ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
moddang

แกว่งแขน..กายบริหารง่ายๆ

โพสต์แนะนำ

การแกว่งแขน...บำบัดโรคได้

 

 

นับเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการ ออกกำลังกายจะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจดี และประการสำคัญซึ่งเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงก็คือ ช่วยให้ทรวดทรงได้สัดส่วน หากแต่เชื่อได้เลยว่าทุกวันนี้คุณสาวๆ คงไม่ค่อยจะมีเวลาไปออกกำลังกายนัก หรือไม่ก็อาจจะทำงานติดพันจนพลอยขี้เกียจออกกำลังกายไปเลย... คราวนี้เราเลยขอนำเสนอการบริหารกายพื้นฐานง่ายๆ ด้วยการแกว่งแขนซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังสามารถรักษาโรคได้ด้วย

 

วิธีกายบริหารด้วยการแกว่งแขนนี้ นำมาจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อโจ้วซือ) ชื่อว่า คัมภีร์ ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง ซึ่งนับเป็นวิธีออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและขจัดโรคภัย ปฏิบัติได้ง่าย แต่ให้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์! การแกว่งแขนนี้เป็นการแกว่งให้เลือดลมเดินได้สะดวก และปรับสภาพเส้นเอ็น โดยจะช่วยรักษาโรคความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ หัวใจ ประสาท โรคจิต ไต ตับ อัมพาต เนื้องอก มะเร็ง นอนไม่หลับ โรคโลหิต ถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ แทบทุกโรคที่เกิดจากการเต้นของชีพจรไม่สม่ำเสมอ และเลือดลมที่เดินไม่สะดวกทั้งสิ้น

 

:D การแกว่งแขนจะทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้นตามลำดับ และชีพจรก็จะเต้นได้สม่ำเสมอ นับเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายมากทั้งยังให้ผลเกินคาด เพียงแต่ผู้ปฏิบัติต้องมีความขยันและอดทนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทุกที่ หากแต่ถ้าจะทำในที่โล่งได้ก็จะดีมากเพราะจะได้อากาศบริสุทธิ์ ยิ่งยืนบนหญ้าก็จะได้

แร่ธาตุจากดินจากน้ำค้างด้วย มาดูวิธีการปฏิบัติกันเลยค่ะ...

 

 

1. ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่

 

2. ปล่อยมือสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ให้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง

 

3. หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลำคอ ศีรษะ และปาก ผ่อนคลายตามธรรมชาติ

 

4. จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงบนพื้นให้แน่น ให้แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขาและท้องตึง ๆ เป็นใช้ได้

 

5. บั้นท้ายควรให้งอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างบริหารต้องหดก้นหรือขมิบทวารหนัก คล้ายยกสูงให้หดเข้าไปในลำไส้

 

6. ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่งจุดเดียว สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กังวล ออกให้หมด ทำสมาธิให้รู้สึกอยู่ที่เท้า

 

7. แกว่งแขนไปข้างหน้าเบาหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไปหลังแรงหน่อย ทำมุม 60 องศากับลำตัว จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือ

 

ให้เหมือนลูกตุ้ม แกว่งแขนไป-มา โดยเริ่มจากทำวันละ 500 ถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

 

:P เห็นไหม ค่ะว่าสามารถทำได้ง่ายมาก แถมยังไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวอะไรมากมาย ยังไงก็อย่าลืมลองนำไปปฏิบัติดูนะค่ะ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ไม่มีเวลาไปออกกำลัง

 

กายที่ไหน หรือจะสลับกับการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ แก้เบื่อบ้างก็ได้

 

 

 

pic-article_body13-01.png

 

pic-article_body13-02.png

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นี่ก็เป็นอีกสุดยอดของการออกกำลังภายในนอกเหนือจากไทเก็กละครับ ขอบคุณคุณมดแดงที่ช่วยเอามาเผยแพร่ การแกว่งแขนนี้ืทำเป็นประจำร่างกายจะแข็งแรงจิตใจสดชื่นเบิกบาน เลือดลมเดินสะดวกสบาย หายอาการเหน็บชา เส้นเอ็นยืดหยุ่นได้ดี อวัยวะภายในแข็งแรง เป็นการออกกำลังง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์มหาศาลทีเดียวครับ

