ 2 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวันเมื่อเริ่มเกิดอาการ

 

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นิทานจ้าเก็บไว้ให้อ่านกัน

นิทานสอนใจเรื่อง "ความทะนงตัวของแมลงวัน

 

 

post-2581-045625300 1311577948.jpg

 

 

////////////

 

แมลงวันตัวหนึ่งไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มันเที่ยวบินเร่ร่อนหาของกินไปทั่ว และไม่ได้คิดถึงอะไรมากนัก นอกจากคิดว่า ตนเองมีความสุขสบายดีแล้วที่มีชีวิตแบบนี้ เพราะเป็นผู้ไม่มีภาระและไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

 

วันหนึ่งในฤดูร้อน แมลงวันตัวนี้บินเตร็ดเตร่ไปหาของกินทางทิศเหนือพบฝูงมดง่ามฝูงหนึ่งกำลังขนอาหารไปสู่รังอย่างขะมักเขม้น แมลงวันเฝ้าสังเกตเหล่ามดง่ามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน มดง่ามตัวหนึ่งได้ยินดังนั้น จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วถามแมลงวันว่า

 

"มีใครในหมู่พวกเรา ทำให้ท่านขบขันถึงปานนั้นหรือ"

 

"อ้อ...หามิได้หรอกท่าน" แมลงวันร้องบอก "ข้ามิได้ขบขันผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่ท่าน แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเวทนาในชะตาชีวิตของพวกเจ้ามากกว่า"

 

"เวทนาเพราะสิ่งใดเล่า" มดง่ามถาม

 

"เวทนา เพราะพวกท่านต้องทำงานอยู่ตลอดเวลาจึงจะมีอาหารประทังชีวิต ผิดกับตัวข้าพเจ้าที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่สามารถหาอาหารมาปรนเปรอกระเพาะได้ตลอดเวลา" แมลงวันตอบอย่างเยาะหยัน

"ชะตาชีวิตของพวกเราทำให้ท่านรู้สึกอย่างนั้นหรือ...ผิดแล้วล่ะ ท่านต้องคิดกลับกันต่างหาก เพราะการทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทำให้ชีวิตของพวกเรามีคุณค่าเป็นที่ประจักษ์ทั้งตัวเราเองและผู้อื่น แต่ข้าพเจ้าก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่า สำหรับท่านซึ่งทำตนเสมือนอยู่ไปวันๆ นั้นคงไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของผู้อื่นหรอก เพราะแม้แต่ตัวท่านเอง ยังทำตนให้เกิดคุณค่าใดๆ มิได้เลย" มดง่ามพูด

แมลงวันเมื่อได้ยินมดง่ามกล่าวดังนั้น ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก ด้วยคิดว่ามดง่ามนั้นช่างไม่รู้สำนึกตน จึงได้พูดจากลบเกลื่อนความต่ำต้อยของตนเอง และกล่าวแดกดันแมลงวันออกมาเช่นนั้น มันจึงชูคอขึ้นด้วยความหยิ่งผยองราวกับว่าตนคือพญาอินทรี แล้วกล่าวต่อไปว่า

"มดง่ามเอ๋ย...ตัวท่านนั้นหาได้มีดีดังว่าไม่ และตัวข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นดังเช่นคำพูดท่านด้วย ลองคิดดูสิ ระหว่างท่านกับข้าพเจ้านั้น ใครเล่าคือผู้ยิ่งใหญ่และถือครองบุญวาสนากว่ากัน ข้าพเจ้าจะบอกอะไรบางอย่างแก่ท่าน ซึ่งท่านอาจจะไม่เคยรู้เลยว่า ตัวข้าพเจ้าสามารถบินวนไปรอบๆ ที่บูชา และข้าพเจ้าก็เที่ยวดั้นด้นไปทั่วทุกวิหารของเทพเจ้ามาแล้ว นอกจากนั้น ข้าพเจ้ายังเป็นผู้แรก ที่ได้มีโอกาสลิ้มรสเครื่องในตับไตไส้พุงของเครื่องเซ่นสรวงในวิหารเหล่านั้น...

 

"ท่านรู้หรือไม่ เมื่อข้าพเจ้ามองเห็นเศียรของกษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวของผู้คนทั่วแผ่นดินนั้น ข้าพเจ้าสามารถบินร่อนลงไปเกาะได้ในไม่ช้า...

"นอกจากนั้น ข้าพเจ้ายังทำในเรื่องที่บุรุษทุกคนต้องอิจฉา เพราะข้าพเจ้าสามารถจุมพิตริมฝีปากสาวบริสุทธิ์ทุกคนได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่บุรุษทั่วไปไม่อาจกระทำได้ตามอำเภอใจ...

 

"และสุดท้าย ข้าพเจ้าขอย้ำให้ท่านฟังอีกครั้งหนึ่งว่า ข้าพเจ้านั้น ไม่ต้องดิ้นรนทำงาน แต่ก็มีชีวิตที่โอ่อ่าหรูหราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากเปรียบกับตัวท่าน ผู้ที่ฟันยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแล้ว ข้าพเจ้าก็คิดว่าไม่มีสิ่งใดหรอกที่จะนำมาเทียบกันได้"

 

 

มดง่ามนิ่งฟังอย่างสงบ แล้วตอบว่า

 

"แน่ทีเดียว ท่านแมลงวัน...เราต้องภาคภูมิใจเมื่อได้รับประทานอาหารกับเทพเจ้า แต่ก็ต่อเมื่อได้รับการเชื้อเชิญอย่างยินดี ไม่ใช่ถือตนเข้าไปเองโดยไม่มีการต้อนรับ แล้วท่านเล่า เคยได้รับการเชื้อเชิญแบบนั้นหรือไม่..."

 

"ท่านเคยได้ไปเยือนสถานที่บูชาอย่างนั้นหรือ? อาจเป็นเช่นนั้นได้ แต่ท่านก็ถูกขับไล่ออกมาอย่างรวดเร็ว มิใช่หรือ..."

 

"ท่านพูดถึงพระเศียรของกษัตริย์ และริมฝีปากของหญิงสาว แต่ทั้งสองเป็นสิ่งที่ควรปกปิดจากการสัมผัส และแม้แต่เด็กยังรู้ว่าต้องให้ความเคารพ และปฏิบัติกับสิ่งเหล่านั้นอย่างให้เกียรติ แต่ท่านเล่า เหตุใดจึงทำการล่วงละเมิดเช่นนั้นอยู่เป็นนิจ หรือในชีวิตของท่าน ไม่เคยรู้จักกับกาลเทศะและความสงบเสงี่ยมเลย..."

