ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
potgarn

วิธีการเล่น trend following แบบง่ายๆ บ้านๆ

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณมากค่ะ คุณส้มโอมือ ลองส่งละ ติดขัดอย่าไรบอกด้วยละกัน อิอิ

เรียนรู้วันละนิด จิตแจ่มใส

goodnight ค่ะ

ผมได้รับPMฉบับใหม่ที่คุณส่งถึงผมแล้วครับ คราวนี้PMถึงคุณpotgarnได้เลยครับ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากๆค่ะ ชอบมากเลยวิธีนี้ :gd :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เขียนเรื่อง ta ไปแล้วเกิดมีคนคึกเอาวิธีต่างๆ เหล่านี้ไปเล่น set50 future โดยมีเงินไม่มากอาจเจ๊งเอา เลยต้องมาเขียน Money management หน่อย 555

 

John murphy ได้แนะนำให้แบ่งพอร์ทโดย แบ่งเงินลงทุน 50% อีก 50% เก็บไว้ในพวกตราสารหนี้ คอยสำรองไว้

 

เงิน 50% ให้แบ่งไปลงทุนแต่ละส่วนให้เท่าๆกันอย่างเช่น หุ้น 10-15% commodities 10-15% ค่าเงิน 10-15% เป็นต้น

 

เราไม่ควรลงทุนในสิ่งที่เหมือนกันเกินไป เกินกว่า 25% ของพอร์ท อย่างเช่น ลงทุนทองกับเงิน มันก็ขึ้นลง คล้ายๆกัน

 

การยอมรับความเสี่ยงเราจะรับไม่เกิน 2 % ของพอร์ท อย่างเช่นถ้ามีเงิน 1 แสน ในการลงทุนสินค้าแต่ละตัวไม่ควรเสียเกิน 2000 บาท

 

สำหรับผมลงมากกว่าหน่อยซัก70-80% เพราะ stoploss ของผมไม่เกิน 2% ของพอร์ท

 

ดังนั้นถ้าจะเล่น set50future โดยที่เรามีเงินแค่ 2 แสน stoploss เราอาจถึง 10-20% ช่วงที่ไม่มีเทรน ใช้ ta ไม่ได้ผลเจอไม่กี่ครั้งเราจะหมดเงิน โดยที่คนมีเงินมากกว่าจะทนไหวและเล่นไปจนเจอเทรนใหญ่ๆ ที่มีกำไรได้

 

 

Ok ครับ โชคดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

download หนังสือมาไว้อ่านแล้วค่ะ มี50กว่าหน้า จะพยายามให้จบในweekนี้. ถ้าสงสัยจะมาถามนะคะ ความรู้ยังน้อย ค่อยๆอ่านไปค่ะ

ขอบคุณทั้งคุณ potgarn และคุณส้มโอมือนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรา สามารถใช้ moving average chanel หรือ bollinger band ประกอบกับการดู Macd ได้ ตามกราฟ

89untitled.jpg

 

จุดที่ 1 ราคาตกลงมามากจนเกินขอบโบลิงเจอร์ล่างไป ถือเป็นระยะ oversold ตรงนี้สามารถเล่นแบบเร็วความเสี่ยงสูง ซื้อกลับเข้าไปมีโอกาสเด้งไปถึง โบลิงเจอร์กลาง

 

จุดที่ 2 ราคามักจจะติดโบลิงเจอร์กลางเมื่อพยายามเด้งมาครั้งแรก

 

จุดที่ 3 ราคาตกลงไปใหม่ แต่คราวนี้ ไม่ถึง โบลิงเจอร์ล่าง ตรงจุดนี้ ราคาสามารถลงไปต่ำกว่าเดิมได้ แต่ถ้าเทียบกับขอบโบลิงเจอร์ล่างแล้วไม่ตกออกมากเท่า จุดที่ 1 ถือว่ามีโอกาสกลับตัว หากมี bullish divergence จาก macd ด้วย ยิ่งดี

 

จุดที่ 4 ราคาสามารถผ่านโบลิงเจอร์กลางได้ แนวต้านต่อไปจึงเป็นโบลิงเจอร์บน จะเห็นได้ว่า slope ราคา โบลิงเจอร์ และ macd ชึ้ขึ้นสวย ทำให้เทรนขาขึ้นมีความแข็งแกร่ง

ทำให้เมื่อราคาตกลงไปถึงโบลิงเจอร์กลางมีโอกาสเด้งกลับขึ้นไปใหม่

 

จุดที่ 5 ราคาขยับสูงกว่าเดิม แต่ไม่ขึ้นไปสูงออกนอกกรอบโบลิงเจอร์ ได้เท่าจุดที่ 4 ทำให้ ภาพรวมดูเริ่มหมดแรง

 

จุดที่ 6 macd ตัดลงแล้ว ราคาพยายามขยับขึ้นไปรอบที่ 3 แต่คราวนี้ไม่สามารถแตะขอบโบลิงเจอร์ได้ด้วยซ้ำ ตรงนี้ มีโอกาสที่อาจตกลงไปต่ำกว่าโบลิงเจอร์กลาง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ เป็นอันจบขาขึ้น ระยะกลาง ถ้ามองให้ดี จุดที่ 4 5 6 ก็คือ รูปแบบ head and shoulder นั่นเอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิธีการลงทุนของน้องเสมเป็นแบบ trend following ผมเลยเอาสิ่งที่น้องเสมเคยโพสมาลงที่กระทู้นี้นะครับ โพสที่ตรงอื่นจำนวนการโพสจะเยอะมาก เนื้อหาจะหายไปเร็ว คนใหม่ๆไม่ทันอ่าน

 

 

บทเรียน 1 STOP LOSS!!!

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

 

สวัสดีเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน วันนี้ว่างๆเลยเขียน ประสบการณ์การลงทุนมาให้ฟังกันเป็นพื้นฐานมากๆของมือใหม่ โดยปกติเเล้วคนเราเมื่อจะลงทุนอะไรสักอย่างจะวาดฝันถึงผลกำไรไว้ล่วงหน้าไว้ ก่อน ไม่เคยคิดอีกผลด้านหนึ่งที่เกิดขึ้นได้เหมือนกัน นั้นคือ “ขาดทุน” เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์ถูกสร้างไว้ในจิตใจให้มีเเต่ ความโลภ เเละ ความกลัว เหมือนกันทุกคน คนส่วนใหญ่เลยมองผลข้างเดียวคือ ด้านกำไร

