boyles

ครบรอบสี่ปีล่ะครับ ผ่านไปเร็วจริง ที่ผมได้มาวิเคราะห์ใน Thaigold คงได้กำไรกันมาตลอดนะครับ ก็ขอบคุณที่ติดตามผมมาตลอดนะครับ หลังจากนี้คงไม่ได้มาอัพเดทล่ะครับ เพราะงานเยอะ ยังไงถ้าติดตามผมก็ติดตามได้ใน www.facebook.com/bigmoveclub เนื้อหาจะเป็นเนื้อหาเทรดทั่วไป ไม่ได้วิเคราะห์ทองอะไรมากมายครับ แต่ถ้าถามเรื่องทองจะขึ้น จะลง ผมคงไม่มีเวลาตอบได้ตลอดครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ คงต้องจบมู้ไว้เพียงเท่านี้ Boyles Bigmove Club

พยากรณ์ทอง เพื่อบอกเวลาเล่นสั้น ว่ากี่โมงทองจะขึ้น จะลงช่วงเวลาไหน We are Testing Time Prediction for GOLD. Predict time to Trade Gold for day trader or Swing trader.

ผมเคยบอกไปแล้วครับ ให้เก็บทองช่วง วันที่ 29 ธค ช่วงทอง 18200 ตอนนี้ ทองจบรอบแล้วครับที่ประมาณ 20,000 กำไรกัน 1800 บาท น่าจะได้กำไรกัน

ผมไม่ได้เข้ามาเลย แนะนำในช่วง 1-2 อาทิตย์นี้ให้ขายทองทิ้งครับ ทองยังไงก็ยังไม่ใช่ขาขึ้นครับ ที่คำนวณไว้คือทองจะ peak ราวๆวันที่ 8-9 กุมภาหรืออย่างช้าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ แต่ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาทองจะไม่ได้เป็นเทรนขึ้นอีกต่อไป

ทอง น่าจะอยู่ในช่วง Sideway up คิดว่าทองน่าจะวิ่งจริงๆ หลังตรุษจีนมากกว่าครับ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์คอร์สทองนะครับ คอร์สเทรด ทองคำแท่ง และ Gold Spot รุ่น 24 (คอร์สนี้เป็นคอร์สแรกที่ผมปรับเนื้อหาใหม่สำหรับมือใหม่สำหรับการเริ่มต้นดูกราฟ) เรียนการเทรดทอง spot ทองแท่ง ทองแท่ง Online และ GF (Gold Future) สำหรับมือใหม่จนถึง ระดับ Advance (สอนตั้งแต่พื้นฐาน การลงโปรแกรม การใช้ software ดูกราฟทอง) การเรียน การสอนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ทฤษฎี + ปฎิบัติจริง 1. ภาคทฤษฎี 4 วัน 27 28 กุมภา 5 6 มีนา 2559 2. การฝึกเทรดจริง สิ้นสุดคอร์ 31 สิงหาคม 3. ได้รับ Report การพยากรณ์ทองล่วงหน้าขึ้น ลง ในปี 2559 4. Free สัญญาณ ซื้อขายทองจนถึง 31 สิงหาคม 2559 สนใจติดต่อ boy_09@hotmail.com, 086-997-5080, Line: boyles รายละเอียดเพิ่มเติม: http://www.bigmoveclub.com/gold-course/

แจ้งเตือนสัญญาณในทอง Bigmove Group พัฒนาส่วนการส่งสัญญาณ สำหรับคนไม่มีเวลาเฝ้าทอง ปล. เรายังคาดทองเดือนนี้ตามแผนที่บอกไปเดือนที่แล้ว ทองจะไม่วิ่งแรง เราจะยังอยู่ใน Sideway ในทองในเดือน มกรา

ทองสามารถพยากรณ์ได้ ความแม่นยำระดับสูง คำถาม: ทองทำ Bottom ไปหรือยัง Boyles Bigmove Club: ส่วนตัว คิดว่ายังมี Low อีกในปี 2016 ขาลงในทองยังไม่น่าจบ --- คำถาม: ทองต้นปีคิดว่าเป็นอย่างไร Boyles Bigmove Club: คิดว่าทองจะขึ้นตามฤดูกาลของมัน --- คำถาม: พยากรณ์ในทองจะใช้ได้ดีที่สุดเมื่อไหร่ Boyles Bigmove: ใช้ได้ดีที่สุด เมื่อวิเคราะห์ร่วมกับการทำธุรกรรมในตลาด Comex และพื้นฐานทองและDollar --- ตัวอย่างการใช้พยากรณ์ใน Course Future ล่าสุด Boyles Bigmove Club 6 มกรา 2559 ที่มา www.facebook.com/bigmoveclub