 

"ท่านไม่ทำงานเลยหรือ? ใช่แล้ว เพราะเช่นนี้อย่างไรเล่า ท่านจึงต้องขาดแคลนบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้เอง ขณะเมื่อข้าพเจ้าทำงานเก็บไว้กินในฤดูหนาว ข้าพเจ้าเคยแลเห็นท่านเที่ยวหากินตามกองขยะ และสิ่งปฏิกูลใกล้ๆ กำแพงเมือง ซึ่งต้องเสี่ยงเผชิญกับความหนาวเย็นที่อาจจะทำให้ท่านตายได้ทุกเมื่อ..."

 

"และนั่นคือเหตุผลที่ว่า เหตุใดข้าพเจ้าและเพื่อนๆ จึงต้องทำงานกันอย่างหนักในตอนนี้ เพราะอาหารที่พวกเรากำลังขนเข้าไปในรัง จะกลายเป็นเสบียงอาหารชั้นดี ที่ช่วยให้พวกเราอยู่รอดตลอดหน้าหนาวนั้น โดยที่ไม่ต้องออกไปเสี่ยงภัยหนาวอยู่ข้างนอก..."

 

"แล้วตัวท่านเล่า ในเมื่อฤดูหนาวไม่ทำงาน เที่ยวมาคอยรบกวนการทำงานของข้าพเจ้า ฤดูหนาวท่านก็ต้องทนจับเจ่าหลบลมหนาว หาความปลอดภัยให้แก่ชีวิตไม่ได้เป็นธรรมดา ข้าพเจ้าคิดว่า เท่าที่ข้าพเจ้าพูดมานี้ ก็พอจะลดความหยิ่งผยองของท่านได้มากแล้ว"

 

กล่าวจบมดง่ามก็ละความสนใจจากแมลงวันแล้วกลับเข้ากลุ่มมด เพื่อทำงานตามหน้าที่ตนเองอย่างแข็งขันต่อไป

ส่วนแมลงวันนั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก มันรีบบินออกไปไกลจากฝูงมด และไม่เคยกลับมาทางนี้อีกเลย

ดังนั้น เธอทั้งหลายจงอย่าดูแคลนว่าผู้อื่นต้อยต่ำ แล้วทะนงตนเองว่าสูง เพียงเพราะเห็นว่า ตัวเองมั่งมีสุขสบายกว่าเขา เพราะนั่นเป็นเพียงเปลือกนอกที่ฉาบฉวยเกินกว่าจะเอามาตัดสินคุณค่าชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งได้

 

รู้ไว้เถิดว่า สำหรับคนที่สูงส่งจริงๆ แล้ว เขามักจะอยู่อย่างเจียมตน และไม่อวดอ้างหรอกว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เนื่องจากคนที่สูงส่งที่แท้จริงย่อมทำตนเองให้มีคุณค่ามากพอ จนเกิดความรู้สึกอิ่มเอมในชีวิต และไม่จำเป็นต้องยกตนเพื่อไปเปรียบเทียบ หรือคุกคาม ข่มเหงใครๆ เพียงเพราะต้องการให้ตนเองดูยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่น เพราะผู้ที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่คนที่สูงส่งอะไร แต่เป็นคนต่ำต้อยที่อยากให้ใครๆ รู้ว่าตนเองสูงส่งเท่านั้น

 

//////////////

ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดี ๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 กรกฎาคม 2554 08:53

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขับรถ สบายใจ สบายกระเป๋า...ช่วยใส่ใจลดโลกร้อน :wub:

“10 เคล็ดลับขับรถถูกวิธี..ประหยัดน้ำมัน”

โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 21 กรกฎาคม 2554 09:44 น.

 

 

ด้วยราคาน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้ที่ชอบใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางหรือไปทำกิจวัตรต่าง ๆ ทุก ๆวัน ต้องคำนึงถึงเงินในกระเป๋าที่จะต้องเสียไปกับค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบางคนได้หันมาเลือกที่ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนที่รัฐจัดไว้บริการ เช่นรถไฟฟ้า ทั้งใต้ดิน บนดิน สายCity line ด้วยการนำรถยนต์มาจอดไว้บริเวณที่จอดรถของแต่ละสถานี จากนั้นจึงค่อยต่อรถไฟไปทำงานหรือไปทำภารกิจต่าง ๆ แต่บางคนก็เลือกใช้บริการทางเรือ หรือรถเมล์ เป็นต้น

 

วิธีการดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อประหยัดพลังงานและเงินในกระเป๋าของผู้ที่พักอาศัยอยู่ในเขตกทม.และปริมณฑล เท่านั้น ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่อาจใช้แนวทางนั่นได้เพราะระบบขนส่งบางประเภท ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย

 

แต่สิ่งที่“บอกเล่าเก้าสิบ” นำมาฝากฉบับนี้เรื่อง “10 เคล็ดลับขับรถถูกวิธี..ประหยัดน้ำมัน” จะเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งประเทศให้สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้ทุก ๆ คน ทุก ๆครอบครัว ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนผ.) กระทรวงพลังงาน ที่ได้คิดค้นวิธีการประหยัดน้ำมันในการเดินทางและช่วยให้เราสามารถประหยัดเงินได้ด้วย

 

1.ไม่ละเลยวางแผนก่อนเดินทาง สอบถามข้อมูลจราจรล่วงหน้า เพราะหากหลงทาง 10 นาทีสิ้นเปลืองน้ำมัน 500 ซี.ซี

 

2.ไม่เร่งเครื่องยนต์ก่อนออกรถ การเร่งเครื่องให้มีความเร็วรอบสูงจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ส่วนความเร็วรอบที่เหมาะสมสำหรับการออกรถประมาณ 1,100-1,250 รอบ/นาที โดยควรออกรถและวิ่งไปอย่างช้า ๆ แทนการอุ่นเครื่องยนต์ จะช่วยประหยัดน้ำมัน 44 บาท

 

3.ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด การขับรถด้วยความเร็วสูงมากเกินไป ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน และหากขับรถด้วยการใช้ความเร็วคงที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน 139 บาท (90 กม./ชั่วโมง ประหยัดน้ำมันมากที่สุด)

