ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

MOR LEK

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    3,885
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    17

วันที่ MOR LEK ชนะครั้งล่าสุด ธันวาคม 3 2014

MOR LEK ได้รับการถูกใจในเนื้อหามากที่สุด

คะแนนนิยม

2,835 ดีขั้นเทพ

เกี่ยวกับ MOR LEK

  • คะแนนนิยม
    ขาใหญ่

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  • ที่อยู่
    นครราชสีมา
  • ความชื่นชอบ
    ชอบ(อยาก)เป็นพระอรหันต์
    ชอบเป็น globetrotter
    ชอบของแพงทั้งของกินของใช้ เพราะไม่มีปัญญาหา
    ชอบดูหนัง ฟังเพลง
    ชอบกวนคนอื่น ชอบที่จะไม่ถูกคนอื่่นกวน เอ๊ะยังไง
    ชอบนาฬิกา(มาก)
    ชอบแมว
    สงสัยจังเขาให้ชอบกี่อย่างเนี่ยเอาแค่นี้ก็แล้วกัน

ผู้เยี่ยมชมโปรไฟล์ล่าสุด

ดูโปรไฟล์ 702,499 ครั้ง
  1. เห็นเขาว่าน่าจะต่ำกว่า 1000 ครับ (แต่ขึ้นอยู่กับการเมืองและอื่นๆด้วย)
  2. สวัสดีปีใหม่ครับพี่ปุณณ์ เอาข่าวที่ไม่ค่อยดีมาฝากครับ อ่านจากที่เขา(ที่ไม่ใช่ gold promotor)วิเคราะห์กันมาสรุปเคร่าๆว่า สงครามน่าจะยังอีกห่างไกล ดอลล์น่าจะแข็งขึ้นในช่วง2ปีข้างหน้านี้ ดังนั้นทองน่าจะมีนิวโลว์ก่อนที่จะขึ้นใหม่...เฮือก ปล.แต่ที่วันนี้ดอลล์ร่วงแล้วทองพุ่ง น่าจะมาจากจีนขู่ว่าจะขายพันธบัตรอเมริกาทิ้งเพื่อปกป้องค่าเงินหยวนครับ http://www.nationtv.tv/main/content/economy-business/378529854/
  3. ก็อปภาคใหม่มาฝากครับ Hyper-Inflation อยู่ใกล้คุณ.....กว่าที่คุณคิด หลายท่านอาจไม่ทราบว่า ขณะนี้ Hyper Inflation กำลังเกิดขึ้นในหลายแห่งในโลกพร้อมๆกัน เกิดขึ้นแล้วที่ ซิมบัคเว...เมื่อ..4 ปีที่แล้ว..และยังคงอยู่ กำลังเกิดขึ้นที่ - เวเนซูเอล่า ที่กำลังมีอัตราเงินเฟ้อ 481% ในปี 2016 และมีโอกาสเพิ่มขึ้น 1,642% ในปี 2017 - บราซิล มีอัตราเงินเฟ้อปี 2016 เมื่อตอนต้นปีประมาณ 10.9 % - อาเจนติน่า ในเดือนเมษายน 2016 เพิ่มขึ้นถึง 40.5% กำลังลามไปแอฟริกา - ไนจีเรีย ในเดือนพฤษาภาคม 2016 เพิ่มขึ้นถึง 15.6% - แอฟริกาใต้ ในเดือนพฤษาภาคม 2016 ลดลงเหลือ 6.1% จาก 7% ในเดือนมกราคม เวเนซูเอล่า...เป็นประเทศที่ขัดขืนอเมริกาอย่างชัดเจน..ด้วยการเรียกคืนอุตสาหกรรมน้ำมันจากกลุ่มอุตสาหกรรมในอเมริกา..โดยประธานาธิบดี..ฮูโก้ ชาเวส จนประธานาธิบดีเสียชีวิตที่มีลักษณะคล้ายๆกับสายลับรัสเซียที่ตายที่อังกฤษ เนื่องจากประเทศมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันเป็นหลัก และประเทศได้ก่อหนี้โดยอิงรายได้จากราคาน้ำมันที่ $90 เมื่อราคาน้ำมันร่วงอย่างรุนแรงทำให้ประเทศไม่มีรายได้..และทุนสำรองหมดจนต้องขนเอาทองคำที่เก็บไว้ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี..ฮูโก้ ชาเวส ออกมาขาย Hyper Inflation ครั้งแรกที่แสดงความรุนแรงให้โลกเห็นคือ ปี 1918 - 1923 ที่ Weimar Germany จากภาวะการตกต่ำทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงของเยอรมันหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และต้องชดใช้ค่าปฎิกรณ์สงครามให้กับผู้ชนะ รัฐบาลในขณะนั้นเลย...พิมพ์เงินออกมา..(คุ้นๆๆนะ)...ให้ประชาชนใช้ จึงเกิดภาวะ Hyper Inflation จากการเสื่อมค่าของเงินจึงเกิดขึ้น(ตามรูปประกอบ) และลามไปอเมริกาจนเกิด Great Depression ในปี 1928 สุดท้าย....เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ....เพื่อ..Reset ระบบกันใหม่..โดยมีอเมริกาเป็นผู้นำ หลังเหตุการณ์ปี 2008 กองทุนที่ลงทุนในตลาด Emerging Market ส่วนใหญ่....เลือกลงทุนในตลาดลาตินอเมริกา โดยเน้นหนักการลงทุนไปที่บราซิลอาเจนติน่า และเม็กซิโก (ตามรูปประกอบ) คือ...สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นเรียกร้องคือ.....Fund Flow ไนจีเรียก็คือประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดหลายปีติดต่อกัน และเช่นเดียวกัน ในตลาดFrontier markets สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นเรียกร้องคือ.....Fund Flow โมเดล....เหมือนกับที่ผมบอกไว้ในโพลต์ (รีบซื้อทองคำ...ก่อนที่คนทั้งโลกจะพร้อมใจกันแห่มาซื้อ) คือ การไหลเข้าของ Fund Flow จะไปฝากไว้ที่ธนาคารกลาง..เงินจะเข้าไปในตลาดหุ้น..พันธบัตร..อนุพันธ์....ก็จะเติบโตขึ้นตามมูลค่าตลาด..โดยเงินไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศนั้นๆเลย และยังไปให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ...ผ่านตลาดตราสารหนี้ เงินสำรองในแบงค์ชาติก็ถูกรวมกันกับเงินที่ประชากรของประเทศทำมาหากิน เมื่อได้เงินต่างประเทศเป็นดอลล่าร์มาก็แลกผ่านแบงค์ชาติเป็นเงินสกุลท้องถิ่นนั้นๆ แบงค์ชาติก็จะเอา....เงินเป็นทุนสำรองและมาพิมพ์เป็นเงินสกุลท้องถิ่นนั้นๆ เมื่อเงินไหลเข้า..เศรษฐกิจก็ดี....!!!!!! - รัฐบาลก็จะกู้โดยออกตราสารหนี้......ตามทฤษฎีทางเศรษฐกิจที่ออกแบบ...และ..ฝั่งหัว..พวกเทคโนแครต..ที่มาบริหารประเทศ..ธนาคารกลาง..นายธนาคาร..เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ..สร้างหนี้ผูกพัน...นานๆ(โดยอ้างเงินเฟ้อทำให้หนี้ลด) ...และ...คิดว่าเงินหมุนในระบบทำให้เก็บภาษีได้มากๆ จน สร้างหนี้จนเกินตัว เมื่อเกิดวิกฤติ....เก็บภาษีไม่ได้..ทุนสำรองหมด......Go..to..hell - บริษัทเอกชน....กู้ธนาคารจนเต็มเพดาน..ไม่พอ..ออกตราสารหนี้..ออกมา..จน(D/E Ratio สูงกว่า 3-8 เท่า) และ....ไปกู้ต่างประเทศ..เป็นเงินสกุลต่างประเทศอีก..... เมื่อทุนสำรองหมด...ค่าเงิน..ร่วงงงงงงง.....แบงค์ชาติ..ขึ้นดอกเบี้ย..เพื่อดึงเงินต่างประเทศยิ่งเสี่ยงดอกเบี้ยยิ่งสูง 2 เด้งซิคร้าบบบ... 1. ค่าเงิน....จากอัตราแลกเปลี่ยน 2. อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง....ที่ต้องเพิ่มจากความเสี่ยง คุณว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบริษัทพวกนี้....ก็ขายลด 80%ซิคร้าบบ - ประชาชน.....กระตุ้นให้เป็นหนี้กันจนวันตาย..บางคนตายแล้วหนี้ยังส่งผ่านเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อ ....กระตุ้นให้ซื้อ..บ้าน..รุ่นพ่อแม่..บ้านพร้อมที่ดินผ่อน 15ปี รุ่นลูก...คอนโด..รูหนู...ผ่อน 35-40 ปี (ตึกเป็นสินทรัพย์เสื่อม..รู้กันป่าว...บ้าซื้อกันอยู่นั้นแหละ..แถมจะขายก็ขายไม่ออก..ดอยคอนโดอะ..เคยมั๊ย..หนักกว่าดอยหุ้นอีกนะ) .....กระตุ้นให้ซื้อ..รถ..ผ่อน 72 เดือน (ผ่อนหมดรถแทบไม่เหลือมูลค่า) .....กระตุ้นให้ใช้ชีวิต....ดี้ดี...เพื่อเอามาโชว์บนโซเซียล...ทั้งๆที่กู้มา..ยื่มมา...(รู้สึก..ไร้สาระกันบ้างมั๊ย) ....กู้มาซื้อ...โทรศัพท์...รุ่นใหม่ที่ออก คือ....กู้..มาซื้อทุกอย่างที่เป็นสินทรัพย์เสื่อมค่าทั้งหมด...+ ..ดอกเบี้ย.....(คนส่วนใหญ่ยอมเป็นหนี้ทั้งชีวิตเพื่อ..หน้าตา..ของตัวเองในสังคม......โค..ร....ต..ไร้สาระเลยว่ามั๊ย) เมื่อหนี้ทั้ง 3 ส่วน...ล้น...ราคาหุ้นก็ขึ้นไปสูงมากแล้วก็ได้เวลา...เชือด "ระบบเศรษฐกิจก็เหมือนกับน้ำ คนในระบบก็เหมื่อนกับปลา เมื่อเอาน้ำเข้าปลาก็สดชื่น..เมื่อเอาน้ำออกปลาก็จะตายและเลือกจับได้ตามต้องการ" Nathan Rothschild : ปี1815 เมื่อเทขายหุ้น..พร้อมกับ Short Index เรียกคืนหนี้ระยะสั้น..ผ่านการไม่ Roll Over ในตลาด Money Market (ที่สอนกันว่าไม่มีความเสี่ยง) และ Short ค่าเงิน..หรือ..ทำขายล่วงหน้า ออกไปพร้อมกำไร....และเอาเงินต้นกับกำไร..ไปแลกดอลล่าร์ที่ธนาคารกลาง...กวาดทุนสำรองไปจนหมด แล้ว ธนาคารกลางเหลืออะไร??????? เหลือ หนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลและเอกชน..ที่ช่วยกันสร้างไว้ เหลือ เงินที่พิมพ์ไว้เต็มไปหมด....แต่ไม่เหลือเงินดอลล่าร์...หนุนหลังค่าเงิน ก็....นรก..ซิคร้าบบบบ ที่นี้ก็ต้อง.....ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินดอลล่าร์....ลดค่าเงิน แล้วหนี้ที่ก่อไว้แหละคร้าบบบบ.......จะเกิดอะไรขึ้น ก็มาดูว่า 1 จะเก็บภาษีจากไหน...ข้อดีของระบบทุนนิยม 2 NPL ในธนาคาร สูงจนล้มละลายมั๊ย..ถ้าล้มยิ่งหนักเข้าไปอีก (ไม่เป็นไร..เดี๋ยวไปเอาจากประชาชนมาจ่ายได้) 3 ขายสมบัติชาติ..รัฐวิสาหกิจ (เห็นว่า.จะเอามาใส่เข่งเดียวกันแล้วเตรียมขายยกเข่งกันอยู่..มีบางประเทศนะ..ที่เตรียมขายล่วงหน้า) ขายสัมปทานแบบถูก และอื่นๆอีกมากมายยยยยย..... ไม่เป็นไร....ประชาชน..จ่าย...อยู่ดี เมื่อทุนสำรองไม่มี....เก็บภาษีไม่ได้...ขายตราสารหนี้ใหม่ไม่ได้ ค่าของเงินจะร่วง.....ก็จะเข้าสู่...Hyper Inflation...จากการเสื่อมค่าของเงินทันที พวกที่เป็นหนี้..จะให้เงินเฟ้อลดหนี้....สมใจครับ...แต่ก่อนหนี้ลด..เจอดอกเบี้ยก่อนนะครับ (ธนาคารกลางบราซิลเปิดเผยว่าอัตราดอกเบี้ยรายปีของบัตรเครดิตพุ่งขึ้นแตะ 471%) จากนั้นก็จะออกกฎหมาย..ให้มีคนมาค้ำหนี้...และยึดทรัพย์ทั้งคนกู้และคนค้ำ (เวลาจะเขียนหรือมา comment อะไร คิดเยอะๆๆ อย่ามาแสดงตัวว่าเป็นผลผลิตอันตกต่ำอย่างรุนแรงของระบบการศึกษาไทย) (แล้วจะมาเขียนวันหน้าว่า Hyper Inflation ที่เกิดจากการเสื่อมค่าของเงินดอลล่าร์..ที่เป็น..เงินหนุนหลังการพิมพ์เงินทั่วโลกจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ขี้เกียจแระ) เพราะวิกฤติครั้งนี้....ได้เขียนบท...ไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณจะอยู่กันอย่างไร 1 ลดการเป็นหนี้ให้เร็วที่สุด..เพราะมีเวลาอีกไม่นาน..ไม่น่าจะเกิน 2-5 ปีจากนี้ 2 ใช้จ่ายกันให้ประหยัดที่สุด...พอเถอะครับ..ชีวิตดี๋ดี..เพื่อถ่ายรูปโชว์ผ่านโซเชียล ทั้งทั้งที่ยังเป็นหนี้ยังหมุนเงินไม่ทัน( ไร้สาระว่ะ) 3 เอาเงินส่วนที่เหลือ..ซื้อทองคำสะสมไว้..ที่ขึ้นมาแค่เล็กน้อย ข้างบนอีกอย่างน้อย 5 เท่าจากนี้ ถ้าคุณคิดว่าชีวิตคุณและในครอบครัวมีค่ามากพอ..ทำแค่ 3 ข้อนี้ให้ได้ครับ เพราะ This is the crisis. The greatest crisis in the history of mankind. ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ปล.อนุญาติให้แชร์ไปให้ทุกคนที่คุณรักได้เรียนรู้และเตรียมตัวรับมือ (ข้อมูลทั้งหมดคิดเอง จินตนาการเอง ไม่สามารถนำไปอ้างอิงวิชาการใดๆได้) (เวลาก็อปไปก็ให้เครดิตกันด้วย...อย่ามักง่ายกันนัก..มีคนส่งมาให้ดูประจำ...แล้วอีกพวกหนึ่งเอาไปเขียนเป็นงานตัวเองทั้งๆที่ก็อปทั้งดุ้นวันหลังจะเอามาให้ดูนะ..มีประจานกันบ้าง) https://m.facebook.c...251902048251841
  4. ก็อปมาฝากครับ รีบซื้อทองคำ...ก่อนที่คนทั้งโลกจะพร้อมใจกันแห่มาซื้อ (ก่อนเกิด Super Nova) ท่านได้ศึกษาเรื่องการก่อตั้ง Federal Revere หรือ FED ไปอ่านหน้านี้แล้ว จะเห็นว่าการที่ค่าเงินดอลล่าร์ที่มี..ทองคำ..เป็นสินทรัพย์หลักประกัน..แต่ปริมาณทองคำของโลกมีปริมาณน้อยและผลิตไม่ทัน (ทั้งๆที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปล้นมาจากทั่วโลก) ทำให้การขายตัวของปริมาณเงินดอลล่าร์ไม่ได้มาก กลุ่ม Private Banking Cartel ก็สั่งฆ่า ประธานาธิบดี แคเนดี้ แล้วให้รองฯ ลินดอนด์ จอร์นสัน..มาประกาศสงครามเวียดนาม มีการขยายทองคำออกจาก 20,000 ตัน เหลือเพียง 8,000 ตัน ให้กับกลุ่ม อิลิต โดยอ้างเอาเงินไปทำสงครามปกป้องประชาธิปไตย( 1ใน 3 ของสินค้าส่งออก) แล้วราคาทองคำก็วิ่ง.....เป็นกระทิงเปลี่ยวววว.... หลังจากนั้น..นิกสันก็มาเปลี่ยนระบบการเงินใหญ่..โดยดอลล่าร์..มีเงินภาษีของคนอเมริกัน..และ..ความน่าเชื่อถือเป็นหลักประกัน มหกรรม..การส่งออกดอลล่าร์จึงเกิดขึ้น + ระบบธนาคารกลางที่วางระบบไว้แล้ว....โดยที่คนทั้งโลกไม่ได้สังเกต (เพราะกำลังตื่นเต้นกับสงครามกับคอมมิวนิสต์ที่..กลุ่มอิลิต..สร้างขึ้นมา (ถึงเห็นพวกเรียกร้องประชาธิปไตย...