ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ก็อปมาฝากครับ

 

PIMCO หรือกองทุนรวมขนาดยักษ์ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดในโลก ตัดสินใจเทขายตราสารในสกุลดอลล่าออกทั้งหมดพอดีเลยครับ สงสัยจะเก็บอาการกันไม่อยู่แล้ว !!

ข่าว PIMCO ดั์มพ์ตราสารดอลลล่า ตรงๆแรงๆ จับตาดูดัชนีดอลล่าจากนี้ไปให้ดีครับ จะเป็นตัวเร่งราคาน้ำมัน ทองคำ เงิน และคอมโมทุกตัวอย่างแรง โดยเฉพาะจะไปตอกย้ำราคาน้ำมันให้พุ่งแรงขึ้นอีก แล้วจะกระทบชิ่งไปซ้ำเรื่องเงินเฟ้อในระดับโลกในที่สุด

ทุกอย่างกำลังมุ่งไปในทิศทางเดียวกันครับคือ "Inflationary Depression" หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงแล้วซ้ำเติมด้วยเงินเฟ้อเข้าไปอีก

 

http://www.reuters.c...E7285M020110309

 

Jimmy Siri วันนี้(10/3)ขายพันธบัตรตัวยาว 30 ปี เป็นวันสุดท้ายครับ แนวรับแข็งๆ 1410 น่าจะยันอยู่ พรุ่งนี้ Day of Rage ที่ซาอุ ต้องดูว่าจุดติดหรือไม่ .....ถ้าติด การทุบแรงๆคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายครับ คู่มุสลิมบราเธอร์ฮูด(NWO)-ซาอุนี้ ทางกษัตริย์สั่งห้ามชุมนุม เตรียมกำลังทหาร รถถังพร้อมหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มได้ก็จะยันกันทันที ไม่มีรอบอุ่นเครื่องเหมือนประเทศอื่นๆที่ผ่านมาครับ แล้วถ้าติดแล้วน้ำมันนำ ทองตามครับ...

 

ของลุงโฉลกครับ

รัฐบาลขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.25% และปรับตัวเลข Inflation เพิ่มขึ้นเป็น 5% หลายปีต่อไปภายหน้า ดอกเบี้ยและ Inflation จะสูงขึ้นอีกแน่นอน ทำให้ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นต่อไปอีกมาก เป้าหมายแรกอยู่ที่ $2200 ชมรม CDC แนะนำสมาชิกให้ซื้อทองต่อเนื่องมานานแล้ว หวังว่าสมาชิกทุกคนคงจะมีทองคำเป็นส่วนหนึ่งของ Portfolio สำหรับเป็น Long term investment

http://www.chaloke.com/article/882-2011-03-09-17-39-28.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวย้อนหลัง : ดูไบเลื่อนชำระหนี้ ฟองสบู่แตกกระจุย

เครดิต Thairath

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แจ้งว่าบริษัทชั้นนำ 2 แห่งของดูไบ

มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นมาตรการแรกในการปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์

กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจรัฐดูไบขยายตัวขึ้นอย่าง มากในช่วงที่ผ่านมา

 

โดยการประกาศเลื่อนการชำระหนี้อย่างกะทันหัน ของรัฐบาลดูไบครั้งนี้ ทำให้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)

ซึ่งเป็น 2 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลดูไบ

โดยมูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของบางบริษัทลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" ขณะที่เอสแอนด์พีระบุว่า

การที่รัฐบาลดูไบประกาศปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์ อาจถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ของเอสแอนด์พี

 

ทั้งนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดูไบเวิลด์ แจ้งว่าดูไบเวิลด์มีหนี้สิน 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่

จากหนี้สินทั้งหมดจำนวน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของรัฐบาลดูไบ นอกจากนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาย่านคฤหาสน์หรูหราบนหมู่เกาะเป็นรูปต้นปาล์ม

ที่มีชื่อเสียง ของดูไบ มีหุ้นกู้อิสลามในวงเงิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 14 ธ.ค.นี้

และมีหนี้ตราสารหนี้ในวงเงิน 980 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 พ.ค.ปีหน้า ข

ณะที่บริษัทลิ-มิทเลส ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของดูไบเวิลด์อีกรายหนึ่ง มีหุ้นกู้ในวงเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า

 

นักวิเคราะห์คาดว่าการสนับสนุนทางการเงินจากอาบู ดาบี ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐของยูเออีเช่นเดียวกับรัฐดูไบนั้น

จะทำให้เศรษฐกิจของดูไบสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่ดูไบมีแนวโน้มที่จะต้องล้มเลิกรูปแบบทางเศรษฐกิจที่หรูหราที่มุ่งความ

สนใจไปที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้

เศรษฐกิจดูไบได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ฟองสบู่ของเศรษฐกิจดูไบที่กำลังฟูเฟื่องมากว่า 6 ปี แตกลง

จนทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยรุ่งเรืองของดูไบตกต่ำลง.

