potgarn

ขอบคุณครับ

ถามคุณ donjuan ต่อ ตอนนี้ลำโพงคู่หน้าผม มันยี่ห้อ legacy ได้ มา 3500 (แพง) ถ้าเปลี่ยนเป็น ยี่ห้อพวก exon ราคา 5 พัน เสียงจะแตกต่างกันเยอะมั้ยครับ หรือมีตัวไหนแนะนำบ้างเผื่อใช้อีกซัก ปี -2 ปี อาจลองเปลี่ยนดูครับ แล้วพวกลำโพงคู่หน้าที่มีแอมป์ในตัวนี่โอเคมั้ยครับ พอดีเห็นมา ขอบคุณครับ

แนวทางเบสหนักนี่เข้าทางครับ เพราะมี ลำโพง boss companion 3 ต่อ คอม มันร้องดีแค่ jazz ไม่มันส์ ตัว bass box ที่ได้มานี่ทำให้รถน้อยๆ กลายเป็น ผับได้เลย 5555

ครับ ตามสูตร ลำโพงหน้า หลัง bass box แค่นี้ก็มันส์แล้วครับ ท่าน

โอ้ ขอบคุณคับ ผมเล่นแบบเบสิค โดนเขาหลอกไปก็พอควร จนเจอร้านที่ราคาถูกหน่อย อย่างเช่น pioneer รุ่นมี dvd video ซื้อมาตั้ง 6 พัน มาเจอร้านใหม่ 4 พันกว่าเอง เหอๆ โชคดีหน่อยได้ bass box marathon มาน่าจะ 5-6 พัน อันนี้ บางร้านมันขายไป 8-9 พันเลย ผมไม่มี amp ในรถ แต่ pioneer ขับก็ดีนะ ส่วน bass box มีแอมป์ ที่ร้าน แนะนำว่าอยากมาติดแอมป์เฉพาะ ลำโพงคู่หน้า กับคู่หลัง กับพรีแอมป์ อีกก็จะช่วยให้เสียงดีขึ้นมากๆ เท่าตัว อันนี้คุณ donjuan คิดอย่างไรบ้างคับบ

อิอิ ขอแจมหน่อย ผม เล่นเครื่องเสียงในรถ ติด subbox ตัวนีงครับ รวมๆ ก็ 2 หมื่่นกว่า ได้ลำโพงตัวเดียวคุณงู แต่เวลาขับไปฟังเบสตึ้บๆ มันหูเป็นบ้า บางทีก็โยกตามเลยคับ

สู้ๆครับ ทุกปัญหามีทางแก้

system trade โดย candle stick+ stoch 1 เมื่อ stoch อยู่ในเขต oversold ต่ำกว่า 20 ให้เรา มองหารูปแบบกลับตัวของแท่งเทียน เช่น bullish engulfting (ดีที่สุด) ,doji ,piercing line ,harami, hamer จากนั้น พิจาราณา long ให้ มี stoploss ที่ low ของแท่งเทียน หาก stoch เสั้นเขียวตัดแดง ถือว่ายืนนันการขึ้นแล้ว 2 ให้ถือไปเรื่อยๆ หากเมื่อ เส้นเขียวตัดแดงลง แสดงว่า อาจกลับเป็นขาลง โดยเฉพาะเมื่อ stoch อยู่สูงกว่า 80 หรือ ถึงแม้ยังขึ้นไม่ถึง 80 ก็ขายออกไปได้เพราะเทรนอาจเปลี่ยน ที่มา candlestick for dummies ... ปล -ใช้กับราย week ดีที่สุด หากจะใช้ daily ควรดู ราย week ประกอบ เช่นเส้น เขียวของราย วีค ยังอยู่เหนือเส้นสีแดง - stochestic oversold หากดูร่วมกับ rsi ที่ต่ำกว่า 30 ด้วย จะมีความแม่นยำมากขึ้น - การ short ก็ทำได้เช่นกัน ให้ short เฉพาะเมื่อ stoch อยู่ สูงกว่า 80 มองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัว วาง stoploss ที่ high ของแท่งเทียน จากนั้น ถือ s เรื่อยๆ จนกว่าเส้นแดงจะตัดเส้นเขียวขึ้น