:ph34r:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นี่ก็เป็นอีกสุดยอดของการออกกำลังภายในนอกเหนือจากไทเก็กละครับ ขอบคุณคุณมดแดงที่ช่วยเอามาเผยแพร่ การแกว่งแขนนี้ืทำเป็นประจำร่างกายจะแข็งแรงจิตใจสดชื่นเบิกบาน เลือดลมเดินสะดวกสบาย หายอาการเหน็บชา เส้นเอ็นยืดหยุ่นได้ดี อวัยวะภายในแข็งแรง เป็นการออกกำลังง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์มหาศาลทีเดียวครับ

:ph34r:

 

ขอบคุณมากค่ะ เห็นลิงค์นี้ภาพสวยงามน่าอ่าน เลยแยกกระทู้จะได้หาง่ายหน่อยค่ะ

 

 

ใครไม่ลองไม่รู้นะคะ ของง่ายๆเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เพิ่งเข้ามาเจอ กำลังสนใจอยู่พอดีเลยค่ะคุณมดแดง

 

ขอบคุณนะค่ะ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“แกว่งแขน” ลดน้ำตาลในเลือด

 

โดย Anonymous | วันที่ 18 มิถุนายน 2552

 

ต้านเบาหวาน ลดเสี่ยงโรคหัวใจ-หลอดเลือด

 

rwerw.jpg

ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนสูงมาก โดยคาดว่า ในปี 2553 จะมีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกอย่างน้อย 215 ล้านคน สำหรับในประเทศไทยพบว่ามีอัตราความชุกประมาณ 2.5 - 7% ในกลุ่มประชากรผู้ใหญ่ และประมาณ 13 - 15.3% ในกลุ่มผู้สูงอายุ

 

โดย เฉพาะอย่างยิ่ง โรคเบาหวานชนิดที่เซลล์มีภาวะดื้อต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลินต่อการนำกลูโคส เข้าเซลล์ และสร้างน้ำตาลจากตับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจพบร่วมกับการคัดหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง หรือที่เรียกว่า “โรคเบาหวานประเภท 2” ที่พบในผู้ป่วยโรคเบาหวานคนไทยมากถึง 90%

 

ผศ.ดร.นฤมล ลีลายุวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ให้ข้อมูลว่า ปัญหาสำคัญที่เกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง คือ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนทางหลอดเลือด ทำให้เกิดการสูญเสียหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตา ไต ระบบประสาท หัวใจ และหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของตาบอด ไตวาย การถูกตัดเท้าจากแผลติดเชื้อลุกลาม ดังนั้นการลดระดับน้ำตาลในเลือดให้กลับสู่ระดับปกติจึงเป็นการรักษาที่จำ เป็น เพื่อลดอัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนและการเสียชีวิต

 

ทั้ง นี้ การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นวิธีการหนึ่งของการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรค เบาหวานประเภท 2 เนื่องจากมีผลต่อการควบคุมเมแทบอลิซึมของน้ำตาลและไขมันในร่างกาย และส่งผลให้ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนข้างต้นได้

 

รศ.ดร.นฤมล อธิบายต่อว่า จากการให้อาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 ฝึกออกกำลังด้วยการแกว่งแขน (Arm swing) นาน ประมาณ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน รวม 8 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้

 

“การ แกว่งแขนเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะที่แขนทั้งสองข้างจะเคลื่อนไปหน้า - หลังพร้อมๆ กัน ตัวและขาทั้งสองยืนตรงอยู่กับที่ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความหนักระดับเบา ไม่มีการกระแทกน้ำหนักลงที่ร่างกายส่วนขาเหมือนการวิ่งหรือขี่จักรยาน ซึ่งจะทำให้ชะลอการเสื่อมของข้อได้

 

ไม่ มีการเคลื่อนไหวขา เพียงแต่ออกแรงรับน้ำหนักตัวไว้ ไม่ต้องอาศัยทักษะมากมาย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ประกอบ สามารถทำได้ตลอดเวลาทุกสถานที่ รวมทั้งที่บ้าน จึงเป็นวิถีทางที่ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างดียิ่ง การออกกำลังกายโดยการแกว่งแขนจึงน่าจะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรค เบาหวาน ซึ่งมักจะมีน้ำหนักตัวมาก หรืออายุมาก หรือมีพยาธิสภาพที่ขา หรือไม่สะดวกที่จะออกกำลังกายนอกบ้านเนื่องจากมีเวลาว่างน้อยหรือมีทุน ทรัพย์ไม่เพียงพอ” ผศ.ดร.นฤมล ระบุ