เเต่โลกเราไม่ง่ายอย่างนั้น การลงทุนมีความเสี่ยงเสมออยู่ที่ว่าคุณจะรับความเสี่ยง (Risk) ได้มากน้อยเเค่ไหน ความเสี่ยงมากผลตอบเเทนก็มาก (High risk high return) สิ่งนี้ใครๆก็ทราบอยู่เเล้ว การลงทุนโดยพื้นฐานนั้นมีหลายเเบบหลายประการ ง่ายที่สุดคือเอาเงินฝากธนาคารกินดอกเบี้ยเงินฝาก นั้นคือสิ่งที่หลายๆคนบอกว่าปลอดภัยมากที่สุด เเต่นั้นคุณกำลังคิดผิด

ต่อมาคนกล้าเสี่ยงหน่อยก็ลงทุนในกองทุนรวม ได้ผลตอบเเทนมากกว่าการนำเงินไปฝากออมทรัพย์เก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนัก ลงทุน ผมก็เคยซื้อขายกองทุนรวมหลายกองทุนมาเเล้วเช่นกันครับ

นักลงทุนตัวจริง (เเมงเม่าตัวจริง) ต้องเข้ามาลงทุนในหุ้นครับ การซื้อขายหุ้นไม่ยาก เเต่ได้กำไรยากส่วนใหญ่จะขาดทุน มีได้หลายสาเหตุจากการขาดทุน หลักๆจะเชื่อมาร์เก็ตติ้ง โทรมาบอก พี่ครับช่วงนี้ข่าวไม่ค่อยดีเลยขายดีกว่าครับ พี่ครับตัวนี้น่าสนใจรับ order ไหมส่วนใหญ่มือใหม่จะเชื่อสุดท้าย เจ๊ง คิดง่ายๆถ้ามาร์เก่งจริงจะมานั่งหลังเเข๊ง ทนรับคำบ่นคำด่า ของลูกค้าไปทำไม ทำไมไม่มาเทรดเองดีกว่าไหม ส่วนนี้สำหรับผมบอกมาร์ไว้เลยไม่ต้องโทรเพราะผมเคาะเองได้ สั่งซื้อ ขายได้ด้วยตนเอง นี้เป็นของดีของการใช้com ในการเทรด มาร์ดีก็มีเยอะครับ ไม่ได้ว่าเหมารวมหมด เดียวคนเป็น มาร์อ่านเเล้วจะโกรธผมเอา ส่วนนี้ผมลงทุนครับลงทุนในหุ้นรายตัวก็ได้กำไรพอเพียงปีละ 20% ผมก็พอใจเเล้ว

กล้ามากๆก็ลงทุนในตลาดฟิวเจอร์(Future Market) คนส่วนใหญ่ โลภๆจะมายังตลาดนี้เป็นตลาดขั้นสูงไม่เหมาะกับมือใหม่อย่างยิ่ง ไม่เเนะนำให้เข้าใกล้เลยครับ อันตรายมากมายเพราะอะไร เพราะว่าตลาดฟิวเจอร์เค้าจะใช้ Average มาเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรขาดทุน เช่น หุ้นรายตัวจะมี Averrage 1:1 คืออะไร คือคุณใช้เงิน 1 ส่วนได้ผลตอบเเทนมา 1 เเต่ตลาดฟิวเจอร์จะเป็นอัตราส่วน 1:10 โดยประมาณนั้นคืออะไร

คุณลงทุน 1 ส่วนได้กำไรเเละขาดทุน 10 ส่วน เเสดงถึงความน่ากลัวโหดร้ายของตลาด ถ้าคุณกำไรก็จะได้กำไรมากกว่าหุ้นรายตัว 10 เท่า เเละอย่ามองโลกด้านเดียวถ้าคุณขาดทุน คุณก็ขาดทุน 10 ส่วนด้วย ผมเลยไม่เเนะนำให้เล่น การเล่น future นี้ต้องเอาเงินเค้าเรียก Money management มาเกี่ยวข้องด้วย นี้เป็นเทคนิคการเทรดด้วยระบบ ผมจะชี้เเจ้งหรือสอนในงาน สัมมนาอีกครั้งครับ สรุปเเล้ว มือใหม่ไม่เเนะนำให้เข้ามาตลาดนี้เด็ดขาด หมดตัวเเน่นอนเช่นตอนนี้ใคร S ทองไว้หรือซื้อเก็งกำไรขาลงใน GF คงนั่งปวดตับ เครียด นอนไม่หลับไปเเล้ว กลัวจนทำอะไรไม่ถูก หลายคนมองว่าจะย่อระวังดีๆนะครับถ้าไม่ย่อ คุณจะทำยังไง หมดตัวเอาง่ายๆเลย

Option เเละ Intraday ถ้าไม่เสียสติอย่ายุ่งกับ 2 ตัวนี้เด็ดขาดไม่ขอเขียนรายละเอียดครับ

ทำไมต้องมีระบบ ระบบคืออะไร

ระบบคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่เราวางเเผนไว้ ข้อดีของระบบคือ เราจะไม่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจการซื้อ-ขายเป็นข้อดีที่สุด ของระบบ เราไม่มีทางรู้หรอกครับว่า ราคาตลาดจะขึ้นจะลงเท่าไรเเต่ระบบมันสามารถบอกได้ตามเเนวโน้มตลาดถ้าคุณเข้า ซื้อ ขายตามระบบได้ระยะยาวเน้นนะครับ ระยะยาวคุณได้กำไรในตลาดกับผลกำไรที่พอเพียงพอเเน่นอน คนขาดทุน ในตลาด ร้อยละ 98 ขาดทุน 1% มาร์เก็ตติ้งได้ค่า com ส่วนเเมงเม่าตาย เป็นเรื่องปกติครับ ที่เห็นหน้า เก่าไปหน้าใหม่ก็เข้ามา เป็นวัฎจักร วนไปวนมา

คนส่วนใหญ่จะไม่มองการขาดทุน เเต่ผิดกับผม การเข้าซื้อขายทุกครั้งผมจะมอง ส่วนขาดทุนในการเข้าซื้อไม้นี้ก่อนว่าผมยอมรับกับการขาดทุนในงวดนี้ได้ไหม ถ้ายอมรับได้ก็จะเข้าเเต่ถ้าผลการขาดทุนเยอะจนรับไม่ได้ ก็จะไม่เทรดครับ

พูดง่ายๆสั้นๆ คุณต้องมี Stop loss ในใจก่อนเข้าการเทรด ไม่งั้นไม่นานก็หมด

พอเราเทรดเเล้วผมจะไม่มองเป้าหมายว่าจะไปที่เท่าไร มือใหม่ทุกท่านจะถามผมว่า ราคาทอง เงิน SET น้ำมันเป้าหมายเท่าไรค่ะคุณเสม เป้าหมายราคาเท่าไรครับคุณเสม ผมบอกเลยครับว่า ไม่รู้ ใครจะไปรู้อะคุณว่าจริงไหม ถ้าผมรู้ก็เป็นเทวดาไปเเล้ว ที่ผมพูดๆหรือเดาๆนั้นเป็นการวิเคราะห์เเละมองความน่าจะเป็นจากทาง TA (Technical Analysis) เท่านั้น อันนี้ยากครับต้องเรียนต่อไป