ซื้อเสริมไปแล้ว ราคาขยับขึ้น ก็อาจพิจารณาไปขายเมื่อ Macd ตัด signal line หรือ ราคาตกลงต่ำกว่า ema 15 หรือเมื่อ แท่งเทียนบ่อตัวลงตาม แนวต้านที่น่าสนใจ

น้ำมันขึ้นแรง เหมือนที่คิด ตอนนี้ สามารถเบรคแนวต้านขึ้นมา รวมถึงแถบ Macd ที่สูงขึ้น มีวิธีซื้อเพิ่มน่าสนในใจคือซื้อตรงนี้ เราจะ stoploss ที่ 88.75 เป็นปลายแท่งเทียนยาวที่ดันขึ้นมาใช้เป็น ฐาน ตามตำรา ให้ดูที่ Moving average ด้วยขณะนี้ ยังเรียงตัวไม่สมบูรร์ จึงควรซื้อแต่น้อยหรือดูไปก่อน ที่ดีที่สุดคือ ema 15 35 90 เรียงตัวกันขึ้น ตามลำดับ การซื้อเพิ่ม ส่วนตัวคิดว่าควรซื้อเป็นปิรามิด คือ ซื้อให้เต็มที่สัญญาณหลักของเรา วิธีหยอดก็นิดๆ ตามสัญญาณซื้อเสริมๆ ซัก 10% เผื่อพังลงมาจะได้ไม่เป็นไรมาก

ขึ้นจริงหรือหลอก Macd เมื่อพ้น 0 ถือว่าเป็นขาขึ้นที่จริง แต่มันมีวิธี scan อีกรอบว่าจะขึ้นได้ไกลๆ หรือจะตกลง 0 ครับ มีข้อสังเกตุคือ 1 ให้เราดู volume ของวันที่ macd พ้น 0 หาก volume มีมากกว่า 5 วันก่อนหน้าที่ Macd ยังอยู่ใต้ 0 น่าจะมีโอกาสไปได้ไกลๆ 2 ให้เราสังเกตุดู Macd bar ของวันถัดๆ ไป หาก macd bar ขึ้นสูงเกินครึ่งนึงของแท่งเมื่อวาน นั่นแสดงว่ามีแรงซื้อที่ดี จากกราฟ ออย ลองดูจุดที่ 1 เราเห็นว่า Macd พ้น 0 volume ต่ำ ให้เราดูวันที่ 2 macd bar นั้นมีความสูงเกินครึ่งของแท่งแรก นั่นสามารถใช้เป็นจุดซื้อได้ เพราะเราแน่ใจว่าขึ้นว่าคราวนี้น่าจะขึ้นจริง ปรากฎว่าออยขึ้นไปถึง 100 เหรียญ เลย ต่อมาจุดที่ 2 วันแรกที่พ้น 0 โวลุ่มก็ไม่มากอีกแต่ดูวันที่ 2 สิครับ แท่ง bar ก็สูงกว่าแท่งแรกมาก แนวโน้มน่าจะดีนะ จุด stop ของการซื้อแบบ Macd พ้น 0 คือเมื่อ Macd ลงต่ำกว่า 0 อีกครั้ง เมื่อ ขึ้นสูงให้ทยอยขายเมื่อตัด signal line และขายทั้งหมดเมื่อตก 0 จะเป็นการจบรอบขึ้นจริงๆ ผมไม่ได้ซื้อแบบนี้ แต่ก็รู้ไว้ประกอบการดู macd และใช้ดูแนวโน้มได้อีกด้วย