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ'

 

http://www.thaihealt...nt/article/9634

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การแกว่งแขนกับการเปลี่ยนแปลงของชีพจร

 

 

 

การจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ซึ่งชาวจีนเรียกว่า แมะ

นั้นเป็นการค้นพบที่สำคัญอย่างยิ่ง ของแพทย์จีนแผนโบราณ แพทย์จีน ในสมัยโบราณ ได้ศึกษาเกี่ยวกับหลักการเต้นของชีพจร ไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

และมีผลงาน เป็นเกียรติประวัติเป็นที่แพร่หลายกว้างขวาง จากการเฝ้าสังเกต การเปลี่ยนแปลง ของชีพจร ทำให้สามารถรู้ถึงสภาพของร่างกาย ว่าแข็งแรง หรืออ่อนแอประการใด

 

เหตุที่การแกว่งแขนสามารถรักษาโรคได้ก็เพราะการแกว่งแขน สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข สภาพของร่างกายเมื่อแก้ไขสภาพของร่างกายได้ ผลสะท้อน ก็จะแสดงออกไปยังชีพจรด้วย

 

 

ตัวอย่างเกี่ยวกับการจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรค

 

1. โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โดยทั่วไปชีพจรจะลอยสูงเน้นเร็วเกินไปความดันโลหิตยิ่งสูง ชีพจรก็จะยิ่งเต้นเร็วเป็นเงาตามตัวดังนั้นโรคหัวใจกับความดันโลหิตสูง จึงเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดชีพจรของคนปกติจะเต้นอยู่ระหว่าง 60 – 80 ครั้งต่อนาทีมีการเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเต้นอย่างลึก ๆ และอย่างมีแรงส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจผู้สูงอายุ และผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอการเต้นของชีพจรจะอยู่ในระหว่าง 60 ครั้งต่อนาที แต่เต้นอ่อนและผู้ป่วยที่เป็นโรความดันโลหิตต่ำการเต้นของชีพจรก็จะมีกำลังอ่อนเช่นกัน

2. โรคประสาท โรคจิต โรคไต ชีพจรจะเต้นเร็วบ้างช้าบ้างไม่สม่ำเสมอ

3. โรคเกี่ยวกับโลหิต เกี่ยวกับน้ำเหลือง ชีพจรเต้นช้ามีแรงอ่อนมากจนกระทั่งบางรายคลำดูไม่รู้สึกว่าเต้น บางราย ชีพจรทางซ้ายกับขวาเต้นไม่เหมือนกันเมื่อชีพจรทางซ้ายและขวาขัดกันเช่นนี้ การหมุนเวียนของโลหิตก็จึงติดขัด

4. โรคอัมพาต คนที่เป็นลม มักมีชีพจรทั้ง 2 ข้างต่างกันบางรายการเต้นของชีพจรแต่ละข้างต่างกันถึง 20 ครั้งต่อนาที ซึ่งเกี่ยวโยงกับโรคไขข้ออักเสบเหมือนกัน เมื่อข้างหนึ่งทางเดินของเลือดติดขัดไม่สะดวกอีกข้างหนึ่งก็จะมีกำลังกดดันมากขึ้น

โรคดังกล่าวเหล่านี้ล้วนสามารถรักษาให้หายได้โดยกายบริหารแกว่งแขนทั้งสิ้น

 

กายบริหารแกว่งแขนสามารถควบคุมการเต้นของชีพจรให้เป็นปกติได้อย่างไร

 

โรคชีพจรเต้นเร็วการที่ชีพจรเต้นเร็วก็เพราะ โลหิตในร่างกายของเราไม่สามารถบังคับการไหลของโลหิตให้เป็นปกติ เมื่อบังคับและควบคุมไม่ได้ ลมก็เสียสาเหตุเนื่องจากปริมาณโลหิตไม่เพียงพอ เมื่อทำกายบริหารแกว่งแขน จะทำให้สามารถเสริมสร้างบำรุงโลหิต และยังบังเกิดผลในการบังคับควบคุมได้ด้วย

