ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

teerana

ขาประจำ
  • จำนวนเนื้อหา

    49
  • เข้าร่วม

  • เข้ามาล่าสุด

ทุกๆอย่างที่โพสต์โดย teerana

  1. หลายคนเข้าใจว่าผู้สูงอายุเท่านั้นที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรือกระดูกเปราะบาง แต่ที่จริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากไม่ดูแลสุขภาพและออกกำลังกาย โอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนเมื่ออายุมากขึ้น จะเกิดได้เร็วขึ้น เพราะกระดูกเป็นอวัยวะที่สำคัญกับร่างกายของเรามาก ทำหน้าที่ในการประคองให้ร่างกายทรงตัว ในการยืน นั่ง นอน ได้ ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการเคลื่อนไหว เดิน วิ่ง ได้อย่างคล่องตัว ในวัยเด็กจนถึงช่วงหนุ่มสาว กระบวนการสร้างมวลกระดูก จะมากกว่าการทำลายหรือการสลายของมวลกระดูกร่างกายจะสะสมโครงสร้างกระดูก ทำให้เนื้อกระดูกมีความหนาแน่น จนกระทั่งถึงอายุ 30 ปี และเมื่ออายุเพิ่มมากยิ่งขึ้นโครงสร้างมวลกระดูกในร่างกายจะค่อย ๆเสื่อมสลายลง ในขณะที่ร่างกายต้องการแคลเซียมไปใช้งาน ดังนั้นควรเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลทีแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต อย่างสม่ำเสมอ ช่วยส่งเสริมการเสริมสร้างมวลกระดูกทั่วร่างกาย ส่งเสริมการสร้างกระดูกอ่อนในข้อกระดูก แคลเซียมที่สกัดมาจากข้าวโพด ละลายน้ำได้ดีมาก แคลเซียมที่ดูดซึมเข้าร่างกายได้มากกว่า 95% มากกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตถึง 6 เท่า สามารถดูดซึมเข้าเซลล์เนื้อเยื่อร่างกายได้โดยไม่ต้องอาศัยวิตามินดี และกรดในกระเพาะอาหารเหมือนแคลเซียมทั่วไป ไม่ก่อสารตกค้างในร่างกาย ไม่ทำให้เป็นนิ่ว และไม่ทำให้ท้องผูก หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่ https://www.cal-t.com/cal-t-พลัส-แมกนีเซียม/
  2. มะเร็งตับ (Liver Cancer) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณตับมีลักษณะหรือการทำงานผิดปกติแล้วพัฒนาเป็นมะเร็งในที่สุด หรืออาจเกิดจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจากบริเวณอื่นมายังตับก็ได้ ซึ่งมะเร็งตับส่วนใหญ่ก็มักมีที่มาจากสาเหตุหลังนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการรักษา อาการโรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งตับมักไม่มีสัญญาณหรืออาการบ่งบอกในระยะแรกเริ่ม จนเมื่อมะเร็งพัฒนาถึงขั้นแสดงอาการจึงจะสังเกตได้ดังนี้ น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่อยากอาหาร รู้สึกอิ่มแม้รับประทานไปเพียงเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บช่องท้องส่วนบน โดยมักจะปวดบริเวณด้านขวา มีอาการบวมที่ช่องท้องหรือคลำพบก้อนใต้ชายโครงด้านขวา เนื่องจากตับโต อาจคลำพบก้อนที่ชายโครงด้านซ้ายเนื่องจากม้ามโต ผิวหนังและตาเหลือง (ดีซ่าน) อุจจาระอาจมีสีซีดลง อ่อนแรงและเหนื่อยล้า มีอาการคัน เป็นไข้ การจี้ทำลายก้อนเนื้อมะเร็งด้วยคลื่นความถี่วิทยุ เป็นวิธีการรักษามะเร็งตับหรือมะเร็งชนิดอื่นที่กระจายมายังตับ ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กมีคุณสมบัติให้ความร้อนที่ปลายเข็ม เผาทำลายก้อนเนื้อ เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งตับที่ก้อนมีขนาดเล็ก โดยการรักษาวิธีนี้ ปลอดภัย รุกล้ำร่างกายน้อย มีผลข้างเคียงน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน และสามารถใช้วิธีนี้รักษาซ้ำได้เมื่อมีก้อนมะเร็งกลับเป็นซ้ำ ภาพแสดงตัวอย่างเข็ม RFA* หลักการและกลไกในการรักษา เข็มความร้อน RFA ใช้หลักการของคลื่นวิทยุ ทำให้เกิดความร้อนที่ปลายเข็ม โดยใช้งานร่วมกับเครื่องผลิตพลังงานที่สามารถตั้งค่าให้พลังงานได้และแผ่นรองรับกระแสไฟฟ้าลงดิน พลังงานคลื่นวิทยุที่ถูกส่งออกไปจากขั้วไฟฟ้าจะชักนำให้เกิดไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นภายในอวัยวะหรือเนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบปลายเข็ม RFA พลังงานเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 90 องศาเซลเซียส เพื่อทำลาย ก้อนมะเร็งโดยรอบปลายเข็มในรัศมีประมาณ 3-5 ชั่วโมง และความร้อนจากเข็มจะทำลายเซลล์มะเร็งอย่างถาวร ภาพแสดงตัวอย่างเครื่องผลิตพลังงาน* ภาพแสดงการติดตั้งแผ่นรองรับกระแสไฟฟ้าลงดิน* ตัวเข็มจะเป็นตัวนำพลังงานเข้ามาภายในตับ ส่งผ่านไปยังก้อนเนื้องอกที่ต้องการเผาทำลาย ก่อนการรักษาผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบ แพทย์จะสอดเข็มผ่านทางผิวหนังเข้าไปในตับ เพื่อไปยังก้อนมะเร็งที่ต้องการรักษา โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์และเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เป็นเครื่องมือระบุตำแหน่ง และยืนยันความถูกต้องของตำแหน่งเข็มระหว่างทำการรักษา รวมระยะเวลาในการทำการรักษาประมาณ 1 ชั่วโมง ภาพแสดงการเผาทำลายก้อนเนื้องอก* ภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แสดงการใช้เข็ม RFA เพื่อเผาทำลายก้อนมะเร็งตับ ลูกศรแสดงเข็ม RFA* ภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แสดงการใช้เข็ม RFA เพื่อเผาทำลายก้อนมะเร็งตับ ลูกศรแสดงเข็ม RFA* RFA เหมาะกับผู้ป่วยกลุ่มใด เหมาะใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับหรือมะเร็งชนิดอื่นที่มากระจายมายังตับ ที่ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก โดยทั่วไปคือขนาดไม่เกินกว่า 5 ซม. ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาโดยการผ่าตัดตับได้ เช่น มีภาวะตับแข็งมาก มีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงในการทำผ่าตัด ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากก้อนมะเร็ง และยังสามารถใช้เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ทำผ่าตัดง่ายขึ้น การเตรียมตัวก่อนการรักษา 1.รับผู้ป่วยเข้าไว้ในโรงพยาบาลก่อนการรักษา 1 วัน 2.เจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ค่าการแข็งตัวของเลือด การทำงานของตับและไต 3.ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 4.งดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการรักษา 5.หลังการรักษา พักฟื้นได้ที่ห้องพักและสังเกตอาการที่โรงพยาบาลอีก 1 คืน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน สามารถกลับบ้านในวันรุ่งขึ้นหลังการรักษาได้ การปฏิบัติตัวหลังการรักษา 1.หลังออกจากโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ งดเว้นกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก เช่น การออกกำลังกายหักโหม การยกของหนัก 2.หลังการรักษาอาจมีอาการปวดจุกท้อง บริเวณที่ทำการรักษาสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ อาจพบมีอาการจุกแน่นได้อีก 2-3 วันหลังการรักษา 3.ผู้ป่วยจะได้รับการนัดหมายเพื่อตรวจติดตามผลการรักษาภายใน 4-6 สัปดาห์ โดยมีการเจาะเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การป้องกันมะเร็งตับจึงควรลดปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่โรคตับแข็งไปด้วย ได้แก่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไปโดยรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปริมาณไขมันที่บริโภค รวมทั้งระมัดระวังการใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายและเสี่ยงต่อโรคตับแข็งตามมา *หมายเหตุ ลักษณะของเข็มและเครื่องกำเนิดพลังงานอาจมีลักษณะแตกต่างกันตามบริษัทผู้ผลิต ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.nonthavej.co.th/Vascular-Center-1.php
  3. หลายคนคงอาจจะคิดว่าอาการ ปวดท้อง ไม่สบายท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด แน่นตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือเหนือสะดือ คืออาการของโรคกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบธรรมดา จึงมักซื้อยารักษาโรคกระเพาะมาทานเพื่อให้อาการทุเลาลง แต่เมื่อมีอาการบ่อยครั้งการทานยารักษาโรคกระเพาะก็ไม่ได้ผล โรคมะเร็งกระเพาะอาหารคือภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากระยะแรกของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการคล้ายกับโรคกระเพาะ แต่เมื่อมีอาการรุนแรงอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เป็นสีเลือดเก่าที่ตกค้าง) หรือการคลำพบก้อนแข็งในท้องบริเวณเหนือสะดือเมื่อกดแล้วไม่เจ็บ เริ่มเบื่ออาหาร น้ำหนักลด กลืนอาหารลำบาก เช่นนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยเร็ว เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric cancer) มีอุบัติการณ์เป็นอันดับที่ 5 ของโรคมะเร็ง ทั้งหมด และถือเป็น สาเหตุการตายอันดับที่ 3 จากการตายจากโรคมะเร็งทั้งหมดทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 6 ในผู้ชาย และอันดับที่ 9 ในผู้หญิง โดยมีอุบัติการณ์ที่ 5 รายในประชากร 100,000 คน ถึงแม้จะพบได้ไม่บ่อยในคนไทยแต่ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในประเทศไทย มักพบในระยะท้ายของโรค และมีการ พยากรณ์โรคที่ไม่ดี มะเร็งกระเพาะอาหาร เกิดจากการที่เซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารมีการแบ่งจำนวนมากขึ้น อย่างผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของกระเพาะ เมื่อมะเร็งมีขนาด ใหญ่ขึ้น จะเกิดการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และสามารถกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ ปอด และรังไข่ได้ ปัจจัยเสี่ยง อายุ เพศ เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง 2 เท่า มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อชาติ พบในคนเอเชียโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออก (จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น ) ได้มากกว่าชนชาติผิวขาวกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา อาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทหมักดอง ตากเค็ม รมควันเพิ่มความเสี่ยงของโรค ได้มากขึ้นในขณะที่ การรับประทานผักและผลไม้สดอาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้ การติดเชื้อ Helicobacter pylori เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบ และแผลในกระเพาะอาหารได้ การติดเชื้อชนิดนี้ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้มากขึ้น เคยได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้ ภาวะอ้วน ทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหารและกระเพาะส่วนต้นทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร ในระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการแสดงที่เฉพาะและอาจมีอาการคล้ายโรคอื่นๆเช่นโรคแผลในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารอักเสบได้แก่รู้สึกอาหารไม่ย่อยหรือรู้สึกไม่สบายท้องท้องอืดหลังรับประทานอาหารคลื่นไส้เล็กน้อยไม่อยากรับประทานอาหารมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการลุกลามขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้รู้สึกไม่สบายท้องโดยเฉพาะช่องท้องบริเวณส่วนบนและตรงกลางมีเลือดปนในอุจจาระอาเจียนโดยอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ำน้ำหนักตัวลดลงปวดท้องหรืออาเจียนเป็นอาหารที่กินเข้าไป เนื่องจากมีการอุดตันของกระเพาะอาหารกลืนติดหรือทานอาหารได้ลดลงอ่อนเพลีย การวินิจฉัยโรค -การซักประวัติและการตรวจร่างกาย -การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา ถือเป็นการตรวจหลักในการวินิจฉัย ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีการย้อมสีที่เยื่อบุและการขยายภาพ ทำให้สามารถวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกได้ -การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT scan ซึ่งจะแสดงภาพอวัยวะภายเพื่อให้เห็นตำแหน่งของโรคและการกระจายของโรคได้ละเอียดมากกว่าการเอกซเรย์ธรรมดา ระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและการรักษา การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อร้ายการกระจายไปอวัยวะอื่นๆหรือไม่และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยคณะแพทย์ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ระบบทางเดินอาหารศัลยแพทย์แพทย์และแพทย์รังสีรักษา ทำการปรึกษาร่วมกันเพื่อวางแผนการรักษาที่ดีที่สุด -มะเร็งระยะเริ่มแรก (early gastric cancer) หมายถึงมะเร็งที่อยู่เฉพาะชั้นเยื่อบุส่วนบนของกระเพาะอาหาร โดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการทำการตรวจส่องกล้องสำหรับการตรวจสุขภาพ สามารถทำการรักษาด้วยการตัดผ่านกล้องส่องตรวจทางเดินอาหารเพียงอย่างเดียวได้ เนื่องจากมีโอกาสที่จะมีการกระจายของมะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลืองน้อยมาก และได้ผลการรักษาที่ดีมาก โดยมีอัตราการอยู่รอดที่ 10 ปีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ -มะเร็งในระยะลุกลาม (advanced gastric cancer) หมายถึง มะเร็งที่มีการลุกลามเข้าสู่ชั้นเยื่อบุส่วนล่าง หรือกล้ามเนื้อของกระเพาะอาหาร สามารถมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองได้มากกว่ามะเร็งในระยะเริ่มแรก ซึ่งเป็นมะเร็งระยะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยคนไทย ผู้ป่วยมักจะมีอาการ เช่น อืดท้อง อาหารไม่ย่อย หรือ มีเลือดออกในกระเพาะ มาสักระยะหนึ่ง การรักษาหลักของมะเร็งระยะนี้คือการผ่าตัดกระเพาะร่วมกับการผ่าตัดเลาะเอาต่อมน้ำเหลืองโดยรอบออก และให้การรักษาเสริมหลังผ่าตัดด้วยยาเคมีบำบัด เพื่อลดการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง โดยในปัจจุบันในรายที่เหมาะสม การผ่าตัดสามารถทำได้ด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งได้ประโยชน์ในแง่ของการฟื้นตัวที่เร็วกว่า ความปวดจากแผลผ่าตัดที่น้อยกว่า โดยไม่มีความแตกต่างกันของผลการผ่าตัดเมื่อเทียบกับการผ่าตัดเปิด -มะเร็งระยะแพร่กระจาย หมายถึงมะเร็งระยะที่มีการกระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ตับอ่อน ช่องท้อง ปอด หรือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป การรักษาหลักของระยะนี้คือการรักษา ด้วยยาเคมีบำบัด การผ่าตัดจะทำในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนจากมะเร็ง เช่น ทางเดินอาหารอุดตัน หรือเลือดออกที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่น โดยทั่วไปผู้ป่วยที่อยู่ในระยะนี้จะมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี แต่ก็ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด จนสามารถกลับมา ทำการผ่าตัดเพื่อเอามะเร็งออกได้ มะเร็งกระเพาะอาหาร ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว เป็นเรื่องใกล้ตัวเลยทีเดียว ดังนั้นหากใครมีอาการคล้ายของโรคกระเพาะอาหาร ไม่ควรนิ่งนอนใจควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และรับการรักษาได้ตั้งแต่ต้นเหตุและตรงจุดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดีกว่านะ เพราะมะเร็งกระเพาะอาหารร้ายแรงแถมอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากในระยะเริ่มแรกไม่มีอาการแสดงชัดเจน การตรวจพบเจอในระยะแรก สามารถรักษาได้ ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.วิศิษฏ์ เกษตรเสริมวิริยะ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งลำไส้ โรงพยาบาลนนทเวช โทร 0-2596-7888 https://www.nonthavej.co.th/Gastric-cancer-F.php
  4. ทุกวันนี้จะออกจากบ้านแต่ละทีสิ่งที่ต้องเช็คนอกจากเรื่องการจราจรแล้ว ยังมีเรื่องของฝุ่น โดยต้องตรวจค่าฝุ่นก่อนทุกครั้งที่จะเดินทาง ฝุ่นละออง PM 2.5 ถือเป็นเทรนด์ของช่วงนี้และกำลังเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทยเพราะมีอันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เรามาทำความรู้จักกับฝุ่น PM 2.5 เพื่อหาวิธีรับมือและป้องกันอันตราย จาก ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เล็กจนขนจมูกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่กรองฝุ่นนั้นไม่สามารถกรองได้ ซึ่งแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ ตัวฝุ่นเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอื่นๆ สำหรับผู้ป่วยทางเดินหายใจแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา ที่มีขายทั่วไปที่จะเห็นว่าด้านหนึ่งมีสีเขียวหรือสีฟ้า อีกด้านเป็นสีขาว วิธีสวมใส่จะต้องเอาด้านสีขาวเข้าหาใบหน้า สามารถดูดซับน้ำ เช่นน้ำมูกน้ำลายมีลักษณะผิวนุ่ม และบานพับจีบของหน้ากากจะเป็นแบบหงายขึ้นเก็บละอองน้ำมูกน้ำลายได้ดี ส่วนด้านนอกคือด้านสีเขียวหรือสีฟ้าจะมีการเคลือบสารลดการซึม เวลามีน้ำมูกน้ำลายกระเด็นมาก็จะไม่ซึม เมื่อใช้อย่างถูกต้องให้ผลดีเท่ากับหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งเพราะประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อระหว่างหน้ากากผ้า และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ในคนที่ยังไม่ป่วยก็เหมือนกัน โดยปกติน้ำมูกน้ำลายจะไม่เยอะมาก ส่วนคนป่วยแล้วใช้หน้ากากอนามัยจะเหมาะสมน้ำมูกน้ำลายเยอะจะป้องกันการซึมได้ดี ใครที่ยังไม่ป่วยจึงสามารถใช้หน้ากากผ้าได้ ปัจจุบันในประเทศไทยได้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทำให้ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันเช่นการใส่ Mask หรือหน้ากากอนามัย สำหรับหน้ากาก N95 จะเหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วย มีโอกาสพบผู้ป่วยมีเชื้อเยอะ ต้องใช้แบบคุณภาพสูงสุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอันตรายต่อสุขภาพ วิธีรับมือกับฝุ่นละออง PM 2.5 สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น สวมหน้ากากอนามัย PM2.5 ป้องกันฝุ่นก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านควรป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย PM 2.5 ใช้เจลล้างมือ หากต้องรับประทานอาหารนอกบ้าน ควรล้างมือให้สะอาดด้วยเจลล้างมือก่อนทุกครั้งเพื่อปกป้องและยับหยั้งเชื้อโรค เตรียมยาให้พร้อม สำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ แพ้ง่าย เช่นแพ้ฝุ่นแพ้อากาศควรพกยาติดตัวไว้ด้วย กลุ่มเสี่ยงอย่าออกนอกบ้าน ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว เช่นโรคทางเดินหายใจ โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนัง โรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีควมจำเป็นต้องใส Mask เพื่อป้องกันตัวเอง หากมีอาการ รีบพบแพทย์ หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และคุณไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยด้วยแล้ว สอบถามสินค้า สอบถามข้อมูลการใช้ยา โดยเภสัชกรค่อยให้คำแนะนำได้ที่ http://a0.pise.pw/MTYCT
  5. ส่วนใหญ่เรามักจะคุ้นเคยกับวัยทองผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ทราบมั้ยว่าวัยทองก็เกิดขึ้นในผู้ชายเช่นกัน ผู้ชายที่มีอายุมากขึ้นเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศน้อยลง คุณผู้ชายสามารถสังเกตอาการ และรับมือเมื่อเข้าสู่วัยทองด้วยการเลือกทานอาหารเสริมเพื่อผู้ชายวัยทอง มารู้จักวัยทองผู้ชาย เมื่อมีอายุมากขึ้น การผลิตฮอร์โมนเทสเตอโรนของลูกอัณฑะจะค่อย ๆ ลดลงและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย อารมณ์ รวมไปถึงเรื่องเพศ เช่น หย่อนสมรรถภาพทางเพศ มีลูกยาก อัณฑะมีขนาดเล็ก ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลงส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรง นอนไม่หลับ สมาธิลดลง มีปัญหาเกี่ยวกับการจดจำ นอกจากนี้ยังเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเทสเตอรโรนลดลงเร็วกว่าปากติจนนำไปสู่ภาวะวัยทองผู้ชายได้ เช่นกรรมพันธุ์ ความเครียด หรือพฤติกรรมบางอย่าง เช่นการทำงานหนัก การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงเลือกทานอาหารเสริมเพื่อผู้ชายวัยทอง จินเซง มิกซ์ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโสมจินเซงผสมสมุนไพรรวม ช่วยในการบำรุงร่างกายคุณผู้ชายให้สมบูรณ์แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ช่วยบำรุงร่างกายเพิ่มสมรรถภาพท่านชาย โดยในจินเซง มิกซ์ มีสารจินเซนโนไซด์ เป็นสารสกัดหลักมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และระบบประสาทส่วนกลาง ลดความอ่อนล้าจากการทำงาน ป้องกันภาวะสมองเสื่อม ส่งเสริมสมาธิและความจำ ยับยั้งอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของร่างกายทำให้ร่างกายท่านชายกระชุ่มกระชวยแข็งแรงมากขึ้น สรรพคุณ เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ ช่วยในการชะลอวัย ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสมรรถภาพท่านชาย ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ทำให้มีสมาธิ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยให้นอนหลับสบาย ลดอาการเหนื่อยเพลีย ไม่มีแรง ลดการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดตีบ หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่ http://www.cal-t.com/จินเซง-มิกซ์-ginseng-mix/