สำหรับผมนั้นไม่เคยมองเป้าหมายในการจะ exit เเต่จะปล่อยกำไรวิ่งไปเรื่อยๆไม่สนจะไปเเค่ไหนถ้ามันลงมาถึงจุดที่ผมจะ Stop loss ผมจะขายทิ้งตอนนั้น ง่ายไหมครับ เทคนิดง่ายๆวันนี้มีเเค่ 2 ข้อ คือ

เทคนิคการเทรดของผม

  1. Stop loss ถ้าคุณไม่รู้จักก็อย่ามาเล่นหุ้นเลยครับ หมดตัว หมดตูดเเน่นอน
  2. Let’s profit run ปล่อยผลกำไรวิ่งไปเรื่อยๆ ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นได้เเค่เเมงเม่าเท่านั้น

วันนี้คิดออกเเละมีอารมณ์ในการเขียนเท่านี้ครับ มีอารมณ์ตอนนั้นจะมาสอนเทคนิคดีๆอีกครับ

จำเอาไว้ STOP LOSS STOP LOSS STOP LOSS

ผู้เขียน

เสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทเรียน 2 นิสัยเเมงเม่า

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

 

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน

ต่อจากเรื่องเมื่อวานนี้ กฎหลักๆของผมคือ Stop loss เเละ Let’s profit run กฎ 2 ตัวนี้สำคัญที่สุดเเละทุกท่านต้องระลึกอยู่ในใจเสมอนะครับ บางท่านคงยังคิดไม่ออกคำว่า stop loss คืออะไร

Stop loss คือ การตัดการขาดทุน เหมือน การตัดเนื้อร้ายมะเร็งออกจากร่ากายเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เช่นกัน การตัดการขาดทุนของการลงทุน คือ ขายทิ้ง เพื่อรักษางินใน portfolio ของเราเอาไว้ ส่วนนี้มือใหม่หรือมือเก่าที่จิตใจไม่นิ่งจะทำได้ยาก เพราะในใจของคุณจะเข้าข้างตัวเองว่าราคาน่าจะดีดขึ้นมาบ้างเเล้วค่อยขาย บางท่านยิ่งไปกันใหญ่คือซื้อถัวเฉลี่ยเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำลง ผมจะบอกให้นั้นคือหนทางไปสู่นรกอย่างเเท้จริง จุดนี้ถึงจุด stop loss เราก็ต้องขายทิ้งหมดครับไม่มีข้อยกเว้น เป็นกฎที่สำคัญที่สุดของนักลงทุนด้วยระบบ

การ Stop loss นั้นไม่ได้มีเเค่การขายขาดทุนเท่านั้น ยังมีการ stop loss ในขาขึ้นเมื่อเราได้กำไรครับ จุดนี้เป็น เทคนิคขั้นสูงขึ้นมาหน่อย เรียกกันว่า การตาม stop loss ขาขึ้นเพื่อรักษากำไรของเราให้ได้มากที่สุดหรือเค้าเรียกว่า การ protect profit ส่วนนี้เป็นขั้นสูงเเล้วจะยังไม่พูดถึงส่วนนี้ก่อน เดี่ยวมือใหม่อาจจะงงได้

Let’s profit run คือ การปล่อยผลกำไรวิ่งไปเรื่อยๆนี้คือหนทางเเก่ผู้ที่จะมั่งคั่งในอนาคต รอเเค่ตลาดมีเทรนคือ ตลาดมีการขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง การ let’s profit run จะได้ผลกำไรที่มหาศาล เช่นตลาด ยางพารา ตลาดหุ้นไทย ตลาดทอง ในช่วงที่ผ่านๆมาหลายคนที่ตามระบบได้คงได้กำไรที่เกินคำว่า “พอเพียง”

นิสัยนักลงทุนหน้าใหม่หรือหน้าเก่าที่คิดว่าเป็นเเมงเม่า

คนกลุ่มนี้จะมีนิสัยที่เเปลกอย่างหนึ่งคือ กลัว เเละ โลภ จะหาซื้อที่จุดต่ำสุดเเละจะขายที่จุดสูงสุด คนกลุ่มนี้มีอยู่มากมายในตลาด คุณลองคิดดูมันจะเป็นไปได้ไหม ที่จะรู้ว่าจุดนี้เป็นจุดต่ำสุด เพราะมันมีเเค่ จุดเดียวเท่านั้น จุดสูงสุดก็เช่นกันมันมีเเค่จุดเดียวเท่านั้น การลงทุนด้วยระบบข้อนี้ตัดทิ้งไปได้เลย ใครที่มองว่าไม่จริงก็ไม่สามารถทำตามระบบได้เเน่นอน เพราะระบบไม่สามารหาซื้อที่จุดต่ำสุด เเละ ขายที่จุดสูงสุดได้ ระบบทำได้เเค่กินในส่วนของ กลางๆ เท่านั้น นั้นคือการลงทุนที่ พอเพียง ทั่วไปเเล้วจ้องราคาลงเเล้วรอซื้อหลายต่อหลายคนตอนนี้คงจ้องว่าทองจะย่อจะ ปรับฐานเเล้วยัง เเต่ถ้าใครตามระบบจะไม่มีคำถามนี้อยู่ในหัวเเน่นอน ระบบไม่มีคำว่า ติดดอย ตกรถ

เเมงเม่าพวกที่ 1 เมื่อราคาลงมาเเล้วไม่ยอมขายขาดทุน นี้คือ จุดน่ากลัวถ้ามันมีเทรนขาลงเเรงๆ กลุ่มนี้หมดตัวได้เเบบง่ายๆในเวลาอันรวดเร็วเเต่ถ้าคุณโชคดีหน่อย ตลาดอยู่ในช่วง sideway คือไม่ไปไหนขึ้นๆลงๆ คุณก็อาจจะคิดในใจว่าราคาขึ้นมาเกินกว่าที่เราซื้อเเล้ว นั้นคือ กำไร ทำไมเราต้อง stop loss ด้วยผมบอกเลยครับนั้นคือ ความฟลุก ชีวิตคุณยังโชคดีอยู่ในช่วงนั้น เเต่ในระยะยาวไม่รอดเเน่นอน ขอให้โดนเเค่ครั้งเดียว หมดตัวได้สบายๆ นิสัยคนกลุ่มนี้ เมื่อราคาลงไม่ยอม stop loss พอราคาขึ้นมากำไรนิดหน่อยรีบขาย เพราะกลัวมันลงเเล้วขาดทุน นั้นคือ ไม่มีกฎทั้ง 2 ข้อที่ผมเขียนมาเลย ทั้ง stop loss เเละ let’s profit run

