ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

tunluck

ขาประจำ
  • จำนวนเนื้อหา

    41
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

  • วันที่ชนะ

    1

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย tunluck

  1. 2-3 วันนี้ ราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ราคาเงินเม็ดในวันที่ 07 Aug 2563 11:45 น. ขายออกบาทละ 434 บาท (กิโลกรัมละ 28470 บาท) รับซื้อบาทละ 404 บาท (กิโลกรัมละ 26502 บาท) ราคาเงินเม็ดในวันที่ 06 Aug 2563 10:40 น. ขายออกบาทละ 411 บาท (กิโลกรัมละ 26961 บาท) รับซื้อบาทละ 381 บาท (กิโลกรัมละ 24993 บาท) ราคาเงินเม็ดในวันที่ 05 Aug 2563 10:45 น. ขายออกบาทละ 393 บาท (กิโลกรัมละ 25780 บาท) รับซื้อบาทละ 363 บาท (กิโลกรัมละ 23812 บาท)
  2. ทองไปถึงไหนแล้ว เงินแทบไม่ขยับเลย เศร้า
  3. 2018 แล้ว ขายเงินทิ้งกันไปหมดยังครับ T T
  4. ขายเงิน ขายทอง ทิ้งไปกันหมดยังฮะ
  5. สรุปคือ วิกฤตสหรัฐ ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยดี จากการทำ QE ใช่ไหมคับ?
  6. บีบีซีไทย - BBC Thai 2 ชม. · ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด ของจีนซื้อเซฟเก็บทองคำในลอนดอน ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด บรรลุข้อตกลงซื้อคลังนิรภัยสำหรับเก็บรักษาทองคำแท่งในกรุงลอนดอน ส่งผลให้กลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของจีนที่เป็นเจ้าของเซฟเก็บทองคำขนาดใหญ่ในเมืองหลวงของอังกฤษ ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อประเมินจากสินทรัพย์ ได้ทำข้อตกลงซื้อเซฟเก็บทองคำจากธนาคารบาร์เคลย์ส เนื่องจากไอซีบีซี สแตนดาร์ด ต้องการขยายธุรกิจด้านโลหะมีค่าของตน ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารมีอิทธิพลมากขึ้นในการค้า การกำหนดราคา และการเก็บรักษาโลหะมีค่าต่าง ๆ อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของราคาซื้อขายครั้งนี้ และคาดว่าข้อตกลงจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ก.ค. เซฟดังกล่าวตั้งอยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่งบนทางหลวงพิเศษ M25 หรือสายวงแหวนรอบกรุงลอนดอน และสามารถใช้เก็บรักษาทองคำแท่ง เงิน ทองคำขาว และแพลเลเดียมได้ถึง 2,000 เมตริกตัน ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 1 ปี ก่อนจะเปิดทำการครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งบาร์เคลย์สทำข้อตกลงขายเซฟแห่งนี้ให้ธนาคารจีน เพราะกำลังจะเลิกทำธุรกิจด้านโลหะมีค่าตามแผนการปรับโครงสร้างธนาคารให้มีขนาดเล็กลง แม้ปัจจุบันความต้องการทองคำของจีนมีสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของความต้องการในตลาดโลก แต่ศูนย์กลางการค้าทองคำยังคงอยู่ในกรุงลอนดอน และนครนิวยอร์ก ซึ่งการค้าในตลาดทองคำแท่งลอนดอนเมื่อปีก่อนมีมูลค่าถึง 5 บีบีซีไทย - BBC Thai ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด ของจีนซื้อเซฟเก็บทองคำในลอนดอน ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด บรรลุข้อตกลงซื้อคลังนิรภัยสำหรับเก็บรักษาทองคำแท่งในกรุงลอนดอน ส่งผลให้กลายเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของจีนที่เป็นเจ้าของเซฟเก็บทองคำขนาดใหญ่ในเมืองหลวงของอังกฤษ ธนาคารไอซีบีซี สแตนดาร์ด ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อประเมินจากสินทรัพย์ ได้ทำข้อตกลงซื้อเซฟเก็บทองคำจากธนาคารบาร์เคลย์ส เนื่องจากไอซีบีซี สแตนดาร์ด ต้องการขยายธุรกิจด้านโลหะมีค่าของตน ซึ่งข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารมีอิทธิพลมากขึ้นในการค้า การกำหนดราคา และการเก็บรักษาโลหะมีค่าต่าง ๆ อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของราคาซื้อขายครั้งนี้ และคาดว่าข้อตกลงจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ก.ค. เซฟดังกล่าวตั้งอยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่งบนทางหลวงพิเศษ M25 หรือสายวงแหวนรอบกรุงลอนดอน และสามารถใช้เก็บรักษาทองคำแท่ง เงิน ทองคำขาว และแพลเลเดียมได้ถึง 2,000 เมตริกตัน ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 1 ปี ก่อนจะเปิดทำการครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งบาร์เคลย์สทำข้อตกลงขายเซฟแห่งนี้ให้ธนาคารจีน เพราะกำลังจะเลิกทำธุรกิจด้านโลหะมีค่าตามแผนการปรับโครงสร้างธนาคารให้มีขนาดเล็กลง แม้ปัจจุบันความต้องการทองคำของจีนมีสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของความต้องการในตลาดโลก แต่ศูนย์กลางการค้าทองคำยังคงอยู่ในกรุงลอนดอน และนครนิวยอร์ก ซึ่งการค้าในตลาดทองคำแท่งลอนดอนเมื่อปีก่อนมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  7. ข่าวนี้ น่าจะเป็นข่าวดีนะครับ หรือไงหว่า จีนเปิดตัวราคาทองคำสกุลเงินหยวนแล้ว! เมื่อวันที่ 19 เม.ย. จีนเปิดตัวราคามาตรฐานทองคำเป็นสกุลเงินหยวนในเซี่ยงไฮ้แล้ว เพื่อกำหนดราคาของโลหะมูลค่าสูงให้คงที่ ราคาสัญญาทองอ้างอิงเซี่ยงไฮ้ (SHAU) เป็นราคามาตรฐานสำหรับทองคำแท่ง 99.99% ที่มีน้ำหนัก 1 กก. ในสกุลเงินหยวน ตลาดแลกเปลี่ยนทองคำเซี่ยงไฮ้ (SGE) เผยว่า ราคาทองมาตรฐานดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 257.97 หยวน/กรัม อีกทั้ง ราคามาตรฐานดังกล่าวจะวางรากฐานการซื้อขายทองคำในเซี่ยงไฮ้ให้มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น โดยเป็นเครื่องมือทางการเงินในตลาดจีน อีกทั้งยังส่งเสริมให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย ธนาคาร Standard Chartered และ ธนาคาร ANZ ในจีนก็เข้าร่วมในการกำหนดราคากับตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ด้วยเช่นกัน ส่วนธนาคารอีกสิบแห่งนั้นเป็นของจีน
  8. ข่าวแบงก์ชาติสวิสฉุดค่าดอลล์ร่วง หนุนน้ำมันดิบดีดตัวเหนือ 50 ดอลล์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2558 21:31 น. สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้ จากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์ หลังมีข่าวว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25% ทั้งนี้ น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์มีการกำหนดราคาในสกุลดอลลาร์ และมักดีดตัวขึ้น หากดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้ การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ทบทวนปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมัน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดในวันนี้ ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX บวก 1.57 ดอลลาร์ แตะ 50.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ยูโรดิ่งลงถึง 30% ทะลุระดับ 1.20 ฟรังก์สวิส สู่ระดับ 0.8052 เพียงไม่กี่นาที หลังมีข่าวว่า SNB ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้ฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเมื่อเทียบยูโรและดอลลาร์ ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย ฟรังก์สวิสแข็งค่า 15% สู่ระดับ 1.02575 เมื่อเทียบยูโร ขณะที่พุ่งขึ้น 33% เมื่อเทียบดอลลาร์ ก่อนที่จะแตะระดับ 0.8779 เมื่อเทียบดอลลาร์ในเวลาต่อมา โดยดีดตัวขึ้น 14% ส่วนเยนแข็งค่าขึ้นเช่นกัน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวกแม้ว่าสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเกินคาดก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.59 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ที่ 48.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
  9. ผมว่าจะขายทอง ไปซื้อเงิน นะครับ เห็นราคาแล้ว มันน่าจริงๆ
  10. “อลัน กรีนสแปน” อดีตประธานเฟด เตือน ศก.US อาจเจอวิกฤตใหม่หลังเลิก QE ตกลงวิกฤตสหรัฐนี่เขาถือว่าผ่านพันไปแล้วเหรอครับ?
