ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

เสี่ยรีเทิร์น

ขาประจำ
  • จำนวนเนื้อหา

    55
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

187 ดีขั้นเทพ

เกี่ยวกับ เสี่ยรีเทิร์น

  • คะแนนนิยม
    ขาประจำ

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  • ที่อยู่
    กรุงเทพมหานคร
  1. สวัสดีปีใหม่ครับ คุณเสี่ยรีเทิร์น

    ขอคุณพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร พระพุทธสิหิงค์ ดลบันดาลให้ คุณเสี่ยรีเทิร์น และครอบครัว มีความสุข สุขภาพแข็งแรง นะครับ

  2. กลยุทธ์ แรงขายที่เข้ามาหนาแน่น ทำให้ราคาอาจมีทรุดตัวลงต่ออีก 1-2 วัน “รอซื้อ” สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวลดลงแรงถึง $15.70/Oz หรือ 1.16% มาอยู่ที่ $1,332.70/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันอยู่ที่ $1,325.61-1,364.65/Oz) ในช่วงแรกของชั่วโมงการซื้อขายบ้านเรา ราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ไว้ที่ $1,364.65/Oz โดยได้แรงหนุนตัวเลขการจ้างงานของออสเตรเลียที่ออกมาดี โดยเพิ่มขึ้น 49,500 คน มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 31,600 คนและ 20,300 คนตามลำดับ ซึ่งทำให้สกุลออสเตรเลียดอลล่าร์และเงินสกุลอื่นนอกเหนือจากดอลล่าร์สหรัฐฯดีดตัวขึ้นกันถ้วนหน้า (เพราะเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจหันมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดธุรกรรม Carry Trade โดยการเทขายเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯหรือเงินเยนที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำแล้วหันมาถือครองเงินสกุลออสเตรเลียดอลล่าร์หรือสินทรัพย์ที่ให้ผลให้ผลตอบแทนสูงกว่าแทน) โดยเฉพาะเงินสกุลยูโร ที่นอกเหนือจากประเด็นนี้แล้ว ยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% MoM มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 0.1% MoM และ 0.4% MoM ตามลำดับด้วย จึงทำให้ทองคำที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับเงินสกุลยูโรอย่างใกล้ชิดถูกไล่ซื้อเก็งกำไรอย่างหนาแน่น แต่ด้วยความที่ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรปในการประชุมนโยบายการเงินวานนี้ ดูจะไม่ชื่นชอบกับการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลยูโรมากนัก เพราะการแข็งค่าขึ้นเร็วย่อมกระทบกับการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรในเงินสกุลยูโรออกมา ประกอบกับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ออกมาสดใสเกินคาด โดยลดลง 11,000 คน มาอยู่ที่ 445,000 คน ดีกว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่มองว่าจะลดลงเพียง 1,000 คน ได้กระตุ้นให้กระแสเงินไหลกลับเข้าถือครองเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ เพราะประเด็นนี้อาจไปบดบังการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอนาคตอันใกล้ ราคาทองคำจึงถูกทุบลงอย่างหนักรวม $30/Oz นับจากจุดสูงสุดของวัน ทั้งจากปัจจัยลบในแง่ของ Dollar Index ที่ดีดตัวกลับ และความน่าสนใจในคุณสมบัติ Safe Haven ที่ถูกบั่นทอนลง ขณะเดียวกัน ราคายังถูกกดดันจากการลดสถานะถือครองทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust จำนวน 13.37 ตัน มาอยู่ที่ 1,288.54 ตันด้วย แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลงต่อเนื่องในวันนี้ เพราะการปรับตัวลงของราคาคืนวาน มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น ซึ่งหากย้อนดูภาพในอดีตพบว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นวันเดียวจบ โดยมักมีการอ่อนตัวลงต่ออีก 1-2 วันเป็นอย่างน้อย ประกอบกับการลดสถานะถือครองทองคำอย่างหนักของกองทุน SPDR Gold Trust ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบ ในแง่ที่ว่าคนส่วนใหญ่เริ่มไม่มั่นใจกับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้ได้เป็นอย่างดี โดยในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในบ้านเรา ราคาอาจจะแกว่งตัวไม่กว้างนัก เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะรอดูตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงานนอกภาคเกษตรประจำ เดือน ก.ย. 53 ของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในช่วงหัวค่ำประมาณ 2 ทุ่มของบ้านเรา ซึ่งโพลล์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 3,000 คน ดีกว่างวดก่อนที่ลดลง 54,000 คน ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.7% สูงกว่างวดก่อนที่ 9.6% ในมุมมองของเรายังเชื่อว่าตัวเลขการจ้างงานน่าจะออกมาดีกว่างวดก่อน แต่จะดีกว่าคาดการณ์หรือไม่นั้นมิอาจคาดเดาได้ โดยเหตุผลสนับสนุนที่ทำให้คาดว่าตัวเลขจะออกมาดีกว่างวดก่อนนั้นเป็นเพราะว่า การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานช่วงผ่านมามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลอดทั้งเดือน ก.ย. 53 ก็ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนราว 5.3% มาอยู่ที่ 458,200 คน หากตัวเลขออกมาดีจริงอย่างที่เราคาด ก็เป็นไปได้สูงที่ราคาจะหลุดแนว Minor Uptrend Line ที่ระดับ $1,329/Oz แล้วลงทดสอบแนวรับกระจุกตัวแถวบริเวณ $1,315-1,320/Oz ทันที ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยปัจจัยบวกได้แก่ 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯลดลงเฉลี่ย 1 bps. 2) เงินบาทอ่อนค่าลง 0.04 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่วนปัจจัยลบได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้อ่อนตัวลง $0.48/บาร์เรล 2) Dollar Index เช้านี้ดีดขึ้นเล็กน้อย 0.08% 3) กองทุน SPDR Gold Trust ลดสถานะถือครองทองคำหนักถึง 13.37 ตัน นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) รอซื้อกลับเมื่ออ่อนตัว คาดกรอบ $1,320–1,340/Oz หรือ18,700-19,000 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบใหม่ $1,310-1,350/Oz หรือ 18,600-19,200 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz ปัจจัยที่น่าจับตา 8 ต.ค. 53 – 1) การจ้างงงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ
  3. กลยุทธ์ ราคามีโอกาสย่อ หลังจากที่ไม่สามารถข้ามผ่าน $1,350/Oz ได้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ออีก $8.15/Oz หรือ 0.61% มาอยู่ที่ $1,348.40/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันอยู่ที่ $1,338.80-1,349.80/Oz) แรงหนุนสำคัญยังมาจากการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ โดย Dollar Index ทรุดตัวลงต่ออีก 0.47% มาอยู่ที่ 77.39 จุด (ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน) จากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายตามธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยออกมาวานนี้ทั้งของฝั่งยุโรปและสหรัฐฯก็ตอกย้ำมุมมองดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยในฝั่งยุโรปมีการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานของเยอรมันออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% MoM มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ -1.6% MoM และ 0.9% MoM ตามลำดับ ทำให้มีการไล่ซื้อเงินสกุลยูโรกันต่อเนื่อง เพราะเป็นไปได้ธนาคารกลางและรัฐบาลของประเทศในแถบยุโรปจะดำเนินนโยบายการเงินเชิงเข้มงวดต่อไป ตรงข้ามกับฝั่งสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ ADP ออกมาลดลงเกินคาด 39,000 คน แย่กว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ +10,000 คน และ +18,000 คนตามลำดับ ซึ่งหลังจากที่ข้อมูลถูกเปิดเผยออกมาก็ทำให้ Dollar Index ถูกทุบลงต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุยาวก็ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับพันธบัตรอายุสั้น สะท้อนมุมมองว่า ตลาดกำลังเพิ่มระดับความน่าจะเป็นในการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณมาใช้ ในการประชุมนโยบายการเงินต้นเดือน พ.