เเมงเม่ากลุ่มที่ 2 เเมงเม่ากลุ่มนี้เเรงกว่ากลุ่มที่เเล้วมาก กล่าวคือไม่ยอมที่จะ stop loss เเล้วยังถัวซื้อเฉลี่ยเพื่อลดต้นทุนอีก ผมถึงบอกเป็นหนทางสู่นรกที่เเท้จริงน่ากลัวมากมายครับ เพราะไม่มีสติเเล้วเล่นด้วยอารมณ์เท่านั้น ยิ่งถ้ามาเล่นในตลาดฟิวเจอร์(future market) โดยมีการนำ leverage มาใช้อีกยิ่งเป็นหนทางปูพรมสู่นรกที่เร็วมากขึ้น ยิ่งลงยิ่งซื้อเพื่อ ถั่วเฉลี่ยให้ราคาต้นทุนมันต่ำลง

คนกลุ่มที่ 3 คือคนที่ตามระบบ มีหลักการยึดมั่นที่มั่นคง จิตใจที่เเน่วเเน่ ไม่ใช้อารมณ์ในการเทรด คือคนที่ตามระบบได้ หนทางที่จะนำท่านประสบความสำเร็จในระยะยาว ด้วยผลกำไรที่พอเพียงเเค่ คุณรู้ว่า เขียวเเรกมาซื้อ เเดงเเรกมาขายเท่านั้นใช้เวลาต่อวันในการตัดสินใจไม่เกิน 20 นาทีต่อวัน ง่ายไหมครับ

เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์เเละมีคุณค่ากับส่วนรวมดีกว่าหมก หมุนดูราคากราฟทั้งวันทั้งคืน เเล้วยังขาดทุนอีก เเล้วจะทำไปเพื่ออะไรครับ !!!

ผู้เขียน

เสม

24/04/2011

12:20

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทเรียน 3 ระบบ VS พนัน

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

ถ้า พูดถึงการพนันหลายๆคนคงเคยผ่านมาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีและผิดศีลไม่ควรเล่นนะครับแต่วันนี้จะมาพูดถึงการลงทุน และการพนันนั้นต่างกันอย่างไร ถ้ามองๆไปสำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาทางด้านการลงทุนแล้วมักจะพูดติดปากว่า การเล่นหุ้นก็เหมือนการพนัน ถ้ามองในมุมมองของเค้าก็พูดถูกแต่สำหรับผมแล้วมันต่างกันมากมายครับการลงทุน กับการพนัน ต่างกันอย่างไร

การพนันนั้นจะใช้อารมณ์มาเกี่ยวข้องแล้ววัดดวงกันอย่างเช่นการแทง บอลมี 2 ข้างให้เลือกว่าจะเอาทีมเจ้าบ้านหรือทีมเยือนโอกาสถูก คือ 50% เพราะมีแค่ 2 ข้างให้เลือก ถ้าสมมติคุณแทงถูกแล้วได้เงินมาโอกาสที่จะได้เงินเต็มอัตรานั้นยากเพราะต้อง เสียค่าลูกน้ำเหมือนกับหุ้นที่ต้องเสีย ค่าคอมและค่า vat มองในจุดนี้ไม่ต่างกันเลยแต่จะต่างกันตรงที่ ถ้าคนที่ลงทุนตามระบบจะไม่ใช่การพนันเด็ดขาดเพราะการลงทุนด้วยระบบไม่ใช้ อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ระบบเป็นคนทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วยตัวของมัน เราแค่มีหน้าที่ซื้อและขายตามระบบแจ้งมาเท่านั้น การตัดสินใจซื้อขายเป็นหน้าที่ของระบบแต่เพียงผู้เดียว ต่างกับการพนันโดยสิ้นเชิง การพนันเราเป็นคนเล่นเราเป็นคนตัดสินใจเกิดขึ้นจากอารมณ์ทั้งนั้น สุดท้ายคุณก็รู้อยู่แล้วว่าคนเล่นการพนันผลจะลงเอยเช่นใด

แต่อย่างไรแล้วก็ตามการลงทุนตามระบบนั้นไม่ใช่จะหมายความว่าคุณจะกำไรและอยู่ในตลาดนี้ได้ยาวนานและตลอดไปเพราะถ้า คุณไม่มีการจัดการเงินใน portfolio ของคุณที่ดี ต่อให้คุณทำตามระบบได้โอกาสที่จะขาดทุนจนไม่สามารถกลับมาแก้ตัวใหม่ก็มีเช่น กัน ผมของเรียกการจัดการเงินว่า money management (MM) นั้นเอง แล้วมันมีความหมายว่ายังไง คำว่า MM นี้ กล่าวง่ายๆคือเราต้องจัดการเงินใน portfolio ของเราให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับตลาดที่เรากำลังลงทุน จะยกตัวอย่างง่ายๆที่พวกเราน่าจะสนใจและเล่นกันเยอะคือ ตลาด GF แรกมาๆก็เทรดแค่ 1 สัญญาซื้อขายได้กำไรมั้งขาดทุนมั้งเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจังหวะนั้นตลาดมีเทรนแล้วคุณเสมบอกว่ากฎสำคัญที่สุดคือ stop loss แล้ว let’s profit run ถูกครับผมเคยเขียนบอกแบบนี้เอาก็เอาแข็งใจถือต่อไปใจอยากจะออกจะแย่อยู่แล้ว แดงยังไม่มาก็ถือต่อไป สรุปว่ารอบนั้นกำไรบานเบิก

เพราะตลาดมีเทรนลากกำไรให้กับระบบอย่างมากมาย ความโลภเริ่มครอบงำจากที่เคยเทรดแค่ 1 สัญญาครั้งต่อไปเริ่มเพิ่มสัญญาเป็น 2 สัญญาครั้งนี้ระบบและโชคก็ยังเข้าข้างคุณอยู่ ได้กำไรบานเบิกอีกตามเคย กำไรมากกว่าการเทรดครั้งที่แล้วอีกเท่าตัวเพราะว่า เทรด 2 สัญญา

มาครั้งที่ 3 เริ่มเทรดโดยการเพิ่มสัญญาเป็น 4 สัญญาแต่ครั้งนี้ดวงไม่เข้าข้างและระบบเกิดลากไปเสียเงิน ทำให้กำไรที่คุณได้มาหมดกับการเทรดครั้งที่ 3 เพียงครั้งเดียว เห็นหรือยังครับว่า การทำตามระบบได้ทุกไม้นั้นไม่ได้หมายความว่าจะอยู่รอดปลอดภัยในตลาดได้ คุณต้องมี MM ที่ดีตั่งหาก ในความหมายที่เขียนมานี้เค้าเรียกว่า