  6. คนไม่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศไม่มีวันเข้าใจว่าการหาทางออกกับเรื่องนี้ระหว่างทางต้องเผชิญกับอะไรบ้าง กาแฟม้าขาว ตระหนักถึงปัญหาดีว่ามันคือปัญหาอันดับต้น ๆ ของชีวิตคู่เลยก็ว่าได้ หากคนใดคนหนึ่งมีปัญหาอาจกระทบไปถึงคู่ของคุณด้วย กาแฟสมุนไพร จึงเป็นทางออกที่อยากให้ผู้ที่มีปัญหาได้ลองเปิดใจสัมผัสกับสรรพคุณที่มีฤทธิ์ช่วยระบบร่างกายต่าง ๆ เช่น กระชายดำ ที่จะช่วยบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ เพิ่มขนาด เสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นยาอึด บำบัดโรคนกเขาไม่ขัน ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโสม ที่เข้าช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้น้องชายแข็งตัวได้เร็ว และนานอีกด้วย ไม่เพียงแม้แต่กระชายดำ โสม เท่านั้น ยังมีโกจิ เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า กราวเครือแดง ใบแปะก๊วย ฯลฯ เพื่อความสนุกความสนุกของคุณและคนทีคุณรัก อย่าลืมดูแลร่างกายและสมรรถภาพทางเพศให้ฟิตปั๋งเหมือนตอนหนุ่ม ๆ เพื่ออรรถรสบนเตียงและสีสันชีวิตที่คุณไม่เคยได้รับมาก่อน เลือก กาแฟม้าขาว ท่านใดที่สนใจสามารถหาซื้อกาแฟเพิ่มพลังเพศชาย กาแฟม้าขาวได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.makhaw.com หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ เบอร์โทร : 064-1314567 Line : @makhaw https://bit.ly/2PD47jc FB : https://www.facebook.com/MaKhawCoffee/
  7. ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ช่วงเวลาแห่งความสุข ความสนุกของทุกครอบครัว กาแฟม้าขาวขอเป็นส่วนหนึ่งในการกระชับรัก กระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวให้แน่นขึ้น กลับมามีพลังเหมือนหนุ่มสาว มีความสุขกลับชีวิตรักอีกครั้ง และในโอกาสนี้ กาแฟม้าขาว ขอให้ทุกๆ ท่านประสบเรื่องดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปในปีนี้นะครับ ขอให้ธุรกิจการเงินเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง มีความสุข คิดสิ่งใดก็สมความปรารถนาครับ ในปีนี้เราจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าของเราดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อลูกค้าทุกท่าน โดยจะโปรโมชั่นใหม่ๆ ราคาถูกใจทุกท่าน แล้วยังคงคุณภาพของสินค้าให้ดีเหมือนเดิมแน่นอนครับ พร้อมการพัฒนาสูตรส่วนผสมเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้นแต่ยังคงความหอมของเมล็ดกาแฟไว้ แต่ที่เพิ่มมากขึ้นคือเรื่องของคุณภาพและส่วนช่วยในเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นได้ด้วย กาแฟม้าขาว กาแฟสำหรับผู้ชายที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไพร ออกฤทธิ์เร็วภายใน 15-30 นาที ไม่มีผลข้างเคียงทำให้ผู้ใช้พึงพอใจ กระตุ้นให้ความเป็นชายกลับคืนมากระชุ่มกระชวย คึกคักและช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นทำจากสมุนไพร รักษาปัญหาจากต้นเหตุ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ปลอดภัยกว่าไวอากร้า แต่ให้สรรพคุณคล้าย ๆ กัน ท่านสุภาพบุรุษสามารถบอกลาคำสบประมาท ต่าง ๆที่เคยเจอได้อย่างแน่นอน ขอให้ปี 2020 นี้เป็นปีแห่งความสุข ความสำเร็จแก่ทุกท่าน และทางเรา ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ใช้บริการอุดหนุนสั่งซื้อ กันไม่ขาดสายด้วยดีเสมอมา และแน่นอนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจกับเราเสมอมา ท่านใดที่สนใจสามารถหาซื้อกาแฟเพิ่มพลังเพศชาย กาแฟม้าขาวได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.makhaw.com หรือติดต่อสั่งซื้อได้ที่ เบอร์โทร : 064-1314567 Line : @makhaw https://bit.ly/2PD47jc FB : https://www.facebook.com/MaKhawCoffee/
  8. การใส่แว่นตาหรือแว่นสายตาเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่ช่วยให้ผู้มีปัญหาสายตากลับมามองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น แต่จะเลือกแว่นตายังไงดี? รูปหน้าแบบนี้ใส่แว่นตาแบบไหนดี? เทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการผลิตเลนส์แว่นตาออกมาให้เลือกมากมายหลายชนิด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว เกิดคำถามมากมายสำหรับคนที่กำลังมองหาแว่นใหม่ ทำให้ตัดสินไม่ถูกไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีแว่นตาฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิตประจำวัน ของเราอย่างตรงจุด ได้ทั้งฟังชั่นการใช้งาน และแฟชั่นมองมุมไหนก็สวย ใส่แล้วไม่ดูเป็นสายเนิร์ดแน่นอน นี่เลย...แบรนด์แว่นตา ฟังก์ชั่น ic! berlin แบรนด์ระดับไฮเอนด์ จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นแว่นตาที่มีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมการผลิตชั้นยอด ทำให้เมื่อสวมใส่ไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณรอบดวงตา และยังมีจุดเด่นทั้งด้านฟังก์ชั่นและแฟชั่น ที่ซ่อนอยู่ในการออกแบบ การันตีถึงความแข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เบาสบาย ออกแบบได้ทันสมัย โดดเด่น ทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์ ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศหลายต่อหลายคน ด้วยดีไซน์ที่มี iconic style & Function ครบครัน ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนยุคใหม่ ต้องยกให้ ic! berlin รุ่น Felix L. รุ่น Hansa และรุ่น P-Berg ... สวย ถูกใจ คนรุ่นใหม่แน่นอน ขอบคุณข้อมูลแว่นตาดีๆจาก KT Optic
  9. การใส่แว่นตาหรือแว่นสายตาเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่ช่วยให้ผู้มีปัญหาสายตากลับมามองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น แต่จะเลือกแว่นตายังไงดี? รูปหน้าแบบนี้ใส่แว่นตาแบบไหนดี? เทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการผลิตเลนส์แว่นตาออกมาให้เลือกมากมายหลายชนิด เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว เกิดคำถามมากมายสำหรับคนที่กำลังมองหาแว่นใหม่ ทำให้ตัดสินไม่ถูกไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เรามีแว่นตาฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ การใช้ชีวิตประจำวัน ของเราอย่างตรงจุด ได้ทั้งฟังชั่นการใช้งาน และแฟชั่นมองมุมไหนก็สวย ใส่แล้วไม่ดูเป็นสายเนิร์ดแน่นอน นี่เลย...แบรนด์แว่นตา ฟังก์ชั่น ic! berlin แบรนด์ระดับไฮเอนด์ จากประเทศเยอรมนี ถือเป็นแว่นตาที่มีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมการผลิตชั้นยอด ทำให้เมื่อสวมใส่ไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณรอบดวงตา และยังมีจุดเด่นทั้งด้านฟังก์ชั่นและแฟชั่น ที่ซ่อนอยู่ในการออกแบบ การันตีถึงความแข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เบาสบาย ออกแบบได้ทันสมัย โดดเด่น ทั้ง 3 รุ่น 3 สไตล์ ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศหลายต่อหลายคน ด้วยดีไซน์ที่มี iconic style & Function ครบครัน ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนยุคใหม่ ต้องยกให้ ic! berlin รุ่น Felix L. รุ่น Hansa และรุ่น P-Berg ... สวย ถูกใจ คนรุ่นใหม่แน่นอน ขอบคุณข้อมูลแว่นตาดีๆจาก KT Optic
  10. ซุปตาแชร์ไอเดีย แมทช์ลุคกับแว่นตาแฟชั่น เทรนด์สุดชิค 2020 วันนี้ เราจะพาสาว ๆ สายแฟชั่นมาเปิดโลกการแมทช์แว่นตาแฟชั่นให้เข้ากับลุคต่าง ๆ โดยมีอินสปายเก๋ ๆ ชิค ๆ จากซุปตาร์เมืองไทยที่ต้องบอกเลยว่าแต่งง่ายมาก ๆ แค่มีแว่นทุกอย่างคือคอมพลีทลุค ทำความรู้จักกับ Christian Dior Eyewear งานฝีมือ อันปราณีต ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่แฝงไปด้วยรายละเอียด ดีเทล ผ่านกระบวนการผลิตแว่นที่ปราณีต พิถีพิถัน ที่มีกระบวนการผลิตมากกว่า 250 ขั้นตอน ทำให้แว่นมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว ทันสมัย น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย เและเป็นแบรนด์เดียวที่ยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบ ดีไซน์ โดยทีมออกแบบจาก Fashion House ปารีส แว่นตาแฟชั่นรุ่นนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นรุ่นที่แม่อั้มใส่ CRD DIORBYDIOR-2M2-60 เพียง 18,900 บาท สวยเก๋โดดเด่นมาแต่ไกล มาถึงรุ่นที่เจ้าแม่นาคีอย่าง แต้ว ณฐพร ชื่อรุ่น CRD SOSTELLAIRE1-807-59 เพียง 15,000 บาท รุ่นที่คิมเบอร์ลี่ และคุณจุ๋ย วรัทยา นี้ก็สวยไม่แพ้กัน CRD STELLAIREO1 เพียง 12,960 - 14,400 บาท มาถึงรุ่นนี้กันบ้าง ไม่เพียงเบลล่าใส่สวย ใครใส่ก็ต้องสวย แมทช์ง่ายมาก ๆ เข้ากับทุกชุด DIORCOLORQUAKE1 เพียง 15,840 บาท มากันที่รุ่นที่สาวน้อยแพรวา(รักติดไซเรน)เลือกใส่ ต้องบอกว่าเข้ากับวัย เหมาะสมมาก ๆ แมทช์ง่ายไม่ซับซ้อน ชื่อรุ่น CRD DIORSTELLAIREO5-NOA เพียง 12,960 บาท มาถึงแว่นตาแฟชั่นรุ่นแม่ชมกันบ้าง ถ้าแม่ชมเลือกคือดี กรอบแว่นสายตา CRD STELLAIREO3 เพียง 11,700 บาท นี่เป็นเพียงไอเดียคร่าว ๆ ที่ให้ทุกคนแมทช์ตามง่าย ๆ ก็เท่านั้น เพราะถ้าใครคิดว่าตัวเองสามารถแมทช์แว่นตาแฟชั่นแว่นกันแดดแฟชั่น ได้เป๊ะปังกว่านี้ก็เชิญเลยที่ KT Optic มีหมดครบที่เดียว ทั้งแว่นตาผู้ชาย แว่นตาผู้หญิง อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับแว่นต่าง ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ KT Optic ➡ UD Town , Tel. 042 932 952 ➡ Megabang , Tel. 02 105 1602 ➡ Terminal 21 Asok , Tel. 02 108 0767 ➡ Future (Central Zone) , Tel. 02 567 6096 ➡ Centralplaza WestGate , Tel. 02 194 2794 ขอบคุณข้อมูลแว่นตาแฟชั่นดีๆจาก KT Optic
  11. ปัจจุบันเราอยู่ในยุคดิจิตอล ที่ทุกอย่างทำงาน สั่งการ และกำหนดชีวิตของเราแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่เกิดประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตเรามากขึ้น จนเราใช้งานสิ่งนั้นมากเกินไปหรือบางคนอาจต้องใช้เป็นเวลานานเพราะความจำเป็น โดยไม่รู้ว่าเจ้าอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ อาจส่งผลต่อร่างกายเราได้ นั่นคือแสงสีน้ำเงิน เราจึงอยากแนะนำอันตรายจากแสงสีน้ำเงิน ที่มีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โทรทัศน์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อันตรายจากแสงสีน้ำเงิน : ในธรรมชาติทั่วไป จะมีพลังงานแสงที่พอเหมะกับการมองเห็นของดวงตา แต่สำหรับอุปกรณ์ Digital จะพบว่าแสงสีน้ำเงินมากเป็นพิเศษ และเมื่อจ้องมองนาน ๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อดวงตา หรือเสี่ยงเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม แล้วทราบหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อดวงตา? โรคจอประสาทตาเสื่อม, ตาพร่ามัวมองภาพไม่ชัด, ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เลนส์แว่นตา Blue Control จึงเป็นเลนส์แว่นตาที่เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ผูกพันอยู่กับเทคโนโลยี Digital เลนส์ถูกออกแบบให้ลดทอนคลื่นสีน้ำเงินลง เพื่อเวลาใช้งานจะป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อดวงตา โดยการตัดความยาวคลื่นแสงสีน้ำเงินที่ 440 mm ซึ่งเป็นค่าที่ไดรับการยืนยันจาก JAPAN INDUSTRIAL STANDARD แล้วว่า เป็นระดับที่มองเห็นภาพได้ดีที่สุด และปกป้องสายตาได้ปลอดภัยที่สุด สิ่งที่จะได้รับจากเลนส์แว่นตา BluControl การมองภาพนุ่มนวลและสบายตากว่า ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม ลดแสงจ้าจากไฟ LED ท้ายรถยนต์ ป้องกันการปวดตา โดยผลลัพธ์จากการใช้เลนส์ Blue Control จะทำให้ดวงตาปลอดภัยจากแสงสีน้ำเงินที่มาจากอุปกรณ์ digital และยังช่วยให้ลดปัญหาจากแสงจ้าที่เกิดจากไฟ LED ท้ายรถยนต์ด้วย ยังมีคุณสมบัติของมัลติโค้ท ที่มีความทนทาน, แข็งแรง, ทำความสะอาดง่าย และลดการเกิดรอย ที่จะทำให้การมองเห็นที่คมชัดและยืดอายุการใช้งาน ด้วยคุณสมบัติการเคลือบผิว 5 ประการ ได้แก่ ป้องกันการเกิดรอยถึง 3 เท่า การตัดแสงสะท้อน ทำความสะอาดง่าย ป้องกันฝุ่นละอองและรอยนิ้วมือ ป้องกัน UV ขอบคุณข้อมูลเลนส์แว่นตา ดีๆจาก KT Optic