macd momentum เราใช้ macd bar ดูพลังของขาขึ้นและขาลงได้ด้วยว่ามีพลังมากน้อยเท่าไร (ไม่ใช่ Macd with histrogram นะครับนั่นคนละตัว ) ดูกราฟ set50 ย้อนหลัง จุดที่ 1 ราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม เราดูที่แถบ macd ก็มีค่าเพิ่มขึ้นเบรคยอดเดิมเช่นกันเรียกว่า Macd convergence ราคามีแนวโน้มที่จะสามารถไปได้ต่อ ตรงจุดที่ราคาเพิ่มขึ้นแถบ Macd เพิ่มขึ้นกว่ายอดเดิม สนับสนุน สามารถซื้อเพิ่มได้ หาจุด stoploss เช่นเมื่อราคาตกแนวรับหรือลงต่ำกว่า EMA 15 จุดที่ 2 ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แถบ Macd ก็ขึ้นสูงกว่าจุดเดิม ราคาเลยพุ่งไกล สามารถซื้อเพิ่มได้ด้วย จุดที่ 3 ราคา ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แต่แถบ Macd ขึ้นไปได้นิดเดียวต่ำกว่ายอดเดิมเยอะ จากนั้นราคาเลยร่วงแรงเลย แบบนี้เป็นตัวเตือนว่า เราอาจแบ่งทำกำไรบ้างก่อนจะมีสัญญาณขายจาก Macd ตัด singal line จุดที่ 4 ราคาขึ้นไปเท่าๆเดิม แถบ Macd ไม่เล่นด้วย ก็ร่วงอีก แต่ซักพักราคาขยับขึ้น Macd ทำยอดใหม่ก็ไปได้สวย จุดที่ 5 เป็นจุดใกล้เคียงกับปัจจุบันที่เราอยู่ รอบนี้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แถบ Macd ก็ขึ้นสูงกว่ายอดเดิม แบบนี้ไปได้สวยครับ 55

ขอบธงจะเป็นแบบเฉียงลงหรือแบบ เป็นแนวนอนตั้งฉากกับยอดธงก็ได้ครับ

การซื้อเมื่อเบรค flag and pennant pattern โดยดู macd ประกอบ เพื่อหาหุ้นแนวโน้มดี 1 ให้หาหุ้นที่ Macd อยู่เหนือ 0 (แนวโน้มดี)หรือ ema 15-35-90 อยู่ใต้ราคา และเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 3 เรียงตัวกันตามลำดับและอ้าออก(มีแนวโน้มเป็นเทรนขาขึ้น) 2 หารูปแบบที่เป็น flag หรือ pennant จากนั้นเมื่อราคาเบรคจากกรอบธง ออกให้ซื้อ และ stoploss เมื่อราคาตกลงต่ำกกว่าขอบธงที่เบรคขึ้นมา 3 เป้าหมาย ให้ทำกำไรบางส่วนตรงเป้าหมาย ที่วัดระยะจากความยาวเสาธง ที่เบรคขึ้นได้ และถือที่เหลือจนกว่า macd จะตัด signal line ลงหรือ ราคาลงปิดต่ำกว่า ema 15 จากรูป set50 มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นที่ดี macd เหนือ 0 จึงน่าซื้อด้วยเทคนิคนี้ เครดิต หนังสือ wave riders โดย คุณประกาศิต ทิตาราม

The Presidential Stock Market Cycle This is a well-known, though hardly flawless, stock market political cycle. Basically, the stock market’s best performances take place during the years that immediately precede the years of presidential elections. Its second-best annual gains tend to take place during the years of presidential elections, with the stock market often peaking shortly after the elections held during those years. The worst years for the stock market have been the years following presidential elections. หุ้นจะขึ้นได้ดีที่ในปีแรกที่พึ่งตามมาจากการเลือกตั้ง ปธ สหรัฐ ในระดับรองลงมาที่ทำได้ดีคือในช่วงที่กำลังเลือกตั้ง จากนั้นจะขึ้นไปสูงสุดหลังการเลือกตั้งเล็กน้อย ที่แย่ที่สุดคือช่วงปีหลังๆ เมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้ง