 

 

 

15world-tower.jpg

 

 

 

 

วิกฤตหนี้ที่ดูไบ (Dubai world)

 

คุณ Raty (ติดตามต่อปาย) ขอมา ให้พูดถึงวิกฤตที่ดูไบหน่อย วันนี้เราจะมาดูกันครับ

 

ปี 2009 เป็นปีที่ไม่ธรรมดาเลยครับสำหรับตลาดทองคำบ้านเรา

ปีนั้นตอนต้นปีราคาอยู่ที่ประมาณ 14,000 แต่พอปลายปีราคากลับทะยานฟ้าไปทำจุดสูงสุดได้ถึง 19,000

 

ใครกอดทองแน่นๆในปีนั้น ได้เห็นการปรับขึ้นราคาถึงบาทละ 5,000 !!

 

เหมือนเดิมครับตอนทองนิ่งๆหรืออยู่ในระดับราคาที่ไม่สูงมาก (14,000-15,000)

เป็นเวลาที่ทองคำดูไม่ค่อยน่าสนใจ ระดับเฉียดๆ 16,000 ถือว่าเป็นระดับราคาที่สูงและแพง

 

แต่พอ ธนาคารกลางอินเดียซื้อทองคำจาก IMF 200 ตัน เข้าเป็นทุนสำรอง จุดเปลี่ยนของเกมส์ก็เริ่มขึ้น

ระดับราคา 16,000 หยุดทองไว้ไม่อยู่

 

ปลายปีนั้น

17,000 ได้เห็น

18,000 ก็ยังไม่พอ

19,000 ตามมาในเวลาอันรวดเร็ว

 

เตะตานักลงทุนเข้าอย่างจังให้กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดพร้อมๆกับข่าวลือ

ว่าทองคำจะพุ่งไปแตะบาทละ 20,000

 

แต่ ธรรมชาติของตลาดกระทิง (Bull Market) ไม่เชื่องอย่างที่คิดครับ

เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ตลาดจะทำการกวาดผู้เล่นที่มาทีหลังและจิตใจไม่มั่นคงให้ออกจากตลาดไปก่อน (ย้อนอ่านบทความธรรมชาติตลาดกระทิง)

 

Tips

 

การกระโดดเข้าขี่หลังควรค่อยๆ เข้าตอนที่กระทิงหงอยๆ ซึมๆ (14,000-15,000) แล้วนั่งรอไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นให้มันวิ่ง

การรีบกระโดดเข้าตอนมันวิ่งแล้วเพราะคิดว่าจะไปต่อ (18,000-19,000) อาจจะกำไรไวก็จริง

แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกขวิดและโดนสะบัดให้ตกหลัง กระทิงที่วิ่งเร็วและแรงเกินไป หากเป็นกระทิงที่ฉลาดมันจะพักแข้งพักขาบ้าง ก่อนจะไปต่อ

 

ตลาดทองคำช่วงปลายปี 2009

เป็นช่วงที่ราคาทองคำขึ้นแรงแต่นักลงทุนกลับไม่ค่อยได้กำไรเพราะ

 

:excl: 1.ขายทิ้งไปตั้งแต่บาทละ 16,000

 

:excl: 2.พอ 17,000-18,000 ไม่กล้าเข้าเพราะคิดว่าแพง ไปเข้าตอน 18,000 (ปลายๆ) -19,000 เพราะคาดว่าทองจะถึงบาทละ 20,000 แล้วก็ติดดอย

 

ราคาทองในตอนนั้นเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเล่นกันมาก่อน นักลงทุนเช็คข่าวกันให้วุ่นว่าเกิดอะไรขึ้น และแล้วก็ถึงเวลาของการ -Take Profit-

การเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เป็นการเล่นข่าว ไม่ได้มีผลให้ปัจจัยพื้นฐานของทองคำเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ราคาที่ขึ้นมาสูงทำให้เกิดความกังวลขึ้นในตลาด พอมีข่าวนี้ขึ้นมาตลาดตีความถึงขนาดว่า ดูไบ

อาจจะต้องขายทองเพื่อชำระหนี้ / การขาดแคลนเงิน (ดอลล่าร์) เพื่อเอาไปชำระหนี้ เลยต้องขอผ่อนผัน

ทำให้ ดอลล่าร์แข็งค่าและดูดี ประจวบกับราคาทองคำที่ขึ้นมาเยอะเกินไป

 

ผลลัพธ์ จึงออกมายิ่งกว่าการ Take Profit เพราะมันเกิด Panic Sell ตลาดเกิดแรงเทขายอย่างหนักหน่วง

 

:excl: สมาคมประกาศปรับราคาทองคำแท่งภายในวันเดียวถึง 12 ครั้ง !! (ถือเป็นสถิติ)

 

:excl: ตลาด Gold Future ที่เปิดขายในบ้านเราไม่นานเจอกับภาวะ ระบบล่ม !!! (คล้ายๆกับที่เวบ Thaigold ล่ม) :lol:

การซื้อขายถูกหยุด จำนวนสัญญาในพอร์ทหายเกลี้ยง (ภายหลังกู้คืนมาได้)

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมอยู่ “หน้าจอ” ครับ

 

สิ่งที่ผมทำคือตัดสินใจสวนกระแส เข้าซื้อ แม้ว่าราคาจะไหลเป็นน้ำ

หลังจากนั้น ราคาปรับตัวฟื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนแตะระดับ 19,000 ผมมีกำไรไม่ใช่น้อย

แต่ยังคงคอนเซปต์เดิมคือ กอดทองไว้แน่นๆไม่ขาย

 

ต่อมาตลาดเจอกับภาวะ Panic Sell อีกครั้งคราวนี้หนักกว่าเดิม

เริ่มจาก

 

:mad: เบน เบอร์นันเก้ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจจะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

:angry: ข่าวจากจีนออกมาพูดว่าไม่สนใจในทองคำ เพราะ ราคาแพงเกินและมีน้อยเกินไป

 

โกหกทั้งคู่ !!!

 

แต่อารมณ์ตลาดหวั่นไหวตามเพราะราคาปรับตัวมาสูงมาก

Panic Sell จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมก็อยู่ “หน้าจอ” (อีกแล้ว)

 

แต่คราวนี้ต่างออกไป คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว เพราะคราวนี้ผม ไม่กล้าที่จะซื้อ !!!

 

 

หลายเดือนต่อมา เหตุการณ์ Panic Sell สองครั้งผ่านไป

ตลาดปรับฐานเสร็จเข้าสู่ภาวะการซื้อขายที่ปกติ และนิ่งขึ้น เหตุการณ์ดูไบ ทำให้ผมได้บทเรียนในการลงทุน

 

Panic Sell ครั้งแรกเกิดขึ้น ผมกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว ภายหลังทำให้กำไรไม่ใช่น้อย

Panic Sell ครั้งที่สอง ผมไม่กล้า โอกาสจึงผ่านมาแล้วผ่านเลยไป

 

วันที่ทองคำลงไปแตะระดับ 19400 เมื่อต้นปี

ผมโพสบอกเพื่อนๆสมาชิกในกระทู้ว่า ราคาทองคำในช่วงนี้คือ โอกาส (Opportunity) ไม่ใช่ หายนะ (Diaster)

ที่ผมรู้เพราะผมมีบทเรียน ใครฉวยโอกาสนั้นไว้ ถึงตอนนี้ราคาก็ปรับสูงขึ้นมามากแล้ว

 

ไม่มีใครบอกว่าได้ว่า Panic Sell แบบดูไบจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ (Anything is possible)

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไรต่างหาก เวลามันเกิดขึ้น ดูผันผวนและรุนแรง

แต่หากมองภาพใหญ่จะว่าไปแล้วมันก็แค่การปรับฐานลดลงของทองประมาณ 10% หลังจากที่ปรับขึ้นมาถึง 35% ตอนต้นปีแค่นั้นเอง

 

คำถามคือ

 

-หากเกิดขึ้นอีกเรามีแผนสำรองรึเปล่า ?

 

-หากเกิดขึ้น เราควร กลัว-เครียด-ตกใจ ? หรือ ฉวยโอกาสนั้นไว้ดี ?