  12. กระแสรักษ์โลกกำลังมาแรง สุดๆ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจโลกและพยายามที่จะมีไลฟ์สไตล์รักษ์โลก ใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมี ผู้พัฒนาสินค้าหรือนวัตกรรมที่ไม่เบียดเบียนโลก แนวคิดสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์ได้จริงมาก ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในสินค้ารักษ์โลกที่เรากำลังจะนำเสนอในวันนี้ก็คือแว่นตารักษ์โลก!! เรามีตัวอย่างและแนวคิดจากแบรนด์ดังที่ ทำแว่นตาจากวัสดุธรรมชาติมาแนะนำกัน แบรนด์ OChis ที่ผลิตแว่นตามาจาก “กากกาแฟ” ซึ่งออกมาเท่มากแบบเหลือเชื่อ แถมยังเป็นมิตรต่อธรรมชาติไอเดียนี้ส่งตรงจาก “ยูเครน” ซึ่งริเริ่มมาจากความคิดที่ต้องการผลิตแว่น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และทดลองทำจากหลายวัสดุธรรมชาติ แบรนด์ Dick Moby ผู้ผลิตแว่นตาชื่อดังในยุโรป ที่ตระหนักถึงเรื่องของขยะในท้องทะเลที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จึงคิดริเริ่มผลิตแว่นตา และซองใส่แว่นตาขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล หรือแม้แต่ผ้าทำความสะอาดก็ทำมาจากขวดพลาสติก ที่ใช้แล้ว แบรนด์ Qoowl แว่นกันแดด สุดฮิปที่ผลิตจากไม้อัดธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่สร้างขยะย่อยยากเพิ่มขึ้นบนโลก และด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์คัท จึงทำให้แว่นมีน้ำหนักเบาพกพาง่าย และสามารถนำมากันแดดได้ผลจริงอีกด้วย แบรนด์ Unsuikyo (อุนชุเคียว) แว่นตาที่ถูกออกแบบและดีไซน์ จากความเป็นธรรมชาติ ไม้, หิน วัสดุคุณภาพสูงที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก โดยแว่นตาที่ออกแบบมานั้น ไม่เหมือนกัน ไม่ซ้ำใครในโลก ทุกตัวจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยงานฝีมือระดับสูง แสดงออกมาจากมุมมองที่แตกต่างกัน ในวันที่สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จนส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์แย่ลงเรื่อยๆ การที่เราหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจเป็นการเป็นแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้โลก เราดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นไปได้ ขอบคุณข้อมูลแว่นตา ดีๆจาก KT Optic
  13. “ตะคริว” มักเกิดกับกล้ามเนื้อขา จะพบได้บ่อยในช่วงวัยกลางคนและผู้สูงอายุ มักมีอาการ ตะคริว ที่ ขา ตอน กลางคืนเป็นประจำ การเกิดตะคริว กลางคืนนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณน่องขาเกิดการหดตัวในเวลาที่เรานอนหลับ การหดเกร็งที่กล้ามเนื้อมากจนทำให้เป็นตะคริวและเจ็บปวดจนต้องตื่นขึ้นกลางดึก สาเหตุของการเกิดตะคริว เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทแมกนีเซียม และ แคลเซียม ไม่เพียงพอ และบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานาน ๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป การเป็นตะคริวนั้น เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว ความเจ็บปวดจะยังไม่หายไปในทันทีแต่จะยังเจ็บต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง บางครั้งสาเหตุเกิดจากการยืดตัวของกล้ามเนื้อ เช่นยืดผิดท่า จนทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บจึงสามารถทำให้เกิดตะคริวได้ เราจะแก้ไขอย่างไรดี ? เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เราเป็นตะคริวได้ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและอย่างพอเหมาะพอควร ก็สามารถป้องกันการเป็นตะคริวได้ หรือด้วยการเน้นรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม และที่สำคัญคือแมกนีเซียม เราจึงขอแนะนำแคล-ที แมกนีเซียม พลัส วิตามินรวม เพื่อเสริมแมกนีเซียมให้ร่างกายอย่างเพียงพอ มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ลดอาการเหน็บชาและอาการเป็น ตะคริว ตอน นอน แมกนีเซียมช่วยได้ หากท่านใดสนใจสินค้าหรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกับเราได้ที่ http://www.cal-t.com/แมกนีเซียม-พลัส-วิตามิน/
  14. เจ้าฝุ่น PM 2.5 ยังตามมาทำลายสุขภาพเราไม่เลิกรา ทั้งระบบทางเดินหายใจ ยังส่งผลไปถึงดวงตาของเราอีกด้วย โดยเฉพาะกับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ อาจเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองต่างๆ หรือฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นได้ ฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจ หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยต่อดวงตาของเรา เมื่อเราใช้คอนแทคเลนส์ ควรล้างทำความสะอาดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคสะสม ดังนั้นเมื่อใส่มาทั้งวันแล้ว ควรถอดคอนแทคเลนส์ ไม่งั้นตาจะอักเสบ และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ให้ถอดออกมาล้างเป็นประจำทุกคืน ด้วยขั้นตอนและวิธีล้างคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง จะช่วยรักษาความสะอาดของคอนแทคเลนส์ได้แล้วยังลดอันตรายจากการใส่คอนแทคเลนส์ได้อีกด้วย วิธีล้างทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ และ ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ ล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่ และน้ำเปล่า จากนั้นยังไม่ต้องเช็ดมือ เพราะผ้าเช็ดมือนั้นมีสิ่งสกปรก ได้แก่ เศษผง และฝุ่นเล็กๆ ที่มองไม่เห็นติดอยู่ นำคอนแทคเลนส์วางบนฝ่ามือ จากนั้นหยดน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ประมาณ 7-10 หยด ลงบนคอนแทคเลนส์ แล้วใช้นิ้วถูวนเบาๆ ประมาณ 5-10 รอบ ค่อยๆ เทน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ทิ้ง จากนั้นหยิบเลนส์ด้วยคีมสำหรับหยิบเลนส์ขึ้นมาใส่ในตลับและแช่น้ำยาคอนแทคเลนส์ ปิดฝาให้สนิท เพียงเท่านี้ดวงตาของเราก็ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 และฝุ่นควันต่างๆ ตลอดทั้งวันได้แล้ว ขอบคุณข้อมูลเลนส์คอนแทคเลนส์ ดีๆจาก KT Optic
  15. เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฮบริดสิ่งที่หลาย ๆ ท่านกังวลใจคงหนีไม่พ้นเรื่องการดูแลรักษา เพราะคิดว่าคงจะดูแลยากใช่ไหมล่ะคะ? ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยบวกกับความหรูหราของตัวรถ ทำให้อาจจะดูซับซ้อนและดูแลยาก แต่วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบจากปากช่างยนต์กันว่าแท้จริงแล้วรถยนต์ไฮบริดดูแลยากจริงหรือไม่? ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษารถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา “ช่างพูด” เมื่อเข้าใจระบบไฮบริดแล้ว การซ่อมบำรุงก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนหน้าที่จะได้เข้าอบรม หลายๆ คนอาจจะยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต "ก่อนหน้านี้จะคิดว่า ระบบไฮบริด เป็นอะไรที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่พอมาอบรมแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายกับรถยนต์ธรรมดาทั่วไปเลย ยิ่งเราได้เรียนรู้ระบบเซฟตี้อย่างถูกต้องเวลาจะทำการซ่อมบำรุงจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถไฮบริดแล้ว ทำให้มั่นใจในการให้บริการซ่อมรถไฮบริดมากยิ่งขึ้น" จเด็จ นพคุณ จากชวลิต ออโต้ แอนด์บอดี้เซอร์วิส "การซ่อมบำรุงก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้วครับ พอมาเข้าใจระบบไฮบริดแล้ว ไม่ได้ยากอะไรเลย ที่สำคัญการบำรุงรักษาพื้นฐานนั้นไม่ได้แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก หรือการเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ นั้น เมื่อเทียบกันแต่ละรายการแล้วราคาไม่ได้ต่างกันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเลย เมื่อมองถึงความคุ้มค่าที่เราได้จากการประหยัดน้ำมันแล้ว มันดีจริงๆ ครับ" ชูเดช ศรวิโรจน์ จาก My Car Garage รถยนต์ไฮบริดดูแลไม่ได้ยากอย่างที่คิด อู่ไหนก็ทำได้ "ต่อไปนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรถไฮบริดแล้วครับ หลังจากที่ได้ผ่านการอบรมครั้งนี้ ทำให้ได้รับความรู้ในเรื่องรถไฮบริดมากขึ้น และรู้ว่าระบบไฮบริดไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย มั่นใจได้เลยครับว่า อู่ไหนๆ ก็สามารถดูแลรถไฮบริดให้คุณได้ เพราะไม่ได้ต่างอะไรกับรถยนต์สันดาปภายในเลย" ไกรสร ทาดี จาก TSC หลังจากที่จบการอบรมไฮบริด ฟอรั่มไปแล้วนั้นก็ทำให้ช่างหลาย ๆ คนได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์ระบบไฮบริดอย่างถูกต้องมากขึ้น และมีความมั่นใจในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะมีเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้นผู้ที่ยังลังเลใจที่จะเลือกใช้รถยนต์ไฮบริด ในเรื่องการดูแลรักษา น่าจะคลายความกังวลไปได้บ้าง เพราะช่างหลายๆ คน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไฮบริดดูแลได้ ง่ายนิดเดียว" ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