 

การออกำลังด้วยการบริหารแบบนี้ สามารถบำรุงและเสริมสร้างโลหิตได้ก็เพราะเมื่อกระเพาะและลำไส้ ได้รับการออกกำลัง จึงเสมือนกับได้รับการนวดเฟ้นก็จะเริ่มเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ทำให้กระเพราะอาหาร และลำไส้สามารถรับเอาอาหารไปบำรุงร่างกาย ได้อย่างเต็มที่สำหรับผู้ที่มีชีพจรเต้นช้ากว่าปกติ ก็เพราะการหมุนเวียน ของโลหิตติดขัดและปริมาณของโลหิตไม่เพียงพอ การบริหารแกว่งแขนจะทำให้มือและเท้าได้รับการบริหารและหลังของเรา จะพลอยได้รับการเคลื่อนไหวด้วย สิ่งกีดขวางทางเดินของเลือดลมในทรวงอก และช่องท้องจะถูกขจัดไป โลหิตที่คั่งก็จะกระจายหายคั่งเมื่อนั้นชีพจรจึงจะเต้นเป็นปกติ

 

การแก้ไขชีพจรให้ดีได้ก็โดยถือหลักของแพทย์จีนแผนโบราณที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่าชีพจรขึ้นมาจากส้นเท้าเวลาทำกายบริหารแกว่งแขนน้ำหนักการทรงตัวทั้งหมดอยู่ที่เท้าเมื่อเท้าได้รับการออกแรงก็เปรียบเหมือนต้นไม่ที่ใช้รากยึดเกาะถึงพื้นดินและคล้ายกับการตอกเสาเข็มซึ่งตอกลึกลงไป ๆทำให้เกิดมีอาการบีบนวดเลือดลมที่บริเวณเท้า แล้วส่งกระจายออกไปทั่วร่างกายเมื่อเป็นเช่นนี้ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระดูก ไขข้อก็จึงไม่ยากที่จะแก้ไขได้

 

ดังนั้นกายบริหารแกว่งแขนจึงมีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคภัยเรื้อรังและร้ายแรงต่าง ๆได้อย่างเกินความคาดฝันทีเดียว

 

กายบริหารแกว่งแขน เพื่อรักษาโรคอัมพาต

 

 

โรคอัมพาตหรืออาการที่ตายไปครึ่งตัว เป็นลมความดันโลหิตสูง ไขข้ออักเสบ ส่วนมากโรคเหล่านี้ มักจะเกี่ยวเนื่องกันเกิดขึ้นเพราะ เลือดลมภายในร่างกาย ขาดความสมดุลยซึ่งกระทบกระเทือนการไหลเวียนแจกจ่ายของเลือดลม และทำให้ชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูกไขข้อ เกิดการแปรปรวนขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏว่าชีพจรทั้งสองข้างเต้นไม่เท่ากันคือข้างหนึ่งเต้นเร็วอีกข้างหนึ่งเต้นช้า การเต้นของชีพจรบางครั้งต่างกัน 10 – 20 ครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเกิดปฏิกิริยาโดยมือเท้าข้างใดข้างหนึ่งมีอาการรู้สึกปวดเมื่อย หรือชา ขาดความรู้สึกที่จริงส่วนบนกับส่วนล่างก็มักมีปัญหาเช่นกัน ได้แก่ ส่วนบนเลือดคั่งแต่ส่วนล่างเลือดกลับเดินไม่ถึงเช่นนี้

 

เหตุใดการออกกำลังโดยการแกว่งแขนจึงสามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้อย่างชะงัด

 

การออกกำลังแบบนี้มิเพียงสามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้ แต่ยังสามารถป้องกันการเป็นลมอีกด้วยการที่คนเราเกิดเป็นลมขึ้นมา ก็เพราะการไหลเวียนของโลหิตทั้งสองด้านของร่างกายขัดแย้งกันดังนั้นชีพจรจึงแสดงการไม่สมดุลกันออกมาให้ปรากฏ

 