การ “Overtrade” หรือคึก กำไรแล้วจะเอาอีกเอามากกว่านี้อีกความโลภครอบงำ

อย่างที่ 2 เมื่อคุณทำตามระบบแล้วสมมติ คุณเทรดยางพารา 4 สัญญา แรกๆก็ตามระบบทุกไม้ เทรด 4 สัญญาเท่ากันทุกครั้ง แต่เกิดระบบพาไปเสียทรัพย์ถึง 3 ไม้ติด ใจเริ่มไม่นิ่งและเกิดความกลัวขึ้น ไม้ที่ 4 ลงแค่ 1 สัญญาพอแต่รอบนี้ระบบพาไปรับทรัพย์ แบบนี้เค้าเรียกว่า “Undertrade” เพราะความกลัว

สิ่งที่ง่ายที่สุดของมือใหม่การคุม MM ที่ดีคือ เทรดหรือซื้อขายหุ้นเท่ากันทุกครั้งโดยตามระบบทุกไม้ไม่ว่าระบบจะพาไปเสีย ทรัพย์หรือระบบจะพาไปรับทรัพย์ก็แล้วแต่

นี้คือประสบการณ์จริงที่เล่ากันให้ฟังว่า MM สำคัญกว่ากราฟมากแค่ไหน ระบบในโลกนี้ไม่มีพาไปรับทรัพย์ได้ 100% ทุกไม้ ไม่มี indicator ตัวไหนที่จะสามารถบอกว่ารอบนี้กำไรแน่นอน ไม่มีกราฟวิเศษที่ไหนบอกว่ารอบนี้ได้กำไรแน่นอน อย่างหาสิ่งวิเศษพวกนี้เลยครับเพราะมันไม่มีในโลกนี้จริงๆ

จึงสรุปบทเรียนที่ 3 นี้ว่าความสำคัญของการเทรดคือ

กราฟ (Technical Analysis)10%

Money Magement (MM) 30%

จิตวิทยาหรือใจเรา (psychology )60 %

เอาเวลาไปรักษาจิตวิทยาของตัวเองและ MM ให้ดี ดีกว่าไปดูกราฟอย่างเดียว จึงเป็นที่มาว่าทำไมผมจึงบอกมาตลอดว่ากราฟไม่มีมีความสำคัญอะไรมากมายกับผม เลย

ผู้เขียน

เสม

25/04/2011

3:00 PM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทเรียน 4 เคล็บลับ

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

 

จาก 3 บทที่เพื่อนๆได้อ่านมานั้นพอจะรู้เรื่องพื้นฐานการลงทุนด้วยระบบไม่มากก็ น้อย น่าจะพอมองเห็นภาพแล้วนะครับว่ากราฟที่เราเพ่งมองดูราคาเคลื่อนไหวทุกวันๆ ไม่อาจจะทำให้เราได้กำไรได้เสมอในทางตรงกันข้ามยังเป็นตัวทำลายความมั่นใจ และจิตวิทยาของเราอีกด้วย ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ การตัดสินใจเลยผิดพลาดไปหมด วันนี้เรามาดูความสำคัญของการลงทุนด้วยระบบกัน

เมื่ออคุณเปิดใจยอมรับกับ 3 บทเรียนที่ผ่านมาได้ แสดงว่าคุณเริ่มมองเห็นแล้วว่าการลงทุนด้วยระบบที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ถ้ายังมองไม่ออกลองย้อนกลับไปอ่านใหม่หลายๆเที่ยวครับ เพราะถ้าคุณไม่เชื่อสิ่งที่สอนไปใน 3 บทเรียนข้างต้นนั้น ไม่มีทางที่คุณจะทำตามระบบได้อย่างแน่นอน เพราะว่าการที่จะยอมรับและเชื่อมั่นในระบบได้นั้น คุณต้องเปลื่ยนมุมมองความคิดของคุณใหม่ ถึงจะทำให้ตามระบบครับ

*** เน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งการตามระบบได้จะไม่มี “อารมณ์” เข้ามาเกี่ยวข้องในการเทรดหรือการตัดสินใจไม่งั้นการลงทุนของคุณก็ไม่ต่าง อะไรกับการเล่นพนันนั้นเอง

เรามาดูอัตราความสำคัญของการลงทุนด้วยระบบ

Technical analysis (10%)

ทำไมส่วนนี้สำคัญแค่ 10% เพราะในโลกนี้ไม่มีกราฟ หรือ indicator ใดๆที่ให้ความถูกต้องได้ทุกครั้ง ยังไงแล้วต้องมีผิดบ้างแน่นอน ที่น่าสนใจในส่วนนี้ ลักษณะที่เกิดขึ้นกับกราฟในอดีต อนาคตก็จะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนเพราะ ตลาดขับเคลื่อนด้วย ความกลัวและความโลภ ของมนุษย์ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย 2 สิ่งนี้ก็ยังเหมือนเดิม จึงเกิด chart pattern ต่างๆขึ้นมาให้เราเรียนรู้กัน เช่น รูปแบบกราฟ Head & Shoulder , flag , รูปแบบกราฟ 3 เหลื่ยม , คลื่นต่างๆของ Elliott wave และอื่นๆอีกมากมาย จึงสรุปได้ว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเสมอ

Money Management (MM) 30%

อย่างที่ได้กล่าวไปในบทเรียนที่ 3 ระบบ VS พนัน แล้วว่า การลงทุนต้องลงจำนวนเงินที่เท่ากันตลอด

เป็นหลักการที่ง่ายที่สุดของนักลงทุนมือใหม่ทุกท่านในด้านการจัดการ MM ส่วนนี้มีความสำคัญถึง 30 % เพื่อไม่ให้ตัวเองหน้ามืดไปกับความโลภ เมื่อระบบพาไปรับทรัพย์ คือการไม่ “overtrade” และไม่ให้พาตัวเองหน้ามืดไปกับความกลัวนั้นคือ “undertrade” ส่วนนี้สำคัญกว่าส่วนที่ 1 มาก ถ้าเรียนรู้ถึงขั้นสูงสามารถเอา MM ไปควบคุมความเสี่ยง (Risk) แล้วได้ผลกำไรที่เป็นเปอร์เซ็นต์มากขึ้นอีกด้วย

Psychology จิตวิทยา (60%)

