ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

boom_b-b

ขาใหญ่
  • จำนวนเนื้อหา

    168
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

คะแนนนิยม

6 ปานกลาง

เกี่ยวกับ boom_b-b

  • คะแนนนิยม
    ขาใหญ่
  • วันเกิด 08/03/2531

Contact Methods

  • MSN
    boom_b-b@hotmail.com

Profile Information

  • เพศ
    ชาย
  • ที่อยู่
    กรุงเทพมหานคร
  1. ผมหวังว่าท่านที่เข้ามาอ่านที่กระทู้ของผมขอให้รับเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนก็พอครับ ส่วนเรื่องไม่ค่อยดีสำหรับผมก็อย่าไปจดจำมันให้รกสมองคิดแบบนี้นี่เอง มันถึงได้เกิดเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะผลงานของทุกชิ้นมีความหมาย เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมได้พัฒนาระบบให้ดีอยู่เสมอเพื่อการลงทุนอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสามารถของผมเท่าที่ จะทำได้ ผมทุ่มเทให้กับมันมาก แล้วมันผิดด้วยหรือที่เราจะเอาผลงานลิขสิทธิ์เองออกมานำเสนอ เหมือนเจ้าของผลงานที่มีสิทธิ์พึงจะได้ในส่วนที่ทำออกมาเพื่อ ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในรูปแบบของผลตอบแทนหรือค่าเหนื่อยไม่ผิดหรอกครับ ถ้าคุณไม่ใช้loginเชียร์ตัวเอง อยากจะให้ผมเอามากางให้ดูมั๊ยครับ เดี๋ยวผมจัดหนักให้ หากโลกนี้ไร้ซึ่งผู้สนับสนุนผลงานคงไม่มีใครที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่ดีขึ้นมา หากเวปเฮียมีแต่พวกหัวแข็งแบบนี้ กูรูดีๆก็คงไม่เหลือและความสงบก็คงไม่มีเช่นกันครับ ในวันข้างหน้าได้อีก สังคมตอนนี้ได้ตัดสินผมไปแล้วว่าเป็นคนอย่างไรจากการกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าของคุณเองนะครับ แต่ก็ยังหวังอยู่ในใจลึกๆว่าคนที่ติดตามผลงานของผมด้วยใจจริงนั้น ยังคงให้โอกาสนับสนุน ผลงานผมต่อไปแน่นอนครับ เพราะหลายคนที่นี่ไม่มีความรู้เรื่องเทคนิคเลย ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ภูมิใจในสิ่งที่เราได้ทำมันออกมา...ผมไม่ท้อครับ ผมยังไหว..ผมให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ...ว่าสักวันมันต้องเป็นวันของเรา รบกวนขอดูได้มั้ยถ้ามีหลักฐานจริง
  2. เห็นพี่ๆๆหน้าบอดคุยกันเอามาให้อ่านครับ Carry Trade กับเสถียรภาพ ของระบบการเงินโลก คอลัมน์ มองซ้ายมองขวา โดย ณ พัฒน์ ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3874 (3074) วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านนี้ การลงทุนข้ามประเทศแบบที่เรียกว่า carry trade ได้รับความสนใจและเป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมาก ปริมาณเงินที่นำมาลงกับการลงทุนแบบนี้สูงขึ้นมากจนน่าตกใจ จนหลายๆ คนเริ่มเป็นห่วงว่า ถ้ามีเหตุที่ทำให้การลงทุนแบบนี้หยุดชะงัก หรือไหลย้อนกลับ จะทำให้เกิดเหตุวุ่นวายในตลาดการเงินโลก แบบที่เคยเกิดเมื่อปี 1998 จนทำให้กองทุนยักษ์ใหญ่แบบ LTCM ล้มครืนมาแล้ว หากพูดแบบง่ายๆ carry trade ก็คือกลยุทธ์การลงทุนโดยการ "กู้ยืม" เงินสกุลที่มีดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปลงทุนในเงินสกุลที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ผลตอบแทนที่ได้จากเงินสกุลเยนญี่ปุ่นต่ำเกือบจะเป็นศูนย์ ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐ จ่ายผลตอบแทนประมาณร้อยละห้า ถ้านักลงทุนคนหนึ่งยืมเงินสกุลเยนเป็นจำนวนสิบเท่าของเงินทุนของตัวเอง ที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 แล้วเอาไปลงทุนในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อกินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเยนกับดอลลาร์ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ระหว่างช่วงระยะเวลาการลงทุน นักลงทุนคนนี้จะได้รับกำไรจากการลงทุนร้อยละ 4.5 