ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

.....

 

แกก็บอกว่าให้จับตาดูตรงแนวต้านของ primary channel (กรอบสีเขียว) ให้ดี หากทะลุผ่านขึ้นไปได้ (อาจเพราะวิกฤตเศรษฐกิจใดๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงนี้)

It is the top of these Primary and Uptrend Channels that we need to watch.

Moving above that could cause a spike panic to the upside to test the Breakout Line.

Then there would be a mini crash, rebuilt support, and then get ready for the moon shot.

 

.....

 

+1 ขอบคุณที่เอามาฝากครับ

 

อ่านงานของ Martin Armstrong ชิ้นนี้แล้วเหมือนกัน

primary channel ของแกน่าจะเอามาใช้ดูว่าเกิดการ panic buy แล้วหรือยัง

(เราจะได้ไม่ panic sell)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เลือกเอาระหว่าง

1. ค่าเงินบาทอ่อนและทองลง กับ

2. ค่าเงินบาทแข็งแต่ทองขึ้นเอาแบบไหนจ๊ะ :P

 

 

เลือกข้อ 2 ครับ ถ้าขึ้น 10 up ยังไงน่าจะยังได้กำไรอยู่ :ph34r:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยอยู่ว่า

 

การที่กูรูแนะเล่น s อยู่ทุกวัน

คนเล่นตามนี่เค้าได้กำไรจริงๆหรือเปล่าครับ

ในช่วงที่ปรับฐานพอเข้าใจได้อยู่ ว่าไม่ควรสวนเทรน

แต่ขณะนี้เป็นเทรนขาขึ้นทั้งปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค(หรือเปล่า)

การที่ขายเมื่อถึงเส้นบน และขายซ้ำเมื่อถึงเส้นล่าง ในช่วงนี้เรียกว่าสวนเทรน หรือเปล่าครับ

หรือเป็นลักษณะของ gold spot ที่สามารถซื้อๆขายๆ ได้หลายๆครั้งในวันเดียวกัน

 

ที่ถามเพราะกำลังศึกษาอยู่ครับ ไม่มีเจตนาลบหลู่ผู้ใดทั้งสิ้นครับ

ทุกวันนี้คิดว่าความรู้น้อย จึงถือแต่แท่ง และกองทุนเท่านั้นครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยอยู่ว่า

 

การที่กูรูแนะเล่น s อยู่ทุกวัน

คนเล่นตามนี่เค้าได้กำไรจริงๆหรือเปล่าครับ

ในช่วงที่ปรับฐานพอเข้าใจได้อยู่ ว่าไม่ควรสวนเทรน

แต่ขณะนี้เป็นเทรนขาขึ้นทั้งปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค(หรือเปล่า)

การที่ขายเมื่อถึงเส้นบน และขายซ้ำเมื่อถึงเส้นล่าง ในช่วงนี้เรียกว่าสวนเทรน หรือเปล่าครับ

หรือเป็นลักษณะของ gold spot ที่สามารถซื้อๆขายๆ ได้หลายๆครั้งในวันเดียวกัน

 

ที่ถามเพราะกำลังศึกษาอยู่ครับ ไม่มีเจตนาลบหลู่ผู้ใดทั้งสิ้นครับ

ทุกวันนี้คิดว่าความรู้น้อย จึงถือแต่แท่ง และกองทุนเท่านั้นครับ

 

ผมว่าเกี่ยวกับลักษณะการลงทุนของแต่ละคนครับ ว่ารักที่จะเสี่ยงแค่ไหน แบกรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน นิยมถือสั้น ถือยาว ต่างกัน ฯลฯ

บางคนถนัดฝั่งขายก็มีครับ แต่การเล่นสวนเทรน ส่วนตัวมองว่า กำไร 10 ครั้ง อาจไม่พอสำหรับขาดทุนครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เล่นในกรอบทางเทคนิค หากจะประสบความสำเร็จจะเป็นผู้เทรดที่

1. มีวินัยสูง ถึงจุดซื้อต้องซื้อ ถึงจุดขายต้องขาย

2. มีการวางแผนการ กำหนดจุด cut loss ตั้งแต่ก่อนการซื้อขายแต่ละครั้ง

 