 

 

สิทธิ์นั้นเป็นของคุณครับ

 

ถูกแก้ไข โดย Nexttonothing

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(ฮ่า)....ลาก่อนดูไบ ซัก 10 ก่อนพวกรุ่นพี่โตที่คณะชอบเล่ากันว่า ไปขุดทองที่ดูไบกัน เดี๋ยวนี้ สงสัยทองหมดแล้วสินะครับ

 

ทองร่วงเราซื้อ ทองขึ้นเอากอด

!gd !gd !gd

 

 

สงสัยทองจะ 24000 ในอีกไม่นานแล้วมั้งครับ :lol: :lol: :lol:

จากทฤษฏี ข้าวแกงRatio 1:600 :D :D

 

http://news.mthai.com/headline-news/105882.html

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หายไปหนึ่งวัน คิดถึงกระทู้นี้เหลือเกิน

เลยขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณคุณ Next หมอเล็ก และทุกๆ ท่าน อย่างเป็นทางการครับ

(แอบอ่าน แอบโพสท์ข่าว และ ความเห็น มาพักใหญ่ๆ แล้ว)

 

:wub: :wub: :wub:

 

ขอเสนอความเห็นเล็กน้อยครับ

เมื่อวานข่าวบวกกับทองไม่ใช่น้อย แต่ทอง(รวมทั้งน้ำมัน และ โลหะมีค่าอื่นๆ) กลับสวนลงเฉยเลย

- ดูบลูมเบิร์กเห็นว่าในซาอุมีการยิงผู้ต่อต้านแล้ว

- ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐที่แย่ลง

- สถานการณ์หนี้ในยุโรปแย่ลง หลายประเทศแล้วที่ถูกลดอันดับเครดิต

 

หรือตลาดให้ความสำคัญกับข่าวเงินเฟ้อจีนมากกว่า (เกรงว่าจะมีมาตรการกันสำรองเพิ่ม หรือขึ้นดอกเบี้ยอีก) เลยกดดันทองตอนนี้

จาก blog ของ Mr. Roger Weigand แกบอกว่าเงินเฟ้อในจีน จริงๆ แล้วตอนนี้ขึ้นถึง 35% แต่หากมองเฉพาะเรื่องอาหารก็กว่า 50%

http://traderrog.wordpress.com/2011/03/09/bubble-in-china/

 

 

สุดท้ายขอบคุณบทความของนั้คุณ next อีกครั้งครับ ที่เตือนสติ ในการพิจารณาทางเลือกต่างๆ ให้รอบคอบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

weak-dollar-study-01-af.jpg

 

 

คำถามต่อมา

 

ถ้าตลาดยกเลิกเงินสกุลดอลล่าร์ เป็นเงินสกุลหลักของโลกจะส่งผลอย่างไรต่อทองคำ (มีโอกาสเิกิดไหม ?)

 

 

คำตอบ

 

เกิดแน่ๆครับ ช้าหรือเร็วเท่านั้น (It's a matter of time)

 

เราคงต้องย้อนกลับไปดูว่า

ในอดีตเหตุผลที่ดอลล่าร์ไำด้รับเลือกเป็นเงินสกุลหลักก็เพราะ เค้ามีทองคำเป็นทุนสำรองมากที่สุดในโลก

 

หากพบความจริงว่าทองคำใน Fort knox (ไม่ได้รับการตรวจนับมากว่า 50 ปีแล้ว) ไม่มีอยู่จริง

ยิ่งไม่ต้องสงสัยถึงความเหมาะสมในฐานะเงินสกุลหลัก

การพิมพ์ดอลล่าร์กระจายไปทั่วโลกแบบไร้วินัยอย่างนี้

ก็ยิ่งเป็นเหตุให้นานาประเทศเริ่มจะพิจารณาถึงความชอบธรรมที่สหรัฐพึงมี

 

ถึงจุดหนึ่งเมื่อนานาประเทศ โดยเฉพาะจีน ยอมคัทลอส (Cut loss ) ทุนสำรองดอลล่าร์

ก่อนที่มันจะเสื่อมค่ามากไปกว่านี้ เมื่อนั้น ราคาทองคำ (หากวัดกันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์) ฟ้าก็คงมิอาจกั้น

 

จากประวัิติศาสตร์เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่

ระบบการเงิน (Monetary System) ของโลกจะเปลี่ยนทุกๆ 30-40 ปี

ทุกครั้งที่เปลี่ยน ทองคำและเงิน (Gold and Silver) จะได้กลับมาทำหน้าที่แทนทุกครั้งไป

 

อาจจะเป็นเงินสกุลใหม่ที่มีทองคำหนุน (Gold Standard) ก็ได้

แต่ส่วนตัวผมชอบระบบ Gold money มากกว่าครับ

ถูกแก้ไข โดย Nexttonothing

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ คุณเน็กซ์

 

จะมี panic sell เร็วๆนี้รึครับ น่าจะเป็นเหตุจากอะไรครับ

 