ผมคิดว่าใช้ ta น่าจะดีที่สุดครับ เอาง่ายๆ ตอนเงินไป 37 แล้วเราไปเจอบทคความนี้เข้า ก็อาจคึก ซื้อเก็บไว้ ตอนนั้น กระทิงมาแน่ ไป 160 โดยที่บทความนี้ไม่ได้บอกเลยว่าตกลงให้ซื้อเท่าไร ตอนไหน แล้วขายตอนไหน ถ้าลงจะต้อง ขายหรือเปล่ายังไง สรุปตกมา 28 มันหนักมากๆ ถ้าจะบอกว่ารอได้จนมันจะกลับไป แล้วเมื่อไรล่ะครับ แทนที่จะรีบขายตัดไปแทบไม่เสีย เอาเงินมาลงทุนที่อื่น

ช่วงเวลา ของหุ้น 1 ช่วง 1-2 วันก่อนถึงสิ้นเดือน จนกระทั่ง 2-4 วัน ของเดือนต่อมาหุ้นมีแนวโน้มขึ้น 2 หุ้นมีแนวโน้มขึ้นหลังวันหยุดต่างๆ ยกเว้น Good Friday, Independence Day, and President’s Day. หุ้นมีโอกาสขึ้นที่ดีหากเปิดตลาดต่อจากวันหยุดในช่วง พฤศจิกา-มกราคม 3 ในช่วง พฤศจิกา-มกราคม เป็นช่วงที่ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากที่สุด ส่วนช่วง กันยายน ถึง ตุลา เป็นตลาดหมี เดือนตุลาเป็นช่วงจุดเปลี่ยนจากขาลงเป็นขึ้น 4 ช่วง 1 พฤศจิกา- 30 เมษา เป็นช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น และในช่วง พค.-ตุลา เป็นตลาดหมี -ว่ากันว่าเป็นอิทธิพลจากดวงจันทน์ 55 ใช้ประกอบกับ ta เท่านั้น ไม่ชอบ

ดู adx ประกอบ ช่วงไหน adx ชี้ขึ้น แสดงว่ามีเทรนก็สำเร็จ ช่วงไหนปักหัวลงก็ไม่สำเร็จ บางช่วง adx วิ่งต่ำกว่า 20 ก็ไม่มีเทรน ทำให้ trend following ไม่สำเร็จ

การใช้ Moving average ตัดขึ้นมีลูกเล่นอีกนิดครับ ลองดู ผมใช้เส้น 5 สีชมพู เส้น 20 สีฟ้า จุดที่ 1 เส้น 5 ตกลงมากระทบเส้น 20 แล้วเด้งขึ้นแบบนี้ก็เหมือนตัดขึ้น เส้น 5 กับ เส้น 20 ต่างโค้งขึ้น มีโอกาสจะขึ้นเยอะ จุดที่ 2 ,4 ก็เช่นกัน จุดที่ 6 เส้น 20 โค้งลงแต่พักนึงก็ขึ้นตามเลยขึ้น จุดที่ 3 เส้น 5 ตัด 20 แต่เส้น 20 โค้งลง ทำให้แนวโน้มจะไม่สำเร็จ จุดที่ 7 8 ก็เช่นกัน เส้น 5 ขึ้นแต่เส้น 20 ยังลงอยู่เลยทำให้ไม่สำเร็จ สรุปว่า ถ้าเส้นสั้นและยาวตัดกันและโค้งขึ้นมีโอกาสสำเร็จ ถ้าเส้นยาวยังคงปักลงหรือไม่ไปทางขึ้น อาจยั้งมือไว้ก่อนยังไม่ซื้อ