ส่วนนี้มีความสำคัญมากที่สุด เป็นเคล็บลับที่หลายต่อหลายคนมองข้าม โดยเฉพาะมือใหม่หรือมือเก่าที่ยังหลงวนเวียนอยู่แต่ในอ่างน้ำที่เป็น กราฟ พยายามหากราฟที่ดีที่สุด หานักวิเคราะห์ที่คิดว่าแม่นที่สุด ไม่มีหรอกครับ การวิเคราะห์ต้องมีถูกมีผิดปนกันไป แต่ถ้าเรื่องจิตใจไม่ได้ ทุกอย่างจบ ม้วนเสื่อกลับบ้านนอนได้เลย ตลาดนี้จะเล่นกับ จิตวิทยาของคนทั่วไป จะทำราคาจนให้คนทั่วไปเกิดความท้อแท้และสิ้นหวังเหมือนแมงเม่ากำลังบินเข้า กองไฟ ตลาดนี้โหดร้ายและน่ากลัวมากมาย จะไม่เหลือแมงเม่าแม้ตัวสุดท้าย ส่วนนี้วัดที่ใจ ว่านิ่งแค่ไหน สอนกันไม่ได้ครับ ต้องเกิดจากการฝึกฝนเท่านั้นและ ทานบารมีของแต่ละท่านเอง

อีกข้อหนึ่งคือ การเลือกตลาดที่เหมาะสม เช่น ไปเล่นหุ้นไทย SET ไทยง่ายกว่าตลาดทองคำที่ราคาเคลื่อนไหวทั่วโลกวันละ 23 ชั่วโมง ยิ่งคนที่เล่น GF แล้วเหมือนโดนขังในเวลากลางคืน ทำอะไรไม่ได้ แต่พวกคุณก็ยังอุตส่าไปหาตลาดยากเล่นกัน ทองคำคนเทรดระดับโลก ระดับกองทุนใหญ่ๆ ระดับธนาคารกลาง มองหาตลาดที่ง่ายๆต่อเราดีกว่า มวยมันคนละชั้นกันครับ กระดูกคนละเบอร์กัน จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า กำไรไม่ว่าตลาดไหนก็คือเงินเหมือนกัน ลองมองดูจุดนี้ที่ คุณมักจะเข็มขัดสั้น หรือ คาดไม่ถึงเสมอครับ

ผู้เขียน

เสม

25/04/2011

7:05 PM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทเรียน 5 กฏเหล็ก 3 ข้อ

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

 

บท เรียนทั้ง 4 บทที่ผ่านไปนั้นเป็นพื้นฐานของการลงทุนด้วยระบบ ซึ่งถ้าผู้อ่านมาถึงจุดนี้แล้วได้สัมผัสการลงทุนด้วยระบบนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ จิตวิทยาหรือใจเรานั้นเอง รองลงมาคือ Money management และ กราฟเทคนิคเป็นตัวสำคัญที่น้อยที่สุด ต่อไปนี้จะพูดถึง กฎเหล็กทั้ง 3 ข้อของการลงทุนโดยได้รับความรู้การถ่ายทอดจาก คุณลุงโฉลก

  1. ไม่สนใจข่าวสารทาง Fundamental ต่างๆ ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรออกมาเราจะไม่พิจารณาข่าวต่างๆที่ออกมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวเท็จ หรือ จริง เพราะเราไม่มีทางได้รับรู้ข่าวนั้นก่อนราคาตลาดจะเคลื่อนไหว เราไม่ใช่ Insider ที่สามารถรับรู้ข่าวสารต่างๆก่อนตลาดได้ กฏข้อแรกจากสามัญลักษณะข้อที่หนึ่งของพระพุทธศาสนา สัพเพสังขาราอนิจจา สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไปเสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ก็มีการขึ้นและการลง แปลว่า ตลาดมี trend นั่นเอง จึงต้องใช้ Trend following system คือใช้ Indicators ที่เกี่ยวกับ Trend เช่น BoonC PnT 1.1 Original หรือ ระบบที่เป็นเกี่ยวกับ Trend following เป็นต้น

  1. ตลาดมี เทรน (Trend) เสมอ ไม่ว่ายังไงแล้ว ตลาดมีแค่ 3 ทางให้เลือก คือ Up Trend , Down Trend , Side way แค่ 3 ทางเลือกนี้เท่านั้น Up/Down รวมกันแล้วเป็น 80% ของตลาด อีก 20% เป็นของตลาด Sideway ดังนั้นคุณลุงมักจะพูดว่า กฏข้อที่สองจาก Newton's first law of motion: A physical body will remain at rest, or continue to move at a constant velocity, unless an outside net force acts upon it. แปลว่า เมื่อตลาดขึ้น ตลาดก็จะขึ้นต่อ จนกว่าจะมีเหตุมาทำให้หยุดขึ้น และเมื่อตลาดลง ตลาดก็จะลงต่อ จนกว่าจะมีเหตุมาทำให้หยุดลง ต้องรู้จัก Trend reversal indicators and patterns เช่น Candlesticks and convergence/divergence จึงต้องสามารถทำตาม ระบบ อย่างมี ระเบียบ ได้โดยสดวกใจ

  1. ประวิติศาสตร์ย่อมซ้ำ รอยเดิมเสมอ (History always repeats itself ) กฏข้อที่สามมาจากความผิดพลาดของมนุษยชาติ ที่มีอายุสั้นเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้ว่า History always repeats itself. Those who cannot learn from history are doomed to repeat it. แปลว่าถ้าเรารู้ Pattern การเคลื่อนไหวของตลาดในอดีต ตลาดก็จะเคลื่อนไหวต่อไปในอนาคตด้วย Pattern เดิมนั้น จึงต้องต้องทำใจให้รู้จักความ พอเพียง และเรียนรู้ถึง Pattern ของ Elliott Waves ซึ่งกฎของ 3 นี้จะทำให้เราสามารถคาดการณ์ราคาที่จะเคลื่อนไหวในอนาคตได้

ทั้ง 3 ข้อนี้เป็นกฎหล็กการลงทุนได้รับการถ่ายทอดโดย คุณลุงโฉลก การวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องยึดกฎหลัก 3 ข้อนี้ไว้เสมอ โดยเฉพาะกฎข้อ 2 จะเอามาใช้ในการสร้างระบบ เมื่อยอมรับว่าตลาดมีเทรน ก็สามารถนำมาสร้างเป็นระบบ Trend following ได้ จึงเกิดนำมาใช้กับ ทฤษฎี Dow Jones ที่จะได้กล่าวต่อไปในภายหน้าครับ

เสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทเรียน 6 สัมมนา

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

งาน สัมมนาผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งเรื่องสถานที่ เรื่องอาหาร และเรื่องผู้เข้าสัมมนา มีวินัยและมีระเบียบกันทุกท่าน ขอกล่าวขอบคุณเป็นร้อยครั้งก็ไม่เบื่อกับ เพื่อนจิตอาสาที่ดูแลช่วยเหลือจัดการ สถานที่ จัดการเรื่องเงิน จัดการเรื่องเอกสารและอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง ขอบคุณพี่ส้มโอที่มาให้ความรู้แก่พวกเรา การที่เราได้มาพบเจอกันนั้นไม่ใช่ความบังเอิญ เป็นบุญที่เราทำร่วมกันมา มีหลายท่านมาจาก ต่างจังหวัด มาจาก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช ราชบุรี พัทยา โคราช สระแก้ว หาดใหญ่ และอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงบางท่านต้องกลับก่อนเพราะกลัว ตกเครื่องบิน ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจกับความทุ่มเทของท่าน ที่จะใฝ่หาความรู้

