-
จำนวนเนื้อหา
1,067 -
เข้าร่วม
-
เข้ามาล่าสุด
-
วันที่ชนะ
2
วันที่ Harnsin ชนะครั้งล่าสุด มกราคม 16 2012
Harnsin ได้รับการถูกใจในเนื้อหามากที่สุด
คะแนนนิยม
362 ดีขั้นเทพเกี่ยวกับ Harnsin
-
คะแนนนิยม
ผมชื่อ ห่าน ก้าบบ
Profile Information
-
เพศ
ไม่บอก
-
ที่อยู่
ประเทศไทย
-
จริงๆหากคืนนี้มันลงอยากให้เป้ารับเป้าแรกอยู่ที่บริเวณ 1683 นะครับ เพราะเนื่องจากมันลากขึ้นมายาว หากมันลงก็คงต้องมี Range ให้มันวิ่งสักหน่อยครับ รับสั้นๆเสี่ยงครับ ส่วน 1710 ป้ายราคาที่ลงไว้นั้นเป็นแนวที่หากหลุดลงมาอีกก็น่ากลัวจะลึกนะครับ จะรับมีดควรรอให้มันปักลงดินก่อนนะครับ จะได้ไม่แทงมือตนเอง
-
ครั้งที่แล้วว่าจะลงมันก็พุ่งปรี้ดทีเดียวแนวต้านกระเจิง ไม่รู้วันนี้มีเฮอีกมั้ย
-
แนวรับตาม Fibo ครับ
-
ไม่รู้จะลึกแค่ไหน แต่ บริเวณ 1670-1700 หากมาก็น่าเก็บ
-
ให้สังเกต 1720 ครับ หากไม่หลุดน่าจะขึนได้แรง แต่หากหลุดลงมาใต้ 1720 ให้รอดูแรงรับตามแนวรับย่อย หรือตรงบริเวณ 1710 นะครับ
-
สวัสดดีครับ wait & see ครับ เพราะ Volume Shot เริ่มกระดิกให้เห็นบริเวณแนวต้าน 1740 แต่ยังไม่มากจนน่ากลัว หาก Let profit run ให้เลื่่อน trailling มาไว้ที่ 1699 นะครับ เมื่อวานนอกดึกวันนี้เพลียๆ ขอตัวไปนอนต่อ 55 โชคดีนะครับ
-
วันนี้ว่างจัดเลยลองเดาเวฟเล่น หาสาเหตุว่าทำไมทองถึงไปไม่ถึง 2000 ก็ได้เจอกับคำตอบใน Fibo จนได้ครับ ก็มันลากไปยัน 423.6 เลย หุๆ ไกลจริงๆ และตอนนี้น้องทอง Sideway อยู่ในกรอบ Fibo ระหว่าง 261.8 และ 423.6 โดยมีแนว 1750 เป็นกึ่งกลางนรกสวรรค์ ยังไงขอเป็นกำลังใจให้น้องทองดันด่าน 1750 แตกแล้วพักตัวให้อยู่ เพื่อเป้าหมายในการ(ขอโอกาส) กลับเป็นขาขึ้นอีกรอบนะครับ แต่ยังไงก็อยากให้เพื่อนๆเล่นโดยระมัดระวังให้มากๆ เพราะเวฟ 4 อย่างที่บอกว่ามันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ระยะเวลาในการทำการพักตัวรอบนี้ มันไม่น่าจะจบเร็วขนาดนี้ (หรือผมคิดมากไปก็ไม่รู้ 55) ขอให้โชคดีทุกการตัดสินใจครับ
-
อ้าว...ในลิ้งค์มีคำตอบ
-
1. มันไม่ใช่ของกิน 2. ปูอัด คับป๋ม
-
เหตุผลที่คนซื้อทองคำ (นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์) เอามาจากเวป Stock2morrow จ้า http://dekisugi.net/archives/16694?u...ntent=FaceBook ช่วงนี้ใครๆ ก็ซื้อทองคำกัน แต่ด้วยคำอธิบายที่แตกต่างกันออกไป บางคนบอกว่า ทองคำน่าซื้อเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยปกป้องเราจากเงินเฟ้อได้ อันนี้ว่ากันตามตำรา แต่ถ้าลองใช้เหตุผลนี้อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันก็ดูไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไร เพราะเวลานี้เงินเฟ้อทั่วโลกไม่ใช่เรื่องที่ตลาดกังวลเท่าไรนัก ตรงกันข้าม เศรษฐกิจโลกที่ดูอ่อนแอ เพราะปัญหาการว่างงานในสหรัฐฯ และปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป ทำให้ราคาสินค้้า ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลนัก เงินเฟ้อของประเทศพัฒนาแล้ว