ย. 53 และเป็นไปได้สูงที่จะเพิ่มวงเงินในการจัดตั้งกองทุนพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ด้วย ซึ่งกระแสข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดทั้งคืนได้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในแง่แรงหนุนจากการทรุดตัวลงของ Dollar Index และการใช้เป็นแหล่งพักเงิน (Safe Haven) หลังจากที่ภาคแรงงานของสหรัฐฯกลับมาถดถอยลง แต่ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ลงทุนและสกุลเงินต่างๆก็ไม่ได้เหวี่ยงตัวกว้างนัก เนื่องจากนักลงทุนเองต้องการรอดูความชัดเจนสำหรับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษในวันนี้ รวมถึงข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯที่จัดทำโดยทางการในคืนวันศุกร์ แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวแคบหรือพักฐานลงเล็กน้อยในวันนี้ จากแรงเทขายทำกำไรเพื่อลดความร้อนแรงหลังจากที่ราคาไม่สามารถทะยานขึ้นต่อเนื่องจนข้ามผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ $1,350/Oz ขึ้นไปได้ ขณะเดียวกันการประชุมธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษพร้อมกันในวันนี้ ย่อมทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนต่างๆรวมถึงทองคำ เพื่อรอดูความชัดเจนว่า ผลการประชุมจะหนุนความต่อเนื่องในการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลยูโรหรือฉุดให้อ่อนค่าลง นอกจากนี้ตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจด้วยเช่นกัน ว่าจะสามารถออกมาดี (โพลล์คาดไว้ที่ 455,000 คน เพิ่มขึ้นจากงวดก่อนที่ 453,000 คน) จนไปหักล้างกับข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรภาคเอกชนของ ADP ที่ออกมาแย่ได้หรือไม่ ขณะที่ การปรับขึ้นของราคาทองคำยังถูกสกัดกั้นด้วยภาวะซื้อมากเกินไปในผลการวิเคราะห์ทางเทคนิค และผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ที่สะท้อนว่าราคาทองคำร้อนแรงเกินไปเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับ Dollar Index, เงินสกุลยูโร, เงินสกุลเยน, สถานะถือครองทองคำของ SPDR, ดัชนีดาวโจนส์, และราคาพันธบัตรสหรัฐฯ เราจึงยังเชื่อว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลงเพื่อพักฐานในไม่ช้า แม้ราคาจะยังได้แรงหนุนจากตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐฯที่ออกมาแย่และ Dollar Index ที่ทรุดตัวลงต่อเนื่องก็ตาม ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยปัจจัยบวกได้แก่ 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯลดลงเฉลี่ย 5 bps. ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองมากขึ้น 2) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้ดีดขึ้น $0.08/บาร์เรล มาอยู่ที่ $83.31/บาร์เรล ส่วนปัจจัยลบได้แก่ 1) Dollar Index เช้านี้ดีดขึ้นเล็กน้อย 0.14% มาอยู่ที่ 77.50 จุด 2) เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.02 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 29.87 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศประมาณ 12 บาท/บาททอง 3) กองทุน SPDR Gold Trust ไม่ได้เพิ่มสถานะถือครองทองคำตามราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยทรงตัวที่ 1,301.94 ตัน นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) รอซื้อกลับเมื่ออ่อนตัว คาดกรอบ $1,335–1,355/Oz หรือ18,900-19,200 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบใหม่ $1,310-1,350/Oz หรือ 18,600-19,200 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz ปัจจัยที่น่าจับตา 7 ต.ค. 53 – 1) ECB ประชุมนโยบายการเงิน 2) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ 8 ต.ค. 53 – 1) การจ้างงงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ
  4. ใช่ครับ จะพยายามสอดแทรกไปในบทความเรื่อยๆนะครับ
  5. กลยุทธ์ ราคาดีดตัวขึ้นแรงจนเข้าเขตซื้อมากเกินไป จึงยังไม่ควรไล่ซื้อตาม สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรงถึง $26.50/Oz หรือ 2.02% มาอยู่ที่ $1,340.25/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันอยู่ที่ $1,312.20-1,341.35/Oz) แรงหนุนสำคัญมาจาก 1) เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดย Dollar Index ทรุดตัวลงต่ออีก 0.89% มาอยู่ที่ 77.75 จุด จากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะกลับมาใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย เหมือนเช่นธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 0.0-0.1% จากเดิมที่ 0.1% พร้อมกับมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์เตรียมอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกระลอก 2) ความคาดหวังว่าจะเกิดปรากฏการณ์ Carry Trade โดยการกู้ยืมเงินจากสกุลที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ และไปลงทุนในสกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า (เป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีที่ 1) ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเกิดการทำ Carry Trade ทั้งในส่วนของ Yen Carry Trade และ Dollar Carry Trade จึงเป็นไปได้สูงที่จะเกิดกระแสเงินสดส่วนเกินเข้ามาในระบบการเงิน จนผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ซึ่งทองคำที่ให้ผลตอบแทนไปแล้ว 22% ในปีนี้ พลอยได้รับอานิสงส์ในการกระจายเงินลงทุนเข้าไปเก็งกำไรด้วย 3) ประเด็นข่าวที่ว่า ธนาคารกลางเอเชียมีโอกาสลดสัดส่วนการถือครองเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯและเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสกุลยูโรในตะกร้าทุนสำรอง เพราะยูโรโซนยังไม่มีแนวคิดที่จะอัดฉีดเงินหรือใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายในระยะนี้ 4) แรงตัดขาดทุน (Stop Loss) ของผู้ที่ขายไว้ล่วงหน้า (Short Position) หลังจากที่ราคาทองคำทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง แนวโน้มตลาดวันนี้ การปรับขึ้นของราคาทองคำวานนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายที่เราได้คาดการณ์เอาไว้พอสมควร หรือเรียกได้ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว (เมื่อวานคาดว่าราคาจะซึมลงมาหาแนวเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ระดับ $1,310/Oz) แต่ด้วยความที่ราคาทะยานขึ้นมาแรงและเร็ว เราจึงจำเป็นต้องคงมุมมองที่คล้ายคลึงกับเมื่อวานเอาไว้ก่อน คือ คาดว่าราคาจะย่อตัวลงหรือแกว่งออกด้านข้างในระยะสั้นเพื่อลดความร้อนแรง โดยเรามีข้อสังเกตของการปรับขึ้นในรอบนี้อยู่ 3 ประการคือ 1) ผลการวิเคราะห์ทางเทคนิคสะท้อนว่า ดัชนีบ่งชี้ระยะสั้นทั้ง RSI และ Stochastic Oscillator อยู่ในเขตซื้อมากเกินไปอย่างเต็มตัว ประกอบกับส่วนต่างระหว่างราคาทองคำกับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันทะยานขึ้นเข้าเขตอันตรายที่ระดับ 2-3% อีกครั้ง โดยอยู่ที่ 2.6% จึงทำให้ราคามีความอ่อนไหวที่จะพักตัวในระยะสั้นสูง 2) ราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง แต่สถานะถือครองทองคำของกองทุน SPDR Gold Trust ที่ได้ชื่อว่าเป็นกองทุน ETF เบอร์ 1 ของโลกกลับไม่ทำสถิติสูงสุดใหม่ตาม โดยสถานะถือครอง ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,301.91 ตัน ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 1,320.44 ตันอยู่ 18.51 ตัน สะท้อนว่านักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ยังไม่ได้เห็นด้วยกับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้มากนัก 3) ผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ในหน้า 3 และ 4 ของบทวิเคราะห์สะท้อนว่า ราคาทองคำเริ่มร้อนแรงเกินไปเมื่อเทียบกับ Dollar Index, เงินสกุลยูโร, เงินสกุลเยน, พันธบัตรสหรัฐฯ, ดัชนีดาวโจนส์, และสถานะถือครองทองคำของ SPDR โดยมีค่าเฉลี่ยของราคาทองคำที่เหมาะสมอยู่ที่ $1,330/Oz ส่วน Upside การปรับขึ้นอยู่ที่ $1,364/Oz (สูงกว่าราคาปิดเมื่อวาน 1.6%) และ Downside การปรับลงอยู่ที่ $1,296/Oz (ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน 3.4%) จึงเป็นได้ว่าทองคำจะถูกลดความน่าสนใจในการกระจายการลงทุนในไม่ช้า ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยปัจจัยบวกได้แก่ 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเคลื่อนไหวทรงตัว ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองมากขึ้น 2) Dollar Index ยังมีแนวโน้มทรุดตัวลงต่อ โดยเช้านี้ทรงตัวที่ 77.80 จุด ส่วนปัจจัยลบได้แก่ 1) เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.07 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 30.05 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศประมาณ 42 บาท/บาททอง 2) กองทุน SPDR Gold Trust ไม่ได้เพิ่มสถานะถือครองทองคำตามราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ 1,301.94 ตัน 3) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้ลดลง $0.16/บาร์เรล มาอยู่ที่ $82.66/บาร์เรล นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ขายหรือถือ Short Gold Futures ไว้ก่อนแล้วรอซื้อกลับเมื่ออ่อนตัว คาดกรอบ $1,328–1,350/Oz หรือ18,900-19,200 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบใหม่ $1,310-1,350/Oz หรือ 18,600-19,200 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz ปัจจัยที่น่าจับตา 6 ต.