ถ้าเช่นนั้น จะเป็น panic sell ครั้งสุดท้ายเพื่อสลัดคนลงสินะครับ

ถูกแก้ไข โดย milo

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวย้อนหลัง : ดูไบเลื่อนชำระหนี้ ฟองสบู่แตกกระจุย

เครดิต Thairath

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แจ้งว่าบริษัทชั้นนำ 2 แห่งของดูไบ

มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นมาตรการแรกในการปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์

กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจรัฐดูไบขยายตัวขึ้นอย่าง มากในช่วงที่ผ่านมา

 

โดยการประกาศเลื่อนการชำระหนี้อย่างกะทันหัน ของรัฐบาลดูไบครั้งนี้ ทำให้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)

ซึ่งเป็น 2 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของโลก ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลดูไบ

โดยมูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของบางบริษัทลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" ขณะที่เอสแอนด์พีระบุว่า

การที่รัฐบาลดูไบประกาศปรับโครงสร้างดูไบเวิลด์ อาจถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ของเอสแอนด์พี

 

ทั้งนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดูไบเวิลด์ แจ้งว่าดูไบเวิลด์มีหนี้สิน 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่

จากหนี้สินทั้งหมดจำนวน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯของรัฐบาลดูไบ นอกจากนี้ บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาย่านคฤหาสน์หรูหราบนหมู่เกาะเป็นรูปต้นปาล์ม

ที่มีชื่อเสียง ของดูไบ มีหุ้นกู้อิสลามในวงเงิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 14 ธ.ค.นี้

และมีหนี้ตราสารหนี้ในวงเงิน 980 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 พ.ค.ปีหน้า ข

ณะที่บริษัทลิ-มิทเลส ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของดูไบเวิลด์อีกรายหนึ่ง มีหุ้นกู้ในวงเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า

 

นักวิเคราะห์คาดว่าการสนับสนุนทางการเงินจากอาบู ดาบี ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐของยูเออีเช่นเดียวกับรัฐดูไบนั้น

จะทำให้เศรษฐกิจของดูไบสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่ดูไบมีแนวโน้มที่จะต้องล้มเลิกรูปแบบทางเศรษฐกิจที่หรูหราที่มุ่งความ

สนใจไปที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้

เศรษฐกิจดูไบได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ฟองสบู่ของเศรษฐกิจดูไบที่กำลังฟูเฟื่องมากว่า 6 ปี แตกลง

จนทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เคยรุ่งเรืองของดูไบตกต่ำลง.

 

 

 

15world-tower.jpg

 

 

 

 

วิกฤตหนี้ที่ดูไบ (Dubai world)

 

คุณ Raty (ติดตามต่อปาย) ขอมา ให้พูดถึงวิกฤตที่ดูไบหน่อย วันนี้เราจะมาดูกันครับ

 

ปี 2009 เป็นปีที่ไม่ธรรมดาเลยครับสำหรับตลาดทองคำบ้านเรา

ปีนั้นตอนต้นปีราคาอยู่ที่ประมาณ 14,000 แต่พอปลายปีราคากลับทะยานฟ้าไปทำจุดสูงสุดได้ถึง 19,000

 

ใครกอดทองแน่นๆในปีนั้น ได้เห็นการปรับขึ้นราคาถึงบาทละ 5,000 !!

 

เหมือนเดิมครับตอนทองนิ่งๆหรืออยู่ในระดับราคาที่ไม่สูงมาก (14,000-15,000)

เป็นเวลาที่ทองคำดูไม่ค่อยน่าสนใจ ระดับเฉียดๆ 16,000 ถือว่าเป็นระดับราคาที่สูงและแพง

 

แต่พอ ธนาคารกลางอินเดียซื้อทองคำจาก IMF 200 ตัน เข้าเป็นทุนสำรอง จุดเปลี่ยนของเกมส์ก็เริ่มขึ้น

ระดับราคา 16,000 หยุดทองไว้ไม่อยู่

 

ปลายปีนั้น

17,000 ได้เห็น

18,000 ก็ยังไม่พอ

19,000 ตามมาในเวลาอันรวดเร็ว

 

เตะตานักลงทุนเข้าอย่างจังให้กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดพร้อมๆกับข่าวลือ

ว่าทองคำจะพุ่งไปแตะบาทละ 20,000

 

แต่ ธรรมชาติของตลาดกระทิง (Bull Market) ไม่เชื่องอย่างที่คิดครับ

เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ตลาดจะทำการกวาดผู้เล่นที่มาทีหลังและจิตใจไม่มั่นคงให้ออกจากตลาดไปก่อน (ย้อนอ่านบทความธรรมชาติตลาดกระทิง)