  11. น้ำมันขึ้น หุ้นสหรัฐฯลง-ทองคำพุ่งวิตกปัญหาภาคธนาคารโปรตุเกส โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2557 05:02 น. เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้ (10) ขยับขึ้นครั้งแรกในรอบหลายวัน คลายกังวลต่อความยุ่งเหยิงทางอุปทานในตะวันออกกลาง ส่วนวอลล์สตรีทปรับลง วิตกสถานการณ์ภาคธนาคารโปรตุเกส อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ผลักให้ทองคำปิดบวก หลังนักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 102.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 108.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักวิเคราะห์บอกว่าความเคลื่อนไหวในแดนลบของตลาดน้ำมัน เป็นผลจากรายงานประจำเดือนของโอเปกที่ระบุว่ากลุ่มชาติผู้ส่งออกแห่งนี้ ผลิตน้ำมันลดลง 79,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน ขณะที่กำลังผลิตในอิรักเบาบางลง เนื่องจากปัญหาความไม่สงบ กลุ่มนักรบอิสลามิสต์บุกยึดครองพื้นที่ครอบคลุมบริเวณกว้างของประเทศ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (10) ปิดลบเล็กน้อย หลังจากช่วงต้นร่วงลงอย่างหนัก จากความกังวลต่อปัญหาในภาคธนาคารของโปรตุเกส ดาวโจนส์ ลดลง 70.41 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,915.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.14 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,964.69 จุด แนสแดค ลดลง 22.83 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,396.20 จุด ความวิตกต่อผลกระทบของปัญหาในธนาคารบันโก อิสปิริโต ซานโต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลิสบอน ก่อแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดการเงินของยุโรปและลามมายังวอลล์สตรีท อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของการซื้อขาย ตลาดหุ้นสหรัฐฯก็สามารถฟื้นตัวกลับมาปิดลบในกรอบแคบๆ “แน่นอนว่าปัญหาในโปรตุเกสเป็นประเด็นสำคัญ ข่าวคราวความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระของธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ได้ก่อความผันผวนอย่างมาก” นักวิเคราะห์รายหนึ่งบอก ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (10) พุ่งขึ้นแรง หลังนักลงทุนถอยหนีจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้วหันมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 14.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,339.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  12. เป็นเรื่อง! รัสเซียจับมือจีน ประกาศ “เลิกใช้เงินดอลลาร์” ซื้อขายพลังงาน “ปูติน” ชี้ โลกหันหลังให้ US เพราะทำตัวกร่าง เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- “กาซปรอม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียประกาศยกเลิกการใช้ “เงินดอลลาร์สหรัฐฯ” ในการซื้อ-ขายพลังงานกับบริษัทของจีน เตรียมจับมือรัฐบาลปักกิ่งใช้เงินสกุล “รูเบิล” และ “เงินหยวน” แทนในตลาดพลังงาน ด้าน “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซียระบุ ทั่วโลกกำลังหันหลังให้อเมริกา เพราะ “ทำตัวกร่าง” รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงมอสโกของรัสเซียยืนยันว่า บริษัท “กาโซวายา โปรมีชเลนนอสต์” หรือชื่อย่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า “กาซปรอม” ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ซึ่งครองตำแหน่งผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศในคืนวันพฤหัสบดี (26) ยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางบัญชีอย่างสิ้นเชิง