ค. 53 – 1) ADP เผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ 7 ต.ค. 53 – 1) ECB ประชุมนโยบายการเงิน 2) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ 8 ต.ค. 53 – 1) การจ้างงงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ
  6. แนวโน้มราคาทองคำคืนนี้ • ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ $1,317/Oz โดยระหว่างวันแกว่งตัวค่อนข้างแคบในกรอบ $1,315-1,320/Oz ทั้งนี้ การปรับขึ้นของราคาทองคำถูกจำกัดลงชั่วคราวจากเงินสกุลยูโรที่กลับมาอ่อนตัวลง หลังนักลงทุนหันมาเทขายทำกำไร แล้วเข้าซื้อคืนเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯเพื่อใช้เป็นแหล่งพักเงินชั่วคราว ไว้รอดูความชัดเจนต่อถ้อยแถลงของประธานเฟดคืนนี้ว่าจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่และจำนวนเท่าใด ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ส.ค. 53 ของยูโรโซนที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดยอยู่ที่ 0.1% MoM น้อยกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 0.2% MoM ก็ได้บั่นทอนความน่าสนใจในการถือครองเงินสกุลยูโรลงไปด้วย • คืนนี้สหรัฐฯจะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านรอปิดการขาย ซึ่งโพลล์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% MoM น้อยกว่างวดก่อนที่เพิ่มขึ้น 5.2% MoM หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด จะหนุนให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นและทำให้ทองถูกลดความน่าสนใจในฐานะ Safe Haven ลง และเป็นไปได้เช่นกันว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ ด้วยความคาดหวังที่ว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณในระยะใกล้นี้ แต่ถ้าข้อมูลเศรษฐกิจคืนนี้ออกมาแย่กว่าคาด ผลที่เกิดขึ้นกับราคาทองคำจะออกมาในทิศทางตรงข้าม โดยมุมมองของเราคาดว่ายอดขายบ้านรอปิดการขายจะออกมาแย่กว่างวดก่อน แต่น่าจะใกล้เคียงหรือมากกว่าคาดการณ์ของโพลล์เล็กน้อย • ถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามมอง ซึ่งนักลงทุนต่างรอดูว่าจะมีมุมมองต่อเนื่องเช่นเดียวกับประธานเฟดสาขานิวยอร์คที่สนับสนุนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือไม่ โดยมุมมองของเราคาดว่า เฟดจะสงวนท่าทีโดยการเอนเอียงตามความเห็นของตลาดส่วนใหญ่ในแง่ที่ว่า “เฟดมีโอกาสที่จะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้” เอาไว้ก่อน แต่คงไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดถึงแผนการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมเช่นเดิม นั่นหมายความว่าสิ่งที่ประธานเฟดจะพูดคืนนี้เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว จึงไม่น่าจะส่งผลบวกกับราคาทองคำมากนัก • Dollar Index ยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบขาลงที่ระดับ 77.8-79.0 จุด แต่มีโอกาสดีดกลับในช่วงสั้นจากสัญญาณ Positive Divergence ที่เกิดขึ้นกับกราฟรายนาที และการที่ดัชนีสามารถทะลุผ่าน Minor Downtrend Line ที่ระดับ 78.00 จุดขึ้นมาได้ • ผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์สะท้อนว่า Upside เริ่มใกล้เคียงกับ Downside โดยค่าเฉลี่ยของราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ $1,315/Oz ส่วน Upside อยู่ที่ $1,346/Oz (สูงกว่าราคาปัจจุบัน 2.32%) และ Downside อยู่ที่ $1,283/Oz (ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน 2.49%) โดย Upside และ Downside ของอัตราส่วนต่างๆยังใกล้เคียงกัน จึงสะท้อนว่าราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวแคบไปก่อน • ภาพทางเทคนิคสะท้อนว่า ราคาทองคำยังวิ่งอยู่ในกรอบ Parallel Uptrend Channel ที่ $1,310-1,325/Oz โดยราคามีโอกาสดีดตัวขึ้นในช่วงหัวค่ำจากภาวะขายมากเกินไปที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า แต่ Upside การปรับขึ้นยังไม่เปิดกว้างมากนัก เพราะถูกกดดันจากภาวะซื้อมากเกินไปในกราฟรายวัน และสัญญาณ Negative Divergence ที่มีโอกาสเกิดขึ้นต่อเนื่องในกราฟรายนาที • ยังแนะนำ “ขายทำกำไร” เมื่อราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้ $1,325/Oz โดยเป็นไปได้ว่าราคาจะดีดกลับได้เล็กน้อยในช่วงหัวค่ำเพื่อเก็งกำไรข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯและถ้อยแถลงของประธานเฟด แต่ด้วยความที่ ราคาทองคำเริ่มเข้าใกล้เขตร้อนแรงมากเกินไป และ Dollar Index เริ่มฟื้นกลับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ จึงแนะนำลดสถานะการถือครองทองคำไปก่อน คาดกรอบ $1,310-1,325/Oz
  7. กลยุทธ์ ราคามีแนวโน้มแก่วงตัวแคบ เน้นขึ้นขายหรือ Short Gold Futures เป็นหลัก สรุปภาพรวมสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันอีก $22.57/Oz หรือ 1.74% มาอยู่ที่ $1,318.62/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบสัปดาห์อยู่ที่ $1,282.40-1,320.751/Oz) แรงหนุนสำคัญยังมาจากการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (Dollar Index ทรุดตัวลงต่ออีก 1.54% เมื่อเทียบกับปิดสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 78.05 จุด) จากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้ในไม่ช้า เพราะการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมได้ โดยถึงแม้ตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2553 ขั้นสุดท้าย, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, และยอดรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคลจะออกมาดีกว่าคาด แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและข้อมูลภาคการผลิตของ ISM ที่กลับมาทรุดตัวลง ก็ทำให้เชื่อได้ยากว่าเฟดจะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งตรงข้ามกับข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซน ที่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอย่างเยอรมันเริ่มเปิดเผยตัวเลขภาคแรงงานออกมาดี ประกอบกับ ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินล้นระบบ อย่างสเปนและอิตาลี ก็ได้รับการตอบสนองจากตลาดเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ความน่าสนใจในการถือครองเงินสกุลยูโรจึงมีมากกว่าเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ และส่งผลให้ทองคำที่ช่วงหลังมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับเงินสกุลยูโรหรือผกผันกับเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด พลอยได้รับอานิสงส์เชิงบวกเชิงบวกไปโดยปริยาย แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อในช่วงต้นสัปดาห์ ไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ $1,325-1,330/Oz จากโมเมนตัมเชิงบวกที่เกิดขึ้นในปลายสัปดาห์ก่อน โดยแรงหนุนสำคัญยังมาจากการทรุดตัวลงของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯที่มีโอกาสถูกกดดันต่อเนื่อง จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่อยู่ในระดับต่ำ และการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของทางการสหรัฐฯที่ในช่วงหลังออกมาไม่ดีนัก ขณะเดียวกัน การทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาน้ำมันดิบ NYMEX จนสามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ $80/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ย่อมสร้างความน่าสนใจในการถือครองทองคำเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นตามมาทั่วโลกในอนาคต ซึ่งข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าที่ระดับราคาน้ำมันดิบ NYMEX $80-110/บาร์เรล จะหนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ณ ปัจจุบันอยู่ในเขตซื้อมากเกินไปอย่างเต็มตัว โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแล้วถึง 10% (หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้นต่อปีสูงถึง 77%) ทองคำจึงมีความอ่อนไหวที่จะถูกเทขายทำกำไรได้ทุกเมื่อ กอปรกับ ผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำและ Dollar Index ที่มีความสัมพันธ์แบบผกผันกันอย่างใกล้ชิดก็สะท้อนว่า ราคาทองคำร้อนแรงเกินไปเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับ Dollar Index จึงเป็นไปได้ว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลงและ Dollar Index จะรีบาวน์ขึ้นในไม่ช้านี้ โดยอาจใช้ประเด็นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะเริ่มเปิดเผยตั้งแต่กลางสัปดาห์ ซึ่งมีแนวโน้มออกมาดีต่อเนื่องเป็นข้ออ้างให้เกิดกรณีดังกล่าว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่อยากให้นักลงทุนมั่นใจกับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้มากจนเกินไป และเมื่อพิจารณาร่วมกับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องประกอบด้วยแล้ว จึงแนะนำให้เล่นแบบเน้นขึ้นขายหรือเปิดสถานะ Short Gold Futures เป็นหลัก แนวโน้มตลาดวันนี้ คาดราคาทองคำจะแกว่งตัวแคบ โดยอาจอ่อนตัวลงในระยะสั้นจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่กระชากตัวขึ้นมาแรงในปลายสัปดาห์ก่อน แต่มีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้งในช่วงกลางคืน จากการเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขายที่มีแนวโน้มออกมาต่ำกว่าคาด (โพลล์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% MoM แย่กว่างวดก่อนที่เพิ่มขึ้น 5.2% MoM) และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่น่าจะให้ความเห็นแบบคงความต่อเนื่องจากถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์คในคืนวันศุกร์ ในแง่ของการนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้อีกครั้ง นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) หยุดซื้อและเน้นขึ้นขายทำกำไรแถวบริเวณ $1,320-1,325/Oz คาดกรอบที่ $1,309–1,325/Oz หรือ18,700 - 18,900 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบ $1,280-1,330/Oz หรือ 18,300-19,000 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz ปัจจัยที่น่าจับตา 4 ต.ค. 53 – 1) ดัชนีราคาผู้ผลิตของยูโรโซน 2) ยอดขายบ้านรอปิดการขายของสหรัฐฯ 5 ต.ค. 53 – 1) PMI และยอดค้าปลีกของยูโรโซน 2) ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ 6 ต.ค. 53 – 1) ADP เผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ 7 ต.ค. 53 – 1) ECB ประชุมนโยบายการเงิน 2) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ 8 ต.ค. 53 – 1) การจ้างงงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ
  8. ครับ ทำใจครับ แต่ถ้าเน้นภาพใหญ่หรือเล่นรอบใหญ่เราจะไม่กระทบมากครับ ผมก็ชอบเล่นรอบสั้น เลยถูกปั่นหัวอยู่บ่อยเหมือนกันครับ
  9. กลยุทธ์ ราคามีโอกาสขึ้น แต่ให้หยุดซื้อ และหันมาเน้นขายเพราะ Upside เริ่มจำกัด สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดไปที่ $1,308.50/Oz ลดลงเล็กน้อย 0.60/Oz หรือ 0.05% (จุดต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ $1,295.75-1,315.83/Oz) การเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกวานนี้เป็นไปอย่างผันผวนนับตั้งแต่ช่วงบ่ายของบ้านเราเป็นต้นไป โดยราคาได้มีการปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันในช่วงแรก หลังจากเยอรมันมีการเปิดเผยข้อมูลภาคแรงงานเดือน ก.ย. 53 ออกมาดี โดยตัวเลขการว่างงานลดลง -40,000 คน ดีกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ -20,000 คน ส่วนอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 7.5% ต่ำกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 7.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของทั้งยูโรโซนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.8% จากงวดก่อนที่ 1.6% ซึ่งทันที่ที่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมา ก็ทำให้เงินสกุลยูโรดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วไปทำจุดสูงสุดของวันไว้ที่ 1.3683 $/€ จากก่อนหน้านี้ที่ถูกกดดันด้วยประเด็นสถาบันจัดอันดับเครดิต Moody’ s ออกมาปรับลดอันดับเครดิตของสเปนลง 1 ขั้นจาก Aaa เหลือ ซึ่งเงินสกุลยูโรที่ดีดตัวขึ้น ได้หนุนให้ราคาทองคำที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันอย่างใกล้ชิดพลอยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ Upside การปรับขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดไว้ที่การเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เป็นไปอย่างสดใส ไม่ว่าจะเป็น 1) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเหลือ 453,000 คน มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 469,000 คน และ 457,000 คนตามลำดับ 2) อัตราการเติบโตของ GDP ไตรมาส 2/2553 ครั้งที่ 3 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.7% QoQ มากกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ 1.6% QoQ และ 3) ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเขตชิคาโก้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 60.4 จุด มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 56.7 จุด และ 55.9 จุด ตามลำดับ ซึ่งข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีได้หนุนให้ Dollar Index ดีดตัวขึ้น และฉุดให้ราคาทองคำร่วงลงด้วยความน่าสนใจในฐานะ Safe Haven ที่ถูกบั่นทอนลงไป แต่การทรุดตัวลงของราคาทองคำก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวเช่นเดิม โดยหลังจากที่ราคาร่วงลงหลุดระดับ $1,300/Oz ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ราคาดีดขึ้นมายืนเหนือระดับดังกล่าวได้อีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับเงินสกุลยูโรที่มีการฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว จากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจไม่นำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้เหมือนเช่นธนาคารกลางสหรัฐฯ แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะดีดตัวกลับขึ้นมาได้ในช่วงบ่ายและเย็นของบ้านเรา (ขึ้นทดสอบ $1,310-1,315/Oz อีกครั้ง) ตามโมเมนตัมเชิงบวกหรือแรงซื้อกลับที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายตลาดวานนี้ ประกอบกับมีโอกาสได้แรงหนุนต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเงินสกุลยูโร ที่น่าจะยังได้แรงส่งจากการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจของฝั่งยุโรปที่ออกมาดี โดยวันนี้จะเป็นคิวของ 1) ยอดค้าปลีกของเยอรมัน โพลล์คาดไว้ที่ 0.5% MoM มากกว่างวดก่อนที่ -0.1% MoM 2) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซน โพลล์คาดไว้ทรงตัวกับงวดก่อนที่ 53.6 จุด 3) อัตราการว่างงานของยูโรโซน โพลล์คาดว่าทรงตัวที่ 10.0% ขณะเดียวกันเรามองว่า ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการทรุดตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐสหรัฐฯ ที่วานนี้ ตัวอายุ 2 ปีลดลงอีก 0.02% มาอยู่ที่ 0.42% อย่างไรก็ตาม Upside การปรับขึ้นของราคาทองโลกกำลังถูกจำกัดลงในช่วงสั้นหรือยังไม่น่าปรับขึ้นเกิน $1,315/Oz จากการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่เป็นไปอย่างสดใสมากขึ้น