สำหรับผมแทบจะไม่มีเลยทั้งสองข้อข้างบน เลยเน้นถือยาวๆๆ ไว้ก่อนครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ขอบคุณที่เอามาฝากครับ

 

อ่านงานของ Martin Armstrong ชิ้นนี้แล้วเหมือนกัน

primary channel ของแกน่าจะเอามาใช้ดูว่าเกิดการ panic buy แล้วหรือยัง

(เราจะได้ไม่ panic sell)

 

อืม.. ข้อสังเกตของคุณ WCG นับว่าน่าสนใจมากครับ !gd !gd

หลุดกรอบเขียวเมื่อไหร่ ใครอย่าไปเผลอ short (หรือ take profit) เข้าให้หละ !57 !57

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยอยู่ว่า

 

การที่กูรูแนะเล่น s อยู่ทุกวัน

คนเล่นตามนี่เค้าได้กำไรจริงๆหรือเปล่าครับ

ในช่วงที่ปรับฐานพอเข้าใจได้อยู่ ว่าไม่ควรสวนเทรน

แต่ขณะนี้เป็นเทรนขาขึ้นทั้งปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค(หรือเปล่า)

การที่ขายเมื่อถึงเส้นบน และขายซ้ำเมื่อถึงเส้นล่าง ในช่วงนี้เรียกว่าสวนเทรน หรือเปล่าครับ

หรือเป็นลักษณะของ gold spot ที่สามารถซื้อๆขายๆ ได้หลายๆครั้งในวันเดียวกัน

 

ที่ถามเพราะกำลังศึกษาอยู่ครับ ไม่มีเจตนาลบหลู่ผู้ใดทั้งสิ้นครับ

ทุกวันนี้คิดว่าความรู้น้อย จึงถือแต่แท่ง และกองทุนเท่านั้นครับ

 

 

พอเป็นไปได้ครับ อย่างเช่นตอนที่ทองลงจาก 1593 ไปถึง 1576 ถ้าเล่นสั้นๆ ก็ s ได้ใช้กราฟ h1 h4 แต่ต้องไวมากๆ

 

อย่างไรก็ตามราคาอยู่เหนือเส้น ma 20-30 จะ s ก็น้อยๆ หรือไม่ต้องเล่น รอย่อแล้วค่อย l ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยอยู่ว่า

 

การที่กูรูแนะเล่น s อยู่ทุกวัน

คนเล่นตามนี่เค้าได้กำไรจริงๆหรือเปล่าครับ

ในช่วงที่ปรับฐานพอเข้าใจได้อยู่ ว่าไม่ควรสวนเทรน

แต่ขณะนี้เป็นเทรนขาขึ้นทั้งปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิค(หรือเปล่า)

การที่ขายเมื่อถึงเส้นบน และขายซ้ำเมื่อถึงเส้นล่าง ในช่วงนี้เรียกว่าสวนเทรน หรือเปล่าครับ

หรือเป็นลักษณะของ gold spot ที่สามารถซื้อๆขายๆ ได้หลายๆครั้งในวันเดียวกัน

 

ที่ถามเพราะกำลังศึกษาอยู่ครับ ไม่มีเจตนาลบหลู่ผู้ใดทั้งสิ้นครับ

ทุกวันนี้คิดว่าความรู้น้อย จึงถือแต่แท่ง และกองทุนเท่านั้นครับ

 

 

พวกนี้รู้สึกจะหายไปจากตลาดหมดแล้วนะเพราะเจ๊ง ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าไม่คิดจะซื้อก็กรุณานั่งดูเฉยๆ จะดีกว่า เพราะอาจหมดตัวได้ ถ้าไป short มัน :lol:

 