ในช่วงนี้ น่าจะเริ่มมองหาจังหวะเก็บทองกันได้นะครับ แต่อย่าเพิ่งคาดหวังว่าทองจะวิ่งขึ้นแรงๆ ทองน่าจะยังมีโอกาส Sideway อีกสัก 2-3 อาทิตย์

สำหรับคนเล่นทอง รู้ไว้สักหน่อย http://big-move-club.../2015/12/6.html 6 ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ทองขึ้นลง สำหรับทอง เป็นสินค้าที่มีความซํบซ้อนมากที่สุด สินค้าส่วนใหญ่จะเคลื่อนตัวตามข้อมูลพื้นฐาน นั่นทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เลือกที่จะวิเคราะห์ทองโดยใช้เทคนิคล้วน หรือข้อมูลพื้นฐานที่ไม่เยอะนัก เราเคยเข้าใจว่าทองจะขึ้นตาม หนี้อเมริกาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ย แต่ในปี 2013-2014 ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะในขณะที่อเมริกายังก่อหนี้ ทองกลับลงแรงมากเช่นกัน ในอีกฝั่งก็มองว่า ทองไม่สามารถให้รายได้ หรือปันผลเหมือนหุ้น แถมยังมีต้นทุนในการถืออีก แต่เราก็ยังคิดว่าความคิดนี้ ก็ไม่ค่อยฉลาดนัก เพราะในช่วงเงินเฟ้อ หรือช่วงเศรษฐกิจถดถอย ทองให้ผลตอบแทน (capital gain) มากกว่าหุ้นหลายเท่านัก ราคาทองมีความสัมพันธ์ กับเศรษฐกิจโลกที่ไม่รวม US vs การเติบโตของ GDP US และการคาดหวังของดอกเบี้ยในเมกา นั่นคือถ้าเศรษฐฏิจเมกาหรือค่าเงิน US มีความอ่อนแอมากเท่าไหร่ ทองและ silver จะยิ่งถีบตัวสูงมากขึ้นเท่านั้น เราจึงสรุป 6 เหตุผลพื้นฐานที่เราให้ทองขึ้นหรือลงออกมาดังนี้ 1. ทองและ silver วิ่งตามกันกับสินค้า commodities ตัวอื่น และการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ไม่นับรวมอเมริกา (non-US)ด้วยเหตุผลสองประการ 1.1 ต้นทุนในการทำทองสูง (Gold dredging, gold ore mining) 1.2 ปัจจัยจากความต้องการในตลาดจีน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน และทองแดง มีความสัมพันธ์กันตามภาพ ในช่วงปี 2013-2014 ราคาทองแดง และราคาน้ำมันถูกกดดันจาก การเติบโตที่ช้าลงจากภาพอสังหาที่จีน อัตราดอกเบี้ยที่แพง และการไม่อนุญาตให้ซื้อบ้านหลังที่สอง ช่วยทำให้ลดความร้อนแรงของภาคอสังหาไป รวมถึงราคาน้ำมันที่ลงจาก ภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากอเมริกา และการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ นั่นทำให้ทองได้รับผลกระทบตามมาเช่นกัน ราคาสินค้า Commodity และราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลในทางลบกับทอง 2. ราคาทอง และ Silver มีความสัมพันะ์กับ Global money suplly และเงินเฟ้อ ผลตอบแทนทองดีมาก จนกระทั่งปี 2011 ช่วงที่มีการเพิ่มเงินเข้าในตลาดโลก รวมถึงภาวะเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่ Emerging market M2 คือ http://www.investope.../terms/m/m2.asp อัตราเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่ สินค้าราคาอาหารและน้ำมันสูงขึ้น นั่นทำให้เงินเฟ้อในประเทศเกิดใหม่จะมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วในช่วงปี 1998-2012 และเช่นกัน 2008-2009 ในช่วง crisis เงินเฟ้อลดลดก็ทำให้ทองและเงิน ราคาลงเช่นกัน ต่อไปมาดูความสัมพัพธ์ของเงินเฟ่้อในอเมริกาและทอง เงินเฟ้อในอเมริกาก็ยังเป็นปัจจัยหลักต่อราคาทองเช่นกัน ในช่วงปี 2013-2014 จีนมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น นโยบายการเงินที่เข้มงวดไม่ว่าจะเกิดที่จีน หรืออเมริกา ล้วนแล้วแต่เป็นผลลบต่อทอง เราเชื่อว่า เงินเฟ้อในอเมริกาจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป จนกว่า ค่าจ้างในอเมริกาจะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐฏิจอเมริกา และผลตอบแทนในระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น เช่น การกู้ซื้อบ้าน เราเห็นด้วยที่ Fed member กล่าวไว้ว่า เงินเฟ้อในอเมริกาจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% (fed fund target) ยาวนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อีก 3. ราคาทองและ silver จะน่าดึงดูด เมื่อเศรษฐกิจ Non-Us ดูดีกว่าเมื่อเทียบกับ US ทองมักจะขึ้นควบคู่ไปกับ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ และยุโรป และทองมักจะวิ่งคู่ไปกับค่าเงินยูโรเช่นกัน ปัจจุัยข้อที่สามเป็นปัจจัยที่สำคัญ ในช่วงปี 2008 ที่เกิดวิกฤต Fed พิมพ์เงินเพื่อแก้ปัญหา ในช่วงปี 2009-2011 emerging market ยังคงเติบโต ในขณะที่อเมริกามีปัญหาจากราคาน้ำมันที่แพง และตลาดบ้านที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอเมริกา เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดในปลายยุค 1970 ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในอเมริกาใต้ และยุโรป ดีอย่างชัดเจน เศรษฐกิจโลกเติบโต ทำให้น้ำมันแพงขึ้น และอเมริกาขาดดุลการค้า สิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อทอง ในขณะเดียวกัน ในช่วงปี 2011 การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในจีน ทำให้จีนยากต่อการการแข่งขัน เงินส่วนเกินจากดุลการค้าเริ่มอ่อนแอ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในจีนนำไปสู่การ Peak ของทองในปี 2011 และในช่วงปี 2012 เศรษฐกิจอเมริกาก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งกว่า นั่นส่งผลด้านลบต่อราคาทอง การลงทุน และภาคอสังหาที่แข็งแกร่งในอเมริกา มีแนวโน้มที่จะส่งผลลบต่อทอง เพราะความคาดหวังในเรื่องดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และนี้คือเหตุผลที่ราคาทองต่ำมากในช่วงปี 1999-2000 ดังนั้นนี้คือเหตุผลที่ว่า การเพิ่มของหนี้ในอเมริกา เบื้องต้นเลยส่งผลแย่ต่อราคาทอง เพราะสิ่งเหล่านี้ ทำให้ GDP US เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความคาดหวังดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ หนี้อเมริกาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับราคาทองเลย เหมือนในช่วงปี 1982-2000 US public debt หนี้สาธารณอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่ทองกับไม่ได้ขึ้นเลย 4. ราคาทองมีความสัมพันธ์กับธนาคารกลาง หลาย 10 ปีหลัง ธนาคารกลางในยุโรป และ Emerging market เชื่อในการซื้อ US tresasuries หรือทองมากขึ้น เหตุผลคือ ประเทศเหล่านี้ มีแนวโน้มที่ค่าจ้างจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับอเมริกา ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าเงิน Europe or EM มีความเสี่ยงจะอ่อนค่า ดังนั้น การถือ US tresuries หรือทอง ทำให้ได้ประโยชน์สองต่อ ในขณะที่เงินเฟ้อ ธนาคารยังได้ประโยชน์จากการถือครอง US tresuries หรือทอง าจ้างที่เพิ่มขึ้นทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าเงิน Europe or EM มีความเสี่ยงจะลดมูลค่า หลังจากที่อเมริกาประกาศลอยตัวค่าเงิน us กับทอง ราคาทองก็เริ่มตกในช่วงทศวรรษที่ 1990 ตามภาพธนาคารทั่วโลกเริ่มขายทองมากขึ้น จากนโนบายของ IMF ที่ให้ธนาคารขายทอง และประเทศอย่าง UK และ Switzerland ก็ทำตาม ในช่วงปี 2010-2012 ธนาคารกลางของประเทศ Emerging market ได้เพิ่มการถือครองทอง โดยจีนถือครอง 1.7% ของเงินสำรอง ตามมาด้วย india 10% บราซิล 0.5% ในขณะที่ ประเทศทางตะวันตกยังทำตามนโยบาย