  16. สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพามาดูการทดลองขับ Toyota C-HR Hybrid รถยนต์ประหยัดน้ำมันรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้า ส่งผลให้ใช้งานง่ายทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะขับเคลื่อนไปด้วยระยะทางไกลแค่ไหนก็บอกเลยค่ะว่าคุ้มสุด ๆ เพราะเป็น รถประหยัดน้ำมัน เงียบ เฉียบทุกการสัมผัส อีกทั้งยังดีไซน์สวยหรู โดดเด่น เหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก ๆ วันนี้เราก็เลยอยากจะพาทุกคนมารู้จักกับ Toyota C-HR Hybrid ให้มากขึ้น ดูซิว่าหลังจากทดลองขับครั้งแรกแล้วผลเป็นอย่างไร ความรู้สึกเมื่อลองรถไฮบริดของโตโยต้าครั้งแรก พอเริ่มสตาร์ทรถผมรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์ไฮบริดนั้นเสียงเงียบมาก สำหรับความรู้สึกแรกเมื่อเหยียบคันเร่ง เราพบว่า เฮ้ย! ใครบอกว่าไฮบริดอืด นี่เถียงขาดใจ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยขับรถยนต์ไฮบริดมาก่อนเลย แต่ก็พอรู้ระบบการทำงานของรถยนต์ไฮบริด ที่ทำงานโดยใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้าผสานกันในการขับเคลื่อนเพื่อความประหยัดน้ำมัน เราโดนพูดกรอกหูมาว่า “รถไฮบริดน่ะขับไม่มันหรอกเว้ย มันจริง ต้องรถใช้น้ำมันสิ…” ผมคิดว่าไม่จริง! Toyota C-HR Hybrid เป็นรถที่เครื่องยนต์ขนาดกลางคือ 1.8 ลิตรเครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Altis 1.8 แต่มีการเสริมระบบไฟฟ้าเข้าไปเพื่อให้รถคันนี้ประหยัดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอืดลงเลย ระหว่างที่เราขับขี่อยู่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าจังหวะเร่งแซง หรือจังหวะที่ทำความเร็วจะอืดตรงไหนเลย ความคิดที่ว่ารถไฮบริดอืดนั้นแปลว่าเขาคนนั้นน่าจะไม่เคยขับแน่ ๆ ยืนยันไม่อืดขับสนุกจริงจังเลย นอกจากจะไม่อืดเรา เรารู้สึกว่าช่วงล่างของ Toyota C-HR Hybrid แน่นหนึบ ยิ่งเข้าโค้งยิ่งสัมผัสได้ถึงความเนียน จนคิดในใจว่านี่เราไม่ได้อุปทานไปเองจริง ๆ ใช่ไหม (ตอนหลังไปถามคนที่เป็นเทสต์ไดรฟ์เวอร์ตัวจริง ทุกคนคอนเฟิร์มว่า Toyota C-HR Hybrid เนียนจริง ๆ และดีกว่า Toyota ทุกรุ่นที่เคยเทสต์มา) ความประหยัดของรถไฮบริด เราเคยได้ยินมาตลอดว่ารถไฮบริดนั้นประหยัดน้ำมันมากจริง ๆ และ จากโฆษณาบอกว่า Toyota C-HR Hybrid ประหยัดน้ำมันมากซึ่งได้ยินตัวเลขครั้งแรกถึงกับงงว่าจริงเหรอที่สามารถทำได้ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร ตอนที่เราเริ่มต้นขับยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้ระดับไหน ก็ต้องลองขับไปก่อน ก่อนจะออกจากคอนโด เติมน้ำมัน E20 จนเต็มถัง 800 บาท (น้ำมันของเก่าค้างอยู่ 1 ส่วน 4 ของถัง) มาตรวัดขึ้นค่าเฉลี่ยแสดงผลให้เราดูว่าสามารถวิ่งได้ราวๆ 733 กิโลเมตรทั้งถัง นั่นหมายความว่าถ้าขับไปเชียงใหม่ถังเดียวน่าจะพอ (เสียดายที่เราไม่ได้ลองขี่ไปไกลขนาดนั้น ไม่งั้นคงเพลินกว่านี้) ผมลองคำนวณค่าน้ำมันก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าโคตรถูกมาก เท่ากับว่าขามาเราเสียค่าน้ำมันไปแค่ 375 บาทเท่านั้น (คำนวณจากระยะทาง 300 กิโลเมตรก่อนจะกลับ และคูณด้วยราคาน้ำมันวันที่เติม) ซึ่งงบที่เตรียมมาคือ 5,000 บาท เท่ากับว่าเรามีงบในการเที่ยวคูลๆ ไปดูเขาใหญ่สบายอิ่มหนำสำราญกันไปเต็มที่ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรอีกต่อไป ส่วนตลอดทั้งทริประยะทางที่ใช้เดินทางอยู่ที่ 494.6 กิโลเมตร รถกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.23 กิโลเมตร/ลิตร พอเอามาคำนวณค่าน้ำมันอีกรอบ สรุปว่าเราเสียค่าน้ำมันไปเพียง 650 บาทเท่านั้นกับการใช้รถไปเกือบ 500 กิโลเมตร ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ผมขี่บิ๊กไบค์ไป – กลับ เขาใหญ่ระยะทางเท่ากัน แถมน้ำมันยังลดลงเกินครึ่งถังมานิดเดียว เงินเหลือมหาศาลจากที่ตั้งเป้าว่าน่าจะเสียค่าน้ำมันโหดกว่านี้ เจ๋งสุดโดนใจหลาย ๆ คนเลยใช่ไหมคะ ขอยืนยันเลยว่า Toyota C-HR Hybrid ใช้งานง่ายแล้วยังเหมาะกับคนรุ่นใหม่แบบเรา ที่สำคัญประหยัดน้ำมันจริงไม่มีโม้ ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์แบบนี้แล้วไม่มีไม่ได้แล้วนะคะ ขอบคุณบทความดี ๆ จากคุณ Sam Ponsan สามารถไปติดตามอ่านประสบการณ์ทดลองขับ TOYOTA C-HR Hybrid ฉบับเต็มกันต่อได้ที่ https://www.mangozero.com/review-toyota-chr-hybrid-first-drive/
  17. ช่วงนี้คนใช้รถใช้ถนนคงเจอปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้สักทีอย่างมลพิษที่เจออยู่ตลอดจนรับมือไม่ไหวถึงอย่างไรก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าผู้ใช้รถรู้จักเลือกรถที่ดีและมีส่วนช่วยในการลดมลพิษบนท้องถนน ก็อาจจะช่วยได้มากขึ้นเลยทีเดียว แล้ววิธีเลือกรถที่ดีที่ช่วยลดมลพิษต้องเลือกอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ ใครจะคิดว่าสิ่งเล็กๆ อย่าง ‘ฝุ่นละออง’ จะกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาใหญ่ระดับโลกได้ หลายปีที่ผ่านมาเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชียอย่าง ปักกิ่ง นิวเดลี ต้องประสบกับปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจำนวนมาก ล่าสุดสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า คุณภาพอากาศอยู่ที่ระดับ ‘ดี’ และ ‘ดีเยี่ยม’ จากการวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ยอยู่ที่ 34 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งมาตรฐานคุณภาพอากาศระดับชาติอยู่ที่ 35 มคก./ลบ.ม. สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณภาพอากาศของจีนพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น คือการลดการผลิตรถยนต์และรถตู้ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน และตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ให้มีสัดส่วนอย่างน้อย 1 ใน 5 ของรถยนต์ที่ขายในจีนภายในปี 2025 เพื่อต่อสู้กับปัญหามลพิษและก๊าซคาร์บอน ย้อนกลับมาที่กรุงเทพฯ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนเริ่มตระหนัก โดยเฉพาะในปีนี้ที่เกิดขึ้นเร็วและนานกว่าปีที่ผ่านมา หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดปรากฏการณ์นี้ คือการเผาไหม้ของเครื่องยนต์อย่างไม่มีประสิทธิภาพ คงดีกว่า หากหลังจากนี้คนไทยจะเลือกใช้รถยนต์ที่ทำให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด กว่า 2 ทศวรรษแล้วที่โตโยต้าได้คิดค้นและผลิตนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก นั่นคือรถยนต์ไฮบริด รถที่ขับเคลื่อนได้จากการใช้ทั้งเชื้อเพลิงจากน้ำมันและพลังงานจากไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งเริ่มจำหน่ายรุ่นแรกคือ Toyota Prius ในปี 1997 ถือเป็นไฮบริด Generation 1 และยังได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าจนมาถึงยุคนี้ ยุคของไฮบริด Generation 4 ไฮบริดรุ่นที่ 4 ตอบทุกข้อสงสัย ประเด็นสำคัญที่อาจทำให้ผู้คนกล้าๆ กลัวๆ ยังไม่เลือกใช้รถยนต์ไฮบริด อาจจะเป็นเพราะกังวลเรื่องอายุของแบตเตอรี่ว่าจะใช้งานได้ยาวนานมากน้อยแค่ไหน และราคาแบตที่ว่าแพงนักหนา รวมไปถึงวิธีการดูแลยากกว่าปกติหรือไม่ เรื่องนี้โตโยต้ามีคำตอบอยู่ที่ไฮบริดรุ่นล่าสุด Generation 4 ซึ่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่เป็นแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) ที่มีขนาดเล็กลง เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และสามารถจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ช่วยให้ทนทานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบ PCU (Power Control Unit) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ช่วยให้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไฮบริดรุ่นที่ 4 นี้ถูกนำมาใช้ในโตโยต้า C-HR ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานอีกด้วย สำหรับหลายคนที่ยังกังขาในความปลอดภัยของแบตเตอรี่ หรือสงสัยว่าหากตัวรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบนี้ต้องลุยมวลน้ำรอการระบายในเมืองกรุงแล้วจะเป็นอย่างไร ทางโตโยต้าเองได้พัฒนาความปลอดภัยของตัวแบตเตอรี่นี้ให้สามารถลุยน้ำได้ในระดับ 10-30 เซนติเมตร เทียบเท่ารถยนต์ปกติทีเดียว ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ ที่พัฒนาขึ้นมาของแบตเตอรี่ตัวนี้ ได้แก่ การตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีการชนเกิดขึ้น ตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ที่ถุงลมนิรภัย ซึ่งเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานด้านตัวแบตเตอรี่จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ แบตเตอรี่นี้จะมีเบรกเกอร์เหมือนกับไฟในบ้าน ซึ่งเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเบรกเกอร์ก็จะตัดลงมา มีตัววัดแรงเคลื่อนหรือโวลต์ของกระแสไฟ ซึ่งหากมีกระแสไฟออกมามากเกินไป ก็จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ และตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเองยังมีประกันนานถึง 10 ปี รถยนต์ที่ขับเคลื่อนผู้คนไปด้วยพลังงานไฮบริด ในปัจจุบันพลังงานทางเลือกนับว่าอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน รถยนต์ไฮบริดก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะรถยนต์ไฮบริดเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนจะมาจากการชาร์จไฟเข้าขณะที่รถกำลังแล่นอยู่บนถนน ผ่านเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากเมื่อชาร์จไฟได้ประมาณ 80% ของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ก็จะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าในขณะขับเคลื่อน จึงใช้เชื้อเพลิงน้อยลง กินน้ำมันน้อยลงอย่างชัดเจน รวมถึงระบบสามารถแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นจากการชะลอเบรกหรือหยุดรถ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับไปเก็บในแบตเตอรี่ไฮบริดอีกด้วย ทำให้มลพิษที่ปกติจะเกิดจากการสันดาปของเครื่องยนต์ลดลงไปด้วย ช่วยในเรื่องการลดมลพิษได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น โตโยต้า พริอุส มีอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนน้อยกว่ารถยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตรทั่วไปถึง 55 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งปริมาณไอเสียที่ลดลงดังกล่าว เปรียบเทียบได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 100 ต้นต่อปีเลยทีเดียว จุดนี้ทำให้ถูกใจกลุ่มคนที่สนใจสิ่งแวดล้อม และหันมาใช้รถยนต์ไฮบริดกันมากขึ้น Toyota C-HR ไฮบริดรุ่นล่าสุด ประหยัดที่สุด เป็นมิตรที่สุด สำหรับ Toyota C-HR (Coupe High Rider) นับเป็นรถไฮบริดรุ่นที่ 4 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอกย้ำแนวคิด Ever Better Car กับการพัฒนาให้แบตเตอรี่ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมรับประกัน 10 ปี และระบบไฮบริดอีก 5 ปี จากรถยนต์ไฮบริดที่ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยโตโยต้าเป็นเจ้าแรก จนมาถึงรุ่นที่ 4 ในปีนี้ บ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาวันนี้เมื่อคนเมืองต้องเจอปัญหามลพิษใหญ่อย่างฝุ่นละอองในอากาศสูงเกินค่ามาตรฐาน อันมีสาเหตุหนึ่งมาจากเรื่องของมลพิษจากรถยนต์ โตโยต้าไฮบริดอาจเป็นอีกทางเลือกที่พร้อมรองรับทุกการขับขี่ของผู้ใช้ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องของความประหยัด ความทนทาน และความปลอดภัยในการใช้งาน คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย แค่เลือกให้เป็นก็ช่วยให้ชีวิตบนท้องถนนง่ายขึ้น สะดวกเราแล้วก็สบายผู้อื่นด้วย จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่หากทุกคนใส่ใจรายละเอียดในการเลือกรถยนต์มาขับขี่ก็จะทำให้ท้องถนนของเรามีมลพิษน้อยลงได้ ขอบคุณข้อมูลจาก https://thestandard.co/toyota-hybrid-car/