ก็แค่..ไอ้โง่..กลุ่มหนึ่งเท่านั้น) เมื่อโลกเข้าสู่ยุคร่ำรวยจากเงินดอลล่าร์ที่ส่งออกมาอย่างมหาศาล ก็เข้าสู่ยุค..แหล่งความโลบ..ไม่มีที่สิ้นสุด คือ..การสร้างตราสารอนุพันธ์ให้ใหญ่กว่า GDPของโลก โดยที่คนไม่กี่คนควบคุม....ผ่านธนาคารไม่กี่แห่งในโลก..และทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงไม่ได้ วันนี้..โลกเดินทางมาถึง..จุดที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของมนุษยชาติ การพิมพ์เงิน..เพื่อให้พรรคพวกตัวเองเอาไปซื้อ สินทรัพย์ที่มีค่าเก็บไว้ก่อน ( ในเดอะโปรโตคอล: ไม่มีวิกฤติไหนที่เราจะไม่รู้เพราะเราคือผู้ออกแบบมัน..และเราย่อมมีความปลอดภัยเสมอ เพราะเรารู้ก่อนล่วงน่า) เลยออกข่าว..ผ่านบทวิจัยจากกลุ่มแบงค์และสื่อหลักทั่วโลกว่า..ทองจะไร้ค่าราคาลงไป 600 เมื่อปลายปีเพือให้ มวลมหาประชากรเม่าขายออกมา..แล้วบรรดาลิ่วล้อทั่วโลก ทั้งศูนย์วิเคราะห์ต่างๆ หลักทรัพย์ต่างๆ สื่อมวลชนต่างๆที่เห็นพวก ฝรั่งหรือยิว...เป็นคุณพ่อ..ก็ออกมาประโคมข่าวต่อสาธารณชนให้มวลมหาประชนกรเม่าทั่วโลกขาย) (ถึง..รำคาญพวกของลิงค์..หัดมีปัญญาคิดเองบางนะครับ พวกผลผลิตอันตกต่ำของระบบการศึกษาไทย..อย่ามีหัว..ไว้แค่ขั้นหู) สุดท้าย - Nat Rothschild เข้าซื้อเหมื่องทองเช่น Newmont Minning ,Barack Gold - Baron de Rothschild ซื้อทองคำผ่าน RIT INVESTMENT - John Paulson ผู้ทำกำไรกว่า 500% จากวิกฤติปี 2008 กองทุนเค้าถือ ทองและเหมืองทองเกือบ 40%ของพอร์ต - Soros มาบอกว่า ถือเหมืองทองและทอง มันซื้อกัน..ตอนที่ปล่อยข่าวให้ทั้งโลกขาย...เห็นยัง และกำลังบีบ..พม่า..ให้ปล่อยสัมปะทานเหมืองทองผ่าน tier 3 (ก็วางตัวไว้หมดแล้วนี่ครับ อุตสาห์ให้ Holly wood สร้างหนังหลอกกินตังกับนักประชาธิปไตยทั้งโลกได้อีก 555) รู้..หรือยัง..ว่า..การที่ลุงตู่ยกเลิกสัมปทานเหมืองทองในไทยที่ผลิตได้ 200 ตันต่อปี....เป็นการแตะ..กลางกล่องดวงใจ..กลุ่มอิลิต..แค่ไหนเพราะเหมืองที่ได้รับสัมปทานมีเจ้าของเปํน ตระกูล Rothschild Family ดังนั้นการบริหารความเสี่ยง..ในระดับโลกมันยากแค่ไหน + ไอ้พวกคนไทยขายชาติอีกกลุ่มหนึ่ง ทำไมต้องรีบซื้อทองคำเก็บไว้ เพราะมหกรรมพิมพ์เงินของโลก...มันดันเศรษฐกิจไม่ขึ้นแล้ว จึงลด..ดอกเบี้ยให้ติดลบ..เพื่อ 1 บีบให้แบงค์ปล่อยกู้แต่แบงค์ก็ปล่อยกู้ไม่ได้เพราะมันกู้กันเต็มแล้ว แบงค์เลยเอากลับไปฝากแบงค์ชาติ..และดอกเบี้ยติดลบ..ความเสี่ยงจึงไปอยู่ที่แบงค์ 2 บีบให้คนใช้เงิน..เพราะถ้าไม่ใช้เศรษฐกิจก็หมุนไม่ได้ ถ้าไม่ใช้..เงินก็จะค่อยๆหายไปจากระบบ..โดยความเสี่ยงอยู่ที่คนฝากเงิน (เราถูกสอนกันมาว่าเงินคือความมั่นคง...จริงๆนะ 555) เมื่อดอลล่าร์ถูกพิมพ์มากขึ้น...และถ้าทางจะต้องพิมพ์เพิ่มและให้ดอกเบี้ยติดลบ เพื่อ ผลักความเสี่ยงให้กับคนทั่งโลก...ที่เรียกว่า Fund Flow ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ไหลไปฟันทั้งโลก 555 ระบบได้ถูกออกแบบไว้แล้วคือ...ไหลเงินไปให้ธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อธนาคารกลางทั่งโลกมีเงินทุนสำรองเพื่อพิมพ์เงิน แล้วไล่ราคาหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ เมื่อมวลมหาประชากรเม่า..ถูกกรอกหูผ่านสื่อ..ว่า - วิกฤติคือโอกาส........ที่วิกฤติกว่า - ก็ไม่เห็นเป็นไร..เดี๋ยวก็แก้ได้..เห็นมั๊ยหุ้นยังขึ้นอยู่เลย แล้วมหกรรมปล้นความมั่งคั่งผ่าน..ทุนสำรองก็เกิด...เมื่อมวลมหาประชากรเม่า..กระเหี้ยนกระหือรือ..ต้องการผลตอบแทน..คือกูต้องได้ผลตอบแทนให้ได้ ดีครับ...เมื่อเม่าเข้ามาเต็มแล้ว...มหกรรมทำกำไรผ่านทุนสำรองก็เพิ่มขึ้น..เมื่อฟัน.เสร็จ..ก็จากไป (Fund Flow) เมื่อทุนสำรองถูกปล้น..ผ่านกำไรจากหุ้น..พันธบัตร..และอนุพันธ์ ที่ผมบอกแล้วว่า เครื่องมือทำลายล้างมีหลากหลายมากขึ้น เงินทุนสำรองก็หมด...แล้วเงินที่พิมพ์ไปแหละ...แล้วหนี้สินที่ ภาคครัวเรือนติดเพดาน..ที่บริษัทใหญ่ทั้งหลายกู้กันจนเกินเพดานหนี้ ที่ประเทศมีหนี้สาธารณะเกินตัว เมื่อทุนสำรองถูกปล้น..ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย...สูงเพื่อดึงเงินดอลล่าร์เข้ามา (ปี 40 ขึ้นไปประมาณ 24%) ก็ขึ้นดอกเบี้ย...อัตราแลกเปลี่ยนจะ..ลดค่า..อย่างรวดเร็ว หลายบริษัทมีหนี้ต่างประเทศปริมาณมหาศาล และ...มวลมหาประชากรเม่า...ขนเงินฝากมาลงหุ้น....OH..My God "ระบบเศรษฐกิจก็เหมือนกับน้ำ คนในระบบก็เหมื่อนกับปลา เมื่อเอาน้ำเข้าปลาก็สดชื่น..เมื่อเอาน้ำออกปลาก็จะตายและเลือกจับได้ตามต้องการ" Nathan Rothschild : 1815 ดังนั้นพวกที่ต้องการเห็น Fund Flow เพื่อไหลเข้าเพือให้หุ้นขึ้น คุณกำไรกันไม่กี่คน...เพื่อแลกกับหายนะของคนทั้งชาติที่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ (ช่วยคิดอย่างมนุษย์บ้าง) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลกที่ใช้กันมากว่า 80 ปี ต้องรุนแรงขนาด Super Nova และทำให้ประชากรทั้งโลก....เดือดร้อนมากที่สุด คุณจะอยู่กันอย่างไร 1 ลดการเป็นหนี้ให้เร็วที่สุด..เพราะมีเวลาอีกไม่นาน..ไม่น่าจะเกิน 2-5 ปีจากนี้ 2 ใช้จ่ายกันให้ประหยัดที่สุด...พอเถอะครับ..ชีวิตดี๋ดี..เพื่อถ่ายรูปโชว์ผ่านโซเชียล ทั้งทั้งที่ยังเป็นหนี้ยังหมุนเงินไม่ทัน( ไร้สาระว่ะ) 3 เอาเงินส่วนที่เหลือ..ซื้อทองคำสะสมไว้..ที่ขึ้นมาแค่เล็กน้อย ข้างบนอีกอย่างน้อย 5 เท่าจากนี้ (ไว้ผมจะเขียนใน Hyper Inflation อีกที่ว่าเพราะอะไร วันนี้ขี้เกยจแระ) ถ้าคุณคิดว่าชีวิตคุณและในครอบครัวมีค่ามากพอ..ทำแค่ 3 ข้อนี้ให้ได้ครับ เพราะ This is the crisis. The greatest crisis in the history of mankind. ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ปล.อนุญาติให้แชร์ไปให้ทุกคนที่คุณรักได้เรียนรู้และเตรียมตัวรับมือ (ข้อมูลทั้งหมดคิดเอง จินตนาการเอง ไม่สามารถนำไปอ้างอิงวิชาการใดๆได้) https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=917607768347929&substory_index=0&id=251902048251841