 

Tips

 

การกระโดดเข้าขี่หลังควรค่อยๆ เข้าตอนที่กระทิงหงอยๆ ซึมๆ (14,000-15,000) แล้วนั่งรอไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นให้มันวิ่ง

การรีบกระโดดเข้าตอนมันวิ่งแล้วเพราะคิดว่าจะไปต่อ (18,000-19,000) อาจจะกำไรไวก็จริง

แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกขวิดและโดนสะบัดให้ตกหลัง กระทิงที่วิ่งเร็วและแรงเกินไป หากเป็นกระทิงที่ฉลาดมันจะพักแข้งพักขาบ้าง ก่อนจะไปต่อ

 

ตลาดทองคำช่วงปลายปี 2009

เป็นช่วงที่ราคาทองคำขึ้นแรงแต่นักลงทุนกลับไม่ค่อยได้กำไรเพราะ

 

:excl: 1.ขายทิ้งไปตั้งแต่บาทละ 16,000

 

:excl: 2.พอ 17,000-18,000 ไม่กล้าเข้าเพราะคิดว่าแพง ไปเข้าตอน 18,000 (ปลายๆ) -19,000 เพราะคาดว่าทองจะถึงบาทละ 20,000 แล้วก็ติดดอย

 

ราคาทองในตอนนั้นเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเล่นกันมาก่อน นักลงทุนเช็คข่าวกันให้วุ่นว่าเกิดอะไรขึ้น และแล้วก็ถึงเวลาของการ -Take Profit-

การเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เป็นการเล่นข่าว ไม่ได้มีผลให้ปัจจัยพื้นฐานของทองคำเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ราคาที่ขึ้นมาสูงทำให้เกิดความกังวลขึ้นในตลาด พอมีข่าวนี้ขึ้นมาตลาดตีความถึงขนาดว่า ดูไบ

อาจจะต้องขายทองเพื่อชำระหนี้ / การขาดแคลนเงิน (ดอลล่าร์) เพื่อเอาไปชำระหนี้ เลยต้องขอผ่อนผัน

ทำให้ ดอลล่าร์แข็งค่าและดูดี ประจวบกับราคาทองคำที่ขึ้นมาเยอะเกินไป

 

ผลลัพทธ์ จึงออกมายิ่งกว่าการ Take Profit เพราะมันเกิด Panic Sell ตลาดเกิดแรงเทขายอย่างหนักหน่วง

 

:excl: สมาคมประกาศปรับราคาทองคำแท่งภายในวันเดียวถึง 12 ครั้ง !! (ถือเป็นสถิติ)

 

:excl: ตลาด Gold Future ที่เปิดขายในบ้านเราไม่นานเจอกับภาวะ ระบบล่ม !!! (คล้ายๆกับที่เวบ Thaigold ล่ม) :lol:

การซื้อขายถูกหยุด จำนวนสัญญาในพอร์ทหายเกลี้ยง (ภายหลังกู้คืนมาได้)

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมอยู่ “หน้าจอ” ครับ

 

สิ่งที่ผมทำคือตัดสินใจสวนกระแส เข้าซื้อ แม้ว่าราคาจะไหลเป็นน้ำ

หลังจากนั้น ราคาปรับตัวฟื้นขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนแตะระดับ 19,000 ผมมีกำไรไม่ใช่น้อย

แต่ยังคงคอนเซปต์เดิมคือ กอดทองไว้แน่นๆไม่ขาย

 

ต่อมาตลาดเจอกับภาวะ Panic Sell อีกครั้งคราวนี้หนักกว่าเดิม

เริ่มจาก

 

:mad: เบน เบอร์นันเก้ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจจะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

:angry: ข่าวจากจีนออกมาพูดว่าไม่สนใจในทองคำ เพราะ ราคาแพงเกินและมีน้อยเกินไป

 

โกหกทั้งคู่ !!!

 

แต่อารมณ์ตลาดหวั่นไหวตามเพราะราคาปรับตัวมาสูงมาก

Panic Sell จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ทำไมผมถึงรู้ดี? เพราะตอนนั้น ผมก็อยู่ “หน้าจอ” (อีกแล้ว)

 

แต่คราวนี้ต่างออกไป คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว เพราะคราวนี้ผม ไม่กล้าที่จะซื้อ !!!