ราคาทองบ้านเรามันไม่ค่อยแกว่งระหว่างวันเท่าไร แต่ใน ตปท จะแกว่งเยอะ (ขาทุบอยู่ที่นู่น) จะมาเอาตาม channel ไม่ได้หรอก ยากไป ต้องรอซื้อตาม trend จะดีกว่า ถึงแม้จะมีสัญญาณพักชัดเจน มันจะลงหนักที่ฟากกะนู้น แต่พอมาแถวเอเซียตอนเช้ามันดีดขึ้นมาแล้ว อาจไม่ได้กำไรจากการ short เท่าไรหรืออาจขาดทุน ตอนนี้ trend คือเป็นขาขึ้นและแรงด้วย จะเล่นสวน trend เพื่อกำไรสั้นๆ อาจไม่คุ้ม จริงอยู่ที่มันขึ้นมานาน น่าจะพักภายใน 1-2 วันนี้ เป็นโอกาสให้เรารอซื้อมากกว่า short มัน

 

รอซื้อน่าจะปลอดภัยกว่า 1560 +/- (ยอดของ wave 1) เป็นราคาที่น่าสนใจ เป้าหมายยังอีกไกล 1700 +/- น่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปนะ

 

คนที่มีของก็ถือต่อ อย่าเอามาเล่นรอบนะคะ ยากเกินไป คนที่ไม่มีก็รอกระโดดเกาะหรือเก็บ physical เพิ่มค่ะ :P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กำลังหาจังหวะเก็บ Physical เพิ่มอีกก้อน

เดี๋ยวรอเก็บ แถวๆ 1560+/- ตามที่คุณ Kung แนะนำเลยครับ

ขอบคุณครับ

(แต่จากนิสัยตัวเอง สงสัยแถวๆ 1580 คงเข้าแล้วหละครับ ยอมซื้อแพงไปนิดเพราะกลัวไม่ได้ของประจำ 55)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลังจากไล่อ่านจนจบ(4วัน) ก็ตัดสินใจสมัครสมาชิกบอร์ดเพื่อขอบคุณบทความดีๆแบบนี้ครับ

ไม่มีข้อข้องใจกับทองอีกเลย แต่อยากขอคำแนะนำเรื่องเก็บแท่งกับเขาบ้างอ่ะครับ

คือพึ่งเริ่มมีเงินเก็บแล้วอยากเปลี่ยนเป็นเก็บทอง เค้าเริ่มเก็บกันทีละเท่าไหร่แล้วตอนไหนดี

ร้านทองแถวบ้าน(นอก)ที่ผมอยู่มีแต่แท่งละ5บาท10บาท เงินเก็บผมเหลือแค่หมื่นกว่าๆต่อเดือน

ผมจะรอสะสมให้มันครบ5ก่อนแล้วค่อยซื้อ(แบบนี้มันก็หลายเดือนทองมันจะแพงไปกว่านี้มากอ่ะสิ) หรือเล่นรูปพรรณไปเลยเดือนละสลึง(แต่มันก็เสียค่ากำเหน็จอีก)

ประมาณถือเงินรอหรือเอาทองเล็กไปเลย แนะนำหน่อยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

dvr-16ch.png

 

 

 

 

1,400-1,500-1,600 เหรียญ

 

ปีนี้เป็นปี “ทอง”จริงๆครับ

ช่วงต้นปีเราได้เห็น 1,400$ หลังจากนั้นไม่นานก็ 1,500$

แล้ววันนี้ทองคำทำสถิติแตะที่ระดับ 1,600$ เป็นครั้งแรก

 

มองย้อนกลับไปแบบนี้อาจจะดูเหมือนง่าย

แต่ใครที่ลงทุนทองคำอยู่ก็คงรู้ว่าเส้นทางที่ผ่านมามันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

 

สาเหตุก็เพราะระหว่างทางมี บทวิเคราะห์,ปัจจัย,และข่าวสารต่างๆมากมาย ที่บ่งชี้ว่า

 

ทองจะลง,ลงบ้าง,ไปจนถึงขั้น ลงเละ !! :wacko:

 

การเหวี่ยงของราคาแต่ละครั้งก็ยิ่งทำให้เราไขว้เขว

 

ผู้ที่ยังกอดทองคำอยู่เต็มพอร์ทมาจนได้ถึงวันนี้ จึงประกอบไปด้วย

 

:mellow: 1. ผู้ที่ซื้อทองเก็บทิ้งๆไว้และไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไร

 

^_^ 2. ผู้ที่เข้าใจในปัจจัยพื้นฐานทองคำเป็นอย่างดีและไม่หวั่นไหวกับราคาที่ขยับขึ้นๆลงๆ ในแต่ละวัน

 

ที่ผ่านมา ผู้ที่หาจังหวะเข้าซื้อทองคำ เล็งแล้วเล็งอีก

เพื่อให้ได้ราคาที่ตนเองต้องการ กลับสำคัญที่ว่า "ได้ซื้อหรือเปล่า"? และ "ซื้อเยอะหรือไม่"? มากกว่า

 

สำหรับ "ทองคำแท่ง" ไม่มีคำว่าซื้อเกินกำลังหรือเกินตัว (Overtrade)

ตราบเท่าที่คุณมีเงินเก็บเย็นๆ สามารถจะซื้อหามันมาได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมใครมาลงทุน

 

:excl: หลายต่อหลายคนยกเลิกบัญชีเงินฝากไม่ว่าจะออมทรัพย์หรือประจำหันมาเก็บเป็นทองคำแทน

ถึงวันนี้ คุณคงรู้และเข้าใจแล้วว่า “สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นถูกหรือผิด”

 

:excl: มีคนเคยตำหนิ โอกาส“ทอง”(จริงๆ) ว่าแนะนำให้คนซื้อทองแบบไม่ลืมหู ลืมตา???

ผมคงต้องขอชี้แจงว่า "ไม่จริงครับ"

 

เพราะหากเป็นเช่นนั้นผมคงไม่ต้องเสียเวลามานั่งเขียนบทความยาวนานหลายเดือน เขียนหนังสือทั้งเล่ม

“เพื่ออธิบาย” เหตุและผลว่าทำไมคุณถึงควรถือครองทองคำ.......

 

เหตุผลต่างๆ เหล่านั้นล้วนยังคงอยู่ พร้อมให้คุณย้อนกลับไปอ่านได้ทุกเวลา

หรือต่อให้คุณพลาดไปแแล้วที่ผ่านมาคุณดันหลงเชื่อผมมากเกินไป ซื้อทองเข้าไปเต็มรัก(แบบไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมาจริงๆ)

ถึงวันนี้ คุณคงรู้และเข้าใจแล้วว่า “สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นผิดหรือถูก”

 

เหตุผลต่างๆ เหล่านั้นนับวันมีแต่จะยิ่งชัดขึ้นๆ แรงขับเคลื่อนราคาทองคำในปีนี้

เริ่มจาก

 

-นโยบาย QE2 ตามมาด้วย

 

-ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป

 

-ความวุ่นวายในตะวันออก และ

 

-ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอมเริกา

 

 

ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้คำว่า “ยังคาราคาซัง” นับวันมีแต่จะบานปลายและแย่ลง

 

วันนึงเราอาจจะเห็นยูโรอ่อน ดอลล่าร์แข็ง อีกวันนึงเราเห็น ยูโรแข็ง ดอลล่าร์อ่อน สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้

 

สาเหตุก็เพราะปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะฝั่งยูโรโซนที่ลามจากกรีซ ไปอิตาลี่ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ เงินทุนไหลออกไปหาดอลล่าร์

เกิดภาพลวงตาขึ้นมาว่าดอลล่าร์แข็ง

การโยกหนีปัญหาแบบนี้ ไม่ต่างจากการกระโดดหนีจากกระทะลงเตาแก๊ส

เพราะสุดท้ายค่าเงินที่จะล่มสลายในที่สุดก่อนเพื่อนคือ “ดอลล่าร์”

 

 

:excl: ปัญหาระยะสั้นเร็ววันนี้ของสหรัฐก็คือ “การยกระดับเพดานหนี้” (Debt Ceilling)

 

เพดานหนี้ มีเอาไว้เพื่อ “จำกัดการมีหนี้” ไม่ให้มากเกินไป

นักการเมืองสหรัฐกำหนดมันขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองดูเหมือน คนมีระเบียบ รู้จักจำกัดการใช้จ่าย

แต่ทุกครั้งที่หนี้พุ่งสูงติดเพดาน

 

“เค้าเลื่อนขึ้นทุกครั้ง” ???