ซึ่งตัวเลขที่จะเปิดเผยวันนี้ทั้งยอดรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล รวมถึงดัชนีภาคการผลิต ISM มีแนวโน้มออกมาดีต่อเนื่องจากงวดก่อน ทำให้ทองคำมีโอกาสถูกลดความน่าสนใจในการถือครองด้วยคุณสมบัติ Safe Haven ลง และเป็นไปได้ว่าข้อมูลที่ออกมาดีจะไปลดโอกาสในการที่เฟดจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้ ขณะเดียวกัน ในเชิงของราคาทองคำในประเทศ ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นกลาง โดยปัจจัยลบได้แก่ 1) เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่ออีก 0.06 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 30.28 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศประมาณ 36 บาท/บาททอง 2) กองทุน SPDR Gold Trust ลดสถานะถือครองทองคำจำนวน 0.91 ตัน มาอยู่ที่ 1,304.78 ตัน ส่วนปัจจัยบวกได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้ดีดขึ้น $0.50/บาร์เรล มาอยู่ที่ $82.94/บาร์เรล 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลงเฉลี่ย 1 bps. นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) หยุดซื้อและเน้นขึ้นขายทำกำไรแถวบริเวณ $1,315-1,320/Oz คาดกรอบที่ $1,290–1,315/Oz หรือ18,500 - 18,850 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบ $1,270-1,315/Oz หรือ 18,100-18,950 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz
  10. กลยุทธ์ ยังแนะนำให้ถือลุ้นไปก่อน เพราะข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้มีโอกาสหนุนอีกระลอก สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกเคลื่อนไหวอย่างแคบๆเกือบตลอดทั้งวัน โดยปิดทรงตัวที่ระดับ $1,309.10/Oz เพิ่มขึ้น 1.00/Oz หรือ 0.08% (จุดต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ $1,305.45-1,313.40/Oz) สาเหตุที่ทำให้ราคาแกว่งตัวไม่ผันผวนเป็นเพราะว่า เมื่อวานไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญออกมาทั้งในฝั่งของสหรัฐฯและยุโรป จึงทำให้ไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาขับเคลื่อนตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั้วโลกให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน ขณะที่ การปรับขึ้นของราคาทองคำอย่างแรงในวันก่อนหน้า ย่อมจูงใจให้นักลงทุนที่ใดถือครองทองคำไว้เทขายทำกำไรออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงการเทขายของบรรดากองทุนต่างๆที่ต้องการรับรู้กำไรก่อนที่จะปิดงบไตรมาส 3/2553 ด้วย แต่การพักตัวลงของราคาทองคำก็เป็นไปอย่างเบาบาง เพราะยังมีแรงหนุนจากการร่วงลงของ Dollar Index ที่ยังถูกฉุดจากคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณมาใช้ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป และการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของเงินสกุลยูโร หลังจากที่การประมูลพันธบัตรของอิตาลีได้รับการตอบสนองจากตลาดเป็นอย่างดี และดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือน ก.ย. 53 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 103.2 จุด มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 102.3 จุดและ 101.2 จุดตามลำดับ แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะพักตัวระยะสั้นในช่วงแรกของการซื้อขายจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนที่ยังคงเหลืออยู่, การดีดตัวขึ้นของ Dollar Index ราว 0.13% มาอยู่ที่ 78.80 จุดในช่วงเช้านี้, และเป็นการลดภาวะกดดันจากสัญญาณ Negative Divergence ที่เกิดขึ้นกับกราฟรายนาที ซึ่งเป็นไปได้ว่าราคาจะลงมาทดสอบแนวรับทางจิตวิทยาแถวระดับ $1,300-1,303/Oz ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเย็นไปจนถึงกลางคืน โดยเราคาดว่าราคาทองคำมีโอกาสได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น 1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนที่มีแนวโน้มออกมาดีกว่างวดก่อนที่ระดับ 51.90 จุด ซึ่งถ้าหากออกมาดีจริงจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นยกแผง ด้วยความที่จีนเป็นผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์เบอร์หนึ่งของโลก 2) ตัวเลขการจ้างงานของเยอรมันที่มีโอกาสออกมาดีกว่าคาด (โพลล์คาดว่าการจ้างงานจะลดลง 20,000 คน จากงวดก่อนที่ลดลง 17,000 คน) หากออกมาดีจริงจะหนุนให้เงินสกุลยูโรดีดตัวขึ้นต่อและฉุดให้ Dollar Index ทรุดตัวลงต่อเนื่อง 3) ตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2553 ขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯที่น่าจะทำได้อย่างเก่งก็แค่ทรงตัวกับการเปิดเผยครั้งก่อนที่ระดับ 1.6% และ 4) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากครั้งก่อน ซึ่งถ้าหากตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาดในระยะนี้ ย่อมเพิ่มความคาดหวังว่าเฟดจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้ในไม่ช้า ซึ่งนั่นหมายความว่า Dollar Index มีโอกาสทรุดตัวลงต่อเนื่องด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณของเรายังสะท้อนว่า การปรับขึ้นของราคาทองคำยังไม่เข้าเขตอันตรายมากเกินไปอย่างเต็มตัว และมีโอกาสดีดตัวขึ้นอีกระลอกไปทดสอบกรอบแนวต้านแถวบริเวณ $1,315-1,320/Oz ก่อนที่จะพักตัวลงได้อย่างมีนัยสำคัญตามมา ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นลบ โดยปัจจัยลบได้แก่ 1) เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่ออีก 0.03 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 30.38 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลลบต่อราคาทองคำในประเทศประมาณ 18 บาท/บาททอง 2) Dollar Index ดีดตัวขึ้น 0.13% มาอยู่ที่ 78.79 จุด ทำให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจในการเก็งกำไรด้วยความสัมพันธ์ที่ผกผันกัน 3) ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้อ่อนตัวลง $0.11/บาร์เรล มาอยู่ที่ $80.10/บาร์เรล ส่วนปัจจัยบวกได้แก่ 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลงเฉลี่ย 1 bps. ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองด้วยคุณสมบัติ Safe Haven มากขึ้นเมื่อเทียบกับการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ยังแนะนำให้ถือต่อเพื่อลุ้นขายทำกำไรแถวบริเวณ $1,315-1,320/Oz โดยใช้ $1,300/Oz เป็นจุดถอย คาดกรอบที่ $1,300–1,315/Oz หรือประมาณ 18,750 - 18,950 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบ $1,270-1,315/Oz หรือ 18,100-18,950 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz
  11. กลยุทธ์ มีแล้วถือต่อเพื่อรอขายแถว $1,320-1,330/Oz ส่วนยังไม่มีให้รอไปก่อน สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรงถึง $14.10/Oz หรือ 1.09% มาอยู่ที่ $1,308.10/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ $1,282.40-1,309.89/Oz) โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงบ่ายของบ้านเรามีการทรุดตัวลงอย่างหนัก ตามการอ่อนค่าลงของเงินสกุลยูโร (การรีบาวน์ของ Dollar Index) ที่ถูกกดดันมาจากความกังวลต่อแนวโน้มความอ่อนแอของภาคธนาคารในยูโรโซน และคาดการณ์ปริมาณเงินอัดฉีดเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐฯที่มีขนาดน้อยกว่ารอบแรก ถึงแม้เยอรมันจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาดีกว่าคาด โดยอยู่ที่ 4.90 จุด มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 4.30 จุดก็ตาม แต่นักลงทุนกลับไปให้น้ำหนักกับ 2 ประเด็นแรกมากกว่า จึงพากันเทขายเงินสกุลยูโรและสินทรัพย์เสี่ยงออกมาเพื่อไปถือครองเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯแทน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของราคาทองคำและเงินสกุลยูโรก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วครู่เท่านั้น โดยหลังจากที่สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board ออกมาย่ำแย่ที่ 48.50 จุด น้อยกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 53.20 จุด และ 52.90 จุด ก็ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในทองคำอย่างหนาแน่นทันที ทั้งในเชิงของการใช้เป็นแหล่งพักเงิน (Safe Haven) และผลจาก Dollar Index ที่ร่วงลงอย่างหนักกว่า 0.41% มาอยู่ที่ 79.01 จุด เพราะการที่ข้อมูลภาคการบริโภคที่ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาย่ำแย่ ย่อมทำให้เกิดการคาดการณ์กันโดยทั่วไปว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้ในไม่ช้า และมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าจะมีการขยายวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย Dollar Index จึงมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเรื่อยๆหลังจากนี้ไป ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและ Dollar Index ที่มีความผกผันกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ได้หนุนให้ราคาทองคำดีดขึ้นไปล่วงหน้าเพื่อรับกับความคาดหวังที่จะเห็น Dollar Index ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้ การกลับมาเพิ่มสถานะถือครองทองคำอย่างมีนัยสำคัญของกองทุน SPDR Gold Trust จำนวน 5.17 ตัน ก็ถือเป็นอีกตัวแปรที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยในวันนี้ จากแรงหนุนของ Dollar Index ที่มีแนวโน้มทรุดตัวลงต่อเนื่อง ด้วยความกังวลต่อการที่เฟดจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้อีกครั้งในไม่ช้า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่อยู่ในระดับต่ำติดดิน โดยวานนี้ทรุดตัวลงต่ออีกเฉลี่ยราว 6 bps. ซึ่งถือเป็นภาวะการณ์ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี ขณะเดียวกัน การกลับลำมาเพิ่มสถานะถือครองทองคำของ SPDR อย่างมีนัยสำคัญกว่า 5.17 ตัน ได้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น ในแง่ที่ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับมามั่นใจกับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้อีกครั้ง นอกจากนี้โมเมนตัมเชิงบวกจากปัจจัยทางด้านเทคนิคที่ราคาสามารถทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ย่อมกระตุ้นให้เกิดแรงเก็งกำไรตามมาได้เป็นอย่างดี โดยผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณของเราสะท้อนว่าเป้าการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้อยู่ที่แนวระดับ $1,320-1,330/Oz ทั้งนี้ เนื่องจากราคาทองคำ ณ ปัจจุบันเคลื่อนไหวแบบผกผันกับ Dollar Index เป็นอย่างมาก เราจึงแนะนให้นักลงทุนจับตาดูการเคลื่อนไหวของ Dollar Index อย่างใกล้ชิด โดยจุดเปลี่ยนจากแนวโน้มขาลงเป็นขาขึ้นของ Dollar Index อยู่ที่ 79.80 จุด หากยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าให้นักลงทุนถือครองทองคำต่อไป แต่ถ้าดีดขึ้นมายืนเหนือได้ให้ทยอยขายทองคำออกมาทันที โดยเฉพาะเมื่อราคาดีดตัวเข้าใกล้เป้าการปรับขึ้นแถวบริเวณ $1,320-1,330/Oz ที่เราได้ให้ไว้ด้วย นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ยังแนะนำให้ถือต่อเพื่อลุ้นขายทำกำไรแถวบริเวณ $1,320-1,330/Oz โดยใช้ $1,300/Oz เป็นจุดถอย คาดกรอบที่ $1,300–1,315/Oz หรือประมาณ 18,750 - 19,000 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบ $1,270-1,310/Oz หรือ 18,350-18,900 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz
  12. กลยุทธ์ ข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนและถ้อยแถลงของ ECB จะหนุนทองทะลุ $1,300/Oz สรุปภาพรวมสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันอีก $22.25/Oz หรือ 1.75% มาอยู่ที่ $1,296.05/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบสัปดาห์อยู่ที่ $1,271.55-1,299.72/Oz) โดยได้แรงหนุนสำคัญมาจากการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ (Dollar Index ร่วงลง 2.61% มาอยู่ที่ 79.27 จุด) หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีกนาน และมีแนวโน้มนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะการชะลอตัวซ้ำสอง (Double Dip Recession) ด้วยความที่ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาทรุดตัว ภาคแรงงานยังไม่หลุดพ้นจากสภาวะอ่อนแอ และอัตราเงินเฟ้อยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเงินสกุลดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มทรง (คงอัตราดอกเบี้ยต่ำ) กับทรุด (ผลจากการออกมาตรการในอนาคต) ได้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกผิดหวังในการถือครองและเทขายเงินสกุลดอลลาร์ออกมาอย่างหนัก ประจวบเหมาะกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของประเทศในแถบยูโรโซนหลายประเทศ ซึ่งเผอิญว่าได้รับการตอบสนองจากตลาดเป็นอย่างดี จึงทำให้กระแสเงินมีการกระจายตัวออกไปยังเงินสกุลยูโรและสกุลอื่นๆที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาทิเช่น เงินสกุลออสเตรเลียดอลล่าร์ ที่ธนาคารกลางออสเตรเลียมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า ทองคำที่มักเคลื่อนไหวผกผันกับเงินสกุลดลล่าร์สหรัฐฯและได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ทดแทนกันในแง่ของแหล่งพักเงิน (Safe Haven) ก็พลอยได้รับอานิสงค์เชิงบวกนี้ไปด้วย โดยถึงแม้ว่าราคาทองคำจะอยู่ในเขตร้อนแรงเกินไปในภาพทางเทคนิค และตลาดหุ้นสหรัฐฯจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายสัปดาห์ แต่ราคาทองคำก็ปรับตัวลงยาก เพราะมีประเด็นนี้คอยพยุงร่วมกับปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็น High Season แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ คาดว่าราคาทองคำจะสามารถทะลุผ่านระดับ $1,300/Oz ที่เป็นแนวต้านทางจิตวิทยาขึ้นไปได้ในช่วงต้นสัปดาห์ และเป็นไปได้ที่จะดีดตัวขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปแถวบริเวณ $1,310-1,320/Oz โดยแรงหนุนสำคัญยังมาจากการอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องจาก1) ความกังวลว่าเฟดจะนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณกลับมาใช้ในไม่ช้า 2) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯที่ทรุดตัวลงต่ำสุดในรอบ 1.5 ปี จึงไม่จูงใจให้ถือครองเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯไว้นานๆ และ 3) Dollar Index ที่ถูกทุบลงอย่างหนักจนทำจุดต่ำสุดในรอบ 9.5 เดือนแถวบริเวณ 79.50 จุด ซึ่งถ้าพิจารณาตามแนวโน้มในแง่ของปัจจัยทางด้านเทคนิคแล้ว เป็นไปได้สูงที่ Dollar Index จะซึมลงต่อไปหาบริเวณ 77.50-78.50 จุด ภายในสัปดาห์นี้ เพราะฉะนั้นทองคำจึงยังได้รับความน่าสนใจในการเข้าเก็งกำไร ด้วยลักษณะการเคลื่อนไหวที่มีความสัมพันธ์แบบผกผันกับ Dollar Index อย่างใกล้ชิดในปัจจุบันอยู่ต่อไป ขณะเดียวกัน ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากปัจจัยทางด้านฤดูกาล โดยข้อมูลทางสถิติสะท้อนว่าราคาทองคำในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ก.ย. ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกที่ประมาณ 0.25% WoW ด้วยความน่าจะเป็นราว 60-70% แต่เราไม่อยากให้นักลงทุนมั่นใจกับการปรับขึ้นของราคาทองคำหลังจากนี้มากจนเกินไปนัก เพราะเป็นไปได้ว่าราคาจะร่วงลงในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่จะเปิดเผยในช่วงนั้นมีแนวโน้มออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นประมาณการ GDP ไตรมาส 2/2553 ครั้งที่ 3, ยอดรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล, และดัชนีภาคการผลิต ISM จึงเป็นไปได้ที่ทองคำจะถูกลดความน่าสนใจในฐานะ Safe Haven ลง ประกอบกับการดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวระดับ $1,305-1,320/Oz จะทำให้ราคาทองคำดูร้อนแรงเกินไปอย่างมากในทางเทคนิค แนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นต่อ จากโมเมนตัมเชิงบวกที่เกิดขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และเป็นไปได้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนที่มีแนวโน้มออกมาดี และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ จะหนุนให้เงินสกุลยูโรดีดตัวขึ้นและฉุด Dollar Index ร่วงลง โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นเหนือระดับ $1,297/Oz ได้ ความน่าจะเป็นที่ราคาจะทะลุผ่าน $1,300/Oz จะเปิดกว้างมากขึ้น นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ยังแนะนำให้ถือต่อเพื่อลุ้นทะลุผ่าน $1,300/Oz โดยใช้ $1,288/Oz เป็นจุดถอย คาดกรอบที่ $1,288 – 1,305/Oz หรือประมาณ 18,650 - 18,900 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว ขึ้นขาย คาดกรอบ $1,270 - 1,310/Oz หรือ 18,150-19,100 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,275/Oz