 

4.ไม่เลี้ยงคลัตช์ การเลี้ยงคลัตช์หรือเอาเท้าแช่ไว้ที่คลัตช์ในขณะขับรถ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน

 

5.ไม่เร่งเครื่องก่อนถึงไฟแดง ชะลอความเร็วรถด้วยการถอนคันเร่งแล้วค่อยเหยียบเบรคก่อนถึงไฟแดงจะช่วยประหยัดน้ำมัน 44 บาท

6.ไม่ละเลยใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ไม่ควรใช้เกียร์ต่ำ (1และ2) ที่ความเร็วรอบสูงหรือใช้เกียร์สูง (3,4และ5) ที่มีความเร็วรอบต่ำจะทำให้เครื่องกำลังตกและสิ้นเปลืองน้ำมัน

 

7.ไม่ขับก็ดับเครื่อง การติดเครื่องจอดรถนาน ๆ เพียงวันละ 5 นาที ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน 111 บาท

 

8.ไม่ละเลยปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย หากปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3นาทีแล้วปรับเป็นพัดลมแรง ๆ เพื่อไล่ความชื้น ช่วยลดการเกิดเชื้อราในท่อแอร์ ตู้แอร์จะผุช้าลง ประหยัดน้ำมันได้33บาท (ควรล้างแอร์อย่างน้อยปีละครั้ง)

 

9.ไม่บรรทุกสิ่งของเกินความจำเป็น อย่าใช้ท้ายรถเป็นที่เก็บของ แบกน้ำหนัก แบกค่าน้ำมัน หากบรรทุกน้ำหนักที่ไม่จำเป็น 25 กก.และวิ่งไป 50กม. จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน 20 ซีซี. และยังทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น

 

10.ทางเดียวกันไปด้วยกัน การเดินทางไปด้วยกัน หลาย ๆ คน หรือคาร์พูล ทำให้จำนวนรถยนต์ในถนนลดลง การจราจรดีขึ้น ที่สำคัญช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย

 

ดังนั้น หากผู้ใช้รถทุกคนและทุกครอบครัวปฏิบัติตามเคล็ดลับดังกล่าวก็จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้โดยง่ายและยังสามารถช่วยชาติได้ด้วยการประหยัดพลังงานนั่นเอง!!!!!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เก้บเรื่องขำมาฝาก :D

 

ซุป

 

ฉั นเพิ่งนั่งลงในร้านแถวแมนฮัตตัน พอหยิบเมนูดูก็เห็นว่ามีชาฟว์ซึ่งเป็นซุปประเภทหนึ่ง นึกในใจว่าไม่ได้กินซุปเย็นรสเปรี้ยวแบบนี้มานานแล้วจึงสั่งมาหนึ่งถ้วย

“วันนี้ไม่มีค่ะ” พนักงานเสิร์ฟบอก

“อ๋อ มีเป็นบางวันเหรอคะ” ฉันถาม

“ไม่ใช่ค่ะ เราไม่เคยขาย”

ฉันชักงง “อ้าว แล้วใส่ไว้ในเมนูทำไม”

“อ๋อ” เธอตอบพร้อมกับยักไหล่ “บางคนชอบ”

Submitted by Joel Cohen

 

เด็กขำ

 

ฉันเป็นอาสาสมัครแผนกกุมารเวชของโรงพยาบาล แต่ละสัปดาห์ ฉันเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งยังได้รับความเพลิดเพลินมากมายจากเด็กๆ

วันหนึ่ง ฉันถามเด็กหญิงวัยสี่ขวบว่าได้ผมสวยหยิกเป็นลอนนี้มาจากไหน เธอตอบทันทีว่า “มันงอกออกมาจากหัวหนูเอง”

Submitted by EDITH THIEL

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ..... คนที่ไม่รับรัก...เจ็บกว่า...

 

post-2581-000255500 1311993127.jpg

 

ปึ้ง ปึ้ง ปึ้งๆๆๆ

หว่าหว๋า ลุกขึ้นจากหน้าจอคอม ในนั่งเล่นเพราะเสียงที่ดังมาจากข้างบน มันไม่ใช่เสียงลมพัดประตูกระแทกผนัง

เธอก้าวขึ้นบันไดอย่างเงียบแผ่ว เท่าที่จะทำได้

หว่าหว๋า หยุดยืนที่ห้องโถงชั้นบน มองลอดช่องประตูที่แง้มอยู๋ของห้องน้องชาย

ต้าน้องชายวัยรุ่นของเธอ กำลังใช้กำปั้นทุบผนัง หน้าตาเคร่งเครียดผสมกับความรู้สึกที่เธอก็ไม่เข้าใจ ทำให้เธอได้แต่ยืนแอบมองอยู่เฉยๆ

เธอกับน้องชายสนิทกัน ต้่าเรียนอยู่ม. 5 โรงเรียนชายล้วน เขาเรียนได้ดีพอควรและเป็นที่รักของเพื่อนด้วยนิสัยที่ชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจ

จริงๆแล้วหว่าหว๋าก็ห่วงแต่คิดว่าคงรู้ในไม่ช้าว่าเกิดอะไรเกิดกับต้า คงไม่ใช่ทุบผนังเล่นๆอยู่แล้ว

เธอตัดสินใจว่าจะไม่ถามน้องถึงเรื่องนี้

สองอาทิตย์ต่อมา หว่าหว๋าก็ได้รู้ว่าทำไม อะไรคือสาเหตุ

ด้วยความที่อายุใกล้เคียงกันกับน้องเธอจึงสนิทกับเพื่อนๆของน้อง

มีคนมาเล่าถึงสาวน้อยน่ารักคนนึงซึ่งเธอก็รู้จัก สาวรุ๋นน้องของต้า สาวน้อยตาแป๋วน่ารัก คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวันนั้น

คงเป็นเรื่องยาก....แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ....ว่าทำไมต้าจึงอยุ๋ในอารมณ์นั้นที่เธอเห็นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

เสียงทุบผนังนั่นมาจากการที่ต้าต้องบอก...สาวน้อยคนั้นว่า "ต้าเห็นเธอเป็นน้องสาวคนนึง ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอื่นใดได้"

และนั่นทำให้สาวน้อยร้องไห้ เฮ้อ.....น่าเห็นใจจริงๆ...