แพทย์จีนแผนโบราณให้คำอธิบายไว้ว่าชีพจรนั้นได้เริ่มจากส้นเท้าการทำกายบริหารแกว่งแขนมีประโยชน์ก็เพราะหลังจากแกว่งแขนแล้วชีพจรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลับคืนสู่สภาพปกติชีพจรเป็นเสมือนตัวแทนของอวัยวะภายในร่างกายของคนเรา สาเหตุของโรคอัมพาตก็คือศีรษะหนักเท้าเบา ซึ่งเท่ากับส่วนบนหนัก ส่วนล่างว่างกรณีเช่นนี้จึงเป็นความผิดปกติอย่างยิ่งเพราะที่ถูกต้องร่างกายของคนเราส่วนบนต้องเบาและส่วนล่างต้องหนัก

 

กายบริหารแกว่งแขนเพื่อพิชิตโรคมะเร็ง

 

สมุฏฐานของโรคมะเร็งคืออะไร

 

ตามหลักการแพทย์จีนโบราณมะเร็งและเนื้องอกเป็นผลจากการรวมตัวเกาะกันเป็นก้อนของเลือดลม และเส้นชีพจรติดขัดระบบ การขับถ่ายของเสีย ไม่ทำงาน การหมุนเวียนของโลหิตไม่สะดวก และโลหิตไหลช้าลงนำเหลือง น้ำดี น้ำเมือก เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติเมื่อการหมุนเวียนของโลหิตขาดประสิทธิภาพ และทำงานไม่เต็มที่พลังงานหรือความร้อนก็ไม่เพียงพอ จึงทำให้ระบบขับถ่าย และระบบ ย่อยอาหารไม่ทำงานแต่เมื่อทำกายบริหารแกว่งแขนแล้วจะช่วยให้เจริญอาหาร เม็ดเลือดจะเพิ่มมากขึ้นกล้ามเนื้อที่ไหล่ทั้ง 2 ข้างได้รับการออกกำลังอาการเกร็งซึ่งแบกรับน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาก็จะหายไปเยื่อบุช่องท้องจะได้รับการบริหารขึ้น ๆ ลง ๆ ตื่นตัวอยู่เสมอซึ่งจะทำปฏิกิริยากระตุ้นและบีบบังคับลม เคลื่อนไหวระหว่างไตเมื่อโลหิตสามารถผลิตความร้อน ก็จะเกิดพลังในการรับของใหม่ แล้วถ่าย ของเก่าออกเช่นนี้แล้ว จึงมีประโยชน์ทางบำรุงเลือดลมด้วย

 

อนึ่งจากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่งดบริโภคเนื้อสัตว์ หันมารับประทานอาหารพืชผัก อาหารมังสวิรัต อาหารเจซึ่งมีปริมาณใยมาก จะช่วยให้เลือดในกายสะอาด สามารถขับพิษออกจากร่างกายได้เร็วและส่งผลให้การแกว่งแขนบำบัดโรคประสบผลเร็วยิ่งขึ้น

 

กายบริหารแกว่งแขนกับการรักษาโรคตา

 

การทำกายบริหารแกว่งแขนมีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคตา มีบางท่านใช้แว่นสายตาหนามากแต่เมื่อได้ทำกายบริหารแกว่งแขน ระยะหนึ่ง กลับไม่ต้องใช้แว่นอีกเลยมีบางคนอ่านหนังสือพิมพ์รู้สึกลำบาก มองไม่ค่อยจะเห็นอ่านแต่ละตัวต้องเพ่งแล้วเพ่งอีก หนังสือ (เน่ยจัง)คัมภีร์แพทย์เล่มแรกของจีนกล่าวไว้ว่าตาเมื่อได้รับเลือดหล่อเลี้ยงจึงสามารถมองเห็นแสดงว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่เลือด เมื่อเลือด เดินไปไม่ทั่วถึงทุกส่วนของร่ายกายก็จะเกิดโรคต่าง ๆ อย่างแน่นอน ส่วนต่าง ๆของร่างกายทั่วร่างกายมีส่วนสัมพันธ์กันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ชีพจร เส้นเลือด ทางลมหากเลือดหมุนเวียนทั่วทุกส่วน เราก็จะรู้สึกสบาย ไม่เจ็บป่วย ถ้าใครคิดว่าดวงตานั้นมีระบบอยู่อย่างเอกเทศ ตัดขาด จากกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายนั้นจึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้เมื่อเราได้ทำกายบริหารแกว่งแขนทั่ว ๆ ไปจะรู้สึกเจริญอาหาร เดินกระฉบับกระเฉง นอนหลับสบาย ท้องก็ไม่ผูกซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่า ระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกาย (METABLISM) นั้นทำงานดี