  18. สวัสดีทุกคน พี่เม่ามีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกรถยนต์มาฝากกัน เห็นว่าช่วงนี้มีหลายคนกำลังจะวางแผนออกรถใหม่กันใช่มั้ยล่ะ? พี่เม่าบอกเลยว่าถ้าใครได้อ่านจะต้องเลือกรถยนต์ได้ดีถูกใจไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ในอนาคตคงไม่มีใครอยากใช้รถยนต์แปบเดียวแล้วต้องซ่อมหรือพังบ่อย ๆ บางคนซื้อมาก็เปลืองน้ำมันสุด ๆ พี่เม่าขอเสนอ รถยนต์ HYBRID มาเป็นอีกตัวเลือกให้ตัดสินใจกันนะ ถ้าพร้อมแล้วไปดูความพิเศษของเจ้ารถยนต์ HYBRID กันเลย หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ารถยนต์ HYBRID แพงกว่ารถยนต์เบนซิน ทั้งราคารถยนต์ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาขายต่อแต่อยากอัพเดทให้ฟังว่าปัจจุบันรถยนต์ HYBRID ไม่แพงอย่างที่คิดแล้วนะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์, ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย แต่ประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลยนะ พี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ เห็นกันแล้วใช่ไหมว่า รถ hybrid คุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน ดีต่อใจและดีต่ออนาคตมากแค่ไหน ในยุคที่เศรษฐกิจขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ ถ้าเราเลือกเป็นรับรองค่ะว่าคุ้มค่าใช้ได้นานแน่นอน ถ้าท่านใดสนใจและอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ HYBRID ฉบับเต็มสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.maoinvestor.com/2018/04/hybrid.html
  19. รถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์พลังงานทางเลือก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาวันนี้เมื่อคนเมืองต้องเจอปัญหามลพิษใหญ่อย่างฝุ่นละอองในอากาศ สาเหตุหนึ่งมาจากเรื่องของมลพิษจากรถยนต์ การใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วมกัน รถยนต์ไฮบริด หรือ HEV’ จึงเป็นสิ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเริ่มต้นจากการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดเสียก่อน เป็นการเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ นาย รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารหนุ่มแห่งศรีจันทร์สหโอสถ ที่เคยมีประสบการณ์ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ถึงมุมมองต่ออนาคตของการใช้พลังงานทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ HYBRID และรถยนต์ไฟฟ้า ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว มองว่ามีทางไหนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ดีที่สุด การใช้รถยนต์ไฮบริดเป็นการทำให้เราชินระดับหนึ่ง จากการใช้เครื่องยนต์ทั่วไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากว่าร้อยปี ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่สองคือรถยนต์พลังงานทางเลือก หรือรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่รถยนต์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช้น้ำมันเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจเป็นหลัก สิ่งที่เป็นประเด็นเลยคือเรื่องของการให้ความรู้ คนไทยจำนวนมาก ค่อนข้างกลัวเรื่องของแบตเตอรี่รถ ยกตัวอย่างรถยนต์ที่ไร้คนขับ ปีหนึ่งมันขับไม่รู้กี่ร้อยล้านกิโลเมตร อาจจะมีเคสคนตายแค่ 1 คน แต่ข่าวดังมาก ในขณะที่รถยนต์ที่มนุษย์ขับมีคนตายปีหนึ่ง 2 ล้านคน จนชินกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กัน พอเป็นของใหม่มีเรื่องนิดหนึ่งจะถูกขยายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ จริงๆ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ซับซ้อนหรือซ่อมยากขนาดนั้น ยิ่งรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมาก็ยิ่งต้องให้ความรู้คนใช้มากขึ้น ถ้าคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะขึ้น ในที่สุดภาครัฐก็จะเริ่มต้องปรับตัวตาม แน่นอนว่าการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ใช่แค่การช่วยเหลืออย่างเดียว แต่เป็นการสนับสนุนด้วย ซึ่งในประเทศต่างๆ ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แสดงว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญในการทำให้คนมองเห็นถึงปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น เป็นอีกก้าวหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เป็นกลไกที่สำคัญมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ รถไฟฟ้า EV แท้ๆ ทุกวันนี้จะแพงมาก ถ้าคนไม่รู้จักก็ไม่กล้าใช้ เพราะฉะนั้นสมการมันยังไม่ลงตัว การจะทำให้เกิด EV ขึ้นจริงๆ รัฐต้องเข้ามาจัดการเหมือนที่ประเทศในยุโรปทำ ซึ่งมีขั้นตอนเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ก่อน ลดภาษี สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือถ้าต้องการให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนจริงๆ ต้องสร้าง supply chain ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย ดังนั้นกระบวนการจึงแตกต่างออกไป ผมเชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสของประเทศถ้าเราทำให้ดี ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้วย ต้องให้ความรู้อย่างเช่นสภาพแวดล้อมเราเป็นปัญหาขนาดไหน หลายคนยังไม่เข้าใจว่า ถ้าปัญหาไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ก็จะไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ โลกร้อนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เรื่องพวกนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำในสเกลที่ใหญ่พอและมีความถี่สูง อย่างครั้งแรกไม่อ่าน ครั้งที่สองไม่อ่าน ครั้งที่สิบอาจจะอ่านก็ได้ วิธีการสื่อสารก็ต้องง่ายไม่ซับซ้อน ไม่วิชาการเกินไป ส่วนภาคเอกชนจะมาในส่วนของการแก้ปัญหา อย่างเช่นรถยนต์ไฮบริด หรืออย่างในกรณีพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ตัวเลือกที่ช่วยเหลือโลกมากขึ้น การที่รัฐปรับลดโครงสร้างภาษีสำหรับรถไฮบริดและรถไฟฟ้า คิดว่าเป็นมาตรการที่ทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้ได้มากขึ้นไหม เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะว่ายังไงก็แล้วแต่ เรื่องราคาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเสมอ แล้วรถยนต์เป็นของชิ้นใหญ่ที่คนจะกังวลเรื่องราคา ถ้าลดได้ก็ดี แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูด้วย อย่างเช่นที่ชาร์ตไฟ ระบบชาร์ตไฟที่บ้านหรือข้างนอก ต้องมีการออกแบบ และเรื่องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เหมือนกับรทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือคนต้องเข้าใจว่าความแตกต่างของรถกับรถธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร เขาได้อะไรในทางตรงและทางอ้อม เรื่องเงินเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันไป ผมคิดว่าคล้ายๆ กับการกินอาหาร พวกผักสลัด ปลา อาจจะแพงกว่าอาหารอ้วนๆ หน่อย และอาจจะไม่ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกินหมูสามชั้นหรือสลัดวันนี้อาจจะไม่เห็นผลทันที แต่ถ้ามองไปในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันเห็นผล ความคุ้มค่าไม่ได้มีมิติแค่เรื่องเงินหรือส่วนต่างของน้ำมันที่เสียไป แต่เรากำลังมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนยุคหลังที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ตอนที่เราแก่และกำลังจากโลกนี้ไป เราอยากจะส่งมอบโลกนี้ให้คนรุ่นต่อไปในสภาพแบบไหน ผมว่าเรื่องนี้มีค่ามากกว่าเงินเยอะเลย แต่ในแง่การใช้งานรถยนต์ไฮบริดจริงๆ คนก็ยังกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาและการประหยัดน้ำมันอยู่ดี เรื่องของการบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่คนไทยกลัวที่สุด ก็ต้องให้ความรู้เพื่อให้เห็นภาพว่า รถคนนี้ใช้มา 10 ปีแล้ว ค่าบำรุงรักษาปีละเท่านี้เอง ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งตรงนี้คนไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เพราะหลายคนพอนึกถึงรถไฮบริดคือมีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ซ่อมยาก ขณะเดียวกันเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตกลงว่ามันช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้แค่ไหน ครึ่งหนึ่งหรือยังไง ภาพนี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกมาให้ชัด และเราอาจจะต้องพูดในอีกหลายมิติว่าเรื่องก๊าซไอเสียที่ปล่อย อย่างดีเซลก็ประหยัดเท่าๆ กัน แต่ไอเสียที่ปล่อยออกมาก็มากกว่า อีกอย่างที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นไปอีกคือเรื่องของจิตสาธารณะก็ได้ ถ้าช่วยกันเน้นย้ำว่าสิ่งแวดล้อมและอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ร่วมกัน คนก็จะรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องปล่อยไอเสียให้น้อยลง ในแง่การตลาด มีวิธีไหนที่ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เร็วที่สุดไหม รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันก็จะคล้ายๆ กัน คนต้องเห็นคนอื่นใช้สักพักก่อน แต่รถอาจจะยากนิดหนึ่งเพราะมันแพง ต้องไปดูว่าถ้าอยากจะพูดกับลูกค้า เขาจะสนใจอะไร อย่างเด็กรุ่นใหม่ก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีและรักษ์โลกมาเป็นหลัก แต่อย่างคนรุ่นเก่าจะคิดว่าประหยัดเงินได้กี่บาท ซึ่งถ้าเกิดดูเป็นเงินอย่างเดียวก็ไม่คุ้ม ต้องดูว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีกมั้ยที่จะดึงดูดให้คนยุคเก่าหันมาสนใจได้ เคยได้ทดลองใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกบ้างไหม จริงๆ ได้ใช้ตั้งแต่โตโยต้า พรีอุส เจนแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต้นดีเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จนคนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เป็นประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะว่ามันเงียบและประหยัดมาก ชอบที่สุดคือเงียบ คือเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในรถเยอะ บางทีก็ไม่ได้ฟังเพลง แต่ผมคิดว่าที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือเรื่องของความเชื่อของเราที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกนิดหนึ่ง ผมคิดว่าของทุกอย่างที่เราใช้รวมถึงรถยนต์ มันสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งการใช้ของแบบนี้มันบอกอะไรกับสังคมได้ จึงทำให้อยากจะซื้อของกับแบรนด์ที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา ไดเรกชั่นของบริษัทคืออะไร และทิศทางของสินค้ามันสอดคล้องกับตัวแบรนด์รึเปล่า มองว่าอนาคตของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ในระยะสั้นคิดว่าคนที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่สุดคือภาครัฐ ถ้าภาครัฐสนับสนุนมาแน่นอน ซึ่งโครงสร้างภาษีทำให้ราคารถค่อนข้างแพง แต่เมื่อใดที่ภาครัฐเข้ามามันจะเปลี่ยนแปลงราคาโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างมากเลย แต่ว่าระยะยาวต้องมาจากตัวผู้ใช้ที่เริ่มตระหนักว่า เราต้องดูแลโลกมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีความเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง “ผมมีความเชื่อว่าทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบและส่งต่อโลกนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะในยุคที่ ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรโลกไปเยอะมาก ตอนนี้เรามีหน้าที่คือช่วยลดความรุนแรงของเรื่องนี้ให้มากที่สุด นั่นคือการช่วยเหลือกัน” จากเรื่องราว และมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใช้รถเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำให้รถยนต์โตโยต้าไฮบริดอาจเป็นอีกทางเลือกที่พร้อมรองรับทุกการขับขี่ของผู้ใช้ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องของความประหยัด ความทนทาน และความปลอดภัยในการใช้งาน คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก https://thematter.co/sponsor/hybrid-vehicle/52352