ใครจะคิดจะเข้าใจได้ เรื่องบางเรื่องปล่อยไว้ไม่บอกก็จะพัวพันมากขึ้น แต่บอกแล้วคนที่บอกก็เสียใจไม่น้อยกว่ากันเลย

ผ่านมาเป็นหลายเดือน เป็นปีสาวน้อยคนนั้นเข้าใจ เลิกเสียใจเพราะต้าก็ยังทำตัวเป็นพี่ชายเพียงแต่

..มีระยะห่างที่ปลอดภัยสำหรับหัวใจที่บอบบาง

 

ความรักเป็นเรื่องสวยงาม ที่ควรจะเข้าใจ และให้โอกาสที่จะเริ่มรักใหม่ ...เรียนรู้...เข้าใจความรัก :wub: โดยเฉพาะวัยวุ่นๆ :wub:

 

ginger

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทีใครทีมัน

 

ฉันบ่นกับแม่ถึงความขี้ลืมของพี่ชายที่ชอบลืมกุญแจบ้านไว้ในโรงจอดรถ

ฉันต้องคอยเก็บเข้าบ้านให้หลายครั้งแล้ว

แม่ก็ผสมโรงบ่นดังๆให้พี่ชายที่ยืนอยู่ในโรงจอดรถได้ยินด้วย ระหว่างที่เรากำลังบ่นกันอยู่ในบ้าน

พี่ชายก็เดินเข้ามาแล้วยื่นพวงกุญแจให้ฉัน "กุญแจของเธอเสียบหาอยู่ที่ประตูรั้วแน่ะ"

Submitted by จิรวรรณ ชัยสัมฤทธิ์ผล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตุ๊กตาหนีเที่ยว

ตุ๊กตาหนีเที่ยว

นี่จะเป็นการเดินทางครั้งสำคัญในชีวิต....พร้อมกับเรื่องพิเศษเล็กๆ

By ลอยด์ ก็อดสัน

แบ่งปัน

"ฉันหาตุ๊กตาคนแคระให้เธอได้แล้ว" เป็นข้อความที่ปรากฏในเอสเอ็มเอส บนมือถือของผม ผมตามหาตุ๊กตาคนแคระประดับสนามที่มีแก้มสีทับทิมอยู่หลายวัน

แต่กลับเป็นเพื่อนผมที่พบคนแคระหนวดขาวกับหมวกทรงแหลมสีน้ำเงินซึ่งตั้งอยู่ในสนามหญ้าใกล้บ้าน

ใจผมเต้นระทึกขณะกระโดดข้ามรั้วไปคว้าเจ้าตัวน้อยนี้มา ผมฉีกกระดาษมาเขียนด้วยลาย-มือหวัดๆว่า "แม่ครับ ขอไปเที่ยวก่อนนะครับ จะกลับมาเร็วๆนี้ จากตุ๊กตาคนแคระ"

การแอบลักตัวตุ๊กตาคนแคระของผมได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง เอมิลี (Amily)

ซึ่งในเรื่องพ่อผู้เป็นม่ายมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะท่องเที่ยว

ลูกสาวจึงจัดการให้ตุ๊กตาแต่งสวนของพ่อออกเดินทางรอบโลกและส่งไปรษณียบัตรกลับมาจากทุกแห่งที่เดินทางไป

 

ผมก็เหมือนกับเอมิลีที่ตั้งใจจะนำความตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆมาสู่ชีวิตของเจ้าคนแคระผู้โดดเดี่ยว และหวังว่าจะเป็นเรื่องบันเทิง สำหรับเจ้าของมันด้วย

ผมบรรจงห่อตุ๊กตาคนแคระด้วยพลาสติกกันกระแทกใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สนามบินไครส์เชิร์ช

ผมกับเจ้าตุ๊กตามุ่งหน้าสู่การเดินทางที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต เขาจะร่วมทางกับผมและนักศึกษาอีก 19 คนในการเดินทางภาคสนามสิบวันที่แอนตาร์กติกา

ฟังดูเป็นความคิดที่ดี แต่ขณะเฝ้ามองกระเป๋าขึ้นสู่ท้ายเครื่องบินลำเลียงเฮอร์คิวลิส ผมเริ่มไม่แน่ใจ ถ้าเจ้าคนแคระเกิดไม่รอดจากการบินแปดชั่วโมงนี้ เพราะขณะห่อนั้น

ผมสังเกตเห็นมันมีรอยร้าวผ่ากลางหลัง และยังต้องมานอนอยู่ใต้กองสัมภาระหนักอึ้ง ผมรู้สึกกลัวว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

จะถอยหลังก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะผมถูกสั่งให้แต่งตัวในชุดกันหนาวเต็มที่เพื่อเตรียมบิน ไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิบนเครื่องเฮอร์คิวลิส และด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

เราจึงต้องสวมชุดกันเป็นตั้ง มี ชุดชั้นในกันหนาวน้ำหนักเบาสำหรับนักสำรวจ กางเกง และเสื้อหนาวผ้าใยสังเคราะห์สำหรับขั้วโลก

แว่นตากันหิมะ หมวกที่ปิดหู และเสื้อแจ็กเกตตัวยาวมีหมวกคลุมศีรษะที่มีซิปปิดตลอดถึงจมูก แถมยังต้องสวมที่อุดหูเพื่อป้องกันเสียงดังของเครื่องยนต์อีกด้วย

การบินใช้เวลานาน เมื่อเราถึงวินด์เลสไบต์ สถานที่ตั้งแคมป์ของพวกเราในอีกสิบวันข้างหน้า ผมกระวนกระวายอยากรู้ชะตากรรมของเพื่อนใหม่

ผมรูดซิปเปิดกระเป๋าและโล่งอกที่พบว่าตุ๊กตาคนแคระโผล่หน้ามาจากพลาสติกกันกระแทกหลายชั้นที่หุ้มไว้โดยไม่บุบสลาย

ผมหายใจโล่งอก และรู้ว่าตลอดสิบวันจากนี้คงไม่มีเหตุผลอะไรให้กังวลอีก

พวกเรายุ่งกันมากในสองสามชั่วโมงถัดมาเพราะต้องตั้งเต็นท์ขั้วโลก 12 หลัง

เต็นท์ทรงพีระมิดแต่ละหลังสำหรับนอนได้สองคนนี้เป็นที่พักมาตรฐานของนักวิจัยแห่งแอนตาร์กติกามาตลอดเวลา 80 ปี เต็นท์ของ ผมสีส้มสด