 

 

หลายเดือนต่อมา เหตุการณ์ Panic Sell สองครั้งผ่านไป

ตลาดปรับฐานเสร็จเข้าสู่ภาวะการซื้อขายที่ปกติ และนิ่งขึ้น เหตุการณ์ดูไบ ทำให้ผมได้บทเรียนในการลงทุน

 

Panic Sell ครั้งแรกเกิดขึ้น ผมกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว ภายหลังทำให้กำไรไม่ใช่น้อย

Panic Sell ครั้งที่สอง ผมไม่กล้า โอกาสจึงผ่านมาแล้วผ่านเลยไป

 

วันที่ทองคำลงไปแตะระดับ 19400 เมื่อต้นปี

ผมโพสบอกเพื่อนๆสมาชิกในกระทู้ว่า ราคาทองคำในช่วงนี้คือ โอกาส (Opportunity) ไม่ใช่ หายนะ (Diaster)

ที่ผมรู้เพราะผมมีบทเรียน ใครฉวยโอกาสนั้นไว้ ถึงตอนนี้ราคาก็ปรับสูงขึ้นมามากแล้ว

 

ไม่มีใครบอกว่าได้ว่า Panic Sell แบบดูไบจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ (Anything is possible)

ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไรต่างหาก เวลามันเกิดขึ้น ดูผันผวนและรุนแรง

แต่หากมองภาพใหญ่จะว่าไปแล้วมันก็แค่การปรับฐานลดลงของทองประมาณ 10% หลังจากที่ปรับขึ้นมาถึง 35% ตอนต้นปีแค่นั้นเอง

 

คำถามคือ

 

-หากเกิดขึ้นอีกเรามีแผนสำรองรึเปล่า ?

 

-หากเกิดขึ้น เราควร กลัว-เครียด-ตกใจ ? หรือ ฉวยโอกาสนั้นไว้ดี ?

 

 

สิทธิ์นั้นเป็นของคุณครับ

 

 

 

ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูล ปํญหาดูใบ ควรเก็บเป็นข้อมูลศึกษาเลย ตัวเองก็ไม่เสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้panic ตาม treder ที่แนะนำให้ขายทั้งที่เริ่มเกิดเราจะซื้อก็ให้รอดูอยู่นั่นจน โอกาสทองเลยไป ยังเสียใจอยูนิด แต่ก็ทำให้หยุดซื้อขายทองไปนาน เพราะตอนนั้นบาดแผล เน่าจริง ๆ แต่มาถึงตอนนี้มันก็เป็นของถูกแล้ว และยังเก็บไว้เป็น50% ของการเก็บยาว อยากให้เพื่อน ๆที่เข้ามาใหม่ได้เก็บไว้เป็น case studyด้วยนะค่ะ ขอบคุณนะคะ และขอโทษทีวันสัมนาไม่ได้ทักทาย จริง ๆเอาหนังสือไปให้เซืนต์อีกรอบ แต่เห็นมวลชน แล้วก็ขอมองดูด้วยความชื่นชมละกัน อย่างไรก็แพ้หวานใจคุณเน้กซ์จนหลุดขอบไปแล้ว ฮือ ฮือ ติดตามต่อปาย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หายไปหนึ่งวัน คิดถึงกระทู้นี้เหลือเกิน

เลยขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณคุณ Next หมอเล็ก และทุกๆ ท่าน อย่างเป็นทางการครับ

(แอบอ่าน แอบโพสท์ข่าว และ ความเห็น มาพักใหญ่ๆ แล้ว)

 

:wub: :wub: :wub:

 

ขอเสนอความเห็นเล็กน้อยครับ

เมื่อวานข่าวบวกกับทองไม่ใช่น้อย แต่ทอง(รวมทั้งน้ำมัน และ โลหะมีค่าอื่นๆ) กลับสวนลงเฉยเลย

- ดูบลูมเบิร์กเห็นว่าในซาอุมีการยิงผู้ต่อต้านแล้ว

- ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐที่แย่ลง

- สถานการณ์หนี้ในยุโรปแย่ลง หลายประเทศแล้วที่ถูกลดอันดับเครดิต

 

หรือตลาดให้ความสำคัญกับข่าวเงินเฟ้อจีนมากกว่า (เกรงว่าจะมีมาตรการกันสำรองเพิ่ม หรือขึ้นดอกเบี้ยอีก) เลยกดดันทองตอนนี้

จาก blog ของ Mr. Roger Weigand แกบอกว่าเงินเฟ้อในจีน จริงๆ แล้วตอนนี้ขึ้นถึง 35% แต่หากมองเฉพาะเรื่องอาหารก็กว่า 50%

http://traderrog.wordpress.com/2011/03/09/bubble-in-china/

 

 

สุดท้ายขอบคุณบทความของนั้คุณ next อีกครั้งครับ ที่เตือนสติ ในการพิจารณาทางเลือกต่างๆ ให้รอบคอบ