  20. ด้วยความหรูหราทันสมัยของรถยนต์ HYBRID ทำให้มีใครหลายคนคิดว่าราคาจะต้องสูงมากแน่ ๆ ทั้งยังแพงกว่ารถยนต์เบนซิน ไหนจะค่าบำรุงรักษาต่าง ๆ แต่รู้ไหมคะว่ารถยนต์ HYBRID ไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลยค่ะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์ , ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย ที่สำคัญประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลย เดี๋ยวพี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ไปดูกันเลย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พี่เม่าเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ แล้วว่า รถยนต์HYBRID คุ้มค่าและมีดีไม่แพ้ใคร อย่าพลาดโอกาสที่จะเลือกรถยนต์ดี ๆ ให้ตัวเองสักคันนะคะ และสำหรับท่านใดที่สนใจรถยนต์HYBRID แต่ข้อมูลยังไม่จุใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.maoinvestor.com/2018/04/hybrid.htm
  21. ศึกษาข้อมูลเพื่อเสริมทักษะการซ่อมบำรุง เมื่อพูดถึงรถระบบไฮบริดแล้ว หลายคนอาจจะยังกังวลถึงระบบต่างๆ ที่มองแล้วเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยากแก่การดูแลและซ่อมบำรุง ดังนั้นทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษา รถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา เมื่อเข้าใจระบบรถ hybrid แล้ว การซ่อมบำรุงจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนที่จะได้เข้าอบรม หลายคนยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต ช่างจำนวนมากเข้ามาอบรมศึกษาเรื่องการซ่อมบำรุง และศึกษาเครื่องยนต์ระบบไฮบริด เพื่อความแม่นยำ และถูกต้องแบบนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่ยังลังเลใจ ที่จะเลือกใช้รถระบบไฮบริด อุ่นใจ และคลายกังวลเรื่องการบำรุงรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะคะ และมั่นใจได้เลยค่ะว่ารถรุ่นนี้คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
  22. Toyota C-HR Hybrid เป็นรถประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้า เสียงเงียบ เฉียบทุกการสัมผัส ที่มาพร้อมดีไซน์สวยหรู ดูเท่ เหมาะกับคนคูลๆ เอาล่ะเกริ่นมาขนาดนี้ เรามาทำความรู้จักกับเจ้า Toyota C-HR Hybrid ให้มากขึ้นกับประสบการณ์ทดลองขับครั้งแรก!! ว่าจะประหยัดจริงไหม ความรู้สึกเมื่อลองรถไฮบริดของโตโยต้าครั้งแรก พอเริ่มสตาร์ทรถผมรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์ไฮบริดนั้นเสียงเงียบมาก สำหรับความรู้สึกแรกเมื่อเหยียบคันเร่ง เราพบว่า เฮ้ย! ใครบอกว่าไฮบริดอืด นี่เถียงขาดใจ ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยขับรถยนต์ไฮบริดมาก่อนเลย แต่ก็พอรู้ระบบการทำงานของรถยนต์ไฮบริด ที่ทำงานโดยใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้าผสานกันในการขับเคลื่อนเพื่อความประหยัดน้ำมัน เราโดนพูดกรอกหูมาว่า “รถไฮบริดน่ะขับไม่มันหรอกเว้ย มันจริง ต้องรถใช้น้ำมันสิ…” ผมคิดว่าไม่จริง! Toyota C-HR Hybrid เป็นรถที่เครื่องยนต์ขนาดกลางคือ 1.8 ลิตรเครื่องยนต์เดียวกับ Toyota Altis 1.8 แต่มีการเสริมระบบไฟฟ้าเข้าไปเพื่อให้รถคันนี้ประหยัดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอืดลงเลย ระหว่างที่เราขับขี่อยู่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าจังหวะเร่งแซง หรือจังหวะที่ทำความเร็วจะอืดตรงไหนเลย ความคิดที่ว่ารถไฮบริดอืดนั้นแปลว่าเขาคนนั้นน่าจะไม่เคยขับแน่ๆ ยืนยันไม่อืดขับสนุกจริงจังเลย นอกจากจะไม่อืดเรา เรารู้สึกว่าช่วงล่างของ Toyota C-HR Hybrid แน่นหนึบ ยิ่งเข้าโค้งยิ่งสัมผัสได้ถึงความเนียน จนคิดในใจว่านี่เราไม่ได้อุปทานไปเองจริงๆ ใช่ไหม (ตอนหลังไปถามคนที่เป็นเทสต์ไดรฟ์เวอร์ตัวจริง ทุกคนคอนเฟิร์มว่า Toyota C-HR Hybrid เนียนจริงๆ และดีกว่า Toyota ทุกรุ่นที่เคยเทสต์มา) ความประหยัดของรถไฮบริด เราเคยได้ยินมาตลอดว่ารถไฮบริดนั้นประหยัดน้ำมันมากจริงๆ และ จากโฆษณาบอกว่า Toyota C-HR Hybrid ประหยัดน้ำมันมากซึ่งได้ยินตัวเลขครั้งแรกถึงกับงงว่าจริงเหรอที่สามารถทำได้ถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร ตอนที่เราเริ่มต้นขับยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้ระดับไหน ก็ต้องลองขับไปก่อน ก่อนจะออกจากคอนโด เติมน้ำมัน E20 จนเต็มถัง 800 บาท (น้ำมันของเก่าค้างอยู่ 1 ส่วน 4 ของถัง) มาตรวัดขึ้นค่าเฉลี่ยแสดงผลให้เราดูว่าสามารถวิ่งได้ราวๆ 733 กิโลเมตรทั้งถัง นั่นหมายความว่าถ้าขับไปเชียงใหม่ถังเดียวน่าจะพอ (เสียดายที่เราไม่ได้ลองขี่ไปไกลขนาดนั้น ไม่งั้นคงเพลินกว่านี้) ผมลองคำนวณค่าน้ำมันก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าโคตรถูกมาก เท่ากับว่าขามาเราเสียค่าน้ำมันไปแค่ 375 บาทเท่านั้น (คำนวณจากระยะทาง 300 กิโลเมตรก่อนจะกลับ และคูณด้วยราคาน้ำมันวันที่เติม) ซึ่งงบที่เตรียมมาคือ 5,000 บาท เท่ากับว่าเรามีงบในการเที่ยวคูลๆ ไปดูเขาใหญ่สบายอิ่มหนำสำราญกันไปเต็มที่ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรอีกต่อไป ส่วนตลอดทั้งทริประยะทางที่ใช้เดินทางอยู่ที่ 494.6 กิโลเมตร รถกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.23 กิโลเมตร/ลิตร พอเอามาคำนวณค่าน้ำมันอีกรอบ สรุปว่าเราเสียค่าน้ำมันไปเพียง 650 บาทเท่านั้นกับการใช้รถไปเกือบ 500 กิโลเมตร ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่ผมขี่บิ๊กไบค์ไป – กลับ เขาใหญ่ระยะทางเท่ากัน แถมน้ำมันยังลดลงเกินครึ่งถังมานิดเดียว เงินเหลือมหาศาลจากที่ตั้งเป้าว่าน่าจะเสียค่าน้ำมันโหดกว่านี้ สำหรับใครที่กำลังมองหารถประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใช้งานง่าย Toyota C-HR Hybrid ถือว่าตอบโจทย์มากครับ ขอบคุณบทความดีๆจากคุณ Sam Ponsan สามารถไปติดตามอ่านประสบการณ์ทดลองขับ TOYOTA C-HR Hybrid ฉบับเต็มกันต่อได้ที่ https://www.mangozero.com/review-toyota-chr-hybrid-first-drive/
  23. ศึกษาข้อมูลเพื่อเสริมทักษะการซ่อมบำรุง เมื่อพูดถึงรถระบบไฮบริดแล้ว หลายคนอาจจะยังกังวลถึงระบบต่างๆ ที่มองแล้วเครื่องยนต์มีความซับซ้อนกว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยากแก่การดูแลและซ่อมบำรุง ดังนั้นทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องเครื่องยนต์ระบบไฮบริด (ไฮบริด ฟอรั่ม) เพื่อเป็นการให้ความรู้และเสริมทักษะในการซ่อมและบำรุงรักษา รถยนต์ไฮบริดแก่อู่ที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ทั่วไป เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริดที่จะเพิ่มมากขึ้นต่อไปในอนาคต และให้ผู้ใช้รถยนต์ไฮบริด หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะใช้รถยนต์ไฮบริดได้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในเรื่องการบำรุงรักษา เมื่อเข้าใจระบบรถ hybrid แล้ว การซ่อมบำรุงจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จากเสียงของช่างที่เข้าอบรมไฮบริด ฟอรั่ม ว่าก่อนที่จะได้เข้าอบรม หลายคนยังมีความรู้ในเรื่องระบบต่างๆ ของไฮบริดไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านการอบรม ซึ่งโตโยต้าได้แบ่งออกเป็นฐานต่างๆ โดยนำเอาความรู้เกี่ยวกับระบบไฮบริดหลักๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์ มาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด ทำให้ผู้เข้าอบรมต่างมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะซ่อมบำรุงรถยนต์ไฮบริดต่อไปในอนาคต ช่างจำนวนมากเข้ามาอบรมศึกษาเรื่องการซ่อมบำรุง และศึกษาเครื่องยนต์ระบบไฮบริด เพื่อความแม่นยำ และถูกต้องแบบนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่ยังลังเลใจ ที่จะเลือกใช้รถระบบไฮบริด อุ่นใจ และคลายกังวลเรื่องการบำรุงรักษาได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วนะคะ และมั่นใจได้เลยค่ะว่ารถรุ่นนี้คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน ขอบคุณข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view189870.html