 

เพดานบ้านไหน ปรับขึ้นได้ตลอดแบบนี้ ? เวลาสัมภาระในห้องเก็บของบ้านเราเต็ม

เราสมควรเลือกทิ้งของบางอย่างที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ไม่ใช่ รื้อฝ้าห้องเก็บของแล้วเลื่อนให้มันสูงขึ้น

 

สหรัฐก็เช่นกัน เมื่อหนี้ชนเพดานที่ 14.294 Trillion

สิ่งที่สหรัฐจำเป็นต้องทำคือ “ตัดรายจ่ายภาครัฐทิ้ง”

 

ไม่มีใครแก้ปัญหาภาระหนี้ได้โดยการ“เป็นหนี้เพิ่ม”

การใช้จ่ายเกินตัวต้องแก้ปัญหาด้วยการลดการบริโภคในอนาคต (under consumption)นี่คือหลักเศรษฐศาสตร์อย่างง่ายที่ใครๆก็เข้าใจ

 

แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า สหรัฐจะทำการเลื่อนเพดานหนี้เหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมาพร้อมประกาศว่า

“นี่คือชัยชนะ ของการประนีประนอมในสภา ช่วยประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไปได้”

 

จะเดินหน้าไปไหนครับ? Hyperinflation รึเปล่า?

 

ถ้อยแถลงของ บารัค โอบาม่า ชัดเจนว่า

 

“หากเราไม่เลื่อนเพดานหนี้ ประเทศชาติและระบบเศรษฐกิจเสี่ยงต่อการล่มสลาย (Default)

ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้ารับไม่ได้และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเค้า”

 

Moody’s ได้ยินบ้างหรือเปล่าครับ ??

 

Moody’s rating เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ประหลาดมาก

ไล่ลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศอื่นไปทั่ว

แต่กับสหรัฐยังคงไว้ที่ AAA

 

 

ล่าสุดออกมาเตือนว่าหากสหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้จะลดอันดับ ??

 

ทำไมไม่ลดวันนี้ล่ะครับ...

 

หากสหรัฐเป็นบริษัทเอกชน การไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้จะทำให้ล้มละลาย(Bankruptcy)

บริษัทแบบนี้ยังควรจะมีความน่าเชื่อถือระดับ AAA อยู่อีกหรือ ??

 

สมมุติว่า...สหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้แล้วล่มสลายขึ้นมาจริงๆ

Moody’s จะทำยังไง? ลดเครดิตเหลือ AA อย่างนั้นหรือ ??

มันควรจะเรทเป็น “ขยะ” (Junk) แล้วในตอนนั้น

 

หากเป็นเช่นนี้ จะมี AA A+ A- B C ไว้ทำไม ?

ในเมื่อขนาดใกล้จะล่มสลายยังคงไว้ได้ซึ่ง Tripple A ??

 

การกระทำแบบนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากความไม่โปร่งใสของสถาบันจัดอันดับ

จีนเองคงจะทนไม่ได้จึงมีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตนเอง (ต้ากง) และได้กล้าลดระดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐมานานแล้ว

 

 

:excl: Quantitative Easing นโยบายผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่

 

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำขึ้นไปอีก ขอเพียงเบน เบอร์นันเก้ บอกไบ้เป็นนัยๆว่าจะอัดฉีดเพิ่ม

ทองก็พร้อมจะพุ่งต่อเนื่องได้ทันที

 

“ยังไงก็มาครับ”

 

ไม่สำคัญว่าจะใช้ชื่อเรียกว่าอะไร สำคัญที่เค้าจะทำอะไรมากกว่า การพิมพ์เงินเพิ่ม เค้าก็เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้งแล้ว

จะเปลี่ยนอีกหรือไม่ตั้งชื่อก็คงไม่แปลก

 

เวลานี้ทำ “ลีลา” ราวกับว่า QE เป็นทางเลือก อาจจะอัดฉีดหรือไม่อัดฉีดก็ได้ ขอพิจารณาก่อน

แท้จริงแล้วเป็นแค่การเกทับ หรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่า “แอ๊บ”

เพราะคำตอบสุดท้ายก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก.....พิมพ์เงินเพิ่ม

 