ในการสัมมนาครั้งนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น เรามาด้วยจิตอาสา มาพูดคุยแลกเปลื่ยนความคิดเห็นกัน เป็นสังคมที่น่าอยู่ที่ไม่เห็นแก่ตัว จุดนี้เริ่มทำได้จากกลุ่มคนเล็กๆจนไปเป็นสังคมใหญ่ๆได้มี การแจกแจงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยความบริสุทธิ์ใจ เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่เราต้องมีเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การรู้จักคำว่า “พอเพียง” นั้นคือความสุขที่แท้จริง และสังคมที่ดีต้องเริ่มจากความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่เห็นแก่ได้ ความมีน้ำใจ และความซื่อตรงหรือซื่อสัตย์

มือใหม่อาจจะไม่ทันหรือฟังไม่รู้เรื่องในภาคบ่าย เพราะจะเป็นเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคล้วนๆ แต่จุดประสงค์ของผมต้องการให้มือใหม่ปรับ ทัศนะคติการลงทุน ที่ได้บรรยายไปในช่วงเช้าถ้าสามารถทำให้ท่านเห็นด้วยว่าการลงทุนเป็นอย่าง ที่บรรยายไปนั้น แค่นั้นก็ถึงจุดประสงค์ที่ผมวางไว้แล้ว ภาคบ่ายท่านไม่เข้าใจไม่เป็นไรครับ จุดที่ยากที่สุดคือการเปลื่ยนแนวความคิดการลงทุน ด้วยการลงทุนที่สมเหตุสมผล ไม่จ้องซื้อที่จุดต่ำสุด และจ้องขายที่จุดสูงสุด เพราะมันมีแค่จุดเดียว เราหวังผลกำไรที่พอเพียงเท่านั้น รู้จักการคุมเงินใน portfolio หรือ money management (MM) รู้ว่าจิตวิทยาสำคัญที่สุด กราฟเทคนิคสำคัญแค่ 10% เท่านั้น

ภาคบ่ายคงจะเหมาะกับท่านที่พอมีพื้นฐานทางเทคนิคมาบ้างแล้ว ผมเลยต่อยอดให้ด้วยความรู้ที่ผมมี บางท่านอาจจะไม่ถูกใจเพราะมีเวลาน้อยเกินไปที่จะบรรยายให้ละเอียด บางท่านนั่ง งงเพราะยากเกินไป เป็นปกติครับ ท่านที่มาร่วมงานสัมมนา มีพื้นฐานความรู้ไม่เท่ากัน ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจจริงและใช้ระยะเวลาในการฝึกฝน

เหมือนกันครับ ทุกท่านเรียนจบการศึกษายังใช้ระยะเวลาหลายๆปี การลงทุนด้วยระบบก็ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาเช่นกัน ผมมีหน้าที่แค่ชี้แนะมุมมองการลงทุนให้ทุกท่านเท่านั้น สุดท้ายแล้วทุกท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง ลองเอาวิชาความรู้ที่ถ่ายทอดให้ไปฝึกฝนและทำจิตใจให้สงบ ไม่กลัว ไม่โลภ แค่นี้ชีวิตการลงทุนของทุกท่านก็มีความสุขแล้วครับ

ทุกท่านที่มีขอเสนอแนะยังไงกับการสัมมนาในครั้งนี้ช่วย comment ได้นะครับ จะได้เอามาปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับผมแล้วมีจุดเดียวคือ ไม่กล้าถามในเวลาสัมมนากันเลย อิอิ จะชอบถามในเวลา Break ไม่ต้องอายครับ ถามได้เสมอ และปัญหาใหญ่ๆคือ เรื่องโปรแกรม Metastock ยังไงแล้วผมจะเอามาพิจารณาอีกครั้งนะครับ สำหรับเรื่องการใช้โปรแกรม

สุดท้ายนี้ ขอบคุณเหรียญเงินของพี่ส้มโอ ขอบคุณเครื่องลางจากสมาชิกที่มอบให้ ขอบคุณขนมอร่อยๆจากโคราช และขอบคุณช่อดอกไม้สวยๆจากท่านที่มีจิตใจดีที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ ขอบคุณผู้ร่วมสัมมนาทุกท่าน

จงลงทุนด้วยสติไม่ใช้อารมณ์ในการลงทุน ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการพนันครับ

เสม

16/05/2011

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Money Management

 

 

โดย Seam Arsenal ใน การลงทุนด้วยระบบ · แก้ไขเอกสาร

ว่ากันไปเเล้วการลงทุนนั้นมีองค์ประกอบหลายๆอย่างด้วยกันถึงจะเป็นการลงทุน ไม่งั้นก็จะเป็นการพนันทันที อะไรที่เเยกระหว่าง 2 คำนี้ นั้นคือ "ระบบ" ฟังดูเเล้วเท่ห์ดีเนอะ คำว่า "ระบบ" เเต่การมี "ระบบ" เเล้ว ยังไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดในตลาดระยะยาวได้เเน่นอนครับ เพราะอะไร อย่างที่เคยกล่าวไว้เเล้วว่า ระบบ นั้นสำคัญเเค่ 10% ครับ การซื้อการขายเมื่อมีสัญญาณเมื่อทำได้ทุกไม้นั้นคือ การตามระบบได้ 100% เเต่บางท่านยังขาดทุนหรือเจ๊งกันอยู่เพราะอะไร ก็ในเมื่อเราทำตามระบบที่ออกเบบไว้เเล้วว่าปีหนึ่งจะมีกำไรพอเพียง 10%-15% อยู่เเล้ว ถ้าหลายท่านคิดเเบบนี้กำลังคิดผิดเเล้วครับ คุณมองเเค่ 10% ของการลงทุนด้วยระบบเท่านั้น เเต่ยังมีอีก 90% หายไปไหน มาดูอีก 30% คืออะไร นั้นก็คือ

Money Management (MM) สำคัญมากๆเลยนะครับ การจัดสรร Portfolio ในเหมาะกับนักลงทุนเเต่ละท่าน การทน Drawdown ของเเต่ละท่านที่เเตกต่างกัน ส่วนนี้สำคัญมากๆ ถ้าเราจัดการในส่วนนี้ไม่ดี จะส่งผลให้เราไม่สามารถทำตามระบบได้ตลอดครับ เพราะ ใจของเเต่