น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เงินเฟ้อจึงไม่น่าเป็นเหตุผลที่ใช้อธิบายการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในเวลานี้ได้ ยิ่งถ้าดูอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวในสหรัฐฯ ในเวลานี้ประกอบก็ยิ่งตอกย้ำว่า ตลาดไม่ได้กังวลเรื่องเงินเฟ้อ เพราะพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีให้ผลตอบแทนราว 2% เท่านั้น ปกติแล้วตัวเลขนี้ย่อมสะท้อนเงินเฟ้อในอนาคตที่ตลาดคาดการณ์ เพราะเจ้าหนี้ย่อมต้องการดอกเบี้ยอย่างน้อยเท่ากับเงินเฟ้อ เพื่อไม่ให้ปล่อยกู้ไปแล้วขาดทุน การที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวต่ำมากขนาดนี้จึงแสดงว่า ตลาดไม่เชื่อว่า เงินเฟ้อจะเป็นเรื่องน่ากังวลไปอีกนาน เหตุผลอย่างอื่นที่ได้ยินบ่อยรองลงมาคือ ทองคำแพงเนื่องจากคนจีนและอินเดียรวยขึ้น เพราะเศรษฐกิจเขาโตไว ความต้องการซื้อทองคำมาเป็นเครื่องประดับของสองประเทศนี้จึงสูงขึ้นทุกปีตามระดับรายได้ ส่งผลให้ความต้องการทองคำทั่วโลกสูงขึ้น คำอธิบายนี้อาจมีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่ถ้าดูจากตัวเลขอุปสงค์อุปทานของทองคำโลกในเวลานี้แล้ว ไม่น่าจะมีผลมากนัก เพราะที่จริงแล้ว การซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับทั่วโลกกลับกำลังอยู่ในช่วงขาลงตั้งแต่ปี 2007 ที่ 2,405 ตัน ลงมาเหลือแค่ 2,060 ตันในปี 2010 เท่านั้น ในขณะที่อุปทานของทองคำทั่วโลกกลับอยู่ในช่วงขาขึ้นจาก 3,471 ตันในปี 2,007 กลายเป็น 4,108 ตันในปี 2010 อีกต่างหาก ทำให้ในปี 2010 อุปทานของทองคำมีมากกว่าอุปสงค์ที่ 3,812 ตันเสียอีก (ข้อมูลจาก goldratefortoday.org) แปลว่า โลกของเรากำลังผลิตทองคำได้เกินความต้องการซื้อเสียด้วยซ้ำ ที่ความต้องการซื้อทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับไม่ได้เพิ่มขึ้นในเวลานี้น่าจะเป็นเพราะ ราคาที่สูงขึ้นอย่างมากของมันทำให้คนซื้อทองคำใส่น้อยลง (ทั้งที่อยากได้มากขึ้น) เพราะว่ามันแพง ในเวลาเดียวกัน ราคาที่แพงขึ้นก็จูงใจให้มีคนนำทองคำเก่ามารีไซเคิล เพื่อขายในตลาดกันมากขึ้นด้วย สรุปแล้ว การอ้างว่าทองคำแพงขึ้นความต้องการซื้อทองเป็นเครื่องประดับสูงขึ้นนั้น ก็ยังเป็นคำตอบที่ยิงไม่โดนอีกเหมือนกัน คำอธิบายที่ฟังแล้วเข้าท่ามากที่สุดเท่าที่ได้ยินมา น่าจะเป็นแนวคิดที่บอกว่า ทองคำมีราคาสูงเพราะปัญหาวิกฤตเงินกระดาษเป็นหลัก แนวคิดนี้บอกว่า ความน่าเชื่อถือที่ลดลงของทั้งเงินดอลล่าร์และยูโรเนื่องมาจากการก่อหนี้ที่สูงมากของทั้งสองภูมิภาค ทำให้ผู้คนมั่นใจในเงินสองสกุลนี้ลดลง ทำให้บรรดาเศรษฐีทั้งหลาย สถาบันการเงิน กองทุน หรือประเทศอาหรับที่ค้าน้ำมัน รวมไปถึงธนาคารกลางของประเทศทั้งหลาย ต้องมองหาที่เก็บเงินใหม่ ซึ่งทองคำก็เป็นหนึ่งในทางเลือกนั้น ทองคำจึงต้องมีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์และยูโร เหตุผลนี้ฟังดูเข้าท่าที่สุด เพราะหลายปีที่ผ่านมา เมื่อสหรัฐฯ เริ่มมีปัญหาขาดดุลการค้าในระดับที่รุนแรงมากขึ้น