IMF คือไม่ซื้อทองอีกต่อไป ในปี 2014 ธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วมีนโยบายในการลดค่าเงินตัวเอง ทั้ง ECB, SNB, BOJ, BOE เหมือนจะมีแค่ FED ที่พยายามจะขึ้นดอกเบี้ย สิ่งเหล่านี้ทำให้ค่าเงิน US แข็งค่า และทำให้ทองอ่อนค่าลง 5. ทองและ silver สูงขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยของอเมริกาตกลง ในปัจจุบัน เงินทุนของอเมริกา ยังเป็นส่วนสำคัญต่อการขึ้นลงในตลาดโลก ดังนั้นเมื่อพันธบัตรอเมริกาให้ผลตอบแทนที่ดี ราคาทองก็จะตก แต่ก็จะมีบางสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในอเมริกาสูงขึ้น ทองก็สามารถวิ่งขึ้นได้เช่นกันคือ 5.1 โดยปัจจัยการเติบโตของเศรษฐฏิจโลก และราคาสินค้า Commodities สูงขึ้น อย่างเช่นในปี 2005-2007 5.2 และปัจจัยอย่างในปี 1977-1980 ที่เงินเฟ้อปรับตัวเร็วมากกว่าอัตราดอกเบี้ยมากๆ ทองจะราคาลงเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี เพราะนั่นคือโอกาสของ Fed Funds target ที่จะปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นมามากแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่ออัตราการจ้างงานของอเมริกาเพิ่มขึ้น ทองและโลหะเงินก็มักจะปรับตัวลง ค่าจ้าง(Wage) คือปัจจัยที่สำคัญต่ออัตราดอกเบี้ย และราคาทอง ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 เงินเฟ้อสูงขึ้นมหาศาล ทำให้ ค่าข้างเพิ่มสูงขึ้น และน้ำมันก็ถีบตัวสูงขึ้น ทองวิ่งขึ้นพร้อมกับค่าจ้างและราคาน้ำมัน ทำให้ Fed ในขณะนั้น Volcker ตัดสินใจที่จะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อที่จะหยุดค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้น และหยุดราคาน้ำมันและรายได้ของประเทศเกิดใหม่ให้ลดลง (ดอกเบี้ยแพงส่งผลต่อการลงทุนในต่างประเทศ) เศรษฐกิจโลกเริ่มสะดุด และท้ายที่สุด Fed สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้อีกครั้ง และตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้น ดังนั้นเราสามารถบอกได้ว่า FED ทำลายราคาทอง ดังนั้น เมื่อค่าจ้างสูง ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ทองมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และในทางกลับกันค่าจ้างต่ำ เงินเฟ้อลดลง กำไรบริษัทอเมริกาสูงขึ้น เศรษฐกิจอเมริกาดีขึ้น ทองมีโอกาสปรับตัวลง 6. ทองและ โลหะเงินขึ้นตาม demand supply เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในจีนและอินเดีย ทำให้เกิดความต้องการซื้อทองและโลหะเงิน อินเดียวมีอัตราการเก็บเงินอยู่ที่ 20% และทองก็เป็นส่วนนึงของเงินออม แต่โลหะเงินจะถูกใช้ในอุตสาหกรรมมากกว่า ดังนั้นความต้องซื้อโหละเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะมีมากกว่าทอง ราคาโลหะเงินจะสะท้อน demand supply จริงๆมากกว่าทอง จากประวัติศาสตร์ ในช่วงศตวรรษที่ 19 ยุคตื่นทองในแคริฟอเนีย ทำให้ทองในยุค 19 ราคาต่ำลง เมื่อเทียบกับโลหะทองที่ใช่ในอุตสาหรกรรมด้วย ที่มีราคาสูงขึ้น ดังนั้น ธนาคารกลางหลายประเทศเปลี่ยนจากการสำรองทองและโลหะเงิน เป็นสำรองทองอย่างเดียว จนเป็นที่มาของ Gold standard สินค้า Commodities หลายตัวโดยเฉพาน้ำมัน ราคาจะสะท้อนอย่างมากเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของแหล่งผลิตน้ำมัน แต่สำหรับทองแล้ว เหมืองต่างๆ ไม่ได้ส่งผลต่อราคาทองมากมายเหมือน Commodities ตัวอื่นๆ http://big-move-club.blogspot.com/2015/12/6.html ที่มา http://snbchf.com/go...-silver-prices/ Boyles Bigmove Club เรียบเรียง

มาล่ะครับ ไปเชียงใหม่มา 3 เดือน ขออัพเดทนิดนึงก่อน

หลังจาก post ใน ThaiGold มานาน ขอแนะนำประวัติผมให้หลายๆท่านได้รู้จักครับ อนุสรณ์เตือนสติของการทำเงินล้านใน 1 เดือน และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ทำ และคงไม่มีอีกแล้วเพราะอะไร ลองติดตามดูครับ และการผจญภัยของผม และบทเรียนและประสบการณ์ทั้งดี และแย่ น่าจะเกิดประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคน ติดตามได้ที่ www.facebook.com/bigmoveclub (http://www.bigmovecl...odities-course/ - คอร์สล่าสุดถ้าสนใจ add line: Boyles หรือโทรมาคุยได้ครับ)

-

ทองจะขึ้นหรือลงต่อ??? วันนี้ขอเขียนสิ่งที่ทำให้ทองวิ่งขึ้นลงในตลาดจากเหตุผลทางด้านพื้นฐาน + ความคิดเห็นส่วนตัว ลองใช้วิจารญาณอีกครั้ง ทองขึ้นด้วยเหตุผลอะไรบ้าง 1. ขึ้นเพราะสงคราม เหตุผลแรก 2. demand vs supply (simple มากๆ เลยในการขึ้นลงของสินค้า) 3. คือเรื่องเงินเฟ้อ 1. สงคราม - ปัญหาคือ เราคิดว่าสงครามจะยาวนานขนาดไหน นั้นคือคำถามแรก คิดว่าสงครามเกาหลีจะยืดเยื้อไหมครับ หรือคิดว่าจะยาวนานขนาดไหน ถ้าเรากำลังเก็งกำไรทองขึ้นช่วงนี้ ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน โดยส่วนตัวผมไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะแค่ช่วงสั้นๆ เรื่องของรัสเซียน่ากลัวกว่า เพราะเป็นเรื่องของโครงสร้างนโนบาย และรรบบความคิดของนักปกครองที่เกี่ยวกับสงครามด้วย ดังนั้น ถ้ามีข่าวการรบการที่รัสเซีย ทำคิดว่าทองอาจขึ้นเป็นเดือนได้เลย แต่ถ้าเกาหลีผมว่าไม่น่านานมาก นอกจากจับผลัด จับถู ลุกลามบานปลายอีกเรื่อง น้ำหนักตอนนี้คิดว่าน่าจะมีผลระยะสั้น ดังนั้นผมคิดว่าน่าจะขายเมื่อมีจังหวะจากเรื่องราวสั้นๆนี้ ส่วนใครคิดว่าจะยืดเยื้อก็สามารถเก็งต่อไปได้ครับ แล้วแต่มุมมอง เหตุผลที่สอง Demand Vs Supply ดังนั้น ค่าเงินที่อ่อนมหาศาลทั่วโลก ทำให้สินทรัพย์ Commodities ทั้งหมดรวมถึงทอง เราจะรู้สึกว่าซื้อแพง ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ส่งผลต่อ demand มากๆ ทำไมคนถึงซื้อทองน้อยลง เพราะทองมันแพงขึ้นเยอะมากจาก การอ่อนค่าเงินมหาศาลทั่วโลก ในขณะที่บ้านเราซื้อทอง 19500 คนที่อยูที่ทางฝั่งยูโรอยากจะซื้อทองมั้ง อาจจะรู้สึกเหมือนซื้อทองที่ราคา 21500 โน้นเลย และในสภาวะที่เงินฝืดทั่วโลกแบบนี้ ให้คนเลือกซื้อทองแพง กับซื้อข้าวกินก่อน คนจะเลือกอันไหน สภาวะเงินฝืดยิ่งกระตุ้นให้ demand น้อยลงไปอีก ในสภาวะเงินฝืดใช่ครับ แต่สภาวะเงินเฟ้อซื้อแพงได้ เงินล้นระบบ คนไม่รู้เอาเงินไปทำไรก็มาเก็งกำไร