  13. กลยุทธ์ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้อาจกดดันราคาทองคำ แต่การปรับลงอาจไม่มาก สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกเคลื่อนไหวแบบแคบๆ และปิดทรงตัวที่ $1,291.05/Oz ปรับตัวขึ้น $0.20/Oz หรือ 0.02% (จุดต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ $1,287.30-1,295.15/Oz) โดย Upside การปรับขึ้นถูกสกัดกั้นจากการฟื้นตัวของ Dollar Index ราว 0.23% มาอยู่ที่ 80.01 จุด ซึ่งช่วงหลังมีความสัมพันธ์เชิงผกผันกับราคาทองคำเป็นอย่างมาก (ค่า Correlation ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ -0.9) โดยถูกผลักดันมาจากการทรุดตัวลงของเงินสกุลยูโรกว่า 0.65% มาอยู่ที่ 1.3312 $/€ หลังจากไอร์แลนด์เปิดเผยตัวเลข GDP งวดไตรมาส 2/2553 ออกมาแย่กว่าคาด โดยลดลง -1.2% QoQ แย่กว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่ +0.5% QoQ ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลกับการสะสางปัญหาหนี้สินของประเทศในแถบยูโรโซนอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขดัชนีการจัดซื้อ (Manufacturing Purchasing Manager's Index: PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนที่เปิดเผยในเย็นวานก็ออกมาย่ำแย่ด้วย โดยในส่วนของภาคการผลิตลดลงเหลือ 53.6 น้อยกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 55.1 และ 54.6 ตามลำดับ ส่วนของภาคบริการลดลงเหลือ 53.6 น้อยกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ 55.9 และ 55.5 ตามลำดับ จึงทำให้มีแรงเทขายเงินสกุลยูโรออกมาอย่างหนาแน่น และกระแสเงินบางส่วนมีการโยกย้ายเข้าหาเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯเพื่อใช้เป็นแหล่งพักเงิน แต่ด้วยความที่ ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯเองก็ยังไม่ดีนัก โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 12,000 คน อยู่ที่ 465,000 คน มากกว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่ 450,000 คน ส่วนยอดขายบ้านมือสอง แม้จะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 7.6% MoM มาอยู่ที่ 4.13 ล้านยูนิต แต่ก็น้อยกว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.4% MoM จึงทำให้ทองคำยังคงได้รับความน่าสนใจในการกระจายการลงทุน ด้วยฐานะสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถใช้เป็นแหล่งพักเงินชั้นดีได้ และเป็นเหตุผลว่าทำให้ราคาทองคำจึงเคลื่อนไหวแข็งแกร่งกว่าเงินสกุลยูโรวานนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวแคบในกรอบ $1,285-,1295/Oz ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในประเทศ โดยราคาทองคำในประเทศมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย จากเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงตามผลกระทบของการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ และการอนุมัติ 5 มาตรการกระตุ้นให้เงินไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศของกระทรวงการคลัง แต่คาดว่าราคาทองคำโลกจะเคลื่อนไหวหลุดกรอบล่างในช่วงกลางคืน เพราะข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่จะเปิดเผยในคืนนี้ทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่มีแนวโน้มออกมาดี เนื่องจากฐานการคำนวณยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในงวดก่อนอยู่ในระดับต่ำมาก และยอดขายบ้านใหม่มีแนวโน้มออกมาดีตามข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ในสัปดาห์นี้ที่ถูกเปิดเผยออกมาดีไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับผลการิวเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ของเราที่สะท้อนว่า Upside การปรับขึ้นของราคาทองคำเริ่มน้อยกว่า Downside โดยค่าเฉลี่ยของราคาทองที่เหมาะสมอยู่ที่ $1,280/Oz ส่วน Upside เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ $1,314/Oz (สูงกว่าราคาปิดวานก่อน 1.62%) และ Downside เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ $1,245/Oz (ต่ำกว่าราคาปิดวานก่อน 3.75%) ทั้งนี้ เราให้พิจารณาที่การเคลื่อนไหวของ Dollar Index เป็นหลัก หากยังไม่สามารถดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 80.50 จุดได้ในคืนนี้ ราคาทองคำก็จะอยู่ในสถานะที่อ่อนตัวลงยากเช่นเดิม ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นลบ ได้แก่ 1) กองทุน SPDR Gold Trust ลดสถานะถือครองทองคำจำนวน 2.73 ตัน มาอยู่ที่ 1,301.43 ตัน 2) Dollar Index ดีดตัวขึ้น 0.08% มาอยู่ที่ 80.01 จุด 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 bps. 3) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้อ่อนตัวลง $0.31/บาร์เรล มาอยู่ที่ $74.87/บาร์เรล นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ยังแนะนำให้ถือต่อเพื่อลุ้นทะลุผ่าน $1,300/Oz โดยใช้ $1,280/Oz เป็นจุดถอย คาดกรอบที่ $1,280 – 1,305/Oz หรือประมาณ 18,600 - 19,000 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว รอซื้อเมื่ออ่อนตัว คาดกรอบ $1,260 - 1,300/Oz หรือ 18,250-18,850 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,240/Oz
  14. กลยุทธ์ ราคาทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง จำใจต้องยืนข้างซื้อหรือ Long GF ชั่วคราว สรุปภาพรวมตลาดวานนี้ ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ออีก $8.15/Oz หรือ 0.63% มาอยู่ที่ $1,284.95/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดอยู่ที่ $1,271.80-1,289.50/Oz) ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายที่ได้คาดการณ์ไว้อยู่พอสมควร ถึงแม้ในช่วงหัวค่ำไปจนถึงกลางดึก ราคาจะมีการพักตัวลงมาตามคาดแถวบริเวณ $1,270-1,272/Oz หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาดีมาก โดยยอดสร้างบ้านใหม่เดือน ส.ค. 53 เพิ่มขึ้นถึง 10.5% จากงวดก่อน มาอยู่ที่ 598,000 ยูนิต มากกว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่ 550,000 ยูนิต ส่วนยอดอนุญาตก่อสร้างก็เพิ่มขึ้น 1.8% จากงวดก่อน มาอยู่ที่ 569,000 ยูนิต มากกว่าคาดการณ์ของโพลล์ที่ 560,000 ยูนิต ซึ่งสะท้อนว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯที่ก่อนหน้านี้ดูย่ำแย่เป็นอย่างมากเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้วจึงทำให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจในฐานะ Safe Haven ลง แต่หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยผลการประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ออกมา ก็ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นอย่างแรงกว่า $15/Oz นับจากจุดต่ำสุดที่เคลื่อนไหวอยู่แถวบริเวณ $1,271/Oz เพราะท่าทีของเฟดเสมือนว่ามีโอกาสที่จะนำนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายกลับมาใช้อีกครั้งในไม่ช้า โดยอาจจะดำเนินมาตรการอื่นๆนอกเหนือจากการอัดฉีดเงินผ่านตลาดพันธบัตรด้วย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและภาคแรงงานที่ยังซบเซา ทำให้เฟดจำเป็นต้องคงนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายโดยใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำอยู่ต่อไป ซึ่งหลังจากทีที่มีการเผยผลการประชุมออกมาก็ฉุดให้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯร่วงลงต่ออย่างหนักทันที (Dollar Index วานนี้ทรุดตัวลงกว่า 1.1% มาอยู่ที่ 80.44 จุด) จากก่อนหน้านี้ที่ถูกฉุดจากการแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเงินสกุลยูโร ที่ได้แรงหนุนจากผลการประมูลพันธบัตรของประเทศในแถบยูโรโซนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แนวโน้มตลาดวันนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ แต่อัตราเร่งของการปรับขึ้นอาจชะลอกว่าเมื่อวาน โดยแรงหนุนสำคัญยังอยู่ที่การร่วงลงของ Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่ยังอยู่ในช่วง High Season ของราคาทองคำ ซึ่งเหตุผลสนับสนุนทั้ง 3 ถือว่ามีน้ำหนักกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมากกว่าปัจจัยอื่น ณ ปัจจุบัน จึงทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงยากหรืออยากขึ้นมากกว่าลง และเป็นไปได้สูงที่การพักฐานในช่วงสั้นอาจลงไปได้แค่จุดต่ำสุดเมื่อวาน เพราะการที่ราคาสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ย่อมเป็นโมเมนตัมเชิงบวกที่ดีในการปรับตัวขึ้นต่อเพื่อลุ้นทะลุผ่านแนวต้านจิตวิทยาสำคัญที่ระดับ $1,300/Oz แต่เนื่องจาก Upside ในช่วงสั้นเหลือไม่มากนัก โดยผลการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับ 9 ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กันสะท้อนว่า Upside ยังคงน้อยกว่า Downside โดยค่าเฉลี่ยของราคาทองคำที่เหมาะสมอยู่ที่ $1,272/Oz (ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน 1.2%) ส่วน Upside เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ $1,305/Oz (สูงกว่าราคาปิดเมื่อวาน 1.4%) และ Downside เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ $1,240/Oz (ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน 2.7%) จึงแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น และจังหวะนี้ก็เหมาะสมเฉพาะผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงเท่านั้นด้วยเช่นกัน ปัจจัยที่กระทบช่วงเช้า ให้น้ำหนักเป็นบวก โดยปัจจัยบวกได้แก่ 1) Dollar Index อ่อนตัวลง 0.25% มาอยู่ที่ 80.23 จุด ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการเก็งกำไรด้วยความสัมพันธ์ที่ผกผันกันมากขึ้น 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลงเฉลี่ย 7 bps. ทำให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองด้วยความที่เป็นสินทรัพย์ทดแทนกันมากขึ้น 3) ราคาน้ำมันดิบ Brent เช้านี้เพิ่มขึ้น $0.28/บาร์เรล มาอยู่ที่ $79.07/บาร์เรล ส่วนปัจจัยลบได้แก่ 1) กองทุน SPDR Gold Trust ลดสถานะการถือครองทองคำจำนวน 0.30 ตันมาอยู่ที่ 1,304.17 ตัน สะท้อนถึงจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบว่านักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มสับสนกับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้ และ 2) แนวโน้มการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง จากผลของถ้อยแถลงของเฟด นักลงทุนระยะสั้น(เล่น 1-2 วัน) ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น หรือหันมาเปิด Long GF เพื่อลุ้นทะลุ $1,300/Oz คาดกรอบที่ $1,283 – 1,305/Oz หรือประมาณ 18,600 - 18,900 บาท/บาททอง นักลงทุนระยะกลาง-ยาว รอซื้อเมื่ออ่อนตัว คาดกรอบ $1,260 - 1,300/Oz หรือ 18,250-18,850 บาท/บาททอง ส่วนระยะยาวสำหรับการลงทุนระดับเดือน แนะนำให้ถือต่อไป โดยขยับจุดถอยขึ้นเป็นที่ $1,240/Oz
  15. แนวโน้มราคาทองคำไตรมาส 4/2553 โดยปกติ ไตรมาสที่ 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของราคาทองคำ ซึ่งข้อมูลในอดีต 10 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.29% มากกว่าไตรมาส 1, 2, และ 3 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.91%, 1.44%, และ 4.57% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนตามลำดับ ขณะที่ความน่าจะเป็นที่ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงที่ราว 80% หรือ 8 ใน 10 ปี ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น (2 ปีที่ราคาปรับตัวลงคือปี 2543 และ 2544 หลังจากนั้นราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนทั้งหมด) ส่วนค่าความผันผวนของราคาก็ถือว่าน้อยกว่าไตรมาสที่ 1 และ 3 โดยอยู่ที่ 5.26% (ไตรมาส 1, 2, และ 3 อยู่ที่ 6.18%, 3.86%, และ 7.05% ตามลำดับ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ระดับหนึ่งว่า ข้อมูลทางสถิติดังกล่าวค่อนข้างเชื่อถือได้ สาเหตุที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีเนื่องจาก ในช่วงเวลาดังกล่าวมีงานเทศกาลจำนวนมาก เริ่มจากผลสืบเนื่องของการสิ้นสุดเทศกาลถือสินอดของชาวมุสลิม, เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดีย, เทศกาลคริสมาสต์ของชาวยุโรป, และเทศกาลปีใหม่ที่เป็นช่วงเฉลิมฉลองของคนทั่วโลก ทำให้ช่วงเวลานี้มีการบริโภคทองคำและเครื่องประดับเพื่อใช้เป็นของขวัญให้แก่กันจำนวนมาก จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจิตวิทยาการลงทุน ที่นักลงทุนมักคาดหวังเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วว่า ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงในช่วงนี้ ในขณะเดียวกัน อีกเหตุผลหนึ่งที่เริ่มมีบทบาทอย่างมากในการผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นก็คือ อุปสงค์เพื่อการลงทุน (Investment Demand) ที่ช่วงหลังมีสัดส่วนมากขึ้นเมื่อเทียบกับอุปสงค์ในตลาดทองคำโดยรวม (ประมาณ 30% ของอุปสงค์รวม มากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2547-2551 ที่ประมาณ 16% ของอุปสงค์รวม) โดยเป็นไปได้ว่า ผู้ออมเงินหรือนักลงทุนจะจัดสรรเงินที่ได้รับจากรายได้พิเศษหรือโบนัส เข้ามาลงทุนในทองคำมากขึ้นตามกระแสตื่นทองที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากยอดแสดงการเคลื่อนไหวของสถานะถือครองทองคำของ SPDR Gold Trust ที่มักมีการเพิ่มสถานะการถือครองทองคำในช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ของทุกปีประมาณ 20 ตัน ซึ่งผู้ที่ลงทุนผ่านกองทุนประเภทนี้ มักลงทุนระยะยาวมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานก็ได้แรงหนุนจากการกลับมาอ่อนค่าลงของเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ในทางกลับกัน อาจมีการนำมาตรการทางการเงินเชิงผ่อนคลายกลับมาใช้อีกครั้งด้วยซ้ำ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงหลังทั้งภาคการผลิต ภาคแรงงาน และภาคอสังหาริมทรัพย์ ล้วนออกมาไม่ดีแทบทั้งสิ้น ซึ่งถ้าหากเฟดมีการดำเนินตามมาตรการดังกล่าวจริง ย่อมทำให้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯเสื่อมค่าลงจากปริมาณเงินที่ล้นระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกกลับไปคล้ายคลึงกับช่วงปลายปีก่อน ที่เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯมีการทรุดตัวลงอย่างหนักจนกระตุ้นให้เกิดธุรกรรม Dollar Carry Trade โดยการกู้ยืมเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำและเป็นสกุลเงินที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเรื่อยๆ แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหรือสกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งทองคำที่ช่วงหลังให้ผลตอบแทนในระดับสูงประมาณ 15-20% ต่อปี ก็ถือเป็นสินทรัพย์ลงทุนชนิดหนึ่งที่ได้รับความน่าสนใจในการทำธุรกรรม Dollar Carry Trade ด้วย โดย GBX คาดการณ์เป้าหมายการปรับขึ้นในช่วงปลายปีไว้ที่ $1,350-1,400/Oz หรือประมาณ 19,650-20,350 บาท/บาทอง ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 4/2553 คาดไว้ที่ $1,220 – 1,350/Oz หรือประมาณ 17,750 – 19,650 บาท/บาททอง ในเชิงของกลยุทธิ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะถือครองทองคำ ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาแถวบริเวณ $1,220-1,250/Oz ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค. 53 ส่วนที่ถือครองอยู่แล้ว แนะนำให้ถือต่อไปเพื่อลุ้นขายเมื่อราคาทะลุผ่านระดับ $1,300/Oz ทั้งนี้ ให้นักลงทุนจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หากเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นไม่หยุด อาจทำให้การปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศไปไม่ถึงเป้าที่ GBX คาดการณ์ไว้ในข้างต้น โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 0.01 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ จะฉุดให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 6 บาท/บาททองคำ
×
×
  • สร้างใหม่...