สินทรัพย์อื่นทุกชนิดที่ใช้เก็บความมั่งคั่งได้ต่างก็มีราคาสูงขึ้นกันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะทองคำอย่างเดียวเท่านั้น ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือว่า เมื่อคนจำนวนมากต้องการออกจากเงินสกุลใหญ่ๆ อย่างดอลล่าร์ และยูโร แต่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างอื่นไม่ดีมีปริมาณมากพอที่จะรองรับความต้องการนี้ได้ทั้งหมด โอกาสที่ราคาสินทรัพย์เหล่านี้จะพุ่งขึ้นมากเกินไป เพราะความขาดแคลนนั้น ย่อมเป็นไปได้มาก ดังนั้นหากเหตุผลหลักที่ทำให้ทองคำแพงมาจากวิกฤตเงินกระดาษ แทนที่จะมาจากเหตุผลในตัวของทองคำเองที่มีค่ามากขึ้น สักวันหนึ่งราคาทองคำก็อาจกลับสู่ระดับปกติที่เป็นพื้นฐานของตัวมันเองจริงๆ เมื่อปัญหาวิกฤตเงินกระดาษคลี่คลายลง คำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยสำหรับคนที่ชอบซื้อทองคำคือ ทองคำน่าซื้อ เพราะซื้อแล้วไม่ขาดทุน เพราะราคามีแต่ขึ้น ถ้าซื้อแล้วตกลงมาก็ให้ทนถือไว้ สุดท้ายแล้วก็จะกลับมาแพงขึ้นได้อีก ผมว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่อันตราย เพราะในยุคหนึ่งทองคำก็เคยแพงขึ้นจากร้อยกว่าเหรียญไปเป็นหกร้อยกว่าเหรียญในเวลาแค่ปีเดียว ด้วยเหตุผลเรื่องวิกฤตสงครามอิรัก-อิหร่าน แต่พอวิกฤตการณ์คลี่คลาย ราคาทองคำก็ร่วงกลับลงไปเหลือแค่สองร้อยกว่าเหรียญอย่างรวดเร็ว ถ้าใครซื้อไว้ที่หกร้อยกว่าเหรียญในตอนนั้น แล้วคิดว่าถือไว้เรื่อยๆ ก็จะกลับขึ้นไปใหม่ได้เอง เขาเหล่านั้นต้องรอคอยนานถึง 25 ปีเลยทีเดียว กว่าทองคำจะกลับมาที่หกร้อยกว่าเหรียญได้อีกครั้ง (ปี 1974-2004) ที่จริงการคิดว่าราคาทองคำในเวลานี้จะเพิ่มขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ นั้น เป็นความคิดที่สมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย เพราะปัญหาหนี้ในประเทศที่พัฒนาแล้วในเวลานี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงได้อย่างไร แต่ก็อย่าถึงขั้นปักใจเชื่อเลยครับว่า ทองคำซื้อแล้วไม่มีทางขาดทุน วันหนึ่งหากเกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายทำให้วิกฤตเงินกระดาษคลี่คลายลงได้ ราคาทองคำก็สามารถกลับสู่ระดับที่เป็นพื้นฐานที่แท้จริงของตัวมันเองได้แบบค้านสายตากรรมการ อันนี้ของแถม ***** เพื่อนๆคงเคยได้ยินมาว่าคลื่น 3 เป็นคลื่นลูกที่น่าเล่นที่สุดเพราะแรงที่สุดกันมาบ้างใช่มั้ยครับ ผมอยากจะบอกว่าหากคุณเป็นชาวเอลเลียตเวฟแล้ว คุณจะเข้าเก็งกำไรทองตั้งแต่คลื่นลูกที่สอง แล้วปล่อยให้คลื่นลูกที่สามคือลูกนี้ขึ้นแบบสุดๆเสียก่อนถึงจะ Take Profit กัน ต่อจากนั้น ก็จะเข้าสู่คลื่นลูกที่สี่ ซึ่งเป็นคลื่นปรับตัวมหาโหด การปรับตัวในคลื่นลูกที่สองโดยมากแล้วจะมีความซับซ้อนน้อยกว่าคลื่นลูกที่สี่ ซึ่งหมายความว่า การปรับตัวครั้งนี้ยังไม่น่าจบได้โดยง่าย และสมรภูมิที่เรากำลังรบอยู่ในเวลานี้เห็นเขาเดามากันว่าเป็นคลื่นลูกที่สี่ ซะด้วยนั่นหมายความว่า เทรดเดอร์ที่เป็น ชาวเอลเลียตเวฟ จะไม่เข้าออเดอร์กัน