ของเงินที่นำไปลงทุนในสกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่าลืมว่านักลงทุนคนนี้ ลงเงินตัวเองไปแค่หนึ่งในสิบของเงินก้อนนั้น เท่ากับว่าเขาได้รับผลตอบแทนถึงร้อยละ 45 จากเงินทุนของตัวเอง ! ไม่เลวทีเดียว ยิ่งถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน นักลงทุนคนนี้คงได้ฟันกำไรสองเด้ง ทั้งจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย และจากค่าเงินที่แข็งขึ้น นักเรียนเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คงจะได้ร่ำเรียนกันมาว่า ถ้าการเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปได้อย่างเสรี และไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิต ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของเงินสองสกุล จะเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ระหว่างเงินทั้งสองสกุลที่คาดไว้ก่อนที่การลงทุนจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ระดับของอัตราดอกเบี้ยของเงินแต่ละสกุล ไม่น่าจะสำคัญ เพราะกลไกตลาดน่าจะปรับตัว จนกระทั่งส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ได้รับการทดแทนจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยในประเทศ A สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศ B ตลาดน่าจะเชื่อว่าอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ A ควรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับประเทศ B ไม่เช่นนั้นกลไกตลาดคงจะแสวงหากำไรโดยไปลงทุนในประเทศ B มากขึ้น และประเทศ A น้อยลง จนทำให้ส่วนต่างของระดับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเอง นักเศรษฐศาสตร์เรียกความเชื่อนี้ว่า uncovered interest parity (UIP) ครับ แต่อย่าลืมนะครับว่า ความสัมพันธ์ที่ว่านี้มีอยู่แค่ใน expectation terms เท่านั้น ก็คือว่าเจ้าผลต่างของอัตราดอกเบี้ย จะเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดการณ์ก่อนการลงทุนเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่า ผลต่างของอัตราดอกเบี้ยจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อการลงทุนเกิดขึ้นจริงๆ เป็นที่รู้กันดีครับว่า ถ้าเอาข้อมูลมาดูกันแล้ว เราพบว่าภายใต้ระยะเวลาการลงทุนต่ำกว่าหนึ่งปี ไม่มีความสัมพันธ์ที่ว่านี้หลังจากการลงทุน ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย นอกจากจะไม่ช่วยในการคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตแล้ว บางทียังชี้ไปในทางตรงกันข้ามกับที่ UIP อธิบายไว้อีกด้วย ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่อันหนึ่งในวงการเศรษฐศาสตร์เลยครับ มีชื่อเรียกที่รู้จักกันดีว่า forward premium puzzle ครับ กล่าวคือ ทฤษฎีทางการเงินบอกไว้ครับว่า ส่วนต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (forward rates) กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาปัจจุบัน (spot rates) จะเท่ากับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย และทฤษฎีเศรษฐศาสตร์บอกต่อไปอีกว่า อัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าน่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีในการทำนายอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต แต่พอมาดูข้อมูลเข้าจริงๆ แล้วพบว่ามันไม่ work เอาเสียเลย ไม่ว่ามันจะไม่ work เพราะอะไร เราพบว่าโดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเลือกที่จะกู้เงินจากเงินสกุลที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือเลือกที่จะลงทุนในเงินสกุลที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการทำประกันความเสี่ยง หรือการเลือกลงทุนในเงินสกุลที่มีผลตอบแทนต่ำกว่า ทั้งๆ ที่ UIP บอกเราว่ามันไม่น่าจะได้กำไร เพราะอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะปรับตัวไปเองจนทำให้ทั้งสองทางเลือกไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำอย่างนั้นจะได้กำไรตลอดไปนะครับ คงยังจำกันได้ ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในบ้านเราธนาคารและบริษัทหลายแห่งเลือกที่จะกู้เงินจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ เพียงเพราะว่าอัตราดอกเบี้ยนอกประเทศถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ซึ่งคนกู้เงินเหล่านั้นก็กำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่หลายปี...จนกระทั้งค่าเงินบาทล้มครืน ก็เจ็บกันไปอย่างที่รู้ครับ ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ครับ แต่ตอนนี้ด้วยสภาพคล่องที่ล้นตลาด อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกต่ำลงเป็นอย่างมาก อัตราดอกเบี้ยเงินสกุลเยนญี่ปุ่น เหลือเกือบจะเท่ากับศูนย์ ขบวนการค้นหาขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า และสภาพตลาดการเงินโลก ที่ดีเกินจริงติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ทำให้ carry trade ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจาก hedge fund และกองทุนแบบอื่นๆ ที่ยอมรับความเสี่ยงจากการเก็งกำไรมากขึ้น การเคลื่อนย้ายเงินทุนขนาดมหาศาลจากประเทศที่มีสภาพคล่องล้นระบบ อย่างญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ไปสู่ประเทศที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินของประเทศต้นทางอ่อนตัวลง และค่าเงินของประเทศปลายทางแข็งค่าขึ้น ยิ่งทำให้ carry trade ฟันกำไรได้มากขึ้น และทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก ประเทศเป้าหมายที่เป็นที่นิยมในการทำ carry trade ก็เช่น New Zealand (นิยมถึงขนาดที่มีการออกพันธบัตร ที่เรียกว่า Uridashi ซึ่งเป็นพันธบัตรที่ออกในประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นพันธบัตรสกุลดอลลาร์ New Zealand เรียกว่าไปบริการกันถึงที่เลย), ไอซ์แลนด์, บราซิล, สหรัฐอเมริกา, และตลาดประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมถึงประเทศไทยด้วย นักวิเคราะห์บางคนบอกว่า เจ้า carry trade มีส่วนช่วยสร้างความบิดเบี้ยวให้กับตลาด และพยุงให้ global imbalances ให้อยู่รอดต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ประเทศปลายทางของการทำ carry trade ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด โดยพื้นฐานแล้วค่าเงินของประเทศเหล่านี้ควรจะอ่อนลงเพื่อปรับดุลบัญชีเดินสะพัดให้สมดุล และประเทศต้นทางส่วนใหญ่ก็เป็นประเทศที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งไม่ต้องการให้ค่าเงินอ่อนเท่าไรนัก แต่ความนิยมของ carry trade ทำให้ค่าเงินของประเทศต้นทางอ่อนลง ในขณะที่ค่าเงินของประเทศปลายทางแข็งค่าขึ้น จนเป็นที่ปวดหัวของผู้กำหนดนโยบายประเทศเหล่านี้อย่างยิ่ง นอกจากนี้ ผู้ฝากเงินในญี่ปุ่นที่ทนรับสภาพดอกเบี้ยต่ำติดดินมานานหลายปี เริ่มเคลื่อนย้ายเงินทุนของตัวเองออกไปต่างประเทศ ผ่านทาง pension fund และ mutual fund ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ค่าเงินญี่ปุ่นอ่อนปวกเปียก และการลงทุนแบบนี้มีกำไรมากขึ้น แม้ว่าจะไม่มีใครรู้แน่ๆ ว่า carry trade มีปริมาณเยอะขนาดไหน เพราะ carry trade สามารถทำได้ในหลายรูปแบบ แต่ก็เชื่อกันว่ามีมากพอที่จะทำให้ระบบตลาดการเงินโลกระส่ำระสายได้ หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์ส่งเสริมให้เกิด carry trade เปลี่ยนไป คงยังจำกันได้ เมื่อปี 1998 หลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในเอเชีย รัฐบาลรัสเซียประกาศ default พันธบัตรของตัวเอง ทำให้เกิดการขาดสภาพคล่องในระบบการเงิน คนที่กู้เงินสกุลเยนญี่ปุ่นและนำไปลงทุนในประเทศอื่นๆ ถูกบีบให้จ่ายคืนเงินกู้ จนทำให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นกว่าร้อยละสิบในเวลาไม่กี่วัน ทำเอาคนที่ทำ yen carry trade เจ๊งกันระนาว ยิ่งทำให้สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกเหือดแห้ง จนทำเอากองทุนยักษ์ใหญ่อย่าง LTCM ล้มครืน จน Federal Reserves ต้องเข้ามาช่วยระดมกำลังแก้ไขปัญหา ก่อนจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านั้น ส่วนรอบนี้ carry trade จะอยู่ไปได้นานแค่ไหนคงต้องรอดูกันครับ มีปัจจัยหลายอย่างที่หลายๆ คนพูดกันว่าอาจจะทำให้ carry trade หยุดชะงักได้ เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยในประเทศต้นทางสูงขึ้น (เช่น ถ้ามีแรงกดดันเงินเฟ้อ จนนักลงทุนเริ่มคาดกันว่า ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ย แบบที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว) หรือถ้าค่าเงินญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นแบบรวดเร็ว จนทำให้นักลงทุนขาดทุนการทำ carry trade นอกจากหากเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในประเทศเป้าหมายของ carry trade จนทำให้นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนทัศนคติต่อความเสี่ยงในการลงทุนในประเทศเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้การเคลื่อนย้ายทุนประเภทนี้หยุดชะงักหรือไหลย้อนกลับได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ ก็น่าคิดครับ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะโลกการเงินปัจจุบัน ซึ่งกระแสโลกาภิวัตน์ ได้พานักลงทุนนานาชาติ เข้าไปตลาดการเงินภายในประเทศเกือบจะทุกประเทศทั่วโลก ถ้าทุนเหล่านี้ไหลย้อนกลับพร้อมๆ กัน คงมีคนเจ็บเยอะกว่าสมัยก่อน ที่การลงทุนกับประเทศกำลังพัฒนา ถูกจำกัดอยู่แค่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกในต่างประเทศแน่ๆ
  3. ขอบคุณคุณ MOR LEK มากครับสำหรับคำตอบเรื่องทอง แล้วไอ้ประกาศเรื่องตัวเลขการจ้างงานนี่ เขาหลอกได้มั้ยครับ ตัวเลขการจ้างงานต่างๆๆมันทับซ้อนกันได้มั้ย เพราะที่ผมดูจากขื่อการจ้างงานครั้งแรก การจ้างงานต่างๆๆ ดุจากลักาณะมันอาจซ้ำซ้อนกันได้ และเรื่องการตรวจสอบราคาทองคำนี่หน่วยงานใดตรวจสอบหรอครับเห้นมีคนบอกกำลังจาตรวจสอบ
  4. ไม่โดนหลอกครับแต่อยากรู้อะนะถ้ารู้ก็ตอบผมหน่อยจิ
  5. รบกวนสอบถามอะไรหน่อยนะครับ สหรัฐพี่ใหญ่ในโลกเศรษฐกิจของโลก บางคนมองว่าตอนนี้กำลังย่ำแย่ มาตรการต่างๆๆที่ออกมามองว่าไม่ช่วยอะไร มาตรการ QE2 ที่ออกมาทำให้เศรษฐกิจจะย่ำแย่ไปอีก ผลละครับ ดอลล่าอ่อนลงชั่วขณะ ไม่ทราบว่า ดอลอ่อนลงนี่ใครได้ประโยชน์ บางคนบอกว่าทอง ทองจาขึ้น ดอลอ่อน อยากถามครับ ในโลกนี้ประเทศไหนครับถือทองเป็นกองทุนสำรองมากที่สุด แล้วเท่าไร่ครับ ดอลอ่อน 1 ดอล ทองพรุ่งไปเท่าไร่ครับ ทำไมสหรัฐถึงไม่ขายทองคำที่เป็นกองทุนสำรองแต่กลับเลือวิธีพิมกระดาษแทนเขาโง่จริงหรอ ที่ทำแบบนี้ การซื้อขายทุกอย่างมีผุ้ซื้อและผุ้ขาย ค่าเงินดอลที่ออนลงไปใครเป็นคนเก็บจบกลับมายืนได้ถึง80ขนาดนี้ใครมีอำนาจขนาดนั้น ไม่ใช่ประเทศต่างๆๆ ที่เราๆๆคิดว่าเขาเป็นพวกเกรียดสหรัฐหรอที่เป็นคนช่วยกันเก็บ คำถามต่อไปมันจาล่มจริงหรอเศรษฐกิจสหรัฐคนที่ถือเงินสหรัฐอยู่ตอนนี้ยอมหรอครับเขาโง่ขนาดนั้นเลยหรอครับ ตัวเลขการจ้างงานบางคนบอกว่าอ่อนแอจริงหรอครับ ประชากรเขาเท่าไร่ ว่างงานเท่านี้ อ่อนเเอแล้วหรอยังไม่นับตัวเลขที่ซ้อนกันอยู่ในหลายๆๆกรณีอีกครับ มีอะไรยืนยันในเมื่อเขาใช้ตัวเลขพวกนี้ในการ เก็งกำไรในเศรษฐกิจ เขาหลอกได้มั้ยใครรับรองว่าเขาไม่หลอกครับ ในเมื่อคุณรู้ผมรู้คนอื่นรู้ เขาไม่รู้หรอ ตกลงว่าเขาหรือเรากันแน่ที่โง่ครับ แต่ที่แน่ๆๆผมอะโง่เลยต้องมาถามขอบคุณมากครับบทความดีๆๆ รบกวนตอบคำถามผมหน่อยนะครับ
  6. อยากเห็นรูบแบบของทองบ้างจัง
  7. อ.ครับ สุดยอดเลยอะดูแล้วครับ แม่นอย่างกะจับวาง
  8. boom_b-b