จากนั้นเราต้องสร้างกำแพงน้ำแข็งเพื่อเป็นประตูห้องส้วม ถังสองใบจัดไว้ให้คนสี่คนใช้เป็นส้วม ถังหนึ่งสำหรับ "เรื่องเบาๆ" และอีกถังสำหรับ "เรื่องหนักๆ"

ซึ่งคุณต้องปฏิบัติภารกิจแยกกัน (โชคดีที่ "เรื่องหนักๆ" จะแข็งตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งกลิ่น)

เมื่อถังเต็มก็จะถูกห่อด้วยถุงพลาสติกใบใหญ่ติดป้าย และนำกลับนิวซีแลนด์เพื่อเอาไปทิ้งพร้อมกับขยะทุกชิ้นและน้ำเสียทุกหยด ที่เราใช้

เมื่อมาตั้งค่ายที่แอนตาร์กติกจึงเห็นว่าควรจะมียามเฝ้าหน้าประตูห้องน้ำเพื่อกันคนอื่นมาใช้ถังของคุณจนเต็ม ผมรู้ว่าใครเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้ วันวารของงานที่เป็นเพียงเครื่องประดับสวนกลายเป็นอดีตไปแล้ว ตุ๊กตาคนแคระยืนเฝ้าห้องส้วมของเราอย่างภาคภูมิใจ ถึงตอนนี้ ทุกคนก็เข้าแถวกันเพื่อถ่ายรูปเขา และแม้หิมะจะตก เขาก็ยังยิ้มออก

ทว่าอากาศกลับตาลปัตรเป็นเลวร้ายอย่างที่สุด กระแสลมทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงถึง -33 องศา เต็นท์ของเราปกคลุมด้วยหิมะ

และเราต้องผูกเชือกไว้ระหว่างเต็นท์เผื่อกรณีที่มองไม่เห็นเต็นท์อื่น และด้วยความพิเศษของตุ๊กตาคนแคระ นักศึกษาคนหนึ่งจึงสร้างกระท่อมอิกลูเล็กๆเป็นที่กำบังให้เขา

เมื่ออากาศเลวร้ายผ่านไป ผมกับเจ้าคนแคระใช้เวลาหลายวันสำรวจสิ่งใหม่รอบตัว ใช้เวลาให้คุ้มกับที่ฟ้าสว่างตลอด 24 ชั่วโมง

เราเล่นสกีตอน 2.00 น. นอนในถ้ำน้ำแข็ง ขี่จักรยานบนทางเชื่อมระหว่างฐานสำรวจ เราปีนขึ้น "ภูเขาตรวจการณ์"

ซึ่งเป็นภูเขาสูง 230 เมตรทรงกรวย อันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ เพื่อชมทัศนียภาพ 360 องศาที่เต็มด้วยหิมะ น้ำแข็ง และภูเขา ซึ่งทั้งเจิดจ้าและงดงาม

รู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กชักจะคิดถึงบ้าน ผมจึงไปเยี่ยมสถานีแม็กเมอร์โดของสหรัฐฯ เพื่อให้ตุ๊กตาคนแคระส่งไปรษณียบัตรกลับบ้าน

 

ข้อความนั้นมีว่า "ผมว่าแม่คงอยากรู้ว่าผมไปผจญภัยที่ไหน ผมอยู่ในอิกลูที่วินด์เลสไบต์ เกาะรอส แอนตาร์กติกา ผมสนุกมาก

แต่คิดถึงบ้านแล้ว จะรีบกลับไปเฝ้าสวนให้นะครับ รัก จากตุ๊กตาคนแคระ"

จากนั้นก็ได้เวลาจัดเก็บเจ้าคนแคระเพื่อมุ่งหน้ากลับนิวซีแลนด์ นับแต่วันนี้ไม่มีอะไรน่าหนักใจแล้ว ผมคิดว่าจากการผจญภัยที่ผ่านมา

การบินเที่ยวขากลับเป็นเรื่องง่ายไปเลยสำหรับตุ๊กตาแต่งสวน

 

หลังเรากลับจากดินแดนน้ำแข็ง ผมยังเก็บตุ๊กตาคนแคระไว้ในห้องนอนอีกหลายสัปดาห์ เขาจะยืนเท่อยู่ที่ขอบหน้าต่างและรอต้อนรับทุกบ่ายหลังผมกลับจากมหาวิทยาลัย

ผมยังไม่อยากนำตุ๊กตาไปคืน เราเผชิญสิ่งต่างๆมากมายมาด้วยกัน ผมรู้สึกผูกพันกับเขามากขึ้นทุกที

ผมส่งจดหมายและรูปถ่ายของเจ้าคนแคระยืนอยู่ข้างกระท่อมอิกลูของเขา "กลับมาจากไครส์เชิร์ชแล้ว

แต่จะยังไม่กลับบ้าน อีกสักสองสามสัปดาห์นะครับ" จดหมายเขียนว่าอย่างนั้น

ห้าสิบสองวันหลังการหายตัวไปของตุ๊กตาแต่งสวน ผมก็ตัดสินใจส่งเขาคืนเจ้าของที่แท้จริง เขาเดินทาง 6,000 กิโลเมตร

พร้อมนักศึกษา 20 คน อาจารย์สี่ ท่าน และผู้นำทางภาคสนามอีกสามคนไปยังดินแดนหนาวที่สุด แห้งแล้งที่สุด และลมแรงที่สุดบนพื้นโลกนี้

 

แต่ตอนนี้ เจ้าคนแคระพเนจรจะกลับบ้านแล้ว

บ้านของตุ๊กตาคนแคระท่ามกลางแสงแดดดูเหมือนบ้านในสวนสนุก กำแพงสีครีม ขอบเหลืองตัดกับหลังคาและรางน้ำสีแดงสดใส

แม้แต่ดอกไม้ก็ยังสีเข้ากันกับตัวบ้าน

ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหน บรรดาตุ๊กตาแต่งสวนก็มองตามด้วยรอยยิ้ม แม้เจ้าคนแคระจะสนุกสนานกับการผจญภัยในแอนตาร์กติกาสักเพียงใด

ผมก็รู้ว่านี่คือที่ของเขา อย่างน้อยจนกว่าจะถึงการเดินทางครั้งหน้า

จาก readderdigest

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพื่อนๆ เป็นยังไงกันบ้าง

 

อำนาจเงินกับความสุข post-2581-092797600 1312023853.jpg

 