หากรูปแบบไม่ชัดเจน และบางคนจะรอดูต่อไปว่าเจ้าเวฟ 5 จะมี NewHigh หรือไม่นั่นเอง เพราะหากทองคำไม่สามารถมี NewHigh ได้ มันก็น่ากลัว ดังนั้นนักเก็งกำไรที่เพิ่งเข้ามาสู่สมรภูมิทองคำ ควรระมัดระวังให้จงหนัก แต่ผมไม่ได้หมายความว่าทองจะไม่มี NewHigh นะครับ เพราะตอนนี้เราอยู่ในคลื่นรีบาวน์ ซึ่งหากเวฟนี้ไม่ใช่เวฟ 1 มันอาจจะเป็น Flat running ลากขึ้นแบบกระจายไม่ให้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว หุๆ แค่อยากจะบอกว่าไอ้เจ้าคลื่นลูกที่ 5 เนี่ย เค้าเรียกว่า "คลื่นสำหรับคนกล้า" ครับป๋ม
-
เอามาฝากให้จินตนาการกันครับ
-
วิเคราะห์ทองแบบมือใหม่ จริงๆ นะตัวเทอร์
กระทู้ ได้ตอบกลับ Harnsin> Stephen2555 ใน บทวิเคราะห์ราคาทองคำ
ขอให้น้องหายไวๆนะครับ -
ใช่ครับ....แนวโน้มมันยังขึ้นอยู่ แต่ว่า....ตั้งแต่แนว 1740 เป็นต้นไปก็ระวังแรงขายไว้บ้าง เพราะแนวต้านมันแข็งๆทั้งนั้น อีกอย่างค่าเงินยูโรที่รีบาวน์มาครั้งนี้ผมมองเป้าแนวต้านไว้ที่ 1.32 และ 1.34 ในตอนนี้ยูโรก็มาถึงแนวต้าน 1.32 แล้ว หากติดแนวต้านทองก็คงจะติดไปด้วยเช่นกัน แต่หากทองไม่หลุด 1720 กลับลงมา ก็ยังมองเป้าไกลได้ต่อไปครับ ตอนนี้แนวต้านย่อยไม่ค่อยจะมีบทบาทแล้ว ก็เอายอดใหญ่ๆ ไปสองยอดแล้วกันนะ แต่หากมันไปถึง 1800 จริงๆน่าจะพิจารณาปิดทำกำไรแล้วครับ เพราะมันเป็น Zone 261.8% เรียกว่ามาไกลมากๆ หรือหากอยาก Let profit run ต่อไป ก็ต้องเลื่อนให้ไกลหน่อย (เผื่อย่อเยอะ)
-
แต่ตอนนี้น้องทองดูเหมือนจะไม่ย่อท้อในการขึ้นไปที่บริเวณ 1806 ใครที่ Let profit run ไว้ขอให้ไปถึงเป้าหมายนะครับ
-
ต่อเนื่องจากเมื่อวาน ภาพประกอบนี้คือกราฟ EU/US นะครับ จากภาพจะเห็นว่าจุดที่ผมวงเอาไว้มันมีแท่งยาวๆเกิดขึ้นซึ่งดูด้วยตากับความรู้สึกแล้วต้องบอกว่ามันไม่น่าจะกลับทิศได้เลย แล้วทำไมมันถึงหักหัวลงมาได้ขนาดนั้นจนเกิด NewLow ได้ด้วยหล่ะ จากเทคนิคการไล่ราคาเวลาเกิดแท่งยาว เทรดเดอร์เขาจะรับกันที่ ส่วนหัวของแท่งครับ หรือบริเวณ 23.6% ของการพักตัวนั่นเอง และจากนั้นเมื่อรับไปแล้ว กราฟมันยังไหลลง และแถมร่วงเกิน 50% ลงมาเสียด้วย ตรงนี้เป็นสัญญาณอันตราย เพราะหากราคาไม่สามารถพักตัวบนส่วนหัวของแท่งได้มันอาจจะหมายความว่าการไล่ราคาได้จบสิ้นลงแล้วนั่นเอง และยิ่งหลุด 50% ลงมาได้อีก เทรดเดอร์ก็มักจะ cutloss ก่อนเพื่อ รอคอนเฟิร์มทิศทาง และในที่สุดกราฟแท่งนั้นก็เป็นการจุดพลุครั้งสุดท้าย เนื่องจากราคาได้เบรค Low ลงมาจนได้ เพราะอิทธิพลจากเส้น MA ที่ยังเป็นขาลงอยู่นั่นเอง การที่ราคาตัดเส้น MA ขึ้นมาได้มันจึงไม่ใช่สัญญาณซื้อ แต่มันกลับเป็นสัญญาณให้ขาย ภาพนี้แค่เอามาแนะนำนะครับ ไม่เกี่ยวกับกราฟทองแต่อย่างใด เพียงต้องการสื่อว่าเหตุการไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอๆ ฉะนั้นการตามรู้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้เพื่อนๆเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน (อย่าเชื่อทันทีในสิ่งที่ตาเห็น แต่จงเชื่อในสิ่งที่ใจคุณเห็น)