    The POG Daily Guessing Contest For December 2010

    เอ้า1350 ลงมาลงมาจร้า
  9. ขอบคูณจานซีมากๆๆๆๆๆๆครับ
  10. World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553 09:06:54 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปทั่วยุโรป รวมถึงสเปนและโปรตุเกส แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัตวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับไอร์แลนด์ก็ตาม อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) ที่ระบุว่า ชาวอเมริกันออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 39.51 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 11,052.49 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.64 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 1,187.76 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 9.34 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 2,525.22 จุด -- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) หลังจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ชาวอเมริกันออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่อนุมัตวงเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือไอร์แลนด์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 85.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 83.59-85.83 ดอลลาร์ -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามในยุโรป อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นไม่มากนักเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,367.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,352.60 - 1,368.20 ดอลลาร์ -- ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากวงเงินกู้ฉุกเฉินที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัตให้กับไอร์แลนด์นั้น ไม่สามารถบรรเทากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปได้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.93% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3117 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3240 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5560 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5591 ดอลลาร์สหรัฐ -- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารระอาจลุกลามไปทั่วยุโรป หลังจากต้นทุนการรับประกันพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและโปรตุเกสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าไอร์แลนด์ได้รับอนุมัตเงินกู้มูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโรจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 117.75 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 5,550.95 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,550.95 - 5,722.70 จุด
  11. โทษที่ไม่ได้มานานอะ พอดีไปต่างจังหวัดอะโทษทีนะครับ เอาข่าวมาให้อ่านอีกแววครับ ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: หวั่นปัญหาหนี้ลุกลามยุโรป ฉุดยูโรดิ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2553 07:42:10 น. ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากวงเงินกู้ฉุกเฉินที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัตให้กับไอร์แลนด์นั้น ไม่สามารถบรรเทากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปได้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.93% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3117 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3240 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5560 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5591 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.240 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 84.100 เยน แต่ร่วงลง 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0001 ฟรังค์ จากระดับ 1.0025 ฟรังค์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.32% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9613 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9644 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.56% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7458 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7500 ดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป รวมถึงสเปนและโปรตุเกส แม้ไอเอ็มเอฟและอียูอนุมัตวงเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับไอร์แลนด์ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะนักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลไอร์แลนด์จะไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟและอียูที่กำหนดให้ไอร์แลนด์ใช้มาตรการรัดเข็มขัด นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนไอร์แลนด์ รัฐบาลไอร์แลนด์ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2557 นอกจากนี้ มาตรการรัดเข็มขัดของไอร์แลนด์ยังระบุถึงการลดยอดขาดดุลงบประมาณลง 1.5 หมื่นล้านยูโร (2.0 หมื่นล้านดอลลาร์) จากปี 2554 - 2557 ด้วยการลดตัวเลขการใช้จ่ายภาคสาธารณะมูลค่า 1.0 หมื่นล้านยูโร (1.33 หมื่นล้านดอลลาร์) และขึ้นภาษีเป็นวงเงินรวม 5.0 พันล้านยูโร (6.7 พันล้านดอลลาร์) ชาฮิน วอลลี นักวิเคราะห์และนักยุทธศาสตร์การเงินจากธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลไอร์แลนด์ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์ในปัจจุบันได้ พร้อมกับระบุว่ามาตรการดังกล่าวร่างขึ้นจากมุมมองที่เป็นบวกมากเกินไปต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่า ค่าเงินยูโรจะดิ่งลงไปทดสอบระดับ 1.3232 ดอลลาร์ในระยะใกล้นี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า โปรตุเกสและสเปนอาจตามรอยกรีซและไอร์แลนด์ ด้วยการขอความช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟ คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศ ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105.3 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ 103.8 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 105 จุด นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ในปี 2553 เป็น 1.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.9% อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2554 อาจลดลงแตะที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ชิคาโกเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนต.ค.
×
×
  • สร้างใหม่...