 

 

สวัสดีครับ คุณ JohnCM เร็วๆนี้

มีเพื่อนๆสมาชิกเรานำข่าวเรื่อง สหรัฐขายพันธบัตร 8-10 มีนาคม มาแจ้ง

แล้วก็บังเอิญมีการงัดข่าวหนี้และการลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซนมาเล่นกันใหม่

ได้พอดิบพอดีอย่างน่าสงสัย

 

ผลทำให้ ยูโร ร่วง (ที่เราเห็นไม่ใช่ดอลล่าร์แข็งค่า)

ราคาทองคำจึงถูกกดดันทันที ดอลล่าร์ดูดีรับการขายพันธบัตรที่เกิดขึ้น บังเอิ๊ญ บังเอิญ

 

แต่จะตั้งใจหรือไม่ผมไม่สนใจ สถานะการณ์ในตะวันออกกลางยังไม่สงบง่ายๆ

ทองลง-Buy the dip สะสมไว้

แล้วรอ ถ้าใจเย็นพอ ได้เฮครับ :blush:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พูดถึงจีนเลยเอาข่าวเกี่ยวกับจีนมาให้อ่านครับว่าผู้ใหญ่ของจีนเขาว่ายังไง

 

อิอิ นอกจากให้ซื้อทองแล้วยังจะให้ซื้อเกือบทุกอย่างที่ขวางหน้า สรุปก็คือให้พยายามทิ้งดอลล์นั่นเอง

 

 

China should diversify foreign exchange reserves to keep safe: leading economist

http://news.xinhuanet.com/english2010/china/2011-03/08/c_13767457.htm

13767457_11n.jpg

 

BEIJING, March 8 (Xinhua) -- China needs to diversify its massive holding of foreign exchange reserves to prevent consistent devaluation amid volatile global economic conditions, a leading Chinese economist said on Tuesday.

 

"The portfolio of China's foreign exchanges should be adjusted based on changing conditions, " said said Li Yining, also a member of the National Committee of the Chinese People's Political Consultative Conference, the top advisory body.

 

"China should moderately increase the size of gold in its foreign exchange reserves," Li said at plenary session of the CPPCC National Committee.

 

China had accumulated 2.85 trillion U.S. dollars by the end of 2010 from robust foreign trade over the past a few years. The foreign exchange regulator has not disclose the currency structure of the holding, but the U.S. dollar is widely believed to take up a lion's share.

 

Following the U.S. quantative easing monetary policy, the value of the U.S. dollar also faltered, renewing fears that the value of China's stockpile would shrink.

 

Li also advised to use the foreign currencies to buy land, mines, forests and even blue chip stocks overseas, a move which he said could bring more returns than the holding of foreign bonds.

 

The money could also be loaned to domestic enterprises to invest abroad, and buy advanced equipment and badly-needed raw materials and fuels, he noted.

 

As China's foreign reserves are largely held by the government, Li said it is safe to let residents hold more to diversify risks.

 

Li Yining, member of the 11th National Committee of the Chinese People's Political Consultative Conference (CPPCC), speaks during the second plenary meeting of the Fourth Session of the 11th CPPCC National Committee at the Great Hall of the People in Beijing, capital of China, March 8, 2011. (Xinhua/Rao Aimin)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ทราบมีรายละเอียดยอดการขาดดุลการค้าของจีนของเดือนก่อนไหมครับ

ผมว่าที่ขาดดุลเพราะเขาเร่งระบาย US$ ไปแปรเปลี่ยนเป็นรูปสินค้า(เช่นเครื่องบิน) และ พวก commodities ต่างๆ แน่เลย

ไม่รู้ว่าที่เขาซื้อทองรวมอยู่ในยอดนำเข้าของเขาด้วยหรือเปล่านะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จัดให้คุณ JohnCM (ชื่อเท่ห์มาก)

 

China reports $7.3 bln trade deficit in February

คลิ๊กก .. รายละเอียดข่าว

 

จีนเริ่มจะช้อปบ้างแล้วล่ะครับ เก็บเงินมานาน...ขอบคุณ Mor Lek ด้วยครับ ข่าวยอดเยี่ยมตามเคย !!

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้คุณเน็กจัดหนัก อ่านจุใจเลยวันนี้ :wub: :wub:

 

ลงแดงมาหลายวัน ติดตามบทความเสมอครับ

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอถามคุณเน็กซ์...ถ้าจะซื้อให้เต็มพอร์ท..ราคานี้ยังใช้ได้หรือไม่ครับ..20400

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...