 

“เงิน” มีมากแล้วมีความสุขจริงหรือ

การดิ้นรนต่อสู้เพื่อเป้าหมายของชีวิตของคนจำนวนมากในยุคปัจจุบันนี้ เกิดจากปัจจัยสำคัญคือ “เงินตรา” นำมาซึ่งความสุข

มีปราชญ์ท่านหนึ่งได้เขียนไว้ว่า

“เงินมิใช่ตัวความสุข หากแต่เป็นเพียงหนทางไปสู่ความสุข”

ถ้าท่านเป็นคนใช้เงินได้ถูกต้อง ความสุขที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่การมีสุขภาพที่ดี

มีมิตรภาพที่ดี มีความรักที่ดี และครอบครัวที่ดี หรือ อื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่ละคนจะคิดและพอใจ

การหาเงินไม่ใช่เป้าหมายของชีวิตในคนหนึ่ง

แต่ในอีกคนหนึ่งอาจจะคิดว่าการหาเงินเป็นเป้าหมายแท้จริงของชีวิต

คนที่มุ่งหาแต่เงินโดยเข้าใจว่าเป็นความสุข มักจะเกิดความสับสน และการเดินทางแสวงหาเพื่อที่จะให้ตนเองมีเงินมาก ๆ

โดยตั้งเป้าหมายว่า มีเงินมากแล้วมีความสุข ก็อาจไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นเสียที

ยิ่งกว่านั้น บางครั้งยังจะต้องเกิดการสูญเสีย

เช่น ครอบครัว สุขภาพ เสียเวลา และอีกมากมายเพื่อแลกเอามาก็เป็นได้

บางคนมีความคิดว่า การกินอยู่ที่ต่ำกว่าฐานะ

จนสามารถออกเงินได้มากมาย และนำเงินไปลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้นมา

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป้าหมายสุดท้ายของชีวิต คือ ความสุข

จากการที่ตนเองอดออกถนอมใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อ จะได้มีโอกาสใช้เงินที่ตนเองหามาได้ ให้เกิดความสุข ก็เท่านั้นเอง

ท่านจะคิดในสิ่งไหน อย่างไร ก็สุดแท้แต่ตัวท่านเอง เพราะเป็นชีวิตของท่าน

ปัญหาสำคัญคือ มนุษย์ทุกวันนั้ ความต้องการด้านวัตถุนั้นมีมากขึ้น

การดิ้นรนหาเงินหาทองมาเพื่อใช้แลกซื้อวัตถุให้เทียมหน้าเทียมตาเพื่อน ๆ

แต่สิ่งเหล่านี้ บางครั้งก็มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

บางครั้งบางสิ่งก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

ก็สุดแท้แต่ท่านอีก เหมือนกันที่จะคิดพิจารณา.......

 

sawkhonkaen

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางครั้งที่เราอ่าน ไม่ใช่เพื่อความสนุกเพลิดเพลินเสมอไป

แต่อ่านเพื่อผ่อนคลายและเรียนรู้

 

บางครั้งแค่อ่านผ่านตา แต่บางครั้งการอ่านก็สั่งสม ความดีงามในจิตใจเราอย่างช้าๆ

คล้ายกับผังความคิด....คล้ายกับฐานที่มั่นคงของชิวิต :wub:

 

คำท่านขงจื้อจะสอนให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนโดยสมบูรณ์ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้นต้องปฏิบัติตาม คุณธรรม 8 ประการ ท่านขงจื้อได้สอนเกี่ยวกับ คุณธรรม 8 ประการ ไว้ดังนี้

1. กตัญญู

 

กตัญญู (กตัญญ อักษรจีนอ่านว่า เซี่ยว ครึ่งบนเป็นตัวชรา ครึ่งล่างเป็นตัวลูก ประกอบกัน) ความหมายในตัวอักษร แสดงให้เห็นว่า พ่อแม่นั้นแก่เฒ่า ลูกอยู่เบื้องล่าง เหมือนมือเท้าเฝ้ารับใช้

 

กตัญญูเป็นคุณธรรมอันดับแรก เป็นต้นกำเนิดของความดีงาม เป็นคุณธรรมสำนึกที่ควรปฏิบัติรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งคนจะขาดเสียมิได้ ขาดความกตัญญ เหมือนต้นไม้ไม่มีราก เหมือนน้ำไม่มีต้นน้ำ พ่อแม่เลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ บุญคุณลึกล้ำกว่ามหาสมุทร คุณธรรมท่านสูงกว่าขุน เขาไท่ซัน ทุกค่ำทุกเช้า ทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อแม่ให้ความรักดูแลเอาใจใส่ลูก จนสุดที่จะ บรรยายได้ ไม่ว่าจะลำบากฝ่าฟันอันตรายอย่างไร ก็ไม่เหนื่อยหน่ายท้อถอย ความรักลูกนั้น ไม่เปลี่ยนผันจนวันตาย

 

ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า

หมื่นพันตำลึงทองมากมาย ยากจะซื้อชีพกายพ่อแม่

ท่านยังอยู่ไม่เคารพดูแล ท่านนิ่งแน่ร้องไห้ให้ป่วยการ

พระคุณพ่อนั้นเพียงพสุธา คุณมารดาดังมหาสมุทรใหญ่

รักลูกผูกถวิลจนสิ้นใจ จะหมายใครดั่งพ่อแม่แท้ไม่มี

ความกตัญญูตามปกติที่ทุกคนพึงปฏิบัติในจุดหมายแห่งการอบรมนี้ คือ

 

1. ไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่พ่อแม่ เรียกว่า อัน หมายถึง ให้ความสงบสุขใจ

 

2. ช่วยรับภาระความทุกข์กังวลของท่าน เรียกว่า อุ้ย หมายถึง ปลอบใจช่วยให้คลายทุกข์

 

3. ให้เสื้อผ้าอาหารด้วยกิริยาที่ยินดี เรียกว่า จิ้ง หมายถึง เคารพ

 

4. พ่อแม่โกรธว่า ไม่ขัดเคืองโกรธตอบ เรียกว่า ซุ่น หมายถึง โอนอ่อนไม่ขัดใจ

 