  24. รถยนต์พลังงานทางเลือก แบบรถยนต์ HYBRID เป็นรถประหยัดน้ำมันแถมยังช่วยคุณรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกวันนี้เราต้องเผชิญกับมลพิษมากมายบนท้องถนนอันเนื่องมาจากรถยนต์ จะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยหากพวกเรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ HYBRID ให้มากขึ้น เพื่อที่โลกของเราจะได้น่าอยู่ รถยนต์ไฮบริด หรือ HEV’ จึงเป็นสิ่งที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง โดยเริ่มต้นจากการก้าวเข้าสู่ยุคไฮบริดเสียก่อน เป็นการเปลี่ยนผ่านก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว รถยนต์ไฮบริดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ The MATTER มีโอกาสได้พูดคุยกับ นาย รวิศ หาญอุตสาหะ ผู้บริหารหนุ่มแห่งศรีจันทร์สหโอสถ ที่เคยมีประสบการณ์ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก ถึงมุมมองต่ออนาคตของการใช้พลังงานทางเลือกที่อย่างรถยนต์ HYBRID และรถยนต์ไฟฟ้า ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็ว มองว่ามีทางไหนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมก่อนที่จะหันไปใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ดีที่สุด การใช้รถยนต์ไฮบริดเป็นการทำให้เราชินระดับหนึ่ง จากการใช้เครื่องยนต์ทั่วไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มากว่าร้อยปี ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่สองคือรถยนต์พลังงานทางเลือก อย่างรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นการเตรียมตัวที่จะเข้าสู่รถยนต์ในอนาคตที่อาจจะไม่ใช้น้ำมันเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเข้าใจเป็นหลัก สิ่งที่เป็นประเด็นเลยคือเรื่องของการให้ความรู้ คนไทยจำนวนมาก ค่อนข้างกลัวเรื่องของแบตเตอรี่รถ ยกตัวอย่างรถยนต์ที่ไร้คนขับ ปีหนึ่งมันขับไม่รู้กี่ร้อยล้านกิโลเมตร อาจจะมีเคสคนตายแค่ 1 คน แต่ข่าวดังมาก ในขณะที่รถยนต์ที่มนุษย์ขับมีคนตายปีหนึ่ง 2 ล้านคน จนชินกันไปหมดแล้ว ซึ่งก็คล้ายๆ กัน พอเป็นของใหม่มีเรื่องนิดหนึ่งจะถูกขยายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ จริงๆ เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ซับซ้อนหรือซ่อมยากขนาดนั้น ยิ่งรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบมาก็ยิ่งต้องให้ความรู้คนใช้มากขึ้น ถ้าคนมีความรู้เรื่องนี้เยอะขึ้น ในที่สุดภาครัฐก็จะเริ่มต้องปรับตัวตาม แน่นอนว่าการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ใช่แค่การช่วยเหลืออย่างเดียว แต่เป็นการสนับสนุนด้วย ซึ่งในประเทศต่างๆ ภาครัฐมีส่วนอย่างมากในการทำให้รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แสดงว่าภาครัฐมีส่วนสำคัญในการทำให้คนมองเห็นถึงปัญหาเรื่องพลังงานมากขึ้น เป็นอีกก้าวหนึ่งที่รัฐจะต้องให้ความรู้กับประชาชน เป็นกลไกที่สำคัญมากๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดขึ้นได้ รถไฟฟ้า EV แท้ๆ ทุกวันนี้จะแพงมาก ถ้าคนไม่รู้จักก็ไม่กล้าใช้ เพราะฉะนั้นสมการมันยังไม่ลงตัว การจะทำให้เกิด EV ขึ้นจริงๆ รัฐต้องเข้ามาจัดการเหมือนที่ประเทศในยุโรปทำ ซึ่งมีขั้นตอนเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ให้ความรู้ก่อน ลดภาษี สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือถ้าต้องการให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนจริงๆ ต้องสร้าง supply chain ให้เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนต่างๆ ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย ดังนั้นกระบวนการจึงแตกต่างออกไป ผมเชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสของประเทศถ้าเราทำให้ดี ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้วย ต้องให้ความรู้อย่างเช่นสภาพแวดล้อมเราเป็นปัญหาขนาดไหน หลายคนยังไม่เข้าใจว่า ถ้าปัญหาไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านเรา ก็จะไม่มีใครเข้าใจมันจริงๆ โลกร้อนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เรื่องพวกนี้ต้องให้ความรู้กับประชาชน ไม่มีทางไหนจะดีไปกว่าการทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องทำในสเกลที่ใหญ่พอและมีความถี่สูง อย่างครั้งแรกไม่อ่าน ครั้งที่สองไม่อ่าน ครั้งที่สิบอาจจะอ่านก็ได้ วิธีการสื่อสารก็ต้องง่ายไม่ซับซ้อน ไม่วิชาการเกินไป ส่วนภาคเอกชนจะมาในส่วนของการแก้ปัญหา อย่างเช่นรถยนต์ไฮบริด หรืออย่างในกรณีพลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ตัวเลือกที่ช่วยเหลือโลกมากขึ้น การที่รัฐปรับลดโครงสร้างภาษีสำหรับรถไฮบริดและรถไฟฟ้า คิดว่าเป็นมาตรการที่ทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้ได้มากขึ้นไหม เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ เพราะว่ายังไงก็แล้วแต่ เรื่องราคาก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเสมอ แล้วรถยนต์เป็นของชิ้นใหญ่ที่คนจะกังวลเรื่องราคา ถ้าลดได้ก็ดี แต่เรื่องอื่นก็ต้องดูด้วย อย่างเช่นที่ชาร์ตไฟ ระบบชาร์ตไฟที่บ้านหรือข้างนอก ต้องมีการออกแบบ และเรื่องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เหมือนกับรทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือคนต้องเข้าใจว่าความแตกต่างของรถกับรถธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร เขาได้อะไรในทางตรงและทางอ้อม เรื่องเงินเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องทำควบคู่กันไป ผมคิดว่าคล้ายๆ กับการกินอาหาร พวกผักสลัด ปลา อาจจะแพงกว่าอาหารอ้วนๆ หน่อย และอาจจะไม่ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการกินหมูสามชั้นหรือสลัดวันนี้อาจจะไม่เห็นผลทันที แต่ถ้ามองไปในอนาคตอีกสัก 5 ปี เราจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำทุกวันนี้มันเห็นผล ความคุ้มค่าไม่ได้มีมิติแค่เรื่องเงินหรือส่วนต่างของน้ำมันที่เสียไป แต่เรากำลังมอบโลกที่ดีกว่าให้กับคนยุคหลังที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ตอนที่เราแก่และกำลังจากโลกนี้ไป เราอยากจะส่งมอบโลกนี้ให้คนรุ่นต่อไปในสภาพแบบไหน ผมว่าเรื่องนี้มีค่ามากกว่าเงินเยอะเลย แต่ในแง่การใช้งานรถยนต์ไฮบริดจริงๆ คนก็ยังกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาและการประหยัดน้ำมันอยู่ดี เรื่องของการบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่คนไทยกลัวที่สุด ก็ต้องให้ความรู้เพื่อให้เห็นภาพว่า รถคนนี้ใช้มา 10 ปีแล้ว ค่าบำรุงรักษาปีละเท่านี้เอง ไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งตรงนี้คนไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน เพราะหลายคนพอนึกถึงรถไฮบริดคือมีเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ซ่อมยาก ขณะเดียวกันเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ตกลงว่ามันช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้แค่ไหน ครึ่งหนึ่งหรือยังไง ภาพนี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกมาให้ชัด และเราอาจจะต้องพูดในอีกหลายมิติว่าเรื่องก๊าซไอเสียที่ปล่อย อย่างดีเซลก็ประหยัดเท่าๆ กัน แต่ไอเสียที่ปล่อยออกมาก็มากกว่า อีกอย่างที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นไปอีกคือเรื่องของจิตสาธารณะก็ได้ ถ้าช่วยกันเน้นย้ำว่าสิ่งแวดล้อมและอากาศเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ร่วมกัน คนก็จะรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องปล่อยไอเสียให้น้อยลง ในแง่การตลาด มีวิธีไหนที่ทำให้คนเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกได้เร็วที่สุดไหม รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ประหยัดน้ำมันก็จะคล้ายๆ กัน คนต้องเห็นคนอื่นใช้สักพักก่อน แต่รถอาจจะยากนิดหนึ่งเพราะมันแพง ต้องไปดูว่าถ้าอยากจะพูดกับลูกค้า เขาจะสนใจอะไร อย่างเด็กรุ่นใหม่ก็สนใจเรื่องเทคโนโลยีและรักษ์โลกมาเป็นหลัก แต่อย่างคนรุ่นเก่าจะคิดว่าประหยัดเงินได้กี่บาท ซึ่งถ้าเกิดดูเป็นเงินอย่างเดียวก็ไม่คุ้ม ต้องดูว่ามีประโยชน์อื่นๆ อีกมั้ยที่จะดึงดูดให้คนยุคเก่าหันมาสนใจได้ เคยได้ทดลองใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกบ้างไหม จริงๆ ได้ใช้ตั้งแต่โตโยต้า พรีอุส เจนแรก ตอนนั้นก็ตื่นเต้นดีเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จนคนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร เป็นประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพราะว่ามันเงียบและประหยัดมาก ชอบที่สุดคือเงียบ คือเป็นคนที่ชอบคิดอะไรในรถเยอะ บางทีก็ไม่ได้ฟังเพลง แต่ผมคิดว่าที่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือเรื่องของความเชื่อของเราที่อยากจะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกนิดหนึ่ง ผมคิดว่าของทุกอย่างที่เราใช้รวมถึงรถยนต์ มันสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อ ซึ่งการใช้ของแบบนี้มันบอกอะไรกับสังคมได้ จึงทำให้อยากจะซื้อของกับแบรนด์ที่มีความเชื่อเหมือนกับเรา ไดเรกชั่นของบริษัทคืออะไร และทิศทางของสินค้ามันสอดคล้องกับตัวแบรนด์รึเปล่า มองว่าอนาคตของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ในระยะสั้นคิดว่าคนที่เป็นผู้เล่นสำคัญที่สุดคือภาครัฐ ถ้าภาครัฐสนับสนุนมาแน่นอน ซึ่งโครงสร้างภาษีทำให้ราคารถค่อนข้างแพง แต่เมื่อใดที่ภาครัฐเข้ามามันจะเปลี่ยนแปลงราคาโครงสร้างรถยนต์ได้อย่างมากเลย แต่ว่าระยะยาวต้องมาจากตัวผู้ใช้ที่เริ่มตระหนักว่า เราต้องดูแลโลกมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่จะมีความเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อ เพราะฉะนั้นของพวกนี้ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง “ผมมีความเชื่อว่าทุกคนมีส่วนในการรับผิดชอบและส่งต่อโลกนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะในยุคที่ ผ่านมา เราใช้ทรัพยากรโลกไปเยอะมาก ตอนนี้เรามีหน้าที่คือช่วยลดความรุนแรงของเรื่องนี้ให้มากที่สุด นั่นคือการช่วยเหลือกัน” ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้รถยนต์พลังงานทางเลือกยังเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับบางคนในประเทศไทย แต่ก็มีคนไม่น้อยที่กล้าที่จะหันมาเปลี่ยนตัวเองจากความคิดเก่า ๆ กล้าลองใช้ รถยนต์ HYBRID มากขึ้น ทั้งๆ ที่รถยนต์ไฮบริด ไม่เพียงแค่ช่วยรักษ์โลกเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานและยังปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย ข้อที่สำคัญที่สุดคือ หากคุณได้ลองใช้รถยนต์ไฮบริดคุณจะต้องภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาโลกใบนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก https://thematter.co/sponsor/hybrid-vehicle/52352
  25. หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า รถยนต์ HYBRID มีราคาที่สูงแถมยังค่าบำรุงรักษาแพงอีกด้วย ทำให้รถ hybrid นั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในประเทศของเรา แต่วันนี้เราจะขอแนะนำเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกให้ท่านได้ทราบ เผื่อจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์ได้ง่ายขึ้นค่ะ หลายคนอาจมีความรู้สึกว่ารถยนต์ HYBRID แพงกว่ารถยนต์เบนซิน ทั้งราคารถยนต์ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาขายต่อแต่อยากอัพเดทให้ฟังว่าปัจจุบันรถยนต์ HYBRID ไม่แพงอย่างที่คิดแล้วนะ เพราะจากการสนับสนุนของรัฐบาล และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้รถ HYBRID รุ่นใหม่ๆ มีราคารถยนต์, ค่าบำรุงรักษา และราคาขายต่อ แทบไม่ต่างจากเครื่องเบนซินเลย แต่ประหยัดน้ำมันกว่ากันเยอะเลยนะ พี่เม่าจะพาไปเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ เป็นยังไงบ้างคะกับข้อมูลที่เรานำมาเสนอ รถยนต์ HYBRID เนี่ย คุ้มค่าพอที่จะเสียเงินเพื่อให้ได้มาครอบครองใช่ไหมล่ะคะ นอกจากจะคุ้มแล้วเนี่ยเรายังได้ช่วยกันรักษาดูแลโลกใบนี้ของเราอีกด้วย หากท่านต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ http://www.maoinvestor.com/2018/04/hybrid.html
×
×
  • สร้างใหม่...