โดยจะเริ่ม “นำร่อง” ใช้วิธีการนี้กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายด้านพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซีย และเงินหยวนของจีน เป็นสื่อกลางในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติอย่างเต็มตัว อังเดร ครูกลอฟ ประธานบริหารฝ่ายการเงินของกาซปรอมออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงมอสโก โดยระบุว่า การตัดสินใจเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติครั้งนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต่างเชื่อมั่นว่า “การยุติบทบาทของเงินดอลลาร์ในตลาดพลังงาน” จะไม่ส่งผลกระทบทางลบใดๆ ต่อทั้งบริษัท รวมถึงรัฐบาลรัสเซียและจีน โดยคาดว่า การหันมาใช้เงินรูเบิลและเงินหยวนแทนนั้น จะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปี ด้าน วิกตอร์ ซุบคอฟ ประธานใหญ่ของกาซปรอมออกมาประกาศว่า การยกเลิกใช้เงินดอลลาร์อเมริกันในการซื้อขายด้านพลังงานถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมก่อตั้งกิจการเมื่อปี 1989 และคาดหวังว่า จะมีการหันไปใช้เงินตราสกุลอื่นๆ เป็นสื่อกลางในตลาดพลังงานโลกมากขึ้นในอนาคต “นี่คือข่าวที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมเปิดตัวสู่ตลาดพลังงานโลกเมื่อปี 1989 ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า การลดบทบาทของเงินดอลลาร์ ถือเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในอนาคต บทบาทของเงินตราสกุลอื่นในตลาดพลังงานมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น” วิกตอร์ ซุบคอฟ ประธานใหญ่ของกาซปรอมกล่าวต่อผู้สื่อข่าว ขณะที่ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เวลานี้สถานะและความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลกกำลัง “เสื่อมถอย” ลงอย่างมาก และการเสื่อมถอยที่ว่านี้ เป็นผลพวงโดยตรงจากการที่รัฐบาลอเมริกัน “ทำตัวกร่าง” และมีพฤติกรรมแทรกแซงประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพียงเพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง” พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจของกาซปรอมในการเลิกใช้เงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางทางบัญชีครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ “บทเรียนล้ำค่า” อีกหลายบทเรียนที่สหรัฐฯกำลังจะได้รับ และเป็นสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกกำลัง “หันหลังให้อเมริกา” ก่อนหน้านี้ รัสเซียและจีนเพิ่งบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีการลงนามเมื่อ 21 พฤษภาคม โดยตามข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจ “ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” และยังเป็นชาติที่มีการ “บริโภคพลังงาน” มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในวงเงินมหาศาลคิดเป็นเงินไทยราว “12.95 ล้านล้านบาท” โดยที่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ครอบคลุมการส่งมอบก๊าซธรรมชาติจากแดนหมีขาวสู่แดนมังกรนานถึง 30 ปีเต็ม และกาซปรอมจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (CNPC) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีนในปริมาณ “38,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี” http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?newsid=9570000072332
  13. เมื่อเช้าญาติอยู่ LA โทรมาเล่าให้ฟังว่า เดือนหน้าเขาจะไม่จ่ายเงินช่วยเหลือคนตกงานแล้ว เหตุผลที่แจ้ง คือ หมดงบ
  14. ถ้าประเทศเราไม่เหมาะกับ ปชต แล้ว ประเทศเราเหมาะกับอะไรครับ?