ขงจื๊อ สอนธรรมะในข้อกตัญญแก่ศิษย์ไว้ว่า ลูกกตัญญู พึงปฏิบัติต่อมารดาบิดา คือ เมื่ออยู่กับท่านให้เคารพ เมื่อเลี้ยง ดูท่านให้ได้รับความสุข เมื่อท่านป่วยไข้ให้ห่วงกังวล เมื่อท่านสิ้นไปให้อาลัยโศก เศร้า เมื่อบูชาเซ่นไหว้ให้ยำเกรงเต็มใจ ทั้งห้าประการนี้ดีพร้อม จึงได้ชื่อว่าปฏิบัติ กตัญญู

 

ความอีกตอนหนึ่งว่า ร่างกายตลอตจนปลายเท้าและเส้นผม ได้จากมารดาบิดา มิกล้าทำลาย นี่ คือ กตัญญูในเบื้องต้น สำรวมตนบำเพ็ญธรรม สร้างคุณงามไว้ในโลก เกียรติ ปรากฏแก่มารดาบิดา นี่คือ กตัญญูในเบื้องปลาย ฉะนั้น ชายหญิงที่ได้รับธรรมะแล้ว อย่าลืมรากฐานชีวิตที่ได้มา จงกตัญญูต่อพ่อ แม่ จึงจะได้ชื่อว่า เป็นผู้บำเพ็ญธรรม

 

2. พี่น้องปรองดอง

 

พี่น้องปรองดอง (อักษรจีน อ่านว่า ที่ จุดแรกเป็นพี่ จุดที่หลังเป็นน้อง โค้งตัวเคารพ ครบมือครบเท้าในร่างเดียวกัน คือพ่อแม่เดียวกัน) สายเลือดที่สนิทชิดเชื้อที่สุด คือ พี่น้อง เหมือนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ต้นเดียวกัน ให้สำนึกว่าเกิดมาจากแม่เดียวกัน ดื่มนมจากแม่เดียวกัน พี่จึงควรรู้ให้อภัย น้องให้รู้อดทน ไม่ตัดมือตัดเท้า ความเจริญของครอบครัวเกิดได้เพราะพี่น้องปรองดองกัน

3. ซื่อสัตย์ จงรักภักดี

 

ซื่อสัตย์ จงรักภักดี (อักษรจีน อ่านว่า จง คือวางใจไว้ให้ตรง) จะทำการใดๆให้ถูกต้องยุติธรรม ไม่โป้ปดหลอกลวง ไม่ทำสิ่งน่าละอายต่อตนเองและผู้อื่น ถูกต้องตรงต่อฟ้าดิน ตรงต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตรงต่อบ้านเมือง ตรงต่อสังคม ตรงต่อพ่อแม่ ตรงต่อพี่น้อง บุตร และภรรยา ทุกสิ่งที่ทำไปโดยไม่ผิดต่อมโนธรรม เรียกว่า จง

4. ความสัตย์จริง

ความสัตย์จริง (อักษรจีน อ่านว่า ซิ่น ประกอบด้วยตัวคน และวาจาหมายความว่า คนควรมีวาจาสัตย์) วาจาสัตย์ เป็นบรรทัดฐานแห่งมนุษยธรรมอันล้ำค่า กิจการใดจะรุ่งเรืองล้มเหลวอย่างไร เริ่มต้นได้ที่วาจาสัตย์ ดังคำที่กล่าวว่า กัลยาณชนเอ่ยวาจาใด ต่อให้ม้าฝีเท้าไวก็ไม่อาจตามคืนมากัลยาณชน เมื่อลั่นวาจาว่าจะบำเพ็ญธรรม คำไหนเป็นคำนั้น เชื่อในวิถีธรรม เชื่อในมหันตภัย เชื่อในกฏแห่งกรรม การใดที่ได้พูดจานัดหมายกับใคร จะเป็นซื้อขาย หรือการงานก็ตาม หากคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์แห่งตนแล้วผิดสัญญาคำสัตย์ หลอกลวงเหลวไหลล้วนถือเป็นขาดความสัตย์จริง ฉะนั้น เมื่อพูดให้คิดถึงการกระทำ เมื่อจะกระทำให้คิดถึงที่พูด ปากกับใจเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกัน ซื่อสัตย์ต่อการกระทำตามสัจวาจา

5. จริยธรรม

 

จริยธรรม (อักษรซี อ่านว่า หลี่ หมายถึงการปฏิบัติที่ถูกแบบแผนอันดีงามตามหลักธรรม) คนประเสริฐกว่าสรรพสัตว์ใดๆ หากไม่มีจริยธรรมก็จะไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉานและจะไม่ได้รับการยกย่อง จริยธรรมแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของตน ด้วยอาการที่อ่อนน้อมถอมตน ท่าทีสุภาพสง่างาม อยู่ในระเบียบแบบแผนอันดีงาม มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่มีความกรุณาปรานีต่อผู้น้อยทั่วไป เรามีจริยธรรมต่อเขา เขาย่อมตอบสนองต่อเราด้วยจริยธรรม

ฉะนั้น การบำเพ็ญธรรม จึงให้เห็นความสำคัญของแบบแผนจริยธรรม รักตัวสงวน ตัว รักผู้อื่นเคารพให้เกียรติผู้อื่น เช่นนี้ จึงเป็นผู้มีคุณสมบัติสูงส่ง ไม่ละอายต่อจริยธรรม

6. มโนธรรม

มโนธรรม (อักษรจีน อ่านว่า อี้ หมายถึงการกระทำที่ถูกต้องตามหลักธรรม ) เป็นคนไม่ควรทำทุจริต ทรัพย์สินเงินทองแม้เป็นของน่ายินดี แต่ควรให้ได้มาอย่าง เป็นธรรม หากแข็งขืนช่วงชิงมา ทำให้ผู้อื่นเสียหายเพื่อตนจะได้ประโยชน์ เช่นนี้ ภายหลัง ย่อมได้รับภัยพิบัติเสียหาย

 

ฉะนั้น กัลยาณชนผู้มีมโนธรรม ไม่เพียงแต่ไม่โลภในทุกขลาภ ยังจะต้องสละทรัพย์ เพื่อมนุษยธรรม ช่วยเหลือผู้คน และงานธรรมต่างๆ เป็นที่ชื่นชมต่อเทพยดา เป็นที่เคารพ ของคนทั้งหลาย ไว้ชื่อเสียงเกียรติคุณแก่ลูกหลาน และบรรพบุรุษคงอยู่ชั่วกาลนาน