  5. (May 17) จอร์จ โซรอส ขายหุ้นสหรัฐกว่าหนึ่งในสาม-หันไปซื้อหุ้นกลุ่มทอง: นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีฉายา "พ่อมดการเงิน" ได้ปรับลดการลงทุนในหุ้นสหรัฐลงถึง 37% เหลือ 3.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ และได้นำเงินส่วนนี้ไปซื้อหุ้นบาร์ริค โกลด์ คอร์ป ผู้ผลิตทองแท่งรายใหญ่ของโลกเป็นเงิน 264 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.7% ของหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้ นายโซรอสยังถือคอลออปชั่น 1.05 ล้านหุ้นในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่สุดของโลก นายโซรอส กล่าวเตือนว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่เกิดจากการก่อหนี้ จะทำให้จีนอยู่ในสภาพที่เหมือนกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 จนเสี่ยงที่จะทำให้โลกตกอยู่ในภาวะถดถอย "สิ่งนี้เกิดขึ้นในสหรัฐ โดยนายพอล โวลเกอร์ (อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ) มองเห็นในปี 2005/2006 ว่า จะเกิดวิกฤติการเงิน และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นในปี 2007/2008" โซรอสกล่าว Source --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/สุนิตา http://www.bloomberg.com/…/billionaire-soros-cuts-u-s-stock…
  6. เอามาแถมหน่อย เงินหยวน กับ ข่าวลือ โดย วีรพงษ์ รามางกูร http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1461581537
  7. สบายดีครับพี่ ไม่เจ็บไม่ไข้ แถมวันที่ 1 เมย.ที่ผ่านมายังอุตส่าห์ได้ไปดูคอนเสิร์ตของ Andre Rieu ที่มาเมืองไทยด้วย
  8. ไม่ได้เขียนเองครับ ก็อปเขามา เพราะมีความเห็นคล้ายๆกับที่เขาเขียน
  9. ก็อปมาฝากครับ เพราะที่ไทยโกล์ดก่อนหน้านี้ก็เห็นมีการพูดถึงเรื่อง "อิสรภาพทางการเงิน" กันเยอะ สองสามวันนี้ได้พบเจอหมอและวิศวะ ที่ได้หลงเชื่อคำว่า "อิสรภาพทางการเงิน" ... ทั้งสองท่านแทบจะไม่ได้ประกอบ "วิชาชีพ" ที่พร่ำเรียนมายาวนาน ยากที่ผู้อื่นจะลอกเลียนแบบได้ ... ท่านหนึ่งไปประกอบอาชีพ "ขายตรง" อีกท่าน "ขายประกัน" ตั้งแต่อายุประมาณ 30 ... เวลาเนิ่นนานผ่านไปเกือบสิบปี หนทางอันตีบแคบลงเรื่อยๆ ทั้งสองท่านได้กำลังพยายามหวนกลับสู่ "วิชาชีพ" ที่ไม่อาจจะรื้อฟื้นกันง่ายๆ...คุณหมอกำลังหาทางเปิดคลินิค...ซึ่งผมไม่กล้าให้ความเห็นว่า จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด...ส่วนวิศวะ...ผมไม่คิดว่าง่ายแน่นอน ... เล่ามามิใช่เยาะเย้ยครับ ผมเป็นห่วงในสติปัญญาของผู้มีวิชาชีพทุกท่าน...ท่านรู้ไหมครับ วิชาชีพ แตกต่างจากอาชีพ ตรงที่เป็นความรู้ที่ซับซ้อน ยากที่จะสามารถร่ำเรียนได้ด้วยตนเองหรือจากการฝึกฝนด้วยประสพการณ์ทั่วๆ ไป วิชาชีพจึงมักต้องเรียนโดยมีครูบาอาจารย์ มีการฝึกฝนมากมายและยากที่จะร่ำเรียนด้วยตนเอง หรือเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดได้ ... อยากให้ทุกท่านที่มีวิชาชีพ รักษาในวิชาชีพไว้จนอย่างน้อยพ้นกลางคนไปแล้ว หรือมั่นคงแล้วจริงๆ "และ" เหนื่อยกับวิชาชีพเกินไป แต่ถ้ายังไม่ถึงวัยกลางคน "หรือ" ยังมีความสุขกับวิชาชีพอยู่ จงทำไปเถิด วิชาชีพที่ครูบาอาจารย์ให้แก่ท่านมา เมื่อมันจืดจางไปแล้ว ยากที่จะกลับมาใหม่ครับ ... https://www.facebook...004305426274355
  10. บางมุมมองเขาก็มองว่า ผู้ผลิตน้ำมันเจ้าเก่าๆของอเมริกาต้องการฮุบเชลออยล์ ก็เลยทุบให้เจ๊งไปแล้วจะได้เทคโอเวอร์ครับ
  11. ไม่รู้อันนี้พอจะเป็นคำตอบได้หรือเปล่า Chalee Na Roied 1 ชม. · เมื่อคืนวานนี้นามเวลาบ้านเรา ธนาคารกลางสวิสต์ ได้ทำสิ่งที่เรียกว่า"ช็อคโลก" สำหรับบรรดา นักลงทุน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก -0.25 เป็น -0.75 อย่าไม่มี"ปี่มีขลุ่ยแม้กระทั่งแคน เพราะเป็นดินแดนแห่งนาฬิกา ที่กำหนดเวลาการหมุนของโลกไว้ในกำมือ ซึ่งทำให้คนที่ฝากเงินในธนาคารแห่งชาติสวิส เงินฝากหายไปทันที 750$ ถ้าฝากเงินจำนวน 100,000 $ นั่นเอง สื่อบางสำนักเรียกเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นว่า สึนามิ ทางการเงิน และทำให้เงินฟรังซ์สวิส แข็งค่าขึ้นทันทีจากเดิม 1.2 ยูโร เป็น 0.850 ซึ่งถ้าใครถอนเงินฟรังซ์ไปแลกยูโร มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 30% แทบทันทีทันใด แม้ตอนหลังจะดีดกลับมาระดับ 1.0 ก็ตาม คนที่ได้อานิสงค์ที่สุดก็คือคนยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ที่ทำงานในสวิตเซอร์แลนด์นั่นแหละครับ เพราะทั้งๆที่ค่าจ้างเท่าเดิม แต่พอกลับไปบ้าน รายได้เพิ่มขึ้น สามารถโยกเงิน มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในปารีส ลอนดอน อิตาลี ได้ในราคาที่ถูกลง แต่ผลที่ตามมาก็คือ รัฐบาลสวิสกำลังเผชิญกับ ปัญหาจากการภาคการส่งออก เพราะต้นราคาย่อมแพงขึ้น เพราะสินค้าในสวิสส่งออกไปขายยังยุโรปมากกว่า 40% และแน่นอน สำหรับชาวยุโรป ที่จะไปท่องเที่ยวในสวิส ค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ภาคการท่องเที่ยวในสวิส พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งบรรดาผู้นำนักธุรกิจ ได้ออกมาประณาม SNB ว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะทำให้มูลค่าการส่งออก สูญหายไปถึง 5 พันล้านฟรังซ์ และจีดีพีลดลงอีก 0.7 % ซึ่งเป็นมุมมองใน ภาคการส่งออกเท่านั้น แต่ธนาคารกลางสวิส น่าจะมองถึงความพยายาม ที่ปลดล็อคตัวเอง ออกมาจากยูโร น่าจะปลอดภัยที่สุด หรือลดการถือครองเงินยูโร เพราะเกรงว่าจะเสี่ยงกับ หายนะทางเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆกับมาตรการ มาตรการ QE ของธนาคารยุโรป ที่กำลังจะออกมานั่นเอง เพราะผลจากการเอาเงินฟรังซ์ไปผูกกับยูโรตั้งแต่ปี 2011 แม้จะทำให้สวิสได้รับอานิสงค์จากฟบู่ เศรษฐกิจของยุโรปไปด้วย เพราะการส่งออกขยายตัว แต่ก็สามารถที่จะเอาตัวรอด แตธนาคารกลางสวิส ต้องใช้เงินปีละ 10,000 ล้าน$ เพื่อซื้อยูโร จากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เข้ามาโอบอุ้มชาวสวิสเช่นกัน เพื่อรัก ษาค่าเงินฟรังซ์ต่อยูโรในระดับ 1.2 ยูโร/ฟรังซ์สวิส ให้เป็นผลดีกับภาคการส่งออกนั่นเอง http://www.zerohedge.com/…/peter-schiff-swiss-surrender-win… วิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป สหรัฐ และรวมถึงเอเชีย กระทั่งญี่ปุ่น ทึ่เปรียบเสมือนตัวแทนของตะวันตก ในทวีปเอชีย เพราะยูโรก็ไปผูกโยงกับดอลลาร์ เงินเยนของญี่ปุ่น ก็เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่นก็ออกมาตรการQE ยูโรคาดว่ากำลังมีมาตการQE เช่นกัน แต่เวลานี้ทางธนาคารกลางสวิส น่าจะมองเห็นแล้วว่า มาตรการQE ที่กำลังจะออกมานั้น ไม่ได้ช่วยหสภาพยุโรป แต่อย่างใดจึงส่งสัญญาณล่วงหน้า เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐ และยุโรปเวลานี้ มันไม่ได้ตั้งอยู่พื้นทางที่ แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เป็นเพียงฟองสบู่ที่ เกิดจากมาตรการ QE รอการประทุเท่านั้น http://www.zerohedge.com/…/20…/next-round-great-crisis-begun ธนาคารทั่วโลกล้วน ส่วนใหญ่ทำดำเนินนโยบาย ไปในทางเดียวกัน เพราะลงเรือลำเดียวกันนั่นเอง เมื่อวานนี้ผมใช้คำว่า "สละเรือ" และคาดการณ์ว่า ลำดับต่อไปน่าจะเป็น เยอรมัน แต่พอเข้ามาอ่านบทวิเคราะห์ของ เครค เฮมเก้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ก็วิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ต่างกันเพียงคำพูดเท่านั้น เพราะSNB กำลังกระโดดออกจากขบวนรถไฟ(สายมรณะ) ถือ เป็นสัญญาณที่ส่ง ไปทั่วโลก ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเอง... Thanong Fanclub 7 ชม. · มีการแก้ไข · 12. เตรียมทำศึกกันแล้ว คนส่วนมากชอบพูดว่าดอลล่าร์ไม่มีวันล่ม หรือcrash จีนหรือรัสเซียจะไปมีน้ำยาทำอะไรดอลล่าร์ได้ แต่เมื่อวานนี้ดอลล่าร์crashให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว ดอลล่าร์ตก28.34% และยูโรร่วง28.8%เมื่อเทียบกับเงินสวิสฟรังค์ หลังจากที่ธนาคารกลางของสวิสอั้นไม่ไหว ต้องปล่อยค่าเงินลอยตัวจากที่เคยผูกค่าเงินฟรังค์กับยูโรที่ระดับ1.20ตั้งแต่ปี2011 ดอลล่าร์ตกจาก1.02สวิสฟรังค์เป็น 0.7309 ส่วนยูโรตกจาก1.20สวิสฟรังค์เป็น0.8546 ก่อนที่จะดีดตัวมาอยู่ที่1.0458 ดอลล่าร์crashให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่าชั่วโมงนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ คนที่อยู่ในโลกเก่าจะเชื่อในเสถียรภาพ ไม่คิด ไม่ต้องการหรือไม่สามารถคาดการได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างกระทันหัน หรือสามารถเปลี่ยนอย่างรุนแรงแบบหน้ามือเป็นหลังมือเพราะว่าระบบโลกมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ที่ธนาคารกลางสวิสอั้นไม่ไหวเพราะว่านักลงทุนโยกเงินเข้าตลาดการเงินสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากมีข่าวว่าฝ่ายกฎหมายของสหภาพยุโรปให้ไฟเขียวให้ธนาคารกลางของยุโรปทำการพิมพ์เงินเพื่ออุ้มเศรษฐกิจและระบบการเงินยุโรปได้โดยไม่ผิดกฎหมายหรือกฎบัตรของอียู ยิ่งพิมพ์เงินหรือเพิ่มปริมาณเงิน ค่าเงินยูโรจะตก นักลงทุนเลยหนีตายไปหาสวรรค์ที่พักพิงหรือsafe haven อีกเหตุผลประการหนึ่งคือมีข่าวก่อนหน้านี้ว่ากรีซอาจจะออกจากเงินยูโร ทำให้มีโอกาสเกิดแบงค์รัน หรือคนแห่ไปถอนเงินจากธนาคาร ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงแล้วที่กรีซที่คนไปแห่ถอนเงินจากแบงค์ เพราะไม่มั่นใจว่ากรีซจะอยู่หรือจะไป ตอนนี้เยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์เป็นสวรรค์ที่พักเงินของชาวยุโรป เพราะว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งอยู่เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่นๆที่ง่อนแง่นเต็มแก่ เยอรมันแกร่งทางด้านการผลิตการส่งออก ส่วนสวิสเก่งทางด้านการเงิน และส่งออกถึง54%ต่อจีดีพี ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ5ปีให้ดอกเบี้ยติดลบ หมายความว่านักลงทุนจ่ายค่าจ้างรัฐบาลเยอรมันให้ถือเงินของตัวเอง ส่วนสถาบันการเงินสวิสต้องรับเงินที่ไหลเข้ามาเหมือนเขื่อนแตก ธนาคารกลางสวิสขึ้นดอกเบี้ยชาร์จเงินฝากข้ามคืนจาก0.25% เป็น0.75% นี้คือปรากฎการณ์ของmonetary madnessหรือการเงินที่เป็นบ้าไปแล้ว คงจำกันได้ว่าในเดือนพฤศจิกายนที่แล้ว มีการทำประชามติเพื่อให้ธนาคารกลางสวิสกลับมาถือทองเหมือนอย่างในอดีต ให้ถือทองอย่างน้อย20%ของทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของเงินฟรังค์ เพราะว่าชาวสวิสไม่มั่นใจในระบบเงินกระดาษยูโรและกระดาษดอลล่าร์ที่มีแต่พิมพ์เอาๆเพิ่มปริมาณเงิน ทำให้ค่าเงินด้อยค่า แต่ผู้ว่าธนาคารกลางสวิสออกมาโต้ว่าถ้าให้กลับถือทองจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีความยืดหยุ่นในการบริหารนโยบายการเงิน และที่สำคัญจะไม่สามารถรักษาค่าเงินสวิสที่ผูกแน่นกับยูโรได้ที่ระดับ1.20 ดูเอาก็แล้วกันไม่ถึง3เดือนเองหลังจากพูดคำนั้นออกมา ธนาคารกลางสวิสก็ปลดล๊อคการตรึงค่าเงินสวิสกับยูโร เพราะว่าอั้นเงินนอกที่ทะลักเข้ามาไม่ไหวนั้นเอง พวกนายธนาคารกลางเป็นพวกจอมโกหก เวลาเงินยูโรไหลเข้ามาในประเทศเพื่อแลกฟรังค์ ธนาคารกลางสวิสจำต้องพิมพ์เงินฟรังค์ออกมาเพื่อรับซื้อหรือรับแลกยูโร เพื่อรักษาค่าเงินที่1.20เพื่อหนุนการส่งออก ไม่งั้นค่าเงินจะแข็งไปที่1.0อะไรทำนองนี้ มาตรการรักษาค่าเงินที่ระดับ1.20นี้ตั้งแต่ปี2011ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางสวิสเพิ่ม85%จาก257,500ล้านฟรังค์เป็น475,600ล้านฟรังค์ การถือยูโรเพิ่มจาก120,485ล้านยูโรเป็น174,335ล้านยูโร ถือดอลล่าร์เพิ่มจาก$62,945ล้านเป็น$142,366ล้าน ธนาคารกลางสวิสขาดทุนป่นปี้จากการถือยูโรที่ค่าตก แต่เป็นเกมเงินกระดาษต่อเงินกระดาษล้วนๆ เพราะว่าเงินฟรังค์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆโดยไม่มีทรัพย์สินรองรับแท้ที่จริงแล้วมีค่าเป็นศูนย์ ไปซื้อยูโรที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ และซื้อดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ แต่หลังจากนั้นมีการสมมุติวามีค่า ทำให้สามารถซื้อทรัพย์สินที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาฯ โรงงาน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้เองที่จีนและรัสเซียต้องการออกจากระบบเงินกระดาษที่โลกตะวันตกสร้างมาหลายศตวรรษแล้วเพื่อควบคุมความร่ำรวยของโลก ปูตินสั่งเทขายดอลล่าร์แล้วเพื่อล้มเปโตรดอลล่าร์ และจะทำให้รัสเซียเลิกอยู่ใต้อิทธิพลดอลล่าร์ ส่วนจีนต้องการให้หยวนมีอำนาจในการซื้อเหมือนดอลล่าร์ จึงได้มีการสะสมทอง ทำหยวนสว๊อปกับ28ประเทศแล้วเพื่อค้าขายกันโดยไม่ต้องใช้เงินดอลล่าร์ จีนผูกค่าเงินหยวนกับดอลล่าร์ที่ระดับประมาณ6หยวนต่อดอลล่าร์ เหมือนกับที่ธนาคารสวิสผูกฟรังค์กับดอลล่าร์ก่อนที่จะเลิกผูกเมื่อวานนี้ ที่ผ่านมาจีนอั้นไหว เพราะว่าเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่าสวิตเซอร์แลนด์มาก ประเด็นคือถึงจุดหนึ่ง จีนจะล้มเปโตรดอลล่าร์เหมือนที่ปูตินทำ คือเลิกผูกหยวนกับดอลล่าร์ แต่หันมาผูกกับทองคำแทน ให้ราคาทองเป็นตัวยืน ไม่ใช้ให้ดอลล่าร์กระดาษเป็นตัวยืน แล้วจีนประกาศว่ามีทองคำสำรองอยู่16,000ตันเพื่อหนุนค่าเงินหยวน ถ้าจีนประกาศอย่างนั้น คำถามคืออัตราแลกเปลี่ยนระหว่างหยวนและดอลล่าร์จะไปที่ใด -- 5 หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ4หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ 3หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ2หยวนต่อดอลล่าร์ แล้วดอลล่าร์จะไม่crashหรือ?? แค่เงินสวิสที่เป็นประเทศเล็กๆยังทำให้ดอลล่าร์crashได้ แล้วหยวนจะทำให้ดอลล่าร์crashหนักกว่าไม่ได้หรือ คนส่วนใหญ่คิดว่าจีนต้องทำค่าเงินอ่อนเพื่อหนุนการส่งออก ก็ดูพวกสวิสก็แล้วกันทำได้ตลอดหรือไม่ ความจริงค่าเงินแข็งสำหรับหยวนจะดีกว่าอ่อน เพราะว่าจีนไม่จำเป็นต้องส่งออกมาก เอาหยวนแข็งๆมาบริโภคหรือtake overกิจการทั้งโลกได้สบายๆ ระหว่างส่งออกเหงื่อตกเหนื่อยเกือบตาย กับซื้อกิจการของคนอื่นมาบริหารต่อให้ฝรั่งทำงานงกๆเงินๆให้ อย่างไหนจะดีกว่ากัน swiss francยังน๊อคดอลล่าร์ให้นับแปดได้ แล้วหยวนน๊อคดอลล่าร์ไม่นับสิบหรือ คิดกันง่ายๆ และนี้คือปฐมเหตุของWW3 เพราะว่าสหรัฐฯจะยอมให้หยวนผงาดและดอลล่าร์crashไม่ได้ วันใดที่จีนทิ้งดอลล่าร์ วันนั้นเราคงได้เห็นดอกเห็ดบานตะไท thanong 16/1/2015
  12. Somkiat Osotsapa เมื่อน้ำมันลด ขอเตือนภัยเศรษฐกิจโลก > เศรษฐกิจไทย วันนี้หนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ โดยเฉพาะกรุงเทพธุรกิจได้ไปสอบถามความเห็นของหน่วยราชการ องค์กรต่างๆว่า ผลกระทบของการที่ราคาน้ำมัน แก้สลดลงจะส่งผลต่อไทยอย่างไรบ้าง เช่น ถามไทยออยล์ คมนาคม อุตสาหกรรม สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ธนาคารชาติ กระทรวงพาณิชย์ น่าอ่านครับ เครือเนชั่นช่วยถาม ช่วยผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศมามาก ถืงคราวรบป้องกันประเทศก็ทุ่มสุดตัว ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลงเรื่อยๆ ด้วยสาเหตุที่จะอธิบายในโพสท์ถัดไป แม้จะทำให้เกิดความหวังว่าชาวบ้านจะมีรายได้เพิ่ม แต่ก็มีอันตรายที่อาจก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่กระทบคนไทยและประเทศไทยได้ หลายเรื่อง หนื่ง ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน การที่สวิสเซอร์แลนด์ประกาศเลิกผูกเงินฟรังค์สวิสกับเงินยูโร ทำให้ค่าเงินฟรังค์สวิสสูงขื้นมาก เหตุเกิดจากชาวยุโรปต่างไม่เชื่อในเศรษฐกิจยุโรป และค่าเงินของตน แห่เอาเงินมาฝากเป็นเงินสกุลสวิสมาก รับไม่ไหว จนคิดค่าฝากก็ยังมากันมาก แล้วสหภาพยุโรปยังจะออกพันธบัตรมหาศาลออกมาขาย พิมพ์เงินว่างั้นเถอะ ถ้าจะให้สวิสฟรังค์ผูกกับยูโร สวิสต้องซื้อยูโรมากขื้นเรื่อยๆ เอาไม่อยู่ เลยลอยตัวค่าเงินตัวเองซะ ค่าเงินยูโรจืงอ่อนยวบลง อันตรายต่อไทยคือ >>คนไทยที่เอาเงินไปฝากไว้ในยุโรปในรูปยูโร น่าจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเยอะ เอากลับประเทศไทยเถอะ ทรัพย์สินไทยอยู่ในต่างประเทศตั้งล้านล้านบาท เอามาใช้ไห้หมุนเวียนในประเทศ คนจะได้หายจน พวกที่เอาไปฝากสิงคโปร์ก็เหมือนกัน ค่าเงินลดลงมามาก และจะลดต่อไป เอากลับบ้านเถอะ >>กองทุนไทยที่ไปซื้อหุ้น กองทุนในยุโรป ระวังขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ดร ศุภชัย พานิชภักดิ์เตือนไว้แล้วในการประชุมของธนาคารทหารไทย คนไทยที่จะซื้อกองทุนต้องระวัง แม้ราคาน้ำมันจะลดลงมาก แต่ยุโรปหลายประเทศที่พื่งพาการนำเข้าน้ำมัน จะไม่ได้ประโยชน์ เพราะพื่งพาภาษีน้ำมันมาก คล้ายๆไทย ขาดความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน เศรษฐกิจจืงทรุด ราคาน้ำมันในยุโรปแพงกว่าในอเมริกาเกือบสองเท่า >>บริษัทที่ทำการค้ากับยุโรป ระวังว่าถ้าใช้สกุลเงินยูโรเป็นอัตราแลกเปลี่ยน อาจขาดทุนค่าเงิน เงินบาทมีโอกาสแข็งกว่าเงินยูโร ระวังสัญญาส่งออกให้ดีว่าจะได้เงินสกุลใด ระวังเงินไหลออกจากยุโรป มีคนสงสัยว่าเยอรมัน จะรับภาระอยู่ประเทศเดียวไหวหรือ เกิดเยอรมันขอแยกสกุลเงินแบบสวิสฟรังค์บ้าง ยูโรแตกแน่นอน นี่คือวิกฤติการเงินโลก >>บริษัทของไทยที่เอาเงินไปซื้อกิจการในยุโรปเมื่อสองปีที่แล้ว คงรู้สืกว่าซื้อเร็วไปหรือเปล่า >>นอกจาก เงินยุโรปแล้ว เงินสิงคโปร์มีแนวโน้มอ่อนตัวเร็วมาก เพราะสิงคโปร์ใช้ราคาพลังงานเป็นส่วนหนื่งของการคำนวณอัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจที่นั่นสนองตอบต่อความเปลี่ยนแปลงราคาอาหาร พลังงานเร็ว ยังมีตะกร้าเงินเยนขนาดใหญ เยนมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ต้องระวังความสามารถในการแข่งขันของไทยให้มาก ค้าขายด้วยสิงคโปร์ดอลลาร์ลำบาก เงินมาเลย์มักจะเคลื่อนไปกับสิงคโปร์ หวังว่าธนาคารชาติจะออกมาให้แนวทางแก่ผู้ส่งออก นำเข้า และรัฐบาลนะครับ ความไวในการปรับตัวสำคัญมาก ภัยที่สอง ระวังวิกฤติอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี การที่ราคาน้ำมัน แก้ส และปีโตรเคมีลดลงเกินครื่ง จะก่อให้เกิดวิกฤติการเงิน การธนาคาร และวิกฤติตลาดทุนอย่างรุนแรงทั่วโลก บริษัทผู้ผลิตที่ต้นทุนสูงต้องออกจากตลาด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทน้ำมันในอเมริกา บริษัทผลิตshale gas เกินครื่ง บริษัทในอังกฤษ อิหร่าน ผู้ผลิตแก้สโซฮอล์ในบราซิล บริษัทในเอเซียจำนวนมาก ณ ราคานี้ซาอุดิอารเบียยืนอยู่ได้ บริษัทshale oil ครื่งหนื่งยืนได้ บริษัทที่ไปไม่ไหวจะเจอปัญหาราคาหุ้นตก ผู้ถือหุ้นรับภาระ ธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ ที่รับซื้อ junk bond โดนหมด เป็นการคัดเลือกผู้แข็งแกร่งต้นทุนต่ำอีกครั้ง เหมือนวิกฤติสถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก งานนี้ลามครับ เรียกว่า contagion ส่งผลต่อตลาดหุ้น ตลาดทุน สถาบันก่รเงิน บริษัทซัพพลายเออร์ และรายได้จากภาษีของภาครัฐหลายประเทศ ในระดับประเทศ อ่านได้ทันทีว่าประเทศไหนอยู่ หรือไป หรือพอทรงตัว งาน intelligence สำคัญมาก ประเทศไทยต้องเตรียมตัวแล้ว รัฐบาลทำอะไรแล้วยัง ปีนี้เกิดแน่นอน มันเป็นปรากฎการณ์ช่วงดีเฟลชั่น จะล้มจะลุกก็ตอนนี้แหละ ภัยที่สาม ภัยจากดีเฟลชั่น >> ราคาสินค้าลดลงทั้งโลก ราคาน้ำมันที่ลดลงจก่อให้เกิดการลดราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องตามมา ประเทศที่ราคาไม่ปรับตัวลง ตาม จะเสียความสามารถในการแข่งขัน ตัวอย่างโลว์คอสท์แอร์ไลน์ กับเจ๊เกียว ประมงไทยกับประมงอินโด จนถืงสินค้าเกษตร ระวังจะขายไม่ออก ปัญหานี้มักเกิดกับประเทศที่พื่งพาภาษีน้ำมันมาก ระวังเกิดปัญหาภายในตามมา นี่คือการเปลี่ยนของโลกครั้งยิ่งใหญ่ น้ำมันลดครั้งนี้ถาวร ดุลระหว่างประเทศเปลี่ยนหมด รัฐบาลควรสร้างทีมintelligence ขื้นมารับมือ แบบยุคก่อน การทุบราคาโน่นนี่เกิดง่ายมาก วันสองวันก็แก้ไม่ทันแล้ว ต้องรุกลูกเดียว งานนี้สภาความมั่นคงของทุกประเทศทำกัน ครอบคลุมทุกมิติ อย่าลืมรื้อฟื้นคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคขื้นมาดูแลด้วย เป็นทีมสมอง แบบอเมริกา คิดเสร็จ มีข้อมูล ส่งต่อให้รัฐบาล อย่าเอาข้าราชการทำ มันเป็นงานสงคราม ต้องทำงานแบบไม่เป็นราชการนะครับ ไม่งั้นเสร็จมัน มีบุญเข้ามา แต่จะมีมารมาก่อน จะเปิดใจรับบุญ หรือรับมาร เลือกเอา. เลือกทันที สวัสดีวันครูครับ ขอให้ประเทศปลอดภัย ให้กำลังใจทหารนะครับ ช่วยๆกัน ดร ปณิธาน วัฒนายากร มันมาแล้วนะครับ จะมีเรื่องราวใหญ่โตระดับโลกภายในสามเดือนนี้ หกเดือนนี้. ครบกำหนดสัญญาล่วงหน้าพอดี จะเกิดการปรับตัวมโหฬาร รอดูรายงานไตรมาส1 ของบริษัททั่วโลกให้ดี จะเกิดการปรับตัวที่แรงมาก จะอยู่รอดเป็นผู้ชนะ ต้องมีข้อมูล ข่าวสารที่พร้อม คนที่ไม่เคยผ่านสงครามอย่าเอาไปรบ ไม่สร้างระบบป้องกันที่ดี ทุกธุรกิจ ทุกคนที่ไม่แข็งแรง จะล้มเป็นโดมิโน หน้าที่ของรัฐคือป้องกันประเทศและประชาชน เหตุการณ์นี้ทำนายกันไว้แล้วในแวดวงข่าวกรอง ไก่จะออกไข่ งูจะลอกคราบ โปรดนั่งประจำที่ รัดเข็มขัด
  13. ก็อปมาให้อ่านกันเล่นๆเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนครับ ถ้าเราเอาเงิน 20,000 บาท ไปซื้อทอง จะได้ทองแค่ 1 บาท แต่ถ้าเราเอาเงิน 20,000 บาท ไปซื้อปืนเถื่อน กับ หมวกกันน็อค เราก็จะได้ทองทั้งร้าน อิอิ แต่..โปรดระวัง! การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ น่ะขอรับ
  14. ถ้าอ่านจากของลุงโฉลก สำหรับคนที่จะซื้อเก็บแบบยาวๆ ก็ซื้อได้เลยครับ ปล.แต่ผมว่ารอหลัง ECB ประชุมวันที่4นี้ดีกว่าครับ เพราะถ้าเขาประกาศ QE เงินยูโรจะอ่อน ดอลล์จะแข็ง ทองน่าจะลงอีก (Dec 2) งัด'คิวอี'สู้ศึกเงินฝืด ยุโรปเสียงแตก เพิ่มอำนาจอีซีบี- สภาพเศรษฐกิจโดยรวมในโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2014 นี้ ของทั้ง 18 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน น่าจะยังติดหล่มลึกไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงพอที่จะพยุงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่องให้ผ่อนคลายลงได้ อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่า สถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงจนฉุดให้เศรษฐกิจของทั้งกลุ่มยูโรโซนนี้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกด้วย ความเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งไม่ให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ คงหนีไม่พ้น ประเด็นการชะลอตัวของดัชนีเงินเฟ้อที่แกว่งตัวในระดับต่ำมากเป็นเวลาหลายเดือนต่อเนื่องกัน ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศสมาชิกว่า กลุ่มประเทศยูโรโซนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืดคุกคาม ข้อมูลดัชนีเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการล่าสุดเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ของกลุ่มประเทศยูโรโซน ก็ปรับตัวต่ำลงจากเดือน ต.