 

 

กายบริหารแกว่งแขนรักษาโรคตับ

 

กายบริหารแกว่งแขนสามารถรักษาโรคตับแข็ง และโรคท้องมานให้หายขาดได้ ถ้าเป็นตัวบวมหรือตับอักเสบการแกว่งแขน ก็จะยิ่งรักษา ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะว่าตัวการที่ทำให้เกิดโรคประเภทนี้ก็คือ เลือดลมเช่นกัน การที่เลือดลมผิดปกติจะทำให้ตับเกิดปฏิกริยา เกิดมีน้ำขังและไม่สามารถขับถ่ายออกได้เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะรู้สึกจุกแน่น อึดอัดจนกระทบกระเทือนไปถึงกระเพาะ ม้ามและถุงน้ำดีด้วย เมื่อเราทำกายบริหารแกว่งแขน ก็จะขจัดปัญหาเหล่านี้ไปได้เป็นต้นว่า เมื่อลงมือทำการแกว่งแขนจะมีอาการเรอ สะอึด ผายลมอาการเหล่านี้เป็นสิ่งดีอันเนื่องจากผลทางการรักษาโรคทั้งนี้ก็เพราะเข้ากฎเกณฑ์ตามตำราจีนแผนโบราณที่ว่าเลือดลมผ่านตลอดทั้งสามจุด

 

จุดสามจุดตามตำราแพทย์จีนโบราณหมายถึง 1 ทางข้าว 2. ทางน้ำ 3. เนินที่เริ่มต้นและจุดที่สิ้นสุดของลม ได้แก่ จุดบน อยู่ที่ปากกระเพาะด้านบนมีหน้าที่รับเข้าไม่รับออก จุดล่าง คือ ภายในส่วนกลางของกระเพาะมีระดับไม่สูงไม่ต่ำ มีหน้าที่ย่อยข้าวน้ำ จุดต่ำ อยู่เหนือกระเพาะปัสสาวะมีหน้าที่แบ่งแยกสิ่งสะอาดและสิ่งสกปรกออกจากันและมีหน้าที่ขับถ่าย

 

เมื่อตับเกิดอาการแข็ง ส่วนที่แข็งคือส่วนที่ต้องตายไปอาการแข็งเป็นเรื่องของวัตถุธาตุซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกถึงสมรรถภาพที่เสื่อมถอยไม่มีชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังมีสิ่งขัดแย้งเป็นปัญหาอีกก็คือเลือดที่เสียคั่งค้างไม่เดิน เพราะแรงขับดันเคลื่อนไหวไม่พอเมื่อทำกายบริหารแกว่งแขน ก็จะกระตุ้นให้เลือดลมตื่นตัวหมุนเวียนเร็วขึ้นและจะทำให้เจริญอาหาร ช่วยเพิ่มเม็ดเลือด เปิดทวารทั้งเก้าและรูขนตับที่อยู่ในสภาพเกาะติด จนแข็ง ก็จะเริ่มฟื้นตัวมีชีวิตใหม่เพิ่มขึ้นตามลำดับตับที่แข็งก็จะกลายเป็นอ่อนนั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอย่างหนึ่ง

 

เมื่อเรากล่าวถึงสภาพการแข็งตัวก็คือการต่อสู้ระหว่างพลังใหม่กับพลังเก่า จากผลของการต่อสู้หากพลังเก่าได้ชัยชนะ โรคก็จะกำเริบ หนักขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากพลังใหม่มีอำนาจเหนือพลังเก่า สิ่งที่อยู่ในสภาพแข็งตัวก็จะค่อย ๆ อ่อนลงการแกว่งแขนนั้น ให้คุณประโยชน์ ทางเสริมสร้างพลังใหม่ให้สามารถต่อสู้กับสภาพแข็งตัวของตับได้ ความรู้ที่ค้นพบนี้นับว่า เป็นอัจฉริยะชิ้นโบว์แดง ในวงการแพทย์จีนโบราณทีเดียว

 

 

 

 

http://thaiio.com/Appdown/health.htm

ถูกแก้ไข โดย moddang..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...