7. สุจริตธรรม

สุจริตธรรม (อักษรจีน อ่านว่า เหลียน หมายถึงใจซื่อมือสะอาด ไม่โลภ มากอยากได้ ไม่ทุจริตคิดมิชอบ) ผู้มีสุจริตธรรมจะต้องปฏิบัติตนด้วยความจริงใจ ทำการใดๆให้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ฉวยโอกาสเมื่อใกล้เงิน ไม่หลงไหล เมื่อใกล้อิสตรี มีจิตใจสงบเยือกเย็น ละกิเลสความ อยาก คุณค่าเหล่านี้อยู่ที่ใจกาย มิได้อยู่ที่เสื้อผ้าที่สวมใส่ ใจกายที่มี

 

ความบริสุทธิ์ชัดเจน 3 สถาน คือ

1.) บริสุทธิ์งานทางโลก งานทางธรรม

2.) บริสุทธิ์ทางการเงิน

3.) บริสุทธิ์สำรวมมารยาทระหว่างหญิงชาย

และ 4)เที่ยงตรง คือ

1.) กายเที่ยงตรง

2.) ใจเที่ยงตรง

3.) วาจาเที่ยงตรง

4.) ความประพฤติเที่ยงตรง

 

เหล่านี้เป็นเครื่องประดับกายให้ขาวสะอาด จิตใจที่สุจริต แม้ฐานะจะยากจนก็ไม่ โลภอยากได้แต่ผลประโยชน์อันไม่ควรได้ เจียมตัวรักษาตน รักษาหน้าที่การงานด้วยความ สุจริต ไม่เปลี่ยนแปลง

8. ละอายต่อความชั่ว

 

ละอายต่อความชั่ว (อักษรจีน อ่านว่า ฉื่อ หมายถึงเนื้อแท้ของจิตเดิม จิตเดิมของคนเรามีแต่ความดีไม่มีความชั่ว ซึ่งหมายถึงมโนธรรมหรือน้ำใจอันดีงามนั่นเอง)

 

ความรู้สึกละอายต่อความชั่ว มีอยู่ในใจของทุกคน เมื่อรู้ละอาย จึงรู้การอันควรกระทำที่ถูกต้อง ชัดเจน ตรงกันข้ามหากมิรู้ละอาย ใจกายจะไม่สำรวม สวมใส่เสื้อผ้าไม่สุภาพ เป็นชายก็ ไม่ใช่ เป็นหญิงก็ไม่เชิง ไม่ระวังความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ก่อให้เกิดข้อครหาน่าอับอายต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดจากไม่รู้ละอายต่อความชั่วทั้งสิ้น

ขอบคุณ คุณขจรฤทธิ์ รักษา ok nationblog

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องขำขัน

หัวเราะ!

ชายคนหนึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ คณะลูกขุนกลับมาพร้อมกับคำตัดสิน

ตัวแทนลูกขุนลุกขึ้นยืนแล้วกระแอมเล็กน้อยก่อนอ่านคำตัดสินว่า “ไม่ผิด”

จำเลยกระโดดตัวลอย “เยี่ยมไปเลย” เขาตะโกนสุดเสียง “หมายความว่าเงินทั้งหมดเป็นของผมใช่ไหม”

(นี่แหละชีวิต, เรื่องขำขัน) ...readerdigest

 

----รอยสักของคนอื่นก็เหมือนลูกของคนอื่น นั่นคือ มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าน่าเกลียดแค่ไหน

 

-----ภาพโฆษณาครีมชะลออายุที่ผมประ ทับใจที่สุดคือ ภาพทารกแบเบาะทาครีมทั้งตัว พร้อมคำบรรยายว่า “ฉันทาครีมนี้มากเกินไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไม ความคิด จึงสำคัญนัก

ทำไม ใครๆจึงชอบพูดถึง มีคำเช่น อานุภาพแห่งความคิด พลานุภาพพลังความคิดยิ่งเป็นในทางบวกเนี่ย

ทำไมต้องเป็นการคิดในทางบวก หมายถึง คิดในทางที่ดี คิดให้ได้ดี คิดให้แก้ไขเรื่องที่ไม่ดีให้กลายเป็นดี มองในมุมดีอะไรทำนองนี้

น่าคิดอยู่นะ ถ้าเรามีแต้มอยู่ในใจ 10 แต้ม คิดดี คิดบวก เราคงมีแต้มดี+ + +ขึ้นไป ยิ่งเราคิดในทางที่ดี ทำดี แต้มในใจเราก็มีแต่ดี+++ ;)

คิดแค่นี้ก็เห็นภาพแล้ว :)

คราวนี้ลองแบบมี 100 แต้ม แต่คิดแบบติด - นะ เช้าขึ้นก็อารมณ์เสีย คิดอะไรก็ดูจะแย่ๆไปหมด จนไม่มีกำลังใจจะทำอะไร :(

มองไปก็เห็นแต่ทางเสีย เรื่องยุ่งยาก คิดยังไงก็ห่อเหี่ยวไปซะหมด แค่คิดก็พาลไม่อยากทำอะไรซะแว้ววว เฮ้อ นั่งถอนใจ

ยิ้มก็ไม่ออก หัวเราะก็ไม่ได้ แค่คิดลบๆ แค่คิดนี่ก็ทำเอาเซ็งๆแล้วอ่ะ 555 ไม่อยากจะคิดต่อ

ต่อให้มีแต้มสัก 110,000,20000 ก็คงหาความสบายใจไม่ค่อยได้นัก

มาคิดแบบสร้างสรรคเบาให้หัวเราะได้ :D ได้กันดีกว่า :P

มาอ่านเรื่องขำ อีกสักนิด

 

ช ายผู้หนึ่งภาคภูมิใจกับความคิดอันแยบยลของตัวเองที่เลือกซื้อหลุมฝังศพในสุสานราคาแพงที่สุดในเมืองเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ยาย พอปีต่อมา เขาไม่ซื้ออะไรให้จนแม่ยายต้องทวง“แม่จะบ่นทำไม” ยอดลูกเขยตอบ “ของขวัญปีที่แล้วแม่ยังไม่ได้ใช้เลย” (นี่แหละชีวิต, เรื่องขำขัน) ...

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!thk สวัสดีค่ะคุณ ginger และเพื่อนๆ ทุกคน

 

3 สื่งในชีวิตเรา

 

105573.jpg

 

105574.jpg

 

105575.jpg

 

105576.jpg

 

105577.jpg

 

105578.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...