ค.ที่ระดับ 0.4% เหลือเพียงแค่ 0.3% เท่านั้น นับเป็นตัวเลขที่ห่างไกลจากเป้าหมายดัชนีเงินเฟ้อที่คาดหวังของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ 2% อย่างมาก อันเป็นเสมือนสัญญาณที่ไปเพิ่มความเสี่ยงว่า ยูโรโซนเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ที่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังภาคธุรกิจและการบริโภคในภาคครัวเรือนให้ชะลอตัวลง จนนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในที่สุด แม้ทางอีซีบีจะตระหนักถึงภัยคุกคาม ที่เกิดขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ พร้อมทั้งงัดสารพัดเครื่องมือทางการเงินออกมากู้วิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจสู้ภาวะเงินฝืดที่คืบคลานมาจ่อหัวบันไดบ้าน ผ่านหลายมาตรการ ไม่ว่าจะเป็น การหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เหลือเพียง 0.05% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็ปรับลดลงมาในระดับติดลบ 0.2% นอกจากนี้ อีซีบียังเสริมทัพด้วยมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเสริมสภาพคล่อง ผ่านโครงการปล่อย สินเชื่อสำหรับรีไฟแนนซ์สำหรับสถาบันการเงิน (ทีแอลทีอาร์โอ) และการใช้มาตร การปล่อยเงินกู้ระยะยาวเป็นกรณีพิเศษ (แอลทีอาร์โอ) รวมถึงการเข้าซื้อ หลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์เป็นตัวค้ำประกัน (เอบีเอส) และตราสารหนี้คุณภาพสูง (โคเวอร์ บอนด์) กระนั้นก็ยังไม่สามารถ ชุบชีวิตภาคเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อต้องเผชิญกับภาวะหลังพิงฝาในสงครามการต่อสู้กับภาวะเงินฝืดอันเรื้อรังยาวนาน ที่มีทีท่าว่าอาจจะปราชัยในสมรภูมิแห่งนี้ ก็ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า อีซีบีอาจจำเป็นต้องตัดสินใจกัดฟันส่ง "แม่ทัพ" ใหญ่อย่าง "มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี)" เป็นไม้ตายพิชิตศึกในครั้งนี้ ผ่านมาตรการเข้าซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล การประชุมครั้งสุดท้ายของอีซีบีสำหรับปีนี้ ในวันที่ 4 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ จึงเป็นเวทีสำคัญที่นักวิเคราะห์และนักลงทุน ทั่วโลกต่างก็จับตามองชนิดไม่อาจละสายตาได้แม้วินาทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนแล้ว ยังเป็นการตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้ายของอีซีบีสำหรับเดิมพันสำคัญในศึกที่ยากจะรับมือครั้งนี้ด้วย หลังจากผู้วางหมากแบบพลิกทุกกลยุทธ์ในตำราพิชัยสงครามอย่าง มาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ประกาศกร้าวว่า จะขยายการแทรกแซงผ่านทุกช่องทางในกรณีที่จำเป็นโดยไม่ล่าช้า สอดคล้องกับ วิคเตอร์ คอนสแตน ซิโอ รองประธานอีซีบี ที่ระบุว่า อีซีบีกำลังประเมินมาตรการต่างๆ ที่ออกมาใช้ก่อนหน้านี้ว่าได้ผลหรือไม่ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 หากไม่ได้ผลอาจพิจารณา เข้าซื้อสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดรอง พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า อีซีบีอาจจะงัดมาตรการ คิวอีออกมาใช้ราวไตรมาสแรกของปีหน้า อย่างไรก็ดี การใช้มาตรการคิวอีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของอีซีบีนี้ ไม่อาจดำเนินไปอย่างราบรื่นเฉกเช่นเดียวกับธนาคารกลางของประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ สหรัฐ หรือญี่ปุ่น เนื่องจากบรรดาชาติสมาชิกหลายประเทศต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดว่า การงัดมาตรการ ดังกล่าวออกมาใช้ เป็นเหมือนการอนุญาตให้อีบีซีสามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ได้ตามอำเภอใจ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต เยอรมนี หนึ่งในประเทศที่คัดค้าน การใช้มาตรการคิวอี ก็แสดงความกังขา ว่า มาตรการคิวอีเป็นการมอบอำนาจ เกินขอบเขตให้อีซีบีในการกดดันให้ รัฐบาลประเทศต่างๆ ปฏิรูประบบการเงินตามคำสั่งการ โดยเห็นว่า ธนาคารกลางของแต่ละประเทศควรมีอิสระในการ ดำเนินงานในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาของตนเอง นอกจากนี้อีซีบีก็ต้องประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจาก การดำเนินมาตรการดังกล่าวในระยะ ยาวด้วย แม้ประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซนจะยังเสียงแตกในการสนับสนุนให้อีซีบีงัดมาตรการคิวอีออกมาใช้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังถูกภาวะเงินฝืดเล่นงานอย่างหนัก แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ในที่สุดแล้ว อีซีบีต้องงัดไม้ตายดังกล่าวออกมาใช้แน่นอน ซึ่งวันที่ 4 ธ.ค.นี้ คงต้องจับตาสัญญาณต่างๆ ที่ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางยุโรปอาจเผยให้ทราบถึงการดำเนินนโยบายอีซีบีในปีหน้า นอกจากจะช่วยลุ้นว่า เศรษฐกิจยุโรปจะฟื้นตัวไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนฉุดให้เศรษฐกิจโลกในปีหน้าไม่อาจเติบโตได้เต็มที่แล้ว ประเทศต่างๆ ทั่วโลกคงต้องเกาะติดการประกาศใช้นโยบายทางการเงินของอีซีบีแบบไม่อาจกะพริบตาได้ เพราะสิ่งนี้จะส่งผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนและภาค ส่งออกของทั้งประเทศผู้บริโภคและผู้ส่งออกด้วย เตรียมพร้อมรับมือแต่เนิ่นๆ ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกประเทศควรดำเนินการ อย่าให้สายเกินไป โดย เสาวลักษณ์ ขันกสิกรรม Source: posttoday แต่จากที่คุณเสมเพิ่งโพสต์ GC ถือขายต่อ
×
×
  • สร้างใหม่...