  15. ยอดคนตกงาน สหรัฐ ใช้นับจำนวนคนที่มาเบิกเงินช่วยเหลือตกงาน แต่เงินตรงนี้เบิกได้ แค่ 2 ปี ตกงานเกิน 2 ปี เบิกไม่ได้ เพราะงั้น คนที่ตกงานเกิน 2 ปี จึงไม่โชว์ตัวเลขเป็นคนตกงาน
  16. จริงๆไหลลงแรงแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่า อีกนานไหมกว่าจะขึ้นถึงเป้าที่เราหวังไว้ เฮ้อออออ
  17. ถือทั้งทองแท่ง ทั้งเงินเม็ด 2 ปี ได้แล้วมั้งครับ ขาดทุนตลอดทางก็ทนมาได้เรื่อยๆ แต่ราคาลงแรงแบบนี้ ขนาดถือของจริง จิตใจมันก็อดหวั่นไหวไม่ได้ (ไม่คิดว่า ขนาด เงิน กับ ทอง ที่ว่า ไม่หวือหวา ยังขาดทุนได้ที 20 กว่า%) T T
  18. ประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดโลก (The World 's Biggest Gold Reserves) (ข้อมูลจาก World Gold Council ม.ค. 2013) 1. อเมริกา 8133.5 ตัน (76.3% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 2. เยอรมัน 3391.3 ตัน (73.5% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 3. อิตาลี 2451.8 ตัน (72.8% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 4. ฝรั่งเศส 2435.4 ตัน (71.2% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 5. จีน 1054.1 ตัน (1.7% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 6. สวิสเซอร์แลนด์ 1040.1 ตัน (11% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 7. รัสเซีย 934.9 ตัน (9.8% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 8. ญี่ปุ่น 765.2 ตัน (3.3% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 9. เนเธอแลนด์ 612.5 ตัน (60.6% ของปริมาณทุนสำรองฯ) 10. อินเดีย 557.7 ตัน (10.3% ของปริมาณทุนสำรองฯ) สำหรับต้นปีนี้มีความเคลื่อนไหวจากปลายปีก่อนเล็กน้อย ที่น่าสนใจคือประเทศรัสเซียมีการสั่งซื้อทองคำมาเก็บไว้เป็นทุนสำรอง (Monetary Gold) เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เป็นที่ทราบกันว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมารัสเซียเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองมากที่สุดในโลก (มากกว่าจีนประมาณ 25%) ทั้งนี้รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบปัญหาสินเชื่อในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง (1997-1999) อย่างรุนแรง จนถึงขนาดที่ต้องนำน้ำมันดิบไปแลกกับทองคำในราคาขาดทุนมโหฬารอย่างทันทีเพื่อบรรเทาปัญหาผิดนัดชำระหนี้ (คนเกิดรุ่นเดียวกับผมน่าจะจำเหตุการณ์นี้ได้นะ) ภายหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนั้นในยุคของประธานาธิบดี Vladimir Putin เมื่อฟื้นฟูให้รัสเซียกลับมาจากความบอบช้ำทางเศรษฐกิจได้ เขาก็ดำเนินนโยบายที่เน้นการสำรองทองคำเพิ่มมาตลอด ขณะเดียวกันจากข้อมูลข้างต้น สังเกตหรือไม่ว่าประเทศจีนแม้ว่าจะมีปริมาณทองคำสำรองมากเป็นอันดับที่ห้าของโลก แต่หากเทียบเป็นอัตราส่วนของปริมาณทุนสำรองฯ แล้วจะดูน้อยมากคือเป็นเพียง 1.7% เท่านั้น!!! สาเหตุที่ปริมาณทองคำเทียบเป็นอัตราส่วนทุนสำรองฯ น้อยขนาดนี้ มี 2 สาเหตุหลัก คือ 1) ปริมาณทุนสำรองฯ ของจีนมีมหาศาลเลยเทียบสัมพัทธ์แล้วดูน้อย 2) การที่จีนถือหาง US Dollar ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ผ่านพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐนั้น เอื้อต่อการเติบโตและเข้ากับยุทธศาสตร์ที่จีนกำหนดไว้ อย่างไรก็ตามความไม่สมดุลดังกล่าว รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลกที่ดูเหมือนจะยังไม่มีเสถียรภาพ (แข่งกัน QE เพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง) ทำให้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศหลายคนวิเคราะห์ว่าจีนจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณทองคำสำรองให้มากกว่าปัจจุบันอีกประมาณ 5 เท่า (เพิ่มปริมาณทองคำสำรองเป็นประมาณ 6000 ตัน) แต่ทว่าดูเหมือนจีนจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจจากคำเตือนนั้นนัก เพราะการทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำร้ายเงินในกระเป๋าตัวเองเช่นกัน (เพราะปริมาณเงินทุนสำรองฯ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ) และหรืออาจจะมองอีกมุมได้ว่า ... ไม่ใช่ไม่อยากซื้อ แต่หากจีนจะพยายามสำรองทองคำเพิ่มเพื่อปกป้องความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์ พวกเขาจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 8 ปีในการค่อยๆ สะสมทองคำให้ได้ตามเป้า แม้ว่า "ทองคำ" จะเป็นสินทรัพย์ที่ผมไม่ใคร่สนับสนุนให้ใครซื้อเพื่อการลงทุน (เพราะมันไม่มี Intrinsic Value) แต่หากสินทรัพย์ที่ลงทุนในตลาดหลัก และสินทรัพย์ลงทุนทางเลือก มีมูลค่าสูงเกินความเป็นจริงมากๆ "ทองคำ" น่าจะถูกใช้ประโยชน์เป็นเครื่องมือในการกระจาย (Diversify) และบริหารความเสี่ยงมากที่สุดตัวหนึ่งครับ เมื่อสามปีก่อนมีเพื่อนนักลงทุนท่านหนึ่งมาแลกเปลี่ยนกับผมว่าเขาควรซื้อทองคำหรือไม่? ผมเสนอให้เขาจัดสรรเงินก้อนนั้นมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แทน เพราะถ้าหากสมมติฐานเรื่องมูลค่าของเงินด้อยลงถูกใช้เป็นเหตุผลในการซื้อทองคำ จากบริบทกลไกการด้อยค่าของเงินตามสมมติฐานที่เขากล่าวมาเราจะอนุมานได้ว่ามูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ (ที่เป็นที่ต้องการของตลาด) จะต้องพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แต่อสังหาริมทรัพย์สามารถใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ OPM การสนับสนุนทางด้านภาษีจากรัฐบาล และแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำระยะยาว หากคำนวณผลตอบแทนเป็น IRR จะพบว่าอสังหาริมทรัพย์มีความน่าสนใจกว่ามากมาย ไม่นับข้อดีอื่นๆ เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่สามารถใช้ทักษะความรู้ที่เหนือกว่าในการเอาชนะตลาดได้ ในขณะที่ราคาทองคำจะถูกกำหนดโดยนายตลาดและยากที่จะทำนายได้อย่างแม่นยำผ่านแบบจำลองต่างๆ เพราะมีสถานการณ์ที่สัมพันธ์กับราคาทองคำมากมาย โชคดีที่เราแลกเปลี่ยนประเด็นนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน เพราะหากเพื่อนนักลงทุนท่านเดิมมาแลกเปลี่ยนกับผมด้วยคำถามเดียวกันในวันนี้ จากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังร้อนแรงมาก ผมคงตอบคำถามนี้ยากทีเดียวว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าซื้อหรือเปล่า The Hekonomist ****************************************************************************************** Ran Pravithana ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ทองไม่มี intrinsic value ครับ ผมมองว่าทองนี่แหละ ที่มี intrinsic value มากที่สุดเมื่อเทียบกับ currency อื่นๆ ที่พิมพ์กันมั่วซั่ว ทองถูกใช้ในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาหลายพันปี ก่อนที่โลกนี่จะวิปริตเอาแบงค์กระดาษมาเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนแทน ถึงวันหนึ่งที่ธนบัตรไร้ค่าท่วมโลก เมื่อนั้นคนจะต้องกลับมาหาสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่คัดสรรโดยธรรมชาตินั่นคือทองคำ และเมื่อนั้นราคาของทองคำเมื่อเทียบกับแบงค์กระดาษก็จะเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ 9 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 6 Ran Pravithana และผมคิดว่ายุทธศาสตร์ของจีนในระยะยาวจะไม่เก็บทุนสำรองเป็น us แน่ๆ ครับ ดูจากการสะสมทองคำ รวมถึงการหาช่องทางการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การซื้อพันธบัตรสหรัฐ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เมื่อจีนพร้อม จีนจะถีบส่งอเมริกาและดันหยวนขึ้นเป็นทุนสำรองโลกแทนแน่นอน 9 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 9 Ran Pravithana ปากจีนก็พูดเชียร์ dollar ครับ แต่ภาคปฏิบัติจริงๆ จีนสะสมทองคำต่อเนื่อง วางแผนระยะยาวที่จะโค่น dollar ลงแบบเนียนๆ ผมว่าลึกๆ จีนก็กลัวจะเจ๊งแบบญี่ปุ่นตอนที่โดน plaza accord หักคอ ทำเอาทุนสำรองประเทศลดฮวบไปครึ่งนึง เพราะ us dollar ถูกแทรกแซงให้อ่อนค่า หลังจากนั้นญี่ปุ่นไม่ฟื้นอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ 9 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 6 Ran Pravithana ผมว่าหยวนจะบินอิสระได้ก็ต่อเมื่อจีนลดการพึ่งพาการส่งออกได้ครับ ถ้าการบริโภคในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนจีนได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นหยวนน่าจะหยุด peg กับ dollar และน่าจะโบยบินได้ทันที ซึ่งนโยบาย urbanization ของจีนที่กระจายสาธารณูปโภคไปยังเมืองต่างๆ และเร่งการบริโภคในประเทศนี่แหละครับ จะเป็นอาวุธเด็ดของจีนในระยะยาว ถ้าจีนสร้างเองใช้เองได้เมื่อไหร่ อเมริกาจะหมดความสำคัญสำหรับจีนในทันที ซึ่งผมว่า urbanization ของจีน ไม่น่าจะเกิน 5-10 ปีน่าจะเป็นรูปเป็นร่างครับ 9 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 6 Ran Pravithana ทุกวันนี้จีนมี dollar ท่วม reserve เหตุหนึ่งก็เกิดจากการแทรกแซงเพื่อ peg ค่าเงิน ถ้าหยวนไม่ peg กับ dollar จีนก็จะลดการสะสม dollar เป็น reserve ได้อีกทาง ช่วงเวลานั้นอาจจะเกิด petroyuen แทน petrodollar ก็ได้ครับ และถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ เงิน dollar ทั่วโลกจะไหลบ่ากลับอเมริกา ผมคิดว่าเมื่อนั้นเตรียมรออเมริกาเปิดสงครามโลกได้เลย ^^" 9 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ · 6 http://www.facebook.com/photo.php?fbid=222012754605157&set=a.187322068074226.46535.187186628087770&type=1&theater **************************************************************************************************** อ่านแล้วเหมือนว่า ศึกนี้คงยืดเยื้อยาวนานหลายปี ไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน หรือ ไม่กี่ปี > <
  19. คนไข้คนนี้ ผ่าก็ไม่ยอมผ่า รักษาก็ไม่ยอมรักษา เอาแต่ซัด พาราเข้าไปเรื่อยๆ นับวันก็ยิ่งเพิ่มยาแก้ปวดเข้าไปมากขึ้นๆ ร่างกายทนไม่ไหวเมื่อไหร่ สงสัยจะหมดทางเยียวยา
  20. ถึงจะห่อเหี่ยวเพราะราคาลดฮวบๆ แต่ ลงแค่ไหนก็ไม่ขาย(ทองแท่ง) ถ้าวิกฤตสหรัฐ ยังไม่คลี่คลายจริงๆ ครับ
  21. ก่อนซึนามิ จะมา น้ำทะเลจะลงเยอะและลงเร็วมาก (แต่ผมก็ยืนยันไม่ได้นะว่า น้ำทะเลลงทุกครั้งจะมีซึนามิตามมาอะ แหะๆ)
  22. เห็นกินเงิน แล้วดูเหมือนกินตะกั่ว เลยแฮะ ดูน่ากัวพิลึก
  23. "จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ" อันนี้ต้องระวังการดูตัวเลขให้ดีๆ เพราะเขาให้คนตกงานรับเงินได้ประมาณ 2 ปี ไอ่ที่ว่าลดลง อาจไม่ใช่เพราะได้งานแล้ว แต่เป็นเพราะตกงานเกิน 2 ปีแล้วก็ได้
×
×
  • สร้างใหม่...