มติกบง.เก็บเงินเบนซินเข้ากองทุนฯเพิ่ม 1 บาท
กบง.เคาะรีดเงินเบนซินลิตรละ1บาทลดภาระกองทุนน้ำมันฯได้ 300ล้านบาท/ เดือนหลังล่าสุดใช้เงินกู้ไปแล้ว 6,350 ล้านบาท
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติปรับเพิ่มอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากเบนซิน95และเบนซิน91 จาก 3บาท/ลิตรเป็น 4 บาท/ลิตร แต่ไม่ปรับแก๊สโซฮอล์และดีเซล ซึ่งทำให้กองทุนน้ำมันฯมีรายได้เพิ่มขึ้นและช่วยลดภาระติดลบวันละ 10 ล้านบาทันฯเดือนละ300ล้านบาทหวังการบริหารนโยบายพลังงาน(กบ..) หรือเดือนละ 300 ล้านบาท
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีฐานะสุทธิติดลบ23,501 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาได้ใช้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องไปแล้ว 6,350 ล้านบาท จากวงเงินเครดิตที่เปิดไว้ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายจ่ายกองทุนน้ำมันฯที่เป็นภาระหนักสุดคือการนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแอลพีจีตลาดโลกอยู่ในระดับสูง แต่หลังจากนี้ไป แนวโน้มราคาจะเริ่มปรับตัวลดลง โดยล่าสุดราคาแอลพีจีอยู่ที่ 991 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากก่อนหน้านี้เคยสูงถึง 1,200 เหรียญสหรัฐตัน ส่งผลให้ภาระนำเข้าแอลพีจีอยู่ที่ 5,100 ล้านบาท จากเดิม 5,500 ล้านบาท
นอกจากนี้สาเหตุที่ไม่ปรับเพิ่มการจัดเก็บของน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ เพราะต้องการเพิ่มส่วนต่างของราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอลให้มากขึ้น โดยส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นจาก 2.35 บาท/ลิตร เป็น 3.42 บาท/ลิตร และส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจาก 6.30บาท/ลิตร เป็น 7.37 บาท/ลิตร
นายอารักษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่ง 75 สต./ก.ก. หรือ 41 สต./ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกอยู่ที่11.41บาท/ลิตร หรือ 21.13 บาท/ก.ก. ส่วนเอ็นจีวีให้ปรับขึ้น 50 สต./ก.ก. ส่งผลให้ราคาขายปลีกเอ็นจีวีอยู่ที่ 10.50 บาทก.ก. มีผลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. เป็นต้นไป