เมื่อ “คิวอี” รอบใหม่มา นักลงทุนทองคำก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถึง “คิวอั๊ว” (อีกแล้ว)

 

ประเด็นต่อมาที่น่าสนใจก็คือ

 

กลางที่ประชุม Semi-annual คำให้การของประธานธนาคารกลางต่อสภาคองเกรส

ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลายนั่นก็คือ

 

เบน เบอร์นันเก้ ตอบวุฒิสมาชิก รอน พอล ว่า "Gold is not money"

 

ทองคำไม่ใช่เงิน เป็นแค่โลหะมีค่า แต่ก็ถือว่าเป็นสินทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง

 

ผู้ที่ติดตามอ่านบทความมาตั้งแต่ต้น คงเข้าใจดีว่าทำไม “ทองคำถึงเป็นเงินที่แท้จริง” ผมขออนุญาตไม่อธิบายซ้ำ

เมื่อถูกถามต่อว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไม ธนาคารกลางทั่วโลกถึง เก็บทองคำไว้เป็นทุนสำรอง ?

เบน เบอร์นันเก้ ตอบว่ามันเป็น ธรรมเนียม (Tradition)

 

ธรรมเนียมอะไร ?

 

เบน เบอร์นันเก้ พูดถูกครับ แต่พูดไม่หมด

หากจะพูดให้ถูกต้องครบถ้วนควรจะเป็น

 

"ธนาคารกลางเก็บทองไว้ตามธรรมเนียม โดยธรรมเนียมที่ว่านั้นก็คือ ทองคำคือเงินที่แท้จริง (Real money)"

 

แบบนี้ต่างหากถึงจะถูก

แต่ เบน เบอร์นันเก้อาจไม่คิดเช่นนั้นก็ได้

ถ้าเป็นอย่างนี้เรามาดู “ธรรมเนียมปฏิบัติ” ของธนาคารกลางย้อนหลังกันหน่อยครับ

 

 

wgcx-central-bank-holdings.jpg

 

 

กราฟนี้คือกราฟปริมาณทองคำเปลี่ยนแปลงต่อปีของธนาคารกลางทั่วโลก (จาก World Gold Council)

 

เริ่มต้นที่ปี 2002 แต่หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น จนมาถึงปี 2008 จะพบว่า

ธนาคารกลางขายทองคำทิ้งมาตลอดกว่า 20 ปี !!

 

แต่หลังจากนั้นจนมาถึงปีนี้ ธรรมเนียมปฏิบัติของธนาคารกลางเปลี่ยนไป

จากเคยขายทองคำเปลี่ยนมาเป็น “ซื้อทอง”!!

 

แท่งกราฟที่เคยแดงมาตลอดพลิกกลับมาเป็นแท่งเขียว

เฉพาะปีนี้ปีเดียว ตั้งแต่ต้นปีถึงเมษายน ธนาคารกลางเก็บทองเข้าคลังแล้ว 150 ตัน !!

 

นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตปีที่แล้วเพิ่มขึ้นเพียง 2% ในขณะที่ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นถึง 10%

เมื่อ Demand มากกว่า Supply ถือเป็นปัจจัยสำคัญให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเข้าไปอีก

 

..............................................................................

 

 

ตั้งแต่ต้นปี เพียง 7 เดือน ทองปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% (ในสกุลเงินบาท)

ค่าเฉลี่ยการปรับขึ้นต่อปีอยู่ที่ 17% จะเห็นว่าก็ยังพอมี Upside เหลือ แต่ผมสังหรณ์ใจว่า ปีนี้เราอาจได้เห็นการปรับราคาขึ้น “เกินค่าเฉลี่ย”

 

ต่อจากนี้ไปหากเห็นการปรับฐานของทองคำก็ไม่ต้องตกใจนะครับ

ทุกครั้งที่ทองลง คือ “ส่วนลดที่ทองคำมอบให้เรา” รับมันไว้ครับ

เพราะธรรมชาติของทอง “หากมันลง เดี๋ยววันนึงมันก็ขึ้นอยู่วันยังค่ำ

แต่ถ้ามันลองได้ขึ้นแล้วบางทีมันวิ่งโดยไม่หันกลับไปมองดอยเก่าอีกเลย”

 

อืม...เป็นอย่างนี้เวลาทองลงเราควรดีใจหรือเสียใจดี ?