เหมือนหุ้นครับ เงินฝืดต้องรอของถูก เงินเฟ้อซื้อแพงได้ การเก็งกำไรมักเกิดในช่วงเงินเฟ้อครับ ดังนั้นการเก็งกำไรทองแรงๆจึงไม่น่าจะเกิดช่วงนี้ สภาวะเศรษญกิจโลกฝิดแบบนี้ครับ ในสภาวะเงินฝืด และค่าเงินอ่อนแบบนี้ ไม่สามารถสร้าง demand ที่แข็งแกร่งจริงๆให้ทองได้ในระยะยาวครับ 3. เงินเฟ้อ เป็นปัจจัยหลักเหมือนกัน แต่น้ำมันไม่ใช่ทั้งหมดของเงินเฟ้อ ต้องมาดูหมวดสินค้าอุปโภคด้วย ราคาสินค้า Commodiites ทั่วโลกยังโดนขาย หลายตัวยังไม่กลับตัว CRB index ภาพรวมยังเป็นขาลง เงินเฟ้อหลักๆจะขึ้นได้จาก GDP WAGE คือเงินเข้าระบบจะเข้ามาจาก GDP การค้าขายที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะส่งออก คน รัฐจับจ่ายใช้สอยเยอะขึ้น และ WAGE คือคนได้รับค่าจ้างมากขึ้น เงินก็จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น อยากบ้านเรา ไม่มีท่าทีทั้ง 2 ตัวนี้เลย ดูแล้วคงฝืดอีกระยะ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อทองแน่ แต่ๆๆๆ เราต้องมาดูตลาดโลกด้วย GDP ทั่วโลกจากการคาดการณ์ของ World bank จะดีขึ้นในปีหน้า และปีต่อๆไป ผมใช้คำว่าดีขึ้น แต่ไม่ได้ดีมาก แค่ดีขึ้นนิดนึง ดีขึ้นแบบช้าๆ และจะเริ่มดีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ในช่วงแรกประเทศส่งออกจะ suffer สักนิด ประมาณว่ากรูส่งออกไม่ได้อะ ตรูจะเอาเงินจากไหน และค่าจ้างในช่วง recover ฟื้นตัว WAGE จะไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นภาพรวมเงินเฟ้อไม่รู้ bottom ตรงไหนแต่ถ้าให้สรุป 1. GDP WAGE ดูกำลังค่อยๆฟื้นตัว ถึงทองจะทำ Bottom ทองก็จะไม่วิ่งแรงจนเกินไป เงินเฟ้อจะไม่รุนแรง แต่กลับตัวได้ก็บุญแล้ว ประมาณนั้น 2. CRB index (commodities index เช่นน้ำมัน สินค้าอุปโภค) ยังเป็นขาลงอยู่ โดยเฉพาะน้ำมันจะกดดันเงินเฟ้อต่อไป ดังนั้นภาพรวมทอง 3 ข้อที่ผมวิเคราะห์ไป พูดง่ายๆ ขึ้นไปขายไปเถอะ ทองยังไม่น่าจะกลับเทรนง่ายๆหรอก Boyles Bigmove Club

หลังจากให้เก็บช่วงต้นเดือน ช่วงนี้แนะนำให้เริ่มขายได้แล้วนะครับ เดือนหน้าระวังทองเจอแรงขายต่อ สั้นๆสรุปง่ายๆ ไม่ต้องดูกราฟ ช่วงนี้น่าจะ Sideway ที่แนวต้าน 1128 หรือ 1145 ระวังแรงขายในช่วงต้นเดือนกันยาต่อไป

มาอัพเดทนิดนึงนะครับ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คาดทองจะ Sideway ในช่วงนี้ไปจนถึงประมาณกลางเดือนสิงหา ช่วงนี้ให้เริ่มมองหาจังหวะเก็บทองแท่งกันนะครับ แต่สำหรับคนเล่นทองแท่ง online หรือ leverage ให้ดูเทคนิคประกอบด้วยสำหรับสัญญาณซื้อ คาดจะมาในช่วงกลางเดือนสิงหา ไปล่ะครับ เฮงๆครับ