เรา สามารถใช้ moving average chanel หรือ bollinger band ประกอบกับการดู Macd ได้ ตามกราฟ จุดที่ 1 ราคาตกลงมามากจนเกินขอบโบลิงเจอร์ล่างไป ถือเป็นระยะ oversold ตรงนี้สามารถเล่นแบบเร็วความเสี่ยงสูง ซื้อกลับเข้าไปมีโอกาสเด้งไปถึง โบลิงเจอร์กลาง จุดที่ 2 ราคามักจจะติดโบลิงเจอร์กลางเมื่อพยายามเด้งมาครั้งแรก จุดที่ 3 ราคาตกลงไปใหม่ แต่คราวนี้ ไม่ถึง โบลิงเจอร์ล่าง ตรงจุดนี้ ราคาสามารถลงไปต่ำกว่าเดิมได้ แต่ถ้าเทียบกับขอบโบลิงเจอร์ล่างแล้วไม่ตกออกมากเท่า จุดที่ 1 ถือว่ามีโอกาสกลับตัว หากมี bullish divergence จาก macd ด้วย ยิ่งดี จุดที่ 4 ราคาสามารถผ่านโบลิงเจอร์กลางได้ แนวต้านต่อไปจึงเป็นโบลิงเจอร์บน จะเห็นได้ว่า slope ราคา โบลิงเจอร์ และ macd ชึ้ขึ้นสวย ทำให้เทรนขาขึ้นมีความแข็งแกร่ง ทำให้เมื่อราคาตกลงไปถึงโบลิงเจอร์กลางมีโอกาสเด้งกลับขึ้นไปใหม่ จุดที่ 5 ราคาขยับสูงกว่าเดิม แต่ไม่ขึ้นไปสูงออกนอกกรอบโบลิงเจอร์ ได้เท่าจุดที่ 4 ทำให้ ภาพรวมดูเริ่มหมดแรง จุดที่ 6 macd ตัดลงแล้ว ราคาพยายามขยับขึ้นไปรอบที่ 3 แต่คราวนี้ไม่สามารถแตะขอบโบลิงเจอร์ได้ด้วยซ้ำ ตรงนี้ มีโอกาสที่อาจตกลงไปต่ำกว่าโบลิงเจอร์กลาง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ เป็นอันจบขาขึ้น ระยะกลาง ถ้ามองให้ดี จุดที่ 4 5 6 ก็คือ รูปแบบ head and shoulder นั่นเอง

เขียนเรื่อง ta ไปแล้วเกิดมีคนคึกเอาวิธีต่างๆ เหล่านี้ไปเล่น set50 future โดยมีเงินไม่มากอาจเจ๊งเอา เลยต้องมาเขียน Money management หน่อย 555 John murphy ได้แนะนำให้แบ่งพอร์ทโดย แบ่งเงินลงทุน 50% อีก 50% เก็บไว้ในพวกตราสารหนี้ คอยสำรองไว้ เงิน 50% ให้แบ่งไปลงทุนแต่ละส่วนให้เท่าๆกันอย่างเช่น หุ้น 10-15% commodities 10-15% ค่าเงิน 10-15% เป็นต้น เราไม่ควรลงทุนในสิ่งที่เหมือนกันเกินไป เกินกว่า 25% ของพอร์ท อย่างเช่น ลงทุนทองกับเงิน มันก็ขึ้นลง คล้ายๆกัน การยอมรับความเสี่ยงเราจะรับไม่เกิน 2 % ของพอร์ท อย่างเช่นถ้ามีเงิน 1 แสน ในการลงทุนสินค้าแต่ละตัวไม่ควรเสียเกิน 2000 บาท สำหรับผมลงมากกว่าหน่อยซัก70-80% เพราะ stoploss ของผมไม่เกิน 2% ของพอร์ท ดังนั้นถ้าจะเล่น set50future โดยที่เรามีเงินแค่ 2 แสน stoploss เราอาจถึง 10-20% ช่วงที่ไม่มีเทรน ใช้ ta ไม่ได้ผลเจอไม่กี่ครั้งเราจะหมดเงิน โดยที่คนมีเงินมากกว่าจะทนไหวและเล่นไปจนเจอเทรนใหญ่ๆ ที่มีกำไรได้ Ok ครับ โชคดี

อันนี้เป็น triangle correction แบบลง ของ us dollar ที่เพิ่งเกิดขึ้น มี กรอบเล็กที่วัดระยะลงมาได้ และมีกรอบใหญ่ที่มีเป้าหมายลงมากกว่า

breakout correction แบบ flat correction ระยะทางไปได้เท่ากับความกว้างในกรอบ abc

เราสามารถวัดระยะทางที่ Macd จะไปได้ เมื่อเกิดการ breakout correction ล้ายๆ กับ chart pattern จากรูปเป็นการวัดระยะแบบ triangle correction แบบ start uptrend