 

ประเด็นต่างๆที่ได้เกริ่นไว้ ก็เหมือนลูกระเบิดที่เราเองก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าลูกไหนมันจะระเบิดออกมาก่อน

เตรียมยาหยอดตาไว้ด้วยนะครับ เพราะคงต้องจ้องกันตาไม่กระพริบ

หากทองคำเข้า Mania phase เมื่อไหร่

ยากที่จะได้เก็บของถูกระหว่าทางครับ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สงสัยอยู่ว่า

 

การที่กูรูแนะเล่น s อยู่ทุกวัน

คนเล่นตามนี่เค้าได้กำไรจริงๆหรือเปล่าครับ

.....

แนะนำให้ศึกษาผลงานของ "กูรู" แต่ละท่านย้อนหลังไปเยอะๆครับ

ถ้าเค้าไม่งุบงิบผลงานเก่าๆของเค้า ไล่ๆอ่านดู เดี๋ยวก็รู้ว่าคำแนะนำของเขา

ทำให้ได้กำไรหรือเปล่า

 

เคยอ่านหนังสือของนักเศรษฐศาสตร์สำนัก "ออสเตรีย" ที่วิพากษ์ เพื่อนร่วมวิชาชีพในอีกสำนักหนึ่ง

ที่เขียนเมื่อประมาณปี 1930-1950 (จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน) อ่านบทนำ กับบทแรกเสร็จแล้วขนลุก

นึกว่าเขียนเมื่อปี 2007 เพราะเนื้อหา สถานการหลายๆอย่าง มันสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหลือเกิน

 

หลายๆคนบอกว่าการ timing ตลาด ในระยะสั้นนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ (อย่างเช่น Jim Rogers) เลยเน้นศึกษาพื้นฐาน

แล้ว timing ตลาด แบบ ระยะยาว ครับ

 

รอซื้อน่าจะปลอดภัยกว่า 1560 +/- (ยอดของ wave 1) เป็นราคาที่น่าสนใจ เป้าหมายยังอีกไกล 1700 +/- น่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปนะ

 

คนที่มีของก็ถือต่อ อย่าเอามาเล่นรอบนะคะ ยากเกินไป คนที่ไม่มีก็รอกระโดดเกาะหรือเก็บ physical เพิ่มค่ะ :P

 

ตอบได้โดนใจจริงๆ อยากกด + ให้ซักสิบรอบ cool.gif

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อืม เต็มอิ่ม สมกับการรอจริงๆ ขอบคุณค่ะคุณเน็กซ์ !01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กำลังหาจังหวะเก็บ Physical เพิ่มอีกก้อน

เดี๋ยวรอเก็บ แถวๆ 1560+/- ตามที่คุณ Kung แนะนำเลยครับ

ขอบคุณครับ

(แต่จากนิสัยตัวเอง สงสัยแถวๆ 1580 คงเข้าแล้วหละครับ ยอมซื้อแพงไปนิดเพราะกลัวไม่ได้ของประจำ 55)

 

อย่าไปคิดอะไรมากค่ะ ซื้อๆ ไปเถอะ ไม่ต่างกันมาก สมาคมกั๊กราคาทองคำเค้าทำราคาให้พวกเราได้ของถูก

 

ถือซะว่าฝากประจำ กินดอกเบี้ยปีละ 30-50% หรืออาจมี big bonus 200-300% ถ้ามันมีการชักดาบกันจริง เพราะหลายประเทศ ประเทศละ 50% รวมๆ กันก็เยอะอยู่นา Too big to fail ทั้งนั้น :lol: ขนาดของตัวเองพึ่งซื้อตอนต้นปี ตอนนี้กำไรร่วม 15% ยังไม่ครบปีเลย แถมทำท่าจะขึ้นดอกเบี้ยให้อีก :wub: 5555++

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เย้ๆ คุณเน๊กมาแล้ว ของดีๆแบบนี้ต้องกลับไปใจเย็นๆอ่านที่บ้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...