ละคนต่างกัน มากมาย พูดง่ายๆ "ความอึด" มันต่างกัน เเต่ตรงนี้มือใหม่ ชอบทนที่จะขาดทุนไม่ยอมขาย (Stop loss) ขาดทุนเท่าไรถึงไหนถึงกันเลย สำหรับเม่าทั้งหลาย จริงๆเเล้ว ขาดทุนเเล้วต้องทำการ Stop loss ทันทีนะครับ ห้ามต่อรองเด็ดขาด เเต่เวลาได้กำไรหน่อยรีบขายเลย ก็เเปลกดีนะ มักน้อยจริงๆ จริงเเล้วต้อง Let's profit run ครับ เช่นง่ายๆ ตอนนี้ SET ไทยใครเล่นหุ้นตอนนี้เเล้วยังขาดทุน ก็นะ ... ไม่อยากจะด่า 55555 เด่โดนตืบ กร๊ากกกกกกก

ลองคิดดูถ้า SET เป็นขาลงจะ ขาดทุนขนาดไหน มันมีวิธีเเก้ไขว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อ SET ขึ้น Portfolio เราเป็นสีเขียวได้

MM สำคัญมากกว่าการซื้อขายมากมายครับ การซื้อขายเห็นสีเขียวเเรกมาเราก็เข้าซื้อ เห็นสีเเดงมาเราก็ขายทิ้งไป ง่ายๆไม่ซับซ้อน เเต่ การเข้าซื้อนี้ ต้องเอา MM มาเกี่ยวข้องครับ เช่น วันนี้เราจะซื้อ หุ้น DTAC 50,000 บาท ถามว่าการจัด port อย่างไรถึงจะดี ผมบอกเลยว่า ให้กระจายความเสียงครับ คือ ซื้อหลายตัว อย่าไปลงตัวเดียว มันเสียงจนเกินไป ส่วนนี้ต้องเอา MM มาช่วยคุมครับ ถ้ามีเงิน 1 ล้าน ก็ลงไปเลย หาหุ้นใน SET50 นั้นเเระเลือกมา 20 ตัว เด่จะมีคำถามอีกว่าเลือกไงอะ คุงเสม ก็จะตอบว่า เลือกๆไปเหอะ ให้มันครอบคลุม ทุกอุตสากรรม ทุกองค์กร เช่น กลุ่ม Bank ก็เลือกไป BBL , SCB , KBANK , BAY , TCAP อื่นๆ พลังงานก็ว่ากันไป เลือกให้ครอบคลุมอะงับ ได้ 20 ตัวเเล้วก็ซื้อ ตัวละ 50,000 บาท ง่ายๆนะครับ นี้คือการนำ MM มาคุมการลงทุนด้วยระบบอีกทีหนึ่ง จะช่วยให้เราไม่เจ๊งครับ เป็นการลงทุนด้วยระบบจริงๆ มือใหม่เเนะนำให้ลงทุนใน หุ้นรายตัว หรือ กองทุนก่อนนะครับ สัก 2 ปีถ้าได้กำไรเเล้วค่อยไปลงทุน อนุพันธ์กันต่อ อีกตัวหนึ่งที่น่ากลัวคือ การ "Overtrade" คือเมื่อเห็นตลาดขึ้นได้กำไรมากมายเเล้ว เกิดความโลภเเละก็คึก โดยจะ trade เกินตัวหรือระบบที่ตัวเองวางไว้ สุดท้ายเเล้วเจ๊งครับ เจ๊งเเน่นอน ในระยะยาว เช่นการเทรด GF เเนะนำวาง margin ต่อสัญญาละ 3 เเสนบาท คุมเงินเล่นเเค่ 1 lot ใหญ่เท่านั้น อย่า overtrade นะครับ

ว่างๆเลยเขียนมาเล่าให้ความรู้กันครับ

ลงทุนด้วยสตินะครับ

หวังดีเสมอ

3/4/12 14:00

เสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

95untitled.jpg

 

การใช้ Moving average ตัดขึ้นมีลูกเล่นอีกนิดครับ ลองดู ผมใช้เส้น 5 สีชมพู เส้น 20 สีฟ้า

 

จุดที่ 1 เส้น 5 ตกลงมากระทบเส้น 20 แล้วเด้งขึ้นแบบนี้ก็เหมือนตัดขึ้น เส้น 5 กับ เส้น 20 ต่างโค้งขึ้น มีโอกาสจะขึ้นเยอะ จุดที่ 2 ,4 ก็เช่นกัน

จุดที่ 6 เส้น 20 โค้งลงแต่พักนึงก็ขึ้นตามเลยขึ้น

 

จุดที่ 3 เส้น 5 ตัด 20 แต่เส้น 20 โค้งลง ทำให้แนวโน้มจะไม่สำเร็จ

จุดที่ 7 8 ก็เช่นกัน เส้น 5 ขึ้นแต่เส้น 20 ยังลงอยู่เลยทำให้ไม่สำเร็จ

 

 

สรุปว่า ถ้าเส้นสั้นและยาวตัดกันและโค้งขึ้นมีโอกาสสำเร็จ ถ้าเส้นยาวยังคงปักลงหรือไม่ไปทางขึ้น อาจยั้งมือไว้ก่อนยังไม่ซื้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

96untitled.jpg

 

ดู adx ประกอบ ช่วงไหน adx ชี้ขึ้น แสดงว่ามีเทรนก็สำเร็จ ช่วงไหนปักหัวลงก็ไม่สำเร็จ

 

บางช่วง adx วิ่งต่ำกว่า 20 ก็ไม่มีเทรน ทำให้ trend following ไม่สำเร็จ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงเวลา ของหุ้น

 

1 ช่วง 1-2 วันก่อนถึงสิ้นเดือน จนกระทั่ง 2-4 วัน ของเดือนต่อมาหุ้นมีแนวโน้มขึ้น

 

2 หุ้นมีแนวโน้มขึ้นหลังวันหยุดต่างๆ ยกเว้น Good Friday,

 

Independence Day, and President’s Day. หุ้นมีโอกาสขึ้นที่ดีหากเปิดตลาดต่อจากวันหยุดในช่วง พฤศจิกา-มกราคม

 

3 ในช่วง พฤศจิกา-มกราคม เป็นช่วงที่ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากที่สุด ส่วนช่วง กันยายน ถึง ตุลา เป็นตลาดหมี

 

เดือนตุลาเป็นช่วงจุดเปลี่ยนจากขาลงเป็นขึ้น

 

4 ช่วง 1 พฤศจิกา- 30 เมษา เป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น และในช่วง พค.-ตุลา เป็นตลาดหมี

 

-ว่ากันว่าเป็นอิทธิพลจากดวงจันทน์ 55 ใช้ประกอบกับ ta เท่านั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...